โลกเปลี่ยน ไทยต้องปรับ ทางเลือกใหม่ของการเมืองไทย ก้าวข้ามความขัดแย้ง สานพลังประชาราษฎร์ ร่วมสร้างชาติให้ยั่งยืน

ป้ายกำกับ: ข่าวกิจกรรมพรรค

“สุธรรม สส.นครศรีธรรมราช”เร่ง หน่วยงานที่เกี่ยวข้องติดตั้งสัญญาณไฟจราจร 2 จุด บนเส้นทางหลัก หลังเกิดอุบัติเหตุบ่อยครั้งจากจราจรที่คับคั่ง

,

“สุธรรม สส.นครศรีธรรมราช”เร่ง หน่วยงานที่เกี่ยวข้องติดตั้งสัญญาณไฟจราจร 2 จุด บนเส้นทางหลัก หลังเกิดอุบัติเหตุบ่อยครั้งจากจราจรที่คับคั่ง

นายสุธรรม จริตงาม สส.นครศรีธรรมราช เขต 6 พรรคพลังประชารัฐ(พปชร.)กล่าวหารือในที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรว่า ตนขอขอบคุณที่ไว้วางใจให้เป็นตัวแทนของพี่น้องของอำเภอทุ่งสง ตนจะขอปฎิบัติหน้าที่ให้ดีที่สุด ทั้งในสภาแห่งนี้และนอกสภา ซึ่งวันนี้ตนจะหารือถึงความเดือดร้อนของประชาชน โดยขอให้ติดตั้งสัญญาณไฟจราจร บริเวณสามแยกจุดกลับรถ สามแยกตลาดนัด ต.ที่วัง อ.ทุ่งสง เส้นทางหลวงหมายเลข 403 ซึ่งเป็นเส้นทางสายหลักเชื่อมต่อระหว่างจังหวัดนครศรีธรรมราชกับจังหวัดตรัง โดยสามแยกจุดกลับรถแห่งนี้มีการจราจรคับคั่งตลอดทั้งวัน เนื่องจากเป็นแหล่งชุมชนขนาดใหญ่ และเป็นที่ตั้งของโรงงานปูนซีเมนต์ ไทย สาขาภาคใต้ ส่งผลให้มีรถบรรทุกขนาดใหญ่ วิ่งสัญจรไปมาตลอดทั้งวัน

นายสุธรรม กล่าวต่อว่า สภาพแวดล้อมที่มีทั้งตลาดนัด จุดกลับรถ คนข้ามถนน และรถบรรทุกขนาดใหญ่ ประกอบกับมีอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ถึง 2 โรงงาน และไม่มีไฟสัญญาณจราจร ทำให้เกิดอุบัติเหตุง่ายขึ้น ส่งผลกระทบกับประชาชนและทรัพย์สินเป็นอย่างมาก จึงขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งติดตั้งสัญญาณไฟจราจร ที่บริเวณสามแยกจุดกลับรถด้วย

นอกจากนี้ นายสุธรรม กล่าวว่า ตนได้รับเรื่องร้องเรียนจากนายกองค์การบริหารส่วนตำบลนาไม้ไผ่ อำเภอทุ่งสง ถึงปัญหาอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นบ่อยครั้ง บริเวณสี่แยกวังขรี เส้นทางหลวงหมายเลข 4116 ช่วงอำเภอบ่อน้ำร้อน กม.ที่ 2+960 ซึ่งเป็นเส้นทางสายหลักมุ่งหน้าสู่ อำเภอบางขัน จังหวัดนครศรีธรรมราช เพื่อมุ่งหน้าต่อจังหวัดกระบี่ เส้นทางสายนี้มีพี่น้องใช้สัญจรเป็นจำนวนมาก มีทั้งโรงเรียนวัดดงขรี และร้านสะดวกซื้อ โดยในช่วงสองปีที่ผ่านมามีหมู่บ้านจัดสรรทยอยขึ้นบริเวณแห่งนี้หลายโครงการ ทำให้มีการจราจรคับคั่ง ส่งผลทำให้เกิดอุบัติเหตุบ่อยครั้ง ตนขอฝากไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องคือ แขวงทางหลวงนครศรีธรรมราชที่ 2 กรมทางหลวงคมมนาคม เพื่อเร่งให้ติดตั้งสัญญาณไฟจราจรสองจุดนี้ อย่างเร่งด่วนด้วยครับ

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 23 สิงหาคม 2566

“อัครแสนคีรี”แนะ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งขุดลอกเขื่อนลำปะทาว กำจัดตะกอนดิน เพิ่มความจุในเขื่อน ป้องกันน้ำท่วม จ.ชัยภูมิ

,

“อัครแสนคีรี”แนะ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งขุดลอกเขื่อนลำปะทาว กำจัดตะกอนดิน เพิ่มความจุในเขื่อน ป้องกันน้ำท่วม จ.ชัยภูมิ

วันที่ 22 ส.ค.2566 ที่รัฐสภา พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ(พปชร.)มอบหมายให้ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า เลขาธิการ พปชร.รับหนังสือจากสหพันธ์ครูแสะบุคลากรทางการศึกษาแห่งประเทศไทย โรงเรียนบ้านหันเชียงเทียน ตำบลเขวา อำเภอเมืองจังหวัดมหาสารคาม ภายใต้การประสานงานโดยนายปรีดา บุญเพลิง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรพรรคครูไทยเพื่อประชาชน

สำหรับโดยหนังสือดังกล่าว มีสาระสำคัญคือ ขอให้คณะกรรมข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา(ก.ค.ศ.)พิจารณามติก.ค.ศ.ที่คลาดเคลื่อนเพื่อเยียวยาผู้ส่งผลงานตามหลักเกณฑ์และวิธีการว13/2556 น้ำสู่การพิจารณารับรองคุณสมบัติข้ารับการประเมิน โดยการเปิดประชุม ก.ค.ศ.

