โลกเปลี่ยน ไทยต้องปรับ ทางเลือกใหม่ของการเมืองไทย ก้าวข้ามความขัดแย้ง สานพลังประชาราษฎร์ ร่วมสร้างชาติให้ยั่งยืน

หมวดหมู่: กิจกรรม ส.ส. และสมาชิก

“สส.พิมพ์พร“เผย เครือข่ายองค์กรงดเหล้า กังวล มาตรา 10 ของ ร่าง พ.ร.บ.คุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ อาจถูกแทรกแซงจากผลประโยชน์ทางการค้า พร้อมแนะควรห้ามขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ให้แก่สตรีมีครรภ์

,

สส.พิมพ์พร เผย เครือข่ายองค์กรงดเหล้า กังวล มาตรา 10 ของ ร่าง พ.ร.บ.คุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ อาจถูกแทรกแซงจากผลประโยชน์ทางการค้า พร้อมแนะควรห้ามขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ให้แก่สตรีมีครรภ์

เมื่อวันที่ 5 ก.พ.เวลา 10.00 น.ที่อาคารรัฐสภา น.ส.พิมพ์พร พรพฤฒิพันธุ์ สส.เพชรบูรณ์ เขต 1 พรรคพลังประชารัฐ(พปชร.) กล่าวหารือในที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรถึงข้อห่วงใยในสุขภาพของเยาวชนและประชาชนในพื้นที่จังหวัดเพชรบูรณ์ โดยเมื่อวันที่ 2 ก.พ.ที่ผ่านมา ตนได้รับหนังสือแสดงข้อคิดเห็นและข้อเสนอแนะจากศูนย์ประสานงานเครือข่ายองค์กรงดเหล้า จังหวัดเพชรบูรณ์ ภาคีเครือข่ายร่วมและชมรมคนหัวใจเพชร เกี่ยวกับการแก้ไขพระราชบัญญัติควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ฉบับที่ พ.ศ….ซึ่งกำลังจะเข้าสู่ที่ประชุมสภาเพื่อพิจารณาในวาระที่ 2 และ 3 ในสัปดาห์นี้

น.ส.พิมพ์พร กล่าวต่อว่า ทางเครือข่ายสนับสนุนและเห็นด้วยเป็นอย่างยิ่งในเรื่องของการเพิ่มความรับผิดชอบของผู้ขาย ด้วยการตรวจสอบอายุผู้ซื้อก่อนขาย รวมถึงการเพิ่มบทลงโทษทางเพ่ง การเพิ่มการตักเตือน การระงับการโฆษณา การพักใช้หรือเพิกถอนใบอนุญาตผู้ขาย ซึ่งจากข้อมูลขององค์การอนามัยโลกจะพบว่า กว่า 60% ของผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนนมักจะมีระดับแอลกอฮอล์ในเลือดสูงกว่าที่กฎหมายกำหนด

“เครือข่ายฯจึงมีความกังวลใจในมาตราที่ 10 ของร่างพ.ร.บ.ที่เสนอให้มีผู้แทนองค์กรที่เป็นนิติบุคคลด้านการผลิต นำเข้า หรือขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อมาเป็นกรรมการ ซึ่งอาจทำให้เกิดความเสี่ยงต่อการถูกแทรกแซงจากผลประโยชน์ทางการค้า และไม่สอดคล้องกับยุทธศาสตร์โลก และขาดแผนการปฏิบัติงานขององค์การอนามัยโลก ซึ่งเสนอแนะเพิ่มเติมในมาตราที่ 29 ในเรื่องห้ามขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ให้แก่สตรีมีครรภ์ เพื่อประโยชน์ต่อการคุ้มครองสุขภาพแก่แม่และเด็กมากขึ้น รวมทั้งขอฝากถึงเรื่องการบังคับใช้กฎหมายเกี่ยวกับบุหรี่ไฟฟ้าให้แก่เด็กและเยาวชน ดิฉันขอฝากไปยังกรรมาธิการและ สส.ในสภาฯให้รับข้อเสนอแนะดังกล่าวไว้พิจารณาด้วย“น.ส.พิมพ์พร กล่าว

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 05 กุมภาพันธ์ 2568

“ชัยวุฒิ”แนะ รบ.ลองขึ้นรถไฟฟรีดูว่าทำให้ฝุ่นหายไปหรือไม่ ซัด แก้ปัญหาไม่ถูกจุด แนะคุมเข้ม เผาอ้อย-ข้าวโพด

,

“ชัยวุฒิ”แนะ รบ.ลองขึ้นรถไฟฟรีดูว่าทำให้ฝุ่นหายไปหรือไม่ ซัด แก้ปัญหาไม่ถูกจุด แนะคุมเข้ม เผาอ้อย-ข้าวโพด

เมื่อเวลา 15.00 น. วันที่ 27 มกราคม ที่พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รองหัวหน้าพรรค พปชร.กล่าวถึงแนวทางที่รัฐบาลให้ประชาชนใช้รถไฟฟ้า และรถโดยสารได้ฟรี ลดการใช้รถยนต์ เพื่อลดฝุ่น PM2.5 ในระยะเวลา 7 วัน ใข้งบ 140 ล้าน ว่า ให้ลองขึ้นรถไฟฟรีดูว่าทำให้ฝุ่นหายไปหรือไม่ หรือทำให้ตนเองหายคัดจมูกหรือไม่

นายชัยวุฒิ กล่าวต่อว่า คนที่ใช้รถส่วนตัวอยู่แล้วก็คงใช้เหมือนเดิม เพราะคนที่เดินทางโดยรถไฟฟ้าได้ ก็เพราะอยู่ใกล้รถไฟฟ้าขึ้นลงได้สะดวก ส่วนคนที่ต้องใช้รถยนต์ก็เพราะเขามาขึ้นรถไฟฟ้าไม่สะดวก ตนเองมองว่า ให้ขึ้นรถไฟฟ้าฟรีก็คงไม่มีผลกับการลดจำนวนรถยนต์บนท้องถนนได้เท่าไหร่ เหมือนกับแก้ปัญหาไม่ถูกจุดและไม่ใช่ประเด็น

