โลกเปลี่ยน ไทยต้องปรับ ทางเลือกใหม่ของการเมืองไทย ก้าวข้ามความขัดแย้ง สานพลังประชาราษฎร์ ร่วมสร้างชาติให้ยั่งยืน

ป้ายกำกับ: ข่าวกิจกรรม ส.ส. และสมาชิกพรรค

”สส.นเรศ“ขอ จ.เชียงใหม่หามติร่วมตัดสินเส้นทางชนบทที่4053 อยู่ในความรับผิดชอบของใคร จะได้แก้ไขปัญหาให้ ปชช.ชี้ เป็นอันตรายต่อการสัญจรมาก

,

”สส.นเรศ“ขอ จ.เชียงใหม่หามติร่วมตัดสินเส้นทางชนบทที่4053 อยู่ในความรับผิดชอบของใคร จะได้แก้ไขปัญหาให้ ปชช.ชี้ เป็นอันตรายต่อการสัญจรมาก

นายนเรศ ธำรงศ์ทิพยคุณ สส.เขต 9 จังหวัดเชียงใหม่ พรรคพลังประชารัฐ(พปชร.)กล่าวหารือในที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรว่า ตนได้รับเรื่องร้องเรียนจากนายกฯบริหารส่วนตำบลแม่วินและผู้ใหญ่บ้านบ้านม่อนยะ ถึงถนนเส้นทางชนบทที่4053 เส้นทางระหว่างบ้านม่อนยะ ตำบลแม่วิน อำเภอแม่วาง จนไปถึง บ้านห้วยน้ำจางหมู่6 ตำบลบ่อแก้ว อำเภอสะเมือง กม.ที่ 9.7 ซึ่งทางอบต.ได้ทำหนังสือแจ้งว่า ถนนได้มีความเสียหาย แต่ทางหลวงชนบทได้บอกว่า ได้ถ่ายโอนถนนไปแล้ว

นายนเรศ กล่าวต่อว่า ต่อมาท้องถิ่นก็ได้ติดต่อไปยัง อบจ.แต่ถนนเส้นดังกล่าวก็ไม่ได้อยู่ในความรับผิดชอบของ อบจ.อีก ตนขอให้จังหวัดเชียงใหม่ได้เป็นเจ้าภาพบูรณาการหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง หามติร่วมกันว่า ถนนเส้นนี้อยู่ในความรับผิดชอบของใคร เพื่อจะได้เข้าไปแก้ไขปัญหาให้แก่พี่น้องประชาชนต่อไป เพราะสถาพถนนขณะนี้เป็นอันตรายต่อการสัญจรมาก

“ผมยังได้รับการร้องเรียนจากนายกเทศมนตรี เทศบาลตำบลแม่วาง และนายกองค์การบริหารส่วนตำบล บ้านกาด กรณีทางหลวงหมายเลข 1013 ช่ว บ้านกลาง ถึงแม่วิ นกม.ที่ 1-8 ในช่วงหน้าฝน หรือในช่วงฝนตกหนักน้ำ เกิดน้ำนองท่วมถนน พื้นผิวถนนเป็นจำนวนมาก ทำให้พี่น้องซึ่งอยู่สองข้างทางถนนเส้นนี้ ได้รับความเดือดร้อน เนื่องจากไม่มีทางระบายน้ำ ไม่มีช่องทางที่น้ำจะระบายออกได้ ประกอบกับเป็นอันตรายต่อพี่น้องประชาชนที่สัญจรไปมา จึงขอให้กรมทางหลวงช่วยดำเนินการแก้ไขปัญหา เพื่อความปลอดภัยของประชาชนด้วย“นายนเรศ กล่าว

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 14 ธันวาคม 2566

“สส. ภาคภูมิ”ขอ “กรมปศุสัตว์”เร่งหาทางออกนำเข้าโคกระบือข้ามแดน เชื่อ ถึงจะสั่งปิดแต่ก็มีการลักลอบ นำเข้า พร้อมวอน รบ.อย่าปล่อยให้นำเข้าพืชทดแทนมากเกิน ทำราคาข้าวโพดตกต่ำ

,

“สส. ภาคภูมิ”ขอ “กรมปศุสัตว์”เร่งหาทางออกนำเข้าโคกระบือข้ามแดน เชื่อ ถึงจะสั่งปิดแต่ก็มีการลักลอบ นำเข้า พร้อมวอน รบ.อย่าปล่อยให้นำเข้าพืชทดแทนมากเกิน ทำราคาข้าวโพดตกต่ำ

นายภาคภูมิ บูลย์ประมุข ส.ส. จังหวัดตาก เขต 3 พรรคพลังประชารัฐ(พปชร.)กล่าวหารือในที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร ถึงปัญหาการนำเข้าโคกระบือข้ามแดน โดยล่าสุดกรมปศุสัตว์ได้ลงนามขยายเวลาห้ามนำเข้าครั้งที่ 4 เข้าเดือนที่ 10 แล้ว ทำให้ไม่สามารถนำเข้าโคกระบือได้ ชาวบ้านได้รับความเดือดร้อนเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะผู้ประกอบการที่เกี่ยวข้อง และเกษตรกร ทำให้วิถีชีวิตเปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก ซึ่งที่ผ่านมามีการพูดคุยเจรจาของทุกฝ่าย และ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ท่านก็ได้กำชับให้หาทางออกโดยเร่งด่วน

“ล่าสุดทางผู้ประกอบการได้ปิดถนนเส้นทางตาก แม่สอด แต่ก็มีการเจรจา โดยผู้ว่าฯการจังหวัดตาก ผู้ชุมนุมจึงได้ยุติการชุมนุมเป็นการชั่วคราว จึงอยากให้กรมปศุสัตว์เร่งรัดเรื่องนี้โดยเร็ว เพราะว่าถ้า กรมปศุสัตว์ ปิดการนำเข้า ก็มีการลักลอบนำเข้าเรื่อยๆ”นายภาคภูมิ กล่าว

นายภาคภูมิ กล่าวต่อถึงราคาข้าวโพดตกต่ำว่า
สาเหตุหลักก็คือ ทางรัฐได้ปล่อยให้มีการนำเข้าพืชทดแทน เช่น ข้าวบาร์เลย์ ข้าวสาลี มากเกินไป จึงทำให้ ทางไซโล และโรงงานอาหารสัตว์ไม่อยากจะรับซื้อข้าวโพดของไทย ซึ่งมันมีราคาแพงกว่า พืชทดแทน จึงขอให้รัฐบาลเร่งแก้ไขเรื่องนี้ด้วย

นอกจากนี้ยังมีเรื่องการขออนุญาตใช้พื้นที่ โดยเฉพาะพื้นที่ของ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น การใช้พื้นที่ป่าไม้ในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ตอนนี้ตนทราบว่า นายก อปท. ทั่วประเทศ รวมตัวกัน เพื่อขอให้เป็นวาระพิเศษ ในการขออนุญาตใช้พื้นที่ ตนอยากให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติฯและกระทรวงมหาดไทย พูดคุยเจรจากัน สิ่งไหนยกเว้นได้ก็ยกเว้น สิ่งไหนที่เป็นประโยชน์ของประชาชน ขอให้เร่งแก้ไข และนำเข้าที่ประชุม ครม.โดยเร่งด่วน