ทั้งนี้ ในรายละเอียดหนังสือ ยังอ้างถึง
1. หนังสือที่ศธ 0206.3/ว(23 สิงหาคม 2566 )นายอัครแสนคีรี โล่ห์วีระ สส.ชัยภูมิ เขต 7 พรรคพลังประชารัฐ(พปชร.)กล่าวหารือในที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรถึงโครงการขุดลอกเขื่อนลำปะทาวและขยายกำลังการผลิตไฟฟ้า โดยเขื่อนลำปะทาวซึ่งอยู่ภายใต้การดูแลของกรมพัฒนาพลังงานทดแทน สังกัดกระทรวงพลังงาน ซึ่งปัจจุบันเขื่อนลำปะทาวประกอบไปด้วย เขื่อนบนและเขื่อนล่าง ตั้งอยู่บนเขาของจังหวัดชัยภูมิ เขื่อนด้านบนจะอยู่ทางซ้าย เขื่อนด้านล่างจะอยู่ด้านขวา เป็นตัวผลิตไฟฟ้า เป็นเครื่องที่ตั้งอยู่ตีนเขา กรณีผลิตไฟฟ้าจะต้องปล่อยน้ำลงมาจากบนเขา ส่งไปที่ตัวเครื่องเจนเพื่อผลิตไฟ แล้วก็ป้อนไฟเข้าระบบ ในส่วนของเครื่องเจนเองจะอยู่ตรงตำบลนาหนองทุ่ม อำเภอแก่งคล้อ หลังจากที่มีการสร้างเขื่อนนี้ มีการผลิตไฟฟ้า มีการปล่อยน้ำลงมา ก็จะได้ประโยชน์สองเรื่องหลักๆ เรื่องแรกคือเรื่อง ไฟฟ้าที่ได้ใช้ เรื่องที่ 2 คือ เกษตรกรที่อยู่ในเขตนาหนองทุ่มจะได้ใช้น้ำในการปล่อยน้ำลงมา เพื่อผลิตไฟฟ้า

นายอัครแสนคีรี กล่าวต่อว่า ขณะนี้เขื่อนลำปะทาว กำลังพบเจอปัญหาวิกฤติ หลักๆ คือการที่ไม่สามารถเก็บน้ำในเขื่อนได้ ปัจจุบันเขื่อนลำปะทาวเขื่อนบน ฃสามารถเก็บน้ำได้ 44 ล้านลูกบาศก์เมตร ส่วนเขื่อนล่างกักเก็บน้ำได้ประมาณ 14 ล้านลูกบาศก์เมตร แต่หลังจากสร้างใช้ระยะเวลานานยังไม่มีการขุดลอกในเขื่อน ทำให้เกิดปัญหา คือทำให้มีตะกอนดินสะสมมหาศาลจากการสำรวจพบว่ามีอยู่หลายล้านคิว ดังนั้นเมื่อเกิดเหตุน้ำท่วมหรือเกิดเหตุ ช่วงพายุเข้ามาก็จะทำให้น้ำที่อยู่ในเขื่อนไหลทะลักและเข้าท่วมจังหวัดชัยภูมิ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเทศบาลเมือง

“ผมมีข้อเสนอ 2 ข้อ ข้อแรกคือ อยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดดำเนินการขุดลอกเขื่อนลำปะทาวทั้งเขื่อนบนและเขื่อนล่าง ซึ่งประโยชน์ที่จะได้รับคือ ได้กำจัดตะกอนดิน เพิ่มความจุในเขื่อน และสามารถขยายกำลังผลิตไฟฟ้าได้ เพราะมีน้ำไว้ผลิตไฟมากขึ้น
นอกจากนี้ยังเป็นการป้องกันปัญหาน้ำไหลไปท่วมในตัวจังหวัดชัยภูมิ เมื่อเราเก็บน้ำได้มากขึ้นแล้ว ปัญหาน้ำที่จะล้นก็จะน้อยลง”

ข้อ 2 เพิ่มกำลังการผลิตไฟ โดยการติดตั้งเครื่อง Generator ในพื้นที่ตำบลโคกกุงซึ่งเป็นพื้นที่ติดกับ ตำบลนาหนองทุ่ม จุดผลิตไฟเดิม และโดยตำบลโคกกุงนั้นเป็นพื้นที่แห้งแล้ง ซึ่งเกษตรกรจะได้รับประโยชน์จากน้ำที่ปล่อยลงมาเพื่อผลิตไฟ มีตัวอย่างให้เห็นที่ ตำบลนาหนองทุ่ม

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 23 สิงหาคม 2566

“พล.อ.ประวิตร” มอบหมาย “เลขาฯธรรมนัส” รับหนังสือจากสหพันธ์ครูและบุคลากรทางการศึกษาฯ ขอให้ก.ค.ศ.พิจารณามติ ก.ค.ศ.ที่คลาดเคลื่อนเพื่อเยียวยาผู้ส่งผลงานตามหลักเกณฑ์

,

“พล.อ.ประวิตร” มอบหมาย “เลขาฯธรรมนัส” รับหนังสือจากสหพันธ์ครูและบุคลากรทางการศึกษาฯ ขอให้ก.ค.ศ.พิจารณามติ ก.ค.ศ.ที่คลาดเคลื่อนเพื่อเยียวยาผู้ส่งผลงานตามหลักเกณฑ์

วันที่ 22 ส.ค.2566 ที่รัฐสภา พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ(พปชร.)มอบหมายให้ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า เลขาธิการ พปชร.รับหนังสือจากสหพันธ์ครูแสะบุคลากรทางการศึกษาแห่งประเทศไทย โรงเรียนบ้านหันเชียงเทียน ตำบลเขวา อำเภอเมืองจังหวัดมหาสารคาม ภายใต้การประสานงานโดยนายปรีดา บุญเพลิง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรพรรคครูไทยเพื่อประชาชน

สำหรับโดยหนังสือดังกล่าว มีสาระสำคัญคือ ขอให้คณะกรรมข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา(ก.ค.ศ.)พิจารณามติก.ค.ศ.ที่คลาดเคลื่อนเพื่อเยียวยาผู้ส่งผลงานตามหลักเกณฑ์และวิธีการว13/2556 น้ำสู่การพิจารณารับรองคุณสมบัติข้ารับการประเมิน โดยการเปิดประชุม ก.ค.ศ.

