โลกเปลี่ยน ไทยต้องปรับ ทางเลือกใหม่ของการเมืองไทย ก้าวข้ามความขัดแย้ง สานพลังประชาราษฎร์ ร่วมสร้างชาติให้ยั่งยืน

หมวดหมู่: กิจกรรมพรรค

“สส.รัชนี”วอน รัฐเตรียมความพร้อมหลัง’อ่างเก็บน้ำห้วยเชียงคำ’แตกหลังฝนถล่ม พร้อม ขอบคุณ“รมว.ธรรมนัส”อนุมัติงบปี 68 ก่อสร้างอาคารระบายน้ำกั้นลำน้ำยัง

,

“สส.รัชนี”วอน รัฐเตรียมความพร้อมหลัง’อ่างเก็บน้ำห้วยเชียงคำ’แตกหลังฝนถล่ม พร้อม ขอบคุณ“รมว.ธรรมนัส”อนุมัติงบปี 68 ก่อสร้างอาคารระบายน้ำกั้นลำน้ำยัง

นางรัชนี พลซื่อ สส.ร้อยเอ็ด เขต 3 พรรคพลังประชารัฐ(พปชร.)กล่าวหารือในที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรถึงความรุนแรงของมรสุมที่พัดเข้าอีสานตอนบน พื้นที่จังหวัดขอนแก่น มหาสารคาม กาฬสินธุ์ ยโสธร ร้อยเอ็ด มีฝนตกหนักในหลายพื้นที่ และเกิดน้ำท่วมไร่นาของเกษตรกรเสียหาย โดยเฉพาะพื้นที่ ๆ อยู่ใกล้ลำน้ำต่างๆ เมื่อวานนี้อ่างเก็บน้ำห้วยเชียงคำ อำเภอบรบือ จังหวัดมหาสารคาม ถูกกระแสน้ำพัดขาด ทำให้น้ำไหลทะลักลงลำเสียวใหญ่ ท่วมไร่นาของเกษตรกรบริเวณทุ่งกุลาร้องไห้ ที่ติดกับลำน้ำเสียวใหญ่เกิดความเสียหาย ขณะนี้ปริมาณน้ำในลำน้ำชีก็สูงขึ้นเรื่อยๆบางจุดก็ล้นออกมาท่วมไร่นาเกษตรกรแล้ว

นางรัชนี กล่าวต่อว่า ในพื้นที่เขตเลือกตั้งที่ 3 ของตน มีลำน้ำยังไหลเข้าสู่อำเภอโพนทอง อำเภอเมยวดี จังหวัดร้อยเอ็ด ซึ่งได้รับแจ้งจากเกษตรกรที่อยู่ติดลำน้ำยัง ว่าขณะนี้ปริมาณน้ำเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ และยังมีปัญหาประสบปัญหาน้ำท่วมซ้ำซากทุกปีในฤดูฝนที่ผ่านมาได้ โดยเกิดน้ำท่วมบ้านเรือนไร่นาเกษตรกรที่อยู่ริมฝั่งน้ำยัง ถนนถูกน้ำท่วมหลายสาย ซึ่ง ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้นำคณะจากกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เข้าช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน จนได้รับคำชื่นชมและคำขอบคุณจากพี่น้องประชาชนที่ประสบภัยในจังหวัดร้อยเอ็ดเป็นจำนวนมาก

“ดิฉันขอฝากไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อเตรียมความพร้อมในการป้องกัน และช่วยเหลือพี่น้องประชาชนที่อาจจะได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมในปีนี้ โดยตรวจสอบความแข็งแรงของเขื่อนและฝายต่างๆรวมทั้งตรวจตราร่องน้ำในลำน้ำ เพื่อเปิดทางให้ระบายน้ำได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไม่มีสิ่งกีดขวางทางน้ำ เตรียมเครื่องมือ เครื่องจักรเสริมพลังดินให้แน่นหนาคงทน เสริมถนนให้สูงกว่าระดับน้ำ“นางรัชนี กล่าว

