โลกเปลี่ยน ไทยต้องปรับ ทางเลือกใหม่ของการเมืองไทย ก้าวข้ามความขัดแย้ง สานพลังประชาราษฎร์ ร่วมสร้างชาติให้ยั่งยืน

หมวดหมู่: ข่าวประชาสัมพันธ์

“ธีระชัย” ส่องตัวเลขจีดีพีสิ้นหวัง ธ.โลกหั่นเหลือ 1.6%

,

“ธีระชัย” ส่องตัวเลขจีดีพีสิ้นหวัง ธ.โลกหั่นเหลือ 1.6% ไร้หนทางกระตุ้นแก้เศรษฐกิจชาติฟื้น รัฐบาลจนแต้ม อุ้มเพียงกลุ่มทุนใหญ่ไม่กระจายโอกาสสร้างเม็ดเงินใหม่
วันนี้ ( 30 เมษายน 2568) ที่พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล รองหัวหน้าพรรคฝ่ายเศรษฐกิจ พปชร. อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง แถลงข่าวถึงกรณีที่เมื่อวันที่ 28 เม.ย. ธนาคารโลกปรับลดประมาณการ GDP ไทยปี 2568 ลงสู่ 1.6% ต่ำสุดในภูมิภาค จากที่เคยประเมินไว้ที่ 2.9% นายธีระชัยแสดงความกังวลว่า ประชาชนจะไม่สามารถตั้งความหวังกับการบริหารเศรษฐกิจของรัฐบาลนี้ได้เลย และกรณีเมื่อวันที่ 29 เม.ย. ที่บริษัทจัดอันดับเครดิต มูดี้ส์ ได้ประกาศลดอันดับไทยจาก “ทรงตัว” เป็น “โน้มลง” ก็ตอกย้ำด้วยว่า ประชาชนชาวไทยจะเผชิญความยากลำบากมากขึ้น

นายธีระชัยกล่าวว่าตนได้เคยเผยแพร่เตือนรัฐบาลหลายครั้ง ให้เตรียมรับมือพายุสมบูรณ์แบบ ซึ่งบัดนี้ธนาคารโลกก็ยืนยันพ้องกันแล้วว่า กำลังจะเกิดแรงกดดันจากความไม่แน่นอนด้านนโยบายการค้าที่สูงขึ้น ซึ่งจะกระทบต่อการส่งออก การบริโภค และการลงทุน แต่ผ่านมา รัฐบาลไม่ได้เตรียมรับมือไว้เลย ไม่เคยแนะว่าประชาชนควรจะวางแผนส่วนตัวอย่างไร
สำหรับ 3 แนวทางที่ธนาคารโลกเสนอเพื่อรับมือ คือ การใช้เทคโนโลยีใหม่ๆ กระตุ้นผลิตภาพ การปฏิรูปเพื่อยกระดับการแข่งขัน และการพัฒนาความร่วมมือระหว่างประเทศนั้น ประชาชนก็ไม่สามารถตั้งความหวังอะไรได้ เพราะสวนทางกับแนวทางที่ผ่านมาของรัฐบาล ที่เน้นการกู้หนี้มาแจกเงินหมื่น อันเป็นการเน้นให้เกิดผลต่อจีดีพีเร็ว ทั้งที่รู้ดีอยู่แล้วว่าไม่มีแรงส่งที่ยั่งยืน
“รัฐบาลที่จะทำตามคำแนะนำของธนาคารโลก จะต้องยึดหลักการวางนโยบายระยะยาว จะต้องเน้นการกระจายรายได้ กระจายโอกาส และจะต้องรื้ออุปสรรคต่อพ่อค้ารายย่อย ที่เกิดจากการผูกขาดโดยกลุ่มทุนของพรรคการเมือง รวมทั้งเร่งให้แบงค์แข่งขันกันมากขึ้น ซึ่งรัฐบาลนี้ไม่ได้ทำ” นายธีระชัยกล่าว

ที่มา: https://www.facebook.com/pprpthailand/
วันที่: 1 พฤษภาคม 2568

“นายก ลุงตู่” กับพรรค “ลุงป้อม” ย้อนอดีตพรรคพลังประชารัฐ

,

อดีต “คลัง” ค้านกู้เงิน 5 แสนลบ. เพิ่มภาระ จับตา 5 ประเด็นแก้เศรษฐกิจ

ก่อนที่พรรคพลังประชารัฐจะมีแคนดินเดตนายกรัฐมนตรีชื่อ “พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ” หรือ “ลุงป้อม” และอยู่ในซีกพรรคฝ่ายค้าน (?) อย่างทุกวันนี้ ในอดีตช่วงเลือกตั้ง 2562 พรรคพลังประชารัฐเคยมีแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีชื่อ “พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา” ที่หาเสียงด้วยสโลแกนยอดฮิต “เลือกความสงบจบที่ลุงตู่”

