โลกเปลี่ยน ไทยต้องปรับ ทางเลือกใหม่ของการเมืองไทย ก้าวข้ามความขัดแย้ง สานพลังประชาราษฎร์ ร่วมสร้างชาติให้ยั่งยืน

ป้ายกำกับ: ข่าวกิจกรรมพรรค

“ชัยมงคล”ลั่น พปชร.พร้อมทำหน้าที่ฝ่ายค้านให้สมบูรณ์แบบ เชื่อ ปชช.จะเห็นถึงความล้มเหลวในการบริหารประเทศของ รบ.

,

“ชัยมงคล”ลั่น พปชร.พร้อมทำหน้าที่ฝ่ายค้านให้สมบูรณ์แบบ เชื่อ ปชช.จะเห็นถึงความล้มเหลวในการบริหารประเทศของ รบ.

เมื่อวันที่ 4 มี.ค.เวลา 14.10 น.นายชัยมงคล ไชยรบ สส.สกลนคร เขต 5 และรองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ(พปชร.)แถลงข่าวถึงการเตรียมความพร้อมในอภิปรายไม่ไว้วางใจ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีว่า พรรคพลังประชารัฐให้ความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง เพราะเป็นการทำหน้าที่ฝ่ายค้านในการตรวจสอบรัฐบาล เราจะทำหน้าที่ให้สมบูรณ์แบบ เพื่อที่จะชี้แจงให้ประชาชนได้รับทราบถึงข้อบกพร่องในการบริหารราชการแผ่นดินของรัฐบาลชุดนี้

“รัฐบาลที่นำโดย น.ส.แพทองธาร แสดงให้เห็นความล้มเหลว และการบริหารประเทศที่เกิดความเสียหายอย่างมาก รวมไปถึงการขาดภาวะผู้นำ และอีกหลายปัญหาของนายกรัฐมนตรีคนนี้ การอภิปรายไม่ไว้วางใจ เราจะยึดตามระเบียบข้อบังคับของการประชุมสภาฯ และเรามั่นใจในการตรวจสอบรัฐบาลอย่างตรงไปตรงมา เพื่อนำข้อเท็จจริงสู่พี่น้องประชาชน ซึ่งเชื่อว่าจะเกิดประโยชน์กับประชาชนอย่างมาก”นายชัยมงคล กล่าว

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 4 มีนาคม 2568

“เลขาฯ ไพบูลย์”เผย “พล.อ.ประวิตร”เตรียมอภิปรายไม่ไว้วางใจด้วยตัวเอง มั่นใจ ข้อมูลสามารถสั่นคลอนรัฐบาล กระทบความมั่นคง นายกฯแน่นอน

,

“เลขาฯ ไพบูลย์”เผย “พล.อ.ประวิตร”เตรียมอภิปรายไม่ไว้วางใจด้วยตัวเอง มั่นใจ ข้อมูลสามารถสั่นคลอนรัฐบาล กระทบความมั่นคง นายกฯแน่นอน

วันที่ 4 มี.ค. เวลา 13.00 น.ที่พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.)นายไพบูลย์ นิติตะวัน เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ เปิดเผยถึงกรณีการเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจที่จะเกิดขึ้นในเร็วๆนี้  ว่า  พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ สส.บัญชีรายชื่อ ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ จะร่วมในการอภิปรายไม่ไว้วางใจในครั้งนี้ด้วย  โดยจะเป็นผู้อภิปรายต่อจากผู้นำฝ่ายค้าน ซึ่งจะเป็นการพูดในภาพรวม ส่วนจะหยิบยกประเด็นใดขึ้นมานั้น ขอให้รอฟังในวันที่ 24 มีนาคมนี้

ส่วนประเด็นที่พรรคพลังประชารัฐจะนำไปอภิปรายนั้น อาทิ คดีสนามกอล์ฟอัลไพน์ กาสิโน Mou 2544 และเรื่องชั้น 14 ของโรงพยาบาลตำรวจ ส่วนบุคคลที่จะร่วมอภิปรายนั้นจะแจ้งให้ทราบต่อไป โดยเบื้องต้นพรรคได้รับการจัดสรรเวลา 2 ชั่วโมงในการอภิปราย เรามั่นใจว่าข้อมูลจะสามารถสั่นคลอนรัฐบาลได้ และเชื่อว่านายกรัฐมนตรีหวั่นไหวแน่นอน ขอให้รอดูการอภิปรายนั้นจะมีผลต่อความมั่นคงของตัวนายกรัฐมนตรีแน่นอน

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 4 มีนาคม 2568

“สส.สุธรรม”จี้ ขยายผลจับกุมเครือข่ายค้ายาใน จ. นครศรีธรรมราช วอนเลิกยกย่องพวกค้า แล้วหันมาดูแลลูกหลานให้ปลอดภัย

,

“สส.สุธรรม”จี้ ขยายผลจับกุมเครือข่ายค้ายาใน จ. นครศรีธรรมราช วอนเลิกยกย่องพวกค้า แล้วหันมาดูแลลูกหลานให้ปลอดภัย

เมื่อวันที่ 28 ก.พ.นายสุธรรม จริตงามสส.นครศรีธรรมราช พรรคพลังประชารัฐ(พปชร.) กล่าวหารือในที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรถึงปัญหาการระบาดของยาเสพติดในพื้นที่ อำเภอทุ่งสง จังหวัดนครศรีธรรมราช ซึ่งมีอัตราการระบาด และ เป็นอันตรายต่อสังคมและความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชนมากขึ้นทุกวัน โดยเมื่อวันที่ 30 ส.ค.67 ได้มีการจับกุมผู้ค้ายาบ้าในพื้นที่ตำบลกะปาง อำเภอทุ่งสงได้ของกลางเป็นยาบ้ากว่า 1.9 ล้านเม็ด

