โลกเปลี่ยน ไทยต้องปรับ ทางเลือกใหม่ของการเมืองไทย ก้าวข้ามความขัดแย้ง สานพลังประชาราษฎร์ ร่วมสร้างชาติให้ยั่งยืน

ป้ายกำกับ: ข่าวกิจกรรม ส.ส. และสมาชิกพรรค

“สส.จำลอง” น้อมรับ 4 ร่าง พ.ร.บ.ประชามติ ฝาก กมธ.ปลูกจิตสำนึกร่วมมือกันหาก รธน.ถูกฉีกอีก เพื่อรักษาระบอบประชาธิปไตย วอน อย่าก้าวล่วงแตะหมวด 1,2

,

“สส.จำลอง” น้อมรับ 4 ร่าง พ.ร.บ.ประชามติ ฝาก กมธ.ปลูกจิตสำนึกร่วมมือกันหาก รธน.ถูกฉีกอีก เพื่อรักษาระบอบประชาธิปไตย วอน อย่าก้าวล่วงแตะหมวด 1,2

วันนี้ (18 มิ.ย. 67) ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร สมัยวิสามัญ เป็นพิเศษ มีวาระพิจารณาร่างพระราชบัญญัติว่าด้วยการออกเสียงประชามติ (ฉบับที่…) พ.ศ…. โดยมีผู้เสนอร่างแก้ไขกฎหมายดังกล่าว รวม 4 ฉบับ คือ ฉบับของคณะรัฐมนตรี พรรคเพื่อไทย พรรคก้าวไกล และพรรคภูมิใจไทย

นายจำลอง ภูนวนทา สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) กาฬสินธุ์ เขต 3 พรรคพลังประชารัฐ(พปชร.)อภิปรายว่า ร่างแก้ไขพระราชบัญญัติว่าด้วยการออกเสียงประชามติ (ฉบับที่ …) พ.ศ. … ว่า การทำประชามติมีมาหลายยุคหลายสมัย การเมืองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ประมุขนั้นใน รัฐธรรมนูญต้องออกมาเพื่อประชาชน โดยประชาชน และทำเพื่อ ประชาชนการทำประชามติทุกครั้งที่ตนได้สัมผัส รัฐธรรมนูญปี 2540 , 2550 , 2560 ถามว่า เราทำไปแล้วได้อะไร

นายจำลอง กล่าวต่อว่า ตนไม่คัดค้าน ยอมรับเสียงข้างมาก ให้ความเคารพ แต่เราทำแล้วได้อะไร ถึงวันหนึ่งมีรัฐธรรมนูญออกมา เสร็จก็ฉีกแล้ว ฉีกเล่า นี่คือความคิดเห็นส่วนตัวในฐานะเป็นนักรัฐศาสตร์ อ่านกฎหมายได้ ดูกฎหมายเป็น สรรพสิ่งเกี่ยวกับบริบทของรัฐธรรมนูญไทยนั้นจะมาจากประชาชน หรือมาจากสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร โดยผ่านความเห็นชอบจากสภาอันทรงเกรียติแห่งนี้ จะวิเศษ วิโสแค่ไหนก็ตาม โดยส่วนตัวตนมองว่า ความสำคัญที่สุดของการแก้ไขรัฐธรรมนูญไทยและการทำประชามติ ตนอยากฝากถึงกรรมาธิการที่จะมีขึ้น ว่า ท่านจะใส่ข้อมูลหรือใส่องค์ความรู้ตรงไหนลงไปให้ประชาชนได้เข้าใจว่า เจตจำนงร่วมที่มอบให้กับบริบทของสังคมไทยไปนั้นจะไม่ถูกฉีก และเราจะยอมรับ“

“เราจะป้องกันเจตจำนงร่วมที่มอบให้กับสังคมไทยไปอย่างไร เช่น มีการฉีกรัฐธรรมนูญเกิดขึ้น ผู้ที่ออกเสียงประชามติจะแสดงท่าทีอย่างไรกับการกระทำนั้น นี่คือเรื่องสำคัญที่สุดของการแก้รัฐธรรมนูญ เพราะรัฐธรรมนูญที่ออกมามันผ่านประชามติมาเกือบทุกฉบับ แต่ก็ถูกฉีก จึงเกิดคำถามว่า เรามีความสำคัญอย่างไรต้องทำประชามติ ผมไม่ขัดแย้ง ไม่ขัดข้อง ที่จะน้อมรับเสียงข้างมาก และไม่ขัดแย้งว่า ไม่เห็นด้วย ผมยอมรับทั้ง 4 ร่าง โดยเฉพาะของอาจารย์ชูศักดิ์” นายจำลอง กล่าว

นายจำลอง กล่าวต่อว่า ประเทศไทยปกครองด้วยสถาบันหลักของชาติจะต้องไม่ถูกแตะ โดยเฉพาะสถาบันพระมหากษัตริย์ ซึ่งตนให้ความเคารพและศรัทธามาตั้งแต่เกิด เพราะฉะนั้นตนอยากจะฝากคณะกรรมาธิการ ได้โปรดอย่าเสี่ยงไปแตะต้องในหมวด 1 และ 2 เพราะประเทศไทยเป็นรัฐเดี่ยว แบ่งแยกไม่ได้

บริบทของสังคมไทยที่ผ่านมาขาดจิตสำนึก ตนจึงอยากจะให้ผู้ที่รับผิดชอบในการกล่อมเกลาบุคลากรของชาติก็คือ กระทรวงศึกษาธิการ ก่อนที่จะทำประชามติ ควรจะต้องสร้างให้เด็กและเยาวชนมีจิตสำนึก ไม่ก้าวร้าว เคารพสิทธิของผู้อื่น รวมถึงน้อมรับฟังความเห็นของคนอื่น ดังนั้น เราควรจะสร้างจิตสำนึกให้ผู้ออกเสียงประชามติว่า หากแก้รัฐธรรมนูญแล้วมีการฉีกรัฐธรรมนูญ เราต้องออกมาต่อสู้ ไม่มีการฉีกรัฐธรรมนูญ”

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 18 มิถุนายน 2567

“สส.วรโชติ” รุดรับฟังปัญหาระบบจัดการน้ำคลองวังโปร่ง จ.เพชรบูรณ์ เผย เตรียมหารือ ร.อ.ธรรมนัส วางแผนแก้น้ำท่วม ลดปมขัดแย้งในพื้นที่