หลังการเลือกตั้งจบลง ประชาชนได้ความสงบหรือไม่ก็ตามแต่จะประเมินกัน แต่ที่แน่ๆ พรรคพลังประชารัฐสามารถรวมเสียงข้างมากในสภาฯ ทั้ง สส.-สว. โหวต “ลุงตู่” กลับมาเป็นนายกฯ อีกครั้ง

อย่างไรก็ตาม ทั้งผลการเลือกตั้ง กฎกติกาที่ใช้ รวมถึงสถานการณ์ที่ไม่ชอบมาพากลต่างๆ ทำให้คนในสังคมต่างตั้งคำถามว่า การเลือกตั้งครั้งแรกหลังยุคเผด็จการทหาร คสช. นี้บริสุทธิ์ยุติธรรมแค่ไหน? ว่าแล้วก็ลองย้อนไปดูบริบทคร่าวๆ กัน

คสช. เตรียมมาตรการรักษาอำนาจ?

ก่อนเลือกตั้ง คสช. ภายใต้การนำของพลเอก ประยุทธ์ ดำเนินมาตรการหลายอย่างเพื่อรักษาอำนาจของตนไว้ เช่น การนำระบบการเลือกตั้งแบบใหม่มาใช้เพื่อลดจำนวนที่นั่งในสภาฯ ของพรรคการเมืองที่ทักษิณ ชินวัตร สามารถควบคุมได้ การแต่งตั้งคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ชุดใหม่ การแจกจ่ายทรัพยากรของรัฐให้กับผู้มีสิทธิเลือกตั้งที่ยากจนหลายล้านคนผ่านโครงการต่างๆ ฯลฯ

ตั้งพรรคการเมืองเฉพาะกิจ?

กลยุทธ์พื้นฐานที่ คสช. ใช้ก็เฉกเช่นเดียวกับคณะรัฐประหารในอดีตที่ต้องการรักษาอำนาจผ่านการเลือกตั้ง โดยอาศัย “เจ้าพ่อ” ผู้ทรงอิทธิพลในท้องถิ่น และนักการเมืองที่มีชื่อเสียง (หลายคนเคยอยู่ในเครือข่ายทักษิณ) เพื่อจัดตั้งพรรคเฉพาะกิจ (ขณะนั้น) ในนาม “พรรคพลังประชารัฐ” นอกจากนี้ คสช. ยังแทรกแซงกระบวนการเลือกตั้งในลักษณะที่เอื้อประโยชน์ต่อการรักษาอำนาจของตน อย่างกรณีที่พูดถึงกันมากคือ ออกแบบบัตรเลือกตั้งให้เกิดความสับสน

สว. 250 คน ที่ตั้งรอไว้แล้ว?

กฎเกณฑ์การเลือกตั้งใหม่ที่ คสช. นำมาใช้มีความซับซ้อนอย่างมาก ทำให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งส่วนใหญ่ไม่เข้าใจระบบการลงคะแนนอย่างถ่องแท้ ซึ่งระบบแบบใหม่นี้ออกแบบมาเพื่อป้องกันไม่ให้พรรคเพื่อไทยสามารถชนะการเลือกตั้งอย่างถล่มทลาย โดยผู้มีสิทธิเลือกตั้งจะลงคะแนนเสียงเลือก สส. จำนวน 500 คน ขณะที่ คสช. แต่งตั้ง สว. ไว้แล้ว 250 คน แถมนายกรัฐมนตรีไม่จำเป็นต้องมาจาก สส. โดยจะมาจากการเลือกร่วมกันของ สส. และ สว.

กกต. ขาดความโปร่งใส?

ในบรรดาความผิดปกติต่างๆ ที่เกิดขึ้นในการเลือกตั้งรอบนี้ กกต. ในฐานะหน่วยงานที่จัดการเลือกตั้งถูกตั้งคำถามจากหลายกรณี อย่างเช่นตัวเลขผลการเลือกตั้งคลาดเคลื่อนในหลายเขต แม้จะมีข้อเรียกร้องอย่างหนักจากพรรคการเมืองและกลุ่มภาคประชาสังคม แต่ กกต. กลับปฏิเสธที่จะเปิดเผยข้อมูลการเลือกตั้งในแต่ละหน่วยเลือกตั้งอย่างละเอียด นำไปสู่ความไม่พอใจอย่างกว้างขวางต่อความไร้ประสิทธิภาพและขาดความโปร่งใส จนมีการรณณรงค์ออนไลน์เพื่อถอดถอน กกต. ครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ไทย

“สองลุง” ครองอำนาจต่อได้ แม้ความชอบธรรมเปราะบาง?