นายสุธรรม กล่าวต่อว่า ในขณะนี้ได้มีข่าวการจับกุมอย่างต่อเนื่อง เช่น เมื่อวันที่ 6 ก.พ.ที่ผ่านมา ได้มีการจับกุมยาบ้าในพื้นที่ตำบลหนองหงส์ อำเภอทุ่งสง ได้ของกลางเป็นยาบ้าจำนวน 600,000 เม็ด และ วันที่ 19 ก.พ.ได้มีชายคลั่งยาบ้าอาละวาด โดยนายปิยะ แก้วคุ้มภัย ผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 9 ตำบลหนองหงส์ ได้พยายามระงับเหตุ แต่กลับถูกชายคนดังกล่าว ฟันแขนเกือบขาด และชายคนดังกล่าว ก็ได้โดนตำรวจวิสามัญจนเสียชีวิตคาที่เกิดเหตุ

“ผมอยากฝากไปยังสำนักงานตำรวจแห่งชาติ, ปปส.และกรมการปกครองว่า หลังจากการจับกุม 2 ครั้ง ดังกล่าว ได้มีการขยายผลไปถึงตัวการใหญ่ ที่อยู่เบื้องหลัง ขบวนการค้ายาบ้าในพื้นที่ อำเภอทุ่งสง และ อำเภอ
ใกล้เคียงในจังหวัดนครศรีธรรมราช มากแค่ไหน เพราะปัญหาเหล่านี้เป็นปัญหาคุกคาม และ ปัญหาใหญ่หลวง ต่ออนาคตของประเทศชาติ ซึ่งมีเยาวชนในพื้นที่ติดยาเสพติดเป็นจำนวนมาก”

นายสุธรรม กล่าวทิ้งท้าย ตนขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการแก้ไขและขอให้เลิกยกย่องให้เกียรติพวกค้ายาเสพติด พวกที่ร่ำรวย โดยไม่มีที่มาที่ไป แล้วหันมาดูแลลูกหลานของท่านให้ปลอดภัยจากยาเสพติด

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 28 กุมภาพันธ์ 2568

“สส.พิมพ์พร“เผย เครือข่ายองค์กรงดเหล้า กังวล มาตรา 10 ของ ร่าง พ.ร.บ.คุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ อาจถูกแทรกแซงจากผลประโยชน์ทางการค้า พร้อมแนะควรห้ามขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ให้แก่สตรีมีครรภ์

,

สส.พิมพ์พร เผย เครือข่ายองค์กรงดเหล้า กังวล มาตรา 10 ของ ร่าง พ.ร.บ.คุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ อาจถูกแทรกแซงจากผลประโยชน์ทางการค้า พร้อมแนะควรห้ามขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ให้แก่สตรีมีครรภ์

เมื่อวันที่ 5 ก.พ.เวลา 10.00 น.ที่อาคารรัฐสภา น.ส.พิมพ์พร พรพฤฒิพันธุ์ สส.เพชรบูรณ์ เขต 1 พรรคพลังประชารัฐ(พปชร.) กล่าวหารือในที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรถึงข้อห่วงใยในสุขภาพของเยาวชนและประชาชนในพื้นที่จังหวัดเพชรบูรณ์ โดยเมื่อวันที่ 2 ก.พ.ที่ผ่านมา ตนได้รับหนังสือแสดงข้อคิดเห็นและข้อเสนอแนะจากศูนย์ประสานงานเครือข่ายองค์กรงดเหล้า จังหวัดเพชรบูรณ์ ภาคีเครือข่ายร่วมและชมรมคนหัวใจเพชร เกี่ยวกับการแก้ไขพระราชบัญญัติควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ฉบับที่ พ.ศ….ซึ่งกำลังจะเข้าสู่ที่ประชุมสภาเพื่อพิจารณาในวาระที่ 2 และ 3 ในสัปดาห์นี้

น.ส.พิมพ์พร กล่าวต่อว่า ทางเครือข่ายสนับสนุนและเห็นด้วยเป็นอย่างยิ่งในเรื่องของการเพิ่มความรับผิดชอบของผู้ขาย ด้วยการตรวจสอบอายุผู้ซื้อก่อนขาย รวมถึงการเพิ่มบทลงโทษทางเพ่ง การเพิ่มการตักเตือน การระงับการโฆษณา การพักใช้หรือเพิกถอนใบอนุญาตผู้ขาย ซึ่งจากข้อมูลขององค์การอนามัยโลกจะพบว่า กว่า 60% ของผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนนมักจะมีระดับแอลกอฮอล์ในเลือดสูงกว่าที่กฎหมายกำหนด

“เครือข่ายฯจึงมีความกังวลใจในมาตราที่ 10 ของร่างพ.ร.บ.ที่เสนอให้มีผู้แทนองค์กรที่เป็นนิติบุคคลด้านการผลิต นำเข้า หรือขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อมาเป็นกรรมการ ซึ่งอาจทำให้เกิดความเสี่ยงต่อการถูกแทรกแซงจากผลประโยชน์ทางการค้า และไม่สอดคล้องกับยุทธศาสตร์โลก และขาดแผนการปฏิบัติงานขององค์การอนามัยโลก ซึ่งเสนอแนะเพิ่มเติมในมาตราที่ 29 ในเรื่องห้ามขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ให้แก่สตรีมีครรภ์ เพื่อประโยชน์ต่อการคุ้มครองสุขภาพแก่แม่และเด็กมากขึ้น รวมทั้งขอฝากถึงเรื่องการบังคับใช้กฎหมายเกี่ยวกับบุหรี่ไฟฟ้าให้แก่เด็กและเยาวชน ดิฉันขอฝากไปยังกรรมาธิการและ สส.ในสภาฯให้รับข้อเสนอแนะดังกล่าวไว้พิจารณาด้วย“น.ส.พิมพ์พร กล่าว

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 05 กุมภาพันธ์ 2568

“ชัยมงคล”แนะ ไทยควรมี กม.สั่งห้ามนำเข้าผลผลิตทางการเกษตรที่ใช้วิธีการเผา เชื่อลดปัญหา ฝุ่น PM 2.5 มอง รบ.ยังแก้ไม่ตรงจุด พร้อมนำหารือพรรคร่วมฝ่ายค้าน

,

“ชัยมงคล”แนะ ไทยควรมี กม.สั่งห้ามนำเข้าผลผลิตทางการเกษตรที่ใช้วิธีการเผา เชื่อลดปัญหา ฝุ่น PM 2.5 มอง รบ.ยังแก้ไม่ตรงจุด พร้อมนำหารือพรรคร่วมฝ่ายค้าน