ทั้งนี้ ในรายละเอียดหนังสือ ยังอ้างถึง
1. หนังสือที่ศธ 0206.3/ว13 ลงวันที่ 1 สิงหาคม 2556
2. หนังสือที่ศธ 0206.3/ 1 ลงวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2559
3. หนังสือที่ศธ 0206.3/0174 ลงวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2563
หนังสือที่ศธ 04009/ว1216 ลงวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2563
5. หนังสือที่ศธ 04112.01272/47 ลงวันที่ 17 มีนาคม 2566
6. หนังสือที่ศธ 04112.01272/78 ลงวันที่ 11 พฤษภาคม 2566
7. หนังสือที่นร 0105.04/419/24 ลงวันที่ 25 เมษายน 2566
8. หนังสือที่ศธ 0206.3/822 ลงวันที่ 11 พฤษภาคม 2566
9. หนังสือที่ศธ 0206.3/840 ลงวันที่ 11 พฤษภาคม 2566

ที่ต 0411201272/140

ทั้งนี้ภายหลังรับหนังสือดังกล่าว ร.อ.ธรรมนัส ได้รับปากจะนำความเดือดร้อนของสหพันธ์ครูและบุคลากรทางการศึกษาแห่งประเทศไทย โรงเรียนบ้านหันเชียงเทียน ตำบลเขวา อำเภอเมืองจังหวัดมหาสารคาม นำเรียนต่อพล.อ.ประวิตร เพื่อพิจารณาแนวทางให้หน่วยงานที่รับผิดชอบแก้ไขปัญหาโดยเร็ว

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 22 สิงหาคม 2566

“พลเอกประวิตร”นำทีม กก.มูลนิธิฯอนุรักษ์ป่ารอยต่อ 5 จังหวัด ถวายพระพร “พระพันปีหลวง” 91 พรรษา

,

“พลเอกประวิตร”นำทีม กก.มูลนิธิฯอนุรักษ์ป่ารอยต่อ 5 จังหวัด ถวายพระพร “พระพันปีหลวง” 91 พรรษา

พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานกรรมการมูลนิธิอนุรักษ์ป่ารอยต่อ 5 จังหวัด นำคณะกรรมการ พร้อมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องวางพานพุ่มเฉลิมพระเกียรติ ถวายเครื่องราชสักการะ ถวายราชสดุดี และถวายพระพรชัยมงคลหน้าพระบรมฉายาลักษณ์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 91 พรรษา เพื่อแสดงออกถึงความจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์

พลเอกประวิตร กล่าวถึงพระราชกรณียกิจของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวงว่า ทรงรักษาธรรมชาติสิ่งแวดล้อม เพื่อความอุดมสมบูรณ์ของผืนป่า แหล่งต้นน้ำลำธาร นำมาซึ่งความผาสุขร่มเย็นโดยถ้วนหน้า ด้วยพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้นี้ จึงทรงเป็นพระแม่แห่งแผ่นดินที่สถิตย์สถาพรอยู่กลางใจพสกนิกรทั่วทั้งแผ่นดิน

พร้อมกันนี้พลเอกประวิตร ยังเปิดให้ข้าราชการ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และอดีตผู้ใต้บังคับบัญชามอบกระเช้าดอกไม้ในโอกาสวันคล้ายวันเกิดครบ 78 ปี ย้อนหลัง 11 สิงหาคม 2566 เช่น คณะกรรมการมูลนิธิอนุรักษ์ป่ารอยต่อฯ และ ตัวแทนกรมป่าไม้ และหน่วยบัญชาการป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 12 สิงหาคม 2566

“อามินทร์ มะยูโซ๊ะ”ลั่น ต้องพัฒนาเมืองชายแดนให้เป็นรูปธรรม แนะ เปิด ม.นานาชาติ-รามคำแหง ยกระดับคุณภาพชีวิตให้คนพื้นที่

,

“อามินทร์ มะยูโซ๊ะ”ลั่น ต้องพัฒนาเมืองชายแดนให้เป็นรูปธรรม แนะ เปิด ม.นานาชาติ-รามคำแหง ยกระดับคุณภาพชีวิตให้คนพื้นที่

นายอามินทร์ มะยูโซ๊ะ ส.ส.นราธิวาส เขต 2 พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.)กล่าวถึงปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนในพื้นที่ อ.สุไหงโกลก และ อ.ตากใบว่า ยังพบอีกหลายปัญหาที่ต้องเร่งแก้ไข ซึ่งทั้ง 2 อำเภอเป็นเมืองที่เป็นประตูเศรษฐกิจชายแดนของ จ.นราธิวาส แต่กลับไม่ได้รับการพัฒนา เป็นเพียงทางผ่านของนักท่องเที่ยวชาวมาเลเซียที่เดินทางผ่านไปจังหวัดอื่นๆ เท่านั้น
นอกจากนี้ ยังมีปัญหาน้ำท่วมซ้ำซากที่ต้องเร่งรัดก่อสร้างเขื่อนกั้นน้ำริมฝั่งแม่น้ำโก-ลกให้แล้วเสร็จโดยเร็วที่สุด รวมถึงปัญหาเกษตรกรที่ทำนาได้แค่บริโภค ไม่พอที่จะเอาไปจำหน่ายสร้างรายได้ให้ครัวเรือนได้

นายอามินทร์ กล่าวต่อว่า จากปัญหาที่กล่าว ตนจะเสนอแนวทางการพัฒนาเมืองชายแดนที่เป็นรูปธรรม ด้วยการผลักดันให้เกิดมหาวิทยาลัยนานาชาติ รวมทั้งมหาวิทยาลัยรามคำแหง วิทยาเขตสุไหงโก-ลก ในพื้นที่เพราะจะทำให้เกิดการพัฒนาเมืองแบบก้าวกระโดด ถ้ามีสถานประกอบการร้านค้ามากขึ้น เศรษฐกิจในพื้นที่ก็จะดีขึ้นด้วย นอกจากนี้ การตั้งโรงงานอุตสาหกรรม เพื่อรองรับนำผลผลิตในพื้นที่ โดยเฉพาะโรงงานแปรรูป ควบคู่กับการส่งเสริมการทำเกษตรผสมผสาน การทำปศุสัตว์เเบบครบวงจร ให้มีการเลี้ยงวัว เลี้ยงเเพะคุณภาพดี ทดแทนการสั่งซื้อวัวและแพะ

