โลกเปลี่ยน ไทยต้องปรับ ทางเลือกใหม่ของการเมืองไทย ก้าวข้ามความขัดแย้ง สานพลังประชาราษฎร์ ร่วมสร้างชาติให้ยั่งยืน

หมวดหมู่: กิจกรรม ส.ส. และสมาชิก

“อามินทร์”ฝาก ก.ทรัพยากรฯเร่งหาทางออกปัญหาน้ำทะเลกัดเซาะชายฝั่ง บริเวณบ้านปูลาโต๊ะบีซู หลังทำให้เสียดินแดนแนวชายฝั่งปีละ 2 เมตร

,

“อามินทร์”ฝาก ก.ทรัพยากรฯเร่งหาทางออกปัญหาน้ำทะเลกัดเซาะชายฝั่ง บริเวณบ้านปูลาโต๊ะบีซู หลังทำให้เสียดินแดนแนวชายฝั่งปีละ 2 เมตร

นายอามินทร์ มะยูโซ๊ะ สส.นราธิวาส อำเภอตากใบพรรคพลังประชารัฐ(พปชร.) กล่าวหารือถึงความเดือดร้อนของประชาชนในที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรว่า ตนได้รับเรื่องร้องเรียนจากนายกองค์การบริหารส่วนตำบล ศาลาใหม่ ถึงปัญหาน้ำทะเลกัดเซาะชายฝั่งบริเวณบ้านปูลาโต๊ะบีซู หมู่ 8 ตำบลศาลาใหม่ ปัจจุบันได้รับความเสียหายตลอดแนวกว่า 2,500 เมตร หมู่บ้านแห่งนี้มีเนื้อที่ประมาณ 700 ไร่ ปัจจุบันเหลือเพียง 500 ไร่ โดยเฉพาะ 3 ปีหลัง ที่เราเสียดินแดนที่เรียกว่า ปลายด้ามขวาน เฉลี่ยปีละ 2 เมตร ชาวบ้านในหมู่บ้านแห่งนี้ ประกอบอาชีพประมงพื้นบ้าน ที่ดินพื้นเดียวที่มีอยู่บนเกาะแห่งนี้

“ผมต้องขอขอบคุณกรมโยธาธิการ และผังเมืองที่ไม่ได้นิ่งนอนใจ เข้าสำรวจและได้ทำประชาคมไปแล้วถึง 4 ครั้ง แต่ปัญหาอยู่ที่กฎหมายที่ต้องใช้เวลาศึกษาผลกระทบ ทำให้เราตกอยู่ในสภาวะที่เสี่ยงจะเสียดินแดนแห่งนี้ต่อไป ปีละ 2 เมตร ตลอดแนวชายฝั่ง อย่างน้อยอีก 5 ปี ผมอยากจะขอฝากกระทรวงทรัพยากรและสิ่งแวดล้อม กรมโยธาธิการและผังเมือง เร่งหาทางออกให้กับเรื่องนี้”นายอามินทร์ กล่าว

นายอามินทร์ กล่าวต่อถึงปัญหาบ้านเกาะยาว อำเภอตากใบ ต้นตำรับปลากุเลาที่โด่งดัง ที่คนซื้อไม่ได้กินทคนกินไม่ได้ซื้อ ตอนนี้ได้รับความเดือดร้อนอย่างมาก เนื่องจากทางเข้าออกของหมู่บ้านมีอยู่ 2 เส้นทาง ทางที่ 1 เข้าออกทางรถยนต์ต้องใช้การเดินทางกว่า 9 กิโลเมตรหรือใช้เส้นทางกว่า 20 นาที เพราะเส้นทางที่เข้าออกทุรกันดารเป็นอย่างมาก เส้นทางที่ 2 ทางเข้าออกอีกเส้นทางหนึ่งก็คือ สะพานคอย 100 ปี ที่ชื่อสะพานคอย 100 ปีนะครับ เพราะชาวบ้านรอสะพานแห่งนี้กว่าจะสร้างเสร็จใช้เวลา กว่า 100 ปี ได้สะพานมาทั้งทีก็ได้สะพานกว้างแค่ 2 เมตร ขับรถมอเตอร์ไซค์สวนกันก็ยากลำบาก จึงอยากจะขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องสร้างสะพานเข้าออกหมู่บ้าน ที่มีความกว้าง รถยนต์สามารถเข้าออกบ้านเกาะยาวด้วยความสะดวก เพื่อเปิดโอกาสให้จังหวัดนราธิวาสได้มีสถานที่ท่องเที่ยวที่สามารถชูโรง สร้างชื่อเสียงให้กับจังหวัดนราธิวาสได้

นอกจากนี้ ยังมีปัญหาที่เกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงในเรื่องของธรรมชาติ เช่น เรื่องของน้ำขึ้นน้ำลง บวกกับการขุดลอกคลองตากใบ ที่เคยเป็นแหล่งเพาะพันธ์ุสัตว์น้ำหลากหลายชนิด หลายครัวเรือนเลี้ยงปลากระพงในกระชัง ซึ่งเป็นรายได้หลัก แต่ปัจจุบันประสบปัญหาคลองตื้นเขิน เพราะการขุดลอกมานาน ส่งผลให้ชาวบ้านไม่สามารถนำเรือเข้ามาจอดเทียบท่าได้ จึงขอให้กรมเจ้าท่า ดำเนินการขุดลอกคลองตากใบ เพื่อให้พี่น้องชาวประมงพื้นบ้าน สามารถประกอบอาชีพเลี้ยงชีพได้ต่อไป

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 6 กันยายน 2566

“สนธิรัตน์” ลงพื้นที่นครศรีธรรมราช ควง “สส.สุธรรม” สร้างการเมืองมิติใหม่ ลุยทำงานเพื่อ ปชช. พร้อมร่วมถกสมาพันธ์บริษัทประชารัฐฯ 14 จังหวัดภาคใต้ ขับเคลื่อนต่อ “บริษัทประชารัฐรักสามัคคี” สร้างโมเดลความสำเร็จ ตั้งเป้าผลักดันเข้าตลาดหลักทรัพย์

,

“สนธิรัตน์” ลงพื้นที่นครศรีธรรมราช ควง “สส.สุธรรม” สร้างการเมืองมิติใหม่ ลุยทำงานเพื่อ ปชช. พร้อมร่วมถกสมาพันธ์บริษัทประชารัฐฯ 14 จังหวัดภาคใต้ ขับเคลื่อนต่อ “บริษัทประชารัฐรักสามัคคี” สร้างโมเดลความสำเร็จ ตั้งเป้าผลักดันเข้าตลาดหลักทรัพย์

วันที่ 2-3 กันยายน 2566 ที่อำเภอเมือง-ทุ่งสง จังหวัดนครศรีธรรมราช นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ ประธานกรรมการด้านการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์พรรคพลังประชารัฐ พร้อมด้วย นายสุธรรม จริตงาม สส.จังหวัดนครศรีธรรมราช เขต 6 พรรคพลังประชารัฐ นายวัชระ กรรณิการ์ สมาชิกพรรคพลังประชารัฐ นายทวี สุระบาล สส.จังหวัดตรัง เขต 2 พรรคพลังประชารัฐ และนายคอซีย์ มามุ สส. จังหวัดปัตตานี เขต 2 ลงพื้นที่อำเภอเมือง และอำเภอทุ่งสง จังหวัดนครศรีธรรมราช รับฟังเสียงพี่น้องประชาชน เดินหน้าแก้ปัญหา พัฒนาพื้นที่ สร้างความอยู่ดีกินดีให้กับพี่น้องประชาชน