เมื่อเวลา 15.10 น. วันที่ 4 ก.พ.ที่พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) นายชัยมงคล ไชยรบ รองหัวหน้าพรรค และ สส.สกลนคร กล่าวถึงการแก้ปัญหาฝุ่น PM 2.5 พรรคพลังประชารัฐได้ศึกษาข้อมูลและพบว่า การเผาในภาคการเกษตรไม่ได้เกิดขึ้นในประเทศไทยที่เดียว แต่ประเทศเพื่อนบ้านเราก็มีการเผาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งกลุ่มชาวไร่อ้อย ใช้วิธีการเผา จัดเป็นอันดับ 3 รองมาจากกลุ่มผู้ปลูกข้าว และมันสำปะหลัง

นายชัยมงคล กล่าวต่อว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นในขณะนี้คือ เพราะคนไทยไปเป็นพ่อค้าคนกลางรับซื้อสินค้าเกษตรอยู่ต่างประเทศ และนำเข้าพืชผลทางการเกษตร เข้ามาขายในประเทศไทย แต่ถ้าหากประเทศเรามีกฎหมายระบุชัดเจน ในการห้ามนำเข้าผลผลิตทางการเกษตรที่มีการใช้วิธีเผา ก็จะทำให้ปัญหาดังกล่าวลดน้อยลงได้

“  เห็นว่าแนวทางการแก้ปัญหาของรัฐบาลที่ผ่านมา ที่ให้ประชาชนนั่งรถไฟฟ้า BTS และ รถใต้ดินฟรีนั้น เป็นการแก้ไขปัญหาที่ปลายเหตุ และไม่ตรงจุด โดยในวันที่ 7 ก.พ.นี้ พรรคพลังประชารัฐจะนำเรื่องนี้ไปหารือกับพรรคร่วมฝ่ายค้าน ณ ที่ทำการ พรรคไทยสร้างไทย ที่จะมีกาาร่วมรับประทานอาหารพร้อมแบ่งโควตาเวลาในการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลด้วย”นายชัยมงคล กล่าว

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 4 กุมภาพันธ์ 2568

พปชร.“เตรียม นำประเด็นเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์หารือพรรคฝ่ายค้าน สู่การอภิปรายไม่ไว้วางใจ ยืนยัน จุดยืนชัดเจน บ่อนคาสิโน ไม่ควรเกิดขึ้นในประเทศไทย

,

พปชร.“เตรียม นำประเด็นเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์หารือพรรคฝ่ายค้าน สู่การอภิปรายไม่ไว้วางใจ ยืนยัน จุดยืนชัดเจน บ่อนคาสิโน ไม่ควรเกิดขึ้นในประเทศไทย

เมื่อเวลา 14.45 น. วันที่ 4 ก.พ.ที่พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) นายชัยมงคล ไชยรบ รองหัวหน้าพรรค และ สส.สกลนคร เขต 5 พล.ต.ท.ปิยะ ต๊ะวิชัย โฆษกพรรคพลังประชารัฐ ร่วมแถลงผลการประชุมคณะกรรมการบริหารพรรค และคณะทำงานนโยบายและยุทธศาสตร์พรรค ที่มี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ สส.บัญชีรายชื่อ ในฐานะหัวหน้าพรรค เป็นประธานว่า โครงการเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ จะนำไปสู่ปัญหาการติดการพนันอย่างกว้างขวาง นำไปสู่ปัญหาหนี้ครัวเรือนที่รุนแรง ในประวัติศาสตร์สมัยรัชกาลที่ 5 ได้พิจารณาแล้วเห็นว่าเป็นปัญหาใหญ่ เซาะกร่อนบ่อนทำลายวัฒนธรรมครัวเรือนของไทย ที่สุดทรงให้ยกเลิกบ่อนเบี้ย รัฐบาลควรจะเน้นการปราบปรามมากกว่า

“เราเห็นกันทุกวันจากข่าว การพนันนำไปสู่ยาเสพติด การฟอกเงิน และปัญหาอาชญากรรม และปัญหาสังคมหลายอย่าง  ประเทศบอบช้ำมาพอแล้ว และหากต่อไปมีบ่อนการพนัน จะเกิดปัญหาหนี้สินและจะมีการประทุษร้ายต่อทรัพย์ วิ่งราว ลักทรัพย์  ตามมาและปัญหานี้จะเป็นผลเสียและมะเร็งร้ายทำลายสังคมไปชั่วลูกชั่วหลาน โดยในวันพรุ่งนี้(5 ก.พ.)พปชร.จะแถลงข่าวคัดค้านการเปิดกาสิโนเสรีตามนโยบายของรัฐบาลอย่างจริงจังอีกครั้งที่รัฐสภา“ พล.ต.ท.ปิยะ

ด้านนายชัยมงคล พรรคพลังประชารัฐมีมติร่วมกันในเรื่อง ร่างพระราชบัญญัติ(พ.ร.บ.) การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร หรือเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ว่า เราต้องร่วมกันคัดค้านและต่อต้าน เนื่องจากเห็นว่าเรื่องดังกล่าวเป็นเพียงการกล่าวอ้างเป็นฉาก แต่ลึก ๆ แล้วมีวัตถุประสงค์เพื่อบ่อนคาสิโน ซึ่งถือว่าการพนัน เป็นการมอมเมาประชาชน ในประวัติศาสตร์ไทยจะเห็นได้ว่ารัชกาลที่ 5  ทรงปิดบ่อนอากร บ่อนเบี้ย ที่เป็นบ่อนการพนัน ซึ่งสามารถทำรายไดเให้กับรัฐปีละ 800,000 บาทในสมัยนั้นถือว่าเยอะมาก แต่เมื่อพระองค์ท่านได้ศึกษาข้อเท็จจริง จึงได้เห็นภัยของการพนัน และได้ทรงยกเลิก