“ถ้าเราสามารถทำระบบประปาให้เข้าถึง และครอบคลุมพื้นที่ อ.ตากใบ จะยกระดับคุณภาพชีวิตให้ประชาชนในพื้นที่ได้ เพราะจะเกิดการจ้างงาน เมื่อเศรษฐกิจเมืองชายแดนเติบโต ก็จะส่งผลให้เกิดความสงบสุขในพื้นที่ตามมา เพราะประชาชนส่วนใหญ่มีอาชีพ มีรายได้ สุดท้ายก็จะไม่ตกเป็นเครื่องมือของผู้ไม่หวังดี”

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 15 กรกฎาคม 2566

พล.อ.ประวิตร ลงนามคำสั่งพรรค ตั้ง ร.อ.ธรรมนัส ประธานผู้ประสานงานส.ส. ในสภาฯ พร้อมตั้ง 2 รองประธาน อนันต์- อรรถรกร

,

พล.อ.ประวิตร ลงนามคำสั่งพรรค ตั้ง ร.อ.ธรรมนัส ประธานผู้ประสานงานส.ส. ในสภาฯ
พร้อมตั้ง 2 รองประธาน อนันต์- อรรถรกร

วันที่ 14 กรกฎาคม 2566 พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ(พปชร.) ได้ลงนามในคำสั่ง แต่งตั้งผู้ประสานงานสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เพื่อให้การปฏิบัติงานของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรพรรคพลังประชารัฐเป็นไปอย่างมีระเบียบแบบแผนตามระบบรัฐสภา และมีประสิทธิภาพ บรรลุตามอุดมการณ์ วัตถุประสงค์และนโยบายของพรรคอาศัยอำนาจตามข้อบังคับพรรคพลังประชารัฐ พ.ศ.2561 และแก้ไขเพิ่มเติม ข้อ 17 (1)

ได้มีการแต่งตั้งผู้ประสานงานสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของพรรคพลังประชารัฐ ประกอบด้วย1.ร้อยเอกธรรมนัส พรหมเผ่า ประธานผู้ประสานงาน 2.นายอนันต์ ผลอำนวย รองประธานผู้ประสานงาน คนที่ 1 และ 3 .นายอรรถรกร ศิริลัทธยากร รองประธานผู้ประสานงาน คนที่2 ทั้งนี้ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 14 กรกฎาคม 2566

“พล.อ.ประวิตร” ร่วมเคาะ กำหนดจุดยืนพปชร. เลือกนายกฯในรัฐสภา ร.อ.ธรรมนัส ย้ำไม่ยกมือเลือกนายกเสียงข้างน้อย –ไม่โหวตพรรคแก้ ม. 112

,

“พล.อ.ประวิตร” ร่วมเคาะ กำหนดจุดยืนพปชร. เลือกนายกฯในรัฐสภา ร.อ.ธรรมนัส ย้ำไม่ยกมือเลือกนายกเสียงข้างน้อย –ไม่โหวตพรรคแก้ ม. 112

วันที่ 11 กรกฎาคม 2566
พรรคพลังประชารัฐ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ส.ส.พะเยา แถลงภายหลังการประชุมพรรค ว่า ทาง พปชร. มีการประชุมพรรค โดยมีพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพปชร. คณะกรรมการบริหารพรรค คณะกรรมการยุทธศาสตร์ ส.ส. และทุกฝ่ายเข้าร่วม โดยสาระสำคัญ ได้แก่ 1.การเลือกผู้แทน ซึ่งเป็น ส.ส.ของ พปชร.ในการทำหน้าที่ประสานกับพรรคอื่นๆ ซึ่งเวลานี้ยังไม่รู้ว่าพรรคเราอยู่ในสถานะใด โดยผู้ทำหน้าที่ประสานดังกล่าว มีตน เป็นประธาน นายอนันต์ ผลอำนวย ส.ส.เขต 3 จ.กำแพงเพชร เป็นรองประธานคนที่ 1 นายอรรถกร ศิริลัทยากร ส.ส.ฉะเชิงเทรา รองประธานคนที่ 2 ประเด็นที่สอง พปชร.มีจุดยืนชัดเจนว่าจะไม่เสนอผู้ดำรงตำแหน่งนายกฯโดยใช้เสียงข้างน้อยอย่างเด็ดขาด และ 3.เราจะไม่โหวตให้กับผู้ที่จะมาดำรงนายกรัฐมนตรีที่มีนโยบายในการแก้ไขมาตรา 112 อย่างเด็ดขาด

ร.อ.ธรรมนัส กล่าวต่อว่า ในการเลือกตั้งครั้งนี้ เราเป็นพรรคที่มี ส.ส.อยู่ลำดับที่ 4 ดังนั้น ขั้นตอนต่อไป หากเกิดอะไรก็ขึ้น เราต้องให้พรรคที่มีเสียงรองลงมาในการจัดตั้งรัฐบาล ส่วนกรณีว่าหากพรรคที่มีเสียงรองลงมา มาติดต่อ พปชร.ในการจัดตั้งรัฐบาลนั้น พปชร.ก็จะมีการประชุมคณะกรรมการบริหารพรรค และ ส.ส.อีกครั้งเพื่อขอมติพรรค

“จากประสบการณ์ทางการเมืองของผม เรื่องของรัฐสภา ซึ่งประกอบไปด้วย ส.ส. และ ส.ว. 750 คน ที่จะลงฉันทามติในเสียงของเขาว่าจะเลือกใคร ดังนั้น จะให้ได้ดังใจมันคงเป็นไปไม่ได้ มันต้องยึดตามหลักกฎหมายภายใต้รัฐธรรมนูญฉบับนี้ เราเคารพเสียงส่วนใหญ่ของรัฐสภา ซึ่งผมเชื่อว่า ทุกอย่างจะลงเอยด้วยดี ซึ่งต้องใช้เวลา

