โลกเปลี่ยน ไทยต้องปรับ ทางเลือกใหม่ของการเมืองไทย ก้าวข้ามความขัดแย้ง สานพลังประชาราษฎร์ ร่วมสร้างชาติให้ยั่งยืน

หมวดหมู่: กิจกรรมพรรค

วราเทพ”มั่นใจ ชาวกำแพงเพชรยังสนับสนุน พปชร. ปักธงยกจังหวัด เชื่อนโยบายของพรรคมีดีไม่แพ้ใคร

,

“วราเทพ” มั่นใจ ชาวกำแพงเพชรยังสนับสนุน พปชร.
ปักธงยกจังหวัด เชื่อนโยบายของพรรคมีดีไม่แพ้ใคร

นายวราเทพ รัตนากร กรรมการฝ่ายนโยบายของพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ให้สัมภาษณ์ก่อนขึ้นเวทีปราศรัยใหญ่จังหวัดกำแพงเพชร ณ ตลาดนัดวันอาทิตย์ตำบลนครชุม ว่า ตนในฐานะที่เคยเป็นของตัวแทนของคนกำแพงเพชรเข้าไปทำหน้าที่รัฐมนตรี ถึงครั้งนี้จะไม่ได้ลงรัสมัครเลือกตั้ง แต่ขอเป็นกำลังใจสนับสนุนผู้สมัครของพรรคพลังประชารัฐทั้ง 4 เขต ซึ่งเป็นคนเดิมที่เคยได้รับความไว้วางใจจากชาวกำแพงเพชรเมื่อปี 62 ทั้งหมด เชื่อว่าการการเลือกตั้งปี 66 นี้ พรรคพลังประชารัฐจะปักธงได้ทั้งจังหวัด

นายวราเทพ กล่าวต่อว่า คำถามว่าทำไมผู้สมัครหน้าเก่าของพรรคพลังประชารัฐ ถึงอยู่กันอย่างเหนี่ยวแน่นอน นั่นก็เพราะตั้งแต่ยุคก่อนหน้านี้ คุณพ่อของผู้สมัครเราหลาย ๆ คนได้สร้างผลงานและดูแลชาวกำแพงเพชรอย่างยาวนาน ซึ่งครั้งนี้ ผู้สมัครทุกคนจึงมั่นใจว่า พรรคพลังประชารัฐจะสามารถทำประโยชน์ให้กับประชาชนได้อย่างแท้จริง

“วันนี้ เราไม่ต้องไปสนใจนโยบายของพรรคอื่น ๆ เพราะนโยบายของพรรคพลังประชารัฐ ก็ไม่แพ้พรรคใด เราๆ ซึ่งอาจจะทำได้มากกว่าด้วย เพราะ พล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ มีประสบการณ์และความสามารถที่จะประสานงานได้กับทุกฝ่าย เหมือนนโยบายก้าวข้ามความขัดแย้งของพรรค และที่สำคัญคือ ประเทศของเราตอนนี้ต้องการความร่วมมือกันในการบริหารประเทศ ดังนั้นไม่ว่านโยบายขอพรรคการเมืองอื่นที่ประกาศออกมาแล้วมีประโยชน์กับประชาชน ถ้าพรรคพลังประชารัฐได้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล เราพร้อมจะผลักดันทุก ๆ นโยบายของ ทุกพรรคการเมือง ที่เป็นประโยชน์ของประชาชนและประเทศชาติเป็นที่ตั้ง

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 26 มีนาคม 2566

“พล.อ.ประวิตร” นำทีม พปชร.ภาคเหนือปราศรัยเปิดตัวว่าที่ผู้สมัครพิจิตรครบทั้ง 3 เขต ท่ามกลางอากาศร้อนระอุ แต่ ปชช.แห่เข้าฟังเนืองแน่น หนุนนโยบายไร้ภัยแล้งตลอดทั้งปี

,

“พล.อ.ประวิตร” นำทีม พปชร.ภาคเหนือปราศรัยเปิดตัวว่าที่ผู้สมัครพิจิตรครบทั้ง 3 เขต
ท่ามกลางอากาศร้อนระอุ แต่ ปชช.แห่เข้าฟังเนืองแน่น หนุนนโยบายไร้ภัยแล้งตลอดทั้งปี

เมื่อเวลา 17.00 น. วันที่ 25 มีนาคม ที่วิทยาลัยเทคนิคพิจิตร จ.พิจิตร พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) จัดเวทีปราศรัย นําโดย พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรค พปชร.,นายสันติ พร้อมพัฒน์ เลขาธิการพรรค ,นายวิรัช รัตนเศรษฐ รองหัวหน้าพรรค,นายไพบูลย์ นิติตะวัน รองหัวหน้าพรรค,ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ส.ส.พะเยา พรรค พปชร.,นายวราเทพ รัตนากร กรรมการฝ่ายนโยบาย นายบุญสิงห์ วรินทร์รักษ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรค พปชร. และนาย ไผ่ ลิกค์ ส.ส.กำแพงเพชร โดยพรรคพลังประชารัฐ ได้มีการเปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร จ.พิจิตร ประกอบไปด้วย ผู้ช่วยศาสตราจารย์พรชัย อินทร์สุข ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.พิจิตรเขต 1 นางณริยา บุญเสรฐ ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.พิจิตร เขต 2 และนายเอกวิชญ์ เรืองมาลัย ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.พิจิตรเขต 3 ทั้งนี้ ท่ามกลางสภาพอากาศบริเวณเวทีปราศรัยมีอุณหภูมิร้อนกว่า 38 องศา แต่บรรยากาศก็เป็นไปอย่างคึกคัก มีประชาชนมาฟังการปราศรัยอย่างเนืองแน่นกว่า 10,000 คน

พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า พรรคพลังประชารัฐส่งคนมีคุณภาพครบทั้ง 3 เขต ไว้ในอ้อมอก อ้อมใจของทุกคนและขอฝากนโยบายที่พรรคทำเพื่อประชาชนชาวพิจิตร ตนรู้สึกอบอุ่นเป็นอย่างมากที่ได้มาอยู่ท่ามกลางชาวจังหวัดพิจิตร ด้วย พวกเราพร้อมแล้วที่จะมาทำงานให้กับชาวพิจิตร โดยได้คัดสรรคนดี คนเก่งที่จะมาเป็นตัวแทนของประชาชน เพื่อมาพัฒนาแก้ไขปัญหาให้กับชาวพิจิตรทุกคน ตนเชื่อว่าทุกคนย่อมอยากเห็นจังหวัดพิจิตรเจริญขึ้น ดังนั้น จึงต้องเลือกพรรคพลังประชารัฐ และผู้สมัครทั้ง 3 คนให้มาทำงานเพื่อทุกคนที่นี่

“พรรคพลังประชารัฐ คำนึงถึงประโยชน์ของประชาชนเป็นที่ตั้ง เพราะฉะนั้นนโยบายทุกข้อของเราทำเพื่อให้ประชาชนอยู่ดีกินดี ไม่ว่าจะเป็นโครงการบัตรประชารัฐการดูแลผู้สูงอายุ สตรีมีครรภ์ รวมถึงการพัฒนาเศรษฐกิจรากหญ้า ให้มีความเท่าเทียม เพื่อลดปัญหาความเหลื่อมล้ำ สร้างความเป็นธรรมให้เกิดขึ้นในสังคม”