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 13 ธันวาคม 2566

“พัชรวาท” มอบของขวัญปีใหม่ให้ประชาชน แจกไม้มงคล 19 ชนิด 101,010 กล้า ผ่านพิธีพุทธาภิเษก จาก “สมเด็จธงชัย” ได้สิริมงคล – เพิ่มพื้นที่สีเขียว นำบัตรประชาชนมารับได้ตั้งแต่ 13-28 ธ.ค. พร้อมกันทั่วประเทศ

,

“พัชรวาท” มอบของขวัญปีใหม่ให้ประชาชน แจกไม้มงคล 19 ชนิด 101,010 กล้า ผ่านพิธีพุทธาภิเษก จาก “สมเด็จธงชัย” ได้สิริมงคล – เพิ่มพื้นที่สีเขียว นำบัตรประชาชนมารับได้ตั้งแต่ 13-28 ธ.ค. พร้อมกันทั่วประเทศ

พล.ต.อ. พัชรวาท วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ
และสิ่งแวดล้อม เป็นประธานในพิธีเจริญพระพุทธมนต์ “พฤกษามหามงคล” โดยมี เจ้าประคุณสมเด็จพระมหารัชมงคลมุนี (ท่านเจ้าประคุณธงชัย) กรรมการมหาเถรสมาคม เจ้าคณะใหญ่
หนกลาง วัดไตรมิตรวิทยารามวรวิหาร เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ พร้อมด้วยพระสงฆ์รวม 10 รูป
ร่วมเจริญพระพุทธมนต์พุทธาภิเษกกล้าไม้มงคลกว่า 19 ชนิด จำนวน 101,010 กล้า พร้อมทั้งแจกจ่ายให้กับประชาชนเพื่อสิริมงคลและเป็นของขวัญเนื่องในโอกาสวันขึ้นปีใหม่ พ.ศ. 2567
ที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมตั้งใจมอบให้ประชาชน

พล.ต.อ. พัชรวาท กล่าวว่า กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้ผลักดันและส่งเสริม
ให้ประชาชนได้มีส่วนร่วมในการเพิ่มพื้นที่สีเขียวของประเทศ ด้วยวิธีสนับสนุนการปลูกและฟื้นฟูป่าไม้ตามแนวพระราชดำริ “ปลูกป่า ปลูกคน” สร้างเครือข่ายการมีส่วนร่วม ประกอบกับช่วงโอกาสพิเศษ
ในวันขึ้นปีใหม่ พ.ศ. 2567 ที่กำลังจะมาถึง กระทรวงทรัพย์ฯ โดยกรมป่าไม้จัดพิธีเจริญพระพุทธมนต์ “พฤกษามหามงคล” ซึ่งนำกล้าไม้มงคลกว่า 19 ชนิด อาทิ สักทอง พะยูง ไผ่สีสุก ล่ำซำ (สั่งทำ)
หอมหมื่นลี้ จิกเศรษฐี หัวใจเศรษฐี แผ่บารมี (หูกระจง) มั่งมี (เฉียงพร้านางแอ) ชะแมบทอง จำปี ขนุน พิกุล ทองหลาง ทรงบาดาล ชัยพฤกษ์ บุนนาค มะขาม และกันเกรา จำนวน 101,010 กล้า ภายหลังเสร็จสิ้นพิธี จะได้นำกล้าไม้มงคลดังกล่าวแจกจ่ายให้กับพี่น้องประชาชนเพื่อเป็นของขวัญปีใหม่
ให้นำกลับไปปลูกเป็นสิริมงคลกับครอบครัวและที่อยู่อาศัย หรือนำไปปลูกตามสถานที่หน่วยงาน
ซึ่งเป็นการส่งเสริมการมีส่วนร่วมระหว่างภาครัฐและภาคประชาชน ในการเพิ่มพื้นที่สีเขียวด้วยการปลูกต้นไม้

ทั้งนี้ประชาชนสามารถเดินทางมาขอรับกล้าไม้มงคลได้ระหว่างวันที่ 13-28 ธันวาคม 2566 ณ กรมป่าไม้ บางเขน กรุงเทพมหานคร โดยแบ่งเป็น 4 รอบ รอบละ 50 ท่าน ช่วงเช้ารอบแรกเวลา 9.00 น.
และรอบสองเวลา 10.30 น. สำหรับช่วงบ่ายเริ่มเวลา 13.00 น. และรอบสุดท้ายเวลา 15.00 น. สามารถขอรับกล้าไม้ได้ท่านละ 50 ต้น โดยนำบัตรประชาชนมาลงทะเบียนรับกล้าไม้ พร้อมนำถุงผ้าหรือภาชนะมาใส่กล้าไม้ และขอความร่วมมือประชาชนในการงดใช้ถุงพลาสติกเพื่อช่วยลดโลกร้อน

ด้านนายจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กล่าวว่า นอกจากการจัดพิธี
ในส่วนกลางแล้ว ประชาชนในส่วนภูมิภาคก็สามารถขอรับกล้าไม้มงคลได้เช่นกัน โดยสำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้
ทั่วประเทศจะจัดพิธีเจริญพระพุทธมนต์ “พฤกษามหามงคล” พร้อมกับส่วนกลาง และประชาชนในพื้นที่
สามารถโทรสอบถามและขอรับกล้าไม้มงคลได้ที่สถานีเพาะชำกล้าไม้ทั่วประเทศ หรือติดต่อขอรับกล้าไม้ได้ที่เว็บไซต์กรมป่าไม้ www.forest.go.th/nursery/requestseedling/seedlingnurserylocation

นายจตุพร กล่าวอีกว่า สำหรับเทศกาลวันขึ้นปีใหม่ คาดว่าจะมีประชาชนต้องเดินทางกลับภูมิลำเนา
เพื่อกลับไปเยี่ยมครอบครัวจำนวนมาก กระทรวงทรัพย์ฯ โดยกรมป่าไม้ ได้จัดเตรียมของขวัญให้กับประชาชนในช่วงระหว่างวันที่ 29 ธ.ค. 66 – 1 ม.ค. 67 โดยจะยกเว้นค่าบริการท่องเที่ยวในป่านันทนาการ
3 แห่ง ได้แก่ ป่านันทนาการทะเลหมอกอัยเยอร์เวง จ.ยะลา ป่านันทนาการหินสามวาฬ จ.บึงกาฬ
และป่านันทนาการน้ำตกเขาอีโต้ จ.ปราจีนบุรี เพื่อให้ประชาชนได้ใช้ช่วงเวลาแห่งความสุขนี้ได้เข้าไปท่องเที่ยวธรรมชาติกับครอบครัว นอกจากนี้ กรมป่าไม้ได้จัดจุดให้บริการประชาชน นักท่องเที่ยว
เป็นจุดพักรถ จำนวน 297 จุด และให้บริการช่วยเหลืออำนวยความสะดวก บริการเครื่องดื่ม ผ้าเย็น
ยาสามัญเบื้องต้น ให้ข้อมูลการเดินทาง และห้องสุขา ในช่วงเวลาดังกล่าว