ส่วนกรณีว่าควรที่จะโหวตนายกฯให้จบภายในครั้งเดียวหรือไม่นั้น ให้เป็นกลไกของรัฐสภา ส่วนตัวก็อยากให้จบในทีเดียว แต่เมื่อไม่จบก็ต้องให้เวลา เช่นเดียวกันทุกอย่างต้องใช้เวลา ถ้าสมมุติว่าครั้งแรกไม่ผ่านก็ต้องให้โอกาสพรรคอันดับสองในการรวบรวมพรรคร่วม ถ้าพรรคอันดับสองไม่ผ่านก็ให้พรรคอันดับสาม ฉะนั้น เราจะไม่มีการแทรกแซงเรื่องนี้อย่างเด็ดขาด ซึ่งเป็นนโยบายของหัวหน้าพรรค พปชร. และคณะกรรมการบริหารพรรคที่เรามีฉันทามติเป็นอย่างนี้ แต่ทุกอย่างก็เป็นเรื่องของประธานรัฐสภา ซึ่งมีกฎหมายอยู่ เป็นหน้าที่ของประธานรัฐสภาที่จะไปคุยกัน วันนี้ในที่ประชุมก็มีการเอาประเด็นนี้มาพูดคุยกัน โดยวันที่ 12 ก.ค.คงจะมีความชัดเจนมากขึ้น

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 11 กรกฎาคม 2566

ผู้กองธรรมนัส พร้อมครอบครัวและส.ส.พะเยา ร่วมทำบุญใหญ่ ฉลองพระพุทธรูปและทำบุญวันบูรพาจารย์ ณ วัดท่ากลอง ตำบลบ้านใหม่ อำเภอเมืองพะเยา จังหวัดพะเยา

,

ผู้กองธรรมนัส พร้อมครอบครัวและส.ส.พะเยา ร่วมทำบุญใหญ่ ฉลองพระพุทธรูปและทำบุญวันบูรพาจารย์ ณ วัดท่ากลอง ตำบลบ้านใหม่ อำเภอเมืองพะเยา จังหวัดพะเยา

วันนี้(1 ก.ค.66) ร.อ. ธรรมนัส พรหมเผ่า สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร(ส.ส.)จังหวัดพะเยา เขต 1 พรรคพลังประชารัฐ(พปชร.)เป็นประธานพิธีทำบุญ ฉลองพระพุทธรูปและทำบุญวันบูรพาจารย์ ณ วัดท่ากลอง ตำบลบ้านใหม่ อำเภอเมืองพะเยา จังหวัดพะเยา ซึ่งถือเป็นวัดบ้านเกิด โดยมีคุณพ่อของร้อยเอกธรรมนัส คือพ่อหลวง อินจันทร์ พรหมเผ่า ร่วมในพิธีด้วย

นอกจากนี้ ยังมี น.ส.ธนพร ศรีวิราช ภริยา ,นายอัครา พรหมเผ่า นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดพะเยา ,นายจีรเดช ศรีวิราช ส.ส.เขต 3 จังหวัดพะเยา นายอนุรัตน์ ตันบรรจง ส.ส.เขต 2 จังหวัดพะเยา และพุทธศาสนิกชนผู้มีจิตศรัทธาตลอดจนประชาชนทั่วไปและคณะครู นักเรียนในพื้นที่ เข้าร่วมในพิธีทำบุญเป็นจำนวนมาก

โดยเวลา 09.09 น. ร.อ.ธรรมนัส เป็นประธานพิธีบวงสรวงบูรพาจารย์ จากนั้น เวลา 10.00 น.พระสงฆ์เจริญน้ำพระพุทธมนต์เบิกเนตรพระพุทธรูป และเวลา 11.00 น. ร.อ.ธรรมนัส พร้อมคณะถวายภัตตาหารเพลพระสงฆ์ 10 รูป ทั้งนี้หลังเสร็จพิธีทำบุญ ทางวัดมอบทุนการศึกษาแก่เด็กนักเรียนอีกด้วย

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 1 กรกฎาคม 2566

“พล.อ.ประวิตร” ลงพื้นที่ตรวจสอบความคืบหน้าเปิดจุดผ่านแดนถาวร บ.หนองเอี่ยน ยกระดับเศรษฐกิจชายแดน และตามแก้ปัญหาแหล่งน้ำแซร์ออ ลดผลกระทบสัมพันธ์ ไทย – กัมพูชา

,

“พล.อ.ประวิตร” ลงพื้นที่ตรวจสอบความคืบหน้าเปิดจุดผ่านแดนถาวร บ.หนองเอี่ยน ยกระดับเศรษฐกิจชายแดน และตามแก้ปัญหาแหล่งน้ำแซร์ออ ลดผลกระทบสัมพันธ์ ไทย – กัมพูชา

พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วย รมว.ศึกษาธิการ รมช.คลัง และคณะ เดินทางลงพื้นที่ จว.สระแก้ว ประชุมเตรียมความพร้อม รับการเปิดจุดผ่านแดนถาวร สะพานมิตรภาพ ไทย – กัมพูชา (หนองเอี่ยน – สตึงบท ) ณ ด่านศุลกากรอรัญประเทศ อ.อรัญประเทศ และติดตามการบริหารจัดการน้ำในพื้นที่ มี ผวจ.สระแก้ว และหน.ส่วนราชการในพื้นที่ให้การต้อนรับ

โดยรับฟังภาพรวมสรุป ความก้าวหน้าการเตรียมความพร้อมรับการเปิดจุดผ่านแดนถาวร สะพานมิตรภาพ ไทย – กัมพูชา (หนองเอี่ยน – สตึงบท ) ณ ด่านศุลกากรอรัญประเทศ มีความคืบหน้าแล้วกว่าร้อยละ 40 อยู่ระหว่างเร่งก่อสร้างให้แล้วเสร็จภายใน ส.ค.68 ปัจจุบันมีการนำเข้า – ส่งออก การค้าผ่านจุดผ่านแดนชั่วคราวดังกล่าว เฉลี่ยเดือนละ 7,800 ล้านบาท รถสินค้าผ่านแดนกว่า 700 คัน ซึ่งช่วยเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจและการจราจรบริเวณด่านพรมแดนคลองลึก ที่เคยคับแคบมีความคล่องตัวมากขึ้น

