โลกเปลี่ยน ไทยต้องปรับ ทางเลือกใหม่ของการเมืองไทย ก้าวข้ามความขัดแย้ง สานพลังประชาราษฎร์ ร่วมสร้างชาติให้ยั่งยืน

Blog

ส.ส.สิระ รับหนังสือจาก เลขาธิการสมาคมชาวอีสาน คลับเฮ้าส์ “TOXIC”

,

“ส.ส.สิระ”รับหนังสือจาก เลขาธิการสมาคมชาวอีสาน กรณีกลุ่มคลับเฮ้าส์ “TOXIC” ตั้งกระทู้สนทนาพฤติกรรมชาวอีสาน เตรียมนำเข้าหารือคณะกมธ.เร็วๆนี้

วันที่ 7 ธ.ค. 64 ณ จุดรับยื่นหนังสือ ชั้น 1 (โซนกลาง) อาคารรัฐสภา นายสิระ เจนจาคะ ส.ส.กทม.พปชร.ในฐานะประธานคณะ กมธ.การกฎหมาย การยุติธรรมและสิทธิมนุษยชน รับยื่นหนังสือจาก พล.อ.ต.ณัฏฐอรรจน์ ถวิลหวัง เลขาธิการสมาคมชาวอีสาน เรื่อง กลุ่มคลับเฮ้าส์ “TOXIC” ตั้งกระทู้สนทนาพฤติกรรมชาวอีสานด้วยถ้อยคำหยาบคายเป็นการดูหมิ่น ดูแคลน และละเมิดศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ของชาวอีสาน

เนื่องด้วยเมื่อวันที่ 4 พ.ย. 64 ได้ปรากฏผู้ใช้บัญชีคลับเฮ้าส์ “TOXIC” ตั้งกระทู้สนทนากันเกี่ยวกับพฤติกรรมชาวอีสานโดยใช้ถ้อยคำดูถูก เหยียดหยาม สร้างความอับอายและเป็นที่จงเกลียดจงชังจากบุคคลอื่น ซึ่งอาจนำไปสู่การสร้างความแตกแยกและแบ่งชนชั้นในสังคมไทย ในการนี้ สมาคมชาวอีสาน พิจารณาแล้วเห็นว่า การกระทำของผู้ใช้บัญชีคลับเฮ้าส์ “TOXIC” ในการสนทนานั้น น่าจะเข้าข่ายการกระทำความผิดเกี่ยวกับการนำเข้าข้อมูลอันเป็นเท็จเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ สร้างความเสียหายและตื่นตระหนกต่อประชาชนทั่วไป โดยเฉพาะชาวภาคอีสาน รวมทั้งเป็นการละเมิดรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ในมาตรา 4 ที่ระบุว่า “ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ สิทธิ เสรีภาพ และความเสมอภาคของบุคคลย่อมได้รับความคุ้มครอง”

ด้าน นายสิระ เจนจาคะ กล่าวภายหลังรับหนังสือว่า ตนได้ติดตามกรณีดังกล่าวมาโดยตลอด และเกิดความไม่สบายใจที่มีผู้ใช้คำดูหมิ่นดูแคลนชาวอีสาน ทั้งนี้ จะนำเรื่องดังกล่าวบรรจุเข้าสู่วาระการประชุมของคณะ กมธ. โดยจะเชิญตำรวจไซเบอร์ ผู้แทนจากกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ผู้แทนจากกระทรวงวัฒนธรรม ตลอดจนกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ มาร่วมประชุมเพื่อให้ความเห็นในกรณีดังกล่าวว่าเป็นการละเมิดสิทธิประชาชนของชาวอีสานหรือไม่ พร้อมทั้งขอฝากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้เร่งดำเนินการตามกฎหมายด้วย

อย่างไรก็ตาม ตนมีความเห็นว่าเราทุกคนล้วนเป็นคนไทยด้วยกัน จึงไม่ควรมีการดูถูกดูแคลนกัน ไม่ว่าจะเป็นเชื้อชาติ ศาสนา หรือภูมิลำเนาถิ่นกำเนิด พร้อมทั้งขอให้คนไทยเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันและมีความรักสามัคคีเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน

ที่มา : facebook.com/PPRPThailand/
เมื่อวันที่ : 8 ธันวาคม 2564

ส.ส. อรรถกรณ์ หารือสภาฯแก้ปัญหาชุมชนบางกระเจ็ดไฟไม่เพียงพอ

,

ส.ส. อรรถกรณ์ จ.ฉะเชิงเทรา หารือสภาฯแก้ปัญหาชุมชนบางกระเจ็ดไฟไม่เพียงพอ เร่ง กฟภ.วางระบบสายส่งครอบคลุม2หมู่บ้านลุยแก้ปัญหาค่าความเค็มน้ำในแหล่งน้ำ