นางรัชนี กล่าวต่อว่า ขอให้มีการบูรณาการความร่วมมือเตรียมความพร้อมระวัง เมื่อเกิดเหตุน้ำท่วมฉับพลัน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการเตรียมกระสอบทราย เพื่อกั้นน้ำชั่วคราว เตรียมเครื่องสูบน้ำเพื่อช่วยเหลือในการระบายน้ำ และเจ้าหน้าที่หน่วยป้องกันบรรเทาสาธารณภัย ทั้งนี้การแก้ปัญหาในระยะยาวที่ยั่งยืน จะต้องเร่งรัดให้กรมชลประทานดำเนินการตามแผนเพื่อแก้ปัญหาน้ำท่วมยั่งยืน ซึ่ง ร.อ.ธรรมนัส ได้อนุมัติงบประมาณปี 68 ให้กรมชลประทานก่อสร้างอาคารระบายน้ำ กั้นลำน้ำยัง จุดบ้านกุดกวง ตำบลวังสามัคคี อำเภอโพนทอง จังหวัดร้อยเอ็ด ด้วยงบประมาณ 650 ล้านบาท ซึ่งอยู่ในงบประมาณเล่มขาวคาดแดงแล้ว หากก่อสร้างอาคารจุดนี้จะแก้ปัญหาน้ำท่วมและน้ำแล้งได้ด้วย

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 23 กรกฎาคม 2567

“สส.บุญชัย”ลุย น้ำท่วมหล่มเก่า เร่งช่วยเหลือหลังน้ำป่าไหลหลากเข้าท่วมบ้านเรือน ปชช.เดือดร้อนหนัก เตรียม ประสานขอความช่วยเหลือซ่อมแซมถนนที่พัง เสียหาย

,

“สส.บุญชัย”ลุย น้ำท่วมหล่มเก่า เร่งช่วยเหลือหลังน้ำป่าไหลหลากเข้าท่วมบ้านเรือน ปชช.เดือดร้อนหนัก เตรียม ประสานขอความช่วยเหลือซ่อมแซมถนนที่พัง เสียหาย

นายบุญชัย กิตติธาราทรัพย์ สส.เพชรบูรณ์ เขต 3 พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวว่า จากสถานการณ์ช่วงนี้มีฝนตกหนักต่อเนื่องมา 2-3 วัน ทำให้เกิดน้ำป่าไหลหลากในหลายพื้นที่ของอำเภอหล่มเก่า อำเภอหล่มสัก และอำเภอเขาค้อ จนพี่น้องประชาชนที่อยู่ใกล้แม่น้ำลำคลองได้รับความเดือดร้อนเป็นวงกว้าง อย่างเช่น พื้นที่บ้านศิลาหมู่ 6และ 15 ที่คลองห้วยน้ำขุ่น มีปริมาณน้ำฝนที่ตกบนบ้านซำบุน ต.ศิลา ปริมาณมากได้ไหลหลากลงมาผ่านหมู่บ้านศิลา ทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน และไหลท่วมทะลักเข้าบ้านเรือนประชาชน ได้รับความเสียหายทั้งที่อยู่อาศัย เครื่องนุ่งห่ม และเครื่องอุปโภคบริโภค

นายบุญชัย กล่าวต่อว่า ตนจึงได้ประสานกับนายชัยวัฒน์ คุ้มทองมาก นายก อบต.ศิลา เพื่อให้ความช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ประสบอุทกภัย พร้อมมอบถุงยังชีพประทังความเดือนร้อนและให้กำลังใจกับผู้ประสบภัย โดยได้รับการสนับสนุน รถน้ำเอนกประสงค์ และเจ้าหน้าที่งานป้องกันฯ จาก อบต.ศิลา ร่วมเข้าช่วยเหลือ ฉีดล้างทำความสะอาดบ้านเรือน ทำให้พี่น้องประชาชน สามารถกลับมาใช้ชีวิตได้เป็นปกติโดยเร็ว จึงต้องขอขอบคุณนายกชัยวัฒน์ และสจ. ศุภวัฒน์ คุ้มทอง ที่เข้าดูแลพื้นที่ให้พี่น้องอย่างรวดเร็ว

”ผมยังได้ลงพื้นที่ บ้านวังขอน บ้านวังม่วง บ้านห้วยก้างปลา ตำบลตาดกลอย เพื่อเยี่ยมและให้กำลังใจผู้ประสบภัยน้ำท่วม รวมถึงรับฟังปัญหาจากนายกสมยง คำตุ้ม นายกองค์การบริหารส่วนตำบลตาดกลอย และผู้นำในพื้นที่ ถึงเหตุน้ำท่วมในพื้นที่ และถนนที่พังจากเหตุน้ำท่วมเมื่อวันที่ 17 ก.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งผมจะประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องถึงการซ่อมแซ่มถนน เพื่อให้ประขาชนสามารถกลับมาใช้สัญจรได้ตามปกติ ทั้งนี้ ผมขอเป็นกำลังใจให้พี่น้องที่อยู่ใกล้แม่น้ำลำคลอง ได้รับความปลอดภัยทุกคน“นายบุญชัย กล่าว