โดยนายสนธิรัตน์ และนายสุธรรม ได้เปิดเวทีถก “ทิศทางการพัฒนาอำเภอทุ่งสง” ซึ่งมีผู้นำชุมชน 13 ตำบล ในอำเภอทุ่งสง เข้าร่วมกว่า 100 คน นายสนธิรัตน์ กล่าวว่า การลงพื้นที่จังหวัดนครศรีธรรมราชครั้งนี้ ตนตั้งใจมาช่วย สส.สุธรรม จริตงาม ในการลงพื้นที่พบปะประชาชน เพื่อรวบรวมปัญหาและข้อเสนอแนะจากพี่น้องประชาชนในการพัฒนาขับเคลื่อนพื้นที่อำเภอทุ่งสงนำไปสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน ซึ่งมาวันนี้ก็ได้รับทราบหลายปัญหาในพื้นที่ ไม่ว่าจะเป็นปัญหาเรื่องน้ำแล้ง น้ำหลาก ปัญหาราคาผลผลิตทางการเกษตรตกต่ำ เช่น ราคามังคุด ยางพารา ปัญหายาเสพติด และปัญหาพื้นที่ทำกิน เป็นต้น ซึ่งตนและ สส.สุธรรม เก็บรวบรวมทุกปัญหา เพื่อนำไปสู่การวางแนวทางการบริหารให้สอดรับกับทุกปัญหาที่ผู้นำชุมชนได้สะท้อนออกมา ซึ่งตนในฐานะประธานกรรมการด้านการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์พรรคพลังประชารัฐ พร้อมจะช่วยคิด ช่วยวางแนวทางแก้ปัญหาให้อย่างแน่นอน

“การลงพื้นที่ในวันนี้ ถือเป็นมิติใหม่ทางการเมืองที่ยึดปัญหาพี่น้องประชาชนและบ้านเมืองเป็นตัวตั้ง ซึ่งที่ผ่านมาจะเห็นว่าผมและ สส. สุธรรม มาพร้อมกับ สส. ทวี จังหวัดตรัง และ สส. คอซีย์ จังหวัดปัตตานี มาลงพื้นที่ร่วมกัน เพราะแนวทางการทำงานของพรรคพลังประชารัฐ เน้นการทำงานทั้งองคาพยพ ผมเชื่อว่าการพัฒนาและการแก้ปัญหา ที่จะช่วยสร้างความเข้มแข็งและความยั่งยืนต้องมาจากความร่วมมือที่จะปิดจุดด้อย ส่งเสริมจุดเด่นร่วมกัน ดังนั้น สส. ภาคใต้ของพรรคพลังประชารัฐหรือแม้แต่ สส. ทุกภาคก็ยึดแนวทางการทำงานแบบนี้ วันนี้ ผมอยากให้พี่น้องประชาชนชาวทุ่งสงมั่นใจในตัว สส.สุธรรม ว่าท่านเลือกคนไม่ผิดแน่นอน” นายสนธิรัตน์ กล่าว

นายสุธรรม กล่าวยืนยันว่า ตนมีความตั้งใจที่จะทำงานเพื่อพี่น้องประชาชน จะเป็นตัวแทนของพี่น้องประชาชนเข้าไปขับเคลื่อนงบประมาณเข้ามาพัฒนาแก้ปัญหา ไม่ใช่แค่ สส. อีเว้น งานศพ งานบวช งานแต่ง แต่ตนจะเป็น สส. ที่ประชาชนเข้าถึง ร่วมทุกข์ร่วมสุขกับพ่อแม่พี่น้องทุกคน ตามนโยบายที่ผู้บริหารพรรคพลังประชารัฐตั้งมั่นไว้เป็นแนวทางให้ สส. ของพรรคทุกคนได้ทำหน้าที่ของตนในพื้นที่อย่างแน่นอน ซึ่งหลังจากนี้ ตนจะเดินหน้าโครงการ สส. สัญจร พบปะพี่น้องประชาชนทุกพื้นที่ต่อไป

จากนั้น นายสนธิรัตน์ และ นายสุธรรม ได้เดินทางไปดูพื้นที่ช่องเขาหินลูกช้าง พร้อมรับหนังสือติดตามความคืบหน้าโครงการก่อสร้างถนนเขตป่าสงวนช่องเขาหินลูกช้าง จากนายเดชพล แก้วคุ้มภัย นายกองค์การบริหารส่วนตำบลนาไม้ไผ่ ซึ่งดำเนินการยื่นเรื่องมาตั้งแต่ปี 63 แต่โครงการไม่คืบหน้า เนื่องจากติดกฎหมายของกรมป่าไม้ โดยโครงการตัดถนนดังกล่าว จะเป็นเส้นทางสัญจร และการขนส่งพืชผลทางการเกษตร ที่เชื่อมต่อพื้นที่อำเภอทุ่งสง เช่น ตำบลเขาขาว และอำเภอทุ่งใหญ่ ไปจนเชื่อมต่อจังหวัดกระบี่และภูเก็ตได้ นอกจากนี้ ยังสามารถพัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาตห้กับอำเภอทุ่งส่ง เนื่องจากเขาหินลูกช้าง เป็นจุมชมวิวที่สามารถมองเห็นอำเภอทุ่งสงได้ทั้งเมือง และบางพื้นที่ในจังหวัดตรังและกระบี่ได้อีกด้วย

นอกจากนี้ ที่โรงแรมทวินโลตัส อำเภอเมือง จังหวัดนครศรีธรรมราช นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ ประธานกรรมการด้านการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์พรรคพลังประชารัฐ พบปะตัวแทน บริษัท ประชารัฐรักสามัคคี วิสาหกิจเพื่อสังคม (ประเทศไทย) จำกัด ภาคใต้ 14 จังหวัด ประกอบด้วย กลุ่มจังหวัดอันดามัน กลุ่มจังหวัดอ่าวไทย และกลุ่มจังหวัด 3 ชายแดนใต้ เพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในหัวข้อ บริษัทประชารัฐฯ จากอดีต ปัจจุบัน อนาคต จะไปอย่างไร ในระหว่างการประชุมสมาพันธ์บริษัทประชารัฐฯ ภาคใต้ ครั้งที่ 3/2566

นายสนธิรัตน์ กล่าวว่า บริษัท ประชารัฐรักสามัคคี วิสาหกิจเพื่อสังคม (ประเทศไทย) จำกัด เกิดขึ้นในสมัยที่พรรคพลังประชารัฐเป็นรัฐบาลบริหารประเทศ ภายใต้แนวคิดความร่วมมือแบบบูรณาการระหว่างรัฐ เอกชน และประชาชน เพื่อเป้าหมายสร้างชุมชนทั่วประเทศให้เกิดความเข้มแข็งที่คลอบคลุมทั้งด้านสังคม อาชีพ รายได้ คุณภาพชีวิตของประชาชน และสิ่งแวดล้อม

โดยพรรคพลังประชารัฐยังยืนยันที่จะขับเคลื่อนและพัฒนาบริษัทประชารัฐฯ ทั่วประเทศต่อไป เพื่อสร้างความเข้มแข็งให้กับระบบเศรษฐกิจฐานรากเพราะวันนี้ตนเชื่อว่าบริษัทประชารัฐฯ ยังคงเป็นเครื่องมือสำคัญที่จะขับเคลื่อนชุมชนทั่วประเทศให้อยู่ดีกินดีและพึ่งพาตัวเองได้

“บริษัทประชารัฐรักสามัคคี เป็นเครื่องมือที่ดี และยังเป็นความหวังของชุมชนที่จะสร้างเศรษฐกิจฐานรากให้เข้มแข็งได้ โดยรวมเอาจุดดีของ CSR ระบบสหกรณ์ และ Business model ของภาคเอกชนมาบูรณาการเป็นบริษัทประชารัฐรักสามัคคีซึ่งวันนี้พรรคพลังประชารัฐมีความตั้งใจที่จะสร้างให้เข้มแข็งและเติบโตก้าวไปให้ถึงตลาดหลักทรัพย์ เพื่อเป็นโมเดลความสำเร็จของบริษัทประชารัฐรักสามัคคี และเป็นเครื่องมือแก้จนให้ประชาชนอยู่ดีกินดีได้อย่างยั่งยืน” นายสนธิรัตน์ กล่าว