นายอรรถกร ศิริลัทธยากร สมาชิกสภาแทนราษฎร(ส.ส.) จ.ฉะเชิงเทรา ได้หารือในที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่ได้รับการร้องเรียนจากกำนัน ตำบลบางกระเจ็ด และประชาชนในพื้นที่ๆ ได้รับความเดือดร้อน จากปัญหาระบบไฟฟ้าที่ให้บริการไม่ทั่วถึง เนื่องจากไม่มีการวางระบบสายส่ง ในพื้นที่ หมู่บ้านหมู่ ที่ 1 และหมู่ที่ 7 ต.บางกระเจ็ด อ.บางคล้า จ.ฉะเชิงเทรา โดยขอให้กระทรวงมหาดไทย ที่กำกับดูแลการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) เร่งดำเนินการแก้ไขปัญหาอย่างเร่งด่วน

ที่ผ่านมาประชาชนทั้งสองหมู่บ้านได้มีการระดมทุน เดินสายส่งไฟฟ้าเพื่อใช้ในหมู่บ้านทั้งสองแห่งด้วยตนเอง แต่แรงดันไฟฟ้าไม่เพียงพอ ต่อความต้องการใช้ของประชาชน ทำให้เครื่องใช้ไฟฟ้าภายในครัวเรือนได้รับความเสียหาย จึงได้เข้าร้องเรียนต่อ กฟภ. สาขาบางคล้า เพื่อให้มีการประเมินความเป็นได้ในงบค่าใช้จ่าย การวางระบบ การเดินสายส่งไว้ รวมมูลค่า 1,021,453.95 บาท

นอกจากนี้ ยังได้หารือถึงปัญหาความเค็มในพื้นที่ จังหวัดฉะเชิงเทรา ที่ได้รับผลกระทบจากค่าความเค็มสูงขึ้นเร็วผิดปกติ ได้เสนอให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และกรมชลประทาน ในการปล่อยน้ำเพื่อลดค่าความเค็มของน้ำ และเพื่อให้ประชาชนใช้ประโยชน์จากแหล่งน้ำได้ เพราะที่ผ่านมาเกิดภาวะน้ำทะเลหนุนสูงเร็วกว่าคาดการณ์ 13-15 วัน จึงทำให้ประชาชนในพื้นที่ได้รับผลกระทบ โดยเฉพาะเกษตรกร

#พปชร
#พลังประชารัฐ
#กฟภ

ที่มา : facebook.com/PPRPThailand/
เมื่อวันที่ : 8 ธันวาคม 2564

ตรีนุช ให้การบ้านผู้ตรวจราชการ ศธ. เริ่มติดตาม 3 ประเด็นใหญ่ รายงานผลทุกสัปดาห์

,

“ตรีนุช” ให้การบ้านผู้ตรวจราชการ ศธ.

เสมา 1 ให้การบ้านผู้ตรวจราชการ ศธ.เริ่มติดตาม 3 ประเด็นใหญ่ “เปิดสอนแบบ on-site -โครงการโรงเรียนคุณภาพของชุมชน โรงเรียนดี 4 มุมเมือง-เด็กตกหล่น” สั่งรายงานผลทุกสัปดาห์

น.ส.ตรีนุช เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (รมว.ศธ.) เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 7 ธ.ค.ที่ผ่านมา ตนได้ประชุมกับ ดร.สุภัทร จำปาทอง ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ และ ผู้ตรวจราชการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ทุกคน โดยตนได้มอบนโยบายและแนวทางการตรวจราชการ ในปีงบประมาณ 2565 ว่า ประเด็นในการตรวจติดตามขอให้เน้นตรวจติดตามในประเด็นสำคัญในช่วงนั้นๆ เช่น ขณะนี้มีเรื่องสำคัญที่ต้องตรวจติดตาม คือ 1.การเปิดภาคเรียนที่ 2 ประจำปีการศึกษา 2565 แบบในชั้นเรียนปกติ หรือ on-site ในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา (โควิด-19)ว่า โรงเรียนในสังกัด ศธ. สามารถเปิดสอนแบบ on-site ได้หรือไม่ จำนวนเท่าไหร่ เปิดสอนแล้วได้ดำเนินการตามมาตรการของ ศธ.หรือไม่ มีปัญหาอะไรเกิดขึ้นบ้าง และในกรณีที่เปิดสอนไม่ได้เพราะอะไร 2.โครงการโรงเรียนคุณภาพของชุมชน และโรงเรียนดี 4 มุมเมือง มีการดำเนินการเป็นไปตามวัตถุประสงค์หรือไม่ และ 3.เรื่องการติดตามเด็กตกหล่น นักเรียนออกกลางคัน ตั้งแต่ระดับอนุบาลถึงมัธยมศึกษาตอนปลาย และประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช.) เพื่อนำกลับเข้าสู่ระบบการศึกษา ทั้งนี้ ประเด็นการตรวจราชการสามารถเปลี่ยนแปลงได้ตามสถานการณ์

