โลกเปลี่ยน ไทยต้องปรับ ทางเลือกใหม่ของการเมืองไทย ก้าวข้ามความขัดแย้ง สานพลังประชาราษฎร์ ร่วมสร้างชาติให้ยั่งยืน

หมวดหมู่: กิจกรรม ส.ส. นเรศ ธำรงค์ทิพยคุณ

”สส.นเรศ“ขอ จ.เชียงใหม่หามติร่วมตัดสินเส้นทางชนบทที่4053 อยู่ในความรับผิดชอบของใคร จะได้แก้ไขปัญหาให้ ปชช.ชี้ เป็นอันตรายต่อการสัญจรมาก

,

”สส.นเรศ“ขอ จ.เชียงใหม่หามติร่วมตัดสินเส้นทางชนบทที่4053 อยู่ในความรับผิดชอบของใคร จะได้แก้ไขปัญหาให้ ปชช.ชี้ เป็นอันตรายต่อการสัญจรมาก

นายนเรศ ธำรงศ์ทิพยคุณ สส.เขต 9 จังหวัดเชียงใหม่ พรรคพลังประชารัฐ(พปชร.)กล่าวหารือในที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรว่า ตนได้รับเรื่องร้องเรียนจากนายกฯบริหารส่วนตำบลแม่วินและผู้ใหญ่บ้านบ้านม่อนยะ ถึงถนนเส้นทางชนบทที่4053 เส้นทางระหว่างบ้านม่อนยะ ตำบลแม่วิน อำเภอแม่วาง จนไปถึง บ้านห้วยน้ำจางหมู่6 ตำบลบ่อแก้ว อำเภอสะเมือง กม.ที่ 9.7 ซึ่งทางอบต.ได้ทำหนังสือแจ้งว่า ถนนได้มีความเสียหาย แต่ทางหลวงชนบทได้บอกว่า ได้ถ่ายโอนถนนไปแล้ว

นายนเรศ กล่าวต่อว่า ต่อมาท้องถิ่นก็ได้ติดต่อไปยัง อบจ.แต่ถนนเส้นดังกล่าวก็ไม่ได้อยู่ในความรับผิดชอบของ อบจ.อีก ตนขอให้จังหวัดเชียงใหม่ได้เป็นเจ้าภาพบูรณาการหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง หามติร่วมกันว่า ถนนเส้นนี้อยู่ในความรับผิดชอบของใคร เพื่อจะได้เข้าไปแก้ไขปัญหาให้แก่พี่น้องประชาชนต่อไป เพราะสถาพถนนขณะนี้เป็นอันตรายต่อการสัญจรมาก

“ผมยังได้รับการร้องเรียนจากนายกเทศมนตรี เทศบาลตำบลแม่วาง และนายกองค์การบริหารส่วนตำบล บ้านกาด กรณีทางหลวงหมายเลข 1013 ช่ว บ้านกลาง ถึงแม่วิ นกม.ที่ 1-8 ในช่วงหน้าฝน หรือในช่วงฝนตกหนักน้ำ เกิดน้ำนองท่วมถนน พื้นผิวถนนเป็นจำนวนมาก ทำให้พี่น้องซึ่งอยู่สองข้างทางถนนเส้นนี้ ได้รับความเดือดร้อน เนื่องจากไม่มีทางระบายน้ำ ไม่มีช่องทางที่น้ำจะระบายออกได้ ประกอบกับเป็นอันตรายต่อพี่น้องประชาชนที่สัญจรไปมา จึงขอให้กรมทางหลวงช่วยดำเนินการแก้ไขปัญหา เพื่อความปลอดภัยของประชาชนด้วย“นายนเรศ กล่าว

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 14 ธันวาคม 2566

“นเรศ สส.เชียงใหม่”วอน กรมทางหลวงชนบท เร่งซ่อมแซมสะพานข้ามระหว่างจังหวัด พร้อมขอกรมชล เร่งดำเนินการแก้ปัญหาดินพังทลายบริเวณแม่น้ำแม่แจ่ม

,

“นเรศ สส.เชียงใหม่”วอน กรมทางหลวงชนบท เร่งซ่อมแซมสะพานข้ามระหว่างจังหวัด พร้อมขอกรมชล เร่งดำเนินการแก้ปัญหาดินพังทลายบริเวณแม่น้ำแม่แจ่ม