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 3 กันยายน 2566

“บุญชัย ส.ส.เพชรบูรณ์ “ร่วมมือปชช. เร่งทำฝายน้ำล้น เพื่อเพิ่มปริมาณน้ำแม่น้ำป่าสัก ลดผลกระทบภัยแล้งอิทธิเอลนีโญหวังแก้ปัญหามีน้ำกินน้ำใช้เพื่อการเกษตรในพื้นที่

“บุญชัย ส.ส.เพชรบูรณ์ “ร่วมมือปชช. เร่งทำฝายน้ำล้น เพื่อเพิ่มปริมาณน้ำแม่น้ำป่าสัก
ลดผลกระทบภัยแล้งอิทธิเอลนีโญหวังแก้ปัญหามีน้ำกินน้ำใช้เพื่อการเกษตรในพื้นที่

นายบุญชัย กิตติธาราทรัพย์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.)จ. เพชรบูรณ์ เขต 3 พรรคพลังประชารัฐ(พปชร.) กล่าวว่า ได้ร่วมมือกับผู้นำชุมชน ชาวบ้านและ เกษตรกรในแผนเพิ่มปริมาณกักเก็บน้ำ ในแม่น้ำป่าสัก เพื่ออุปโภคและบริโภค และให้มีเพียงพอเพื่อภาคการเกษตร ซึ่งจะเป็นการบรรเทาปัญหาความแห้งแล้งที่เกิดขึ้นจากอิทธิพลสถานการณ์เอลนีโญในหลายตำบล ของ อ.หล่มสัก จ.เพชรบูรณ์ ที่ขณะนี้กำลังประสบปัญหาอย่ากหนัก พบว่าปริมาณน้ำในแม่น้ำป่าสักแห้งแล้งกว่าปกติ เพราะตลอดกว่า 60-70 ปี ไม่เคยประสบปัญหาเช่นนี้มาก่อน

ดังนั้นได้ร่วมมือกันจากทุกภาคส่วน กว่า 250-300 คน นำกระสอบทรายมากั้นแม่น้ำป่าสัก เพื่อทำเป็นฝายน้ำล้น กักเก็บน้ำไว้ใช้ในช่วงที่ฝนทิ้งช่วง เพื่อป้อนให้กับประชาชนกว่า 3,000 ครัวเรือน ในหลายตำบลได้รับผลกระทบอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็น ต.สักหลง ต.บ้านโสก ต.ห้วยไร่ ต.บ้านหวาย ต.ปากช่องและ ต.ตาลเดี่ยว ซึ่งเป็นตำบลที่มีคลองชลประทานที่มีการรับน้ำจากแม่น้ำป่าสักโดยตรง จากปัญหาดังกล่าวสร้างผลกระทบพื้นที่เพาะปลูกข้าวประมาณ 11,963 ไร่ ยังไม่รวมถึงพื้นที่เพาะปลูกพืชชนิดอื่นอีก

“แม้ว่าขณะนี้ทางจ. เพชรบูรณ์ จะได้รับการทำฝนหลวง ในพื้นที่อำเภอหล่มเก่าและอำเภอหล่มสัก แต่ปริมาณน้ำฝนก็ยังมีไม่มากพอ เพื่อป้อนให้พื้นที่เกษตรกรพี่น้องประชาชน ที่ทำการเพาะปลูกพืชผัก ปลูกข้าวและข้าวโพด ซึ่งถือเป็นอาชีพหลักของคนในพื้นที่”

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 3 กันยายน 2566

“วรโชติสส.พปชร.” ขอบคุณ “สันติ พร้อมพัฒน์” ช่วยเกษตรกร จ.เพชรบูรณ์ ผลักดันครม.เร่งทำฝนหลวงแก้ปัญหาภัยแล้งให้ชาวบ้าน

,

“วรโชติสส.พปชร.” ขอบคุณ “สันติ พร้อมพัฒน์” ช่วยเกษตรกร จ.เพชรบูรณ์ ผลักดันครม.เร่งทำฝนหลวงแก้ปัญหาภัยแล้งให้ชาวบ้าน

นายวรโชติ สุคนธ์ขจร สส.เพชรบูรณ์ เขต 4 พรรคพลังประชารัฐ(พปชร.)กล่าวว่า ในช่วงที่ฝนทิ้งช่วง จากภัยเอลนีโญ ส่งผลให้พี่น้องเกษตรกรและประชาชนประสบปัญหาขาดแคลนน้ำ ในจ.เพชรบูรณ์ เพื่อการเกษตรและการอุปโภคบริโภค ในพื้นที่อย่างรุนแรงเพราะเป็นพื้นที่สูง

ทั้งนี้จากการได้รับการร้องเรียนจากชาวบ้านในพื้นที่ของจังหวัด ทั้งอำเภอชนแดน,อำเภอวังโป่ง,อำเภอหนองไผ่ และอำเภอภายในเขตจังหวัดเพชรบูรณ์ จึงได้ประสานงานไปยังนายสันติ พร้อมพัฒน์ รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ในฐานะรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง รวมถึง สส.เพชรบูรณ์ ของพรรคพลังประชารัฐอีกทั้ง 5 เขต ได้แก่ นางสาวพิมพ์พร พรพฤฒิพันธุ์,นายจักรัตน์ พั้วช่วย,นายบุญชัย กิตติธาราทรัพย์,นางวันเพ็ญ พร้อมพัฒน์,นายอัคร ทองใจสด และยังประสานไปยังนายอัครเดช ทองใจสด นายก อบจ.เพชรบูรณ์ และนายกฤษณ์ คงเมือง ผวจ.เพชรบูรณ์ ร่วมกันผลักดันให้เกิดการทำฝนเทียมที่ จ.เพชรบูรณ์

“ล่าสุด จากความร่วมมือกันผลักดัน เพื่อแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนในพื้นที่ ทางคณะรัฐมนตรีจึงได้มีมติ อนุมัติให้ดำเนินการ ทำฝนหลวง โดยกรมฝนหลวงและการบินเกษตร เพื่อเร่งดำเนินการแก้ปัญหาภัยแล้ว และประสบปัญหาการขาดแคลนน้ำให้พี่น้องชาวเพชรบูรณ์เป็นกลุ่มแรกแล้ว เนื่องจากภาวะฝนทิ้งช่วงจากภัยเอลนีโญ ทั้งนี้ภารกิจที่สามารถบรรลุเป้าหมาย ในการช่วยเหลือประชาชนในครั้งนี้ได้ต้องขอขอบพระคุณท่านสันติ พร้อมพัฒน์ และสส.จังหวัดเพชรบูรณ์ทุกเขต รวมไปถึงหน่วยงานราชการที่มีส่วนเกี่ยวข้องด้วย

สำหรับการแก้ไขปัญหาเร่งด่วนได้ลงพื้นที่ประสานกับนายกองค์การบริหารส่วนตำบลห้วยโป่ง (อบต.)และองค์การบริหารส่วนจังหวัดเพชรบูรณ์ อบจ เพื่อนำเครื่องจักร เพื่อดำเนินการวางท่อ เพื่อดำเนินการผันน้ำจากแม่น้ำป่าสักเข้าพื้นที่เกษตรกรเป็นการเร่งด่วน เพื่อให้เกษตรกรมีน้ำใช้ในการประกอบอาชีพเพื่อบรรเทาความเดือดร้อน