รมว.ศธ. กล่าวต่อไปว่า สำหรับแนวทางการตรวจราชการให้ใช้วิธีผสมผสานสื่อทางไกลกับการตรวจในพื้นที่ นำเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้ให้เกิดประโยชน์ กรณีไปตรวจราชการในพื้นที่ขอให้ดำเนินการอย่างเรียบง่ายไม่เป็นภาระต่อครู ผู้บริหารสถานศึกษา และผู้บริหารการศึกษาในพื้นที่ เน้นตรวจราชการให้ได้ข้อมูลเชิงคุณภาพ มากกว่าเชิงปริมาณ และมีข้อเสนอแนะเชิงนโยบายเพื่อการพัฒนานำเสนอด้วย ซึ่งเนื้อหาที่ใช้ในการรายงานต้องสั้น กระชับ ให้นำเสนอโดยใช้อินโฟกราฟิก ซึ่งเป็นการแสดงผลของข้อมูลหรือโดยภาพที่อ่านและเข้าใจง่ายเพียง 1-2 แผ่น ไม่ใช้เอกสารจำนวนมาก และให้รายงานทุกสัปดาห์ โดยเริ่มตั้งแต่สัปดาห์หน้าเป็นต้นไป

ที่มา : facebook.com/PPRPThailand/
เมื่อวันที่ : 8 ธันวาคม 2564

“ส.ส. กัลยา” วอน สถ.เร่งปรับปรุงประปาหมู่บ้านชำรุด แนะวางท่อส่งน้ำพื้นที่เกษตร

,

“ส.ส. กัลยา” วอน สถ.เร่งปรับปรุงประปาหมู่บ้าน ต.หนองยาว จ.สระบุรี ชำรุด เสนอ ใช้ประโยชน์น้ำผิวดิน แนะวางท่อเชื่อมส่งน้ำป้อนพื้นที่เกษตรหน้าแล้ง

นางสาวกัลยา รุ่งวิจิตรชัย ส.ส. สระบุรี เขต 1 พรรคพลังประชารัฐ หารือในที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร กรณีชาวบ้านในพื้นที่ หมู่ที่ 4 ต.หนองยาว อ.เมือง จ.สระบุรี บริเวณวัดหนองเขื่อนช้าง ได้รับความเดือดร้อนจากประปาหมู่บ้านที่ให้บริการชาวบ้านหมู่ที่ 3, 4, 5, 6 และ 7 ประมาณกว่า 500 ครัวเรือน ที่มีสภาพชำรุดและทรุดโทรม น้ำรั่วซึมบริเวณอาคารกรองน้ำ อันเนื่องจากก่อสร้างมานานกว่า 20 ปี และมีปริมาณน้ำไม่เพียงพอต่อการใช้งานจากจำนวนประชากรที่เพิ่มขึ้น จึงอยากฝากท่านประธานสภาฯ ไปยังกรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่น (สถ.) เพื่อดำเนินการปรับปรุงและซ่อมแซมอาคารที่ชำรุด และให้ขยายอาคารเพิ่มอีก 1 หลัง ในการรองรับน้ำให้เพียงพอกับปริมาณการใช้น้ำของจำนวนประชากรที่เพิ่มขึ้นในปัจจุบัน

นอกจากนี้ ยังได้หารือเรื่องน้ำภาคการเกษตร โดยพบว่ามีน้ำผิวดินที่อยู่นอกเขตชลประทาน โครงการอ่างเก็บน้ำหนองสองตอนในพื้นที่ ต.พุกร่าง อ.พระพุทธบาท จ.สระบุรี ซึ่งสามารถนำมาต่อท่อส่งไปยังพื้นที่การเกษตร เพื่อให้เกษตรกรมีน้ำไว้ใช้งานในช่วงหน้าแล้ง และอยากให้ปรับภูมิทัศน์บริเวณอ่างเก็บน้ำดังกล่าว เพื่อให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวและสถานที่ออกกำลังกาย จึงฝากเรียนท่านประธานสภาฯ ไปยังสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) และกรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่น ให้ช่วยพิจารณาและเร่งดำเนินการปรับภูมิทัศน์ เพื่อให้เกิดการสร้างงานและรายได้ให้กับชาว อ.พระพุทธบาท จ.สระบุรี

#กัลยารุ่งวิจิตรชัย
#สสสระบุรี
#พลังประชารัฐ
#พปชร.
#สทนช.

ที่มา : facebook.com/PPRPThailand/
เมื่อวันที่ : 8 ธันวาคม 2564

ส.ส.ศาสตรา จับมือ รพ.ศิครินทร์ ลุยตรวจเชื้อโควิด-19 สกัด-ป้องกันการแพร่ระบาด

,

“ส.ส.ศาสตรา”จับมือ รพ.ศิครินทร์ ลุยตรวจเชื้อโควิด-19 สกัด-ป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อในชุมชนวัดเกาะเสือ

เมื่อวันที่ 6 ธันวาคม 2564 นายศาสตรา ศรีปาน ส.ส.สงขลา เขต 2 พรรคพลังประชารัฐ พร้อมด้วย ส.จ.แมค, ส.จ.โดม และคณะทำงาน ร่วมกับโรงพยาบาลศิครินทร์ ลงพื้นที่เยี่ยมเยียนและรับฟังความเดือดร้อนประชาชน พร้อมตั้งจุดตรวจเชิงรุกหาเชื้อโควิด-19 ฟรี ด้วยชุดอุปกรณ์ตรวจ ATK ให้กับประชาชนที่พักอาศัยในพื้นที่วัดเกาะเสือ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา เพื่อเป็นการป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ภายในชุมชน ภายใต้มาตรการป้องกันการแพร่ระบาดด้วยการสวมใส่หน้ากากอนามัยและชุด PPE เว้นระหว่าง 1-2 เมตร และล้างมือด้วยแอลกอฮอล์ ตลอดเวลา