,

“สส.วรโชติ” รุดรับฟังปัญหาระบบจัดการน้ำคลองวังโปร่ง จ.เพชรบูรณ์
เผย เตรียมหารือ ร.อ.ธรรมนัส วางแผนแก้น้ำท่วม ลดปมขัดแย้งในพื้นที่

นายวรโชติ สุคนธ์ขจร สส.เพชรบูรณ์ เขต 4 พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวว่า ตนได้ลงพื้นที่ หมู่ 6. ตำบลวังโป่ง อ.วังโป่ง จ.เพรชบูรณ์ ร่วมกับกรมชลประทานจังหวัด เพื่อรับฟังปัญหาของระบบชลประทานในคลองวังโป่ง จากผู้นำท้องถิ่นและประชาชน ซึ่งก่อให้เกิดความขัดแย้งกันระหว่างพี่น้องประชาชนในพื้นที่ อ.วังโปร่ง เนื่องจากได้รับผลกระทบจากการปรับปรุงประตูระบายน้ำและคั้นคลองวังโปร่งในอดีต โดยประตูระบายน้ำฝั่งซ้ายสูงกว่าประตูระบายน้ำฝั่งขวา ถึง 50 เซนติเมตร ส่งผลให้เมื่อถึงฤดูมรสุมจะเกิดน้ำท่วมเข้าท่วมในพื้นที่เศรษฐกิจของอำเภอ ซึ่งเป็นอุปสรรคในการบริหารจัดการน้ำในพื้นที่

“ผมได้หารือกับชลประทานจังหวัด เพื่อเสนอให้มีการสำรวจระบบคลองวังโปร่งทั้งระบบ เพื่อแก้ไขปัญหาให้กับประชาชนได้อย่างยั่งยืน พร้อมทั้งจะนำปัญหาดังกล่าวเข้าหารือกับ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เพื่อหาแนวทางแก้ไขปัญหา โดยจะเสนอให้มีการบรรจุเข้าสู่การพิจารณางบประมาณประจำปี 2568 อีกครั้งหลังโครงการปรับปรุงระบบคลองวังโปร่งได้ถูกตัดลดไปในงบประมาณปี 2567 “ นายวรโชติ กล่าว

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 14 มิถุนายน 2567

“สส.ไผ่” เร่งประสานชลประทาน จ.กำแพงเพชร ขุดลอกกำจัดวัชพืช ต.แม่ลาย เปิดทางน้ำ รับฤดูฝนแก้ปัญหาน้ำท่วมขังให้ ปชช.

,

“สส.ไผ่” เร่งประสานชลประทาน จ.กำแพงเพชร ขุดลอกกำจัดวัชพืช ต.แม่ลาย เปิดทางน้ำ รับฤดูฝนแก้ปัญหาน้ำท่วมขังให้ ปชช.

นายไผ่ ลิกค์ สส.กำแพงเพชร เขต 1 พรรคพลังปรพชารัฐ (พปชร.)กล่าวว่า ตนและสจ. อนันต์ เดชศรี สมาชิกสภาจังหวัดกำแพงเพชร (สจ.)ได้รับการร้องเรียนจากสมาชิกสภาเทศบาลตำบลคลอง (อบต.) แม่ลาย ถึงปัญหาวัชพืชขึ้นปกคลุมบริเวณคลองระบายน้ำริมถนนทางเข้าชุมชนมอมะม่วง หมู่ที่ 1 ต.อ่างทอง อ.เมือง จ.กำแพงเพชร และริมอ่างเก็บน้ำหนองน้ำขาว เป็นจำนวนมาก จึงได้ลงพื้นที่เพื่อวางแผนในการจัดการปัญหาลำคลองตื้นเขินจากวัชพืชปกคลุม และกีดขวางทางน้ำ ในพื้นที่เขตเทศบาลตำบลคลองแม่ลาย และพื้นที่ อบต.อ่างทอง เพื่อระบายน้ำเข้าสู่ลำคลองต่างๆก่อนจะไหลลงสู่แม่น้ำปิง เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการระบายน้ำบรรเทาปัญหาน้ำท่วมขังฝนพื้นที่ เนื่องจากที่ผ่านมา ได้สร้างความเดือดร้อนให้กับพี่น้องประชาชน

“ผมได้ประสานไปยังสำนักงานชลประทาน จังหวัดกำแพงเพชร เพื่อขอสนับสนุนเครื่องจักรในการกำจัดวัชพืชและขุดลอกคูคลอง เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารจัดการน้ำมากขึ้น เนื่องจากขณะนี้เข้าสู่ฤดูฝนหากไม่เร่งดำเนินการจะสร้างผลกระทบกับพี่น้องประชาชนและเกษตรกร ทั้งนี้ ตนต้องขอขอบคุณนายเอกชัย คำธานี ผู้อำนวยการโครงการชลประทานกำแพงพชรที่ให้การสนับสนุนเครื่องจักรในครั้งนี้ด้วย”นายไผ่ กล่าว

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 14 มิถุนายน 2567

“รมช.สันติ ” สานความร่วมมือเครือข่ายการแพทย์พื้นบ้านลุ่มน้ำโขง ครั้งที่ 11 ส่งเสริมนวัตกรรมพัฒนาสมุนไพรสร้างมูลค่าดูแลสุขภาพด้วยยาพื้นถิ่น

,

“รมช.สันติ ” สานความร่วมมือเครือข่ายการแพทย์พื้นบ้านลุ่มน้ำโขง ครั้งที่ 11
ส่งเสริมนวัตกรรมพัฒนาสมุนไพรสร้างมูลค่าดูแลสุขภาพด้วยยาพื้นถิ่น

เมื่อวันที่ 12 มิ.ย.2567 นายสันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วย ดร.ไพวัน แก้วปะเสิด รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข สปป.ลาว เป็นประธานเปิดการประชุมเครือข่ายการแพทย์พื้นบ้านลุ่มน้ำโขง ครั้งที่ 11 ภายใต้แนวคิด “การเอาชนะวิกฤตโรคระบาดโควิด – 19 ด้วยภูมิปัญญาการแพทย์พื้นบ้านและการแพทย์ดั้งเดิม” ระหว่างวันที่ 12-14 มิถุนายน 2567 ณ โรงแรมรอยัลนาคาราและคอนเวนชั่นฮอล์หนองคาย จ.หนองคาย
มีผู้ร่วมประชุม ทั้งจากหมอพื้นบ้าน นักวิชาการ ผู้ประกอบการ และสถาบันการศึกษา และผู้แทนจากประเทศสมาชิก 6 ประเทศ ประกอบด้วย กัมพูชา จีน สปป.ลาว เมียนม่า เวียดนาม และไทย เพื่อเชื่อมโยงการแพทย์พื้นบ้านกับวิทยาศาสตร์สมัยใหม่ ผ่านการแลกเปลี่ยนความรู้ ส่งเสริมความร่วมมือ และเสริมสร้างรากฐานภูมิปัญญาการแพทย์พื้นบ้าน โดยการอาศัยภูมิปัญญาร่วมกันของภูมิภาคนี้ เพื่อแก้ไขปัญหาสุขภาพยุคใหม่อย่างสร้างสรรค มีสุขภาพที่ดีขึ้นสำหรับทุกคนในภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง