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 1 กันยายน 2566

‘สส.อรรถกร’ ยื่นญัตติด่วนขอสภาฯช่วยเกษตรกรเลี้ยงกุ้งเดือดร้อนหนัก หลังมีการนำเข้ากุ้งจากต่างประเทศ ด้าน รอ.ธรรมนัส เลขาฯพปชร. ร่วมรับฟังข้อเสนอ เร่งแก้ปัญหา ก่อนสภาฯล่มไปต่อไม่ได้ ย้ำพร้อมเดินหน้าเร่งแก้ปัญหาให้เกษตรกรอย่างเร็วที่สุด

,

‘สส.อรรถกร’ ยื่นญัตติด่วนขอสภาฯช่วยเกษตรกรเลี้ยงกุ้งเดือดร้อนหนัก หลังมีการนำเข้ากุ้งจากต่างประเทศ ด้าน รอ.ธรรมนัส เลขาฯพปชร. ร่วมรับฟังข้อเสนอ เร่งแก้ปัญหา ก่อนสภาฯล่มไปต่อไม่ได้ ย้ำพร้อมเดินหน้าเร่งแก้ปัญหาให้เกษตรกรอย่างเร็วที่สุด

ที่รัฐสภา มีการประชุมสภาผู้แทนราษฎร โดยมีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร ทำหน้าที่ประธานในที่ประชุมได้พิจารณาญัตติ เรื่อง ขอให้สภาผู้แทนราษฎรตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาแนวทางการแก้ไขปัญหาราคากุ้งตกต่ำ กำลังพิจารณาซึ่งมีญัตติทำนองเดียวกันอีก 11 ญัตติ โดยที่ประชุมเห็นชอบให้นำมาพิจารณาพร้อมกัน จึงให้พิจารณารวมเป็น11ฉบับ ทั้งนี้ 1 ในญัตติที่เสรอต่อสภาเป็นของนายอรรถกร ศิริลัทธยากร ส.ส.ฉะเชิงเทรา เขต2 พรรคพลังประชารัฐ(พปชร.)

นายอรรถกร ได้กล่าวเสนอญัตติด่วนในที่ประชุมเพื่อขอให้สภาผู้แทนราษฎรตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาแนวทางการแก้ไขปัญหาราคากุ้งตกต่ำ เนื่องจากส่งผลกระทบกับผู้ประกอบอาชีพเกษตรกรผู้เลี้ยงกุ้งทั้งขนาดกลาง และขนาดย่อยกำลังได้รับความเดือดร้อนอย่างหนัก ซึ่งตนต้องขอขอบคุณประธานสภาที่ท่านกรุณาบรรจุ และเปิดโอกาสให้ตนและเพื่อนสมาชิกได้มีโอกาสนำเสนอญัตติ ซึ่งเป็นความเดือดร้อนของพี่น้องเกษตรกรผู้เลี้ยงกุ้ง วันนี้พรรคพลังประชารัฐเรามีเลขาธิการของพรรคพลังประชารัฐ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ก็อยู่กับพวกเราด้วย ซึ่งทราบว่าเมื่อเช้ามีตัวแทนของผู้เลี้ยงกุ้งที่ตั้งความหวังรอการแก้ไขมาร่วมยื่นหนังสือ และพูดคุยถึงปัญหา ราคากุ้งตกต่ำ นี่เป็นสิ่งที่พิสูจน์ได้ว่าญัตติของตนนั้นเป็นญัตติที่เร่งด่วนที่ต้องการแก้ไขปัญหา นอกจากนี้ยังมีเพื่อนสมาชิกที่ร่วมลงชื่อและยื่นญัตตินี้กับตนอีกหลายท่าน

ในขณะนี้ผู้ประกอบอาชีพเกษตรกรเลี้ยงกุ้งทั้งขนาดกลางและขนาดย่อย ได้รับความเดือดร้อน เนื่องจากราคากุ้งเลี้ยงตกต่ำอย่างรวดเร็ว สาเหตุส่วนหนึ่งที่ราคากุ้งตกต่ำเกิดจากคณะกรรมการบริหารจัดการห่วงโช่การผลิตกุ้งทะเลและผลิตภัณฑ์ (Shrimp Board) หรือบอร์ดกุ้งอนุมัติการนำเข้ากุ้งจากเอกวาดอร์และอินเดียอ้างว่าเกษตรกรไทยมีโครงการประกันราคากุ้งอยู่แล้ว

นอกจากนี้ยังมีปัญหาการขาดทุนจากการเลี้ยงกุ้งของเกษตรกร เกิดมาจากราคาน้ำมันเซื้อเพลิงมีราคาสูง และ มีโรคระบาดในกุ้ง ประกอบกับราคาประกันขั้นต่ำที่ห้องเย็นตั้งไว้นั้นเท่ากับราคาตันทุนการผลิตที่ยังไม่รวมค่าใช้จ่ายอย่างอื่น ซึ่งเท่ากับเป็นการบังคับให้เกษตรกรขายในราคาขาดทุน ทำให้เกษตรกรประสบปัญหาหนี้สินแม้ราคากุ้งจะถูกกำหนด โดยคณะบริหารจัดการ ห่วงโซ่ การผลิตกุ้งและผลิตภัณฑ์ก็ตาม ราคาของกุ้งก็ไม่ได้เป็นไปตามที่คณะกรรมการกำหนด เกษตรกรผู้เลี้ยงกุ้งจึงขอให้รัฐบาลช่วยลดภาระของพวกเขา เช่น ค่าอาหาร ค่าปูน ค่าไฟฟ้า ซึ่งส่งผลกระทบต่อกำไรของเกษตรกรผู้เลี้ยงกุ้งโดยตรง

นายอรรถกร กล่าวต่อว่า ขณะนี้ประเทศผู้นำเข้าอเมริกาญี่ปุ่นหรือประเทศทางยุโรปเริ่มชะลอการนำเข้าใช้กุ้งในสต๊อกของตนเอง นี่คือเหตุผลหนึ่งที่ทำให้ราคาตกต่ำอีกประเด็นปัญหาอำนาจในการต่อรองของเกษตรกรผู้เลี้ยงกุ้งในประเทศไทยน้อยมาก เมื่อเช้าจังหวัดฉะเชิงเทรามีการขายกุ้งจำนวน 2.8 ตันขายหมด ไม่พอแม่ค้ารับซื้ออย่างรวดเร็ว แต่เป็นการขายในราคาที่พี่น้องเกษตรกรไม่ได้กำไร และพ่อค้าแม่ค้า คนกลางไปขายต่อ ทำให้เป็นอีกปัญหาหลักของเกษตรกรผู้เลี้ยงกุ้ง

ทั้งนี้เกษตรกรที่เลี้ยงกุ้งที่มีความรู้ความสามารถ ไม่ใช่มีแต่ประเทศไทย ประเทศเดียวเท่านั้น ในตลาดโลกเรามีหลายประเทศที่น่ากลัว ไม่ว่าจะเป็นเอกวาดอร์ อินเดียเวียดนาม รวมถึงอินโดนีเซีย ที่สามารถผลิตกุ้งได้เป็นจำนวนมาก แต่มีข้อแตกต่างตรงที่ว่า สามารถลดต้นทุนได้มากกว่าประเทศไทยทำให้มีความได้เปรียบในการส่งออก