นายนเรศ ธำรงค์ทิพยคุณ สส.เชียงใหม่ เขต 9 พรรคพลังประชารัฐ(พปชร.) กล่าวหารือในที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรไปยังกรมทางหลวงชนบท กระทรวงคมนาคม เพื่อขอเร่งรัดซ่อมแซมสะพานวังสะแก เพื่อข้ามลำน้ำปิง บนถนนสายทางที่ 302 ตัด108 ได้ทรุดพังลง จำนวน3 ช่วง ระยะทาง 60 เมตร ซึ่งจริงๆ แล้วสะพานตรงนี้ได้รับงบประมาณมาแล้ว และกำลังสรรหาบริษัทเข้ามาซ่อมแซมจำนวนเงิน 40 ล้าน แต่ได้เกิดพังทลายเสียก่อน และสะพานตรงนี้ เป็นสะพานที่ข้ามระหว่างจังหวัด จากตำบลหลวงเต่า ของจังหวัดเชียงใหม่ ไปอำเภอเวียงหนองล่อง จังหวัดลำพูน จึงขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้เร่งรัดด้วย เนื่องจากเป็นความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชน

นายนเรศ กล่าวต่อว่า ตนขอหารือไปถึงกรมชลประทานกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ถึงปัญหาการพังทลายของดินบริเวณแม่น้ำแม่แจ่ม ซึ่งได้เกิดการทรุดตัวแล้วพังทลายลง ทำให้น้ำในช่วงไหลหลากได้เข้าท่วมไร่นาของประชาชนเป็นจำนวนทั้งหมด 2000 กว่าไร่ เบื้องต้นตนได้ประสานไปยังกรมชลประทานแล้ว จึงขอให้กรมชลประทานเร่งดำเนินการ เนื่องจากขณะนี้พี่น้องประชาชนทำเกษตรกรรมไม่ได้เลย


ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 19 ตุลาคม 2566

“สส.นเรศ” ประสานหลายฝ่าย เร่งช่วย ปชช. หลังน้ำหลากเข้าท่วมบ้านเรือนริมลำน้ำแม่วาง ได้รับความเสียหาย เตรียมแผนระยะยาวแก้ปัญหา 7 จุด

,

“สส.นเรศ” ประสานหลายฝ่าย เร่งช่วย ปชช. หลังน้ำหลากเข้าท่วมบ้านเรือนริมลำน้ำแม่วาง ได้รับความเสียหาย เตรียมแผนระยะยาวแก้ปัญหา 7 จุด

นายนเรศ ธำรงค์ทิพยคุณ สส.เชียงใหม่ เขต 9 พรรคพลังประชารัฐ(พปชร.) กล่าวว่า ตนได้ประสานไปยังผู้อำนวยการโครงการชลประทานเชียงใหม่ ซึ่งก่อนหน้านี้ ตนได้ลงพื้นที่ร่วมกับนายก อบต. ,กำนัน ต.ทุ่งรวงทอง,กำนัน ต.บ้านกาด อ.แม่วาง เพื่อสำรวจความเสียหายบ้านเรือนประชาชนในพื้นที่อำเภอแม่วาง จังหวัดเชียงใหม่ เนื่องจากน้ำไหลหลากล้นตลิ่งเข้าท่วมบ้านเรือนประชาชน ตั้งแต่วันที่ 22 ก.ย.66

นายนเรศ กล่าวว่า โดยหลังจากผู้อำนวยการโครงการชลประทานเชียงใหม่ ได้รับเรื่องแล้ว จึงได้สั่งการให้หัวหน้าฝ่ายงานวิศวกรรม นายช่างชลประทาน หัวหน้าฝ่ายส่งน้ำและบำรุงรักษาที่ 6 ลงพื้นที่ตรวจสอบพร้อมกับนายกองค์การบริหารส่วนตำบลบ้านกาด เลขนานุการนายกเทศมนตรีตำบลแม่วาง เพื่อสำรวจความเสียหายเบื้องต้น เพื่อหาแนวทางช่วยเหลือเร่งด่วน และแผนระยะยาวพื้นที่ 7 จุด ที่มีปัญหาในลำน้ำแม่วาง

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 1 ตุลาคม 2566

“นเรศ ว่าที่ ส.ส.เชียงใหม่” ฝ่าศึกเลือกตั้ง ปชช.เทเสียงหนุน เชื่อมั่นในผลงาน ลุยสานต่อโครงการสร้างแหล่งน้ำผลักดัน พ.ร.บ.ลำไยแก้ปัญหาราคาตกต่ำ