นายสันติ กล่าวว่า ลุ่มแม่น้ำโขง เป็นภูมิศาสตร์ลุ่มน้ำที่กว้างใหญ่ครอบคลุมพื้นที่ 6 ประเทศ มีกลุ่มชาติพันธุ์อาศัยอยู่จำนวนมาก และบางชาติพันธุ์มีความสัมพันธ์ร่วมกันในด้านประวัติศาสตร์ความเป็นมา ภาษา ประเพณี และวัฒนธรรม รวมทั้งการแพทย์พื้นบ้านและการแพทย์ชาติพันธุ์ที่ยังคงมีบทบาทในการดูแลสุขภาพ การป้องกัน และรักษาโรคในชุมชน นับเป็นแหล่งรวบรวมความรู้ด้านการรักษาพื้นบ้าน อันเก่าแก่ยาวนาน ตลอดจนเป็นแหล่งกำเนิดของวัฒนธรรมอันหลากหลาย ชุมชนต่าง ๆ ได้อาศัยภูมิปัญญาของบรรพบุรุษที่สืบทอดกันมาหลายชั่วอายุคน ในการรักษาโรค และส่งเสริมสุขภาพ

“ปัจจุบันองค์กรระหว่างประเทศ เช่น องค์การอนามัยโลก (WHO) และรัฐบาลหลายแห่งทั่วโลก รวมถึงประเทศจากภูมิภาคล้านช้าง-แม่โขง ได้ตระหนักถึงการนำภูมิปัญญาการแพทย์ดั้งเดิมและการแพทย์พื้นบ้านมาใช้ดูแลสุขภาพประชาชน โดยองค์การอนามัยโลกได้มีการวางแผนยุทธศาสตร์ด้านการแพทย์ดั้งเดิม (WHO Traditional Medicine Strategy) ขึ้น
เพื่อกำหนดแนวทางการพัฒนาการแพทย์ดั้งเดิมและการแพทย์เสริมของโลก” นายสันติ กล่าว

นายสันติ กล่าวต่อว่า ประเทศไทยและประเทศที่อยู่ในลุ่มแม่น้ำโขงอยู่ในเขตร้อนชื้นที่มีความเหมาะสมในการปลูกพืชสมุนไพร ที่เป็นยาสามัญประจำบ้าน โดยเฉพาะประเทศไทยยาสมุนไพรเกือบทุกประเภทเกิดขึ้นไม่ต่ำกว่า 600 ปี และยังรักษาต่อยอดสมุนไพรเหล่านี้เพื่อนำมารักษาควบคู่กับวิทยาศาสตร์ทางการแพทย์ และที่ผ่านมากระทรวงสาธารณสุขมีหน่วยงานในการวิจัยถึงศักยภาพเพื่อให้พี่น้องประชาชนได้รับประทานยาเหล่านี้เป็นอาหารในชีวิตประจำวัน ซึ่งจะเป็นการสร้างเสริมเศรษฐกิจให้กับประเทศในลุ่มแม่น้ำโขงทั้ง 6 ได้ด้วย

“ที่ผ่านมาได้มีการวิจัยสมุนไพรมาระดับหนึ่งแล้วพบว่า สมุนไพรชนิดหนึ่งเมื่อนำไปปลูกในดินแต่ละแห่ง ซึ่งสภาพดินไม่เหมือนกัน ส่งผลให้ประสิทธิภาพและรสชาติจะแตกต่างกัน หากมีความร่วมมือกับ สปป.ลาว ในการส่งเสริมวิจัยทำให้สมุนไพรเป็นอาหารได้โดยมีสรรพคุณเป็นยาเพื่อนำมาสร้างเสริมสุขภาพและสร้างเสริมนวัตกรรมของสมุนไพรให้เจริญก้าวหน้า เพื่อให้ประชาชนที่รับประทาน วันนี้จึงเป็นประโยชน์อย่างยิ่งที่ 6 ประเทศไทย ได้จับมือร่วมกันพัฒนาพืชสมุนไพรและนวัตกรรมที่จะเกิดประโยชร์ต่อพี่น้องประชาชน โดยเมื่อทำการวิจัยและจัดทำเป็นรูปแล่มแจกจ่ายทุกครัวเรือน” นายสันติ กล่าว

ทั้งนี้ภายในงานมีกิจกรรมสำคัญ ได้แก่ การนำเสนอผลงานและการอภิปราย การสาธิตภูมิปัญญาของหมอพื้นบ้านเด่น (Show case) การศึกษาดูงานเส้นทางท่องเที่ยวสุขภาพและผลิตภัณฑ์สมุนไพรในราชอาณาจักรไทย และสวนพฤกษศาสตร์ใน สปป.ลาว ตลอดจนการประชุมคณะกรรมการด้านวิชาการและด้านการคุ้มครองภูมิปัญญาการแพทย์ดั้้งเดิมและพันธุกรรมพืชสมุนไพร เพื่อจัดทำแผนการดำเนินงานร่วมกันของประเทศลุ่มน้ำโขง ซึ่งจะทำให้เกิดเครือข่ายความร่วมมือและระบบข้อมูลสำคัญในการพัฒนาเชิงยุทธศาสตร์ อาทิ ฐานข้อมูลหมอพื้้นบ้านกว่า 50,000 คน และตำรับยาแผนไทย/พื้นบ้าน กว่า 250,000 ตำรับ เพื่อนำมาใช้ประโยชน์ในการดูแลสุขภาพ สร้างเศรษฐกิจและรายได้ให้กับประชากรลุ่มน้ำโขงในอนาคต

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 14 มิถุนายน 2567

“สส.บุญชัย” ร่วมงานโครงการคลินิกเกษตรเคลื่อนที่ในพระราชานุเคราะห์ จ.เพชรบูรณ์ ชี้ เป็นกิจกรรมที่ให้ โอกาสเกษตรกรเข้าถึงการบริการทางการเกษตรอย่างครบวงจร