พล.อ.ประวิตร’ ได้กล่าวขอบคุณทุกส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ทั้งฝ่ายไทย และกัมพูชา ที่ร่วมขับเคลื่อนการบริหารงานและการก่อสร้างจุดผ่านแดนถาวรแห่งใหม่ สะพานมิตรภาพ บริเวณบ้านหนองเอี่ยน – สตึงบท ร่วมกัน โดยย้ำว่า จุดผ่านแดนถาวรดังกล่าว มีความสำคัญต่อการขยายตัวของพื้นที่เศรษฐกิจของทั้งสองประเทศ โดยเฉพาะ จว.สระแก้ว รวมทั้งเป็นการส่งเสริมความสัมพันธ์อันดีของทั้งสองประเทศในภาพรวม โดยกำชับ ขอให้ทุกส่วนราชการ ให้ความสำคัญเร่งรัดทำงานร่วมกันและประสานการปฏิบัติกับกัมพูชาอย่างใกล้ชิด ในการเตรียมความพร้อมทุกด้าน ทั้งระบบอำนวยความสะดวกคนเข้าเมือง และการผ่านสินค้าให้สามารถเปิดทำการได้อย่างพร้อมเพรียงกัน เพื่อยกระดับการขยายตัวทางเศรษฐกิจและการพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนทั้งสองประเทศไปพร้อมกัน

จากนั้น ได้เดินทางต่อไปตรวจติดตามการบริหารจัดการน้ำ อ.วัฒนานคร ณ อ่างเก็บน้ำแซร์ออ อันเนื่องมาจากพระราชดำริ และพบปะประชาชนในพื้นที่ โดยรับฟังการบรรยายสรุป ความคืบหน้าโครงการแก้ปัญหาคลองพรมโหด การก่อสร้างระบบส่งน้ำและอาคารประกอบโครงการอ่างเก็บน้ำแซร์ออ ซึ่งมีพื้นที่รับน้ำ 14.85 ตร.กม. พื้นที่รับประโยชน์ 5,065 ไร่ หากดำเนินการแล้วเสร็จทั้งสองโครงการ จะสามารถบรรเทาอุทกภัยในพื้นที่ราบลุ่มตอนล่าง ต.ท่าข้าม เทศบาลเมืองอรัญประเทศ จว.สระแก้ว และเป็นแหล่งเก็บกักน้ำสำหรับการเกษตร และอุปโภค บริโภคของประชาชนในพื้นที่

พล.อ.ประวิตร’ ยังได้ย้ำ ขอให้ทุกส่วนราชการที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ เตรียมมาตรการรับมือฤดูฝนปี 66 โดยเฉพาะการช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่เสี่ยงทุกกลุ่มให้เร็วและครอบคลุมทุกด้าน สำหรับการบริหารจัดการน้ำอ่างเก็บน้ำแซร์ออ อันเนื่องมาจากพระราชดำริ ขอให้กรมชลประทาน เร่งดำเนินการให้แล้วเสร็จตามกำหนด เพื่อบรรเทาปัญหาน้ำท่วมและภัยแล้ง จว.สระแก้ว ขณะเดียวกัน ขอให้เร่งรัดดำเนินการพัฒนาลุ่มน้ำพรมโหด ตามโครงการที่ได้ศึกษาออกแบบไว้เป็นการเร่งด่วน เพื่อบรรเทาปัญหาและลดความเสียหาย ต่อชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนและเศรษฐกิจในพื้นที่ โดยขอให้หน่วยงานความมั่นคงและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ลงดูความร่วมมือในการบริหารจัดการน้ำกับกัมพูชา ซึ่งการก่อสร้างประตูระบายน้ำคลองพรมโหด พร้อมสถานีสูบน้ำ จะช่วยแก้ปัญหาน้ำหลากจากไทยไปยังกัมพูชา และลดผลกระทบกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศได้

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 29 มิถุนายน 2566

“พล.อ.ประวิตร” เดินทางเข้าสภา รายงานตัวส.ส.บัญชีรายชื่อชุดที่ 26 ลุยทำหน้าที่ในสภาฯร่วมมือส.ส.ทำงานให้ ประชาชน – ประเทศชาติ

,

“พล.อ.ประวิตร” เดินทางเข้าสภา รายงานตัวส.ส.บัญชีรายชื่อชุดที่ 26
ลุยทำหน้าที่ในสภาฯร่วมมือส.ส.ทำงานให้ ประชาชน – ประเทศชาติ

เมื่อเวลา 14.00 น. พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ และ ส.ส.บัญชีรายชื่อ ได้เดินทางเข้ารายงานตัวเป็นวันแรก หลังที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ประกาศรับรองผลการเลือกตั้งส.ส. เมื่อวันที่ 19 มิ.ย.ที่ผ่านมา โดยในวันเดียวกันมีส.ส.ของพรรคพปชร.บางส่วนเร่ิมทยอยรายงานตัวต่อ สภาผู้แทนราษฎร เป็นที่เรียบร้อย ซึ่งในการเดินทางมาสภาฯครั้งนี้ มี ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ มารอให้การต้อนรับ

จากนั้นเมื่อรายงานตัวเสร็จสิ้น พล.อ.ประวิตร ได้ให้สัมภาษณ์ผ่านรายงานทีวีสภา โดยระบุว่า ตนขอขอบคุณที่ได้เลือกพรรคพลังประชารัฐเข้ามารับใช้ประชาชน รับใช้ประเทศชาติ รับใช้ประชาชนรวมทั้งสถาบันพระมหากษัตริย์เพื่อที่จะให้เกิดความมั่นคงแก่ชาติบ้านเมืองของเราต่อไป ก็ต้องขอขอบคุณท่านที่มาลงคะแนนเสียงให้พรรคพลังประชารัฐได้เข้ามาเป็นผู้แทนราษฎรในครั้งนี้

“ผมก็อยากจะเห็นร่วมมือของ ส.ส.ทุกท่านได้ร่วมทำงานให้ประชาชนเพื่อประเทศชาติ และ เพื่อแผ่นดินที่รักยิ่งของเราคือสถาบันพระมหากษัตริย์นะ เพื่อที่จะให้พัฒนาชาวราษฎรสืบไป เพราะประเทศเราก็มีสถาบันพระมหากษัตริย์ก็ฝากกับทุกท่านด้วยว่า ท่านจะทำงานด้วยความร่วมมือร่วมแรงกันอาศัยความร่วมไม้ร่วมมือนั้น เพื่อต่อยอดทำให้ประเทศชาติของเราพัฒนาก้าวได้ต่อไป”

