โลกเปลี่ยน ไทยต้องปรับ ทางเลือกใหม่ของการเมืองไทย ก้าวข้ามความขัดแย้ง สานพลังประชาราษฎร์ ร่วมสร้างชาติให้ยั่งยืน

หมวดหมู่: กิจกรรม ส.ส. และสมาชิก

“ดร.นฤมล” ลุยพื้นที่ทุ่งสงประมวลปัญหาประชาชน พปชร.ลั่นจ่อเปิดนโยบายแก้ปัญหาแบบยั่งยืน

,

“ดร.นฤมล” ลุยพื้นที่ทุ่งสงประมวลปัญหาประชาชน พปชร.ลั่นจ่อเปิดนโยบายแก้ปัญหาแบบยั่งยืน

วันที่ 5 กพ. 2566 น.ศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ เหรัญญิกพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) และอดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงแรงงาน ได้เดินทางลงพื้นที่ศาลาประชาคม ที่เทศบาลเมืองทุ่งสง จ.นครศรีธรรมราช เพื่อพบปะประชาชน และผู้นำชุมชน โดยมีนายสุธรรม จริตงาม ว่าที่ผู้สมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดนครศรีธรรมราช เขต 4 พรรคพลังประชารัฐ และนางฮูวัยดีย๊ะ พิศสุวรรณ อุเซ็ง สมาชิกพรรคพลังประชารัฐ ให้การต้อนรับ เพื่อรับฟังปัญหา และข้อเสนอแนะ ในด้านต่างๆ ที่เป็นความเดือดร้อนของประชาชนในพื้นที่ นำมาสู่การวางแผน และกำหนดนโยบายให้กับประชาชนในพื้นที่ต่อไป

ศ.ดร.นฤมล ได้ร่วมประชุมแกนนำของพรรคพลังประชารัฐ เขต4 จังหวัดนครศรีธรรมราช และได้กล่าวว่า ขอให้ทั้ง 800 คนที่อยู่ที่นี้ ช่วยกันเลือกพี่สุธรรม พร้อมทั้งขอให้ชวนเชิญญาติ พี่น้อง มาช่วยกันเลือก นายสุธรรมด้วย วันนี้พรรคพลังประชารัฐได้เปิดนโยบายแรกที่จะทำให้ประชาชน การเพิ่มเงินในบัตรประชารัฐเป็นจำนวน 700 บาทต่อเดือน พี่น้องประชาชนจะได้สวัสดิการจากภาครัฐต้องนี้ ไปซื้อเครื่องอุปโภคและบริโภคต่าง ๆ ได้

ศ.ดร.นฤมล ยังเปิดเผยต่อว่า ภายในเดือนนี้ พรรคพลังประชารัฐก็จะมีนโยบายอื่นของพรรคแถลงตามมาอีก เช่น นโยบายในเรื่องของน้ำ พรรคได้รับเอาข้อเสนอจากว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ทุกเขต ทั่วประเทศ เข้าไปบรรจุในแผนจัดทำนโยบาย เพื่อที่จะสามารถแก้ไขปัญหาให้ตรงกับความต้องการของประชาชน

“นโยบายพรรคพลังประชารัฐ ยังมีอีกหลายเรื่อง เช่น เรื่องของที่ดิน ที่พรรคจะเข้ามาแก้ปัญหาในที่ดินทำกินในพื้นที่ทั่วประเทศ ไม่ว่าจะเป็นที่ สปก.ที่ทับซ้อน หรือที่ ๆ ครอบครองอย่างไม่ถูกต้อง ที่ควรจะได้รับการจัดการ และแก้กฎหมายให้ได้รับเอกสารสิทธิได้ถูกต้อง เรื่องนี้พรรคพลังประชารัฐจะแก้ไขให้พี่น้อง ในส่วนของผู้สูงอายุ ไม่ว่าจะเป็นสวัสดิการต่าง ๆ หรือ เบี้ยผู้สูงอายุ พรรคก็จะมีนโยบายออกมาเพื่อดูแล รวมถึงพี่น้องเกษตรกร เราก็ไม่ทอดทิ้งในเรื่องราคาพืชผลทางการเกษตร ขอให้ติดตามนโยบายของพรรคพลังประชารัฐต่อไป”ศ.ดร.นฤมล กล่าว

ด้านนางฮูวัยดีย๊ะ กล่าวว่า ขอขอบคุณพี่น้องชาวทุ่งสงที่ให้การต้อนรับพรรคพลังประชารัฐอย่างล้นหลาม ถือว่าเป็นโอกาสที่ดีที่ตนได้เข้ามาร่วมงานกับพรรคพลังประชารัฐ โดย ศ.ดร.นฤมล ถือว่าเป็นคนหนึ่งที่ทำให้ตัดสินใจเข้ามาร่วมงานกับพรรค เพราะตนเห็นถึง ความสู้ของผู้หญิงตัวเล็กคนนี้ ที่สามารถสู้กับผู้ชายได้อย่างเท่าเทียม และการทำงานของ ศ.ดร.นฤมล ในทุกขั้นตอนก็รับฟังทุกข้อเสนอของพวกเรา

“การเลือกตั้งที่กำลังจะเกิดขึ้น จะมีการแข่งขันกันอย่างเข้มข้น วันนี้ถือเป็นโอกาสที่ชาวทุ่งสงจะได้ตัดสินใจเลือกการเปลี่ยนแปลงด้วยตัวท่านเอง พื้นที่ อ.ทุ่งสง จะพัฒนาได้หรือไม่ ก็ขึ้นอยู่กับ มือของชาวทุ่งสงเอง ว่าจะเลือกผู้แทนที่เราสามารถพึ่งพาได้ เข้าไปช่วยแก้ปัญหาเข้าไปเป็นปากเป็นเสียง เข้าไปผลักดันและสนับสนุนให้รัฐบาลมาดูแลชาวทุ่งสงหรือไม่ นายสุธรรม ผู้สมัครของพรรคพลังประชารัฐ เป็นคนรุ่นใหม่ที่มีพร้อมทั้งความรูั ความสามารถ รูปลักษณ์ที่ดี ได้เข้ามาเสนอตัวทำงานแทนพี่น้องแล้ว สุดท้ายก็ต้องขอโอกาสจากพี่น้องด้วย”นางฮูวัยดีย๊ะ กล่าว