”รัฐบาลชุดนี้บอกกับประชาชนว่าจะทำซอลฟ์พาวเวอร์ แต่สุดท้ายก็มาลงที่บ่อนคาสิโน เรื่องนี้พรรคพลังประชารัฐไม่เห็นด้วย และถือว่าเป็นภัยคุกคามต่อประเทศ ซึ่งจะนำเสนอเข้าสู่พรรคร่วมฝ่ายค้าน เพื่อนำไปสู่การอภิปรายไม่ไว้วางใจ บนจุดยืนที่ชัดเจน นำโดย พลเอกประวิตร และคณะกรรมการบริหารพรรค มีความเห็นสอดคล้องต้องกัน“นายชัยมงคล กล่าว

นายชัยมงคล กล่าวต่อว่า นายกรัฐมนตรีและผู้มีอำนาจทั้งหลายในบ้านเมือง มักจะให้สัมภาษณ์ว่า บ่อนคาสิโนมีเพียงแค่ 10 เปอร์เซ็นต์ แต่ในข้อเท็จจริงแล้ว 10 เปอร์เซ็นต์นี้คือตัวการที่จะทำร้ายชาติบ้านเมือง บ่อนคาสิโนเป็นเรื่องที่ไม่ควรที่จะเกิดขึ้นในประเทศไทย เรามีกฎหมายห้ามเล่นการพนัน แต่เหตุใดถึงจะมีการนำบ่อนเข้ามาเปิด นอกจากนี้ สถานที่ ๆ จะมีการนำบ่อนคาสิโนมาเปิด กลับเป็นจังหวัดสถานที่ท่องเที่ยวอย่างเช่น เชียงใหม่ ภูเก็ต เขตคลองเตย แต่ต่างประเทศเขาจะไปเปิดในพื้นที่ทุรกันดาร

“ผมเชื่อว่า ในความเป็นจริงแล้ว เมื่อเปิดมาก็จะไม่ได้มีคนต่างชาติไปเล่นเท่าไหร่หรอก สุดท้ายแล้วก็จะเป็นคนไทยที่อยู่ในชนชั้นกลาง และชนชั้นล่าง ที่จะเข้าไปเล่นการพนัน อย่างเช่น เมื่อคืนที่ผ่านมา บ่อนที่จังหวัดนครนายกถูกจับ 200 กว่าคนก็มีแต่คนไทยล้วน ๆ”

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 4 กุมภาพันธ์ 2568

 “พล.ต.ท.ปิยะ” จี้ รัฐบาลเร่งนำลูกประมงชาวไทยกลับสู่แผ่นดินด่วน หลังผ่านมา 58 วัน ยังไร้ความคืบหน้า ไม่มีความชัดเจน

,

 “พล.ต.ท.ปิยะ” จี้ รัฐบาลเร่งนำลูกประมงชาวไทยกลับสู่แผ่นดินด่วน หลังผ่านมา 58 วัน ยังไร้ความคืบหน้า ไม่มีความชัดเจน

เมื่อเวลา 15.00 น. วันที่ 27 มกราคม ที่พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) พล.ต.ท.ปิยะ ต๊ะวิชัย โฆษกพรรคพลังประชารัฐ กล่าวว่า วันนี้คือวันที่ 27 ม.ค.เป็นวันครบรอบวันเกิดพรรคเพื่อไทย และเป็นวันครบรอบ 58 วัน ที่ 4 ลูกเรือไทยถูกเมียนมาจับตัว ซึ่งทางการไทยยังไม่สามารถนำตัวลูกเรือกลับคืนสู่ครอบครัวได้ ทั้งที่ก่อนหน้านี้รัฐบาลบอกว่าใช้เวลาไม่นาน ก่อนปีใหม่จะกลับสู่ประเทศไทย แต่ก็ผัดผ่อนไปเรื่อย จนครบ 58 วันแล้ว ลูกเรือทั้งหมดยังคงอยู่ภายใต้การควบคุมของเมียนมา และยังไม่รวมถึงการพิสูจน์ทราบว่า บริเวณที่ถูกจับอยู่ในอาณาเขตของไทย หรือพื้นที่ทับซ้อน หรืออาณาเขตของประเทศใด

“พรรคพลังประชารัฐขอเรียกร้องให้รัฐบาลให้ความสำคัญต่ออาณาเขตทางทะเล และนำพาลูกประมงทั้งหมดกลับสู่แผ่นดินไทยโดยเร็วที่สุด เพราะรัฐบาลมีหน้าที่ในการปกป้องชีวิตของพี่น้องคนไทย และรับผิดชอบต่อผลประโยชน์ทางทะเลในอาณาเขตประเทศไทย“ พล.ต.ท.ปิยะ กล่าว

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 29 มกราคม 2568

พปชร.มีมติค้านเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ชี้ ร่าง พ.ร.บ.สถานบันเทิงครบวงจร หมกเม็ด ซ่อนเงื่อนให้อำนาจ เลขาฯและคกก.ทั้งที่มี กระทรวงมหาดไทย รับผิดชอบ พ.ร.บ.การพนัน อยู่แล้ว

,

พปชร.มีมติค้านเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ชี้ ร่าง พ.ร.บ.สถานบันเทิงครบวงจร หมกเม็ด ซ่อนเงื่อนให้อำนาจ เลขาฯและคกก.ทั้งที่มี กระทรวงมหาดไทย รับผิดชอบ พ.ร.บ.การพนัน อยู่แล้ว

เมื่อเวลา 15.00 น. ที่พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) พล.ต.ท.ปิยะ ต๊ะวิชัย โฆษกพรรคพปชร.และนายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล ประธานคณะกรรมการด้านวิชาการพรรค พปชร.ร่วมแถลงผลการประชุมคณะกรรมการบริหารพรรค และคณะทำงานนโยบายและยุทธศาสตร์พรรค ที่มีพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรค เป็นประธานว่า ที่ประชุมได้หารือถึงแนวทางการคัดค้านการให้ใบอนุญาตการมีบ่อนกาสิโนในประเทศไทย ตามร่างพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร พ.ศ….. โดยในที่ประชุมได้มีการนำเสนอข้อมูลต่างๆ จำนวนมาก โดยที่ประชุมพิจารณาแล้วมีเหตุผลจำเป็นที่จะต้องคัดค้านโครงการเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ใน 3 ด้านหลัก สังคม เศรษฐกิจ และธรรมาภิบาล ในด้านสังคม เห็นว่า จะนำไปสู่ปัญหาการติดการพนันอย่างกว้างขวาง นำไปสู่ปัญหาหนี้ครัวเรือนที่รุนแรงหนักหน่วงขึ้น โดยพิจารณาเหตุการณ์ในอดีตและในประวัติศาสตร์ สมัยรัชกาลที่ 5 ได้พิจารณาแล้วเห็นว่าเป็นปัญหาใหญ่ เซาะกร่อนบ่อนทำลายวัฒนธรรมครัวเรือนของไทย ที่สุดทรงให้ยกเลิกบ่อนเบี้ย ส่วนเรื่องพนันออนไลน์ รัฐบาลควรจะเน้นการปราบปรามให้คืบหน้ามากกว่า มีตัวอย่างรัฐบาลสิงคโปร์ที่สั่งปิดเว็บไซต์พนันได้กว่า 3,800 เว็บไซต์