พล.อ.ประวิตร กล่าวต่อว่า ที่ผ่านมาตนได้แก้ปัญหาปัญหาน้ำแล้ง น้ำท่วม จะเห็นได้ว่าไม่มีปัญหาภัยแล้งอีกเลยตลอด 4 ปีที่ผ่านมา มีเรา ไม่มีแล้ง อีกต่อไป และเมื่อมีเรา ต้องมีที่ทำกิน ให้กับพี่น้องประชาชนทุกคน เราจะดูแลทุกคนอย่างต่อเนื่อง 4 ปีที่ผ่านมา เราก็ดูแลมาแล้ว แต่ยังไม่ครบทั้ง 77 จังหวัด เราจึงกลับเข้ามาสานต่อให้ครบทั่วประเทศให้ได้ ในส่วนปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติ อาชญากรรมออนไลน์ ที่เป็นอันตรายต่อประเทศ ต้องแก้ปัญหาได้ทันที

“เราขออาสานำความรัก ความสามัคคีมาสู่ประเทศชาติหมดเวลาแล้วที่คนไทยจะมาทะเลาะกันเอง ต้องจับมือกัน นำประเทศไปสู่ก้าวหน้า เพื่อความสงบของคนไทยทุกคน ฝากกับทุกคนว่า ถ้าอยากให้ประเทศมีความรัก สงบสุข สันติภาพเกิดขึ้น และมีความเป็นหนึ่งเดียวต้องเลือกพรรคพลังประขารัฐเท่านั้น”

ทั้งนี้ ว่าที่ผู้สมัครได้สลับกันขึ้นปราศรัย โดย ผู้ช่วยศาสตราจารย์พรชัย อินทร์สุข ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.พิจิตรเขต 1 กล่าวปราศรัยว่า วันนี้ได้รับเกียรติจากพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ และ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ขวัญใจชาวพิจิตร เดินทางมาร่วมพูดคุยกับพวกเรา จากนโยบายของพรรคพลังประชารัฐที่จะทำให้คนไทยมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น โดยเฉพาะปัญหาเรื่องภัยแล้งหรือน้ำท่วม จะไม่เกิดขึ้นอีกถ้าเรามีนายกรัฐมนตรีชื่อ พลเอกประวิตร เราจะมีน้ำใช้เพื่อการเกษตรกรรมตลอดทั้งปี ตนเชื่อเลยว่า จากนี้ไปคนพิจิตรจะมีน้ำเพื่อทำนา สร้างรายได้ตลอดทั้งปี

ด้านนางณริยา บุญเสรฐ ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.พิจิตร เขต 2 กล่าวปราศรัยว่า ชาวพิจิตรอาจจะเคยเห็นตนมีการเปิดตัวกับอีกพรรคการเมืองหนึ่ง ซึ่งทุกคนคงสงสัยว่าทำไมตนถึงย้ายมาลงรับสมัครเลือกตั้งกับพรรคพลังประชารัฐ ก็เพราะพรรคพลังประชารัฐจะก้าวข้ามความขัดแย้ง รวมถึงพรรคยังมีนโยบายดี ๆ เพื่อคนไทยทั้งประเทศไม่ว่าจะเป็นบัตรประชารัฐ 700 บาท รวมถึงนโยบายดูแลผู้สูงอายุ 345 678 ที่จะมีสวัสดิการดูแลผู้สูงอายุ ตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป ตามลำดับขั้นบันได ทั้งนี้ ตนขอโอกาสจากชาวพิจิตร ขอให้ ส.ส.พิจิตรทั้ง 3 เขตเป็นผู้สมัครของพรรคพลังประชารัฐ

ด้านนายเอกวิชญ์ เรืองมาลัย ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.พิจิตร เขต 3 กล่าวปราศรัยว่า ขอขอบคุณพี่น้องชาวพิจิตรที่มาต้อนรับผู้บริหารพรรคพลังประชารัฐรวมถึงคู่กันหมักทุกคนอย่างอบอุ่น วันนี้ถ้าตนได้รับโอกาสจากชาวพิจิตรเขตสาม ตนสัญญาว่าจะทำหน้าที่อย่างเต็มความสามารถให้คุ้มค่ากับภาษีของประชาชนทุกคนและตอบแทนความไว้วางใจด้วยการทำงานเต็ม 100% เพื่อประชาชน

ร.อ.ธรรมนัส กล่าวปราศรัย ว่า ตนอยู่พรรคการเมืองมาหลายพรรค แต่พรรคที่มีหัวหน้าอย่าง พล.อ.ประวิตร ทำให้ตนสามารถพูดได้เต็มปากว่า ท่านคือผู้นำเป็นผู้ใหญ่ใจดี วันนี้เป็นโอกาสดีของพี่น้องชาวพิจิตรที่ท่านตั้งใจมาพบทุกคนที่นี่ทั้ง 3 เขต 12 อำเภอ เมื่อการเลือกตั้งปี 62 ผู้สมัครของพลังประชารัฐทั้ง 3 เขตได้รับความไว้วางใจจากพี่น้องที่นี่ วันนี้ ส.ส.ของพรรคพลังประชารัฐที่สร้างมากับมือได้ย้ายบ้านออกไป เราก็ไม่ว่ากันแซึ่งเรามั่นใจว่าในการเลือกตั้งปีนี้เราได้ว่าที่ผู้สมัครที่มีคุณภาพมาเป็นตัวแทนชาวพิจิตรอีกครั้ง ซึ่งเราหวังว่า ทุกคนจะกาให้เราทั้งผู้สมัครและพรรคพลังประชารัฐ

“พรรคพลังประชารัฐประกาศชัดเจนว่า เราจะก้าวข้ามความขัดแย้ง บรรยากาศที่แตกแยก ไม่ใช่เรื่องสนุก หมดเวลาแล้วที่คนไทยจะทะเลาะกัน เพราะฉะนั้นถ้าใครอยากได้ประเทศที่สงบสุขขอให้เลือกพรรคพลังประชารัฐ”
ร.อ.ธรรมนัส ยังกล่าวต่อถึง นโยบายของพรรคพลังประชารัฐ ที่จะมีการช่วยเหลือชาวนาที่ถือเป็นกระดูกสันหลังของประเทศ ทำนามาด้วยความเหนื่อยล้า แต่พอถึงเวลาฤดูขายข้าวข้าว ราคากลับตกต่ำทุกปี

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 25 มีนาคม 2566

“ชัยวุฒิ” ลุยหาเสียงตลาดฮอดเชียงใหม่ชูนโยบายพัฒนาพื้นที่ ย้ำถึงเวลาต้องก้าวข้ามความขัดเเย้ง เพื่อความสงบสุขประเทศเดินหน้า

,

“ชัยวุฒิ” ลุยหาเสียงตลาดฮอดเชียงใหม่ชูนโยบายพัฒนาพื้นที่ ย้ำถึงเวลาต้องก้าวข้ามความขัดเเย้ง เพื่อความสงบสุขประเทศเดินหน้า

( 25 มีค 2566 )นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ลงพื้นที่พบปะพี่น้องประชาชน ในตลาดฮอด อำเภอฮอด จังหวัดเชียงใหม่ เพื่อช่วยเหลือนายนรพล ตันติมนตรี ผู้สมัคร สส. เขต10 บรรยากาศ เป็นไปอย่างคึกคัก โดยมีพี่น้องประชาชน พ่อค้า แม่ค้า ในตลาดให้การตอบรับเป็นอย่างดี จากการดำเนินหลายโครงการที่เป็นประโยชน์กับพี่น้องประชาชน ซึ่งเราได้พัฒนามาอย่างต่อเนื่อง และเชื่อว่า ที่นี่ก็เป็นพื้นที่เป้าหมายที่เราจะได้รับเสียงจากพี่น้องประชาชน และได้ ส.ส.เชียงใหม่ ของพรรคพลังประชารัฐอย่างแน่นอน