“การลงพื้นที่ร่วมกับโรงพยาบาลศิครินทร์ในครั้งนี้ เพื่อตรวจหาเชื้อโควิด-19 เชิงรุก ในการป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ของพี่น้องประชาชาที่พักอาศัยในชุมชนแห่งนี้ เมื่อตรวจเจอปุ๊บ เราจะมีชุดอุปกรณ์กักตัวให้ฟรี และขอให้ทุกท่านปลอดภัยจากโควิด-19 ด้วยความห่วงใยจากทีมงาน ส.ส. พลังประชารัฐ ”

#ศาสตราศรีปาน
#สสสงขลา
#พลังประชารัฐ
#พปชร

ที่มา : facebook.com/PPRPThailand/
เมื่อวันที่ : 7 ธันวาคม 2564

ไม่ทิ้งปชช. “ส.ส. กษิดิ์เดช” ลุยพื้นที่รับฟังความเดือดร้อน บรรเทาทุกข์ ปชช.

,

ไม่ทิ้งปชช. “ส.ส. กษิดิ์เดช” ลุยพื้นที่รับฟังความเดือดร้อน

ประสานหน่วยงานร่วมแก้ไขมอบถุงยังชีพบรรเทาทุกข์ ปชช.

นายกษิดิ์เดช ชุติมันต์ ส.ส. กรุงเทพฯ เขต 8 ลาดพร้าว-วังทองหลาง พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) พร้อมด้วยทีมงาน ส.ส. ลงพื้นที่พบปะร่วมพูดคุยและรับฟังความคิดเห็นของประชาชนในพื้นที่ชุมหมู่บ้านชนราณี และชุมชนหมู่บ้านเสนานิเวศน์โครงการ 2 พร้อมกันนี้ยังได้มอบถุงยังชีพจำนวนหนึ่ง ประกอบด้วยสิ่งของอุปโภคบริโภค ทั้งข้าวสาร อาหารแห้ง และสิ่งของจำเป็นในการดำรงชีวิตประจำวัน พร้อมหน้ากากอนามัยและสเปรย์แอลกอฮอล์ ให้กับผู้สูงอายุ ผู้ป่วยติดเตียง ผู้ป่วยโควิด-19 และประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 เพื่อเป็นขวัญกำลังใจและแบ่งเบาภาระให้กับประชาชนในพื้นที่ดังกล่าว

“การลงพื้นที่ในครั้งนี้ เป็นส่วนหนึ่งของนโยบายของ พปชร. ที่ต้องการช่วยเหลือและแบ่งเบาภาระให้กับประชาชน ทุกรอยยิ้มมีค่าสำหรับเรา ขอให้ทุกๆ ท่านสุขภาพแข็งแรงและปลอดภัย ด้วยความห่วงใยจากทีมงาน ส.ส. พลังประชารัฐ”

ที่มา : facebook.com/PPRPThailand/
เมื่อวันที่ : 7 ธันวาคม 2564

ส.ส.วัฒนา พปชร.ลำปาง มอบอาหาร-น้ำดื่ม จนท. ตรวจโควิดเชิงรุก

,

ส.ส.วัฒนา พปชร.ลำปาง มอบอาหาร-น้ำดื่มจนท.ตรวจโควิดเชิงรุก ดูแลเฝ้าระวังการแพร่ระบาดต่อเนื่องให้กับประชาชนในอำเภอแม่พริก

ส.ส.วัฒนา สิทธิวัง สมาชิกสภาผู้แทนราษฏรเขต4 พรรคพลังประชารัฐ(พปชร.) จังหวัดลำปาง ได้มอบ เครื่องอุปโภคบริโภค อาทิ ข้าวกล่อง น้ำดื่มและอาหารสำเร็จรูป แมส แอลกอฮอล์ เพื่อสนับสนุน เจ้าหน้าที่ประจำด่านกักตัวตามมาตราการป้องกันการระบาดของโรคโควิด 19 ภายหลังจากที่ ได้รับการประสาน จากนายอำเภอแม่พริกและสาธารณสุขอำเภอแม่พริก ขอความช่วยเหลือ เนื่องจาก สถานการณ์การแพร่ระบาดในพื้นที่ภาคเหนือ ต้องใช้มาตรการเฝ้าระวังสูงสุดและเข้มงวด ประกอบกับเป็นช่วงฤดูหนาว การแพร่ระบาดอาจจะเกิดขึ้นได้ ง่ายกว่าช่วงปกติ