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 23 กรกฎาคม 2567

‘บิ๊กป้อม’เปิดตัว’วัน อยู่บำรุง’อย่างเป็นทางการ ฉุนสื่อถาม’พปชร.’เป็นสาขาพรรคเพื่อไทย

,

‘บิ๊กป้อม’เปิดตัว’วัน อยู่บำรุง’อย่างเป็นทางการ ฉุนสื่อถาม’พปชร.’เป็นสาขาพรรคเพื่อไทย

“บิ๊กป้อม”เปิดตัว 7 สมาชิกใหม่พปชร. พร้อมสวมเสื้อเปิดตัว“วัน อยู่บำรุง”อย่างเป็นทางการ ฉุนสื่อถามเป็นพรรคสาขาเพื่อไทย ตะโกนลั่น “ไม่มี”

เมื่อเวลา 14.15 น.วันที่ 23 ก.ค.67 ที่อาคารรัชดาวัน ที่ทำการพรรคพลังประชารัฐ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ สส.บัญชีรายชื่อ ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ(พปชร.) แถลงข่าวเปิดตัว 7 สมาชิกใหม่ ประกอบด้วย 1.นายวัน อยู่บำรุง อดีต สส.กทม. พรรคเพื่อไทย 2.นายพยม พรหมเพชร อดีต สส.สงขลา พรรคพลังประชารัฐ 3.ร.ต.ต.มณฑล โพธิ์คาย อดีต สส.กทม.พรรคอนาคตใหม่ ที่ย้ายไปอยู่กับพรรคภูมิใจไทย 4.นายอำพล ขำวิลัย 5.นายซอบรี หมัดหมัน 6.นายชารีฟุดดีน สารีมิง และ7.นายสุเนตตา แซ่โก๊ะ เข้าเป็นสมาชิกพรรค โดย พล.อ.ประวิตรได้สวมเสื้อพรรคให้กับทั้ง 7 คน จากนั้นได้ถ่ายรูปชูมือร่วมกัน

โดยช่วงหนึ่ง พล.อ.ประวิตร ได้ใช้มือหยอกไปที่หน้านายพยม ซึ่งย้ายไปอยู่กับพรรครวมไทยสร้างชาติในการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา และกลับมาอยู่กับพรรคพลังประชารัฐอีกครั้ง

ซึ่งภายหลังการสวมเสื้อให้กับสมาชิกทั้ง 7 คนเสร็จสิ้นพล.อ.ประวิตร ได้เดินทางกลับไปยังห้องประชุมทันที โดยระหว่างทาง ผู้สื่อข่าวพยายามสอบถาม พล.อ.ประวิตร หลายคำถาม โดยเฉพาะเหตุผลที่รับนายวัน เข้ามาเป็นสมาชิกพรรค รวมถึงพื้นที่ กทม.ของพรรคจะแข็งแรงขึ้นหรือไม่ แต่ พล.อ.ประวิตร ไม่ได้ตอบคำถามใด ๆ

กระทั่งผู้สื่อข่าวถามถึงเสียงวิพากษ์วิจารณ์ว่าพรรคพลังประชารัฐจะเป็นพรรคสาขาของพรรคเพื่อไทยหรือไม่ โดย พล.อ.ประวิตร ถึงกับทำเสียงขึงขังว่า “ไม่มี” และทำหน้าหงุดหงิด จากนั้นได้ขึ้นลิฟต์ไปห้องทำงาน โดยไม่พูดใด ๆ อีก

ที่มา: https://www.naewna.com/politic/818048#google_vignette
วันที่: 23 กรกฎาคม 2567

“พล.อ.ประวิตร”ลงนามตั้ง“พล.ต.ท.​ปิยะ”นั่งทีมโฆษก ขับเคลื่อนนโยบายพรรค ผสมบุคลากรรุ่นเก๋า-เจนใหม่ สร้างความเข้าใจให้ประชาชนทุกช่วงวัย

,

“พล.อ.ประวิตร”ลงนามตั้ง“พล.ต.ท.​ปิยะ”นั่งทีมโฆษก ขับเคลื่อนนโยบายพรรค ผสมบุคลากรรุ่นเก๋า-เจนใหม่ สร้างความเข้าใจให้ประชาชนทุกช่วงวัย