อย่างไรก็ตาม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ได้เน้นย้ำ ให้สมาชิกพรรคทุกคนชี้แจงประชาชนเข้าใจนโยบายสําคัญของพรรค คือการก้าวข้ามความขัดแย้ง ไม่แบ่งฝักแบ่งฝ่าย ไม่แบ่งสี ไม่ทะเลาะกันเราต้องช่วยกันทํางาน แล้วก็ที่สําคัญ ความสามัคคี ทําให้บ้านเมืองสงบสุข ถ้าบ้านเมืองสงบสุข ก็จะไม่มีการปฏิวัติรัฐประหารแน่นอน เพราะถ้าเราทะเลาะกันไม่สามัคคีกัน บ้านเมืองเดินหน้าไม่ได้ แล้วเราถึงเน้น ให้ทุกคนช่วยกัน ทําความเข้าใจกับประชาชน เพื่อก้าวข้ามความขัดแย้ง ต้องรักกันสามัคคีกัน ต้องทําให้ได้ นี่คือนโยบายสําคัญของพรรคพลังประชารัฐ

“ส่วนเรื่องการแก้รัฐธรรมนูญ ผมว่าอย่ามาใช้ในการหาเสียง เพราะมันเป็นเรื่องที่ยังไม่ได้ถึงเวลา เราอยากให้การเลือกตั้งเสร็จ มีสภามีตัวแทนพี่น้องประชาชน และให้สภาให้ ส.ส. มาคุยกันด้วยเหตุด้วยผล มาหาทางออกให้ประเทศไทย ว่าเราควรแก้รัฐธรรมนูญแบบไหนอย่างไร อย่าใช้อารมณ์ ใช้เหตุผลให้ ส.ส.ซึ่งเป็นตัวแทนของท่านไปทําหน้าที่ในสภา เพื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญต่อไปในอนาคต”

ทั้งนี้นายชัยวุฒิ ยังได้นำ ผู้สมัคร ทีมพลังประชารัฐ ไปไหว้ศาลหลักเมือง ฮอด ที่วัดพระธาตุอูปแก้วจามเทวี เพื่อเอาฤกษ์เอาชัย ก่อนที่จะขึ้นเวทีปราศรัย พร้อมผู้สมัคร นายนรพล ตันติมนตรี เเละเป๋ คลองเตย เเกนนำเสื้อเเดงคลองเตย ที่ลงพื้นที่ มาช่วย พรรคพลังประชารัฐหาเสียง ด้วย โดย นายชัยวุฒิ ได้เน้นยำโครงการ ที่รัฐบาลช่วยเหลือประชาชนในช่วงโควิด รวมถึง บัตรสวัสดิการเเห่งรัฐที่ตั้งใจจะทำต่อไป จากใจท่านพล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 25 มีนาคม 2566

“สกลธี-สนธิรัตน์” นำทีมผู้สมัคร กทม.โซนเหนือ พบ ปชช.ประกาศพร้อมพัฒนา กทม.ด้วยกองทุนพัฒนาประเทศ 3 แสนล้านบาท ขอแค่ให้โอกาส พปชร.

,

“สกลธี-สนธิรัตน์” นำทีมผู้สมัคร กทม.โซนเหนือ พบ ปชช.ประกาศพร้อมพัฒนา กทม.ด้วยกองทุนพัฒนาประเทศ 3 แสนล้านบาท ขอแค่ให้โอกาส พปชร.

พรรคพลังประชารัฐ จัดเวทีปราศรัยย่อยโซนกรุงเทพฯ เหนือ”พลังใหม่ พลังกรุงเทพ พลังประชารัฐ”ที่ศูนย์เยาวชนหลักสี่ การเคหะท่าทราย โดยมีแกนนำพรรคพลังประชารัฐ นายสกลธี ภัททิยกุล หัวหน้าทีมว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.กทม. พรรคพลังประชารัฐ และนายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ ประธานยุทธศาสตร์การเมือง พร้อมด้วยว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.กทม.ทั้ง 6 เขต ประกอบด้วย ภญ.สุชาดา เบล เวสารัชตระกูล เขตดอนเมือง,น.อ. บัญชาพล อรัณยะนาค เขตสายไหม (ยกเว้นแขวงออเงิน),นายอนันตชาติ บัวสุวรรณ์ เขตบางเขน (ยกเว้นแขวงท่าแร้ง) เขตจตุจักร (เฉพาะแขวงจันทรเกษมและแขวงเสนานิคม) เขตหลักสี่ (เฉพาะแขวงตลาดบางเขน),ภญ.นพวรรณ หัวใจมั่น เขตสายไหม (เฉพาะแขวงออเงิน) เขตบางเขน (เฉพาะแขวงท่าแร้ง) เขตลาดพร้าว (เฉพาะแขวงจรเข้บัว),นายรังสรรค์ กียปัจจ์ เขตหลักสี่ (ยกเว้นแขวงตลาดบางเขน) เขตจตุจักร(ยกเว้นแขวงจันทรเกษมและแขวงเสนานิคม),ร.ต.อ.วัฒนรักษ์ อำนรรฆสรเดช เขตบางซื่อ เขตดุสิต (เฉพาะแขวงถนนนครไชยศรี)

ด้านนายสนธิรัตน์ กล่าวว่า พรรคพลังประชารัฐเป็นมิตรกับทุกฝั่ง ไม่ใช่เลือกฝั่งนี้ ทำให้อีกฝั่งชนะ เพราะไม่ว่าใครชนะ แต่ประเทศไทย แพ้เสมอ ดังนั้น พรรคพลังประชารัฐขอแสดงจุดยืนว่า ไม่ว่าพรรคใดจะชนะ เราพร้อมร่วมสร้างสมานฉันท์ เพราะเราคือคนไทย เราต้องไม่มาต่อสู้กัน ให้เกิดความขัดแย้งเหมือนในอดีต

“พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคเคยบอกกับผมว่า อยากเห็นคนไทยรักกันไม่อยากให้มีความขัดแย้ง การเลือกตั้งครั้งนี้สำคัญมาก เพราะต้องเลือกพรรคที่สามารถนำพาประเทศรอดได้ ตนเป็นตัวแทนเศรษฐกิจ ท่านจะต้องเลือกคนและทีมที่สามารถมาแก้ปัญหาปากท้องให้ท่านได้”

ด้านนายสกลธี กล่าวปราศรัยช่วงหนึ่งว่า ขอขอบคุณชาวกรุงเทพโซนเหนือทุกคนที่มาร่วมให้กำลังใจวันนี้ รวมถึงชาวหลักสี่ที่เคยให้โอกาสตนได้มาเป็น ส.ส.สมัยแรกในวัย 29 ปี และตอนที่ตนเป็นรองผู้ว่าฯ ก็ได้ดูแลพื้นที่นี้เป็นหลัก จึงมีความผูกพันในการทำงานกับพี่น้องโซนกรุงเทพเหนือ วันนี้จึงเหมือนได้กลับมาที่บ้านอีกครั้ง

“สกลธีคนเดิมขออาสาพาพลังใหม่ พลังกรุงเทพฯ ของพลังประชารัฐ ที่จะเข้ามาพัฒนากรุงเทพฯของเรา เพราะเรารู้ปัญหาของชาว กทม.เป็นอย่างดี และพรรคพลังประชารัฐ มี กองทุนประชารัฐพัฒนาประเทศ 3 แสนล้านบาท ที่จะพัฒนากรุงเทพฯ ขอเพียงแค่ประชาชนให้โอกาสผู้สมัครของพรรคเราได้เข้าไปลงมือทำ โดยเรามั่นใจว่าจะทำกรุงเทพฯให้ดีกว่านี้ได้แน่นอน”