ต่อให้ผลการเลือกตั้งจะเต็มไปด้วยคำถาม แต่ด้วยการสนับสนุนอย่างเข้มแข็งจาก สว. ทำให้พรรคพลังประชารัฐสามารถจัดตั้งรัฐบาลผสมที่ประกอบด้วยพรรคการเมืองขนาดเล็กและขนาดกลางถึง 20 พรรค พลเอก ประยุทธ์กลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีอีกครั้ง เช่นเดียวกับพลเอก ประวิตรที่ได้นั่งเก้าอี้รองนายกฯ ต่อ

แม้จะเป็นรัฐบาลผสมที่อ่อนแอ (อันเป็นผลพวงจากรัฐธรรมนูญ 2560) ประสบกับวิกฤตระดับโลกอย่างโควิด-19 ที่พ่วงมาด้วยความยากลำบากทางเศรษฐกิจ รวมถึงเผชิญกับการประท้วงจากกลุ่มเยาวชนครั้งใหญ่ที่สุดนับแต่ทศวรรษ 2510 แต่รัฐบาลนี้ก็ยังดำรงอยู่ท่ามกลางความไม่นิยมอย่างกว้างขวางนี้ได้ครบ 4 ปี

จนกระทั่งถึง “ทางแยกใหม่ทางการเมือง” ในการเลือกตั้ง 2566 พรรคพลังประชารัฐเหลือเพียง “หนึ่งลุง” อีก “หนึ่งลุง” แยกพรรค ซึ่งผลการเลือกตั้งครั้งนี้ได้เปลี่ยนโฉมหน้าการเมืองไทยไปเป็นอีกแบบ พรรคพลังประชารัฐกลายเป็นพรรคฝ่ายค้าน อย่างน้อยก็จนถึงตอนนี้ …

ประชาธิปไตยไทยที่ถดถอย: สมรภูมิการเมืองไทยสู่ความขัดแย้งใหม่ที่ยังไม่จบ
ผู้เขียน: ประจักษ์ ก้องกีรติ | ผู้แปล: ฐนพงศ์ ลือขจรชัย
บรรณาธิการ: กษิดิศ อนันทนาธร

ทดลองอ่านได้ที่: https://bit.ly/4idRYQ2

#ประชาธิปไตยไทยที่ถดถอย #ประจักษ์_ก้องกีรติ #การเมืองไทย #คสช #พลังประชารัฐ
#สำนักพิมพ์มติชน #matichonbook

_____________________

ติดตามทุกช่องทางของสำนักพิมพ์มติชนที่
Line : @matichonbook
Youtube : @MatichonBooks
Tiktok : @matichonbook
Twitter : @matichonbooks
Instagram : matichonbook

ที่มา: https://www.facebook.com/matichonbook/
วันที่: 28 เมษายน 2568

อดีต “คลัง” ค้านกู้เงิน 5 แสนลบ. เพิ่มภาระ จับตา 5 ประเด็นแก้เศรษฐกิจ

,

อดีต “คลัง” ค้านกู้เงิน 5 แสนลบ. เพิ่มภาระ จับตา 5 ประเด็นแก้เศรษฐกิจ

นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล รองหัวหน้าพรรคฝ่ายเศรษฐกิจ พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) อดีตรมว.คลัง กล่าวถึงกรณี รมว.คลังมีแนวคิดในการกู้เงิน 5 แสนล้านบาท เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศ เนื่องจากได้รับผลกระทบจากมาตรการภาษีศุลกากรตอบโต้ของสหรัฐฯ ว่า ขอให้ประชาชนคัดค้านการก่อหนี้เพิ่มถ้าหากไม่สร้างประโยชน์อย่างแท้จริง

อ่านรายละเอียดข่าวเพิ่มเติม คลิก
https://www.tnnthailand.com/wealth/investment/197521/

ติดตามข่าวหุ้นและการลงทุนทางไลน์
Line @TNNWEALTH : https://lin.ee/TQ14oAe

ที่มา: https://www.instagram.com/tnn_wealth/
วันที่: 28 เมษายน 2568

“ธีระชัย” เตือนกู้ 5 แสนล้านกระตุ้นเศรษฐกิจแบบไร้ประสิทธิภาพ “หยุดขายฝันปั้นวิกฤติเป็นโอกาส” เร่งเก็บกระสุนการคลังเดินหน้าปรับโครงสร้างเศรษฐกิจไทย

,

“ธีระชัย” เตือนกู้ 5 แสนล้านกระตุ้นเศรษฐกิจแบบไร้ประสิทธิภาพ “หยุดขายฝันปั้นวิกฤติเป็นโอกาส” เร่งเก็บกระสุนการคลังเดินหน้าปรับโครงสร้างเศรษฐกิจไทย

วันที่ 28 เม.ย. 2568 ที่พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ในฐานะรองหัวหน้าพรรคฝ่ายเศรษฐกิจ พปชร. แถลงถึงกรณีรัฐมนตรีคลังเตรียมกู้เงิน 5 แสนล้าน ซึ่งอ้างว่าเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจฝ่าวิกฤตภาษีสหรัฐ ภายหลังจากกองทุนการเงินฯ (IMF) หั่นจีดีพีไทยของปี 2567 จากเดิม 2.9% เหลือ 1.8% และของปี 2568 จากเดิม 2.6% เหลือ 1.6% โดยหากรัฐบาลเลือกที่จะกู้เงิน 5 แสนล้านบาท ก็จะทำให้หนี้สาธารณะจากปัจจุบัน 64.21% ของจีดีพี เพิ่มขึ้นอีกประมาณ 3% นั้น