“พรรค พปชร.จะมีมาตราการในเรื่องการควบคุมการเผาอ้อย เผาข้าวโพด ซึ่งปัจจุบันมีเยอะมาก ซึ่งมาตราการที่เราอยากผลักดันมากที่สุดก็คือทางภาษี จำกัดการนำเข้าและเรื่องภาษีในการเผา ถ้ามีการเผาก็จะมีบทลงโทษในเรื่องนี้ เพื่อให้เป็นมาตราการลดการเผา”นายชัยวุฒิ กล่าว

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 29 มกราคม 2568

“อุตตม”ชี้ชะตา ศก.ไทย ฟื้นหรือฟุบ อยู่ที่การจัดการ พร้อม ชูแผนฟื้นเศรษฐกิจ-พัฒนาคน ดันเป็นวาระแห่งชาติ มุ่งแก้ปัญหาคนไทย ข้ามผ่านวิกฤต สู่อนาคตที่ยั่งยืน

,

“อุตตม”ชี้ชะตา ศก.ไทย ฟื้นหรือฟุบ อยู่ที่การจัดการ พร้อม ชูแผนฟื้นเศรษฐกิจ-พัฒนาคน ดันเป็นวาระแห่งชาติ มุ่งแก้ปัญหาคนไทย ข้ามผ่านวิกฤต สู่อนาคตที่ยั่งยืน

วันที่ 20 ม.ค.เวลา 11.20 น.พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.)ได้จัดกิจกรรมสัมมนา ประจำปี 2568 ภายใต้หัวข้อ “Now & Next พรรคพลังประชารัฐ“ณ โรงแรมซี แซนด์ ซัน หัวหิน รีสอร์ท โดย ดร.อุตตม สาวนายน ประธานกรรมการนโยบาย เเละรองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ และอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า ในปี 2568 ถือเป็นปีแห่งความท้าทายครั้งใหญ่ของประเทศไทย เศรษฐกิจจะฟื้นตัวหรือฟุบลง ขึ้นอยู่กับความสามารถในการจัดการกับความท้าทายทั้งภายในและภายนอกประเทศ ความท้าทายสำคัญที่อยู่เบื้องหน้าคือ เศรษฐกิจปากท้องของคนไทย ซึ่งยังคงเป็นปัญหาหลัก และยังต้องเผชิญกับสัญญาณเตือนจากภายนอก เช่นเศรษฐกิจโลกที่ฟื้นตัวช้าและไม่ครอบคลุม ความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ที่ยังคงกดดันการเติบโตทางเศรษฐกิจ

ดร.อุตตม กล่าวต่อว่า ประเทศไทยยังเผชิญกับข้อจำกัดภายในคือขีดความสามารถในการแข่งขันลดลง เครื่องยนต์หลักทางเศรษฐกิจอ่อนกำลังลงอย่างต่อเนื่อง การส่งออกเผชิญความเสี่ยงที่จะหลุดจากขบวนเศรษฐกิจโลกใหม่ การท่องเที่ยวฟื้นตัวไม่เต็มศักยภาพ ความสามารถในการดึงดูดนักลงทุนต่างชาติลดลง การลงทุนรวมในประเทศตกต่ำถึงจุดต่ำสุดในรอบ 30 ปี เศรษฐกิจซบเซาอย่างต่อเนื่องยาวนานตั้งแต่หลังวิกฤตโควิด-19 และฟื้นตัวช้ากว่าเพื่อนบ้านในอาเซียน เราจำเป็นต้องพลิกเกมเศรษฐกิจใหม่ เพื่อรับมือกับความท้าทายเหล่านี้อย่างเร่งด่วน และสร้างความมั่นคงให้กับอนาคตเศรษฐกิจไทยในระยะยาว

ดร.อุตตม ยังกล่าวเพิ่มเติมถึง โจทย์ใหญ่สำคัญของประเทศไทย โดยเฉพาะรัฐบาลคือ การเร่งฟื้นฟูเศรษฐกิจอย่างแท้จริงและยั่งยืน รวมถึงการเร่งวางรากฐานเศรษฐกิจและยกระดับการปฏิรูประบบเศรษฐกิจไทยอย่างเป็นรูปธรรม โดยมุ่งเน้นการสร้างความเข้มแข็งและสร้างความมั่งคั่งของเศรษฐกิจฐานรากและชุมชนพรรคพลังประชารัฐ

“ผมจึงอยากเห็นรัฐบาลจัดสรรงบประมาณอย่างเพียงพอ โดยเน้นการสร้างงานในชุมชนท้องถิ่น ส่งเสริมความเข้มแข็งในตัวเอง พร้อมยึดโยงกับการยกระดับภาคการเกษตร การท่องเที่ยว และวิสาหกิจชุมชน/การผลิตชุมชน ให้ผสานกันเพื่อผลักดันการพัฒนาให้ก้าวหน้าได้อย่างเต็มศักยภาพ”ดร.อุตตม กล่าว

ดร.อุตตม กล่าวต่อว่า พปชร.ขอเรียกร้องให้รัฐบาลเร่งขับเคลื่อนการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ขึ้นเป็นวาระแห่งชาติ เพื่อให้คนไทยมีทักษะและองค์ความรู้ที่จำเป็น สร้างศักยภาพการเติบโตในเศรษฐกิจโลกใหม่ (New Economy) อย่างแท้จริง ทั้งนี้ หลายประเทศในอาเซียนได้เร่งลงทุนมหาศาลใน “การพัฒนาคน” แทนที่จะมุ่งเน้นเพียง การลงทุนใน “โครงสร้างพื้นฐาน” หรือ Hardware อย่างเดียว