ทั้งนี้ ได้มอบหมายให้ ทีมงาน คุณ สายพิน สันทัด ผู้ชำนาญการ คุณ สมชาย เก่งสาริกัน ผู้ช่วยส.ส.เขตอำเภอแม่พริก คุณ คมสัน จิตรมั่น ผู้ช่วยส.ส.เขตอำเภอเถิน คุณ ทิวา ดวงชัย เลขาประจำตัว ส.ส. เป็นตัวแทนมอบให้แก่นายอำเภอแม่พริก พร้อมกับ กำนันผู้ใหญ่บ้านเป็นผู้รับมอบเพื่อจะนำไปให้แก่ด่านกักตัวของอำเภอแม่พริก จังหวัดลำปาง ต่อไป

ที่มา : facebook.com/PPRPThailand/
เมื่อวันที่ : 7 ธันวาคม 2564

อธิรัฐ เพิ่มเส้นทางให้บริการเรือไฟฟ้าอีก 2 เส้นทาง เริ่ม 20 ธ.ค.นี้

,

“อธิรัฐ เพิ่มเส้นทางให้บริการเรือไฟฟ้าอีก 2 เส้นทาง เริ่ม 20 ธ.ค.นี้ พร้อมให้บริการรวม 23 ลำ”

นายอธิรัฐ รัตนเศรษฐ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า ในวันที่ 20 ธันวาคม 2564 นี้ ผู้ให้บริการเรือโดยสารไฟฟ้า MINE Smart Ferry ในแม่น้ำเจ้าพระยา จะเปิดให้บริการเพิ่มอีก 2 เส้นทาง คือ เส้นทาง “Metro Line” จากท่าเรือพระราม 7 – ท่าเรือสาทร และเส้นทาง “City Line” จากท่าเรือปิ่นเกล้า – ท่าเรือสาทร โดยเก็บค่าโดยสาร 20 บาทตลอดสายไปถึงสิ้นปี 2564 เช่นกัน จากนั้นในเดือนมกราคม 2565 Metro Line จะปรับเป็น 25 บาทตลอดสาย ส่วน City Line 20 บาทตลอดสาย โดยเพิ่มจำนวนเที่ยวเรือเพื่อรองรับจำนวนผู้โดยสารและลดจุดจอดท่าเรือเพื่อลดระยะเวลาในการเดินทาง ทำให้สามารถเดินทางได้เร็วขึ้น สำหรับจำนวนเที่ยวเรือโดยสารที่ให้บริการเพิ่มเติม ตั้งแต่วันที่ 20 ธันวาคม 2564 เป็นต้นไป ดังนี้

1. เวลา และเส้นทาง ที่ให้บริการ Metro Line (3 ลำ)
• วันจันทร์ – วันศุกร์ (12 เที่ยว/วัน) 06.05 น. – 17.45 น.
• วันเสาร์ – วันหยุดนักขัตฤกษ์ (18 เที่ยว/วัน) 07.30 น. – 18.45 น.
• วันอาทิตย์ (18 เที่ยว/วัน) 07.30 น. – 18.45 น.

2. เวลา และเส้นทาง ที่ให้บริการ City Line (3 ลำ)
• วันจันทร์ – วันศุกร์ (36 เที่ยว/วัน) 07.00 น. – 18.05 น.
• วันเสาร์ – วันหยุดนักขัตฤกษ์ (36 เที่ยว/วัน) 07.00 น. – 18.05 น.
• วันอาทิตย์ (36 เที่ยว/วัน) 07.00 น. – 18.05 น.

โดยปัจจุบันมีจุดเชื่อมต่อรถไฟฟ้ากับท่าเรือ 4 จุด ได้แก่ สายสีม่วงเชื่อมที่ท่าเรือพระนั่งเกล้า, สายสีน้ำเงินเชื่อมกับท่าเรือบางโพ และท่าเรือราชินี, สายสีเขียวเชื่อมที่ท่าเรือสาทร และในอนาคต สายสีส้มจะเชื่อมได้ที่ท่าเรือศิริราชและท่าราชวงศ์ ซึ่งหากดูการเติบโตของผู้ใช้บริการท่าเรือสาทร เดิมมีประมาณ 1,000 คน/วัน แต่เมื่อมีรถไฟฟ้าสายสีเขียว ผู้ใช้บริการเพิ่มเป็นกว่า 20,000 คน/วัน เชื่อว่าการคมนาคมทางน้ำจะช่วยกระจายประชาชนเชื่อมกับรถไฟฟ้าได้ตลอดแนว และนอกจากนี้ในปี 2565 ผู้ให้บริการมีแผนต่อเรือโดยสารไฟฟ้ารุ่นใหม่เพิ่มอีก 15 ลำ เป็นเรือขนาดเล็ก รองรับผู้โดยสารได้ประมาณ 150 คน คาดว่าจะแล้วเสร็จในไตรมาสที่สามของปี 2565 เป็นเรือที่สามารถลอดสะพานได้ในช่วงที่แม่น้ำเจ้าพระยามีระดับสูง จะทำให้สามารถให้บริการได้ตลอดทั้งปี เป็นการส่งเสริมการเดินทางทางน้ำและช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนให้ดียิ่งขึ้น