เวลา 15. 30 น. (16 กรกฎาคม 2567) พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ( พปชร.) ในการประชุมสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) ประจำสัปดาห์ โดยมีนายสันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุขและรองหัวหน้าพรรค นายไพบูลย์ นิติตะวัน รองหัวหน้าพรรค และรองประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญ, นางสาวตรีนุช เทียนทอง รองหัวหน้าพรรค ,พล.อ.กฤษณ์โยธิน ศศิพัฒนวงษ์ เหรัญญิกพรรค และนายทะเบียนพรรค นายอภิชัย เตชะอุบล กรรมการบริหารพรรคพลังประชารัฐ. และนายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล ประธานยุทธศาสตร์ด้านวิชาการ พรรคพลังประชารัฐ ที่ประชุมได้พิจารณาวาระต่างๆ ในการทำกิจกรรมของพรรคในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยเฉพาะการดำเนินงานของรัฐมนตรีของพรรคในแต่ละกระทรวง ในการแก้ไขปัญหาให้กับพี่น้องประชาชน

นอกจากนี้พล.อ.ประวิตร ยังได้ประกาศรับสมาชิกใหม่ พร้อมแต่งตั้งเป็นทีมโฆษกเพิ่มเติม ในส่วน ฝ่ายกิจการพรรค เพื่อทำหน้าที่ประชาสัมพันธ์การขับเคลื่อนงานของพรรค ภายใต้สโลแกน “พรรคอนุรักษ์นิยมทันสมัย“ ที่จะต้องสร้างความเข้าใจให้กับพี่น้องประชาชนทุกช่วงวัย ถึงแนวคิดและการทำงานทุกมิติ ด้วยส่วนผสมของบุคลากรคุณภาพ ทั้งที่มีประสบการณ์ และคนรุ่นใหม่ ทั้งนี้ พล.ต.ท.​ปิยะ เคยรับราชการเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ ดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการตำรวจภูธร ภาค 5 ก่อนเกษียณอายุราชการ

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 16 กรกฎาคม 2567

“พล.อ.ประวิตร” เตรียมนำ พปชร. จัดกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติ เนื่องในโอกาส พระราชพิธี มหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ

,

“พล.อ.ประวิตร” เตรียมนำ พปชร. จัดกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติ เนื่องในโอกาส พระราชพิธี มหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ

เวลา 15.00 น. (16 กรกฎาคม 2567) พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ( พปชร.) เป็นประธานประชุมกรรมการบริหาร และสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) ของพรรคโดยมี นายสันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข และรองหัวหน้าพรรค นายไพบูลย์ นิติตะวัน รองหัวหน้าพรรค และรองประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญ, นางสาวตรีนุช เทียนทอง รองหัวหน้าพรรค ,พล.อ.กฤษณ์โยธิน ศศิพัฒนวงษ์ เหรัญญิกพรรคและนายทะเบียนพรรค นายอภิชัย เตชะอุบล กรรมการบริหารพรรคพลังประชารัฐ และนายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล ประธานยุทธศาสตร์ด้านวิชาการ

เนื่องด้วย เดือนกรกฎาคม เป็นเดือนมหามงคล ที่พสกนิกรชาวไทยทั้งประเทศ จะได้ร่วมแสดงความจงรักภักดี ในงานพระราชพิธี มหามงคล เฉลิมพระชนมพรรษา 28 กรกฎาคม 2567 ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ทรงเจริญ พระชนมพรรษา 6 รอบ 72 พรรษา

โดยในวันศุกร์ที่ 26 กรกฎาคม 2567 พรรคพลังประชารัฐ มีกำหนดจัดพิธีถวายราชสักการะเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ณ ที่ทำการพรรค อาคารรัชดาวัน เพื่อร่วมถวายพระพรชัยมงคล และร่วมร้องเพลงสดุดีมหาราชา ซึ่งจะมีกรรมการบริหารพรรค สส. กรรมการยุทธศาสตร์พรรค และสมาชิกพรรค เข้าร่วมในพิธีฯ โดยพร้อมเพรียงกัน

ทั้งนี้ พล.อ.ประวิตร ได้กำชับในที่ประชุมว่า พปชร.เป็น พรรคอนุรักษ์นิยมทันสมัย สถาบันพระมหากษัตริย์ เป็นสถาบันหลักที่สำคัญสูงสุดของปวงชนชาวไทย ต้องเทิดทูนไว้เหนือเกล้าฯ จึงเน้นย้ำให้ทุกคน มาร่วมพิธีฯ กันอย่างพร้อมเพรียง ณ ที่ทำการพรรคตามกำหนดเวลา เพื่อแสดงออกถึงความจงรักภักดี

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 16 กรกฎาคม 2567

“พล.อ.ประวิตร“ นำรมว.-สส.พปชร.ประชุมคึกคัก กำชับลูกพรรคทำหน้าที่ในสภา-กมธ.ให้เต็มที่ ด้าน ร.อ.ธรรมนัส แจงนโยบาย พปชร. “ปุ๋ยคนละครึ่ง” เตรียมส่งถึงมือเกษตรกร ไม่ล็อคสเปก ย้ำ คนละส่วนกับชดเชยไร่ละ 1,000 บาท ส่วนปมประเด็น“ทับลาน” ยึดหลักกฎหมาย สร้างความเป็นธรรมทุกฝ่าย