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 13 ธันวาคม 2566

“พล.ต.อ.พัชรวาท” ดึงหน่วยงานแหล่งกำเนิดฝุ่น ร่วมวิเคราะห์แนวทางแก้ปัญหา – ออกมาตรฐานรับมือฤดูฝุ่นจิ๋ว สื่อสารให้ประชาชนรับทราบข้อมูลให้ทันท่วงที ด้าน อธิบดี คพ. แนะเช็ก 2 แอปฯ Air4Thai – AIRBKK เป็นหลัก ป้องกันการสับสน

,

“พล.ต.อ.พัชรวาท” ดึงหน่วยงานแหล่งกำเนิดฝุ่น ร่วมวิเคราะห์แนวทางแก้ปัญหา – ออกมาตรฐานรับมือฤดูฝุ่นจิ๋ว สื่อสารให้ประชาชนรับทราบข้อมูลให้ทันท่วงที ด้าน อธิบดี คพ. แนะเช็ก 2 แอปฯ Air4Thai – AIRBKK เป็นหลัก ป้องกันการสับสน

พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้มีความห่วงใยเกี่ยวกับสถานการณ์ฝุ่นละออง PM 2.5 ในหลายพื้นที่และเริ่มส่งผลกระทบต่อสุขภาพประชาชน โดยได้สั่งการไปยัง นายปิ่นสักก์ สุรัสวดี อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ (คพ.) ให้เร่งรัดประสานหน่วยงานต่างๆ ที่เป็นสาเหตุทำให้เกิดฝุ่น PM 2.5

นายปิ่นสักก์ กล่าวว่า เนื่องจากช่วงนี้เข้าสู่ฤดูหนาว การถ่ายเทอากาศไม่ดี ทำให้ฝุ่นระบายออกยาก จึงทำให้ค่าฝุ่นเพิ่มขึ้นในพื้นที่ กทม.และปริมณฑล แหล่งกำเนิดฝุ่นที่สำคัญคือภาคจราจรและขนส่ง ทำให้ค่าฝุ่นแตะเกินค่ามาตรฐานสีส้ม ในอนาคตจะเริ่มมีการเผาในพื้นที่โล่ง โดยเฉพาะภาคการเกษตร ยิ่งทำให้ค่าฝุ่นในอีก 1-2 เดือนข้างหน้า จะเพิ่มขึ้นอีก หากควบคุมไม่ได้ในปัจจุบัน สำหรับพื้นที่ กทม.ที่เกิดฝุ่นพิษจากจราจรและการขนส่งนั้น หน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องรณรงค์ให้เข้มข้น เรื่องการหันมาใช้น้ำมันยูโร 5 โดยที่ไทยเริ่มปรับมาใช้แล้วตั้งแต่วันที่ 1 ธ.ค.ผ่านมา ช่วยค่าฝุ่นในกทม.ลงได้ถึงร้อยละ 10 ควบคู่กับบำรุงรักษาเครื่องยนต์และตรวจเช็คสภาพรถยนต์ให้ดี จะช่วยลดการเกิดฝุ่นลงได้มากถึงร้อยละ 50 ของรถคันดังกล่าว และได้รับการประสานข้อมูลจากจิสด้า เพื่อแยกแยะจุดความร้อนที่เกิดขึ้นในแต่ละวัน ว่าเกิดจากการเผาป่าหรือภาคเกษตร เผานาข้าว ไร่อ้อย ไร่ข้าวโพด ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะถูกส่งมายังกระทรวงฯ จากนั้นจะส่งไปยังจังหวัด เป็นซิงเกิ้ลคอมมานด์ ที่มีผู้ว่าราชการเป็นผู้สั่งการแก้ไขปัญหาในพื้นที่ จะทำให้สามารถแก้ปัญหาได้ตรงจุดมากขึ้น เช่น มีข้อมูลจากจิสด้าระบุว่ามีการเผาไหม้นาข้าวในเขตจังหวัดภาคกลาง ทำให้ชี้เป้าจุดเกิดเหตุได้ และสั่งการแก้ไขในทันที

นายปิ่นสักก์ กล่าวว่า เราได้มีการตั้งศูนย์สื่อสาร ภายใต้คณะกรรมการสื่อสาร ที่มีอธิบดีกรมประชาสัมพันธ์เป็นประธาน เพื่อให้สื่อสารว่าควรแก้ไขอย่างไร พื้นที่ไหน เวลาใด ขณะนี้ พล.ต.อ.พัชรวาท ในฐานะประธานการประชุมคณะกรรมการจัดการปัญหามลพิษทางอากาศเพื่อความยั่งยืน กำลังทำเรื่อง เพื่อขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งเป็นแหล่งกำเนิดฝุ่น มาช่วยวิเคราะห์ข้อมูลและการสื่อสารรวดเร็ว และมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น

“พล.ต.อ.พัชรวาท ได้วางระบบแนวทางแก้ปัญหาไว้ โดยมีอนุกรรมการและคณะทำงานวิชาการส่วนกลาง เพื่อวิเคราะห์ว่าปัญหาเกิดจากอะไร รวบรวมข้อมูลให้ถูกต้อง เพื่อให้มีมาตรการที่เหมาะสม และส่งข้อมูลให้ศูนย์ซิงเกิ้ลคอมมานด์ในระดับจังหวัด และระดับภาคที่มีแม่ทัพภาคเข้ามาช่วยแก้ปัญหา” นายปิ่นสักก์ กล่าว

อธิบดี คพ. กล่าวด้วยว่า นอกจากแอปพลิชันที่ใช้ในการสื่อสารอย่าง Air4Thai กรุงเทพฯ แล้ว จะมี AirBKK ที่ใช้มาตรฐานเดียวกัน จึงอยากให้ใช้ 2 แอพนี้เป็นหลัก เพราะจะมีการเตือนที่ถูกต้อง ซึ่งหากใช้แอปฯ อื่น อิงมาตรฐานประเทศอื่น ค่าสีจะไม่เท่ากัน อาจจะทำให้เกิดความสับสนได้ และจากความตระหนักอาจกลายเป็นความตระหนก เช่น มีการถามว่า กทม.สีแดงแล้วทำไมไม่เวิร์คฟอร์มโฮม ทั้งที่จริงๆ แล้ว ผู้ว่าฯ กทม.เตรียมความพร้อมแล้วว่าจะต้องสีแดงต่อเนื่อง 3 วัน แต่ค่ามาตรฐานของไทยยังไม่สีแดง แต่พอเราไปใช้มาตรฐานประเทศอื่น ที่มีการแบ่งสี 6 ช่วง 6 เฉด ทำให้เกิดการตระหนกเกิดขึ้น เป็นต้น