,

“สส.บุญชัย” ร่วมงานโครงการคลินิกเกษตรเคลื่อนที่ในพระราชานุเคราะห์ จ.เพชรบูรณ์ ชี้ เป็นกิจกรรมที่ให้ โอกาสเกษตรกรเข้าถึงการบริการทางการเกษตรอย่างครบวงจร

นายบุญชัย กิตติธาราทรัพย์ สส.เพชรบูรณ์ เขต 3 พรรคพลังประชารัฐ(พปชร.)เปิดเผยว่า ตนได้เข้าร่วมโครงการคลินิกเกษตรเคลื่อนที่ในพระราชานุเคราะห์ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช ฯ สยามมกุฎราชกุมาร เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคล เฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ ณ องค์การบริหารส่วนตำบลทุ่งสมอ อำเภอเขาค้อ จังหวัดเพชรบูรณ์ ซึ่งโครงการคลินิกเกษตรเคลื่อนที่ในพระราชานุเคราะห์ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร เป็นการแก้ไขปัญหาให้กับพี่น้องเกษตรกรในพื้นที่ ถือเป็นโครงการที่มีความสำคัญ ในการให้บริการและแก้ไขปัญหาทางการเกษตร

นายบุญชัย กล่าวต่อว่า ต้องขอบคุณกระทรวงเกษตรฯที่ให้ความสำคัญกับเกษตรกรและประชาชนในพื้นที่ห่างไกล โดยเป็นการขยายโอกาสให้เกษตรกรสามารถเข้าถึงการบริการทางการเกษตรอย่างครบวงจร โดยเป็นการบูรณาการความร่วมมือระหว่างหน่วยงานวิชาการ หน่วยงานส่งเสริม และ ศูนย์เรียนรู้การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตสินค้าเกษตร (ศพก.) ในการให้บริการและแก้ไขปัญหาทางการเกษตร ประกอบด้วย กิจกรรมคลินิกดิน , คลินิกพืช , คลินิกปศุสัตว์ , คลินิกประมง , คลินิกชลประทาน , คลินิกสหกรณ์ , คลินิกตรวจบัญชี , คลินิกกฎหมาย , คลินิกข้าว , คลินิกหม่อนไหม , คลินิกยางพารา และ คลินิกส่งเสริมการเกษตร

ทั้งนี้ ยังมีกิจกรรมของชมรมอโวคาโดเขาค้อ มีการสาธิต การเปลี่ยนยอดพันธุ์ดี จำหน่ายต้นพันธุ์ โรงเรียนสะเดาะพงษ์มิตรภาพ ที่ 229 สวนอโวคาโดไอริณเขาค้อ และ กลุ่มโรงเรียนสร้างสุขผู้สูงอายุทุ่งสมอ จำหน่ายผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรอีกด้วย

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 14 มิถุนายน 2567

“สส.ชนนพัฒฐ์” จับมือแม็คโคร-โลตัส เปิดช่องทางจัดจำหน่ายเมลอนสีทอง ช่วยเกษตรกรสร้างรายได้เพิ่ม พร้อมสร้างชื่อเสียงตีตราสินค้าเกษตรประจำถิ่น

,

“สส.ชนนพัฒฐ์” จับมือแม็คโคร-โลตัส เปิดช่องทางจัดจำหน่ายเมลอนสีทอง ช่วยเกษตรกรสร้างรายได้เพิ่ม พร้อมสร้างชื่อเสียงตีตราสินค้าเกษตรประจำถิ่น

นายชนนพัฒฐ์ นาคสั้ว สส.สงขลา เขต 4 พรรคพลังประชารัฐ(พปชร.) เปิดเผยว่า ตนได้ร่วมหารือกับ เกษตรกรผู้ปลูกเมล่อนสีทองในพื้นที่ตำบลพังยาง พร้อมด้วยเกษตรจังหวัดสงขลา เกษตรอำเภอ
ศูนย์ค้าส่งแม็คโคร และห้างสรรพสินค้าโลตัส ในการนำผลผลิตทางการเกษตรในฤดูกาลเก็บเกี่ยวหน้า เข้าไปจัดจำหน่ายในศูนย์การค้าทั้งสองแห่ง ถือเป็นการเพิ่มช่องทางการจัดจำหน่าย และกระจายผลผลิตทางการเกษตร สร้างรายได้ให้เกษตรกรใน อ.ระโนด พร้อมทั้งเป็นการประชาสัมพันธ์สินค้าทางการเกษตรที่มีชื่อเสียงของอำเภออีกทางหนึ่งด้วย

“เมลอนสีทอง ของชาวสวน อ.ระโนด มีคุณภาพสูง เนื้อกรอบ หวานฉ่ำ เป็นที่ต้องการของตลาด ไม่แพ้แหล่งเพาะปลูกในพื้นที่อื่น จัดได้ว่าอร่อยที่สุดในประเทศ ผมเห็นว่า การดึงห้างสรรพสินค้าชั้นนำทั้ง 2 แห่งมาเป็นช่องทางการจัดจำหน่ายให้เกษตรกรแล้ว ยังจะเพิ่มช่องทางเข้าถึงเพื่อสร้างชื่อเสียงให้กับเมลอนสีสอง ของอำเภอระโนด เป็นการยกระดับให้เป็นที่รู้จักมากขึ้นได้อย่างรวดเร็ว“ นายชนนพัฒฐ์ กล่าว

นายชนนพัฒฐ์ กล่าวต่อว่า ตนในฐานะ สส.ในพื้นที่ พร้อมเดินหน้าแก้ไขปัญหาให้กับประชาชน เพื่อทุกคนจะได้มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ทั้งในด้านการประกอบอาชีพให้สามารถสร้างรายได้ที่มั่นคง ซึ่งในการดึงห้างยักษ์เข้ามาช่วยเหลือพี่น้องเกษตรกร ให้มีช่องการตลาดมากขึ้น เป็นผลมาจากความร่วมมือจากทุกฝ่าย และตนต้องขอขอบคุณเกษตรจังหวัดสงขลาและเกษตรอำเภอ ที่เข้าช่วยประสานงานและสนับสนุนจนประสบความสำเร็จ

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 12 มิถุนายน 2567

“สันติ” รมช.สธ.เปิดศูนย์เวลเนส รพ.ห้วยเกิ้ง หนุนแพทย์แผนไทยผสมผสานฟื้นฟูสุขภาพ ปชช.

,

“สันติ” รมช.สธ.เปิดศูนย์เวลเนส รพ.ห้วยเกิ้ง หนุนแพทย์แผนไทยผสมผสานฟื้นฟูสุขภาพ ปชช.