นายธีระชัย กล่าวต่อว่า ในด้านเศรษฐกิจ ผลประโยชน์ต่อการท่องเที่ยวมีน้อย เพราะจุดขายการท่องเที่ยวของไทยอยู่ที่วัฒนธรรม อาหาร สถานที่ท่องเที่ยวเป็นหลัก ส่วนการจ้างงานจะไม่มา และจะนำไปสู่จุดอ่อนในแง่ธรรมาภิบาลที่สังคมไทยมีอยู่ จุดอ่อนเหล่านี้จะนำไปสู่ปัญหาการฟอกเงิน การกำหนดจำนวนใบอนุญาตที่เหมาะสม รวมถึงการกำกับควบคุม อีกทั้งร่างกฎหมายดังกล่าวไม่ได้มีมาตรการสำหรับผลกระทบต่อสังคมเท่าที่ควร ซึ่งพรรคพปชร.ตัดสินแล้วเห็นว่าสมควรคัดค้านกฎหมายฉบับนี้  

ด้าน พล.ต.ท.ปิยะ กล่าวว่า ในวันที่ 5 ก.พ. คณะกรรมการบริหารพรรค คณะทำงานนโยบายและยุทธศาสตร์พรรค และ สส.จะแถลงข่าวคัดค้านการเปิดกาสิโนเสรีตามนโยบายของรัฐบาลอย่างจริงจังอีกครั้งที่รัฐสภา เพราะผลกระทบที่เกิดขึ้นในวันนี้เราเห็นกันทุกวันจากข่าว เมายา ทำร้ายพ่อแม่ เผาบ้าน ทำร้ายลูกเมียถึงแก่ชีวิต ขับรถชนคนตาย ซึ่งเกิดขึ้นจากยาเสพติด ประเทศบอบช้ำมามากพอแล้ว และต่อไปจะมี ปัญหาหนี้สินและหนี้จากการพนัน  ซึ่งจะนำมาซึ่งการประทุษร้ายต่อทรัพย์ วิ่งราว ลักทรัพย์ จะเกิดขึ้นตามมา  ปัญหานี้จะเป็นผลเสียและมะเร็งร้ายทำลายสังคมไปชั่วลูกชั่วหลาน โดยวันนี้ พล.อ.ประวิตรฯ หน.พรรค, รอง หน. ฮัลโหล พรรคทุกท่านและกรรมการบริหารพรรค ทุกคนมีมติในที่ประชุม ให้ สส.และสมาชิกพรรค คัดค้านการเปิดการพนันเสรี หรือกาสิโนเสรี หรือเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ในทุกมิติ

“ร่างพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร พ.ศ. …. ยังมีการหมกเม็ด โดยเฉพาะมีการซ่อนเงื่อนเอาไว้ ไม่ว่าจะเป็นการให้อำนาจเลขาธิการคณะกรรมการตาม พ.ร.บ. มีอำนาจมากมาย  ทั้งที่เรามี พ.ร.บ.การพนัน มีหน่วยงานที่รับผิดชอบอยู่แล้วคือ กระทรวงมหาดไทย ซึ่งคณะกรรมการที่ตั้งมาตาม พ.ร.บ.นี้จะมีอำนาจเหนือหน่วยงานที่มีหน้าที่โดยชอบด้วยกฎหมายเป็นหนึ่งในข้อที่หมกเม็ด นอกจากนี้ ในมาตรา 11 ของ พ.ร.บ. มีการให้อำนาจคณะกรรมการกำหนดเงื่อนไขต่างๆ ตลอดอัตราค่าธรรมเนียม ทั้งใบอนุญาตครั้งแรกและรายปี เป็นต้น  ซึ่งกรณีดังกล่าวรัฐบาล พยายามโฆษณาประชาสัมพันธ์ว่าจะมีรายได้ เข้าประเทศเป็นจำนวนมาก   แต่ปรากฏว่าในเงื่อนไขตามท้าย  พรบ.นั้น  กำหนดใบอนุญาตครั้งแรก ไม่เกินห้าพันล้านบาท และค่าธรรมเนียมรายปีอีกไม่เกินหนึ่งพันล้านบาท (ซึ่งคณะกรรมการสามารถกำหนดต่ำกว่านั้นได้ )รวมแล้วรายได้อยู่ที่ 3.4 หมื่นล้านบาท หาร 30 ปี แล้วเหลือปีละพันกว่าล้านบาท เป็นเงินรายได้ที่น้อยมากเมื่อเทียบกับผลกระทบกับประชาชน และสังคมไทยต้องรับปัญหา”พล.ต.ท.ปิยะ ฯกล่าว

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 29 มกราคม 2568

“พปชร.”จี้ รัฐบาลเร่งแก้ปัญหาฝุ่นพิษ ป้องกันปัญหาสุขภาพของประชาชน และระงับผลกระทบต่อการท่องเที่ยว

,

“พปชร.”จี้ รัฐบาลเร่งแก้ปัญหาฝุ่นพิษ ป้องกันปัญหาสุขภาพของประชาชน และระงับผลกระทบต่อการท่องเที่ยว