,

“พล.อ.ประวิตร“ นำรมว.-สส.พปชร.ประชุมคึกคัก กำชับลูกพรรคทำหน้าที่ในสภา-กมธ.ให้เต็มที่ ด้าน ร.อ.ธรรมนัส แจงนโยบาย พปชร. “ปุ๋ยคนละครึ่ง” เตรียมส่งถึงมือเกษตรกร ไม่ล็อคสเปก ย้ำ คนละส่วนกับชดเชยไร่ละ 1,000 บาท ส่วนปมประเด็น“ทับลาน” ยึดหลักกฎหมาย สร้างความเป็นธรรมทุกฝ่าย

เวลา 15.30 (9 กรกฎาคม 2567 )พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เป็นประธานประชุมสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) โดยมีร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมว.เกษตรและสหกรณ์ ในฐานะเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ นายสันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุขและรองหัวหน้าพรรค , ,นายอรรถกร ศิริลัทธยากร รมช.เกษตรฯ และนายไพบูลย์ นิติตะวัน รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) และรองประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญ ,พล.อ.กฤษณ์โยธิน ศศิพัฒนวงษ์ เหรัญญิกพรรค และนายทะเบียนพรรค นายอุตตม สาวนายน ประธานกรรมการนโยบายพรรคพลังประชารัฐ นายวราเทพ รัตนากร ผู้อำนวยการพรรคพลังประชารัฐ ในฐานะกรรมาธิการวิสามัญ และนายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล ประธานยุทธศาสตร์ด้านวิชาการ พรรคพลังประชารัฐ โดยกำชับให้ สส.ของพรรค ทำหน้าที่ในสภาฯ ใน 3 ประเด็นหลัก ประกอบด้วย 1. ใช้สิทธิในการอภิปรายหารือ ตั้งกระทู้ถามเสนอหรืออภิปราย ในญัตติต่างๆตามความเหมาะสมเพื่อที่จะได้ นำปัญหา ของประชาชนมาแจ้งต่อฝ่ายบริหารให้แก้ไข หรือร่วมแสดงความเห็นต่อเรื่องที่สำคัญ ในญัตติต่างๆ 2. ในส่วนของ คณะกรรมาธิการ ชุดต่างๆควรจะ เร่งประชุมหารือกันในเรื่องที่ กำลังพิจารณากันอยู่ เพื่อสรุปผลการดำเนินการ ให้แล้วเสร็จและส่งให้หน่วยงานรัฐ ที่รับผิดชอบรับไปพิจารณา ดำเนินการ ต่อไป 3. รวบรวม เรื่องความต้องการ และปัญหาต่างๆของพี่น้องประชาชน ในเขตพื้นที่มาหารือกันในคณะกรรมการภาค เพื่อสรุปปัญหาที่สำคัญๆเพื่อส่งให้รัฐมนตรีรวมทั้ง ฝ่ายวิชาการ และฝ่าย นโยบาย ของพรรคนำไปพิจารณา หาทางดำเนินการแก้ไขหรือกำหนดเป็น นโยบายของพรรคในโอกาส ต่อไป

ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า เลขาธิการพปชร. ในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้รายงานถึงความคืบหน้าโครงการปุ๋ยคนละครึ่ง ซึ่งเป็นนโยบายที่สำคัญของพรรค ในการช่วยเหลือเกษตรกรได้อย่างแท้จริง ในการลดภาระต้นทุน และเพิ่มมูลค่าสินค้าเกษตรให้แข่งขันได้ ซึ่งเกษตรกรให้ความสนใจในโครงการนี้ โดยเรื่องนี้ได้มีการหยิบยกหารือในการประชุมครม.ที่ผ่านมา เพื่อการขับเคลื่อนให้เป็นรูปธรรม ซึ่งได้รับการตอบรับที่ดีจากทุกพรรค ซึ่งมั่นใจว่าระบบการบริหารจัดการ จะสามารถส่งถึงมือได้อย่างโปร่งใส ไม่สามารถเปิดโอกาสให้เกิดการคอรัปชั่นได้ เพราะเป็นการบูรณาการความร่วมมือจากหน่วยงานต่างๆ ของกระทรวงเกษตรฯ โดยกรมการข้าว กรมส่งเสริมการเกษตร กระทรวงการคลัง กระทรวงพาณิชย์ โดยเปิดให้เอกชนทุกรายสามารถเข้ามาร่วมโครงการได้ ภายใต้เงื่อนไขที่กำหนดไว้ ผ่านกลไกของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์(ธกส.)