เมื่อวันที่ 11 มิถุนายน 2567 นายสันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธานเปิดงานมหกรรมสุขภาพ การแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือกและเปิดอาคาร Wellness Center โรงพยาบาลห้วยเกิ้ง จ.อุดรธานี เพื่อบูรณาการงานรักษาแบบบูรณาการด้วยทีมสหวิชาชีพในการฟื้นฟูและปรับสมดุลในร่างกายด้วยศาสตร์การแพทย์แผนไทย การแพทย์ผสมผสานแลบองค์รวม พร้อมเยี่ยมชมบูธนิทรรศการ และให้กำลังใจเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลห้วยเกิ้งตามจุดต่างๆ อาทิ บูธนิทรรศการการแพทย์แผนไทย , บูธนิทรรศการการให้ความรู้ด้านยาเสพติดให้ , บูธนิทรรศการผลิตภัณฑ์ด้านสมุนไพร , บูธนิทรรศการวิสาหกิจชุมชน , บูธนิทรรศการการแพทย์พื้นบ้านภูมิปัญญาไทย และเยี่ยมชมโรงผลิตยาสมุนไพรที่ได้มาตรฐานของโรงพยาบาล

นายสันติ กล่าวว่า กระทรวงสาธารณสุขขับเคลื่อนนโยบาย 5 + 5 เพื่อเร่งรัดพัฒนาสานต่อ โดยการยกกระดับมาตรฐานการแพทย์แผนไทยและผลิตภัณฑ์สมุนไพร ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของนโยบายเศรษฐกิจสุขภาพ ซึ่งเป็น 1 ใน 5 นโยบายที่จะเร่งพัฒนาให้เห็นผลเป็นรูปธรรม โดยเฉพาะเรื่องสุขภาพอนามัยที่ครอบคลุมงานด้านการส่งเสริมสุขภาพ การป้องกันโรค การรักษาโรค และการฟื้นฟูสมรรถภาพ โดยนำเวชศาสตร์วิถีชีวิตแบบบูรณาการ สู่การดูแลสุขภาพประชาชนในทุกพื้นที่ และช่วยเหลือสนับสนุนการบริหารงานของโรงพยาบาล ตลอดจนพัฒนาบุคลากรให้มีความรู้ ความสามารถเพื่อให้ประชาชนได้รับการบริการที่มีคุณภาพได้มาตรฐาน

“ปัจจุบันความต้องการใช้บริการด้านการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือกมีจำนวนมาก และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น จึงจำเป็นต้องมีการขยายบริการให้ครอบคลุมทุกมิติ โดยโรงพยาบาลห้วยเกิ้ง ซึ่งเป็นโรงพยาบาลนำร่องด้านการแพทย์แผนไทย และการแพทย์ผสมผสาน เพื่อส่งเสริมให้ประชาชนมีสุขภาพดีจนเป็นที่ยอมรับ ให้บริการตรวจสุขภาพโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ มีทีมสหวิชาชีพคอยดูแล ให้คำแนะนำแก่ผู้ใช้บริการในทุกขั้นตอน โดยการบูรณาการทางการแพทย์ให้บริการทางทันตกรรมด้วยเครื่องมือที่ทันสมัย มีการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพด้วยเวชศาสตร์วิถีชีวิต และยังเป็นศูนย์ประสานงานเวชศาสต์ครอบครัวออกเยี่ยมบ้านด้วยทีมวิชาชีพ” นายสันติ กล่าว

นอกจากนี้ยังมีโรงผลิตยาสมุนไพรที่ผ่านการตรวจประเมินมาตรฐานการผลิตยาสมุนไพร WHO GMP มีการควบคุมคุณภาพเพื่อให้ได้ยาสมุไพรที่ได้มาตรฐานเพื่อใช้ในโรงพบาบาลและกระจายออกไปสู่ทุกโรงพยาบาลใน จ.อุดรธานี โดยผลิตภัณฑ์ที่ออกจำหน่ายได้แก่ น้ำมันนวด ยาดมสมุนไพร ลูกประคบสมุนไพร และสมุนไพรชนิดแคปซูน 5 ตำหรับ ได้แก่ ฟ้าทะลายโจร ขมิ้นชัน มะขามแขก เพชรสังฆาต และเถาวัลย์เปรียง นอกจากนี้ยังมีน้ำมันกัญชาขมิ้นทองสูตรเฉพาะของโรงพยาบาลอีกด้วย

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 12 มิถุนายน 2567

“สส.คอซีย์” ร่วมคณะ กมธ.สันติภาพใต้ ลงพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนใต้ หวัง การส่งเสริมวัฒนธรรมให้เกิดความภาคภูมิใจในอัตลักษณ์ จะทำให้เกิดสันติภาพอย่างยั่งยืน

,

“สส.คอซีย์” ร่วมคณะ กมธ.สันติภาพใต้ ลงพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนใต้ หวัง การส่งเสริมวัฒนธรรมให้เกิดความภาคภูมิใจในอัตลักษณ์ จะทำให้เกิดสันติภาพอย่างยั่งยืน

นายคอซีย์ มามุ สส. ปัตตานี เขต 2 พรรคพลังประชารัฐ(พปชร.)เปิดเผยว่า ตนในฐานะคณะกรรมาธิการวิสามัญ เพื่อพิจารณาศึกษาและเสนอแนวทางการส่งเสริมกระบวนการสร้างสันติภาพ เพื่อแก้ไขปัญหาความขัดแย้งในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ สภาผู้แทนราษฎร พร้อมด้วย นายอามินทร์ มะยูโซ๊ะ สส.นราธิวาส เขต 2 พรรคพลังประชารัฐ ในฐานะ สส.ในพื้นที่ ได้เข้าร่วมประชุมคณะกรรมาธิการ โดยมีนายจาตุรนต์ ฉายแสง ประธานกรรมาธิการ ร่วมประชุมและมีการเชิญคณะและพบปะกลุ่มต่าง อาทิ คณะตัวแทนนักศึกษามหาวิทยาลัยนราธิวาสราชนครินทร์ ,กลุ่มสมัชชาประชาสังคมเพื่อสันติภาพ ,พบปะผู้ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ตากใบ และพบปะประชาชนบ้านเจะเห