ด้านนายสุธรรม กล่าวว่า ตนขอขอบคุณ ศ.ดร.นฤมล ที่มาเป็นตัวแทนผู้ใหญ่ของพรรคพลังประชารัฐ มาให้กำลังใจกับว่าที่ผู้สมัคร วันนี้ ตนขอรับใช้พี่น้องประชาชนชาวอำเภอทุ่งสง เพื่อทำประโยชน์สูงสุดต่อชาวทุ่งสงอย่างเต็มความสามารถ โดยตนทำงานให้กับพี่น้องชาวทุ่งสงมานาน รู้ถึงปัญหาความทุกข์ร้อนของคนในพื้นที่เป็นอย่างดี และตนก็ได้นำเสนอปัญหาเหล่านี้ให้กับทางพรรคพลังประชารัฐได้ทราบ เพื่อเป็นแนวทางประกอบการร่างนโยบายพรรคฯ ที่จะนำไปสู่การพัฒนาจังหวัดนครศรีธรรมราชบ้านเรา ถ้าตนได้รับโอกาสเข้าไปเป็นตัวแทนของทุกคน ตนจะนำปัญหาและความต้องการของชาวทุ่งสงเข้าไปเสนอและผลักดันให้เกิดการแก้ไขให้ได้ ตนไม่มีทางทอดทิ้งชาวทุ่งสงอย่างแน่นอน

ทั้งนี้ บรรยากาศในพื้นที่ มีประชาชนมารอต้อนรับ ศ.ดร.นฤมล พร้อมมอบดอกไม้ให้กำลังใจจำนวนมาก โดยส่วนใหญ่ได้ให้ความสนใจและสอบถามถึงนโยบายการเพิ่มเงินในบัตรประชารัฐ เนื่องจากเห็นว่า จะสามารถช่วยแก้ปัญหาในสภาวะที่สินค้ามีราคาสูงขึ้นได้

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 5 กุมภาพันธ์ 2566

“พล.อ.ประวิตร” เดินออกกำลังกายสวนลุม ชาวบ้านแห่ขอเซลฟีเชียร์นั่งนายกคนที่ 30

,

“พล.อ.ประวิตร” เดินออกกำลังกายสวนลุม ชาวบ้านแห่ขอเซลฟีเชียร์นั่งนายกคนที่ 30

วันอาทิตย์ 5 ก.พ.66 เวลาประมาณ 07.00 น. พล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เดินตลาดสวนลุมแวะทักทายพ่อค้า แม่ค้าและประชาชน จากนั้น ได้เดินออกกำลังกายภายในบริเวณสวนลุม ระหว่างทางได้ทักทายประชาชนด้วยสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใสอารมณ์ดี โดยใช้เวลาเดินออกกำลังกายในสวนลุม ประมาณครึ่งชั่วโมง โดยเดินทางมาเป็นส่วนตัว ในระหว่างการออกกำลังกายนั้น รองนายกฯ ลุงป้อม ได้ถ่ายรูปร่วมกับประชาชน แวะถ่ายรูปร่วม ชมรมไทเก๊กในสวนลุมฯ ชมรมเซี๊ยงเล้งไทยเก๊ก โดยได้ร่วมถ่ายภาพ และดื่มกาแฟ และพูดคุย กับสมาชิกชมรม ลุงป้อมได้ร่วมถ่ายรูปด้วยความเป็นกันเอง และยิ้มแย้มแจ่มใส

ทั้งนี้ ก่อนเข้าเดินออกกำลังกาย ได้แวะซื้องาดำร้านดัง ร้านตี๋งาดำสวนลุม เปิดมาเกือบ 50 ปี ตั้งแต่ 2520 อยู่หน้าสวนลุมฯ และยังแวะร้านข้าวแกง ซื้อกับข้าว อาทิ พะแนงหมู ไข่พะโล้ แกงหน่อไม้ โดยระหว่างทางมีพ่อค้า แม่ค้าประชาชน มาขอถ่ายรูป ขอให้ลุงป้อมสู้ๆ สุขภาพแข็งแรง และขอให้เป็นนายกฯ คนที่ 30 เพื่อช่วยประชาชนให้กินดีอยู่ดี ตลอดทางเดิน ลุงป้อมยิ้มแย้ม อารมณ์ดี และทักทายประชาชนที่มาจับจ่ายซื้อของและออกกำลังกายในสวนลุมฯ ด้วยความเป็นกันเอง และยิ้มทักทายตลอดทาง

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 5 กุมภาพันธ์ 2566

“รมว.ชัยวุฒิ” ปราศรัยหาเสียงประจวบฯเขต 1 ประกาศพรรคพลังประชารัฐจะเป็นรัฐบาลอีกแน่นอน พร้อมฝาก “คิงก่อนบ่าย”ผู้สมัครพรรค พปชร.เข้ามาแก้ปัญหาพื้นที่

,

“รมว.ชัยวุฒิ” ปราศรัยหาเสียงประจวบฯเขต 1 ประกาศพรรคพลังประชารัฐจะเป็นรัฐบาลอีกแน่นอน พร้อมฝาก “คิงก่อนบ่าย”ผู้สมัครพรรค พปชร.เข้ามาแก้ปัญหาพื้นที่

นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ นำนายณภัทร ชุ่มจิตตรี ผู้สมัคร ส.ส.เขต1 จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ขึ้นเวทีปราศรัยที่ลานกิจกรรม เมืองประจวบคีรีขันธ์ ภายใต้หัวข้อก้าวข้ามความขัดแย้งถ้าจะทุกปัญหาพัฒนาทุกพื้นที่ โดยมีนายรัฐภูมิ โตคงทรัพย์ หรือฟิล์ม ทีมโฆษกพรรคพลังประชารัฐ สลับขึ้นเวทีปราศัย

นายชัยวุฒิ กล่าวปราศรัยตอนหนึ่งว่าพลังประชารัฐจะเป็นรัฐบาลอีกแน่นอนเพราะว่าเป็นพรรคใหญ่ ขณะเดียวกันชูนโยบายก้าวข้ามความขัดแย้ง นำคนเก่งเข้ามาทำงานเพื่อพัฒนาทุกพื้นที่ทุกจังหวัด ดังนั้นวันนี้จะสำเร็จหรือไม่อยู่ที่ประชาชนทุกคน ขอให้เลือกคนที่พร้อมและพรรคที่พร้อมจะทำงานเพื่อคนไทยทุกคน

ด้านคิงก่อนบ่าย ขึ้นเวทีพร้อมก้มกราบเวที เพื่อแสดงถึงสำนึกแผ่นดินเกิด ก่อนที่จะขอคนประจวบฯเขต 1 ให้โอกาสตนเอง เข้ามาเป็นผู้แทนราษฎร ทำหน้าที่เปลี่ยนแปลงพื้นที่ ผลักดันการท่องเที่ยว สร้างรายได้ให้ชุมชน สร้างรายได้เกษตรกร พร้อมแก้ปัญหาราคาสัปปะรด และชูกีฬาฟุตบอลให้พัฒนา /ส่งเสริมวัวลาน เป็นกีฬาพื้นบ้าน ที่ถูกกฎหมาย เพราะจะเป็นการสนับสนุนเด็กเลี้ยงวัวให้มีรายได้ เช่นเดียวกับ ส่งเสริมการเลี้ยงไก่ชน โดย ปัญหาที่กล่าวมาได้รับทราบจากการลงพื้นที่ ดังนั้น จึงนำมาเสนอ เพื่อผลักดันเป็นนโยบาย ช่วยเหลือคนประจวบฯ พร้อมยืนยันมีความตั้งใจจริง เพื่อคนประจวบฯ ดังนั้น ขอให้ทุกคนเชื่อมั่นในตนเอง และ ช่วยผลักดันคิงก่อนบ่าย เป็นผู้แทน และจะทำให้ จ.ประจวบ
ฯดีกว่านี้