เมื่อเวลา 15.20 น. วันที่ 27 มกราคม ที่พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล ประธานด้านวิชาการ พปชร.กล่าวถึงสถานการณ์ปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็กไม่เกิน 2.5 ไมครอน หรือ PM 2.5 ว่า ระหว่างที่ร่าง พ.ร.บ.อากาศสะอาดจะใช้เวลาพิจารณาผ่านรัฐสภาอีกระยะหนึ่งนั้น รัฐบาลควรเดินหน้าบริหารจัดการเพื่อป้องปรามฝุ่นพิษไปพลางก่อนได้เลย รัฐบาลควรพุ่งเป้าไปที่ปัญหาจากการเผาในกิจกรรมเกษตรทั้งในประเทศเพื่อนบ้านและในไทย เพราะข้อมูลล่าสุดปรากฏมีจุดเผารวมกันแต่ละปีนับล้านจุดใน 4 ประเทศ คือ ไทย เมียนมา ลาว และกัมพูชา

นายธีระชัย กล่าวต่อว่า พปชร.ขอเสนอให้รัฐบาลพิจารณาใช้มาตรการด้านการเงินเพื่อเสริมมาตรการด้านการกำกับดังเช่นที่สิงคโปร์เคยทำสำเร็จมาแล้ว ตัวอย่างดังนี้

1.กระทรวงเกษตรกำหนดมาตรฐานและขึ้นบัญชีบริษัทเซอเวเยอร์เอกชนเพื่อให้ทำการตรวจสอบการเผาทั้งในประเทศไทยและในประเทศเพื่อนบ้าน โดยเอกชนเป็นผู้จ่ายค่าจ้างบริษัทเซอเวเยอร์

2.กระทรวงการคลังกำหนดภาษีพิเศษเพื่อป้องปรามฝุ่นพิษ โดยกำหนดให้มีผลใช้บังคับเมื่อพ้นหนึ่งปี เช่นการนำเข้าข้าวโพดและอ้อยหรือน้ำตาลที่ปลูกในประเทศเพื่อนบ้าน ให้เก็บจากบริษัทผู้นำเข้าในอัตราสูงสุดจนถึง 100% สำหรับการซื้อขายข้าวโพดและอ้อยที่ปลูกในประเทศไทย เก็บจากโรงงานผลิตอาหารสัตว์และโรงงานน้ำตาลในอัตราสูงสุดจนถึง 100% และการส่งออกข้าวเก็บจากบริษัทผู้ส่งออกในอัตรา 5%

โดยการนำเข้าข้าวโพดและอ้อยหรือน้ำตาลที่ปลูกในประเทศเพื่อนบ้าน และการซื้อขายข้าวโพดและอ้อยที่ปลูกในประเทศไทย ให้ยกเว้นสำหรับผู้เสียภาษีที่มีใบรับรองจากบริษัทเซอเวเยอร์รับอนุญาตว่าในห้วงเวลาหนึ่งปีก่อนหน้า แปลงที่ผลิตไม่มีการเผา แต่กรณีการส่งออกข้าว เมื่อครบหนึ่งปีให้นำเงินภาษีส่งออกมาแบ่งคืนให้แก่ อบต. ตามสัดส่วนการผลิตข้าว ยกเว้นพื้นที่ อบต. ใดที่มีจุดการเผาฟางในห้วงเวลาหนึ่งปีที่ผ่านมา จะถูกริบเอาเงินไปเฉลี่ยให้ อบต. อื่นๆ ในปีถัดไป

3.กระทรวงเกษตรจัดงบประมาณซื้อรถตัดอ้อยประจำชุมชน โดยมอบหมายกำหนดพื้นที่ไร่อ้อยให้โรงหีบอ้อยดูแลการวางแผนปลูก เพื่อให้รถเข้าไปได้ทุกแปลงต่อเนื่อง และซื้อเครื่องอัดฟางข้าวหรือแปรรูปฟางข้าวเพื่อนำไปใช้ประโยชน์อื่น

“นายกรัฐมนตรีจะต้องเป็นหลักในการขับเคลื่อนเรื่องนี้เพราะเกี่ยวข้องกับหลายส่วนราชการ โดยอัตราภาษี (ก) และ (ข) นั้นอาจเริ่มต้นในระดับต่ำแล้วปรับสูงขึ้นทุกปีเพื่อให้เวลาปรับตัวก็ได้” นายธีระชัย กล่าว

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 29 มกราคม 2568

“ชัยวุฒิ”แนะ รบ.ลองขึ้นรถไฟฟรีดูว่าทำให้ฝุ่นหายไปหรือไม่ ซัด แก้ปัญหาไม่ถูกจุด แนะคุมเข้ม เผาอ้อย-ข้าวโพด

,

“ชัยวุฒิ”แนะ รบ.ลองขึ้นรถไฟฟรีดูว่าทำให้ฝุ่นหายไปหรือไม่ ซัด แก้ปัญหาไม่ถูกจุด แนะคุมเข้ม เผาอ้อย-ข้าวโพด

เมื่อเวลา 15.00 น. วันที่ 27 มกราคม ที่พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รองหัวหน้าพรรค พปชร.กล่าวถึงแนวทางที่รัฐบาลให้ประชาชนใช้รถไฟฟ้า และรถโดยสารได้ฟรี ลดการใช้รถยนต์ เพื่อลดฝุ่น PM2.5 ในระยะเวลา 7 วัน ใข้งบ 140 ล้าน ว่า ให้ลองขึ้นรถไฟฟรีดูว่าทำให้ฝุ่นหายไปหรือไม่ หรือทำให้ตนเองหายคัดจมูกหรือไม่

นายชัยวุฒิ กล่าวต่อว่า คนที่ใช้รถส่วนตัวอยู่แล้วก็คงใช้เหมือนเดิม เพราะคนที่เดินทางโดยรถไฟฟ้าได้ ก็เพราะอยู่ใกล้รถไฟฟ้าขึ้นลงได้สะดวก ส่วนคนที่ต้องใช้รถยนต์ก็เพราะเขามาขึ้นรถไฟฟ้าไม่สะดวก ตนเองมองว่า ให้ขึ้นรถไฟฟ้าฟรีก็คงไม่มีผลกับการลดจำนวนรถยนต์บนท้องถนนได้เท่าไหร่ เหมือนกับแก้ปัญหาไม่ถูกจุดและไม่ใช่ประเด็น