นายคอซีย์ กล่าวต่อว่า การประชุมและพบปะในครั้งนี้ เพื่อศึกษาปัญหาอุปสรรคในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่เป็นประเด็นสำคัญทั้งด้านความมั่นคง ด้านเศรษฐกิจ ด้านการศึกษา นำเสนอต่อรัฐบาล เพื่อนำไปแก้ไขปัญหาความขัดแย้งในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ให้เกิดสันติภาพและสันติสุขต่อไป

“ตลอดการทำงานของคณะกรรมาธิการที่ผ่านมา เราพบว่าการจะทำให้เกิดสันติภาพอย่างยั่งยืนได้นั้นควรส่งเสริมวัฒนธรรม ให้เกิดความภาคภูมิใจในอัตลักษณ์ของตนอย่างเปิดเผย และอยู่ร่วมกันได้กับคนส่วนใหญ่ในประเทศ และรู้สึกเป็นเจ้าของประเทศร่วมกัน ซึ่งประธาน กมธ. ต้องการทำข้อเสนอที่ให้ความสำคัญกับการส่งเสริมอัตลักษณ์ ศิลปวัฒนธรรม ศาสนา รวมถึงภาษา”นายคอซีย์ กล่าว

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 2 มิถุนายน 2567

“พล.ต.อ.พัชรวาท” ปลื้มค่าฝุ่น PM 2.5 ทั่วประเทศลดลงเทียบ ปี 66 เร่งแผนแก้มลพิษฉบับ 2 ชงนายก-ครม.พิจารณา

,

“พล.ต.อ.พัชรวาท” ปลื้มค่าฝุ่น PM 2.5 ทั่วประเทศลดลงเทียบ ปี 66 เร่งแผนแก้มลพิษฉบับ 2 ชงนายก-ครม.พิจารณา

พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการจัดการมลพิษทางอากาศเพื่อความยั่งยืน โดยมี นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง ประธานที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี ในฐานะรองประธานคนที่ 1นายบุญจง วงศ์ไตรรัตน์ กรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรี ตัวแทนรองประธานคนที่ 2นายจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม นายชัยวัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะกรรมการ พร้อมด้วยหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมประชุมอย่างพร้อมเพรียง

โดย พล.ต.อ.พัชรวาท กล่าวว่า ที่ประชุมได้รับทราบผลการดำเนินงาน ภายใต้มาตรการแก้ไขปัญหาฝุ่นพิษ PM 2.5 ปี 2567 ว่า สถานการณ์โดยรวมดีขึ้นตามเป้าหมาย จากการทำงานหนัก ทั้งค่าเฉลี่ยฝุ่น PM 2.5 ที่ลดลง จำนวนวันฝุ่นเกินค่ามาตรฐานลดลง และจำนวนจุดความร้อนลดลง เมื่อเทียบกับปี 2566 ทั้งนี้หลังจากกรมอุตุนิยมวิทยา ประกาศเข้าฤดูฝน ตั้งแต่วันที่ 20 พ.ค. ที่ผ่านมาสถานการณ์ฝุ่น PM 2.5 และจุดความร้อนคลี่คลาย PM 2.5 ทั่วประเทศอยู่ในเกณฑ์มาตรฐานทุกภาค แต่หมอกควันภาคใต้จะเข้าสู่ช่วงเฝ้าระวังตั้งแต่ ก.ค.-ก.ย.สาเหตุจากป้าพรุ และหมอกควันข้ามแดน พบจำนวนจุดความร้อนเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะในพื้นที่เกษตร ดังนั้น ขอให้กรมอุทยานแห่งชาติฯ กรมป่าไม้ เฝ้าระวังการเกิดไฟในป่าพรุ และให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงมหาดไทย ตรวจสอบจุดความร้อนที่สูงขึ้นในพื้นที่เกษตร และกำชับหน่วยงานในสังกัดและผู้ว่าฯ ควบคุมอย่างเข้มงวด

พล.ต.อ.พัซรวาท กล่าวว่า นอกจากนี้ ที่ประชุมยังได้เห็นชอบแนวทางการจัดทำแผนขับเคลื่อนวาระแห่งชาติ “การแก้ไขปัญหามลพิษด้านฝุ่นละออง” ฉบับที่ 2และแผนเฉพาะกิจประจำปี 2568 โดยได้มอบหมายให้ศูนย์ปฏิบัติการระดับจังหวัดฯ ถอดบทเรียนการแก้ไขปัญหา และส่งรายงานผลส่งให้กรมควบคุมมลพิษ ในเดือน มิ.ย.และให้กรมควบคุมมลพิษ เร่งจัดทำและนำแผนทั้ง 2 ฉบับไปรับฟังความคิดเห็น และนำกลับมาเสนอต่อคณะกรรมการพิจารณาภายในเดือนสิงหาคม เพื่อเสนอนายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรีพิจารณาต่อไป

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 1 มิถุนายน 2567

“รมว.ธรรมนัส” ลงสุราษฎร์ ลุยแก้ราคาปาล์ม สั่งตั้งกก.รักษาเสถียรภาพราคา เล็งขึ้นทะเบียนลานเท ยกสร้างมาตรฐานโรงสกัดทุกแห่ง ให้มีมาตรฐานเดียวกัน มุ่งแก้ปัญหายั่งยืน

,

“รมว.ธรรมนัส” ลงสุราษฎร์ ลุยแก้ราคาปาล์ม สั่งตั้งกก.รักษาเสถียรภาพราคา เล็งขึ้นทะเบียนลานเท ยกสร้างมาตรฐานโรงสกัดทุกแห่ง ให้มีมาตรฐานเดียวกัน มุ่งแก้ปัญหายั่งยืน

ร้อยเอก ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวภายหลังลงพื้นที่เพื่อรับฟังปัญหาและหาแนวทางแก้ไขราคาปาล์มน้ำมันตกต่ำ ณ ศูนย์เรียนรู้การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตสินค้าเกษตร (ศพก.) อำเภอเมืองสุราษฎร์ธานี จังหวัดสุราษฎร์ธานี โดยมี ผู้บริหารกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ผู้แทนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง นายกสมาคมชาวสวนปาล์มน้ำมัน จ.สุราษฎร์ธานี ผู้แทนเกษตรกรชาวสวนปาล์ม 14 จังหวัดภาคใต้ เข้าร่วมว่า ขณะนี้ เกษตรกรชาวสวนปาล์ม ประสบปัญหาความเดือดร้อนราคาปาล์มตกต่ำ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี จึงมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งกระทรวงเกษตรและสหกรณ กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงอุตสาหกรรม และกระทรวงพลังงาน ทำงานร่วมกันในการเร่งหามาตรการแก้ไข ซึ่งจากการประชุมคณะรัฐมนตรีเศรษฐกิจ เมื่อวันที่ 27 พ.ค.67 ที่มีนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ที่ประชุมได้กำหนด 6 แนวทางการแก้ไขปัญหาราคาปาล์มน้ำมันตกต่ำเพื่อช่วยเหลือชาวสวนปาล์มน้ำมันแล้ว