“ข้อเรียกร้องต่างๆของพวกเขาคือ อยากให้กระทรวงพาณิชย์ช่วยสนับสนุนปัจจัยการผลิตกุ้งมีราคาลดลง รวมถึงชะลอการนำเข้ากุ้งจากต่างประเทศในทันท่วงทีโดยเฉพาะในช่วงราคากุ้งตกต่ำ และเงินชดเชยของเกษตรกรทุกคนต้องได้เหมือนกัน ไม่ว่าจะเป็นบ่อใหญ่ บ่อกลาง และบอร์ดเล็ก สุดท้ายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องแก้ไขปัญหาจริงจังในระยะสั้น กลาง ระยะยาว โดยเริ่มต้นตั้งแต่ วันนี้ผมขอเสนอญัตติด้วยความเป็นห่วงพี่น้องเกษตรกรให้มีการตั้งกรรมาธิการ แต่เมื่อดูจากระยะเวลา ถ้าเราทำเป็นรายงานส่งต่อให้กับนายกรัฐมนตรีคนใหม่แก้ไข คงจะเป็นทางออกรวดเร็วที่สุด”นายอรรถกร กล่าว

ต่อมาเมื่อนายอรรถกรเสนอญัตติจบ และกำลังจะ เข้าสู่การอภิปรายของผู้เสนอเหรอญัตติคนถัดไป ปรากฎว่า ส.ส.กทม.พรรคก้าวไกล ได้ลุกขึ้นเสนอญัตติให้มีการนับองค์ประชุม โดยมีผู้รับรองถูกต้อง ทำให้สส.พรรคร่วมรัฐบาล พยายามขอร้องให้พรรคก้าวไกลถอนญัตติดังกล่าวออกไป แต่ไม่เป็นผล ทำให้นายวันมูหะมัดนอร์ รอสมาชิกแสดงตนพักใหญ่ แต่สมาชิกไม่ครบองค์ประชุม จึงทำให้องค์ประชุมไม่สามารถพิจารณาเรื่องดังกล่าวต่อได้

จากนั้น นายอรรถกร ได้แถลงข่าวต่อสื่อมวลชนเกี่ยวกับกรณีที่เกิดขึ้นว่า วันนี้เพื่อน สส.พร้อมใจที่จะมาร่วมกันอภิปราย เดินหน้าการประชุมเพื่อนำไปสู่การแก้ไขปัญหาให้กับเกษตรกร โดยหวังว่า สภาฯจะได้ส่งปัญหาและความเดือดร้อนของพี่น้องเกษตรกรไปให้กับนายกรัฐมนตรีคนใหม่แก้ไขโดยเร็วที่สุด แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันนี้ตนก็ต้องแสดงความเสียใจจริง ๆ แต่ในการประชุมสภาครั้งต่อไปในสัปดาห์หน้า ตนก็จะเดินหน้าให้ที่ประชุมสภาฯพิจารณาญัตติดังกล่าวต่อ เพื่อให้เกิดการแก้ไขปัญหาให้พี่น้องเกษตรกรอย่างเร็วที่สุด

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 31 สิงหาคม 2566

“จักรัตน์ พั้วช่วย”วอนกรมชลประทาน สร้างฝายกั้นน้ำในแม่น้ำป่าสัก เพื่อเก็บน้ำไว้ใช้เป็นช่วงๆ พร้อม เร่งสร้างถนนเชื่อม 2 อำเภอ ช่วยนักท่องเที่ยวเดินทางได้สะดวกและปลอดภัยมากขึ้น

,

“จักรัตน์ พั้วช่วย”วอนกรมชลประทาน สร้างฝายกั้นน้ำในแม่น้ำป่าสัก เพื่อเก็บน้ำไว้ใช้เป็นช่วงๆ พร้อม เร่งสร้างถนนเชื่อม 2 อำเภอ ช่วยนักท่องเที่ยวเดินทางได้สะดวกและปลอดภัยมากขึ้น

นายจักรัตน์ พั้วช่วย ส.ส.เพชรบูรณ์ เขต 2 พรรคพลังประชารัฐ(พปชร.) กล่าวหารือในที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรว่า ขณะนี้ประเทศไทย กำลังเกิดปรากฏการณ์เอลนีโญ ทำให้พื้นที่เขค 2 ประสบปัญหาภัยแล้งหนักมากในช่วงเวลาปกติ ช่วงนี้เป็นช่วงฤดูฝนปกติแล้ว อำเภอหล่มสัก บ้านผมน้ำตรงท่วม 2 รอบแต่ ปีนี้น้ำในแม่น้ำป่าสักยังมีจำนวนน้อยอยู่เลย จึงข้องกรมชลประทานให้สำรวจออกแบบก่อสร้างอ่างเก็บน้ำ 4 แห่ง นะครับ แห่งแรก อ่างเก็บน้ำปากช่องอำเภอปากช่อง ตำบลแหลมสัก 2 อ่างเก็บน้ำห้วยน้ำพาย ตำบลบ้านกลางอำเภอหล่มสัก 3 อ่างเก็บน้ำตำบลนางั่ว อำเภอเมือง จังหวัดเพชรบูรณ์ และ 4 อ่างเก็บน้ำหนาว อำเภอน้ำหนาวเพื่อช่วยเรื่องการบริหารจัดการน้ำ แก้ไขปัญหาน้ำท่วม น้ำแล้งได้อย่างยั่งยืน

นายจักรัตน์ กล่าวต่อว่า จากแผนที่จังหวัดเพชรบูรณ์จะเห็นได้ว่า แม่น้ำป่าสัก ถือว่าเป็นเส้นเลือดใหญ่ ไหลจากอำเภอเหนือสุดของจังหวัด ก็คืออำเภอหล่มเก่า ไปสู่อำเภอใต้สุดของจังหวัดก็คือ อำเภอศรีเทพ จึงอยากให้กรมชลประทานก่อสร้างฝายกั้นน้ำในแม่น้ำป่าสักจุดประสงค์เพื่อกักเก็บน้ำไว้ใช้เป็นช่วงๆ เพราะว่าแม่น้ำป่าสักมีความลาดชันสูง น้ำจะมาไวและไปไว ถ้ามีฝายเป็นช่วงๆจะช่วยชะลอน้ำไว้ใช้ได้ และช่วยในด้านการเกษตรด้วย โดยได้มีทั้งหมด 4 จุดที่สำคัญ จุดแรกบ้านวังบนเหนือตำบลไพบูลย์อำเภอหล่มสัก จุดที่ 2 ก็คือ ในเขตเทศบาลหล่มสัก จุดที่ 3 บ้านพปุยขอนแก่น ตำบลตาลเดียวอำเภอหล่มสัก และ จุดที่ 4 บ้านวังคลอง ตำบลท่าพล อำเภอเมืองเพชรบูรณ์

นอกจากนี้ นายจักรัตน์ยังขอให้กรมทางหลวง สำรวจออกแบบก่อสร้างทางหลวง เชื่อมระหว่าง 2 อำเภอระหว่างอำเภอหล่มสักและอำเภอน้ำหนาว ระหว่างทางหลวงหมายเลข 2343 ตำบลชัยบุณอำเภอหล่มสักกลับทางหลวงหมายเลข 2216 ตำบลหลักด่านอำเภอน้ำหนาว เพราะถ้าทำสำเร็จจะช่วยให้พี่น้องประชาชนและนักท่องเที่ยวเดินทางได้สะดวกและปลอดภัยมากขึ้นโดยปัจจุบันทั้งสองอำเภอนี้ เวลาจะเดินทางไปหากันจะต้องขับอ้อมไปที่จังหวัดชัยภูมิ

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 31 สิงหาคม 2566

“สัมพันธ์”แนะ ด่านศุลกากรชายแดนใต้ ควรเป็นบริการสต็อปเซอร์วิสให้จบในที่เดียว พร้อมวอน หน่วยงานรัฐ เร่งทำไหล่ทางพร้อมติดตั้งไฟส่องสว่างบนถนนทางหลวง

,

“สัมพันธ์”แนะ ด่านศุลกากรชายแดนใต้ ควรเป็นบริการสต็อปเซอร์วิสให้จบในที่เดียว พร้อมวอน หน่วยงานรัฐ เร่งทำไหล่ทางพร้อมติดตั้งไฟส่องสว่างบนถนนทางหลวง