โครงการดังกล่าว สามารถช่วยเหลือเกษตรกรโดยตรง ถึง 16 ล้านราย เกษตรกรสามารถเลือกใช้ ปุ๋ย 15 สูตร ทั้งปุ๋ยเคมี ชีวภาพ และอินทรีย์ ซึ่งในแต่ละพื้นที่การเพาะปลูกข้าว ในฤดูกาลผลิต 67/68 จะเร่ิมระยะเวลาเพาะปลูกไม่เหมือนกันในแต่ละภาค และแต่ละจังหวัด ซึ่งการเพาะปลูกจะเร่ิมตั้งแต่เดือนนี้ จนถึงธันวาคมปี 2567 ดังนั้น หากเกษตรกรรายใดที่ได้ผ่านการลงทะเบียน ผ่านกรมส่งเสริมการเกษตร สามารถขอรับการสนับสนุนในโครงการได้ทันที โดยที่เกษตรกร ต้องมีการไถ หว่าน หรือดำนา ไปแล้ว 15 วัน

“โครงการปุ๋ยคนละครึ่ง เป็นหนึ่งใน 2 เรื่องที่พรรคหาเสียงไว้ โดยเรื่องแรก เรื่องเปลี่ยน “ส.ป.ก.4-01” เป็นโฉนดเพื่อการเกษตร ซึ่งได้ดำเนินการเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และนโยบายปุ๋ย เป็นอีกนโยบาย ที่พรรคได้ดำเนินการเพื่อเป้าหมายช่วยเหลือเกษตรในการลดต้นทุน และเพิ่มมูลค่าผลผลิต ซึ่งเรื่องนี้อยากให้ประชาชนเข้าใจว่าเกษตรกรผู้ปลูกข้าวประมาณ 4.68 ล้านครัวเรือน สามารถลดต้นทุนการผลิตข้าวได้ 10 `%ส่งผลให้เกษตรกรมีรายได้เพิ่มขึ้นร้อยละ 10 %และที่สำคัญ เกษตรกรผู้ปลูกข้าวสามารถเข้าถึงปุ๋ยคุณภาพในราคาถูก สำหรับเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตข้าว และยกระดับคุณภาพข้าวเพื่อตอนบสนองความต้องการของตลาด

ร.อ. ธรรมนัส กล่าวในที่ประชุมว่า โครงการปุ๋ยคนละครึ่ง กับ โครงการชดเชยเยียวยาไร่ละ 1,000 บาท เป็นคนละโครงการกัน ซึ่งโครงการชดเชยเยียวยา 1,000 บาท มีมาสมัยรัฐบาลที่แล้ว ที่เติมให้ไร่ละ 1,000 บาทไม่เกิน 20 ไร่ เป็นโครงการช่วยเหลือในเหตุการณ์วิกฤติ ปีที่ผ่านมาที่ราคาข้าวอยู่ประมาณ 7,000-8,000 บาทต่อตัน แต่ปัจจุบันราคาข้าวดีขึ้นแล้ว จึงทำให้เกิดโครงการปุ๋ยคนละครึ่ง เพื่อลดต้นทุนของเกษตรกรชาวนา และเพิ่มจำนวนผลผลิตต่อไร่ของข้าว ซึ่งเป็นโครงการที่มีความยั่งยืน และใช้งบประมาณอย่างคุ้มค่า เป็นสิ่งที่พูดคุยกับหลายภาคส่วนที่เกี่ยวข้องให้เกิดประโยชน์กับพี่น้องเกษตรกรอย่างแท้จริง

นายนภดล พลเสน เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อมได้รายงานต่อที่ประชุมถึงกรณี ที่ประชาชน ออกมาเรียกร้องถึงกรณีการแก้ปัญหาพื้นที่ทับซ้อนใน อ.ทับลาน จ.นครราชสีมา ว่า โดยพล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและส่ิงแวดล้อม ได้ให้นโยบายให้กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ดำเนินการเร่งด่วน คือ
1.ให้พิจารณาสิทธิชาวบ้านในการถือครองที่ดิน ส.ป.ก.ที่ทำกิน ต้องไม่มีนายทุนนักการเมืองถือครองเด็ดขาด พิสูจน์สิทธิให้ชัดเจน2.ให้ความเป็นธรรมชาวบ้าน ที่อยู่มาดั้งเดิมกว่า 20 ปี เพื่อให้ได้รับสิทธิที่ดินอย่างถูกต้องเป็นธรรม ไม่ให้ประชาชนได้รับความเดือดร้อน คาดว่ามีประมาณ 5 หมื่นไร่3.การจัดสรรพื้นที่ให้ชาวบ้านทำกิน ต้องไม่ตัดผืนป่าอุดมสมบูรณ์ ห้ามตัดพื้นที่ต้นน้ำ หรือที่มีสัตว์ป่าอาศัยอยู่ ไม่อนุญาตให้แบ่งแยกออกไปเพราะต้องรักษาผืนป่าไว้อาจพิจารณาตัดแบ่งเฉพาะที่ประชาชนอาศัยและทำกินอยู่ก่อนแล้วเท่านั้น