“พรรค พปชร.จะมีมาตราการในเรื่องการควบคุมการเผาอ้อย เผาข้าวโพด ซึ่งปัจจุบันมีเยอะมาก ซึ่งมาตราการที่เราอยากผลักดันมากที่สุดก็คือทางภาษี จำกัดการนำเข้าและเรื่องภาษีในการเผา ถ้ามีการเผาก็จะมีบทลงโทษในเรื่องนี้ เพื่อให้เป็นมาตราการลดการเผา”นายชัยวุฒิ กล่าว

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 29 มกราคม 2568

“อุตตม”ชี้ชะตา ศก.ไทย ฟื้นหรือฟุบ อยู่ที่การจัดการ พร้อม ชูแผนฟื้นเศรษฐกิจ-พัฒนาคน ดันเป็นวาระแห่งชาติ มุ่งแก้ปัญหาคนไทย ข้ามผ่านวิกฤต สู่อนาคตที่ยั่งยืน

,

“อุตตม”ชี้ชะตา ศก.ไทย ฟื้นหรือฟุบ อยู่ที่การจัดการ พร้อม ชูแผนฟื้นเศรษฐกิจ-พัฒนาคน ดันเป็นวาระแห่งชาติ มุ่งแก้ปัญหาคนไทย ข้ามผ่านวิกฤต สู่อนาคตที่ยั่งยืน

วันที่ 20 ม.ค.เวลา 11.20 น.พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.)ได้จัดกิจกรรมสัมมนา ประจำปี 2568 ภายใต้หัวข้อ “Now & Next พรรคพลังประชารัฐ“ณ โรงแรมซี แซนด์ ซัน หัวหิน รีสอร์ท โดย ดร.อุตตม สาวนายน ประธานกรรมการนโยบาย เเละรองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ และอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า ในปี 2568 ถือเป็นปีแห่งความท้าทายครั้งใหญ่ของประเทศไทย เศรษฐกิจจะฟื้นตัวหรือฟุบลง ขึ้นอยู่กับความสามารถในการจัดการกับความท้าทายทั้งภายในและภายนอกประเทศ ความท้าทายสำคัญที่อยู่เบื้องหน้าคือ เศรษฐกิจปากท้องของคนไทย ซึ่งยังคงเป็นปัญหาหลัก และยังต้องเผชิญกับสัญญาณเตือนจากภายนอก เช่นเศรษฐกิจโลกที่ฟื้นตัวช้าและไม่ครอบคลุม ความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ที่ยังคงกดดันการเติบโตทางเศรษฐกิจ

ดร.อุตตม กล่าวต่อว่า ประเทศไทยยังเผชิญกับข้อจำกัดภายในคือขีดความสามารถในการแข่งขันลดลง เครื่องยนต์หลักทางเศรษฐกิจอ่อนกำลังลงอย่างต่อเนื่อง การส่งออกเผชิญความเสี่ยงที่จะหลุดจากขบวนเศรษฐกิจโลกใหม่ การท่องเที่ยวฟื้นตัวไม่เต็มศักยภาพ ความสามารถในการดึงดูดนักลงทุนต่างชาติลดลง การลงทุนรวมในประเทศตกต่ำถึงจุดต่ำสุดในรอบ 30 ปี เศรษฐกิจซบเซาอย่างต่อเนื่องยาวนานตั้งแต่หลังวิกฤตโควิด-19 และฟื้นตัวช้ากว่าเพื่อนบ้านในอาเซียน เราจำเป็นต้องพลิกเกมเศรษฐกิจใหม่ เพื่อรับมือกับความท้าทายเหล่านี้อย่างเร่งด่วน และสร้างความมั่นคงให้กับอนาคตเศรษฐกิจไทยในระยะยาว

ดร.อุตตม ยังกล่าวเพิ่มเติมถึง โจทย์ใหญ่สำคัญของประเทศไทย โดยเฉพาะรัฐบาลคือ การเร่งฟื้นฟูเศรษฐกิจอย่างแท้จริงและยั่งยืน รวมถึงการเร่งวางรากฐานเศรษฐกิจและยกระดับการปฏิรูประบบเศรษฐกิจไทยอย่างเป็นรูปธรรม โดยมุ่งเน้นการสร้างความเข้มแข็งและสร้างความมั่งคั่งของเศรษฐกิจฐานรากและชุมชนพรรคพลังประชารัฐ

“ผมจึงอยากเห็นรัฐบาลจัดสรรงบประมาณอย่างเพียงพอ โดยเน้นการสร้างงานในชุมชนท้องถิ่น ส่งเสริมความเข้มแข็งในตัวเอง พร้อมยึดโยงกับการยกระดับภาคการเกษตร การท่องเที่ยว และวิสาหกิจชุมชน/การผลิตชุมชน ให้ผสานกันเพื่อผลักดันการพัฒนาให้ก้าวหน้าได้อย่างเต็มศักยภาพ”ดร.อุตตม กล่าว

ดร.อุตตม กล่าวต่อว่า พปชร.ขอเรียกร้องให้รัฐบาลเร่งขับเคลื่อนการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ขึ้นเป็นวาระแห่งชาติ เพื่อให้คนไทยมีทักษะและองค์ความรู้ที่จำเป็น สร้างศักยภาพการเติบโตในเศรษฐกิจโลกใหม่ (New Economy) อย่างแท้จริง ทั้งนี้ หลายประเทศในอาเซียนได้เร่งลงทุนมหาศาลใน “การพัฒนาคน” แทนที่จะมุ่งเน้นเพียง การลงทุนใน “โครงสร้างพื้นฐาน” หรือ Hardware อย่างเดียว

ดร.อุตตม ยังกล่าวทิ้งท้ายว่า พรรคพลังประชารัฐมีพลังและความมุ่งมั่นในการทำงานเพื่อประชาชนอย่างเต็มที่ พร้อมสนับสนุนให้ประเทศไทยก้าวข้ามความท้าทายครั้งใหญ่ เพื่อเรียกคืนความเชื่อมั่นในประเทศและสร้างความน่าเชื่อถือจากต่างประเทศ ผ่านการทำงานทั้งในสภาและพื้นที่ โดยอาศัยเครือข่ายที่เข้มแข็งทั่วประเทศ นอกจากบทบาทฝ่ายค้าน พรรคยังมุ่งพัฒนาการเมืองที่ตอบสนองความต้องการคนไทย แก้ปัญหาความยากจน ลดความเหลื่อมล้ำ และวางรากฐานอนาคตที่มีคุณค่า