“วันนี้กล้าแลก กับอาชีพบันเทิง เพื่อตอบแทนทุกคนที่ทำให้คิงก่อนบ่าย มีวันนี้ โดยจะกล้าคิด กล้าทำ กล้าเปลี่ยน ขอเด็กรุ่นใหม่มาพัฒนาบ้านเกิด “ คิงก่อนบ่ายกล่าว

ทั้งนี้ ถือเป็นเวทีแรกในการเปิดตัวผู้สมัคร ส.ส. เขต1 จังหวัดประจวบคีรีขันธ์พรรคพลังประชารัฐ โดยได้มีการขึ้นรถแห่รอบเมือง และนำขบวนซาเล้ง ติดข้อความ เพิ่มเงิน เพิ่มสวัสดิการ 700 บาท ในบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ซึ่งเป็นนโยบายหลักของพรรคพลังประชารัฐ ที่ได้เปิดตัวไปก่อนหน้านี้ ขณะเดียวกันได้เดินหาเสียง กับพ่อค้าแม่ค้า และประชาชน บนถนนคนเดินสะพานสราญวิถี

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 5 กุมภาพันธ์ 2566

“รมว.ชัยวุฒิ” ลงพื้นที่ประจวบฯเปิดตัว “คิงก่อนบ่าย” ชูนโยบายพปชร.เพิ่มสวัสดิการเป็น 700 บ ลดภาระปชช.

,

“รมว.ชัยวุฒิ” ลงพื้นที่ประจวบฯเปิดตัว “คิงก่อนบ่าย” ชูนโยบายพปชร.เพิ่มสวัสดิการเป็น 700 บ ลดภาระปชช.

นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัล เพื่อเศรษฐกิจและสังคมในฐานะรองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ พร้อมด้วยนายนภัทร ชุมจิตตรี หรือ คิงก่อนบ่ายผู้สมัคร ส.ส. เขต 1 จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ลงพื้นที่หาเสียง เขต 1 ตัวเมืองจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ โดยมีนายรัฐภูมิ โตคงทรัพย์หรือฟิล์ม ทีมโฆษกพรรคพลังประชารัฐ ร่วมแห่รถซาเล้งรอบ เมืองก่อนขึ้นเวทีปราศรัยในช่วงเย็นวันนี้ที่ ลานกิจกรรม เทศบาลเมืองประจวบคีรีขันธ์

นายชัยวุฒิกล่าวว่าหลังจากหลังจากเปิดตัวนายณภัทร ไปแล้ววันนี้จึงลงพื้นที่หาเสียงอย่างเป็นทางการ เพื่อประชาสัมพันธ์ให้ทุกคนได้รู้จักผู้สมัครของพรรคพลังประชารัฐ ซึ่งนายณภัทร เป็นที่รู้จักของคนในพื้นที่อยู่แล้ว เป็นนักแสดงเป็นคนติดดิน ช่วยเหลือประชาชน มาโดยตลอดจนเป็นที่รักของคนในพื้นที่เชื่อว่าจะ จะทำงานทางการเมืองในพรรคพลังประชารัฐประสบผลสำเร็จ

สำหรับแผนการหาเสียงของพรรคพลังประชารัฐยืนยันว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ได้แบ่งพื้นที่การหาเสียงออกเป็นแต่ละภาคอยู่แล้ว แม้ในขณะที่พล.อ.ประวิตรลงพื้นที่ตรวจราชการ ก็ถือโอกาสพบปะกับประชาชนและสมาชิกพรรค สัปดาห์ละ2-3 วันอยู่แล้ว ซึ่งแผนงานทางการเมืองพลเอกประวิตร มีการประชุมคณะทำงาน ผู้สมัคร ส.ส วางแผนการหาเสียงอย่างต่อเนื่องโดยไม่ได้อยู่และทำงานทุกวัน ทำให้ที่ผ่านมาพรรคพลังประชารัฐมีแนวทางชัดเจนในการหาเสียง และจะทยอยเปิดนโยบายที่สำคัญออกมาเรื่อย ๆ โดยจะทำงาน ให้ประชาชนและรัฐเป็นพลังขับเคลื่อนประเทศต่อไป พร้อมย้ำว่าแนวทางการหาเสียง แบ่งให้หัวหน้าดูแต่ละภาค จัดกิจกรรมทางการเมืองเตรียมนโยบายในพื้นที่ ทุกอย่างเตรียมพร้อมไว้หมดแล้ว ทั้งเรื่องการแก้ไขปัญหาสังคมเศรษฐกิจคนในเมือง ซึ่งเป็นปัญหาสะสมมานาน พักพยายามรับฟังปัญหา เพื่อนำไปสู่การแก้ไข

ส่วนที่หลายพรรคการเมืองมีการเปิดชื่อ ส.ส.บัญชีรายชื่อ ลำดับที่1 แล้ว พรรคพลังประชารัฐจะเสนอพล.อ.ประวิตร อยู่ในบัญชีรายชื่อลำดับที่ 1 หรือไม่นั้นนายชัยวุฒิชี้แจงว่า สส บัญชีรายชื่อลำดับที่1 กับแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ไม่จำเป็นต้องเป็นคนเดียวกัน เพราะรัฐธรรมนูญไม่ได้กำหนดไว้ สามารถที่จะเสนอชื่อคนนอกได้ ขณะที่พลเอกประวิตรจะ เป็นสน.บัญชีรายชื่อลำดับที่ 1 หรือไม่ขอให้ไปถามพลเอกประวิตรเอง เนื่องจากขณะนี้ทางพระยังไม่ได้มีการพูดคุยกันถึง การจัดลำดับ สส .บัญชีรายชื่อ เพราะยังมีเวลาอีกทั้งยังมีบุคคลที่จะเข้ามาพรรคพลังประชารัฐอีก ดังนั้นจึงต้องประเมิน และไม่ทราบว่าจะได้ สส.บัญชีรายชื่อกี่คนต้องรอหลังยุบสภา

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 4 กุมภาพันธ์ 2566

‘ตรีนุช’ ลงพื้นที่ตรวจสถานการณ์ PM 2.5 ให้อำนาจ ผอ.ตัดสินหากพบค่าฝุ่นพุ่ง สั่งหยุดเรียนออนไซต์ได้ทันที

, ,

‘ตรีนุช’ ลงพื้นที่ตรวจสถานการณ์ PM 2.5 ให้อำนาจ ผอ.ตัดสินหากพบค่าฝุ่นพุ่ง สั่งหยุดเรียนออนไซต์ได้ทันที

เมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์ ที่โรงเรียนวัดอมรินทราราม กรุงเทพมหานคร น.ส.ตรีนุช เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เปิดเผยภายหลังลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมสถานการณ์ฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 ว่า เนื่องจากหลายจังหวัด โดยเฉพาะภาคเหนือ และภาคกลาง มีค่าฝุ่น PM 2.5 สูงเกินมาตรฐานหลายแห่ง ศธ.มีความเป็นห่วงนักเรียนอย่างมาก และที่ผ่านมาได้เน้นย้ำให้สถานศึกษาเป็นสถานที่ปลอดภัยต่อนักเรียนในทุกมิติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งมิติด้านสุขภาพ โดย PM 2.5 ส่งผลกระทบกับร่างกายของเด็ก และครูอย่างมาก เพราะส่งผลกระทบต่อระบบทางเดินหายใจโดยตรง จากการลงพื้นที่ตรวจเยี่ยม พบว่าโรงเรียนอยู่ในเขตพื้นที่สีส้ม หรือ เป็นค่าฝุ่นที่เริ่มส่งผลกระทบต่อสุขภาพแล้ว ซึ่งทางโรงเรียนก็สามารถเตรียมการรับมือได้ดี เช่น ให้นักเรียนสวมหน้ากากอนามัยอยู่ตลอด กรณีที่พบเด็กมีอาการระคายเคือง ก็จะล้างจมูกให้เด็กทันที ประกอบโรงเรียนได้รับการสนับสนุนจากโรงพยาบาลศิริราชที่ให้เครื่องฟอกอากาศมาติดในห้องเรียน ทำให้มั่นใจได้ว่าเมื่อเด็กอยู่ในห้องเรียนจะไม่ได้รับผลกระทบจาก PM 2.5

น.ส.ตรีนุชกล่าวต่อว่า ศธ.ได้ประกาศมาตรการป้องกัน แก้ไขปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก ซึ่งกำหนดมาตรการมาตรการเร่งด่วน และมาตรการระยะยาว เพื่อให้หน่วยงานและสถานศึกษาใช้เป็นแนวทางการปฏิบัติเดียวกัน และตนที่จะกำชับให้แต่ละสถานศึกษาดูว่าในพื้นที่ของตนนั้น ค่าฝุ่นเป็นเช่นไร และขอให้แต่ละพื้นที่ดูแล เฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด เพื่อให้โรงเรียนสามารถจัดการเรียนการสอนต่อได้ หากโรงเรียนอยู่ในพื้นที่สีแดง และสีส้ม ก็ขอให้งดกิจกรรมกลางแจ้ง เพื่อให้ไม่ส่งผลกระทบกับสุขภาพของนักเรียน

“แต่ละพื้นที่จะมีบริบทไม่เหมือนกัน มีความรุนแรงของ PM 2.5 ไม่เหมือนกัน ขอให้สถานศึกษาติดตามข่าวสาร และคอยอัพเดตข้อมูลจากกรมควบคุมมลพิษ อยู่เสมอ ทั้งนี้ ศธ.ได้ให้อำนาจกับผู้อำนวยการโรงเรียน พิจารณาว่าควรจะปรับรูปแบบการเรียนการสอนหรือไม่ เช่น หากพบค่าฝุ่นอยู่ในระดับสีแดง หรือ สีส้ม ก็อาจจะสั่งหยุดเรียนออนไซต์ และให้นักเรียนไปเรียนออนไลน์ เป็นต้น แต่การพิจารณาหยุดเรียน หรือปรับการเรียนการสอนนั้น ขอให้ประสานและทำงานร่วมกับฝ่ายปกครองด้วย โดยให้ดูว่าผู้ว่าราชการจังหวัดมีคำสั่ง และมีมาตรการรับมืออย่างไร และขณะนี้ ยังไม่ได้รับรายงานว่ามีโรงเรียนไหนหยุดเรียนไปแล้วบ้าง” น.ส.ตรีนุช กล่าว.

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 3 กุมภาพันธ์ 2566

“ชวน ชูจันทร์” ส.ส.พปชร. ยืนยันพรรคชูก้าวข้ามความขัดแย้งหาเสียงศึกเลือกตั้งใหญ่ ไม่ใช่แค่วาทกรรม

, ,

“ชวน ชูจันทร์” ส.ส.พปชร. ยืนยันพรรคชูก้าวข้ามความขัดแย้งหาเสียงศึกเลือกตั้งใหญ่ ไม่ใช่แค่วาทกรรม

นายชวน ชูจันทร์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวถึงสโลแกนก้าวข้ามความขัดแย้งของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี หัวหน้าพรรค พปชร. ว่า ไม่ใช่วาทกรรมที่ยกขึ้นมาเพื่อหาเสียง แต่อยากให้มองลงลึกไปว่าก่อนที่จะมีการปฏิวัติปี 2557 ประเทศไทยมีการขัดแย้งทางการเมืองอย่างหนักถึงขั้นจะแบ่งประเทศ โดยเฉพาะการเลือกตั้งในปี 2562 หลายคนคิดตรงกันว่า ถ้ายังมีการขัดแย้งทางความคิดทางการเมืองแบบเดิมอยู่อีก ประเทศไทยคงพัฒนาไม่ได้ ตนเองและเพื่อนอีกหลายคน จึงได้จัดตั้งพรรค พปชร.ขึ้นมา ชื่อมีความหมายคือทั้งประชาชนและภาครัฐ ต้องร่วมกันให้เป็นพลังเพื่อพัฒนาประเทศ

นายชวน กล่าวว่า ในเวลา 4 ปีที่บริหารในนามพรรคการเมือง ยังไม่ได้เกิดแนวทางที่จะร่วมกันพัฒนาประเทศอย่างที่คิดไว้ ทั้งในส่วนของสถาบันการเมือง หรือในภาคประชาชน และหลายคนก็เห็นปัญหาเหมือนกัน จึงต้องหยิบยกประเด็นเรื่องการก้าวพ้นความขัดแย้งขึ้นมาให้ช่วยกันตัดสินใจหรือพิจารณาอีกครั้ง และพยายามจะทำให้เกิดเป็นรูปธรรมขึ้น โดยเริ่มต้นจากการเป็นสถาบันการเมืองก่อน หากผู้ที่รับอาสาเข้ามาทำงานการเมืองยังไม่เข้มแข็ง ไม่สามารถรวมพลังกันเพื่อเป้าหมายในการนำพาประเทศให้พัฒนาได้แล้ว เรื่องอื่นคงไม่ต้องหวัง ซึ่งพล.อ.ประวิตร เข้าใจดี จึงได้นำเรื่องการก้าวข้ามความขัดแย้งขึ้นมาให้ช่วยกันตัดสินใจ เลือกสมาชิกสภาผู้แทนในปีนี้