นายธีระชัยเตือนว่า หนี้ที่รัฐบาลกู้ 10.69 ล้านล้านบาท หารด้วยจำนวนคนไทย 66 ล้านคนนั้น เป็นภาระต่อคนกว่า 160,000 บาทอยู่แล้ว จึงขอให้ประชาชนคัดค้านการก่อหนี้เพิ่มถ้าหากไม่สร้างประโยชน์อย่างแท้จริง โดยแนะนำให้ประชาชนจับตารัฐบาลใน 5 เรื่อง
1. รัฐบาลควรลดการกู้เพื่อแจกอุดหนุนอุปโภคบริโภค เพราะถึงแม้จะทำให้จีดีพีสูงขึ้นบ้าง แต่เป็นเพียงชั่วคราว การใช้กระสุนแบบนี้ไม่เพิ่มประสิทธิภาพของประเทศ จึงจะไม่ช่วยเพิ่มรายได้อนาคตที่จะเอามาใช้คืนหนี้ ดังเห็นได้ว่าโครงการแจกเงินหมื่นที่ใช้งบประมาณไปแล้วถึง 1.75 แสนล้านบาท ก็ได้ผลในการกระตุ้นเศรษฐกิจน้อยมาก และไม่เกิดแรงส่งที่ยั่งยืน
2. เงินที่จะใช้กระตุ้นเศรษฐกิจจะต้องเกลี่ยจากงบประมาณให้เต็มที่ก่อน โดยรัฐบาลจะต้องเด็ดขาดในการตัดลดรายจ่ายที่ไม่จำเป็นหรือไม่เร่งด่วน จะต้องแสดงผลงานด้านนี้ให้ประชาชนเห็นก่อน
3. สินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ (ซอฟต์โลน) เป็นเรื่องปลายทาง แต่กระทรวงการคลังควรเร่งหารือกับแบงค์ชาติในเรื่องต้นทาง 4 เรื่องก่อน คือ (ก) ด้านผ่อนคลายนโยบายการเงิน (ข) ด้านเพิ่มการแข่งขันในระบบสถาบันการเงิน (ค) ด้านการปรับโครงสร้างหนี้ที่จริงจังโดยให้สถาบันการเงินต้องควักกำไรสะสมเข้ามารับภาระมากขึ้น และ (ง) ด้านการบีบลดกำไรส่วนต่างดอกเบี้ยของสถาบันการเงิน
4. รัฐบาลควรประกาศยกเลิกการแจกเงินหมื่นเฟส 3 ทันที เพราะสถานการณ์โลกข้างหน้ามีหลายความเสี่ยงที่ต้องเฝ้าระวัง จึงควรเก็บกระสุนการคลังเอาไว้เพื่อใช้ยามจำเป็น
5. รัฐบาลควรปรับโครงสร้างเศรษฐกิจให้มีศักยภาพสูงขึ้น ทั้งด้านการศึกษาของเยาวชน การช่วยให้ผู้ใหญ่ใช้ปัญญาประดิษฐ์ การเพิ่มทักษะของแรงงาน และการจับมือกับประเทศภูมิภาคเพื่อเร่งการค้าและการลงทุนระหว่างกัน
“ประชาชนควรจับตาว่า ท่ามกลางวิกฤตภาษีสหรัฐ รัฐบาลนี้จะพยายามขายฝัน ’เปลี่ยนวิกฤตเป็นโอกาส‘ แต่แทนที่จะเป็นโอกาสสำหรับพี่น้องไทย กลับจะเป็นโอกาสเพื่อนายทุนพรรคมากกว่าหรือไม่” นายธีระชัยกล่าว

#ตะวันสยามนิวส์
#tawansiamnews

ที่มา: https://www.facebook.com/tawansiamnewsonline
วันที่: 28 เมษายน 2568

วิเคราะห์โลโก้ใหม่พปชร. ซินแสเข่งทักแรง

,

ผ่าดวงวิเคราะห์โลโก้ใหม่พปชร. ซินแสเข่งทักแรง

ซินแสเข่ง ทักแรงโลโก้ใหม่พรรคพลังประชารัฐ ส่งผลโดยตรงต่อหัวหน้าพรรค แนะจับตาปี 68 พล.อ.ประวิตร ขาขึ้น
#ซินแสเข่ง #โลโก้พรรค #พลังประชารัฐ
#ข่าวในกระแส #ข่าวทั่วไป #ข่าวด่วน #ข่าวล่าสุด
#ข่าววันนี้ #เรื่องร้อนอมรินทร์ #AmarinTV…