ร้อยเอก ธรรมนัส กล่าวอีกว่า การลงพื้นที่ในครั้งนี้เพื่อต้องการรับฟังปัญหาและรับข้อเสนอแนะแนวทางแก้ไขจากชาวสวนปาล์มอย่างแท้จริง ซึ่งตนได้สั่งการให้ตั้งคณะกรรมการรักษาเสถียรภาพราคาปาล์มน้ำมัน ประกอบด้วย ตัวแทนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งภาครัฐ กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงพลังงาน ภาคเอกชน ภาคประชาชน ผู้แทนเกษตรกร ผู้ประกอบการ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ฝ่ายความมั่นคง เข้ามาร่วมด้วย และจะหารือนายกรัฐมนตรี ทำหนังสือถึงผู้ว่าราชการจังหวัด แต่งตั้งคณะกรรมการระดับจังหวัด ให้มีการขึ้นทะเบียนลานเท โรงสกัดน้ำมันไบโอดีเซล โรงสกัดน้ำมันปาล์มดิบ ตลอดจนให้มีหน่วยงานตรวจวัดคุณภาพปาล์ม เปอร์เซ็นการสกัด (OER : Oil Extraction Rate) เพื่อให้ความเป็นธรรมกับทั้งเกษตรกร และผู้ประกอบการ ต้องมีความชัดเจน น่าเชื่อถือ เป็นมาตรฐานเดียวกัน โดยจะต้องแก้ปัญหาโครงการสร้างราคาปาล์มน้ำมันนี้ให้เกิดเป็นรูปธรรมทั้งระบบ เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาซ้ำทุกปี นอกจากนี้ จะใช้กลไกของสหกรณ์เข้ามาช่วยเหลือ เช่น ชะลอการขายปาล์มน้ำมันโดยเก็บสต็อก หรือใช้โรงสกัดของสหกรณ์ เข้ามาช่วยเป็นต้น

สำหรับกรณีที่มีการลักลอบนำเข้าปาล์มจากประเทศเพื่อนบ้านนั้น กระทรวงเกษตรฯ ได้มีชุดปฏิบัติการพิเศษพญานาคราช ร่วมกับหน่วยงานเกี่ยวข้อง ดำเนินการปราบปรามอย่างจริงจัง

“จากการรับฟังปัญหาและข้อเสนอแนะของพี่น้องผมจะสรุปข้อมูลทั้งหมดรายงานให้นายกรัฐมนตรีรับทราบ และฝากถึงพี่น้องชาวสวนปาล์ม ขอให้มั่นใจในแนวทางทั้ง 6 ข้อที่รัฐบาลได้ออกมาซึ่งต้องดำเนินควบคู่กันไป เพื่อรักษาเสถียรภาพของราคาให้กลับเข้าสู่สถานการณ์ปกติ มั่นใจว่าราคาปาล์มต้องดีขึ้น ซึ่งวันนี้ราคาปาล์มขยับขึ้นจากเดิม 3.50 บาท เป็น 4.50 ตามที่กรมการค้าภายใน ได้ออกหนังสือเมื่อวันที่ 28 พ.ค.67 โดยขอให้ผู้ประกอบการโรงงานสกัดน้ำมันปาล์ม ปรับราคารับซื้อผลปาล์มน้ำมัน โดยรับซื้อในราคาไม่ต่ำกว่ากิโลกรัมละ 4.50 บาท“ ร้อยเอก ธรรมนัส กล่าว

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 1 มิถุนายน 2567

“สส.ไผ่ ลิกค์” นำ คณะ อบจ.กำแพงเพชรเข้าพบ “รมช.อรรถกร” ยื่นจดหมายชงปัญหาน้ำกระทบภาคเกษตรในพื้นที่ สู่การแก้ไขเพื่อประโยชน์ปชช.

,

“สส.ไผ่ ลิกค์” นำ คณะ อบจ.กำแพงเพชรเข้าพบ “รมช.อรรถกร” ยื่นจดหมายชงปัญหาน้ำกระทบภาคเกษตรในพื้นที่ สู่การแก้ไขเพื่อประโยชน์ปชช.

นายไผ่ ลิกค์ สส.กำแพงเพชร เขต 1 พรรคพลังประชารัฐ(พปขร.)กล่าวว่า ได้นำคณะสมาชิกสภาจังหวัดกำแพงเพชร (สจ.)เข้าพบ นายอรรถกร ศิริลัทธยากร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เพื่อยื่นหนังสือให้กระทรวงเร่งดำเนินการแก้ไขปัญหาให้กับพี่น้องประชาชนในจ.กำแพงเพชร โดยเฉพาะปัญหาการพัฒนาและปรับปรุงระบบชลประทาน ซึ่งมีผลต่อการสนับสนุนภาคการเกษตร และการบริหารจัดการน้ำ

นายไผ่ กล่าวต่อว่า ช่วงที่ผ่านมาประชาชนประสบปัญหาภัยแล้งอย่างมาก ระบบการกระจายน้ำยังต้องปรับปรุง หรือพัฒนาให้สามารถรองรับกับความต้องการใช้น้ำ รวมทั้งขณะนี้กำลังก้าวเข้าสู่ฤดูฝน จำเป็นที่จะต้องใช้ระบบชลประทาน เพื่อการกักเก็บน้ำ และเพื่อป้องกันอุทกภัยได้อีกทางหนึ่ง

“องค์การบริหารส่วนจังหวัด จึงได้จัดทำข้อมูลความต้องการของประชาชนในพื้นที่นำเสนอรายละเอียดแนวทางการพัฒนาโครงการต่างๆ ที่ได้นำมามอบให้กับรัฐมนตรีช่วย เพื่อนำไปเสนอต่อกระทรวงเพื่อประกอบการพิจารณาและผลักดันโครงการให้เกิดประโยชน์สูงสุดที่จะนำไปสู่การแก้ไขปัญหาอย่างยั่งยืนของชาวกำแพงเพชรต่อไป”นายไผ่ กล่าว