ดร.อุตตม ยังกล่าวทิ้งท้ายว่า พรรคพลังประชารัฐมีพลังและความมุ่งมั่นในการทำงานเพื่อประชาชนอย่างเต็มที่ พร้อมสนับสนุนให้ประเทศไทยก้าวข้ามความท้าทายครั้งใหญ่ เพื่อเรียกคืนความเชื่อมั่นในประเทศและสร้างความน่าเชื่อถือจากต่างประเทศ ผ่านการทำงานทั้งในสภาและพื้นที่ โดยอาศัยเครือข่ายที่เข้มแข็งทั่วประเทศ นอกจากบทบาทฝ่ายค้าน พรรคยังมุ่งพัฒนาการเมืองที่ตอบสนองความต้องการคนไทย แก้ปัญหาความยากจน ลดความเหลื่อมล้ำ และวางรากฐานอนาคตที่มีคุณค่า

ที่มา: พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 22 มกราคม 2568

“สนธิรัตน์”มั่นใจ พปชร.มีโอกาสอีกมาก ประกาศยุทธศาสตร์ ปรับตัวพรรคครั้งใหญ่ ชูอุดมการณ์อนุรักษ์นิยมทันสมัย ขยายฐานเสียง คว้าชัยชนะทางการเมือง

,

“สนธิรัตน์” มั่นใจ พปชร.มีโอกาสอีกมาก ประกาศยุทธศาสตร์ ปรับตัวพรรคครั้งใหญ่ ชูอุดมการณ์อนุรักษ์นิยมทันสมัย ขยายฐานเสียง คว้าชัยชนะทางการเมือง

นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ ประธานศูนย์นโยบายและวิชาการ พรรคพลังประชารัฐและอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์และพลังงาน กล่าวว่า หากมองไปยังการเคลื่อนไหวของกลุ่มการเมืองต่างๆ บนกระดานการเมืองเวลานี้ ตนมั่นใจว่าพรรค พปชร.​ยังมีโอกาสทางการเมืองอีกมาก โดยมีปัจจัยสำคัญจากการโต้กลับของพลังอนุรักษ์นิยมที่จะขยายตัวกว้างมากขึ้นเรื่อยๆ จากการบริหารงานของรัฐบาลปัจจุบันซึ่งเอาแต่จะขับเคลื่อนนโยบายเพื่อผลประโยชน์ของตัวเอง เช่น กรณีคาสิโนเสรี พนันบนดิน และเมื่อดูโพลต่างๆ ก็พบว่า พปชร. ยังคงเป็นพรรคที่อยู่บนกระดานการเมือง อยู่ในใจประชาชน ยังมี ส.ส. ในสภาไว้เป็นปากเป็นเสียง มีกลุ่มการเมือง มีบ้านใหญ่ต่างๆ รวมพลังกันอย่างเหนียวแน่น

”วันนี้ประชาชนยังหาพรรค ยังหาคนที่เหมาะสมสำหรับการเลือกตั้งครั้งหน้าไม่ได้ โพลบอกว่าเป็นจำนวนมากถึงยี่สิบเปอร์เซ็นต์ พรรคของเราต้องเป็นตัวแทนของคนกลุ่มนี้ให้ได้ สร้างนโยบายให้โดนใจคนกลุ่มนี้ให้ได้ เราต้องปลุกคลื่นพลังอนุรักษ์นิยมให้กลับมาเข้มแข็งอีกครั้งหนึ่ง ใช้จุดเด่นของบุคลากรพรรค คือเรื่องปากท้อง ศก. มีมือ ศก. ที่มีประสบการณ์ มาร่วมกันวิพากษ์วิจารณ์ให้ข้อเสนอแนะต่อการดำเนินนโยบายของรัฐบาลอย่างสม่ำเสมอ เดินหน้าตรวจสอบรัฐบาลอย่างต่อเนื่อง ตนคิดว่า คำวิจารณ์ที่มีเหตุมีผล กลั่นกรองจากข้อมูลที่เข้มข้นของพวกเรา จะช่วยดึงดูดคนรุ่นใหม่ที่ไม่ชอบดราม่าทางการเมือง ให้มาสนใจพรรคมากขึ้น แต่การมีข้อมูลเหล่านั้น ก็จำเป็นต้องสร้างทีม ต้องลงแรง ต้องมีระบบการทำงานที่เข้มแข็ง ซึ่งท่านหัวหน้าพรรคได้ให้การสนับสนุนเป็นอย่างดี“นายสนธิรัตน์

นายสนธิรัตน์ ยังนำเสนอถึงยุทธศาสตร์การทำงานของพรรคในช่วงเวลาสองปีข้างหน้าที่รัฐบาลจะหมดวาระ และมีการเลือกตั้ง เราจำเป็นต้อง 1. สร้างและรวมพลังชุดความคิดใหม่ ใช้ความคิดอนุรักษ์นิยมทันสมัย เป็นชุดอุดมการณ์ที่จะใช้เพื่อชนะทางความคิด เพื่อชนะทางการเมือง 2.เตรียมการทำงานในพื้นที่เป้าหมาย สร้างความเข้มแข็งของพื้นที่ และขยายฐานผู้สนับสนุนของเราออกไปให้กว้าง 3.เร่งปรับภาพลักษณ์ สร้างแบรนด์ ทำให้พลังประชารัฐ​เป็นพรรคการเมืองแห่งความหวัง