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 13 ธันวาคม 2566

“พัชรวาท” กล่าวถ้อยแถลงร่วมกับผู้นำนานาชาติ ในเวที COP 28 ประกาศหมุดหมายลดก๊าซเรือนกระจก ในปี 2030 พร้อมแสดงความจริงใจแก้ปัญหาเร่งผลักดัน พ.ร.บ.เปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เรียกร้องทุกฝ่ายร่วมมือเพื่อโลกให้ลูกหลานอยู่อาศัย

,

“พัชรวาท” กล่าวถ้อยแถลงร่วมกับผู้นำนานาชาติ ในเวที COP 28 ประกาศหมุดหมายลดก๊าซเรือนกระจก ในปี 2030 พร้อมแสดงความจริงใจแก้ปัญหาเร่งผลักดัน พ.ร.บ.เปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เรียกร้องทุกฝ่ายร่วมมือเพื่อโลกให้ลูกหลานอยู่อาศัย

พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้กล่าวถ้อยแถลงในการประชุมระดับสูงของการประชุมรัฐภาคีกรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ครั้งที่ 28 (COP 28) ณ เมืองดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ร่วมกับผู้นำจากนานาประเทศ โดยกล่าวว่า ไทยมีความมุ่งมั่นในการดำเนินการตามเป้าหมาย โดยจะมีแผนการปฏิบัติที่ชัดเจนและเป็นรูปธรรมให้เป็นไปตามเป้าหมายตามแผนการลดก๊าซเรือนกระจกในปี ค.ศ. 2030

นอกจากนั้น ประเทศไทยในการแสดงความจริงใจในการแก้ปัญหาจะได้เร่งผลักดันพระราชบัญญัติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และการจัดทำแผนการปรับตัวต่อการเปลี่ยนสภาพภูมิอากาศแห่งชาติ ให้ออกมาเป็นหลักในการทำงานของประเทศโดยเร็วที่สุด

พล.ต.อ.พัชรวาท ยังกล่าวสนับสนุนการระดมเงินแสนล้านเหรียญสหรัฐฯ ต่อปี ภายในปี ค.ศ. 2025 ที่จะดำเนินการโดยประเทศพัฒนาแล้ว เพื่อนำมาเป็นแรงผลักดันการเปลี่ยนแปลง และรองรับผลกระทบในประเทศกำลังพัฒนา ที่จะเกิดขึ้นจากเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ดังนั้นประเทศไทยในฐานะรัฐภาคีจึงคาดหวังที่จะได้เห็นความชัดเจนของกองทุนสำหรับการสูญเสียและความเสียหายนี้ในการประชุม COP28 และหวังเป็นอย่างยิ่งว่า การร่วมมือกันในระดับโลกจะนำไปสู่เส้นทาง 1.5 องศา เซลเซียส ตามเป้าหมายของความตกลงปารีส ให้สำเร็จ

“ขอย้ำเตือนว่าทุกประเทศว่าต้องร่วมมือกันให้เต็มที่เพราะโลกกำลังส่งสัญญาณแล้วว่าอุณหภูมิโลกสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ถึงเวลาแล้วที่จะต้องลงมือทำ เพื่อลูกหลานมีโลกอาศัยอยู่ต่อไป“

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 10 ธันวาคม 2566

“รมว.ธรรมนัส” ร่วมนายกฯลงพื้นที่ กาญจนบุรี แก้ปัญหาที่ดินทับซ้อนสร้างความมั่นคงในชีวิตปชช.

,

“รมว.ธรรมนัส” ร่วมนายกฯลงพื้นที่ กาญจนบุรี แก้ปัญหาที่ดินทับซ้อนสร้างความมั่นคงในชีวิตปชช.

นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี พร้อมด้วย ร้อยเอก ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และผู้บริหารและเจ้าหน้าที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ลงพื้นที่พบปะพี่น้องประชาชน ณ จุดรวมพลอำเภอท่ามะกา จังหวัดกาญจนบุรี เพื่อรับฟังปัญหาและข้อเสนอแนะของพี่น้องประชาชนในการแก้ไขปัญหาหนี้สิน ยาเสพติด จัดสรรพื้นที่ทำกิน ค่าแรงขั้นต่ำ รวมถึงราคาสินค้าเกษตร ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีได้ให้ความมั่นใจกับประชาชนว่ารัฐบาลจะทำงานแก้ไขปัญหาอย่างเต็มที่
จากนั้น นายกรัฐมนตรีและคณะ ได้เดินชมนิทรรศการสินค้า OTOP สินค้าวิสาหกิจชุมชน อาทิ น้ำอินทผลัมบาฮีผลสด เต่งเชียงปลายี่สก น้ำแกงส้มปรุงสำเร็จ ขนมกล้วยน้ำว้าแปรรูปบานาน่า ขนมทองโย๊ะหรือหมี่สิ รวมถึงคูหาจัดแสดงอัญมณีของจังหวัด (พลอย และนิล) ณ องค์การบริหารส่วนจังหวัดกาญจนบุรี พร้อมทั้งรับฟังการนำเสนอแนวทางแก้ไขสำหรับการพัฒนาจังหวัด อาทิ แก้ปัญหาที่ดินทับซ้อนโดยบูรณาการจากทุกภาคส่วนเพื่อจัดทำ One Map การเร่งรัดพิจารณาการจัดสรรที่ดินที่ไม่ได้ใช้งานให้เกษตรกร เร่งช่วยเหลือราษฎรที่ได้รับผลกระทบจากการสร้างเขื่อนศรีนครินทร์ เมื่อปี 2547 และขอผันน้ำจากเขื่อนศรีนครินทร์เพื่อบรรเทาปัญหาภัยแล้งซ้ำซาก เป็นต้น ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีเห็นด้วยกับข้อเสนอของทางจังหวัด และมอบหมายให้ ร้อยเอก ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เจรจาความร่วมมือกับผู้บัญชาการทหารสูงสุด เพื่อแก้ไขปัญหาที่ดินทับซ้อนและดำเนินการจัดทำ One Map ร่วมกับกรมแผนที่ทหาร
ในโอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีและคณะได้เยี่ยมชมสะพานข้ามแม่น้ำแคว และได้ขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการขับเคลื่อนให้นักท่องเที่ยวสนใจเที่ยวเมืองรอง เนื่องจากกาญจนบุรีเป็นจังหวัดที่มีจำนวนนักท่องเที่ยวมากที่สุดเป็นอันดับที่ 3 และมีศักยภาพหลายด้าน สามารถยกระดับเป็นเมืองถ่ายทำภาพยนตร์ระดับโลกได้อีกด้วย

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 10 ธันวาคม 2566

“พล.ต.อ.พัชรวาท” นำทีมประชุม COP 28 ขับเคลื่อนลดก๊าซเรือนกระจกสู่เป้าหมายฟื้นฟูภูมิอากาศ ร่วมรักษ์โลก รักษ์ประเทศไทย