การขจัดทุกปัญหาพัฒนาทุกพื้นที่ ข้อความนี้แยกได้เป็น 2 เรื่องคือ 1 ขจัดทุกปัญหาหมายถึงว่าเมื่อเป็นผู้แทนแล้วปัญหาของชาวบ้านไม่ว่าเรื่องอะไรอยู่ในพื้นที่ไหนก็ต้องรับเข้ามาช่วยแนะนำแก้ไขได้หรือไม่ได้อย่างไรก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งสร้างความเข้าใจกันให้ได้ไม่หนีปัญหานั่นเองข้อความนี้เข้าใจไม่ยาก ส่วนพัฒนาทุกพื้นที่เราคงจำความกันได้ในอดีตที่ผ่านมานักการเมืองบางท่านได้พูดขึ้นว่าพื้นที่ใดที่ไม่ได้เลือกคนของพรรคเราเป็นผู้แทน การพัฒนาพื้นที่นั้นจะต้องเอาไว้ทีหลัง จะต้องไปพัฒนาในพื้นที่ที่เรามีผู้แทนก่อน ซึ่งทำให้เกิดความรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจกันพอสมควร ความจริงหลักคิดอย่างนี้ไม่ถูกต้อง เมื่อเป็นผู้แทนแล้ว จะเป็นฝ่ายไหนก็ตาม จะต้องพัฒนาในทุกพื้นที่ของประเทศไทย เพราะมันเป็นไปไม่ได้ที่ทั้งประเทศจะมีผู้แทนของพรรคเดียวอยู่เป็นฝ่ายรัฐบาลทั้งหมดไม่มีฝ่ายตรวจสอบหรือฝ่ายค้านเราจึงนำ ข้อความนี้มาบอกกล่าวให้ประชาชนได้ทราบว่า พรรคพลังประชารัฐไม่ได้มีความคิดอย่างนี้เมื่อได้เป็นรัฐบาลต้องดูแลทุกพื้นที่ แก้ไขปัญหาพัฒนาให้ทั่วประเทศให้ได้ตามลำดับความจำเป็นก่อนหลัง ยิ่งเป็นพื้นที่ที่มีความลำบาก ประชาชนเดือดร้อนมากจะต้องไปแก้ปัญหาก่อน

งานหลักของเราซึ่งต้องเริ่มกันตั้งแต่วันนี้ก็คือการแก้ปัญหาความยากจน เรารู้ว่าใครคือคนจนและจนเพราะอะไร จะต้องเริ่มต้นอย่างไร จะต้องสั่งหรือชักชวนให้ใครหน่วยงานไหนมาช่วยกันแก้ปัญหานี้บ้าง เราศึกษามาพอสมควรแล้วว่าประเทศต่างๆ เขาแก้ปัญหาความยากจนของประชาชนของเขาอย่างไรประเทศจีน เป็นตัวอย่างที่น่าคิดเขามีคน 1,400 ล้านทำได้ไม่กี่ปีของเราประมาณ 60 ล้านเท่านั้น หรือแม้แต่ทฤษฎีการพัฒนาประเทศในแนวเศรษฐกิจพอเพียง เราก็ถอดบทเรียนมาหมดแล้ว เพียงแต่ยังไม่ได้ลงมือทำ ยังไม่ได้มีชุดคาราวาน แก้ปัญหาความยากจนอย่างจริงจัง เพราะฉะนั้นนับแต่วันนี้และอีก 4 ปีถ้าได้เป็นรัฐบาล จะต้องแก้ปัญหาหรือเห็นแนวทางที่ถูกต้อง เกิดความเปลี่ยนแปลงที่เห็นได้ชัดเจนขึ้น ลงมือทำคือคำตอบ ด้วยความขอบคุณครับ

#พรรคพลังประชารัฐ #พลังประชารัฐ #พปชร #PPRP #ชวนชูจันทร์
Twitter : https://twitter.com/PPRPofficial

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 3 กุมภาพันธ์ 2566

“ส.ส.เพชรบูรณ์” พปชร.วอน “กรมทางหลวง” เร่งติดตั้งไฟฟ้าส่องสว่างบนเกาะกลางถนนช่วงตำบลห้วยโป่งหวั่นเกิดอุบัติเหตุ

, ,

“ส.ส.เพชรบูรณ์” พปชร.วอน “กรมทางหลวง” เร่งติดตั้งไฟฟ้าส่องสว่างบนเกาะกลางถนนช่วงตำบลห้วยโป่งหวั่นเกิดอุบัติเหตุ

นางวันเพ็ญ พร้อมพัฒน์ ส.ส.จังหวัดเพชรบูรณ์ เขต 3 พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวหารือในที่ประชุมสภาถึงปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน โดยขอให้กรมทางหลวงช่วยติดตั้งไฟฟ้าส่องสว่างบนเกาะกลางถนนสาย 21 ช่วงสระบุรี-หล่มสัก และช่วงตำบลห้วยโป่ง อำเภอหนองไผ่ จังหวัดเพชรบูรณ์ เพราะช่วงเช้ามืดกับตอนหัวค่ำจะอันตรายมาก เพราะไม่มีกระแสไฟฟ้าส่องสว่างในช่วงตรงนั้น ซึ่งเป็นพื้นที่ใกล้โรงเรียน และชุมชนทั้ง 2 ฝั่ง ไปมาหาสู่กันหรือเดิน ข้ามทำธุระจะมีปัญหาเรื่องอันตรายจากอุบัติเหตุ

นอกจากนี้ขอให้กรมทางหลวงช่วยพิจารณาเพิ่มงบประมาณในการซ่อมปรับปรุงถนนสาย 2401 จากอำเภอหนองไผ่ ที่จะไปสู่อำเภอชนแดน ตนเดินทางผ่านเส้นทางนี้ตลอดทุกอาทิตย์ จึงขอเป็นตัวแทนประชาชนแจ้งความเดือดร้อนของผิวถนน ซึ่งช่วงนี้เป็นช่วงฤดูเก็บเกี่ยวผลผลิต ออกสู่ตลาด ถนนจะเสีย แล้วก็มีงบประมาณในการซ่อมแซมทุกปี งบประมาณที่มาในแต่ละปีไม่ค่อยจะทันกับการเสียหาของผิวถนน จึงอยากจะให้ทางกรมทางหลวงได้พิจารณาปรับปรุงตรงนั้นเพิ่มท่อ หรือทำบล็อก หรือว่าเสริมถนนขึ้นมาให้พ้นปัญหาในส่วนของน้ำหลากในช่วงฤดูน้ำฝน

#พรรคพลังประชารัฐ #พลังประชารัฐ #พปชร #PPRP #วันเพ็ญพร้อมพัฒน์
Twitter : https://twitter.com/PPRPofficial

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 2 กุมภาพันธ์ 2566

“ส.ส.สงขลา” พปชร. ขอนายกฯ อนุมัติงบกลางฉุกเฉิน เร่งทำหินเรียงป้องกันคลื่น แก้ปัญหากัดเซาะชายฝั่งอย่างถาวร