พลเอกประวิตร กล่าวทิ้งท้ายด้วยว่า อยากเห็นความร่วมร่วมมือกันระหว่าง ส.ส. และก็อย่าใช้อารมณ์ซึ่งกันและกันในสภา ทุกอย่างก็เป็นไปตามเรื่องของประชาธิปไตยอันดีงาม อันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข และทุกอย่างก็เป็นไปตามรัฐธรรมนูญ จึงอยากจะฝากกับทุกท่านว่า ขอให้ทุกคนทำงานร่วมไม้ร่วมมือกันเพื่อประเทศชาติ และประชาชนของเราให้มีความอยู่ดี กินดีขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งสถาบันพระมหากษัตริย์อันเป็นที่รักยิ่งของเราทุกคนนั้นเป็นอยู่ต่อไปครับตราบชั่วกาลนานเทอญ

ทั้งนี้เมื่อ พล.อ.ประวิตร ได้ออกมาให้สัมภาษณ์ถึงความพร้อมในการปฏิบัติหน้าที่ ในฐานะสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พร้อมกับ โชว์ใบรับรอง ส.ส. และบัตรประจำตัวส.ส.ต่อสื่อมวลชนอย่างอารมณ์ดี และย้ำว่า ไม่รู้สึกตื่นเต้น เพราะเคยเป็นสมาชิกรัฐสภาเมื่อปี พ.ศ.2551 จึงมีความคุ้นเคยดี

นอกจากนี้ สำนักงานเลขาธิการ สภาผู้แทนราษฎร ได้สรุปภาพรวมการรายงานตัว ส.ส. ชุดที่ 26 วันแรก (20 มิ.ย.66)ของการรายตัว โดยในส่วนของพรรคพลังประชารัฐ มีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรมารายงานตัวจำนวน 17 คนประกอบด้วย จังหวัดสงขลา
1. ร.อ. ธรรมนัส พรหมเผ่า พรรคพลังประชารัฐ. จังหวัดพะเยา
2. นายไผ่ ลิกค์ พรรคพลังประชารัฐจังหวัดกำแพงเพชร
3. นายอรรถกร ศิริลัทธยากร พรรคพลังประชารัฐ จังหวัดฉะเชิงเทรา
4. นายภาคภูมิ บูลย์ประมุข พรรคพลังประชารัฐจังหวัดตาก
5. นายคอซีย์ มามุ พรรคพลังประชารัฐจังหวัดปัตตานี
6. นายชัยมงคล ไชยรบ พรรคพลังประชารัฐจังหวัดลพบุรี
7. นายฉกาจ พัฒนกิจวิบูลย์พรรคพลังประชารัฐจังหวัดพังงา
8. น.ส.กาญจนา จังหวะ พรรคพลังประชารัฐ จังหวัดชัยภูมิ
9. นางขวัญเรือน เทียนทอง. พรรคพลังประชารัฐจังหวัดสระแก้ว
10. นายปกรณ์ จีนาคำ พรรคพลังประชารัฐ จังหวัดแม่ฮ่องสอน
11. นายสุธรรม จริตงาม พรรคพลังประชารัฐ จังหวัดนครศรีธรรมราช
12. นายชนนพัฒฐ์ นาคสั้ว พรรคพลังประชารัฐ จังหวัดสงขลา
13. นางรัชนี พลซื่อ พรรคพลังประชารัฐ จังหวัดร้อยเอ็ด
14. นางบุญยิ่ง นิติกาญจนา พรรคพลังประชารัฐ จังหวัดราชบุรี
15. นายนเรศ ธำรงทิพยคุณ พรรคพลังประชารัฐ จังหวัดเชียงใหม่
16. นายอามินทร์ มะยูโซ๊ะ พรรคพลังประชารัฐ จังหวัดนราธิวาส
17. นายสัมพันธ์ มะยูโซ๊ะ พรรคพลังประชารัฐ จังหวัดนราธิวาส

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 20 มิถุนายน 2566

‘ผู้กองธรรมนัส’ เปิดงานประเพณีบุญบั้งไฟ บ้านภูเงิน บ้านโพธิ์ทอง ตำบลแม่ปืม อำเภอเมืองพะเยา บรรยากาศชื่นมื่น ชูสืบสานประเพณีบุญบั้งไฟอีสานล้านนา

,

‘ผู้กองธรรมนัส’ เปิดงานประเพณีบุญบั้งไฟ บ้านภูเงิน บ้านโพธิ์ทอง ตำบลแม่ปืม อำเภอเมืองพะเยา บรรยากาศชื่นมื่น ชูสืบสานประเพณีบุญบั้งไฟอีสานล้านนา

เมื่อวันที่ 6 มิถุนายน 2566 ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ว่าที่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร(ส.ส.)เขต 1 จังหวัดพะเยา พรรคพลังประชารัฐ(พปชร.) เป็นประธานพิธีเปืดงานประเพณีบุญบั้งไฟบ้านภูเงิน บ้านโพธิ์ทอง ตำบลแม่ปืม อำเภอเมืองพะเยา จังหวัดพะเยา ประจำปี 2566 ณ บริเวณลานอเนกประสงค์ บ้านภูเงินบ้านโพธิ์ทอง ตำบลแม่ปืม อำเภอเมืองพะเยา จังหวัดพะเยา โดยมีนายอัครา พรหมเผ่า นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดพะเยา ,นายอนุรัตน์ ตันบรรจง ว่าที่ ส.ส.เขต 2 จังหวัดพะเยา นายนฤนาถ ไฝเครือ นายกเทศมนตรีตำบลแม่ปืม และตัวแทนหน่วยงานท้องที่ท้องถิ่นร่วมในพิธี เป็นจำนวนมาก

ขณะที่ชาวบ้านจากบ้านภูเงิน บ้านโพธิ์ทอง ตำบลแม่ปืม ซึ่งส่วนใหญ่เป็นชาวไทยอีสาน ได้พร้อมใจกันจัดขบวนแห่บั้งไฟ ขบวนรำเซิ้ง การแสดงฟ้อนรำต่างๆ เพื่อเป็นการต้อนรับอีกด้วย