ที่มา : facebook.com/PPRPThailand/
เมื่อวันที่ : 7 ธันวาคม 2564

“ส.ส.อนันต์”ผนึกทีมงานลุยพื้น ขุดลอกคลองกักเก็บน้ำรับมือภัยแล้ง

,

“ส.ส.อนันต์”ผนึกทีมงานลุยพื้น อ.คลองขลุง ขุดลอกคลองกักเก็บน้ำรับมือภัยแล้ง

นายอนันต์ ผลอำนวย ส.ส.กำแพงเพชร เขต 3 พรรคพลังประชารัฐ, สจ.ชัยยศ ตั้งนิยม, นายกแสน ผิวละออ, กำนันสมชาย ตั้งนิยม, ผู้นำท้องที่ และผู้นำท้องถิ่น ลงพื้นที่ดำเนินการและกำกับดูแลความเรียบร้อยในการขุดลอกคลองข่อย ในพื้นที่หมู่ที่ 1 บ้านวังยาง ต.วังยาง อ.คลองขลุง จ.กำแพงเพชร เพื่อบำรุงรักษาทางน้ำไว้ให้ประชาชนในพื้นที่และพื้นที่ใกล้เคียงได้ใช้ประโยชน์จากการอุปโภคและบริโภค รวมถึงกักเก็บน้ำเพื่อไว้ใช้งานในภาคการเกษตรให้มีน้ำใช้ช่วงหน้าแล้งที่กำลังจะมาถึง ตลอดจนรักษาความสมดุลของชุมชนและธรรมชาติ พร้อมกันนี้ยังได้ร่วมกันปรึกษาและหารือถึงแนวทางในการพัฒนาแหล่งน้ำให้ได้ใช้ประโยชน์และให้มีน้ำใช้ในการทำการเกษตร

“การลงพื้นที่ในครั้งนี้ เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับพี่น้องประชาชนในพื้นที่ ให้มีพื้นที่กักเก็บน้ำและมีน้ำไว้ใช้อุปโภคและบริโภค รองรับน้ำไว้ใช้ในภาคการเกษตรช่วงฤดูแล้งนี้ ด้วยความห่วงใยจากทีมงาน ส.ส. พลังประชารัฐ”

#อนันต์ผลอำนวย
#สสกำแพงเพชร
#พลังประชารัฐ
#พปชร

ที่มา : facebook.com/PPRPThailand/
เมื่อวันที่ : 7 ธันวาคม 2564

“ส.ส.กัลยา” เชิญ กสทช.-พณ.-ก.ล.ต. แจงรายละเอียดทรู-ดีแทค

,

“ส.ส. กัลยา” เชิญ กสทช.-พณ.-ก.ล.ต. แจงรายละเอียดทรู-ดีแทค” ควบรวมกิจการ ผลจากการแข่งขันการตลาดธุรกิจสื่อสารลดลง หวั่นกระทบภาระค่าใช้จ่ายประชาชน

น.ส.กัลยา รุ่งวิจิตรชัย ส.ส. สระบุรี พรรคพลังประชารัฐ ในฐานประธานคณะกรรมาธิการการสื่อสาร โทรคมนาคม และดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) เปิดเผยว่า การประชุม กมธ.ดีอีเอส สัปดาห์ที่ผ่านมา ได้มีการพิจารณาผลกระทบ ที่จะเกิดขึ้นต่อผู้บริโภค ภาคธุรกิจ และภาครัฐ เกี่ยวกับกรณีการควบรวมกิจการ ของผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ระหว่าง บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กับบริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) โดยมีผู้แทนจากหน่วยงานรัฐทั้ง กรมการค้าภายใน และกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์, ผู้แทนจากสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) และสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เข้าชี้แจง โดยทางกมธ. เห็นว่า การสื่อสารเป็นสาธารณูปโภคพื้นฐาน ที่จำเป็นต่อประชาชน และการขับเคลื่อนประเทศ จึงขอให้ กสทช.และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้รับข้อเสนอจากกมธ. ไปพิจารณาเตรียมความพร้อม ก่อนที่จะเกิดการควบรวมบริษัท เพื่อป้องกันปัญหาเกิดขึ้นต่อประชาชนในผลกระทบต่าง ๆ และคาดหวังให้ กสทช.ได้เสนอรายงานความคืบหน้าข้อห่วงกังวลของกมธ. กลับมาเพื่อรับทราบอีกครั้ง

“แม้ว่าเรื่องการควบรวมยังไม่เกิดขึ้น แต่ทาง กมธ.ดีอีเอส ต้องทำงานเชิงรุก เชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาหารือเพื่อเตรียมความพร้อมเอาไว้ก่อน เพราะเรื่องนี้สังคมเป็นกังวลอย่างมาก เพราะเกรงว่า เมื่อมีผู้ให้บริการน้อยลง การกำหนดราคาค่าบริการ และการให้บริการจะเกิดปัญหาการผู้กขาด ขาดการแข่งขัดทำให้ไม่เกิดการพัฒนาเรื่องระบบและการบริการ นี่คือข้อกังวลที่ ทางกมธ.ได้แจ้งต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อหานำไปพิจารณา” น.ส.กัลยา กล่าว