ทั้งนี้ ว่าที่ผู้สมัคร กทม.ของ พรรคพลังประชารัฐ ได้สลับกันขึ้นเวทีปราศรัย อาทิ ร.ต.อ.วัฒนรักษ์
กล่าวบนเวทีปราศรัยว่า เราต้องการมอบอากาศสะอาด น้ำบริสุทธิ์ เศรษฐกิจดี ต้องควบคู่กับสุขภาพที่ดีให้กับชาว กทม.โดย สิ่งที่เราต้องการแก้ไขคือ ปัญหาฝุ่น PM2.5 และปัญหาโลกร้อน เพื่อลดปัญหาสุขภาพคนในปัจจุบันและอนาคตถ้าประเทศไทยของเราทำการเปลี่ยนเมืองให้เป็นป่า นำสายไฟฟ้าลงดิน,ต้นไม้ฟรี 69 ล้านต้น,รถ EV ลดภาษีทำแล้ว เพิ่มจุดชาร์ต โดยภาครัฐเป็นผู้สนับสนุน รวมถึงการเปลี่ยนรถเมล์เป็น EV ทั้งหมดภายใน 5 ปี เพื่อให้ชาว กทม.มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น

ด้าน ภ.ญ.นพวรรณ หัวใจมั่น กล่าวปราศรัยว่าประเทศไทยของเราได้เข้าสู่สังคมผู้สูงวัยอย่างเต็มรูปแบบแล้ว พรรคพลังประชารัฐจึงทำนโยบายเพิ่มเบี้ยผู้สูงวัย ไม่เพียงแค่นั้นเรายังทำให้กับคนทุกวัย ทุกบ้าน เพราะทุกบ้านมีผู้สูงวัย ผู้สูงวัยต้องไม่ใช่ภาระ แต่คือคนที่เราต้องดูแล

“จากสถานการณ์โควิดที่ผ่านมาเราได้บทเรียนหลายอย่าง โดยเฉพาะเรื่องการรักษาที่ล่าช้า จนมีผู้เสียชีวิตจำนวนมาก อ้อแอ้จึงขอผลักดันเรื่องการรักษาพยาบาลที่จำเป็นจริงๆ ให้ประชาชนได้เข้าถึงง่าย สะดวก ไม่ต้องรอคิวตั้งแต่เช้าได้ตรวจเที่ยง ตรวจบ่ายหรือบางคนต้องมาวันอื่น โรงพยาบาลดี คลินิกดี และทันสมัยต้องมีทุกเขตในพื้นที่ กทม.” ภญ.นพวรรณ กล่าว

ทั้งนี้ บรรยากาศเวทีปราศรัยมีประชาชนมาร่วมรับฟังกว่า 2000 คน ท่ามกลางบรรยากาศคึกคัก

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 24 มีนาคม 2566

“พล.อ.ประวิตร” เร่งเชื่อมระบบฐานข้อมูลสวัสดิการของรัฐ เพิ่มประสิทธิภาพการช่วยเหลือผู้ยากไร้ลดปัญหาซับซ้อนข้อมูล

,

“พล.อ.ประวิตร” เร่งเชื่อมระบบฐานข้อมูลสวัสดิการของรัฐ
เพิ่มประสิทธิภาพการช่วยเหลือผู้ยากไร้ลดปัญหาซับซ้อนข้อมูล

เมื่อ 24 มี.ค.66 ,10.00น. พล.ท.พัชร์ชศักดิ์ ปฏิรูปานนท์ ผช.โฆษก รอง นรม. เปิดเผยว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รอง นรม. ได้เป็นประธานการประชุม คณะกรรมการบูรณาการเชื่อมโยงฐานข้อมูล ด้านสวัสดิการของรัฐ ครั้งที่ 1/2566 ณ ห้องประชุมมูลนิธิอนุรักษ์ป่ารอยต่อ 5 จังหวัด ผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ โดย พล.ท.พัชร์ชศักดิ์ ปฏิรูปานนท์ ผู้ช่วยโฆษกรองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ที่ประชุมได้รับทราบ การดำเนินการออกแบบ การเชื่อมโยงฐานข้อมูลด้านสวัสดิการของรัฐ และการดำเนินการเชื่อมโยงฐานข้อมูล ผ่านหมายเลขบัตรประจำตัวประชาชน และข้อมูลบุคคลด้านอื่นๆ เช่น หมายเลขโทรศัพท์ ที่อยู่อาศัย เป็นต้นได้ดำเนินการเสร็จเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยมีการจัดทำAPI เพื่อใช้ค้นหาข้อมูลสวัสดิการที่ได้มีการเชื่อมโยงที่สามารถค้นหาด้วยหมายเลขบัตรประชาชน ที่สามารถแสดงผลบน Dashboard ในการวิเคราะห์ข้อมูล รวมถึงการแสดงความซ้ำซ้อนของสวัสดิการ จำนวน 13 สวัสดิการ ซึ่งมีประชาชนที่ได้รับสิทธิ ถึง 19,348,391 ราย (27,923,508 สิทธิ) อาทิ บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ กองทุนคุ้มครองเด็ก เบี้ยความพิการ และเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ เป็นต้น

นอกจากนี้ที่ประชุมได้เห็นชอบการดำเนินการเชื่อมโยงฐานข้อมูลด้านสวัสดิการของรัฐเพิ่มขึ้นในระยะต่อไป เป็น 22 สวัสดิการ (เดิม 13 สวัสดิการ) และยังเห็นชอบการบริหารจัดการฐานข้อมูลด้านสวัสดิการของรัฐ โดยมีหน่วยงานหลักที่สำคัญ ได้แก่ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม หรือ ดีอีเอส ,สถาบันส่งเสริมการวิเคราะห์และบริหารข้อมูลขนาดใหญ่ และ สำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล (องค์การมหาชน)

พล.อ.ประวิตร ได้กำชับ ก.ดีอีเอส ,กระทรวงการาคลัง หรือ กค.,กระทรวงมหาดไทย หรือมท.และ กระทรวงพัฒนาความมั่นคงของมนุษย์ หรือ พม.ให้เร่งรัดการดำเนินงานตามมติคณะกรรมการฯ เพื่อให้ฐานข้อมูลสวัสดิการของรัฐ เป็นระบบเดียวกัน ครอบคลุมประชากรที่จะได้รับการช่วยเหลือทุกกลุ่มเป้าหมาย และตอบสนองความต้องการ การให้บริการประชาชนได้ อย่างสะดวกรวดเร็ว เข้าถึงได้ง่าย เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนจากความยากจน และลดความเหลื่อมล้ำในสังคมได้ ตามนโยบายของรัฐบาลและยุทธศาสตร์ด้านการสร้างโอกาส และความเสมอภาค

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 24 มีนาคม 2566

พล.อ.ประวิตร” เปิดตัว พล.อ.ธรรมรักษ์ ร่วมงานด้านยุทธศาสตร์การเมือง ดูแลพื้นที่อีสาน ร่วมสร้างพรรคให้ เข้มแข็ง

,

พล.อ.ประวิตร” เปิดตัว พล.อ.ธรรมรักษ์ ร่วมงานด้านยุทธศาสตร์การเมือง
ดูแลพื้นที่อีสาน ร่วมสร้างพรรคให้ เข้มแข็ง

วันที่ 23 มี.ค. 66 ที่พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ พร้อมด้วย นายสันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ในฐานะเลขาธิการพรรค นายไพบูลย์ นิติตะวัน รองหัวหน้าพรรค และนายวิรัช รัตนเศรษฐ รองหัวหน้าพรรค ร่วมเปิดตัว พล.อ.ธรรมรักษ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา

พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า พล.อ.ธรรมรักษ์ มาร่วมงานกับพรรคพลังประชารัฐ โดยการทาบทามจากผู้บริหารของพรรค เพื่อที่จะให้ท่านมาช่วยในพื้นที่อีสาน สำหรับการเลือกตั้งครั้งนี้ เพราะถือว่ามีความชำนาญและมีประสบการณ์ ซึ่งจะทำให้พรรคเกิดความเข้มแข็ง ทั้งนี้ต้องขอขอบคุณ พล.อ.ธรรมรักษ์ ที่มาร่วมงานกับพรรคพลังประชารัฐ ต้องนับว่าเป็นบุญคุณอย่างยิ่ง ถึงแม้ว่าท่านจะอายุมาก แต่อายุไม่ได้มีความสำคัญเทียบเท่ากับสมอง

ด้านนายสันติ กล่าวว่า พรรคพลังประชารัฐยินดีต้อนรับ พล.อ.ธรรมรักษ์ ที่จะเข้ามาร่วมในคณะทำงานด้านยุทธศาสตร์การเมือง ซึ่งถือเป็นบุคคลที่มีประสบการณ์ทางการเมือง เข้าใจปัญหาของประชาชนเป็นอย่างดี ซึ่งจะนำไปสู่การวางกลยุทธ์ในการหาเสียงพื้นที่ต่างๆ ทั้งนี้ท่านมีความศรัทธาในพรรคพลังประชารัฐ จึงได้เข้ามาร่วมงานกับพรรคเพื่อผลักดันนโยบายร่วมกัน ที่จะช่วยพัฒนาบ้านเมืองและประเทศชาติ รวมถึงการดูแลพี่น้องประชาชน

พล.อ.ธรรมรักษ์ กล่าวว่า ตนมีความยินดีที่ได้มาร่วมงานกับพรรคพลังประชารัฐ ซึ่งก่อนหน้านี้ตนได้วางมือทางการเมืองไปแล้ว แต่ในเมื่อ พล.อ.ประวิตร ให้เกียรติมาเชิญไปร่วมทำงาน จึงตอบตกลง รวมถึงตนมีแนวคิดที่ตรงกับนโยบายก้าวข้ามความขัดแย้งของพรรคพลังประชารัฐ รวมถึงการสร้างความปรองดอง เพราะคนไทยเกิดความแตกแยก มีความเหลื่อมล้ำสูง ซึ่งตลอดชีวิตรับราชการตนได้ทำโครงการเกี่ยวกับการสร้างความสามัคคี เช่น คำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ 66/2523 เรื่องนโยบายการต่อสู้เพื่อเอาชนะคอมมิวนิสต์ ซึ่งเป็นนโยบายสร้างความประนีประนอม รวมถึงโครงการภาคใต้ร่มเย็น

“เมื่อพรรคพลังประชารัฐเต็มใจที่จะทำเรื่องนี้ ผมจึงตัดสินใจมาร่วมงานกับ พล.อ.ประวิตร ส่วนเรื่องสุขภาพตนมั่นใจว่ายังแข็งแรงดีอยู่ ไม่ แก่เกินไป” พล.อ.ธรรมรักษ์ กล่าว

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 23 มีนาคม 2566

“พล.อ.ประวิตร” ส่งเสริมสังคมพหุวัฒนธรรม สร้างสันติสุข ฟื้น ศก.ชายแดนใต้

“พล.อ.ประวิตร” ส่งเสริมสังคมพหุวัฒนธรรม สร้างสันติสุข ฟื้น ศก.ชายแดนใต้

เมื่อ 23 มี.ค.66 ,10.00 น. พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ได้เป็นประธานการประชุม คณะกรรมการขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหา จังหวัดชายแดนภาคใต้ (คปต.) ครั้งที่ 1/2566 โดยมี รมช.กห. เข้าร่วมประชุม ณ ห้องประชุมวิจิตรวาทการ สมช. ทำเนียบรัฐบาล ผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ โดย พล.ท.พัชร์ชศักดิ์ ปฏิรูปานนท์ ผช.โฆษก รอง นรม. ได้กล่าวว่า ที่ประชุมได้รับทราบ สถานการณ์ด้านการข่าวในพื้นที่ จชต.ซึ่งมีความคืบหน้าตามแนวทางสร้างสันติสุข โดย พล.อ.ประวิตร ได้กำชับ หน่วยงานด้านการข่าวให้ติดตามสถานการณ์ อย่างใกล้ชิด รวมทั้งเน้นย้ำให้หน่วยงานด้านความมั่นคง เตรียมความพร้อมรับสถานการณ์ตลอดเวลา ด้วยความรอบคอบ และไม่ประมาท และรับทราบความคืบหน้าของคณะอนุกรรมการขับเคลื่อนด้านต่างๆ ซึ่ง พล.อ.ประวิตร ได้มีนโยบายให้ คณะอนุฯทุกด้าน เร่งยกระดับการขับเคลื่อน โดยเฉพาะด้านการศึกษา เพื่อเสริมสร้างภูมิคุ้มกันทางความคิด และจัดทำแนวทางการพัฒนาโรงเรียนนำร่อง ที่เป็นต้นแบบความเป็นเลิศทางวิชาการ ส่งเสริมสังคมพหุวัฒนธรรม และใช้ประโยชน์จากสภาสันติสุขตำบลในการขยายผลสร้างความเข้าใจร่วมกัน พร้อมทั้งได้กำชับให้คณะกรรมการผู้แทนพิเศษของรัฐบาล ช่วยประสาน เร่งรัดการเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการนำเรือประมง ออกนอกระบบ ตามที่ ครม.ได้เห็นชอบไปแล้ว จำนวน 96 ลำ

จากนั้น ที่ประชุม คปต.ได้พิจารณาเห็นชอบ(ร่าง)แผนการเสริมสร้างประสิทธิภาพเจ้าหน้าที่และอาสาสมัครประจำพื้นที่ จชต.(ปี66-70) ของ กอ.รมน. เพื่อใช้เป็นแผนหลักในการเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน และเป็นกรอบแนวทางปฏิบัติ เพื่อให้หน่วยงานภาครัฐและภาคประชาสังคม มีความเข้มแข็ง สามารถปกป้องรักษาความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน ของประชาชนโดยรวม และมีความต่อเนื่อง จากแผนฉบับเดิม สอดรับกับทิศทาง/เป้าหมายการแก้ปัญหา จชต.ในระยะที่ 2

พล.อ.ประวิตร ยังได้กำชับ สมช. ,กอ.รมน. และ ศอ.บต.ให้ติดตาม และประเมินผลการปฏิบัติงาน อย่างต่อเนื่อง ภายใต้ข้อสั่งการและมติ คปต.ในวันนี้ และให้คณะกรรมการทุกด้าน สนับสนุนการขับเคลื่อนงานในการนำนโยบายไปสู่การปฏิบัติให้เป็นรูปธรรม เพื่อสร้างสันติสุข และสังคมพหุวัฒนธรรม ที่ยั่งยืน รองรับการฟื้นฟูเศรษฐกิจ ชายแดนภาคใต้ ด้วย

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 23 มีนาคม 2566

ชาวบ้านโฟนอิน ขอบคุณ “พล.อ.ประวิตร”หนุนสร้างอ่างเก็บน้ำแม่ตาช้าง สิ้นสุดการรอค่อยแหล่งน้ำเพื่ออุปโภคบริโภตลอด 30 ปี

,

ชาวบ้านโฟนอิน ขอบคุณ “พล.อ.ประวิตร”หนุนสร้างอ่างเก็บน้ำแม่ตาช้าง สิ้นสุดการรอค่อยแหล่งน้ำเพื่ออุปโภคบริโภตลอด 30 ปี