,

“นเรศ ว่าที่ ส.ส.เชียงใหม่” ฝ่าศึกเลือกตั้ง ปชช.เทเสียงหนุน เชื่อมั่นในผลงาน ลุยสานต่อโครงการสร้างแหล่งน้ำผลักดัน พ.ร.บ.ลำไยแก้ปัญหาราคาตกต่ำ

นายนเรศ ธำรงค์ทิพยคุณ ว่าที่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) เขต 9 จ. เชียงใหม่ กล่าวว่า การเลือกตั้งที่ผ่านมาตนได้รับคะแนนเสียงจากพี่น้องประชาชน จนสามารถเป็นหนึ่งในว่าที่ ส.ส. พปชร. อีก 1 สมัย จาก 10 เขตในจังหวัดเชียงใหม่ ที่มีการแข่งขันสูง ซึ่งเป็นผลมาจากทำงานอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการผลักดันโครงการพัฒนาแหล่งน้ำในหลายแห่งที่เป็นนโยบายของพรรค โดยพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ที่มุ่งการแก้ปัญหาน้ำในพื้นที่ จนสามารถมีโครงการแหล่งกักเก็บน้ำให้ประชาชนได้มีน้ำกิน น้ำใช้ เพื่ออุปโภค บริโภคตลอดปีรวมถึงภาคการเกษตร และยังมีโครงการต่อเนื่องที่ต้องสานต่อ อาทิ อ่างเก็บน้ำโป่งจ้อ อ่างเก็บน้ำแม่วาง และโครงการทำน้ำประปา เพื่อประชาชน การจัดหาแหล่งน้ำบาดาล ในโครงการเกษตรแปลงใหญ่ พร้อมกับติดตามความคืบหน้าการพัฒนาโครงการอ่างเก็บน้ำแม่ปอน ซึ่งจะเป็นแหล่งน้ำสำคัญที่เข้ามาแก้ไขปัญหา เพิ่มแหล่งน้ำต้นทุนให้กับประชาชนในพื้นที่

นายนเรศ กล่าวต่อว่า เรายังมีแผนที่ต้องเร่งผลักดันในระยะต่อไป ในเรื่องการแก้ไขปัญหาราคาสินค้าเกษตร โดยเฉพาะปัญหาราคาลำไย ที่ต้องเผชิญกับราคาตกต่ำในแต่ละปี จำเป็นต้องมีการผลักดันให้เกิด พ.ร.บ.ลำไย เพื่อมาดูแลราคาผลผลิตให้ได้รับความเป็นธรรม เช่นเดียวกับสินค้าเกษตรหลายตัว ไม่ว่าจะเป็นยางพารา มันสำปะหลัง และอ้อย ซึ่งเรื่องนี้ต้องมีการหารือในพรรค ว่าจะวางแนวทางให้เกิดขึ้นเป็นรูปธรรมเพื่อเสนอเข้าสู่การพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎร ให้สามารถ ออก พ.ร.บ.เพื่อแก้ปัญหาราคาลำไย ของเกษตรกร 8 จังหวัดของภาคเหนือ ซึ่งในช่วงที่ผ่านมา ในฐานะเป็น ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรีกระทรวงเกษตรและสหรกรณ์ ได้เข้าร่วมพิจารณาแก้ไขปัญหาราคาลำไยตกต่ำซึ่งเป็นความเดือดร้อนที่เกษตรกรได้รับมาอย่างต่อเนื่อง

“การที่ได้รับเสียงสนับสนุนจากประชาชน เนื่องจาก การทำงานที่เห็นผลงานเป็นรูปธรรม และแก้ไขปัญหาได้ตรงจุด ทั้ง การหาแหล่งน้ำ แก้ปัญหาราคาผลผลิตทางการเกษตร ซึ่งเป็นปัจจัยพื้นฐานที่สำคัญของการประกอบอาชีพ ของพี่น้องชาวภาคเหนือ ทำให้ผมสามารถฝ่าฟัน สนามการแข่งขันเลือกตั้งใน พื้นที่จ.เชียงใหม่ ที่มีความรุนแรงและเข้มข้นของ สองพรรคใหญ่ จนได้รับชัยชนะ และต้องขอขอบคุณพี่น้องประชาชนที่เชื่อมั่นในการทำงานของตนและพปชร. จากนี้ไป ยังคงมุ่งมั่น พร้อมทำงานอย่างหนัก เพราะบางพื้นที่ยังต้องได้รับการแก้ไข และเยียวยา เพื่อเข้าไปยกระดับคุณภาพชีวิต ของพี่น้องประชาชนให้ดียิ่งขึ้น” นายนเรศ กล่าว

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 30 พฤษภาคม 2566