หากมีการควบรวมกันอย่างเป็นทางการ เกรงว่าจะอาจจะส่งผลกระทบของประชาชน ที่จะต้องแบกรับภาระค่าใช้จ่าย จึงจำเป็นจะต้องมีการสอบถามเพื่อให้เกิดความชัดเจน และเตรียมการล่วงหน้า แม้จะยังไม่มีการเกิดการควบรวบเกิดขึ้น และทางกมธ. ก็ได้ขอให้ กสทช.พิจารณาศึกษาขอบข่ายกฎหมายให้ชัดเจน และได้กำชับให้ กสทช.ไปหารือ และอาจจะต้องตั้งกรรมการศึกษาในเรื่องนี้ด้วย ซึ่งอาจจะไม่ได้แค่ศึกษากรณีนี้อย่างเดียว แต่อาจจะต้องเตรียมความพร้อมหากเกิดกรณีอื่นๆด้วย

ที่มา : facebook.com/PPRPThailand/
เมื่อวันที่ : 6 ธันวาคม 2564

“ส.ส.ไพลิน”ลงพื้นที่รับฟัง-แก้ไขปัญหาความเดือดร้อนชาวสมุทรปราการ

,

“ส.ส. ไพลิน” ลงพื้นที่รับฟัง-แก้ไขปัญหาความเดือดร้อนชาวสมุทรปราการ เตรียมประสานหน่วยงานซ่อมแซมไฟส่องทางพร้อมเยี่ยมผู้หายป่วยโควิด-19

นางสาวไพลิน เทียนสุวรรณ ส.ส.สมุทรปราการ เขต 7 พรรคพลังประชารัฐ พร้อมคณะทำงาน ลงพื้นที่เยี่ยมเยียนประชาชนที่หายป่วยจากการติดเชื้อโควิด-19 ในพื้นที่หมู่บ้านลัดดา จำนวน 22 หลังคาเรือน ได้แก่ ชุมชนคลอง 5 จำนวน 9 หลังคาเรือน, หมู่บ้านธนารินทร์ 1 จำนวน 6 หลังคาเรือน, ชุมชนริมคลองโยธา จำนวน 4 หลังคาเรือน, ชุมชนโค้งลัดดา จำนวน 7 หลังคาเรือน, หมู่7 ต.ในคลองบางปลากด, ชุมชนโครงการคู่สร้างโครงการ 1,2 จำนวน 26 หลังคาเรือน และหมู่ 9 ต.ในคลองบางปลากด อ.พระสมุทรเจดีย์ จ.สมุทรปราการ

ทั้งนี้ ยังได้รับเรื่องราวร้องทุกข์เกี่ยวกับไฟส่องสว่างทางเดินในพื้นที่ชุมชนคลอง 5 และชุมชนริมคลองโยธา หมู่ 7 ซึ่งไม่มีไฟส่องสว่างใช้สัญจรในยามวิกาล ทำให้เสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุภายในชุมชน รวมถึงเรื่องร้องเรียนเรื่องถนนทางเดินสัญจรภายในชุมชนคู่สร้างโครงการ 1 หมู่ 9 ที่ชำรุดเสียหายทำให้สัญจรลำบาก และเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ โดยเบื้องต้นได้ประสานงานไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อช่วยเหลือและแก้ไขอย่างเร่งด่วน

“เราขอเป็นกำลังใจให้ทุกท่าน เดินเคียงข้างกันไป เพื่อฝ่าวิกฤตนี้ไปด้วยกันค่ะ ด้วยความห่วงใยจากทีมงาน ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ”

#ไพลินเทียนสุวรรณ
#สสสมุทรปราการ
#พลังประชารัฐ
#พปชร

ที่มา : facebook.com/PPRPThailand/
เมื่อวันที่ : 6 ธันวาคม 2564

“ส.ส. สัณหพจน์” ร่วมตรวจโรงงานน้ำมันปาล์มติดตั้งมิเตอร์รับน้ำมันปาล์มเข้าระบบ

,

“ส.ส. สัณหพจน์” ร่วมตรวจโรงงานน้ำมันปาล์มติดตั้งมิเตอร์รับน้ำมันปาล์มเข้าระบบ”

สกัดลักลอบนำเข้าจากต่างประเทศ มุ่งช่วยเกษตรสวนปาล์มรักษาระดับราคายั่งยืน

ส.ส. พปชร.จ.นครศรีฯ ลงพื้นที่โรงงานน้ำมันปาล์ม ปทุมธานี ตรวจสอบการติดตั้งมิเตอร์วัดน้ำมันปาล์ม ครั้งแรกในไทย หวังช่วยป้องกันการลักลอบสต็อกน้ำมันปาล์มจากต่างประเทศ พร้อมเสนอตั้งสต็อกน้ำมันปาล์มกลางของรัฐ ช่วยชาวสวนปาล์มให้มีรายได้จากปาล์มน้ำมันอย่างยั่งยืน