ที่มา: https://www.facebook.com/amarinnews
วันที่: 28 เมษายน 2568

ผ่าดวง”ลุงป้อม”เปลี่ยนโลโก้ใหม่ ปังหรือแป้กไม่รู้ หัวเด็ดตีนขาดไม่ร่วมรัฐบาลแน่

,

ผ่าดวง”ลุงป้อม”เปลี่ยนโลโก้ใหม่ ปังหรือแป้กไม่รู้ หัวเด็ดตีนขาดไม่ร่วมรัฐบาลแน่

ผ่าดวง”ลุงป้อม”เปลี่ยนโลโก้ใหม่ ปังหรือแป้กไม่รู้ หัวเด็ดตีนขาดไม่ร่วมรัฐบาลแน่
#TOPNEWS #topupdate
#ลุงป้อม #เปลี่ยนโลโก้ #พลังประชารัฐ
#ธรรมนัส #ซินแสเข่ง #รัฐบาล

ที่มา: https://www.facebook.com/topnewslive2021
วันที่: 28 เมษายน 2568

นัดรวมพลัง พปชร. อนุรักษ์นิยมทันสมัย ประชุมใหญ่สามัญประจำปี 68 ประกาศพร้อมทำงานเพื่อประชาชน !!

,

นัดรวมพลัง พปชร. อนุรักษ์นิยมทันสมัย ประชุมใหญ่สามัญประจำปี 68 ประกาศพร้อมทำงานเพื่อประชาชน !!

นัดรวมพลัง พปชร. อนุรักษ์นิยมทันสมัย
ประชุมใหญ่สามัญประจำปี 68
ประกาศพร้อมทำงานเพื่อประชาชน !!

ที่มา: https://www.facebook.com/PPRPThailand
วันที่: 28 เมษายน 2568

บิ๊กป้อม นำทัพ พปชร.ประชุมใหญ่สามัญ เปิดโฉมโลโก้พรรค ปลุกพลังตัวใหม่

,

บิ๊กป้อม นำทัพ พปชร.ประชุมใหญ่สามัญ เปิดโฉมโลโก้พรรค ปลุกพลังตัวใหม่

เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 27 เมษายน ที่พรรคพลังประชารัฐ มีการจัดประชุมใหญ่สามัญประจำปี ครั้งที่ 1/2568 โดยมี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ เป็นประธานการประชุม พร้อมด้วย คณะกรรมการบริหารพรรค ส.ส. ตัวแทนภาค และตัวแทนสาขา และสมาชิกพรรค เข้าร่วมกันอย่างพร้อมเพรียง อาทิ นายสันติ พร้อมพัฒน์ รองหัวหน้าพรรค, นายไพบูลย์ นิติตะวัน เลขาธิการพรรค, นายสันติ พร้อมพัฒน์ รองหัวหน้าพรรค, นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รองหัวหน้าพรรค, น.ส.ตรีนุช เทียนทอง รองหัวหน้าพรรค, นายอุตตม สาวนายน รองหัวหน้าพรรค, นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รองหัวหน้าพรรค, นายชัยมงคล ไชยรบ รองหัวหน้าพรรค และนายวัน อยู่บำรุง กรรมการบริหารพรรค

โดยประชุมใหญ่สามัญประจำปี ครั้งที่ 1/2568 ดำเนินการพรรคการเมืองตามกฎหมายพรรคการเมือง เพื่อรายงานผลการดำเนินงาน ตามมาตรา 43 และรับรองงบการเงิน ประจำปี 2567 ตามมาตรา 61 ของ พระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ.2560 โดยมีผู้เข้าร่วมประชุมประกอบด้วยคณะกรรมการบริหารพรรค ผู้แทนสาขาพรรคแตัวแทนพรรคประจำจังหวัดสมาชิกพรรค รวมทัังสิ้นเกินกว่า 250 คนครบองค์ประชุมตามที่กฎหมายกำหนด

พล.อ.ประวิตร กล่าวเปิดประชุมว่า พรรคพลังประชารัฐขอประกาศจุดยืนทางการเมืองในการเป็นพรรค “อนุรักษ์นิยมทันสมัย” ที่มีเจตจำนงอันแน่วแน่ที่จะยึดมั่นและปกป้องสถาบันชาติศาสนา พระมหากษัตริย์ อนุรักษ์และสืบสาน วัฒนธรรม ขนบธรรมเนียม จารีต ประเพณี และค่านิยมอันดีงามของชาติ โดยขอขอบคุณสมาชิกพรรคทุกคนที่เดินทางมาร่วมประชุมใหญ่ของพรรคในวันนี้

จากนั้นที่ประชุมได้ให้ความเห็นชอบการดำเนินกิจการของพรรคการเมืองที่ได้ดำเนินในรอบปี 2567 รวมถึงให้ความเห็นชอบงบการเงินของพรรคการเมืองประจำปี 2567 นอกจากนี้ ยังได้เห็นชอบตราสัญลักษณ์พรรคและความหมายของพรรคพลังประชารัฐตราใหม่ มีลักษณะดังนี้ คำว่า “พรรค” อยู่บนกึ่งกลางด้านในของเครื่องหมายพรรคการเมือง เหนือตัวอักษรคำว่า “พลังประชารัฐ” โดยมี คำว่า “พลัง” เป็นสีเขียว, คำว่า “ประชา” เป็นสีน้ำเงิน, คำว่า “รัฐ” เป็นสีแดง อยู่ภายในวงล้อพลวัต ที่มี 3 แถบสี เป็นสีแดง สีน้ำเงิน สีเขียว บนพื้นสีขาว