นายสนธิรัตน์ กล่าวต่อว่า ตนพูดได้เต็มปากว่า พรรคพลังประชารัฐ ยังมีโอกาส พรรคพลังประชารัฐกับตนมีความผูกพันกันมานาน เพราะตนเป็นหนึ่งในผู้ร่วมก่อตั้งพรรคในปี 2561 วันนั้น เรานับหนึ่ง ถือว่ายากและท้าทาย แต่ในที่สุด เรารวบรวมกลุ่มการเมือง คนการเมือง มาเป็นพรรคการเมือง จนสามารถจัดตั้งรัฐบาลได้สำเร็จ วันนี้ ปี 2568 ผมรู้ว่ายากและท้าทายกว่ามาก แต่ตนเชื่อว่า ยังคงมีประชาชนที่นิยมพรรคพลังประชารัฐอยู่ทั่วประเทศ ถ้าเราหาเจอ แล้วเชื่อมต่อด้วยชุดความคิด ความเชื่อแบบเดียวกัน เราจะหาคะแนนเสียงจนเจอ นี่คือสิ่งที่ทำให้ผมเชื่อว่า พรรคพลังประชารัฐยังมีโอกาส

“Now วันนี้ ผมเชื่อว่า พรรคพลังประชารัฐยังมีโอกาส Next วันข้างหน้า โอกาสในการเป็นรัฐบาลจะอยู่ในมือเรา เพื่อให้เราได้ดูแลพี่น้องประชาชนอีกครั้งหนึ่ง”นายสนธิรัตน์ กล่าว

ที่มา: พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 22 มกราคม 2568

“ผู้กองมาร์ค” เปิดโปงต้นตอฝุ่นพิษภาคเหนือ! ทุนไทยหนุน “โรงไฟฟ้า ห.” แนะนายกฯ จัดการด่วน ก่อนวิกฤตลุกลาม!

,

“ผู้กองมาร์ค” เปิดโปงต้นตอฝุ่นพิษภาคเหนือ! ทุนไทยหนุน “โรงไฟฟ้า ห.” แนะนายกฯ จัดการด่วน ก่อนวิกฤตลุกลาม!

25 ต.ค. 2567 / ภาคเหนือของไทยกำลังเผชิญกับมลพิษร้ายแรงอย่างไม่หยุดหย่อน ร.ต.อ.วัฒนรักษ์ อำนรรฆสรเดช รองประธานคณะกรรมาธิการ พ.ร.บ.อากาศสะอาดฯ ออกมาเปิดเผยข้อมูลที่ทำให้ทุกฝ่ายต้องจับตา โรงไฟฟ้าถ่านหิน “ห.” ในประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งมีทุนจากไทยเป็นส่วนสำคัญ ถูกระบุว่าเป็นต้นเหตุหลักที่ทำให้ภาคเหนือจมอยู่ในมลพิษมาแล้วกว่า 7 ปี! ปัญหานี้ไม่เพียงแต่ทำลายสุขภาพคนในพื้นที่ แต่ยังส่งผลต่อสภาพแวดล้อมอย่างรุนแรงและต่อเนื่อง

“โรงไฟฟ้าถ่านหินนี้อาจอยู่ในต่างแดน แต่ฝุ่นพิษที่ถูกปล่อยออกมา ทำลายคุณภาพชีวิตของคนไทยอย่างไม่มีข้อยกเว้น” ร.ต.อ.วัฒนรักษ์ กล่าว ข้อมูลที่นักวิชาการจากมหาวิทยาลัยเชียงใหม่เก็บรวบรวมในพื้นที่จังหวัดน่าน พบสารปรอทปนเปื้อนในดิน น้ำ และอากาศ ซึ่งเป็นภัยเงียบที่ส่งผลกระทบโดยตรงต่อสุขภาพประชาชนในพื้นที่

ความจริงที่ถูกเปิดเผยออกมานี้ ทำให้เกิดความกังวลในวงกว้าง ร.ต.อ.วัฒนรักษ์ จึงเร่งเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรี น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ดำเนินการแก้ไขโดยด่วน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการจัดการกับกลุ่มทุนที่อยู่เบื้องหลังโรงไฟฟ้า “ถึงเวลาหรือยังที่ผู้นำประเทศจะแสดงความจริงจังในการจัดการปัญหานี้ เริ่มจากคนใกล้ตัว?” เขากล่าว พร้อมชี้ว่านี่ไม่ใช่แค่เรื่องของธุรกิจพลังงาน แต่เป็นการละเมิดสิทธิพื้นฐานในการมีอากาศบริสุทธิ์ ซึ่งเป็นสิทธิมนุษยชนขั้นพื้นฐาน

นอกจากนั้น เขายังเน้นถึงความจำเป็นในการที่ประเทศไทยต้องปฏิบัติตามหลักการ “ธุรกิจกับสิทธิมนุษยชน” ที่องค์การสหประชาชาติ (UNGP) กำหนดไว้ “ถึงเวลาแล้วที่ทุนพลังงานต้องโปร่งใส หยุดการทำลายสิ่งแวดล้อม ก่อนที่ภาคเหนือจะไม่มีอากาศให้หายใจ!”

การแก้ไขปัญหามลพิษนี้จะเป็นของขวัญปีใหม่ที่ล้ำค่าสำหรับคนไทยทุกคน ร.ต.อ.วัฒนรักษ์ กล่าวปิดท้ายว่า “สิทธิในอากาศสะอาดไม่ใช่แค่ความหวัง แต่เป็นสิทธิที่ทุกคนต้องมี!”