, ,

“ส.ส.สงขลา” พปชร. ขอนายกฯ อนุมัติงบกลางฉุกเฉิน เร่งทำหินเรียงป้องกันคลื่น แก้ปัญหากัดเซาะชายฝั่งอย่างถาวร

ร้อยตำรวจเอกอรุณ สวัสดี สมาชิกสภาผู้แทนเขต 4 จังหวัดสงขลา พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวหารือในที่ประชุมสภาถึงปัญหาที่ชาวบ้านได้รับผลกระทบจากการกัดเซาะชายฝั่ง ในตำบลท่าบอน ระยะทางกว่า 12 กิโลเมตร โดยช่วงมรสุมทุกปีระหว่าง เดือนพฤศจิกายน ธันวาคม และมกราคม คลื่นลมแรงจากทางฝั่งตะวันออกทำให้เกิดมีมรสุม และการกัดเซาะชายฝั่ง ทำให้ต้องซ่อมแซมบ้าน, ถนน ปีละไม่ต่ำกว่า 10 ถึง 20 ล้านบาททุกปี แต่พอซ่อมเสร็จ แล้วปีหน้าก็ซ่อมอีก ซ่อมอยู่อย่างนี้ งบประมาณน่าจะเป็นหลายร้อยล้านบาทแล้ว

“วันนี้ชาวบ้านเขาไม่อยากได้เงินชดเชย ไม่อยากได้ค่าซ่อมแซม แต่อยากให้ป้องกันแบบถาวร ผมจึงขอฝากไปยังนายกรัฐมนตรี ของบกลางฉุกเฉินเร่งด่วน โดยทำหินเรียงป้องกันคลื่น เพราะได้พิสูจน์แล้วว่า ใช้ได้จริง ชาวบ้านก็เห็นด้วย ยอมรับกับแนวทางนี้”

#พรรคพลังประชารัฐ #พลังประชารัฐ #พปชร #PPRP #อรุณสวัสดี
Twitter : https://twitter.com/PPRPofficial

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 2 กุมภาพันธ์ 2566

ส.ส.นครศรีธรรมราช พปชร.เรียกร้องหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งแก้ปัญหาการคมนาคมให้ชาวปากพนังด่วน หลัง ปชช.เดือดร้อนมานาน

,

ส.ส.นครศรีธรรมราช พปชร.เรียกร้องหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งแก้ปัญหาการคมนาคมให้ชาวปากพนังด่วน หลัง ปชช.เดือดร้อนมานาน

นายสัณหพจน์ สุขศรีเมือง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดนครศรีธรรมราช พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวหารือในที่ประชุมสภาฯ ถึงความเดือดร้อนของประชาชนในตำบลปากพนัง อำเภอปากพนัง กว่า 200 กว่าคน ที่มีความเดือดร้อนในการคมนาคมสัญจร ซึ่งโครงการสะพานข้ามคลองแบบถาวร ที่ใช้สัญจรเพื่อเข้ากับทางหลักออกหมู่บ้านชำรุด จึงต้องใช้สะพานไม้ไผ่ ต่างคนต่างก็ทำสะพานเข้าบ้านตัวเอง ซึ่งเป็นปัญหาหลายปี ตนจึงขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับผิดชอบตามที่ได้รับปากกับประชาชนเอาไว้ด้วย

นอกจากนี้ การปรับปรุงซ่อมแซมถนนสายบ้านเคียนด้วน-ศาลหลวงต้นไทร ตำบลการะเกด อำเภอเชียรใหญ่ ตนได้รับเรื่องร้องเรียนจากชาวบ้านว่า ถนนมีสภาพชำรุดทรุดโทรม เป็นหลุม เป็นบ่อ ไม่สามารถใช้งานในการสัญจรได้มาเป็นระยะเวลานาน โดยชาวบ้านบางส่วนได้ทำดินลูกรังมาถมกันใช้เอง จึงขอฝากไปหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และชลประทาน ช่วยดูแลให้พี่น้องประชาชนด้วย

#พรรคพลังประชารัฐ #พลังประชารัฐ #พปชร #PPRP #สัณหพจน์สุขศรีเมือง
Twitter : https://twitter.com/PPRPofficial

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 2 กุมภาพันธ์ 2566

“รมว.ชัยวุฒิ” นำทีมว่าทีผู้สมัครปทุมฯลงพื้นที่ชุมชนสมาร์ทฟาร์มิ่ง โชว์ความสำเร็จนโยบายส่งเสริมเทคโนโลยีภาคการเกษตรยุคใหม่

,

“รมว.ชัยวุฒิ” นำทีมว่าทีผู้สมัครปทุมฯลงพื้นที่ชุมชนสมาร์ทฟาร์มิ่ง
โชว์ความสำเร็จนโยบายส่งเสริมเทคโนโลยีภาคการเกษตรยุคใหม่

28 มกราคม 2566 นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม(ดีอีเอส) ลงพื้นที่ปิ่นฟ้าฟาร์ม จังหวัดปทุมธานี ร่วมกับว่าที่ผู้สมัครส.ส.จังหวัดปทุมธานีพรรคพลังประชารัฐ ประกอบไปด้วย นายเสวก ประเสริฐสุข ว่าที่ผู้สมัคร เขต 1 นายนพดล ลัดดาแย้ม ว่าที่ผู้สมัคร เขต 2 นายยุทธวัฒน์ หาญเกียรติกล้า ว่าที่ผู้สมัคร เขต 3 นายเกียรติศักดิ์ ส่องแสง ว่าที่ผู้สมัคร เขต 4 นายปรีชา ชื่นชนกพิบูล ว่าที่ผู้สมัคร เขต 5 นายวิรัช พยุงวงษ์ ว่าที่ผู้สมัคร เขต 6 และ นางสาวกฤษณา วงศ์คำ ว่าที่ผู้สมัคร เขต 7

นายชัยวุฒิ กล่าวว่า ปิ่นฟ้าฟาร์ม เป็นโครงการสมาร์ทฟาร์มที่สนับสนุนโดย สํานักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัลหรือดีป้าของกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เป็นโครงการที่ให้เงินสนับสนุนส่วนหนึ่งร่วมกับวิสาหกิจชุมชนหรือกลุ่มเกษตรกร เป็นเรื่องที่การทำสมาร์ทฟาร์ม นําเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้ในการทําการเกษตร ซึ่งที่นี้มีความพร้อมเรื่องโดรนถือว่าในพื้นที่เกษตร ทํานาจะต้องใช้การฉีดปุ๋ย ฉีดสารเคมีต่าง ๆ ซึ่งจะใช้โดรนบินฉีดพ่นยา พบว่ามีประสิทธิภาพ ประหยัดค่าใช้จ่าย ได้ดีมาก ซึ่งทางกระทรวงดีอีเอสก็ส่งเสริมโครงการโดรนที่จะให้เกษตรกรส่งเสริมให้ใช้ เรียกว่าโครงการคนละครึ่ง ก็คือเกษตรกรออกเงินมาครึ่งหนึ่ง ทางกระทรวงดีอีเอสก็จะมีเงินจากกองทุนดีอีให้มาอีกครึ่งหนึ่ง เพื่อให้ประชากรได้ซื้อในราคาที่ลดครึ่งหนึ่ง จะได้เอาไปใช้พัฒนาการทําการเกษตรให้ทันสมัยมีประสิทธิภาพมากขึ้น ส่วนปิ่นฟ้าฟาร์มนี้เป็นฟาร์มต้นแบบของจังหวัดปทุมธานี ก็อยากจะเชิญชวนทุกคนมาเที่ยว มาศึกษาดูงานที่ปิ่นฟ้าฟาร์ม ต้นแบบของสมาร์ทฟาร์ม เป็นการทําการเกษตรเชิงท่องเที่ยวด้วย ที่ผมว่าทุกคนมาก็จะประทับใจ