,

“พล.ต.อ.พัชรวาท” นำทีมประชุม COP 28ขับเคลื่อนลดก๊าซเรือนกระจกสู่เป้าหมายฟื้นฟูภูมิอากาศ ร่วมรักษ์โลก รักษ์ประเทศไทย

เมื่อวันที่ 7 ธ.ค. 2566 พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณรอง นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม พร้อมคณะ เดินทางไปยังเมืองดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เพื่อร่วมประชุมรัฐภาคีกรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ สมัยที่ 28 (COP 28) ที่จัดขึ้นระหว่างวันที่ 30 พ.ย.- 12 ธ.ค. 2566

โดย พล.ต.อ. พัชรวาท กล่าวก่อนการร่วมประชุมว่า ประเทศไทยได้เข้าร่วมการประชุมในฐานะรัฐภาคีมาตลอดทุกปี นอกจากในฐานะประชาคมโลกแล้ว ยังเป็นการทำเพื่อสร้างประเทศไทยในการเปลี่ยนแปลงรับสภาพภูมิอากาศ ในการประชุมครั้งนี้ จะเป็นการให้ความรู้ในเชิงบวกถึงการทำงานของประเทศไทยในการร่วมมือกับประชาคมโลกเพื่อจัดการกับปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และขยายโอกาสการได้รับความช่วยเหลือทางการเงิน เทคโนโลยีและวิชาการ

ประเด็นสำคัญของการประชุมในปีนี้ ประกอบด้วย การประเมินสถานการณ์ดำเนินงานระดับโลก เพื่อให้ทราบว่าการดำเนินงานที่ผ่านมาว่าสามารถบรรลุเป้าหมายตามความตกลงปารีสมากน้อยเพียงใด รวมถึงการวิเคราะห์ช่องว่าง ที่ต้องการให้ภาคีจะต้องผลักดันอย่างเร่งด่วน ทั้งนี้การจัดทำเป้าหมายระดับโลกด้านการปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เป้าหมายด้านการเงินเพื่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ซึ่งภาคีประเทศกำลังพัฒนาขอให้เร่งระดมเงินให้ได้ 1 แสนล้านเหรียญสหรัฐฯ ต่อปีภายในปี ค.ศ. 2025 เพื่อสนับสนุนการขับเคลื่อนการดำเนินงานตามการมีส่วนร่วมที่ประเทศกำหนด ให้บรรลุเป้าหมายตามที่แต่ละภาคีได้ให้คำมั่นไว้ รวมถึงการตั้งกองทุนสำหรับการสูญเสียและความเสียหายจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เพื่อช่วยประเทศที่ได้รับผลกระทบ โดยเฉพาะประเทศที่มีความเปราะบางต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ซึ่งคาดหวังที่จะให้ได้ข้อสรุปร่วมกันในการประชุมครั้งนี้

“ผมเชื่อว่า การประชุม COP28 จะมีความก้าวหน้าและประสบความสำเร็จตามที่ประชาคมโลกคาดหวัง โดยเราจะสนับสนุนเต็มที่ในฐานะประชาคมโลก และ เร่งดำเนินการปรับตัวภายในประเทศให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงของภูมิอากาศโลก”

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 7 ธันวาคม 2566

รมว.ธรรมนัส พร้อมยกระดับ “ไหมไทย” เพิ่มมูลค่า สู่ Soft Power ร่วมงาน กรมหม่อนไหม ครบรอบ 14 ปี สืบสานภูมิปัญญสู่ความยั่งยืน

,

รมว.ธรรมนัส พร้อมยกระดับ “ไหมไทย” เพิ่มมูลค่า สู่ Soft Power ร่วมงาน กรมหม่อนไหม ครบรอบ 14 ปี สืบสานภูมิปัญญสู่ความยั่งยืน

ร้อยเอก ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยภายหลังเป็นประธานเปิดงาน
วันคล้ายวันสถาปนากรมหม่อนไหม เนื่องในโอกาสครบรอบ 14 ปี “14 ปี กรมหม่อนไหม สืบสานภูมิปัญญา พัฒนาสู่ความยั่งยืน” ที่จัดขึ้นระหว่างวันที่ 4 – 6 ธันวาคม 2566 โดยมี นายประยูร อินสกุล ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นายเศรษฐเกียรติ กระจ่างวงษ์ รองปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ผู้บริหารหน่วยงานในสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และเจ้าหน้าที่
ที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วม ณ กรมหม่อนไหม ว่า กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยกรมหม่อนไหม จัดตั้งขึ้นตามพระราชดำริของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ด้วยพระองค์ทรงมีพระราชปณิธานที่จะส่งเสริมอาชีพการปลูกหม่อนเลี้ยงไหม เพื่อสร้างรายได้และยกระดับคุณภาพชีวิตของเกษตรกร อันนำมาสู่การสถาปนา กรมหม่อนไหมขึ้น เพื่อเป็นหน่วยงานหลักที่รับผิดชอบด้านการส่งเสริม วิจัย และพัฒนาหม่อนไหมทั้งระบบ รวมถึงการอนุรักษ์สืบสานศิลปหัตถกรรม
ภูมิปัญญาไหม ให้คงอยู่คู่ประเทศไทย

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับการจัดงานวันคล้ายวันสถาปนากรมหม่อนไหม ครบรอบ 14 ปี ในครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อเผยแพร่และประชาสัมพันธ์ภาพลักษณ์ รวมถึงผลการดำเนินงานที่ผ่านมาและภารกิจสำคัญของกรมหม่อนไหมที่ดำเนินงานต่อไปในอนาคต ซึ่งกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยกรมหม่อนไหมได้ดำเนินงานภายใต้ภารกิจสำคัญเพื่อทำให้เกษตรกรผู้ปลูกหม่อนเลี้ยงไหมมีอาชีพและสามารถสร้างรายได้ที่มั่นคง สามารถพึ่งพาตนเองได้อย่างเข้มแข็งและยั่งยืน เพื่อให้สอดคล้องกับยุทธศาสตร์เกษตรและสหกรณ์ 20 ปี และนโยบายสำคัญของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ที่มุ่งพัฒนาคุณภาพชีวิตของเกษตรกร เสริมสร้างความมั่นคงในอาชีพเกษตรกรรม โดยใช้การตลาดนำการผลิตเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต ยกระดับมาตรฐานสินค้า เพิ่มความสามารถในการแข่งขันด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรม ตลอดจนพัฒนาสินค้าผ้าไหมไทยให้เป็นที่ยอมรับมุ่งสู่ Soft Power ของไทย
ในโอกาสนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้มอบโล่รางวัลและใบประกาศเกียรติคุณแก่นักวิจัยด้านหม่อนไหม พร้อมแสดงความยินดีถึงต้นแบบในการดำเนินการพัฒนางานด้านหม่อนไหม รวมทั้งมีส่วนช่วยเหลืองานด้านหม่อนไหมทั้งในระดับดับจังหวัด ระดับเขต และระดับประเทศ