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 25 ตุลาคม 2567

“สส.อัคร” ปลื้ม เป็นตัวแทนอภิปรายในฐานะยุวสมาชิก บนเวทีประชุม 149th IPU ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เผย ได้เปิดมุมมองใหม่ นำมาใช้ในการทำงานการเมือง

,

“สส.อัคร” ปลื้ม เป็นตัวแทนอภิปรายในฐานะยุวสมาชิก บนเวทีประชุม 149th IPU ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เผย ได้เปิดมุมมองใหม่ นำมาใช้ในการทำงานการเมือง
     
นายอัคร ทองใจสด สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เปิดเผยว่า ตนได้เป็นตัวแทนของรัฐสภาไทย เดินทางไปประชุมสหภาพรัฐสภาที่นครเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ระหว่างวันที่ 11-18 ต.ค.ที่ผ่านมา และได้เป็นตัวแทนขึ้นอภิปรายในฐานะยุวสมาชิกในหัวข้อ “Science Technology and Innovation” ในการประชุม 149th IPU ณ กรุงเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ซึ่งการได้รับเกียรติขึ้นอภิปรายในครั้งนี้นับเป็นครั้งที่ 2 แล้วบนเวทีโลกแห่งนี้

“นอกจากการประชุมในเวทีรัฐสภาโลกแล้วยังได้แลกเปลี่ยนความคิดกับเพื่อนสส.ในอีกหลายๆประเทศ ซึ่งได้มีการยกประเด็นยุวสมาชิกและนโยบายที่อาจเป็นประโยชน์ต่อแต่ละประเทศมาหารืออีกด้วยครับ” นายอัคร กล่าว

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 24 ตุลาคม 2567

“วรโชติ” เผย ลงพื้นที่ ต.ดงขุย แจกกระสอบทรายเตรียมรับมือน้ำเริ่มท่วมแล้ว หลังฝนตกหนักต่อเนื่อง หวั่น ชาวบ้านกว่า 1,200 ครัวเรือนจะเดือดร้อนหนัก

,

“วรโชติ” เผย ลงพื้นที่ ต.ดงขุย แจกกระสอบทรายเตรียมรับมือน้ำเริ่มท่วมแล้ว หลังฝนตกหนักต่อเนื่อง หวั่น ชาวบ้านกว่า 1,200 ครัวเรือนจะเดือดร้อนหนัก

นายวรโชติ สุคนธ์ขจร สส.เพชรบูรณ์ เขต 4 พรรคพลังประชารัฐ กล่าวว่า ในพื้นที่จังหวัดเพชรบูรณ์ได้เกิดฝนตกหนักต่อเนื่อง ทำให้ปริมาณจากน้ำฝนและน้ำป่าไหลทะลักเข้าท่วมพื้นที่ ตำบล ดงขุย ทั้งในเขตเทศบาลและเขต.อบต ดงขุย เป็นบริเวณกว้าง กระทบต่อชาวบ้านใน ม2. ม3. ม5. ม 4. ม14 ม 15. จำนวน 1200 ครัวเรือน ในขณะนี้เดือดร้อนอย่างหนัก บ้านเรือน ทรัพย์สิน รวมถึงพื้นที่ทางการเกษตร เสียหายจากเหตุอุทกภัย เพราะน้ำมาค่อนข้างเร็วและมีปริมาณมากจนทำให้ระดับสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว

“ผมได้ลงพื้นที่ร่วมกับนายกเทศมนตรี ต.ดงขุย กำนันผู้ใหญ่บ้าน ตำบลดงขุย เพื่อแจกกระสอบทรายให้กับประชาชนที่ได้รับผลกระทบ และได้เตรียมการจัดตั้งโรงครัว เพื่อทำอาหารมอบให้กับประชาชนทั้งเขตเทศบาล และเขต อบต.ดงขุย ซึ่งยังเป็นที่น่ากังวลว่า ปริมาณน้ำที่เพิ่มอย่างรวดเร็วอาจจะทำให้การสัญจรถูกตัดขาด และจะทำให้ประชาชนได้รับความเดือดร้อนกว่า 1,200 ครัวเรือน โดยชจะไม่สามารถเข้าออกมาซื้ออาหาร เครื่องอุปโภค-บริโภคได้“นายวรโชติ กล่าว

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 25 กันยายน 2567

“สส.ฉกาจ”วอน กระทรวงเกษตรฯ หามาตรการเยียวยา”เกษตรกร“ในพื้นที่น้ำท่วม หลังไร่นา พืชผลเสียหาย สร้างความทุกข์แสนสาหัส

,

“สส.ฉกาจ”วอน กระทรวงเกษตรฯ หามาตรการเยียวยา”เกษตรกร“ในพื้นที่น้ำท่วม หลังไร่นา พืชผลเสียหาย สร้างความทุกข์แสนสาหัส

นายฉกาจ พัฒนกิจวิบูลย์ พังงา เขต 2 และรองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.)กล่าวว่า จากการที่มีฝนตกหนักในพื้นที่ติดต่อกันเป็นเวลาหลายวัน ทำให้น้ำในแม่น้ำตะกั่วป่าเอ่อล้นเข้าท่วมพื้นที่ราบลุ่ม มีบ้านเรือนประชาชนได้รับผลกระทบ 5-6 หลังเรือน และพื้นที่การเกษตร สวนปาล์มน้ำมันและสวนผลไม้ ได้รับความเสียหาย ตนได้ลงพื้นที่ส่งกำลังใจให้พี่น้องประชาชน ต.โคกเคียน อ.ตะกั่วป่า จ.พังงา

นายฉกาจ กล่าวต่อว่า ทาง อบต.โคกเคียน ได้ขอติดตั้งเครื่องสูบน้ำ เร่งระบายน้ำเพื่อลดความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชน โดยติดตั้งเครื่องสูบน้ำขนาด 28,000 ลิตร เร่งระบายน้ำออกจากพื้นที่ราบลุ่มที่ส่งผลกระทบต่อบ้านเรือนประชาชนเพื่อระบายน้ำออกสู่แม่น้ำตะกั่วป่า