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 10 กรกฎาคม 2567

“พล.อ.ประวิตร”พบปะสส.พปชร.ร่วมโต๊ะอาหารกลางวันคับคั่ง ย้ำทำภารกิจกมธ.งบ 68 จัดทำทุกโครงการต้องคุ้มค่าภาษีปชช.

,

“พล.อ.ประวิตร”พบปะสส.พปชร.ร่วมโต๊ะอาหารกลางวันคับคั่ง ย้ำทำภารกิจกมธ.งบ 68 จัดทำทุกโครงการต้องคุ้มค่าภาษีปชช.

วันนี้ (2 ก.ค.) เวลา 11.30 น. ที่มูลนิธิอนุรักษ์ ป่ารอยต่อ 5 จังหวัด พล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) พร้อมด้วยแกนนำคนสำคัญ อาทิ นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รองหัวหน้าพรรค, นายไพบูลย์ นิติตะวัน รองหัวหน้าพรรค, นางสาวตรีนุช เทียนทอง รองหัวหน้าพรรค, นายวราเทพ รัตนากร ผู้อำนวยการพรรค สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร(สส.) นายธีรชัย ภูวนาถนรานุบาล ประธานด้านวิชาการพรรค นายอุตตม สาวนายน ประธานกรรมการด้านนโยบายและการปฏิรูปเพื่อการพัฒนาประเทศอย่างยั่งยืน พล.อ. กฤษณ์โยธิน ศศิพัฒนวงษ์ นายทะเบียนและเหรัญญิกพรรค และสมาชิกพรรค ได้นัดพบปะอย่างไม่เป็นทางการ พร้อมร่วมรับประทานอาหารกลางวัน ซึ่งยังเต็มไปด้วยบรรยากาศคึกคัก หนาแน่นของจำนวนสส.และสมาชิกที่ทยอยเข้ามาอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าวันนี้จะมีสส. และรัฐมนตรีของพรรคติดภารกิจการประชุมคณะรัฐมนตรีสัญจร รวมถึงบางส่วนติดภารกิจของกรรมาธิการดูงานในพื้นที่ต่างๆ

โดยการพบปะครั้งนี้ พล.อ. ประวิตร ได้เน้นย้ำให้ สส.ที่ได้รับการเสนอชื่อเป็นตัวแทนของพรรคร่วมคณะกรรมาธิการพิจารณาร่างงบประมาณ ปี 2568 ทำหน้าที่อย่างเต็มที่ โดยให้นำข้อมูลปัญหาที่เกิดขึ้นในพื้นที่ต่างๆ จากการไปรวบรวมของสส. และสมาชิกพรรค มาสู่​แนวทางการแก้ไขปัญหาอย่างเป็นรูปธรรม ทั้งทางด้าน น้ำ เกษตรกรรม ที่ทำกิน และการดูแลสิ่งแวดล้อม สู่การผลักดัน และการจัดสรรงบประมาณเพื่อทำโครงการที่เป็นประโยชน์กับพี่น้องประชาชนอย่างแท้จริง และที่สำคัญให้ยืนหยัดทำหน้าที่เป็นกระบอกเสียงในการพิจารณางบประมาณอย่างรอบคอบ คำนึงถึงเงินภาษีของประชาชน ให้คุ้มค่าทุกบาทมีความโปร่งใส เกิดประสิทธิภาพสูงสุดสู่ประชาชนโดยตรงอย่างทั่วถึง นำไปสู่การพัฒนาความเจริญให้กับประเทศ สร้างความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นให้กับพี่น้องประชาชน