นอกจากนี้ ที่ประชุมได้เลือกกรรมการบริหารพรรคเพิ่มเติมตำแหน่งรองหัวหน้าพรรค 2 ตำแหน่ง ได้แก่ นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล และนายสุรเดช ยะสวัสดิ์ ด้วยคะแนน 339 ทั้ง 2 คน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กรรมการบริหารชุดใหม่ได้มีการปรับเปลี่ยนจากชุดเดิมหนึ่งตำแหน่งโดยมีการปลด น.ส.กาญจนา จังหวะ ออกจะกรรมการบริหารพรรค เนื่องจากปรากฎภาพว่าไปร่วมกิจกรรมกับพรรคกล้าธรรม จึงมีการแต่งตั้ง นายธีระชัย และนายสุรเดช เข้ามาเป็นรองหัวหน้าพรรคเพิ่มเติม

ที่มา: มติชนออนไลน์
วันที่: 27 เมษายน 2568

นายอุตตม สาวนายน อดีต รมว.คลัง ในฐานะประธานกรรมการนโยบายพรรคพลังประชารัฐ แถลงข่าวถึงกรณีที่รัฐบาลสหรัฐประกาศรายชื่อประเทศที่เก็บภาษีนำเข้าสินค้าสหรัฐสูง

,

นายอุตตม สาวนายน อดีต รมว.คลัง ในฐานะประธานกรรมการนโยบายพรรคพลังประชารัฐ แถลงข่าวถึงกรณีที่รัฐบาลสหรัฐประกาศรายชื่อประเทศที่เก็บภาษีนำเข้าสินค้าสหรัฐสูง สำหรับกรณีของไทย สหรัฐอ้างว่ามีภาษีอยู่ร้อยละ 72 สหรัฐจึงจะคิดภาษีตอบโต้ไทยในอัตรากึ่งหนึ่ง คือร้อยละ 36 โดยรัฐบาลไทยกำลังเตรียมจะเจรจากับสหรัฐว่า รัฐบาลต้องคำนึงถึงความพร้อมของฐานะทางการคลังของประเทศไทยต่อนโยบายทรัมป์ 2.0 เช่นในส่วนของพื้นที่ทางการคลัง เราพร้อมที่จะรับมือความไม่แน่นอนหรือไม่ เพราะนโยบายทรัมป์มีแนวโน้มก่อให้เกิดความปั่นป่วนทางการค้า การเงิน และภูมิรัฐศาสตร์ ไทยจำเป็นต้องมีพื้นที่ทางการคลังที่เพียงพอเพื่อรองรับแรงกระแทกจากภายนอก
นายอุตตม กล่าวต่อว่า ตัวชี้วัดสำคัญที่กำลังสะท้อนความเปราะบางทางการคลังของไทยมีอยู่ 6 ข้อ
1.รายได้สุทธิต่อ GDP เฉลี่ยอยู่ที่เพียง 14.87% GDP (2564-2568) ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของประเทศกำลังพัฒนาที่ 18-20% (รายงานความเสี่ยงทางการคลัง/สศค.) สะท้อนความสามารถจัดเก็บภาษีที่อ่อนแอ ส่งผลให้รัฐอาจไม่มีงบประมาณเพียงพอรองรับภาวะฉุกเฉิน และต้องพึ่งการกู้เงินมากขึ้นเมื่อเผชิญวิกฤต

2.สัดส่วนงบประมาณที่ปรับลดได้ยากในปี 2568 สูงเกือบถึง 70% งบประมาณ (เพิ่มจาก 62.72% ในปี 2564) ทำให้เหลืองบลงทุนหรืองบกระตุ้นเศรษฐกิจน้อยลง ลดความสามารถในการพลิกฟื้นเศรษฐกิจ (รายงานความเสี่ยงทางการคลัง/สศค.) ทั้งนี้ งบประมาณรายจ่ายที่ปรับลดได้ยากประกอบไปด้วย

1. รายจ่ายสวัสดิการประชาชน เช่น เบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ
2. รายจ่ายสวัสดิการบุคลากรภาครัฐ เช่น ค่ารักษาพยาบาลข้าราชการ เงินบำเหน็จบำนาญ
3. รายจ่ายเงินเดือน เงินสมทบ และค่าตอบแทนบุคลากรภาครัฐ
4. รายจ่ายเพื่อชำระหนี้และภาระผูกพันต่างๆ เช่น งบลงทุนผูกพันข้ามปี