นอกจากนี้ ภายในงานยังมีการจัดนิทรรศการนำเสนอผลงานของกรมหม่อนไหม แนวทางการยกระดับ “หม่อนไหมพะเยา” สู่ความยั่งยืน การยกระดับผลิตภัณฑ์หม่อนไหมรองรับ BCG Model ผ้าอัตลักษณ์จังหวัดหนองบัวลำภู (ผ้าหมี่สลับขิด) การพัฒนาผ้าไหมยกดอกลำพูน ด้วยภูมิปัญญาโดยใช้เส้นไหมไทย เทคโนโลยีพันธุ์ไหมที่เหมาะสมแก่การผลิตผ้าห่มใยไหม
การผลิตเส้นไหมไทยสาวมือ มกษ.5900-2565 Buriram Model และการพัฒนาประสิทธิภาพการผลิตหม่อนไหมระบบแปลงใหญ่ เป็นต้น รวมถึงภายในงานมีการจัดจำหน่ายผ้าไหม ผลิตภัณฑ์หม่อนไหมจากเกษตรกรผู้ปลูกหม่อนเลี้ยงไหม และผู้ประกอบการ เพื่อเป็นช่องทางการตลาดให้กับเกษตรกรอีกด้วย

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 7 ธันวาคม 2566

“พัชรวาท” เด้งรับทันที ชงครม.สัญจร แก้ปัญหาน้ำให้คนท่าบ่อหนองคาย หลังรับฟังปัญหาความเดือดร้อน ลั่นเป้าหมายสำคัญประชาชน ต้องอยู่ดีกินดี

,

“พัชรวาท” เด้งรับทันที ชงครม.สัญจร แก้ปัญหาน้ำให้คนท่าบ่อหนองคาย หลังรับฟังปัญหาความเดือดร้อน ลั่นเป้าหมายสำคัญประชาชน ต้องอยู่ดีกินดี

ที่หนองคาย พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เดินทางลงพื้นที่ตรวจราชการเทศบาลเมืองท่าบ่อ อำเภอท่าบ่อ จังหวัดหนองคาย ก่อนร่วมการประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่ครั้งแรก ที่จังหวัดหนองบัวลำภู โดยมารับฟังปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน และรับข้อเสนอโครงการจัดหาน้ำบาดาล โดยมีนายชาญชัย คงทัน รองผู้ว่าราชการจังหวัดกล่าวต้อนรับ

จากนั้นนายกิตติศักดิ์ วรรณวิเชษฐ์ นายเทศมนตรีเมืองท่าบ่อ กล่าวรายงานความเดือดร้อนในพื้นที่ว่า เนื่องจากเทศบาเมืองท่าบ่อ เป็นพื้นที่เศรษฐกิจที่มีการขยายตัวอย่างรวดเร็ว ทำให้มีจำนวนประชากร มาใช้บริการในเขตพื้นที่มากกว่า 30,000 คน และระบบประปาใช้งานมาแล้วกว่า 33 ปี มีสภาพชำรุด มีปริมาณความจุ 1,500 ลูกบาศก์เมตร แต่มีจำนวนประชากรที่ต้องการใช้น้ำเพิ่มขึ้นปริมาณ 2,547 ลูกบาศก์เมตรต่อวัน จึงส่งผลให้พื้นที่เทศบาลเมืองท่าบ่อไม่สามารถผลิตน้ำประปาที่มีคุณภาพให้บริการได้อย่างเพียงพอต่อความต้องการของประชาชนได้ ขณะเดียวกันยังมีโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราช และชุมชนโดยรอบ ก็ยังขาดแคลนน้ำประปา จึงอยากขอรับการสนับสนุนจากกระทรวงฯ

นายกุศล โชติรัตน์ รองปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม รักษาราชการแทนอธิบดีกรมทรัพยากรน้ำบาดาล
กล่าวว่า ตามที่นายกเทศมนตรี กล่าวถึงปัญหาทางกรมฯส่งเจ้าหน้าที่มาดูแนวทางการแก้ไขปัญหา ใน 3 แห่ง เพื่อดำเนินโครงการจัดหาแหล่งน้ำบาดาลระยะไกลเพื่อแก้ปัญหาในพื้นที่ขาดแคลนน้ำหรือน้ำเค็ม

จากนั้น พล.ต.อ.พัชรวาท ได้กล่าวทักทายประชาชนว่า หลังจากที่ได้รับฟังปัญหาจากนายกเทศมนตรีเทศบาลเมืองท่าบ่อ ว่าพ่อแม่พี่น้องประชาชนมีความเดือดร้อนเรื่องการขาดแคลนน้ำอุปโภคบริโภค โดยเฉพาะโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราช ซึ่งส่งผลกระทบต่อการให้บริการทางการแพทย์ และจากการที่กรมทรัพยากรน้ำบาดาลได้นำเสนอ ตนจะรีบนำโครงการนี้ให้ที่ประชุม ครม.สัญจร ที่จังหวัดหนองบัวลำภูในวันพรุ่งนี้ (4 ธ.ค.) ได้พิจารณาอนุมัติ เพื่อแก้ไขปัญหาของประชาชนโดยเร่งด่วน รัฐบาลมีนโยบายให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม บรรเทาปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนโดยมีเป้าหมายสำคัญ คือ ให้ประชาชนอยู่ดี กินดี อย่างยั่งยืน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องน้ำกินน้ำใช้ หรือน้ำเพื่อการเกษตร

ภายหลังเสร็จสิ้น พล.ต.อ.พัชรวาท ได้เดินทางพบปะ ทักทายและถ่ายภาพร่วมกับประชาชนที่เดินทางมาต้อนรับอย่างเป็นกันเอง รวมถึงมีชาวบ้านมาผูกผ้าขาวผ้าให้ด้วย

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 3 ธันวาคม 2566

“รมว.ธรรมนัส” ลงพื้นที่บึงกาฬ มอบนโยบายส่งเสริมผลิตพันธุ์ข้าวคุณภาพ มุ่งเพิ่มผลผลิตสร้างราคาต่อไร่เพิ่มรายได้เกษตรยั่งยืน

,

“รมว.ธรรมนัส” ลงพื้นที่บึงกาฬ มอบนโยบายส่งเสริมผลิตพันธุ์ข้าวคุณภาพ มุ่งเพิ่มผลผลิตสร้างราคาต่อไร่เพิ่มรายได้เกษตรยั่งยืน