นายสัมพันธ์ มะยูโซ๊ะ สส.นราธิวาส เขต 3 พรรคพลังประชารัฐ(พปชร.) กล่าวหารือในที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรว่า ตนได้รับเรื่องร้องเรียนจากชาวตำบลบูกิต อำเภอเจาะโอร้อง จากการสัญจรถนนสายมะโต๊อีร้อง ทางหลวงชนบทที่ 5002 นราธิวาสจากอำเภอเจาะโอร้อง ซึ่งเส้นทางนี้ เป็นเส้นทางที่ประชาชนใช้สัญจรเลียบทางรถไฟช่วย ร่นระยะทางในการเดินทางจากบ้านบูกิต อำเภอศูนย์ละปาดี ระยะทางกว่าหลาย 10 กิโลเมตร แต่ในปัจจุบันประสบปัญหาเรื่องของเส้นทางที่แคบ ถูกตัดขาด และชำรุดเสียหาย

นายสัมพันธ์ กล่าวต่อว่า ในบริเวณคลองไอร์บอง เกิดปัญหาขาดไฟฟ้าสองสว่าง ซึ่งตอนนี้ทาง อบต.คิดบรรเทาปัญหาของพี่น้องประชาชน แต่ทำได้เพียงทำทางผ่านชั่วคราว โดยการฝังท่อระบายน้ำบริเวณคลองดังกล่าว และส่วนของภาคใต้นั้นมีน้ำท่วมไหลลงมาจาก เทือกเขาสร้างปัญหาความเดือดร้อนให้พี่น้องประชาชนจนแทบไม่สามารถสัญจรผ่านไปได้ เนื่องจากยังไม่มีสะพานที่ได้มาตรฐาน ถนนดังกล่าวอยู่ภายใต้การดูแลของทางหลวงชนบทในการซ่อมแซมก่อสร้างเป็นถนนที อยู่ในพื้นที่ของการรถไฟแห่งประเทศไทย

“ผมจึงขอเรียนไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้มีการสร้างถนนทำไหล่ทางพร้อมติดตั้งไฟส่องสว่าง ตลอดเส้นทางคือทางหลวงชนบทที่ 5002 นราธิวาส ซ่อมแซมสะพานข้ามตัดขาดข้ามไปพร้อมขยายสะพานในบางช่วงให้กว้างขึ้นจากเดิมด้วย”

นายสัมพันธ์ กล่าวต่อว่า ในส่วนของเรื่องด่านศุลกากรอำเภอแว้ง ตำบลบูเก๊ะตา จังหวัดนราธิวาส เนื่องจากด่านศุลกากร ตำบล บูเก๊ะตา มองเห็นได้ว่าเป็นด่านมั่นคงถาวรมีเพียงตู้คอนเทนเนอร์อยู่ในการตรวจสอบคนเข้าออกระหว่างประเทศ มองดูแล้วเหมือนไม่ใช่ด่านศุลกากร แต่เป็นเพียงเป็นด่านธรรมดา ในขณะเดียวกันฝั่งประเทศมาเลเซียมีด่านศุลกากร มีมาตรฐานและความพร้อม สำหรับการต้อนรับนักท่องเที่ยวและสินค้าต่างๆ ตนได้ไปสำรวจพื้นที่ในบริเวณดังกล่าวพบว่า ด่านศุลกากร มีอาคารสร้างเป็นที่เรียบร้อย แต่ไม่ได้มีการเข้าทำการ ใด ๆ ตนได้สอบถามเจ้าหน้าที่ ได้รับคำตอบว่าด่านศุลกากร ณ เวลานี้เป็นเพียงแค่ด่านธรรมดาในการเข้าออกของชาวบ้าน และสำรวจรถสินค้าทางการเกษตรและบรรทุกอาหารทะเลจะต้องไปตรวจ เนื่องจากทุกอย่างจะอยู่ที่ด่านแล้ว ทำไมไม่ให้บริการสต็อปเซอร์วิสให้จบไปในที่เดียวกัน

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 31 สิงหาคม 2566

“อัครแสนคีรี” อภิปรายต้นทุนผลิตไฟฟ้า ถามต้นทุนลดลงเท่าปี 64 แล้ว เมื่อไหร่ค่าไฟฟ้าจะลด จี้เปิดสัญญาจัดซื้อ LNG ไทยเสียเปรียบหรือไม่ เทียบจัดซื้ออาวุธ ยังต้องเปิดเผย ตรวจสอบเข้มงวด

,

“อัครแสนคีรี” อภิปรายต้นทุนผลิตไฟฟ้า ถามต้นทุนลดลงเท่าปี 64 แล้ว เมื่อไหร่ค่าไฟฟ้าจะลด จี้เปิดสัญญาจัดซื้อ LNG ไทยเสียเปรียบหรือไม่ เทียบจัดซื้ออาวุธ ยังต้องเปิดเผย ตรวจสอบเข้มงวด

นายอัครแสนคีรี โลห์วีระ สส.ชัยภูมิ เขต 7 พรรคพลังประชารัฐ(พปชร.) อภิปรายถึงการรับทราบงบประมาณประจำปีงบประมาณ 2564 ของคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน(กกพ.) โดยพบว่าสัดส่วนการผลิตไฟฟ้าในประเทศไทย กว่า 55% เป็นการผลิตโดยใช้ก๊าซธรรมชาติเป็นหลักและพบว่าต้นทุนก๊าซฯมาจาก 3 แหล่ง คือ อ่าวไทย เมียนมา และการนำเข้าก๊าซธรรมชาติเหลวหรือ LNG จากต่างประเทศ
นายอัครแสนคีรี ระบุที่ผ่านมาโครงสร้างการคิดค่าไฟฟ้าในประเทศไทย โดยเฉพาะค่าไฟฟ้าผันแปรอัตโนมัติ หรือ FT ที่จะมีการพิจารณาเปลี่ยนแปลงให้สะท้อนต้นทุนทุก 4 เดือน ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก ว่า รัฐบาลปรับค่า FT ขึ้นกว่า 4 รอบ จนทำให้ค่าไฟฟ้าปรับเพิ่มถึง 30% สวนทางกับรายได้ของประชาชนทั้งประเทศ ที่ขณะนี้กำลังกุมขมับ
ตนจึงมีคำถามว่าเมื่อราคาก๊าซ LNG ปรับลดลงมาแล้ว แต่เหตุใดค่าไฟฟ้าปรับเพิ่มจาก 3.61 บาทต่อหน่วยเมื่อปี 2564 ไปจนถึง 4.70 บาทต่อหน่วยในปัจจุบันปี 2566 ขณะที่ราคาก๊าซ LNG นั้น ปรับลดลงแทบจะเท่าปี 2564 แล้ว คำถามคือ เมื่อไหร่รัฐบาล หรือคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน จะพิจารณาปรับค่าไฟ ให้ลงเทียบเท่ากับปี 2564
นอกจากนี้ เมื่อพิจารณาเหตุการณ์ความขัดแย้งระหว่างบริษัทเอกชน กับกระทรวงพลังงาน ในเรื่องสัมปทานก๊าซอ่าวไทยในแหล่งเอราวัณที่บริษัท ปตท.สผ. เอนเนอร์ยี่ ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด ผู้รับสัญญาแบ่งปันผลผลิตของแปลงสำรวจดังกล่าวไม่สามารถเข้าแท่นขุดเจาะได้ในช่วงการเปลี่ยนผ่านทำให้การผลิตก๊าซเพื่อป้อนโรงไฟฟ้าต้องหยุดชงัก และในที่สุดประเทศจึงต้องนำเข้า LNG ในราคาที่แพงขึ้น ดังนั้นเมื่อต้นทุนในการผลิตไฟฟ้าแพงขึ้น รัฐบาลชุดที่แล้วจึงต้องปรับค่า FT ขึ้น ทำให้ค่าไฟขึ้นไปถึง 4.72 บาทต่อหน่วย
นายอัครแสนคีรี ยังระบุถึงกรณี ที่ บอร์ด ปตท. ไฟเขียว ซื้อก๊าซ LNG สหรัฐ 20 ปี พร้อมตั้งคำถามว่า ขนาดการจัดซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์ เรายังมีการตรวจสอบกันอย่างเข้มงวด ดังนั้นตนจึงอยากฝากคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน ให้เร่งตรวจสอบหน่วยงานหรือบริษัทใดเป็นผู้จำหน่าย LNG ให้กับบมจ. ปตท. และควรนำสัญญามาเปิดเผยเพื่อให้ประชาชนและตัวแทนของประชาชนได้ตรวจสอบการจัดซื้อจัดจ้างว่ามีการได้เปรียบเสียเปรียบอย่างไรบ้างมีเงื่อนไขในการลงนามในสัญญาอย่างไรบ้าง และมีเงื่อนไขพิเศษอื่นใดที่ประชาชนควรทราบหรือไม่