ดร. สัณหพจน์ สุขศรีเมือง ส.ส.นครศรีธรรมราช เขต 2 พรรคพลังประชารัฐ ในฐานะประธานคณะอนุกรรมาธิการพิจารณาศึกษาโครงสร้างราคาการตรวจสอบการลักลอบการนำเข้าน้ำมันปาล์ม และกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ในคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาการ บริหารจัดการปาล์มน้ำมันอย่างเป็นระบบ สภาผู้แทนราษฎร (กมธ.ปาล์มน้ำมัน) ลงพื้นที่ตรวจสอบการติดตั้งเครื่องวัดปริมาณน้ำมันปาล์ม ประเภทถังจัดเก็บน้ำมันปาล์ม เป็นครั้งแรกของประเทศไทย ตามแผนงานของกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ ณ บริษัท น้ำมันพืชปทุม จำกัด ต.คูบางหลวง อ.ลาดหลุมแก้ว จ.ปทุมธานี

ดร. สัณหพจน์ กล่าวว่า การติดตั้งเครื่องวัดปริมาณน้ำมันปาล์ม (มิเตอร์วัดปริมาณน้ำมันปาล์ม) เพื่อบริหารจัดการและควบคุมสต็อกน้ำมันปาล์ม ไม่ให้เกิดการลักลอบการนำเข้าน้ำมันปาล์มจากต่างประเทศ มาสต็อกไว้ภายในโรงงานต่างๆ ช่วยให้เกษตรกร สามารถขายปาล์มน้ำดิบ ได้ในราคาคงที่ และสามารถสร้างรายได้ได้อย่างยั่งยืน

สำหรับแผนการติดตั้งมิเตอร์วัดปริมาณน้ำมันปาล์มดังกล่าว ตามรายงานของกรมการค้าภายใน จำนวน 109 โรงงาน 469 ถัง ซึ่งยังพบว่า มีบางโรงงานไม่ได้ติดตั้งมิเตอร์วัดปริมาณทั้งหมด ตัวอย่างเช่น บางโรงงานมี 49 ถัง แต่ติดตั้งมิเตอร์เพียง 44 ถัง และเหลือขนาดถังมีความจุมากถึง 1.5 ล้านลิตร จำนวนประมาณ 5 ถัง ซึ่งหากมีการลักลอบสต็อกสำรองน้ำมันปาล์มจากต่างประเทศ จะสร้างความเสียหายให้กับระบบโครงสร้างราคาน้ำมันปาล์มและปาล์มน้ำมัน รวมถึงระบบเศรษฐกิจของประเทศอย่างมาก

ล่าสุด คณะกมธ.น้ำมันปาล์ม ได้ตั้งข้อสังเกตถึงกรณีดังกล่าวต่อกรมการค้าภายใน ในการประชุมหารือร่วมกัน และขอให้ตรวจสอบการติดตั้งมิเตอร์วัดปริมาณน้ำมันปาล์มในทุกโรงงานอย่างเคร่งครัดและต่อเนื่อง รวมทั้งวิธีการตรวจสอบถังบรรจุที่มีปริมาณน้อยกว่า 1,100 ลิตร ซึ่งมีอยู่เป็นจำนวนมากในแต่ละโรงงาน ที่ไม่ได้มีการติดตั้งมิเตอร์เรียลไทม์ (การติดตั้งมิเตอร์เรียลไทม์จะใช้เฉพาะถังที่มีความจุเกิน 1,100 ลิตรขี้นไปเท่านั้น)

“สาเหตุที่ต้องมีการติดตั้งมิเตอร์วัดปริมาณน้ำมันแบบเรียลไทม์ เพื่อเป็นการตรวจสอบปริมาณน้ำมันในถังจัดเก็บทุกถัง ในทุกโรงงาน ซึ่งข้อมูลเรียลไทม์ดังกล่าวจะถูกอัพเดตในระบบของกรมการค้าภายใน ช่วยให้สามารถตรวจสอบปริมาณน้ำมันปาล์มในสต็อกได้ตลอดเวลา และควรเปิดเผยข้อมูลให้เกษตรกร และประชาชนรับทราบเป็นรายวัน ผ่านทางเว็บไซต์อย่างเป็นทางการ โดยไม่มีข้ออ้างว่าเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถเปิดเผยได้ เนื่องจากตลอดเวลาที่ผ่านมาอธิบดีกรมการค้าภายใน ไม่เคยมาชี้แจงข้อมูลด้วยตนเอง ต่อกมธ.แม้แต่ครั้งเดียว มีแต่ส่งตัวแทนเข้าชี้แจงและไม่สามารถตอบคำถามในประเด็นสำคัญได้” ดร.สัณหพจน์ กล่าว

อย่างไรก็ตาม ตนขอเสนอแนวคิดการจัดตั้งสต็อกน้ำมันปาล์มกลางของรัฐบาล ในความดูแลของกรมการค้าภายใน เพื่อตัดขั้นตอนการสต็อกน้ำมันปาล์มในมือนายทุน ทำให้ระบบการบริหารจัดการน้ำมันปาล์มทั้งระบบมีเสถียรภาพมากขึ้น ช่วยให้เกษตรกรและะชาวสวนปาล์มน้ำมัน มีรายได้อย่างยั่งยืน

#ดรสัณหพจน์สุขศรีเมือง
#สสนครศรีธรรมราช
#พลังประชารัฐ
#พปชร

ที่มา : facebook.com/PPRPThailand/
เมื่อวันที่ : 6 ธันวาคม 2564