เมื่อ 22 มี.ค.66 ,13.30น. พล.ท.พัชร์ชศักดิ์ ปฏิรูปานนท์ ผู้ช่วยโฆษก รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีในฐานะ ประธานกำกับและติดตามการปฏิบัติราชการในภูมิภาค พื้นที่เขตตรวจราชการ 1,7,13และ 16 (17จังหวัด) ได้โฟนอิน กับ คณะทำงานกำกับการปฎิบัติราชการในภูมิภาคพื้นที่เขตตรวจราชการที่ 16 (เชียงราย น่าน พะเยา แพร่) โดยพล.ร.อ.พิเชฐ ตานะเศรษฐ เป็นหัวหน้าคณะฯ นายสมหวัง บุญระยอง รองผู้ว่าราชการ จ.เชียงราย ได้รายงานข้อมูลความเป็นมาของโครงการอ่างเก็บน้ำ”แม่ตาช้าง” ต.ป่าแดด อ.แม่สรวย จ.เชียงราย ที่ผ่านความเห็นชอบจาก ครม.เมื่อ 28 ก.พ.66 ในหารจัดสรรงบประมาณ 1,325 ล้านบาท เพื่อให้กรมชลประทาน รับผิดชอบดำเนินการก่อสร้างอ่างเก็บน้ำในปี67-69 เป็นประเภทเขื่อนดินถมชนิดแบ่งส่วน (Zone Type) สันเขื่อนกว้าง 10 เมตร ความยาว 657 เมตร ความสูง 42 เมตร มีความสามารถกักเก็บน้ำได้ 32 ล้าน ลบ.ม. เป็นแหล่งเก็บกักน้ำต้นทุน เพื่อบรรเทาปัญหาการขาดแคลนน้ำเพื่อการอุปโภค บริโภค ของราษฎรในฤดูแล้ง รวมทั้งจะช่วยบรรเทาภาวะอุทกภัยในฤดูฝน และเป็นแหล่งเพาะพันธ์ อนุรักษ์สัตว์น้ำ รวมทั้ง รักษาสภาพต้นน้ำลำธาร ฟื้นฟู สภาพป่าไม้ ให้ดียิ่งขึ้นต่อไป

จากนั้น ได้มีตัวแทนชาวบ้าน 2คน ในพื้นที่ ต.ป่าแดด อ.แม่สรวย จ.เชียงราย ได้โฟนอิน กล่าวขอบคุณ พล.อ.ประวิตร และรัฐบาล ที่เห็นความสำคัญและเป็นห่วงพี่น้องชาวบ้าน ที่ได้รับความเดือดร้อนจากการขาดแคลนน้ำ มาเป็นเวลาร่วม 30ปีแล้ว โดยได้พยายามผลักดันโครงการอ่างเก็บน้ำ แม่ตาช้าง จนกระทั่งสำเร็จและผ่านความเห็นชอบจาก ครม.แล้ว ทำให้ชาวบ้านในพื้นที่ รู้สึกดีใจ และประทับใจ ที่ลุงป้อม ไม่ทอดทิ้งและมีความจริงใจช่วยเหลือชาวบ้าน ตามที่เคยรับปากไว้ เมื่อครั้งลงพื้นที่ ที่ผ่านมา พร้อมยังได้อวยพรขอให้ท่านเป็นนายกฯคนที่ 30 ด้วย

พล.อ.ประวิตร ยังได้กล่าวขอบคุณ คณะทำงานฯ , จังหวัด , หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และประชาชนในพื้นที่ ที่ได้ให้ความร่วมมือในการขับเคลื่อนโครงการร่วมกัน ที่ผ่านมา พร้อมย้ำว่า รัฐบาลมีความห่วงใยในชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนทุกพื้นที่ และจะดูแลแก้ปัญหาความเดือดร้อน อย่างดีที่สุด และต่อเนื่องไปตลอด เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตพี่น้องประชาชนให้มีความอยู่ดีกินดี ทุกครัวเรือน และจะไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง อย่างเด็ดขาด

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 22 มีนาคม 2566

“พล.อ.ประวิตร” เดินหน้าใช้มาตรการการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล เน้นหลักนิติธรรมอย่างเคร่งครัดสร้างความเชื่อมั่นให้ประชาชน

,

“พล.อ.ประวิตร” เดินหน้าใช้มาตรการการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
เน้นหลักนิติธรรมอย่างเคร่งครัดสร้างความเชื่อมั่นให้ประชาชน

เมื่อ 22 มี.ค.66 ,10.00น.พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีเป็นประธานพิธีเปิดงานสัมมนา PDPA Going Forward ณ ห้องประชุมบอลรูม โรงแรมอัศวิน ถนนวิภาวดี หลักสี่ กทม. โดยนายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวง
ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม หรือดีอีเอส ได้กล่าวรายงาน และวัตถุประสงค์ ของการจัดงานสัมมนาซึ่งมีเป้าหมายให้ทุกภาคส่วน ตระหนักรู้ ถึงความสำคัญของการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลร่วมกัน ซึ่งจะเป็นจุดเริ่มต้นของการสร้างเครือข่ายความร่วมมือที่สำคัญ ในการขับเคลื่อนการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของประเทศ ให้มีความก้าวหน้าตามมาตรฐานสากล โดย พ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ.2562 ถือเป็นกฎหมายที่มีความสำคัญยิ่ง และมีผลบังคับใช้สมบูรณ์ทั้งฉบับ เมื่อ 1 มิ.ย.65 เพื่อให้คนไทยทุกคน รวมถึงนานาประเทศ เกิดความเชื่อมั่น และยอมรับในมาตรฐาน การคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของไทย ซึ่งจะนำไปสู่การพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ อย่างยั่งยืน ต่อไป

ทั้ง พล.ท.พัชร์ชศักดิ์ ปฏิรูปานนท์ ผู้ช่วยโฆษก รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า พล.อ.ประวิตร ได้เป็นสักขีพยาน พิธีลงนามความร่วมมือระหว่าง สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล กับสำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ และบริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) และได้เป็นประธานพิธีเปิดงาน พร้อมมอบประกาศเกียรติคุณให้หน่วยงานพันธมิตร ที่ร่วมขับเคลื่อนการดำเนินงานและมอบโล่รางวัล แก่ผู้ชนะเลิศออกแบบตราสัญลักษณ์

ทั้งนี้ พล.อ.ประวิตร ได้กล่าวขอบคุณ ก.ดีอีเอส ผู้บริหารสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล บริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด(มหาชน) คณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน และสมาคมเจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลไทย ที่ได้ร่วมกันจัดงานสัมมนาฯ ในครั้งนี้ โดยได้เน้นย้ำถึงมาตรการ และการสร้างความเชื่อมั่นในการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลให้เป็นไปตามกฎหมาย ซึ่งมีสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลเป็นหน่วยงานหลัก ที่จะต้องเป็นศูนย์กลางแห่งความร่วมมือ และต้องดำเนินการอย่างเคร่งครัด เด็ดขาด บนพื้นฐานหลักนิติธรรม เพื่อสร้างบรรยากาศให้ประชาชนทุกคนในสังคมไทย ร่วมแรงร่วมใจกันผลักดันประเทศไทยให้เป็นที่ยอมรับในระดับสากล นอกจากนั้น พล.อ.ประวิตร ยังได้เชิญชวน ผู้ที่รับฟังผ่าน Facebook Live เข้าร่วมการสัมมนาไปพร้อมๆกันด้วย อย่างเปิดกว้าง ทางความคิด และความร่วมมือทุกๆด้าน

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 22 มีนาคม 2566

“ชัยวุฒิ” ขึ้นเวทีปราศรัยเชียงใหม่ หนุนเทคโนโลยีเข้าถึงเกษตรกร มุ่งสร้างรายได้มั่นคง เร่งปราบปรามอาชญากรรมเทคโนโลยี สู่สังคมปลอดภัย