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 31 สิงหาคม 2566

“เพชรภูมิ”ขอกรมทางหลวงชนบท แก้ 2 ปัญหาหลักทั้งการสร้างสะพานและท่อลอดถนนให้ ปชช.พร้อมเร่งทำ โซล่าเซลล์ดูดน้ำ เก็บน้ำช่วงน้ำท่วมไปใช้หน้าแล้ง

,

“เพชรภูมิ”ขอกรมทางหลวงชนบท แก้ 2 ปัญหาหลักทั้งการสร้างสะพานและท่อลอดถนนให้ ปชช.พร้อมเร่งทำ โซล่าเซลล์ดูดน้ำ เก็บน้ำช่วงน้ำท่วมไปใช้หน้าแล้ง

นายเพชรภูมิ อาภรณ์รัตน์ สส.จังหวัดกำแพงเพชร เขต 2 พรรคพลังประชารัฐ(พปชร.)กล่าวหารือในที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรถึงความเดือดร้อนของพ่อแม่พี่น้องประชาชน ในการก่อสร้างสะพานข้ามแม่น้ำปิง ของอำเภอโกสัมพี โดยตนได้รับเรื่องร้องเรียนมาจาก ประชาชนในอำเภอโกสัมพีของฟากฝั่งแม่น้ำปิง การจะเดินทางไปยังตัวอำเภอ ไปยังโรงพยาบาลของอำเภอ ไปยังโรงพักของอำเภอ ต้องขับรถไปกว่า 30 กิโลเมตร จึงจะถึงสะพานที่ใกล้ที่สุด นอกจากนี้ ตนยังได้รับเรื่องร้องเรียนมาจากประชาชนถึงเรื่องท่อลอดถนน เส้นกพ 4022 หนองสระจันทิมา กมที่ 8+976 ท่อมีขนาดสูงเกิน เวลาน้ำมาเกิดการท่วมขัง พืชผลทางการเกษตรเสียหาย จึงขอฝากกรมทางหลวงชนบท ให้ช่วยเร่งแก้ปัญหาให้กับพี่น้องประชาชนทั้ง 2 เรื่อง

นายเพชรภูมิ ยังกล่าวถึงปัญหาของกลุ่มผู้ใช้น้ำจังหวัดกำแพงเพชร โดยเฉพาะอำเภอเมือง อำเภอโกสัมพี อำเภอกระต่าย อำเภอลานกระบือ อยากให้มีการศึกษาระบบน้ำ หนองบัวดำทั้งระบบ ฝ่ายกั้นแม่น้ำปิง ที่กำลังจะสร้างขึ้น ขอฝากกระทรวงเกษตร กรมชลประทาน ช่วยดำเนินการให้พี่น้องประชาชนด้วย

“ผมได้รับเรื่องร้องเรียนจากประชาชนเรื่องของอ่างเขาปูน หมู่ที่ 10 บ้านหนองทอง ตำบลถ้ำกระต่ายทอง ในช่วงหน้าน้ำ น้ำก็จะท่วมในเขตเทศบาล ช่วงหน้าแล้ง เราก็ไม่เคยนำน้ำส่วนนั้น มาใช้ให้เกิดประโยชน์ ผมจึงฝากให้กรมทรัพยากรน้ำ ทำโซล่าเซลล์ดูดน้ำ เพื่อที่จะแก้ปัญหาให้กับประชาชน ใน 4หมู่บน ของตำบลถ้ำกระต่ายทอง”นายเพชรภูมิ กล่าว

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 30 สิงหาคม 2566

“จำลอง สส.กาฬสินธุ์”หารือหลายปัญหาของชาวบ้าน รอการแก้ไขจากภาครัฐ วอน เร่งดูแลทั้งเรื่อง ถนน และแหล่งน้ำ

,

“จำลอง สส.กาฬสินธุ์”หารือหลายปัญหาของชาวบ้าน รอการแก้ไขจากภาครัฐ วอน เร่งดูแลทั้งเรื่อง ถนน และแหล่งน้ำ

นายจำลอง ภูนวนทา สส.กาฬสินธุ์ เขต 3 พรรคพลังประชารัฐ(พปชร.)กล่าวหารือในที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรว่า ตนได้รับเรื่องร้องเรียนจากผู้ใหญ่บ้าน หมู่ 4 ตำบลโค่กเครือ ถึงการใช้ถนนสัญจรไปมาของประชาชน โดยรถมอเตอร์ไซต์ไม่สามารถสัญจรได้ การไปส่งลูกหลานที่โรงเรียนลำบาก โดยนายก อบต.โค่กเครือ ได้แจ้งกับตนว่า ได้ส่งเรื่องไปที่กรมส่งเสริม แต่ก็ยังไม่ได้รับการแก้ไข นอกจากนี้ ถนนสายพระธาตุพนมจำลอง ต้องการขยายและปรับปรุงซ่อมแซมถนน ให้มีคุณภาพไปมาให้สะดวก สมกับเป็นถนนสัญจรที่ไปสู่แหล่งท่องเที่ยว อย่างน้อย ให้มีไหล่ทางถนน เพื่อป้องกันการเกิดอุบัติเหตุ ตนต้องฝากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดดำเนินการแก้ไขให้ประชาชนโดยด่วน

นายจำลอง กล่าวต่อว่า ในเรื่องของแหล่งน้ำได้รับการร้องเรียนจาก นายก อบต.หัวหิน อำเภอห้วยเม็ก เรื่องการก่อสร้างน้ำปะปา เพื่อแก้ปัญหาให้กับราษฎรหมู่ที่ 1 บ้านโคกล่าม และหมู่ที่ 2 บ้านห้วยมะกอ โดยขณะนี้ทางจังหวัดได้รับงบประมาณแล้ว แต่ยังติดขัดเรื่องหนังสือ นสล.หรือหนังสือสำคัญสำหรับที่หลวง ที่ให้ประชาชนใช้ เมื่อขออนุมัติก็ช้าได้รับการอนุมัติช้ามาก จึงขอให้หน่วยงานที่ผิดชอบดูแลให้ด้วย

“ผมได้ไปดูพื้นที่ด้วยตัวเอง เป็นเรื่องที่น่าสงสารมาก คุณภาพน้ำในพื้นที่ขุ่นอย่างมาก ซึ่งไม่น่าเชื่อ ว่าอำเภอนี้อยู่ติดเขื่อนลำปาว แต่ไม่ได้รับการแก้ไข โดยวิธีแก้ไขที่ดีที่สุด ผมขอให้กรมชลประทานจัดทำแก้มลิง เพื่อกักเก็บน้ำใช้ในฤดูแล้ง”