ร้อยเอก ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ตรวจเยี่ยมการดำเนินการของศูนย์เมล็ดพันธุ์ข้าวบึงกาฬ ณ ต.ดอนหญ้านาง อ.พรเจริญ จ.บึงกาฬ ซึ่งศูนย์ดังกล่าวเป็นศูนย์บริการประชาชนภาคการเกษตร โดยเป็นศูนย์บริการร่วมเพื่ออำนวยความสะดวกแก่ประชาชนและพี่น้องเกษตรกร เพื่อให้สามารถติดต่อสอบถามขอทราบข้อมูลด้านข้าว ดำเนินกิจกรรมในเรื่อง 1) การผลิตและกระจายเมล็ดพันธุ์ข้าวสู่เกษตรกรในพื้นที่ เพื่อเสริมสร้างการผลิตข้าวคุณภาพดี สร้างความเข็มแข็งให้แก่เกษตรกรผู้ปลูกข้าวภายใต้โครงการและกิจกรรมของกรมการข้าว รวมถึงส่งเสริมการใช้เมล็ดพันธุ์คุณภาพดี และควบคุม กำกับการใช้และจำหน่ายเมล็ดพันธุ์ที่ไม่มีคุณภาพและไม่ผ่านการรับรอง โดยผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าว พันธุ์ กข22 พันธุ์ กข6 และพันธุ์ขาวดอกมะลิ105 เป้าหมายการผลิตปี 2566 จำนวน 1,900,000 กิโลกรัม และ 2) เป็นโรงงานปรับปรุงสภาพเมล็ดพันธุ์ข้าว ซึ่งสามารถกระจายเมล็ดพันธุ์ดีให้แก่กษตรกรในจังหวัดบึงกาฬได้ 3,814 ครัวเรือน พื้นที่ประมาณ 39,624 ไร่ จำนวนเมล็ดพันธุ์ 578,000 กิโลกรัม ทั้งนี้ ในอนาคตมีเป้าหมายในการเพิ่มผลผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าว จากเดิม 1,900,000 กิโลกรัม เป็น 2,500,000 กิโลกรัม ภายในปี 2569 เพื่อเพิ่มศักยภาพการผลิตและกระจายเมล็ดพันธุ์ข้าวและส่งเสริมการผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าว พร้อมทั้งการผลิตข้าวคุณภาพดี และการดำเนินงานด้านต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการผลิตข้าวของเกษตรกร

อย่างไรก็ตาม กระทรวงเกษตรฯ โดยกรมการข้าว มีแนวทางในการปรับปรุงพันธุ์ให้ได้คุณภาพ โดยในพื้นที่จังหวัดหนองคายและบึงกาฬ มีศูนย์วิจัยข้าวหนองคาย ได้วิจัยและปรับปรุงพันธุ์จนได้พันธุ์ข้าวคุณภาพดี จำนวนหลายพันธุ์ อาทิ ข่าวเหนียวพันธุ์ กข 22 ผลผลิตเฉลี่ย 684 กิโลกรัมต่อไร่ และข้าวเจ้าคุณภาพพิเศษ พันธุ์ กข83 (มะลิดำหนองคาย 62) ผลผลิตเฉลี่ย 640 กิโลกรัมต่อไร่ เป็นต้น ซึ่งการปรับปรุงเมล็ดข้าวพันธุ์ดี จะทำให้ชาวนามีผลผลิตข้าวต่อไร่เพิ่มขึ้น และจำหน่ายเมล็ดพันธุ์ในราคาที่สูงขึ้นอีกด้วย

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 3 ธันวาคม 2566

“สันติ รมช.สธ.” ตรวจเยี่ยมศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์ที่ 8 อุดรธานี หนุนยกระดับงานวิจัย พัฒนา อสม. ดูแลสุขอนามัยในท้องถิ่น เพิ่มคุณภาพชีวิตให้ประชาชน

,

“สันติ รมช.สธ.” ตรวจเยี่ยมศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์ที่ 8 อุดรธานี หนุนยกระดับงานวิจัย พัฒนา อสม. ดูแลสุขอนามัยในท้องถิ่น เพิ่มคุณภาพชีวิตให้ประชาชน

เมื่อวันที่ 3 ธันวาคม 2566 นายสันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์ที่ 8 อุดรธานี พร้อมเปิดโครงการถ่ายทอดองค์ความรู้วิทยาศาสตร์การแพทย์สู่ชุมชน เพื่อให้ผู้บริหารและนักวิชาการภาครัฐ ภาคเอกชนโดยเฉพาะอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) วิทยาศาสตร์การแพทย์ชุมชน ได้ร่วมแลกเปลี่ยนความรู้ทางวิทยาศาสตร์การแพทย์กับเครือข่ายในพื้นที่
โดยมีนายแพทย์ยงยศ ธรรมวุฒิ รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข รักษาราชการแทนอธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ รองอธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดอุดรธานี และพี่น้องชาว
อสม.จำนวน 800 คน รวมพลังร้องเพลงมาร์ช อสม.ให้การต้อนรับด้วยความอบอุ่น พร้อมเยี่ยมชมบูธจัดแสดงผลงานของกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ และภาคีเครือข่ายในพื้นที่ อาทิ ศักยภาพการตรวจวิเคราะห์ทางห้องปฏิบัติการ การพัฒนาผลิตภัณฑ์ OTOP/SME และการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกโดยห้องปฏิบัติการศูนย์วิทยาศาสตร์
การแพทย์ที่ 8 อุดรธานี

นายสันติ กล่าวว่า กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์เป็นหน่วยงานทางวิชาการ มีภารกิจสำคัญในการศึกษา การวิเคราะห์ วิจัย และพัฒนาองค์ความรู้ด้านวิทยาศาสตร์การแพทย์และสาธารณสุข และการพัฒนาองค์ความรู้และเทคโนโลยี เพื่อสนับสนุนการแก้ไขปัญหาสาธารณสุขของประเทศ สร้างเสริมสุขภาพที่ดีแก่ประชาชนในพื้นที่ครอบคลุมทุกเขตสุขภาพ

“ที่ผ่านมากรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ได้ถ่ายทอดองค์ความรู้ด้านวิทยาศาสตร์การแพทย์ให้กับพี่น้องประชาชนในชุมชน เพื่อให้สามารถนำไปใช้ในการตรวจสอบและป้องกันปัญหาสุขภาพได้ด้วยตนเอง โดยเฉพาะการพัฒนา อสม.วิทยาศาสตร์การแพทย์ชุมชน ที่ช่วยขับเคลื่อนการคัดกรองผลิตภัณฑ์สุขภาพกลุ่มเสี่ยง และสื่อสารแจ้งเตือนภัยสุขภาพ เกิดนวัตกรรมใหม่ที่มุ่งเน้นการสร้างเสริมศักยภาพการบริหารจัดการงานคุ้มครองผู้บริโภค และงานป้องกันโรค ให้กับประชาชนในชุมชนให้มีความเข้มแข็ง”

ตลอดระยะเวลากว่า 3 เดือน ที่เข้ามารับผิดชอบงานของกระทรวงสาธารณสุข วันนี้มีความรู้สึกอบอุ่นที่ได้มา จ.อุดรธานีอีกครั้งและเน้นย้ำความสำคัญกับ อสม.วิทยาศาสตร์การแพทย์ ผู้ที่มีจิตอาสามาทำงานช่วยเหลือพี่น้องประชาชน ทำให้โรคอุบัติภัย และโรคระบาดต่างๆ ในชุมชนท้องถิ่นได้รับการแก้ไขอย่างรวดเร็ว