,

“ชัยวุฒิ” ขึ้นเวทีปราศรัยเชียงใหม่ หนุนเทคโนโลยีเข้าถึงเกษตรกร
มุ่งสร้างรายได้มั่นคง เร่งปราบปรามอาชญากรรมเทคโนโลยี สู่สังคมปลอดภัย

เมื่อวันที่ 19 มีนาคม 2565 พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) จัดเวทีปราศรัยใหญ่ภาคเหนือ จ.เชียงใหม่ นำโดย พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ คณะผู้บริหาร และว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.จังหวัดเชียงใหม่ ร่วมขึ้นเวทีปราศรัย โดยมี นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ กรรมการบริหารพรรค นายวิรัช รัตนเศรษฐ รองหัวหน้าพรรค ร้อยเอกธรรมนัส พรหมเผ่า ประธานภาคเหนือพรรคพลังประชารัฐ นายบุญสิงห์ วรินทร์รักษ์ กรรมการบริหารพรรค นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ กรรมการยุทธศาสตร์และนโยบายพรรค และนายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ กรรมการยุทธศาสตร์และนโยบายพรรค มีประชาชนพื้นที่จังหวัดภาคเหนือตอนบนเข้าร่วมจำนวนมากถึง 7,200 คน ที่มาจากจังหวัดเชียงใหม่ น่าน ลำพูน แพร่ แม่ฮ่องสอน และจังหวัดลำปาง เป็นต้น บรรยากาศเต็มไปด้วยความอบอุ่นประชาชนมารอต้อนรับและรอฟังนโยบายของ พล.อ.ประวิตร และคณะผู้บริหาร ที่จะนำเสนอทุกนโยบายที่จะทำประโยชน์ให้กับประชาชน มุ่งสู่การยกระดับคุณภาพชีวิตของชาวเชียงใหม่ให้ดีขึ้น โดยเฉพาะนโยบายบัตรประชารัฐ 700 บาทต่อเดือน และนโยบายเพิ่มเบี้ยผู้สูงอายุ ตั้งแต่อายุ 60 ปี เพิ่มเป็น จำนวน 3,000 บาทต่อเดือน อายุ 70 ปี ขึ้นไปเพิ่มเป็น จำนวน 4,000 บาทต่อเดือน และอายุ 80 ปี ขึ้นไปเพิ่มเป็น จำนวน 5,000 บาทต่อเดือน ตลอดจนนโยบายการแก้ปัญหาที่ทำกิน บริเวณอาคารยิมเนเซียม สนามกีฬาสมโภชน์ 700 ปี จังหวัดเชียงใหม่

ด้านนายชัยวุฒิ กล่าวกับพี่น้องประชาชนว่า พรรคฯ ได้ผลักดันให้พี่น้องประชาชนเข้าถึงเทคโนโลยีสมัยใหม่ เพื่อให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงของโลกดิจิทัล โดยสามารถให้เป็นเครื่องมือเพื่อสร้างอาชีพและรายได้ให้มากขึ้น เนื่องจากเศรษฐกิจปัจจุบันต้องอาศัยเทคโนโลยีร่วมกันขับเคลื่อน โดยเฉพาะการจำหน่ายสินค้าเกษตรผ่านระบบออนไลน์ ในพื้นที่บนดอยซึ่งมีพืชผลไม้ทางการเกษตรเป็นที่ต้องการของตลาด เช่น อะโวคาโด ที่นำออกมาขายได้มากขึ้น

“แม้ขณะนี้คนไทยมีโมบายแบงก์กิ้ง หรือระบบการจ่ายเงินพร้อมเพย์ที่ทันสมัยที่สุดในโลก ทำให้การขายของออนไลน์และเศรษฐกิจฟื้นฟูมาก แต่เรื่องมิจฉาชีพเราต้องระมัดระวังมากขึ้น เรื่องการโอนเงินผ่านโมบายแบงก์กิ้ง เพราะขณะนี้มีกลุ่มแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกลวง จึงขอเตือนพี่น้องประชาชนให้ระวัง ในฐานะที่กำกับดูแลกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เร่งปราบปราม ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาในการร่วมรัฐบาลได้มีการจับกุมจำนวนมาก ซึ่ง พล.อ.ประวิตร มีความห่วงใยและได้หารือมาโดยตลอด โดยวันนี้เรามีมาตรการใหม่ ออกพระราชกำหนดกฎหมายใหม่ พ.ร.ก.ปราบอาชญากรรมออนไลน์ โดยการปิดบัญชีทางการเงินของคนร้าย อายัดบัญชีทันที ซึ่งถ้าพี่น้องประชาชนโดนหลอกสามารถแจ้งเลขบัญชีที่ธนาคารได้เพื่อปิดบัญชี ไม่ให้คนร้ายดำเนินการทางธุรกรรมได้” นายชัยวุฒิ กล่าว

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 19 มีนาคม 2566

“ธรรมนัส” ชูนโยบาย พปชร.สร้างความเข้มแข็งคนฐานราก ขอบคุณพี่น้องชาวเหนือที่ยังรักกันเหมือนเดิม ย้ำดูแลสวัสดิการ-กินดีอยู่ดี

,

“ธรรมนัส” ชูนโยบาย พปชร.สร้างความเข้มแข็งคนฐานราก
ขอบคุณพี่น้องชาวเหนือที่ยังรักกันเหมือนเดิม ย้ำดูแลสวัสดิการ-กินดีอยู่ดี

เมื่อวันที่ 19 มีนาคม 2566 ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ส.ส.พะเยา พรรคพลังประชารัฐ ในฐานะประธานภาคเหนือพรรคพลังประชารัฐ กล่าวปราศรัยบนเวทีอาคารยิมเนเชี่ยมสนามกีฬาสมโภชเชียงใหม่ 700 ปี จังหวัดเชียงใหม่ ว่า ตนทราบว่ามีพี่น้องชาวเชียงใหม่มานั่งรอพรรคพลังประชารัฐอย่างคับคั่งเหมือนเช่นปี 62 เพื่อมารอฟังการปราศรัยของผู้บริหารพรรค ตนตั้งใจมาหาชาวเชียงใหม่ แต่วันนี้มีพายุโซนร้อนเข้าที่จังหวัดเชียงใหม่ ก็เข้าใจได้ที่อาจจะไม่ได้เจอกันครบทุกคน ล่าสุด ได้ไปปราศรัยกับพี่น้องชาวจังหวัดเชียงรายมา ประมาณ 10,000 คน ท่ามกลางอากาศที่ร้อนมาก แต่พี่น้องก็ยังมีใจมาให้การต้อนรับ และสนับสนุนพวกเรา

“การเลือกตั้งครั้งนี้ทุกพรรคการเมืองมีนโยบายที่ดี เพื่อให้เกิดประโยชน์กับพี่น้องประชาชน แต่พรรคพลังประชารัฐพูดเสมอว่า เราเป็นพรรคของประชาชน ชื่อพรรคก็บอกชัดเจนอยู่แล้วว่า เป็นการรวมกันของพลังของคน 2 กลุ่ม นั่นก็คือ การร่วมพลังของประชาชนทั้งแผ่นดินทั้ง 77 จังหวัด ภายใต้การดูแลของรัฐ ก็คือรัฐบาล ประเทศไทยของเรามีโครงสร้างเป็นฐานพิระมิด เริ่มจากฐานรากหญ้า คือ พี่น้องประชาชน นโยบายที่พรรคนำเสนอออกมา คือ ต้องการทำให้คนฐานรากมีความเข้มแข็ง เช่น บัตรประชารัฐ ที่จะมีการเพิ่มเงินจากมูลค่า 300 เป็น 700 บาท ทันทีเมื่อพรรคพลังประชารัฐเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลบริหารประเทศ” ร.อ.ธรรมนัส