ส่วนวันนี้มาลงพื้นที่จังหวัดปทุมธานี เป็นพื้นที่ที่ทางพรรคพลังประชารัฐมุ่งหวังที่จะได้ ส.ส.ทุกเขต แล้วก็ส่งผู้สมัครส.ส.ครบทุกเขต เชื่อว่าทีมปทุมธานีที่เราลงเลือกตั้งส.ส.เป็นคนที่มีความพร้อม เป็นทั้งนักการเมืองท้องถิ่น นักวิชาการต้องผสมผสานกัน ซึ่งเราเชื่อว่า ผู้สมัครทุกคนของเราจะสามารถคว้าชัยชนะในการเลือกตั้งได้ โดยเฉพาะหัวหน้าทีมหรือพี่ใหญ่ก็เป็นอดีตรองนายก อบจ. ก็มีทีม ส.จ. มาช่วย ซึ่งผมคิดว่า ทีมนี้ก็จะทําให้การเมืองท้องถิ่นเข้มแข็งเข้ามาช่วยกัน แล้วก็มีกลุ่มคนต่างต่างทุกภาคส่วนทุกกลุ่ม แล้วก็ก้าวข้ามความขัดแย้งไม่มีว่า แบ่งสี แบ่งเสื้อ แบ่งฝ่ายนะ เราคนไทยด้วยกัน คนปทุมธานีด้วยกันมาช่วยกันพัฒนาจังหวัดปทุมธานีด้วยกัน

ด้าน นายเสวก ประเสริฐสุข กล่าวเพิ่มเติมว่า การเข้าร่วมกับพปชร. ได้นับการต้อนรับที่ดีจากนายชัยวุฒิ รองหัวหน้าพรรค เพราะมีพรรคพลังประชารัฐ มีสิ่งดีๆ และมีความอบอุ่นเป็นกันเอง เลยอาสาดูแลพื้นที่ปทุมธานี เพราะมีประสบการทางการเมืองมากว่า 20 ปี และมีเพื่อนที่ร่วมทำงานการเมืองเป็นจำนวนมาก และหลายคนเป็นนายก ที่สนิทสนมและที่สำคัญนายกใหญ่คนนี้จะทําให้พี่น้องประชาชนจังหวัดปทุมธานีรักสามัคคีกันแล้วก็เจริญได้

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 28 มกราคม 2566

“ตรีนุช” จับมือฝรั่งเศส เปิดโลกอวกาศ จูงใจเด็กไทยสนใจนวัตกรรมเทคโนโลยี

,

“ตรีนุช” จับมือฝรั่งเศส เปิดโลกอวกาศ จูงใจเด็กไทยสนใจนวัตกรรมเทคโนโลยี

เมื่อวันที่ 26 มกราคม 2566 ที่สวนเบญจกิตติ กรุงเทพฯ นางสาวตรีนุช เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ได้รับมอบหมายจาก พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานเปิดงานเฉลิมฉลอง “ปีแห่งนวัตกรรมไทย – ฝรั่งเศส ปี 2566” (2023 Thailand – France Year of Innovation) ภายใต้หัวข้อ “อวกาศ” เพื่อส่งเสริมความร่วมมือระดับทวิภาคีระหว่างประเทศไทยกับสาธารณรัฐฝรั่งเศส และสะท้อนศักยภาพทางนวัตกรรมของทั้งสองประเทศ โดยมี นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานสมาชิกวุฒิสภา, นายโอลิวิเย่ เบชท์ รัฐมนตรีด้านการค้าต่างประเทศของฝรั่งเศสและสังกัดรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุโรปและการต่างประเทศ, นางโคลดี แอกแนร์ อดีตนักบินอวกาศหญิงคนแรกของฝรั่งเศส, พลเอก ชอง ปิแอร์ แอกแนร์ อดีตนักบินอวกาศฝรั่งเศส, นายตีแยรี มาตู เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐฝรั่งเศสประจำประเทศไทย, นายโอลิวิเย่ ดาเก เจ้าของมูลนิธิหนังสือเจ้าชายน้อย (Le Petit Prince), เยาวชน และผู้สนใจทั่วไป เข้าร่วม

นางสาวตรีนุช เปิดเผยว่า ความร่วมมือ “ปีแห่งนวัตกรรมไทย – ฝรั่งเศส ปี 2566” มาจาก นายเอ็มมานูเอล มาครง ประธานาธิบดีฝรั่งเศส ได้เดินทางมาพบกับนายกรัฐมนตรีไทยเมื่อเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา โดยทั้งสองประเทศได้ร่วมหารือกันจัดงานขึ้นเพื่อส่งเสริมความร่วมมือด้านนวัตกรรมระหว่างไทยกับฝรั่งเศส โดยมุ่งเน้นความร่วมมือใน 4 ด้าน ได้แก่ ด้านอวกาศ ด้านเศรษฐกิจชีวภาพ เศรษฐกิจหมุนเวียน และเศรษฐกิจสีเขียว (Bio-Circular-Green (BCG) Economy) ด้านสุขภาพ และด้านอุตสาหกรรมวัฒนธรรมสร้างสรรค์ เพื่อเปิดโอกาสให้คนรุ่นใหม่ได้เรียนรู้นวัตกรรมและเทคโนโลยีขั้นสูง โดยประเทศไทยและประเทศฝรั่งเศสมีความสัมพันธ์อันดีและมีความร่วมมือกันในหลายด้าน รวมถึงด้านการศึกษา ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญที่จะส่งเสริมและปลูกฝังความคิดในการคิดค้นนวัตกรรมให้กับเด็กและเยาวชน โดยเฉพาะด้าน “อวกาศ” ที่เป็นหัวข้อของงานเปิดตัวในวันนี้ เป็นหัวข้อที่เด็กและเยาวชนสนใจและสามารถสร้างแรงบันดาลใจได้ ตนเชื่อว่าความร่วมมือนี้จะช่วยให้เด็กและเยาวชนเกิดแรงจูงใจต่อการศึกษาและการพัฒนานวัตกรรมใหม่ ๆ เพื่อมาสร้างอนาคตที่ดีให้กับประเทศชาติต่อไปได้