“ในพื้นที่ยังคงมีฝนตก ประกอบกับน้ำที่ไหลมาจากอำเภอกะปง ลงสู่แม่น้ำตะกั่วป่าเพื่อระบายลงสู่ทะเลได้เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับน้ำทะเลหนุนสูงบางช่วง ทำให้น้ำได้เอ่อล้นเข้าท่วมพื้นที่ทางการเกษตรสวนปาล์มน้ำมัน สวนผลไม้ กระทบกับเกษตรกรในพื้นที่เป็นอย่างมาก ผมขอให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ดูแลและให้การเยียวยากับเกษตรกรไทยด้วย เพราะน้ำมาครั้งนี้แทบจะหมดตัว และไม่ใช่เฉพาะใน จ.พังงานเท่านั้น ผมเชื่อว่า เกษตรกรในพื้นที่อุทกภัยต่างกำลังเผชิญกับความทุกข์แสนสาหัส”นายฉกาจ กล่าว

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 23 กันยายน 2567

“สส.จักรัตน์”นำ กมธ.บริหารจัดการทรัพยากรน้ำ สภาฯ ศึกษาการบริหารจัดการน้ำบาดาล ณ กรมทรัพยากรน้ำบาดาล พร้อมเรียกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการแจ้งเตือนภัย ถกหาแนวทางแก้ปัญหา

,

“สส.จักรัตน์”นำ กมธ.บริหารจัดการทรัพยากรน้ำ สภาฯ ศึกษาการบริหารจัดการน้ำบาดาล ณ กรมทรัพยากรน้ำบาดาล พร้อมเรียกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการแจ้งเตือนภัย ถกหาแนวทางแก้ปัญหา

นายจักรัตน์ พั้วช่วย สส.เพชรบูรณ์ เขต 2 พรรคพลังประชารัฐ(พปชร.) ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ สภาผู้แทนราษฎร เปิดเผยว่า ตนและคณะกรรมาธิการฯ ได้ไปศึกษาดูงาน บทบาทของกรมทรัพยากรน้ำบาดาลในการบริหารจัดการน้ำเพื่อการอุปโภคบริโภค น้ำเพื่อการเกษตร และการสำรวจและประเมินศักยภาพน้ำบาดาล เพื่อรับฟังการบรรยายสรุปในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับการบริหารจัดการน้ำบาดาลเพื่อการอุปโภคบริโภค น้ำบาดาลเพื่อการเกษตร และการสำรวจและประเมินศักยภาพน้ำบาดาล รวมทั้งได้หารือแลกเปลี่ยนความคิดเห็นถึงปัญหาและอุปสรรค พร้อมให้ข้อเสนอแนะในการดำเนินงานของกรมทรัพยากรน้ำบาดาล เพื่อเป็นแนวทางในการเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการน้ำของประเทศต่อไป

นอกจากนี้ คณะกรรมาธิการการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ ยังได้ไปศึกษาดูงานจังหวัดนครปฐม เพื่อหารือถึงการบำรุงรักษาแม่น้ำท่าจีน และการบริหารจัดการน้ำเพื่อป้องกันปัญหาน้ำท่วมในจังหวัดนครปฐม และความพร้อมในการเตรียมรับมืออุทกภัย และลงพื้นที่ดูศักยภาพของแม่น้ำท่าจีน ช่วงที่ไหลผ่าน อ.บางเลน เพื่อนำมาเป็นข้อมูลเพื่อพัฒนา

นายจักรัตน์ กล่าวต่อว่า คณะกมธ.บริหารจัดการทรัพยากรน้ำ ได้เชิญหน่วยงานที่เกี่ยวเนื่องกับการแจ้งเตือน และการพยากรณ์อากาศ อาทิ สทนช. กรมชลประทาน,กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย,กรมอุตุนิยมวิทยา, สสน.และ Gistda เข้าให้ข้อมูลกับกรรมาธิการ เพื่อทบทวนข้อพกพร่องก่อนที่จะต้องเดินหน้าแก้ไขปัญหาการแจ้งเตือนภัยต่างๆ

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 23 กันยายน 2567

“สส.อัคร”ถาม รัฐบาลมีแผนบริหารจัดการน้ำ แก้วิกฤตน้ำท่วม-ภัยแล้ง จ.เพชรบูรณ์ อย่างไร ชี้ ที่ผ่านมาระบบยังไม่ดีพอ แถมน้ำประปายังไม่พอต่อการใช้ชีวิตประจำวัน

,

“สส.อัคร”ถาม รัฐบาลมีแผนบริหารจัดการน้ำ แก้วิกฤตน้ำท่วม-ภัยแล้ง จ.เพชรบูรณ์ อย่างไร ชี้ ที่ผ่านมาระบบยังไม่ดีพอ แถมน้ำประปายังไม่พอต่อการใช้ชีวิตประจำวัน

เมื่อวันที่ 19 ก.ย. ที่รัฐสภา ในการประชุมสภา ฯ นายนายอัคร ทองใจสด สส.เพชรบูรณ์ เขต 6 พรรคพลังประชารัฐ ได้ตั้งกระทู้ถามนายกรัฐมนตรี โดยได้มอบหมายให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นผู้ตอบกระทู้ถึงแนวทางการแก้ปัญหาน้ำในจังหวัดเพชรบูรณ์อย่างเป็นระบบว่า ตนได้ลงพื้นที่พบปะพี่น้องประชาชนและได้พบว่า ปัญหาหลักของเพชรบูรณ์คือ ระบบการจัดการน้ำ ซึ่งประสิทธิภาพยังไม่ดีพอที่จะรองรับต่อการใช้งานได้อย่างทั่วถึงในอีกหลาย ๆ พื้นที่ของจังหวัด ปัญหาการขาดแคลนน้ำนับเป็นสิ่งที่เร่งด่วนและสำคัญต่อการดำรงชีวิตของประชาชนเป็นอย่างมาก