3.สัดส่วนภาระดอกเบี้ยจากหนี้สาธารณะต่อรายได้ปี 2568 อยู่ที่ 9%และจะเพิ่มขึ้นเป็น 12.2 % ในปี 2569 ข้อมูลจากสำนักวิเคราะห์งบประมาณของรัฐสภา เสียงถูกลดอันดับความน่าเชื่อถือ และอาจเพิ่มต้นต้นการกู้เงินในอนาคต ทำให้ดอกเบี้ยสูงขึ้นทั้งระบบ ขณะที่แนวปฏิบัติสากลที่หลายประเทศยึดถือIMF กำหนดไว้ที่ 15%

4.สัดส่วนการขาดดุลงประมาณต่อ GDP ปี 2568 อยู่ที่ -4.5% และปี 2569 จะอยู่ที่ -4.3% (แผนการคลังระยะปานกลาง) ซึ่งสูงกว่าระดับที่มีเสถียรภาพทางการคลัง ซึ่งการขาดดุลไม่ควรเกินร้อยละ 3 หากขาดดุลสูงอย่างต่อเนื่องจะทำให้หนี้พุ่งเร็ว เสี่ยงผิดวินัยการคลัง และเสียความเชื่อมั่นจากนักลงทุน ข้อมูลสำนักวิเคราะห์งบประมาณ/แผนการคลังของรัฐบาลระบุพยายายามลดการขาดดุลลง

5.ปี 2568 รัฐบาลกู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุลจำนวน 865,700 ล้านบาท (23.07% งบประมาณ) เกือบชนวงเงินกู้สูงสุด ซึ่งกำหนดไว้ที่ 970,768 ล้านบาท หากเกิดวิกฤติ รัฐจะไม่มีช่องว่างทางกฎหมายให้กู้เพิ่มเพื่อเยียวยาหรือ กระตุ้นเศรษฐกิจ มาตรา 21 แห่ง พ.ร.บ. การบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. 2548 กำหนดวงเงินกู้เพื่อชดเชยการขาดดุลไว้สูงสุด 1.ไม่เกิน 20% ของงบประมาณรายจ่ายประจำปี รวมกับ 2.ไม่เกิน 80% ของงบประมาณรายจ่ายที่ตั้งไว้สำหรับชำระคืนเงินต้น

6.สัดส่วนภาระหนี้ของรัฐบาล (ต้นเงิน + ดอกเบี้ย) ต่อรายได้ประจำปีงบประมาณ อยู่ที่ 35.14% โดยเพดานกำหนดไว้ที่ไม่เกินร้อยละ 35 (แผนการคลังระยะปานกลาง) เป็นสัญญาณเตือนด้านวินัยการคลัง จะเบียดงบพัฒนา งบลงทุน และสร้างความเสี่ยงต่อเสถียรภาพการคลังในระยะยาว

อย่างไรก็ตาม นายอุตตม ยังได้เสนอแนะการจัดงบประมาณปี 2569 ไปยังรัฐบาลว่า ต้องจัดลำดับความสำคัญของงบประมาณ โดยให้ความสำคัญกับโครงการที่สร้าง “ภูมิคุ้มกันทางเศรษฐกิจ” เช่นการพัฒนาทักษะแรงงาน การลงทุนโครงสร้างพื้นฐานขนาดเล็กในภูมิภาค และการเสริมความสามารถในการแข่งขันของ SMEs รวมถึงต้องจัดงบพัฒนาเศรษฐกิจฐานราก เสริมความเข้มแข็งชุมชน ยกระดับขีดความสามารถผลิตสินค้าบริการป้อนตลาดในประเทศ และสอดคล้องกับห่วงโซ่อุปทานใหม่ในตลาดโลก เพื่อสนับสนุนภาคการส่งออก

“วันนี้หนี้สาธารณะอยู่ที่ 64.21%GDP (4/2568) ซึ่งกลุ่มธุรกิจการเงินเกียรตินาคินภัทร (KKP Research) ประเมินว่าอาจแตะ 70% ใน 2 ปีข้างหน้า และอาจแตะระดับ 80-90% ในอีก 10 ปีข้างหน้า หากไม่มีการปฏิรูปการคลังภาครัฐอย่างจริงจัง” นายอุตตม กล่าว

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 25 เมษายน 2568

“พล.อ.ประวิตร” นำทัพ พปชร.ประชุมใหญ่ 27 เม.ย.นี้ เตรียมแก้ข้อบังคับพรรคพร้อมแต่งตั้ง กก.บห.เพิ่มเติม