“การจัดงานในวันนี้ มีกิจกรรมถ่ายทอดประสบการณ์ของสองอดีตนักบินอวกาศฝรั่งเศส การจัดนิทรรศการนวัตกรรมและเทคโนโลยีทางอวกาศ การจัดแสดงดาวเทียม THEOS-2 ที่สร้างขึ้นโดยฝรั่งเศสและไทยเป็นเจ้าของ กิจกรรมการดูดวงจันทร์และดาวพฤหัสบดี การแสดงบินโดรน และนิทรรศการ “เจ้าชายน้อย” วรรณกรรมระดับโลก ซึ่งจะใช้เป็นตัวละครหลักในการสื่อสารในกิจกรรมนี้ตลอดทั้งปี ดิฉันหวังว่ากิจกรรมนี้จะทำให้เด็กและเยาวชนรุ่นใหม่เกิดความสนใจและอยากเรียนรู้นวัตกรรมและเทคโนโลยีมากยิ่งขึ้น รวมถึงเสริมสร้างความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างทั้งสองประเทศด้วย” นางสาวตรีนุช กล่าว

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 27 มกราคม 2566

“ตรีนุช” รุกแผนปฏิบัติการพัฒนากําลังคนอาชีวศึกษาสมรรถนะสูง เพิ่มทักษะอาชีวะรับอุตสาหกรรมใหม่มุ่งขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยยั่งยืน

, ,

“ตรีนุช” รุกแผนปฏิบัติการพัฒนากําลังคนอาชีวศึกษาสมรรถนะสูง
เพิ่มทักษะอาชีวะรับอุตสาหกรรมใหม่มุ่งขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยยั่งยืน

วันนี้ (23 ม.ค.2566) ที่วิทยาลัยการอาชีวศึกษาปทุมธานี จ.ปทุมธานี นางสาวตรีนุช เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (รมว.ศธ.) เป็นประธานในพิธีเปิดโครงการประชุมวิชาการปัจจุบันสู่อนาคตการผลิตและพัฒนากําลังคนอาชีวศึกษาสมรรถนะสูงเพื่อการพัฒนาประเทศ “สื่อสาร ส่งเสริม สู่การปฏิบัติ” ซึ่งเป็นการประชุมผู้บริหารระดับภูมิภาคของสถาบันการอาชีวศึกษา วิทยาลัยในสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) ทั้งของรัฐและเอกชน ในเขตภาคกลาง ภาคตะวันออก และกรุงเทพมหานคร

โดย นางสาวตรีนุช กล่าวว่า รัฐบาลให้ความสําคัญในการปฏิรูปกระบวนการเรียนรู้และการพัฒนาศักยภาพของคนไทยทุกช่วงวัย ในส่วนของอาชีวศึกษา ได้เน้นย้ำการพัฒนาคุณภาพวิชาชีพ และแรงงานเพื่อรองรับอุตสาหกรรม 4.0 ด้วยการจัดระบบและกลไกความร่วมมือ ระหว่างหน่วยงานภาครัฐและเอกชนในรูปแบบทวิภาคีที่ชัดเจน ซึ่งเป็นการพัฒนากําลังคนให้มีทักษะ เพื่อให้การอาชีวศึกษาเป็นกลไกสําคัญในการสนับสนุน และส่งเสริมระบบเศรษฐกิจของประเทศให้เข้มแข็ง มั่นคง ซึ่งเป็นนโยบายที่ชัดเจน และเป็นแนวทางปฏิบัติที่ต้องยึดถือในการสร้าง คุณภาพทางการศึกษา

“ดิฉันขอชื่นชมในวิสัยทัศน์ ‘ผลิตและพัฒนากําลังคนอาชีวศึกษาสมรรถนะสูง เพื่อการพัฒนาประเทศ ซึ่ง สอศ. ได้กําหนดเป้าหมายเพิ่มจํานวนผู้เรียนในหลักสูตรการเรียนการสอนทวิภาคี ให้ได้ร้อยละ 50 ของผู้เรียนทั้งหมด หรือ จํานวน 511,177 คน ในปี 2568 จึงนับเป็นความท้าทายของผู้บริหารการศึกษาทุกท่าน หากสามารถร่วมมือกันทําได้สําเร็จไม่เพียงจะส่งผลต่อคุณภาพผู้เรียน ยังเป็นการเสริมสร้างรากฐานของชุมชน และสังคมได้ อย่างเข้มแข็ง นอกจากนี้การเดินหน้าสร้างโอกาสและความเสมอภาคทางการศึกษาในโครงการอาชีวะ อยู่ประจํา เรียนฟรี มีอาชีพ, การปฏิรูปและยกระดับ วิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีทั้ง 48 แห่ง ภายใต้แนวคิด 1 ฟาร์ม 1 วิทยาลัย, การผลิตและพัฒนากําลังคนในสาขายานยนต์ไฟฟ้า รวมถึงการส่งเสริมความเป็นเลิศเฉพาะทางภายใต้โครงการ CVM และ Excellent Center ซึ่งเป็นโครงการขับเคลื่อนที่สําคัญในการยกระดับคุณภาพทางการศึกษา” นางสาวตรีนุช กล่าว.

อย่างไรก็ตามเป้ามายจะสำเร็จได้คือ ผู้บริหารสถานศึกษาทั้งภาครัฐและเอกชนต้องเข้ามามีส่วนร่วมระดมความคิด เพื่อแก้ไขปัญหาและอุปสรรคให้สอดรับกับบริบทขอิงแต่ละพื้นที่ที่มีความแตกต่างกันเพื่อให้สถานศึกษาที่อยู่ห่างไกล หรือยังต้องการความช่วยเหลือ ให้ได้มีโอกาสพัฒนาและสามารถเข้ามาฝึกงานในสถานที่ปฏิบัติงานจริง ได้ใช้เทคโนโลยีจริง ทั้งนี้ ขอขอบคุณบุคลากร สอศ.ทุกท่านที่เป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาประเทศ ในการผลิตและพัฒนากําลังคนด้านวิชาชีพให้มีคุณภาพ คุณธรรมสอดคล้องกับความต้องการพัฒนาประเทศ ได้ขับเคลื่อนการดําเนินงานให้เชื่อมโยงกับทิศทางการพัฒนาประเทศตามนโยบายของรัฐบาล นโยบายจุดเน้นของกระทรวงศึกษาธิการ สิ่งที่ทุกท่านกําลังดําเนินการอยู่ จะเป็นประโยชน์แก่ผู้เรียน ซึ่งถือเป็นการสร้างทรัพยากรบุคคลให้เป็นผู้มีความรู้ มีทักษะวิชาชีพเพื่อการมีงานทำ และพัฒนาประเทศชาติต่อไป.

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 23 มกราคม 2566