นายอัคร กล่าวต่อว่า จังหวัดเพชรบูรณ์ได้รับผลกระทบจากสภาวะการเปลี่ยนแปลงทางสภาพภูมิอากาศและปัญหาโลกร้อน ซึ่งทำให้ปริมาณของน้ำฝนที่ตกนั้นไม่แน่นอน และยากต่อการคาดเดา บางปีฝนตกน้อยก็เกิดภัยแล้ง บางปีฝนตกหนักก็น้ำท่วม ส่งผลให้ประชาชนเดือดร้อนในทุกพื้นที่ โดยเฉพาะเกษตรกร แม้ว่าเพชรบูรณ์จะมีอ่างเก็บน้ำทั้งหมด 11 แห่ง แต่กลับไม่เพียงพอ แสดงให้เห็นถึงความไม่สอดคล้องของปริมาณน้ำในอ่างต่อความต้องการของประชาชนในพื้นที่ ตัวอย่างเช่น อำเภอวิเชียรบุรีและศรีเทพ มีประชากรเกือบๆ 200,000 คนซึ่งคิดเป็นประมาณเกือบ 20% จากประชากรทั้งจังหวัด แต่กลับมีเพียง อ่างเก็บน้ำขนาดกลางห้วยเล็งเพียงที่เดียว ทำให้เกษตรกรในพื้นที่มีน้ำไม่เพียงพอที่จะไปเพาะปลูกพืชผล และในปี 2566 อำเภอวิเชียรบุรีมีพืชผลเสียหายกว่า 1,000 ไร่ ส่งผลให้รายได้ของเกษตรกรลดลง ชาวบ้านเดือดร้อนมาก

นายอัคร กล่าวต่ออีกว่า ตนยังได้รับการร้องเรียนจากประชาชน หมู่ 13 ต.ศรีเทพ อ.ศรีเทพ ว่า น้ำประปาไม่ไหลและไม่เพียงพอต่อการใช้ชีวิตประจำวัน แถมน้ำที่ใช้ได้กลับเป็นน้ำสกปรก มีกลิ่นเหม็น และมีสีแดงขุ่น ตนคิดว่า ควรหาทางแก้สำหรับเรื่องนี้ และนี่เป็นเพียงแค่ปัญหาภัยแล้งในเพชรบูรณ์ ยังไม่รวมถึงปัญหา อุทกภัยที่เกิดจากสภาพแวดล้อมที่ไม่เอื้ออำนวย ไม่ว่าจะเป็นพื้นที่ที่ตั้งอยู่ ช่วงทางน้ำผ่าน หรือขนาดของลำน้ำป่าสักที่แคบและตื้น ทำให้รองรับน้ำได้อย่างจำกัด ส่งผลให้เกิดน้ำท่วม

โดยในปี 2565 เกิดฝนตกหนักในจังหวัด พื้นที่อำเภอวิเชียรบุรีและศรีเทพ มีน้ำท่วมขัง สูงถึง 150 เซนติเมตร ประชาชนในหลายตำบลได้รับความเดือดร้อนเป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นบ้านเรือน ทรัพย์สิน หรือพืชผล
ทางการเกษตร เราได้เรียนรู้มากมายจากภัยธรรมชาติที่เกิดในอดีต ปัจจุบัน เราควรนำมาถอดบทเรียน เพื่อวางแผนการจัดการน้ำที่มีประสิทธิภาพและเป็นระบบสำหรับอนาคตของเพชรบูรณ์

”ผมจึงอยากทราบว่ารัฐบาลมีแผนบริหารจัดการน้ำรวมถึงแผนงานโครงการแก้ไขปัญหาน้ำเพื่ออุปโภคบริโภคน้ำเพื่อการเกษตร รวมถึงการบรรเทาอุทกภัยและบรรเทาภัยแล้งในพื้นที่จังหวัดเพชรบูรณ์ เพื่อสร้างความมั่นคงด้านน้ำอย่างสมบูรณ์ได้อย่างไร รวมถึงความก้าวหน้าโครงการฝายยางบ้านท่า ในอำเภอศรีเทพ อยู่ในขั้นตอนไหนแล้ว สุดท้าย ผมขอให้จังหวัดเพชรบูรณ์ได้รับการแก้ไขปัญหาอย่างเป็นระบบและยั่งยืน“

ต่อมา รัฐมนตรีกระทรวงเกษตร ตอบคำถามของนายอัคร โดยชี้แจงถึงความคืบหน้าโครงการฝายทั้ง 2 แห่งว่า อยู่ระหว่างการดำเนินการจะแล้วเสร็จช่วงปี 2568-2570 ซึ่งจะทำให้ประชาชนมีน้ำอุปโภค บริโภค และเกษตรกรจะมีน้ำใช้ในการเพาะปลูก

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 19 กันยายน 2567

“สส.บุญชัย”ขอ มท.แก้ปัญหาบุคลากรท้องถิ่นจำนวนน้อย ต้องแบกรับดูแลประชาชนจำนวนมาก พร้อมขอกรมปกครองส่วนท้องถิ่น จัดงบเร่งซ่อมแซมถนนในพื้นที่

,

“สส.บุญชัย”ขอ มท.แก้ปัญหาบุคลากรท้องถิ่นจำนวนน้อย ต้องแบกรับดูแลประชาชนจำนวนมาก พร้อมขอกรมปกครองส่วนท้องถิ่น จัดงบเร่งซ่อมแซมถนนในพื้นที่