,

วันที่ 22 เม.ย.ที่พรรคพลังประชารัฐ(พปชร.) นายอัคร ทองใจสด สส.เพชรบูรณ์ พรรคพลังประชารัฐ ในฐานะรองโฆษกพรรค พปชร. แถลงข่าวภายหลังการประชุมคณะกรรมการบริหารประจำสัปดาห์ ที่มี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรค เป็นประธานว่า ที่ประชุมมีมติให้วันที่ 27 เมษายน เวลา 09.00 น.พรรคพลังประชารัฐ จัดการประชุมใหญ่สามัญประจำปี 2568 ที่ทำการพรรคพลังประชารัฐ อาคารรัชดาวัน กรุงเทพฯ
โดยเป็นการประชุมใหญ่ตามกฎหมายพรรคการเมือง เพื่อรายงานผลการดำเนินงาน ตามมาตรา 43 และรับรองงบการเงิน ประจำปี 2567 ตามมาตรา 61 ของ พระราชบัญญัติ(พ.ร.บ.)ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. 2560 รวมถึงการพิจารณาแก้ข้อบังคับพรรค และแต่งตั้งกรรมการบริหารพรรคเพิ่มเติมด้วย

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 22 เมษายน 2568

‘ลุงป้อม’ส่งกำลังใจคนไทย! สงกรานต์ขอให้มีความสุข เริ่มต้นสิ่งดีๆ

วันเสาร์ ที่ 12 เมษายน พ.ศ. 2568, 10.33 น.

‘พล.อ.ประวิตร’ ส่งกำลังใจถึงประชาชนในเทศกาลปีใหม่ไทย ขอคนไทยทุกคนประสบความสำเร็จ มีแต่สิ่งดีๆ ตลอดไป

12 เมษายน 2568 พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ส่งคำอำนวยพร เนื่องในเทศกาลสงกรานต์​ ปีใหม่ไทย ในปีนี้ ขอทุกท่านจงประสบความสำเร็จ เริ่มต้นปีใหม่อีกปี มีแต่สิ่งดีๆ เข้ามา สิ่งร้ายๆ ก็ขอให้ผ่านไป มีสุขภาพแข็งแรง คิดสิ่งใดให้สมความปรารถนา ปราศจากโรคภัย อันตรายใดๆ ทั้งปวง และส่งกำลังใจไปยังพี่น้องประชาชน ให้เดินทางกลับภูมิลำเนาอย่างปลอดภัย ขออาราธนาคุณพระศรีรัตนตรัย และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย จงดลบันดาลให้ท่านพร้อมครอบครัว ประสบแต่ความสุข สมบูรณ์พูนผลทุกประการ ขออวยพรให้ท่านมีสุขภาพแข็งแรง อายุยืนยาว มีความสุขตลอดไป เหมือนดั่งสายน้ำที่ไหลรินไม่มีวันสิ้นสุด

 

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 13 เมษายน 2568

จุดยืนประชารัฐจะยืนอยู่เคียงข้างประชาชนเราไม่เอากาสิโน

วันนี้(3 เม.ย.)เวลา 10.30 น.ที่อาคารรัฐสภา พรรคประชารัฐ นำโดยนายชัยมงคล ไชยรบ รองหัวหน้าพรรค และ สส.สกลนคร เขต 5 ,นายฉกาจ พัฒนกิจวิบูลย์ รองหัวหน้าพรรค และ สส.พังงา เขต 2 นายสุธรรม จริตงามสส.นครศรีธรรมราช ,นายกระแสร์ ตระกูลพรพงศ์ สส.หนองคาย เขต 1,นายคอซีย์ มามุ สส. ปัตตานี เขต 2, นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล ประธานกรรมการด้านวิชาการ และ ดร.ม.ล.กรกสิวัฒน์ เกษมศรี ที่ปรึกษาศูนย์นโยบายและวิชาการเดินเท้าเข้าให้กำลังใจ เครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย,ศปปส.,กองทัพธรรม ที่ชุมนุมค้านร่างพระราชบัญญัติ(พ.ร.บ.)การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร หรือ เอนเตอร์เทนเมนท์คอมเพล็กซ์ บริเวณข้างรัฐสภาฝั่งวัดแก้วฟ้า

โดยนายชัยมงคล กล่าวว่า พรรคพลังประชารัฐเคารพในจิตวิญญาณการต่อสู้ และเชื่อว่าไม่มีพลังอะไรจะใหญ่เท่าพลังของประชาชน การพนันกาสิโน สถานบันเทิงครบวงจร เป็นสิ่งที่ประชาชนคนไทยปฏิเสธมาตลอด ในวันนี้ตนอยากวิงวอนไปยังสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ให้กลับมาทำหน้าที่ที่ควรเป็น คือเป็นตัวแทนของประชาชน ฟังเสียงประชาชน เรายืนยันว่าจะต่อสู้คัดค้านอย่างเต็มที่ทั้งในและนอกสภา หากในสภาพ่ายแพ้ เราพร้อมที่จะเดินออกมาสู้พร้อมกับประชาชน เพื่อบอกกับรัฐบาลว่าอย่าทำร้ายประชาชน และ ฟังเสียงประชาชนซึ่งเป็นเจ้าของอำนาจที่แท้จริง ยังมีปัญหาอีกหลายเรื่องที่ประชาชนต้องการการแก้ไข การเร่งพิจารณาเรื่องกาสิโนเช่นนี้ตนมองว่าเป็นการมองข้ามหัวประชาชน

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 4 เมษายน 2568