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 30 สิงหาคม 2566

“สส.ไผ่ ลิกค์”ประกาศ จะทวงเงินฝากของ ปชช.คืนมา หลัง นายก อบต.มีเอี่ยวธนาคารในพื้นที่ สร้างความเดือดร้อนหนักแเสียหายกว่า 200 ล้าน

,

“สส.ไผ่ ลิกค์”ประกาศ จะทวงเงินฝากของ ปชช.คืนมา หลัง นายก อบต.มีเอี่ยวธนาคารในพื้นที่ สร้างความเดือดร้อนหนักแเสียหายกว่า 200 ล้าน

นายไผ่ ลิกค์ สส.กำแพงเพชร พรรคพลังประชารัฐ(พปชร.)เปิดเผยว่า ตนได้รับการร้องเรียนจากนาย ยุธภูมิ แก้วเข้ม ซึ่งเป็นตัวแทนชาวบ้าน อ.นครไทย จ.พิษณุโลก ที่ได้รับความเสียหายกว่า 1,000 ราย โดยมีชาวบ้านจํานวนมากได้นำเงินไปฝากที่ธนาคารหมู่บ้าน ชื่อ ธนาคารนาบัว ธนาคารโคกเนินทอง ธนาคารบ้านน้ำล้อม และธนาคารอื่นๆ อีกหลายธนาคาร แล้วไม่สามารถถอนเงินออกมาได้ ซึ่งทุกธนาคารมีนายกองค์การบริหารส่วนตำบลท่านหนึ่งเป็นประธาน โดยชาวบ้านส่วนใหญ่เริ่มมีการฝากเงินกับทางธนาคารมาหลายปี

นายไผ่ กล่าวต่อว่า ปัจจุบันชาวบ้านไม่สามารถถอนเงินออกมาได้ โดยธนาคารให้เหตุผลว่าไม่มีทั้งๆที่มีการฝากเงินอยู่ตลอด โดยชาวบ้านมีหลักฐานเป็นสมุดบัญชีที่ทางธนาคารออกให้ และมีหลักฐานสลิปการโอนฝากบางส่วนด้วย รวมแล้วมูลค่ากว่า 200 ล้านบาท โดยชาวบ้านส่วนใหญ่ได้ดำเนินการแจ้งความลงบันทึกประจำวัน กับทางสถานี สภ.นครไทย เป็นที่เรียบร้อยแล้ว แต่ยังไม่มีความคืบหน้าใดๆนั้น

“ทันทีที่ผมได้ทราบเรื่องจึงได้ประสานงานไปยัง พล.ต.ท.อัคราเดช พิมลศรี ผู้บังคับบัญชาการภาค 6 และท่านให้ส่งเจ้าหน้าที่ลงมาตรวจสอบอย่างรวดเร็ว ผมต้องขอขอบคุณด้วย ซึ่งผมทราบดีว่า เงินเหล่านี้ที่พี่น้องประชาชนนำเอาไปฝากมาจากน้ำพักน้ำแรงของทุกคน ตอนนี้ชาวบ้านได้รับความเดือนร้อนที่ไม่สามารถถอนเงินออกมาได้ บางครอบครัวต้องการนำเงินมาใช้ในการเกษตรก็ไม่สามารถทำได้ จนต้องไปหากู้ ทำให้เป็นหนี้สินเพิ่มขึ้น ดังนั้น ผมจะติดตามเรื่องนี้อย่างใกล้ชิดเพื่อเอาเงินของพี่น้องคืนมาให้ได้”นายไผ่ กล่าว

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 30 สิงหาคม 2566

“กาญจนา สส.ชัยภูมิ”ฝาก ก.ท่องเที่ยว ส่งเสริมประเพณีบุญกระธูปออกพรรษา หนองบัวแดง กระตุ้นเศรษฐกิจและอนุรักษ์ประเพณีเก่าแก่

,

“กาญจนา สส.ชัยภูมิ”ฝาก ก.ท่องเที่ยว ส่งเสริมประเพณีบุญกระธูปออกพรรษา หนองบัวแดง กระตุ้นเศรษฐกิจและอนุรักษ์ประเพณีเก่าแก่

น.ส.กาญจนา จังหวะ สส.ชัยภูมิ เขต 4 พรรคพลังประชารัฐ(พปชร.)กล่าวหารือในที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรถึงเรื่องการพัฒนาและบูรณาการพื้นที่บุญประเพณีแห่กระธูปออกพรรษา โดยตนได้รับการเสนอความคิดเห็นจากองค์กรบริหารส่วนท้องถิ่น ภาคเอกชนและ สินค้าโอทอปในจังหวัดเขตหนองบัวแดง ที่เตรียมจัดงานบุญประเพณีกระธูปออกพรรษา ปี 2566 ในวันที่ 23 – 28 ต.ค.นี้ เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวที่มีแห่งเดียวในประเทศไทย ที่อำเภอหนองบัวแดง ถือเป็นการแสดงอัตลักษณ์ของพี่น้องชาวอำเภอหนองบัวแดง จังหวัด ชัยภูมิ ตนขอประชาสัมพันธ์ไปยังอำเภอที่ใกล้เคียง และจังหวัดที่ใกล้เคียง เชิญลิ้มรสสัมผัสประเพณีเชิญกระธูป ในครั้งนี้ด้วย

“ดิฉันขอฝากไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ผู้ว่าราชการจังหวัดองค์การบริหารส่วนจังหวัด และหน่วยงานที่รับผิดชอบช่วยส่งเสริมรับฟังปัญหา และความต้องการในเรื่องการท่องเที่ยวที่ยังขาดการวิเคราะห์ ขาดการวางแผน และขาดการประชาสัมพันธ์ งบประมาณ และการบูรณาการอย่างจริงจัง ที่จะทำให้เกิดการกระตุ้นเศรษฐกิจของชุมชนในพื้นที่ และรายได้จากการท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นกว่านี้ จึง อยากให้หน่วยงานที่รับผิดชอบลงมาช่วยกันร่วมพัฒนางานประเพณีบุญกระธูปออกพรรษา แห่งเดียวประเทศไทย เป็นที่ประจักษ์มากขึ้น”น.ส.กาญจนา กล่าว

น.ส.กาญจนา กล่าวต่อว่า ตนได้รับการร้องเรียนจากผู้นำท้องถิ่นในเรื่องสภาพปัญหาถนนบ้านหนองบัวแดง ก่อนอื่นตนต้องขอขอบคุณองค์การบริหารส่วนจังหวัดชัยภูมิ ในเขตพื้นที่รับผิดชอบที่ได้ออกสำรวจถนนที่ได้รับการซ่อมเสร็จแล้ว แต่พอถึงฤดูการส่งออกสินค้าทางเกษตรรถบรรทุกที่มีสินค้าหนักก็มาทำให้ถนนชำรุดทรุดโทรม เสียหายอีก ไม่ว่าจะเป็นพื้นผิวถนนทรุดโทรม เสียหายเป็นหลุม เป็นบ่อ ข้างทางก็ไม่มีไฟฟ้า เกิดอุบัติเหตุบ่อยครั้งมาก ทำให้มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บ เป็นระยะเวลา 20 ปีแล้วที่น้ำตาแห่งการสูญเสียในสภาพถนนสายหนองบัวแดง บ้านโนนนี้ ตนจึงขอวิงวอนและขอความเมตตาไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง องค์การบริหารส่วนจังหวัดชัยภูมิ คณะผู้บริหาร ให้มีการผลักดันงบประมาณ ปรับปรุงหรือสร้างถนนใหม่ เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของประชาชน และขยายจราจรจาก 2 ช่องทาง เป็น 4 ช่องทางด้วย”

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 30 สิงหาคม 2566