นายบุญชัย กิตติธาราทรัพย์ เพชรบูรณ์ เขต 3 พรรคพลังประชารัฐ(พปชร.)กล่าวหารือในที่ประชุมสภาฯถึงความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชน ตำบลเข็กน้อย อำเภอเขาค้อ ซึ่งเป็นคนไทยเชื้อสายม้ง มีจำนวนประชากร กว่า 16,000 คน  4,000 กว่าครัวเรือน ซึ่งในจำนวนนี้มี 2 หมู่บ้าน ที่มีประชากรมากกว่า 2,000 คน 500 กว่าครัวเรือน  คือหมู่ที่ 10 และ หมู่ที่ 12  ทำให้ผู้นำหมู่บ้าน ผู้ใหญ่ ผู้ช่วย อบต. ทำงานค่อนข้างหนัก ในการช่วยเหลือดูแลแก้ไขปัญหาต่างๆ ของพี่น้องในหมู่บ้าน ทั้งปัญหาเรื่องโรคระบาด และปัญหายาเสพติด
จึงขอให้กระทรวงมหาดไทย เร่งแก้ไขปัญหาดังกล่าวให้ด้วย

นายบุญชัย กล่าวต่อว่า ตนได้รับเรื่องร้องเรียนจากประชาชนหมู่บ้านศิลา อำเภอหล่มเก่า ถึงความเดือดร้อนของการใช้ถนนสายทาง พช  2052  บ้านศิลา ห้วยผักกูด ตอนที่ 2 กม5+490 – กม7+130 ระยะทางประมาณ 1,640 เมตร ถนนเป็นหลุมเป็นบ่อลึก และเป็นสภาพเช่นนี้มา หลายปีแล้ว ถนนสายนี้มีประชากรที่ใช้ผ่านอยู่ทั้งหมด  7 หมู่บ้าน และยังต้องใช้ในการขนส่งสินค้าทางการเกษตร และส่งนักเรียน และตำบลตาดกลอย ถนนสายทาง พช45-003 สายตาดกลอยใต้ ถึงวังเวินพัฒนา ระยะทาง 2 กิโลเมตร ถนนเป็นหลุมเป็นบ่อ และไม่ได้รับการซ่อมแซมมาเป็นเวลาหลายปีเช่นกัน จึงขอให้กรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่น ช่วยจัดสรรงบประมาณซ่อมแซมถนนทั้ง 2 สายด้วย

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 19 กันยายน 2567

“พล.อ.ประวิตร“ ส่ง สส.กระแสร์“ ลงพื้นที่ป้องกันน้ำโขงล้นท่วมหนองคาย แนะ รัฐบาลควรเร่งเตรียมแผนเยียวยาพร้อมงบประมาณให้ ปชช.ทันที

,

“พล.อ.ประวิตร“ ส่ง สส.กระแสร์“ ลงพื้นที่ป้องกันน้ำโขงล้นท่วมหนองคาย แนะ รัฐบาลควรเร่งเตรียมแผนเยียวยาพร้อมงบประมาณให้ ปชช.ทันที

 นายกระแสร์ ตระกูลพรพงศ์ สส.หนองคาย เขต 1 พรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงสถานการณ์น้ำในแม่น้ำโขงบริเวณจังหวัดหนองคาย อยู่ในเกณฑ์ที่มีความเสี่ยงอันตรายต่อการเกิดน้ำท่วมฉับพลัน   ตนได้รับมอบหมาย จากพล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ  เร่งลงพื้นที่เพื่อติดตามสถานการณ์ โดยได้ร่วมกับนายยุทธนา ศรีตะบุตร นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดหนองคาย และคณะลงพื้นที่ตรวจน้ำท่วม ยอมรับว่า ตั้งแต่ระดับน้ำในย่านเศรษฐกิจของตัวเมืองหนองคาย เริ่มเพิ่มสูงขึ้น และแม่น้ำโขงล้นตลิ่งเข้าท่วมพื้นที่ในตัวเมืองหนองคาย ทำให้ร้านค้าต่าง ๆ ในเขตเทศบาลเมือง ต้องหยุดขายสินค้า และประชาชนที่จะเข้าไปซื้อสินค้า ก็ไม่สามารถทำได้ ทำให้เกิดผลกระทบด้านเศรษฐกิจด้วย

 นายกระแสร์ กล่าวต่อว่า ในขณะนี้เราทำอย่างเต็มที่เร่งช่วยเหลือพี่น้องให้ได้มากที่สุด เพื่อป้องกันน้ำโขง ทะลักเข้าพื้นที่เขตเทศบาลเมือง อย่างกรณี เมื่อวานนี้(14 ก.ย.)ตนและกลุ่มรักหนองคาย พร้อมด้วยหนองคายเจริญจักรกล ได้นำรถดั้มเข้าทำงานร่วมกับทาง อบจ.หนองคาย นำทรายเข้ากระจายตามจุดสำคัญต่างๆ ในตัวเมืองหนองคาย เพื่อให้พี่น้องประชาชนที่เดือดร้อนที่ต้องการทราย นำกระสอบมาใส่ เพื่อทำคันป้องบกันน้ำชั่วคราเพื่อป้องกันน้ำเข้าบ้านเรือน และทาง อบจ.หนองคาย ก็ได้นำทรายไปกระจายตามจุดต่างๆ ภายในตัวเขตเทศบาลเมือง เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับพี่น้องประชาชนด้วย

 “เหตุอุทกภัยที่เกิดขึ้นทำให้บ้านเรือนและทรัพย์สินของประชาชนเสียหายจำนวนมาก รวมถึงพื้นที่เกษตรกรรม โดยเฉพาะการสัตว์เลี้ยง ซึ่งได้มีการนำเรือเข้าลำเลียงสัตว์เลี้ยง มาอยู่ในพื้นปลอดภัยแล้ว โดยภายหลังจากน้ำลดแล้วก็ยังต้องฟื้นฟูกันอีกมาก ผมจึงขอให้รัฐบาลเตรียมแผนและงบประมาณในการเยียวยาให้กับประชาชนไว้ล่วงหน้าเลย เพราะปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนไม่สามารถรอได้ ทั้งนี้ ผมขอเป็นกำลังใจให้ผู้ประสบภัยทุกคน และเราจะผ่านเรื่องนี้ไปด้วยกัน“นายกระแสร์ กล่าว

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 16 กันยายน 2567