โดย อสม.มีส่วนสำคัญที่สุดในการเชื่อมโยงกับบุคลากรทางการแพทย์ และพยาบาลของกระทรวงสาธารณสุข ไปยังพี่น้องประชาชนในหมู่บ้าน และตำบลได้อย่างทั่วถึง โดยเฉพาะการรักษาพยาบาลพี่น้องประชาชนเบื้องต้น ยกตัวอย่าง โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) ที่ยังไม่มีแพทย์มาประจำแต่ยังมี อสม.เข้ามาช่วยงานแพทย์ ซึ่งประเทศไทยมี รพ.สต.กว่า 10,000 แห่ง ควรมีแพทย์อย่างต่ำ 3 คน จะเรื่องนี้จะขอให้มหาวิทยาลัยและกระทรวงสาธารณสุขร่วมกันผลิตแพทย์ ประมาณ 30,000 คน ซึ่งถ้าเริ่มผลิตแพทย์วันนี้จะต้องใช้เวลา 6 ปี จะได้แพทย์คนแรกไปอยู่รพ.สต. และหากจะได้แพทย์ที่ครบทั้ง 30,000 คน คาดว่าจะต้องใช้เวลาถึง 12 ปี

“ผมเป็นผู้แทนมาเกือบ 30 ปีได้เห็นเรื่องสาธารณสุขในแต่ละท้องถิ่นที่มีความสำคัญต่อพี่น้องประชาชน ซึ่งปัจจุบันระบบการแพทย์ของไทยถือว่าดีมากติดอันดับต้นๆของโลก ดังนั้นการมีแพทย์ที่ รพ.สต. จึงมีความจำเป็นและมีความสำคัญในการลดต้นทุนไปหาหมอที่โรงพยาบาลได้มาก โดยพี่น้องประชาชนมี 67 ล้านคน หากไปโรงพยาบาลที่อำเภอ 1 ครั้งต่อปี รวมค่าเดินทั้งประเทศประมาณ แสนกว่าล้านบาทต่อปี และถ้าเฉลี่ยไปโรงพยาบาล 2 ครั้งต่อปีก็ใช้เงินถึงเกือบ 3 แสนล้านบาทต่อปี แต่การผลิตแพทย์ 1 คนใช้เงินเฉลี่ย 5 ล้านบาท ในเวลา 6 ปีถ้าผลิตแพทย์ 30,000 คน ใช้เงิน 150,000 ล้านบาท ซึ่งต้นทุนตรงนี้จะช่วยเหลือพี่น้องในชนบทได้” นายสันติ กล่าว

การแพทย์แผนปัจจุบันมีความสำคัญตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5 ถึงปัจจุบันเป็นเวลากว่า 150 ปี จนต่างประเทศให้ความมั่นใจบุคลากรทางการแพทย์ของไทย ซึ่งทราบว่า ต่างประเทศอยากได้บุคลากรทางการแพทย์ หากในประเทศมีบุคลากรทางการแพมย์ที่เพียงพอแล้ว แพทย์ก็จะสามารถไปทำงานต่างประเทศได้

ทั้งนี้ในช่วงบ่าย นายสันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข ได้ลงพื้นร่วมกับนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และคณะเพื่อตรวจราชการในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) อย่างเป็นทางการนอกสถานที่ ครั้งที่ 1/2566 โดยจุดแรก ลงพื้นที่บ้านภูดินทอง หมู่ 13 ต.กุดดินจี่ อ.นากลาง เพื่อพบปะ อสม.และผู้นำชุมชนและรับฟังผลการดำเนินงานป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดการบำบัดฟื้นฟูผู้ใช้ยาเสพติดโดยชุมชนเป็นฐาน (Community Based Treatment: CBITX) จากนั้นจะเดินทางโรงพยาบาลสุวรรณคูหา อ.สุวรรณคูหา ชมการดำเนินงาน มะเร็งครบวงจร และการตรวจคัดกรองมะเร็งท่อน้ำดี (OV CCA และตรวจเยี่ยมมินิธัญญารักษ์ โรงพยาบาลสุวรรณคูหา)

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 3 ธันวาคม 2566

กลุ่มเกษตรกรข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ฯเพชรบูรณ์ ยื่นหนังสือผ่าน”สส.วรโชติ“หลังราคาตกต่ำ วอน รัฐบาลช่วยสนับสนุนต้นทุนการผลิต

,

กลุ่มเกษตรกรข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ฯเพชรบูรณ์ ยื่นหนังสือผ่าน “สส.วรโชติ” หลังราคาตกต่ำ วอน รัฐบาลช่วยสนับสนุนต้นทุนการผลิต

นายวรโชติ สุคนธ์ขจร สส.เพชรบูรณ์ เขต 4 พรรคพลังประชารัฐ(พปชร.)กล่าวว่า ตนได้รับหนังสือจากนายถาวร จงวัฒน์ ประธานกลุ่มแปลงใหญ่ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ จังหวัดเพชรบูรณ์ เนื่องด้วยเกษตรกรผู้ปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ได้ประสบปัญหาเรื่องราคาข้าวโพดตกต่ำ ซึ่งในประเทศไทยมีผู้ปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ 4.522,844 ไร่ และจังหวัดเพชรบูรณ์มีการเพาะปลูกจำนวน 24,222 ครัวเรือน 34,448 แปลง 505,311 ไร่ ได้รับผลกระทบจากราคาข้าวโพดตกต่ำ ซึ่งช่วงฤดูกาลของการเก็บเกี่ยวผลผลิต โดยเกษตรกรเริ่มเก็บเกี่ยวตั้งแต่เดือนกันยายนเป็นต้นมา และช่วงผลผลิตที่ออกมายังมีจำนวนมากในช่วงเวลาไม่ถึง 1 เดือน

“ขณะนี้ราคาข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ตกต่ำมาก จนเป็นที่ผิดสังเกต โดยราคารับซื้อข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ในพื้นที่จังหวัดเพชรบูรณ์ ความชื้น 30% ราคา 5บาท/กก. ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับคุณภาพผลผลิต ซึ่งเป็นราคาเกษตรกรไม่สามารถที่ยอมรับได้ เนื่องจากต้นทุนการผลิตไม่
คุ้มกับราคาที่จำหน่ายผลผลิต และที่ผ่านมาเกษตรกรต้องเจอปัญหาฝนทิ้งช่วง แมลงทำลายต้นอ่อน ทำให้เกิดความเสียหาย ผลผลิตลดลง และราคาปุ๋ยก็ยังมีราคาสูง”

นายวรโชติ กล่าวต่อว่า กลุ่มแปลงใหญ่ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ จังหวัดเพชรบูรณ์ จึงขอให้รัฐบาลช่วยสนับสนุนต้นทุนการผลิตการปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ไร่ละ 1,000 บาท จำนวน 20 ไร่ต่อครัวเรือน เพื่อจะได้ช่วยเหลือการลงทุนผู้ปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ เป็นการบรรเทาความเดือดร้อนและแก้ปัญหาเบื้องต้น

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 2 ธันวาคม 2566