นอกจากนี้ ยังมีนโยบายดูแลผู้สูงอายุ 345 678 ที่ทุกวันนี้ผู้สู่งอายุได้รับอยู่ที่ 600 ถึง 1000 บาท แต่หลังการเลือกตั้งครั้งนี้ พรรคพลังประชารัฐ พร้อมดูแลผู้สูงอายุ 60 ปี เอาไปเลย 3,000 บาท 70 ปี 4,000 บาท และ 80 ปีขึ้นไป 5,000 บาท การสร้างความเข้มแข็งให้กับคนฐานรากต่อสิ่งสำคัญที่สุดที่พรรคพลังประชารัฐตั้งใจทำ เพราะเราต้องการสร้างความเข้มแข็งให้กับกลุ่มเปราะบาง และพรรคจะดูแลราคาพืชผลทางการเกษตร ที่สำคัญของชาวภาคเหนือ ทั้งราคาลำไย ที่ได้มีการต่อสู้อย่างต่อเนื่อง เพื่อช่วยเหลือพี่น้องเกษตรกร โดย พล.อ.ประวิตร ให้การสนับสนุนเพราะท่านมีความห่วงใยพี่น้องประชาชนทุกกลุ่ม เพื่อต้องการให้กินดีอยู่ดีอย่างยั่งยืน

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 19 มีนาคม 2566

สกลธี”มั่นใจ พปชร.” ทำจริง ทำเร็ว ทำทันที ” ลั่น กองทุนประชารัฐพัฒนาประเทศ พร้อมพัฒนากรุงเทพฯ ให้ดีขึ้นกว่าเดิม

,

สกลธี”มั่นใจ พปชร.” ทำจริง ทำเร็ว ทำทันที ” ลั่น กองทุนประชารัฐพัฒนาประเทศ พร้อมพัฒนากรุงเทพฯ ให้ดีขึ้นกว่าเดิม

เมื่อเวลา 18.51 น. นายสกลธี ภัททิยกุล หัวหน้าทีมกทม.พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวปราศรัยบนเวที”พลังใหม่ พลังกรุงเทพ พลังประชารัฐ”ว่า พรรคพลังประชารัฐไม่ใช่แค่ ทำงาน ทำงาน ทำงาน แต่เรา “ทำจริง ทำเร็ว ทำทันที”และพร้อมสานงานที่ทำเอาไว้ และก่องานใหม่ ไม่ต้องเรียนรู้งาน

“พรรคพลังประชารัฐมี กองทุนประชารัฐพัฒนาประเทศ 3 แสนล้านบาท ที่จะพัฒนากรุงเทพฯ ขอเพียงแค่ประชาชนให้โอกาสผู้สมัครของพรรคเราได้เข้าไปลงมือทำ โดยเรามั่นใจว่าจะทำกรุงเทพฯให้ดีกว่านี้ได้แน่นอน เพราะเรามีพลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคของเรา เป็นผู้จัดการตัวจริงที่อยู่เบื้องหลังการทำงาน จนทำให้รัฐบาลอยู่มาได้ถึง4 ปี ผลงานที่ทุกคนรู้กันดีก็คือ แก้หนี้นอกระบบ และแก้ปัญหาน้ำ”

นายสกลธี กล่าวต่อว่า กทม.มีดีหลายอย่าง ทั้งพื้นที่เกษตร ของดีชุมชนต่าง ๆ และการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม และที่ดีกว่านั้นคือ พลังใหม่ทั้ง 33 คน ที่มาเสนอตัวให้พี่น้องประชาชนได้เรียกใช้ เราขอเพียงแค่โอกาสเป็นเบอร์หนึ่งในใจของคนกรุงเทพฯ และเราจะผลักดันสิ่งเหล่านี้เป็นนโยบายทำเพื่อประชาชนอย่างแน่นอน

ทั้งนี้นายสกลธี แนะนำผู้สมัครทั้ง 33 เขต ประกอบด้วย เขต 1 พระนคร ป้อมปราบศัตรูพ่าย สัมพันธวงศ์ ดุสิต บางรัก นายสฤษดิ์ ไพรทอง, เขต 2 สาทร ราชเทวี ปทุมวัน นายพณิชย์ วิทยาภัทร์, เขต 3 บางคอแหลม ยานนาวา น.ส.ชญาภา ธารดำรงค์ , เขต 4 คลองเตย วัฒนา นายภูวกร ปรางภรพิทักษ์

เขต 5 ห้วยขวาง วังทองหลาง นายกานต์ กิตติอำพน ,เขต 6 ดินแดง พญาไท ร.อ.รชฏ พิสิษฐบรรณกร , เขต 7 บางซื่อ ดุสิต ร.ต.อ.วัฒนรักษ์ อำนรรฆสรเดช, เขต 8 จตุจักร หลักสี่ นายรังสรรค์ กียปัจจ์ , เขต 9 บางเขน จตุจักร หลักสี่ นายปราโมทย์ เพ็ชรฤทธิ์ , เขต 10 ดอนเมือง ภญ.สุชาดา เวสารัชตระกูล

เขต 11 สายไหม น.อ. บัญชาพล อรัณยะนาค, เขต 12 บางเขน สายไหม ลาดพร้าว ภญ.นพวรรณ หัวใจมั่น , เขต 13 ลาดพร้าว วังทองหลาง นายภักดีหาญส์ หิมะทองคำ , เขต 14 บางกะปิ วังทองหลาง น.ส. นฤมล รัตนาภูบาล , เขต 15 คันนายาว บึงกุ่ม น.ส.ณิรินทร์ เงินยวง ,เขต 16 คลองสามวา นายกิติภูมิ นีละไพจิตร, เขต 17 หนองจอก คลองสามวา นายศิริพงษ์ รัสมี
เขต 18 หนองจอก มีนบุรี ลาดกระบัง นายพีระพงษ์ รัสมี , เขต 19 มีนบุรี สะพานสูง นางนาถยา แดงบุหงา ,เขต 20 ลาดกระบัง นายบุญรุ่ง เต๋งจงดี, เขต 21 ประเวศ สะพานสูง น.ส.แพรว กิจสุวรรณ, เขต 22 สวนหลวง ประเวศ นายรัฐภูมิ โตคงทรัพย์ ,เขต 23 พระโขนง บางนา นายตรีสิทธิ์ ศิริวรรณ

เขต 24 คลองสาน ธนบุรี ราษฎรบูรณะ นายศันสนะ สุริยะโยธิน , เขต 25 ทุ่งครุ ราษฎร์บูรณะ นายระพีพัฒน์ สุเมธโชติเมธา , เขต 26 จอมทอง บางขุนเทียน นายสุวัฒน์ ม่วงศิริ , เขต 27 บางบอน บางขุนเทียน นายสาโรจน์ ซึ้งไพศาลกุล ,เขต 28 หนองแขม บางบอน จอมทอง นายมานพ มารุ่งเรือง , เขต 29 บางแค หนองแขม นายเอกชัย ผ่องจิตร์ , เขต 30 บางแค ภาษีเจริญ นายสิทธิโชค คล้อยแสงอาทิตย์, เขต 31 ทวีวัฒนา ตลิ่งชัน น.ต.นิธิ บุญยรัตกลิน ,เขต 32 บางกอกน้อย บางกอกใหญ่ ภาษีเจริญ ตลิ่งชัน ธนบุรี น.ส.บุณณดา สุปิยพันธุ์ และเขต 33 เขตบางพลัด บางกอกน้อย นายคมสัน พันธุ์วิชาติกุล

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 18 มีนาคม 2566