ร.อ.ธรรมนัส กล่าวช่วงหนึ่งว่า รู้สึกยินดีและเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้มาเป็นประธานเปิดงานประเพณีบุญบั้งไฟ อันดีงามนี้ของพ่อแม่พี่น้องชาวอีสานในพื้นที่จังหวัดพะเยาของเรา งานประเพณีบุญบั้งไฟ นับเป็นอีกหนึ่งประเพณีที่สำคัญของชาวอีสาน ทั้งยังเกี่ยวข้อง และสัมพันธ์กับวิถีชีวิต ของชาวอีสานอย่างแนบแน่นและมีคุณค่าทางสังคม และทางจิตใจของคนในชุมชน โดยแท้จริง

ทั้งนี้ ขอขอบคุณทุกภาคส่วนที่ร่วมมือกันอนุรักษ์พื้นฟูวัฒนธรรม ช่วยกันรักษาไว้ซึ่งขนบธรรมเนียมประเพณีอันดีงาม โดยตนเองยืนยันจะร่วมสืบสานและสนับสนุนประเพณีบุญบั้งไฟของชาวอีสานล้านนาในพื้นที่อำเภอเมืองพะเยาให้คงอยู่ และถ่ายทอดสู่อนุชนรุ่นหลัง อย่างมั่นคงยั่งยืน สืบไป

สำหรับกิจกรรมภายในงานประเพณีบุญบั้งไฟครั้งนี้ มีทั้งการประกวดบั้งไฟสวยงาม(บั้งไฟเอ้) ขบวนฟ้อนรำ ต่างๆ ซึ่ง ร.อ.ธรรมนัส ยังได้ร่วมถ่ายภาพ และฟ้อนรำกับขบวนของกลุ่มแม่บ้านชาวอีสานอย่างเป็นกันเอง บรรยากาศเป็นไปด้วยความคึกคักสนุกสนาน

ผู้สื่อข่าวรายงาน วันพรุ่งนี้ (7 มิถุนายน) ตั้งแต่เวลา 09.30-16.00 น. จะมีกิจกรรมจุดบั้งไฟปฐมฤกษ์ บั้งไฟแฟนซี และชมการแสดงบั้งไฟสวยงามบั้งไฟโบราณต่างๆ จนเสร็จสิ้น ตามประเพณีอีสานล้านนา ณ บริเวณลานกิจกรรมชั่วคราวบ้านโพธิ์ทอง หมู่ที่ 16 ตำบลแม่ปืม อำเภอเมือง จังหวัดพะเยา

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 07 มิถุนายน 2566

“พล.อ.ประวิตร” จูงใจพลเรือนและเอกชน เข้าร่วมพัฒนากองทัพ ใช้กลไกระบบกำลังสำรอง ดึงความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านพัฒนาศักยภาพ

,

“พล.อ.ประวิตร” จูงใจพลเรือนและเอกชน เข้าร่วมพัฒนากองทัพ ใช้กลไกระบบกำลังสำรอง ดึงความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านพัฒนาศักยภาพ

พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการกำลังพลสำรอง ผ่านระบบ เพื่อขับเคลื่อนกิจการกำลังพลสำรอง ภายใต้แผนแม่บทการพัฒนากิจการกำลังพลสำรองของ กห.ปี 66 -70 รองรับการปฏิรูปกองทัพสมัยใหม่ ทั้งนี้ที่ประชุมรับทราบ การเปิดให้ผู้มีความรู้ ความชำนาญเฉพาะทาง สามารถเป็นกำลังพลสำรองครั้งแรกได้โดยไม่กำหนดอายุ รวมทั้งการกำหนดแต่งตั้ง เลื่อนยศกำลังสำรองได้ถึงยศ พันเอกหรือเทียบเท่า และการกำหนดสิทธิประโยชน์ของกำลังพลสำรอง จากอันตรายหรือเจ็บป่วย พร้อมทั้งรับทราบยุทธศาสตร์พัฒนาระบบกำลังสำรอง ที่เน้นการควบคุม บริหารจัดการด้านนโยบาย การพัฒนากิจการ การเสริมสร้างเครือข่าย การปรับปรุงกฎหมาย การพัฒนาสิทธิประโยชน์และสวัสดิการ รวมทั้งการพัฒนาและปรับปรุงระบบฐานข้อมูลทรัพยากรด้านกำลังสำรองและกำลังพลสำรอง

ทั้งนี้ที่ประชุมได้ร่วมพิจารณาและเห็นชอบหลักการ รวม 3 ประเด็น คือ การปรับปรุงตำแหน่งและอัตราของหน่วยทหารรองรับการบรรจุกำลังพลสำรอง การบรรจุบุคคลพลเรือนและภาคเอกชน ที่มีความรู้ความชำนาญเฉพาะทาง และบรรจุกำลังพลสำรองให้มีชั้นยศที่เหมาะสม และการเชื่อมโยงระบบฐานข้อมูลกำลังพลสำรองกับส่วนราชการต่างๆ เพื่อการบริหารจัดการกำลังพลสำรองอย่างมีประสิทธิภาพ

พล.อ.ประวิตร กล่าวย้ำว่า ระบบกำลังสำรอง จะช่วยเสริมและพัฒนาศักยภาพกองทัพ จากบุคคลพลเรือนภายนอกกองทัพเป็นการชั่วคราวและเท่าที่จำเป็น จึงขอให้ กห.ได้ประสานส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง หารือและขอความเห็นชอบในประเด็นที่อาจไม่สอดคล้องและขัดกันในข้อกฎหมาย ทั้งนี้ ขอให้กำหนดภารกิจและตำแหน่งเฉพาะที่จำเป็น พร้อมทั้งให้ติดตามประเมินผลการใช้ตำแหน่งและอัตราที่กำหนด เพื่อช่วยเสริมศักยภาพกองทัพและใช้ประโยชน์จากระบบกำลังสำรองอย่างเต็มประสิทธิภาพ

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 27 พฤษภาคม 2566