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 1 มิถุนายน 2567

ราคาปาล์มน้ำมันโงหัว เด้งรับ “ธรรมนัส” ลงพื้นที่ สุราษฎร์ฯ

,

ชาวสวนเฮ ลั่น ราคาปาล์มบวกแรง เด้งรับ “ธรรมนัส” ลงพื้นที่สุราษฎร์ โรงสกัดภาคใต้พร้อมใจยกราคาทุกจังหวัด 10 สตางค์- 70 สตางค์ต่อกิโลกรัม ครั้งแรกในรอบ 15 วัน

จากสถานการณ์ราคาปาล์มน้ำมันตกต่ำ มีผลให้ ร้อยเอกธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้เดินทางลงพื้นที่จังหวัดสุราษฎร์ธานีแหล่งปลูกยางแหล่งใหญ่ของประเทศ เพื่อรับฟังปัญหาจากเกษตรกร และเพื่อขับเคลื่อนนโยบายในการร่วมกันแก้ปัญหาต่อไป จากการลงพื้นที่ในครั้งนี้ มีกระแสตอบรับที่ดี ราคาผลปาล์มน้ำมันในพื้นที่ปลูกทางภาคใต้แทบทุกจังหวัดปรับขึ้นยกแผง

ร้อยเอกธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวภายหลังลงพื้นที่เพื่อรับฟังปัญหาและหาแนวทางแก้ไขราคาปาล์มน้ำมันตกต่ำ ณ ศูนย์เรียนรู้การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตสินค้าเกษตร (ศพก.) อำเภอเมืองสุราษฎร์ธานี จังหวัดสุราษฎร์ธานี โดยมีผู้บริหารกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ผู้แทนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง นายกสมาคมชาวสวนปาล์มน้ำมัน จ.สุราษฎร์ธานี ผู้แทนเกษตรกรชาวสวนปาล์ม 14 จังหวัดภาคใต้ เข้าร่วมว่า

ขณะนี้เกษตรกรชาวสวนปาล์ม ประสบปัญหาความเดือดร้อนราคาปาล์มตกต่ำ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ได้มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งกระทรวงเกษตรและสหกรณ กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงอุตสาหกรรม และกระทรวงพลังงาน ทำงานร่วมกันในการเร่งหามาตรการแก้ไข ซึ่งจากการประชุมคณะรัฐมนตรีเศรษฐกิจ(ครม.เศรษฐกิจ)เมื่อวันที่ 27 พ.ค.67 ที่มีนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ที่ประชุมได้กำหนด 6 แนวทางการแก้ไขปัญหาราคาปาล์มน้ำมันตกต่ำเพื่อช่วยเหลือชาวสวนปาล์มน้ำมันแล้ว

การลงพื้นที่ในครั้งนี้เพื่อต้องการรับฟังปัญหาและรับข้อเสนอแนะแนวทางแก้ไขจากชาวสวนปาล์มอย่างแท้จริง ซึ่งตนได้สั่งการให้ตั้งคณะกรรมการรักษาเสถียรภาพราคาปาล์มน้ำมัน ประกอบด้วย ตัวแทนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งภาครัฐ กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงพลังงาน ภาคเอกชน ภาคประชาชน ผู้แทนเกษตรกร ผู้ประกอบการ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ฝ่ายความมั่นคง เข้ามาร่วมด้วย และจะหารือกับนายกรัฐมนตรี ในการทำหนังสือถึงผู้ว่าราชการจังหวัด แต่งตั้งคณะกรรมการระดับจังหวัด ให้มีการขึ้นทะเบียนลานเท โรงสกัดน้ำมันไบโอดีเซล โรงสกัดน้ำมันปาล์มดิบ

ตลอดจนให้มีหน่วยงานตรวจวัดคุณภาพปาล์ม เปอร์เซ็นต์การสกัด (OER : Oil Extraction Rate) เพื่อให้ความเป็นธรรมกับทั้งเกษตรกร และผู้ประกอบการ ต้องมีความชัดเจน น่าเชื่อถือ เป็นมาตรฐานเดียวกัน โดยจะต้องแก้ปัญหาโครงการสร้างราคาปาล์มน้ำมันนี้ให้เกิดเป็นรูปธรรมทั้งระบบ เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาซ้ำทุกปี นอกจากนี้ จะใช้กลไกของสหกรณ์เข้ามาช่วยเหลือ เช่น ชะลอการขายปาล์มน้ำมันโดยเก็บสต๊อก หรือใช้โรงสกัดน้ำมันปาล์มของสหกรณ์เข้ามาช่วย เป็นต้น

แหล่งข่าวจากชาวสวนปาล์ม เผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า สถานการณ์ราคาปาล์มที่ปรับขึ้น ไม่แน่ใจว่าเกิดจากอะไร บางโรงงาน บางลานเทก็ยังปิดอยู่ ซึ่งการยกราคาพร้อมใจวันนี้ของโรงสกัด โรงกลั่นน้ำมันปาล์ม อาจจะไม่ใช่กลไกธรรมชาติ อาจจะมีแรงส่งเพื่อเอาใจนักการเมืองเวลามาลงพื้นที่ อย่างไรก็ดีอยากให้ตรวจสอบข้อมูลอย่างจริงจังถึงการปรับตัวลดลงของราคาปาล์มในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมาตั้งแต่ราคา 6.40 บาท/กิโลกรัม เวลานี้เหลือระดับราคา 3 บาท ใครจะรับผิดชอบ

“ราคาปาล์มทะลายสดของพี่น้องเกษตรกรต้องสอดคล้องสมดุลกับราคาน้ำมันปาล์มที่บรรจุขวดขาย ไม่ใช่มาถูกกดราคา เพื่อให้ต้นทุนต่ำ แล้วนายทุนรวยเอา ๆ แต่ชาวสวนจนลง ๆ ไม่ถูกต้อง และจากราคาที่ประกาศจากสำนักงานพาณิชย์จังหวัดก็ไม่แน่ใจว่าลานปาล์ม และโรงสกัดน้ำมันปาล์มจะรับซื้อตามราคาประกาศหรือไม่ และที่สำคัญอาจจะขึ้นวันเดียว เนื่องจากยังมีลานเท โรงงานปิดกันอยู่ ”

สำหรับราคาผลปาล์ม ณ วันที่ 29 พฤษภาคม 2567 ขยับอยู่ในแดนบวก 10 สตางค์- 70 สตางค์ ครั้งแรกในรอบ 15 วัน

จังหวัดสุราษฎร์ธานี

จังหวัดตรัง

จังหวัดกระบี่

นครศรีธรรมราช

ที่มา: https://www.thansettakij.com/business/trade-agriculture/597321
วันที่: 30 พฤษภาคม 2567