ที่มา: พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 22 มกราคม 2568

“สนธิรัตน์”มั่นใจ พปชร.มีโอกาสอีกมาก ประกาศยุทธศาสตร์ ปรับตัวพรรคครั้งใหญ่ ชูอุดมการณ์อนุรักษ์นิยมทันสมัย ขยายฐานเสียง คว้าชัยชนะทางการเมือง

,

“สนธิรัตน์” มั่นใจ พปชร.มีโอกาสอีกมาก ประกาศยุทธศาสตร์ ปรับตัวพรรคครั้งใหญ่ ชูอุดมการณ์อนุรักษ์นิยมทันสมัย ขยายฐานเสียง คว้าชัยชนะทางการเมือง

นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ ประธานศูนย์นโยบายและวิชาการ พรรคพลังประชารัฐและอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์และพลังงาน กล่าวว่า หากมองไปยังการเคลื่อนไหวของกลุ่มการเมืองต่างๆ บนกระดานการเมืองเวลานี้ ตนมั่นใจว่าพรรค พปชร.​ยังมีโอกาสทางการเมืองอีกมาก โดยมีปัจจัยสำคัญจากการโต้กลับของพลังอนุรักษ์นิยมที่จะขยายตัวกว้างมากขึ้นเรื่อยๆ จากการบริหารงานของรัฐบาลปัจจุบันซึ่งเอาแต่จะขับเคลื่อนนโยบายเพื่อผลประโยชน์ของตัวเอง เช่น กรณีคาสิโนเสรี พนันบนดิน และเมื่อดูโพลต่างๆ ก็พบว่า พปชร. ยังคงเป็นพรรคที่อยู่บนกระดานการเมือง อยู่ในใจประชาชน ยังมี ส.ส. ในสภาไว้เป็นปากเป็นเสียง มีกลุ่มการเมือง มีบ้านใหญ่ต่างๆ รวมพลังกันอย่างเหนียวแน่น

”วันนี้ประชาชนยังหาพรรค ยังหาคนที่เหมาะสมสำหรับการเลือกตั้งครั้งหน้าไม่ได้ โพลบอกว่าเป็นจำนวนมากถึงยี่สิบเปอร์เซ็นต์ พรรคของเราต้องเป็นตัวแทนของคนกลุ่มนี้ให้ได้ สร้างนโยบายให้โดนใจคนกลุ่มนี้ให้ได้ เราต้องปลุกคลื่นพลังอนุรักษ์นิยมให้กลับมาเข้มแข็งอีกครั้งหนึ่ง ใช้จุดเด่นของบุคลากรพรรค คือเรื่องปากท้อง ศก. มีมือ ศก. ที่มีประสบการณ์ มาร่วมกันวิพากษ์วิจารณ์ให้ข้อเสนอแนะต่อการดำเนินนโยบายของรัฐบาลอย่างสม่ำเสมอ เดินหน้าตรวจสอบรัฐบาลอย่างต่อเนื่อง ตนคิดว่า คำวิจารณ์ที่มีเหตุมีผล กลั่นกรองจากข้อมูลที่เข้มข้นของพวกเรา จะช่วยดึงดูดคนรุ่นใหม่ที่ไม่ชอบดราม่าทางการเมือง ให้มาสนใจพรรคมากขึ้น แต่การมีข้อมูลเหล่านั้น ก็จำเป็นต้องสร้างทีม ต้องลงแรง ต้องมีระบบการทำงานที่เข้มแข็ง ซึ่งท่านหัวหน้าพรรคได้ให้การสนับสนุนเป็นอย่างดี“นายสนธิรัตน์

นายสนธิรัตน์ ยังนำเสนอถึงยุทธศาสตร์การทำงานของพรรคในช่วงเวลาสองปีข้างหน้าที่รัฐบาลจะหมดวาระ และมีการเลือกตั้ง เราจำเป็นต้อง 1. สร้างและรวมพลังชุดความคิดใหม่ ใช้ความคิดอนุรักษ์นิยมทันสมัย เป็นชุดอุดมการณ์ที่จะใช้เพื่อชนะทางความคิด เพื่อชนะทางการเมือง 2.เตรียมการทำงานในพื้นที่เป้าหมาย สร้างความเข้มแข็งของพื้นที่ และขยายฐานผู้สนับสนุนของเราออกไปให้กว้าง 3.เร่งปรับภาพลักษณ์ สร้างแบรนด์ ทำให้พลังประชารัฐ​เป็นพรรคการเมืองแห่งความหวัง

นายสนธิรัตน์ กล่าวต่อว่า ตนพูดได้เต็มปากว่า พรรคพลังประชารัฐ ยังมีโอกาส พรรคพลังประชารัฐกับตนมีความผูกพันกันมานาน เพราะตนเป็นหนึ่งในผู้ร่วมก่อตั้งพรรคในปี 2561 วันนั้น เรานับหนึ่ง ถือว่ายากและท้าทาย แต่ในที่สุด เรารวบรวมกลุ่มการเมือง คนการเมือง มาเป็นพรรคการเมือง จนสามารถจัดตั้งรัฐบาลได้สำเร็จ วันนี้ ปี 2568 ผมรู้ว่ายากและท้าทายกว่ามาก แต่ตนเชื่อว่า ยังคงมีประชาชนที่นิยมพรรคพลังประชารัฐอยู่ทั่วประเทศ ถ้าเราหาเจอ แล้วเชื่อมต่อด้วยชุดความคิด ความเชื่อแบบเดียวกัน เราจะหาคะแนนเสียงจนเจอ นี่คือสิ่งที่ทำให้ผมเชื่อว่า พรรคพลังประชารัฐยังมีโอกาส

“Now วันนี้ ผมเชื่อว่า พรรคพลังประชารัฐยังมีโอกาส Next วันข้างหน้า โอกาสในการเป็นรัฐบาลจะอยู่ในมือเรา เพื่อให้เราได้ดูแลพี่น้องประชาชนอีกครั้งหนึ่ง”นายสนธิรัตน์ กล่าว

ที่มา: พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 22 มกราคม 2568