สำหรับสส. ที่ทำหน้าที่กรรมาธิการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณ ปี 2568 ในสัดส่วนของพรรคพลังประชารัฐทั้ง 5 คน คือ นายอนุรัตน์ ตันบรรจง สส.พะเยา เขต 2 , น.ส.พิมพ์พร พรพฤฒิพันธุ์ สส.เพชรบูรณ์ เขต 1 , นายวิริยะ ทองผา สส.มุกดาหาร เขต 1 , นายอามินทร์ มะยูโซ๊ะ สส.นราธิวาส เขต 2 และ นายองอาจ วงษ์ประยูร สส.สระบุรี เขต 4 และในสัดส่วนของคณะรัฐมนตรี ประกอบด้วย นายวราเทพ รัตนากร ผู้อำนวยการพรรค และนายไผ่ ลิกค์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เขต 1 จ.กำแพงเพชร

นอกจากนี้ พล.อ.ประวิตร ยังฝากให้ สส.ที่ประจำอยู่ตามคณะกรรมาธิการ สภาผู้แทนราษฎรที่ ที่ได้ร่วมเดินทางไปศึกษาดูงานในพื้นที่ต่างๆ ทั้งในและต่างประเทศ ขอให้เก็บเกี่ยวความรู้ และวิธีการบริหารจัดการเพื่อการแก้ไขปัญหา นำมาปรับใช้และต่อยอด ให้สอดคล้องกับบริบทของประเทศ ในการดูแลพี่น้องประชาชน เพื่อหาแนวทางที่เหมาะสม และสร้างประโยชน์ให้ตกถึงมือพี่น้องประชาชนต่อไป

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 2 กรกฎาคม 2567

“รมว.ธรรมนัส” มอบหมาย “รมช.อรรถกร” เร่งกรมพัฒนาที่ดินตรวจวิเคราะห์คุณภาพดินรับโครงการปุ๋ยคนละครึ่ง หนุนชาวนาเข้าถึงข้อมูลวางแผนเพาะปลูกแม่นยำเพิ่มรายได้-ลดต้นทุนตามนโยบายรัฐ

,

“รมว.ธรรมนัส” มอบหมาย “รมช.อรรถกร” เร่งกรมพัฒนาที่ดินตรวจวิเคราะห์คุณภาพดินรับโครงการปุ๋ยคนละครึ่ง
หนุนชาวนาเข้าถึงข้อมูลวางแผนเพาะปลูกแม่นยำเพิ่มรายได้-ลดต้นทุนตามนโยบายรัฐ

นายอรรถกร ศิริลัทธยากร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า ได้จัดประชุม vdo conference ร่วมกับ จนท กรมพัฒนาที่ดินทั่วประเทศให้เตรียมตัวสนับสนุนเกษตรกรผู้ปลูกข้าว ทั่วประเทศ เพื่อลดต้นทุนการผลิต และสามารถเพิ่มผลผลิตต่อไร่ได้สูงขึ้น ตามนโยบายของรัฐบาล โดยเฉพาะการใช้ปุ๋ยของเกษตรกรให้มีประสิทธิภาพกว่าเดิม ในโครงการสนับสนุนเกษตรกรใช้ปุ๋ยตามค่าวิเคราะห์ดิน โดยได้เร่งรัดให้กรมพัฒนาที่ดิน จัดเก็บผลวิเคราะห์ดินทั่วประเทศ ใช้กลไกของอาสาหมอดินที่มีอยู่ใน 77 จังหวัด ทำการรวบรวมฐานข้อมูลคุณภาพดินในการเพาะปลูกของเกษตรกรผู้ปลูกข้าวทั้งหมด ที่จะนำไปสู่การวางแผนการเพาะปลูกที่เหมาะสม กับชนิดปุ๋ยในแต่ละพื้นที่ เพื่อให้สามารถวางแผนต้นทุนการเพาะปลูกข้าวได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งจะเป็นการสนับสนุนมาตรการ”ปุ๋ยคนละครึ่ง” ที่ผ่านความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรีเมื่อเร็วๆนี้

“การจัดทำฐานข้อมูลคุณภาพดินทั่วประเทศเป็นเรื่องที่มีความสำคัญ สำหรับเกษตรกรผู้ปลูกข้าว เพื่อให้ใช้ปุ๋ยที่เหมาะสมกับคุณภาพดินในแต่ละพื้นที่ เพราะที่ผ่านมาพบว่าการใช้ปุ๋ยเกินความจำเป็น สร้างภาระต้นทุนให้กับพี่น้องเกตรกรมาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะขณะนี้ราคาปุ๋ยที่ปรับตัวสูงขึ้น หากยิ่งใช้เกินความจำเป็นทำให้เกษตรกรขาดทุนในการเพาะปลูก ดังนั้นโครงการดังกล่าว ถือเป็นภาระกิจหลักตามนโยบายของ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกะทรวงเกษตรและสหกรณ์ ที่มีแผนการพัฒนาภาคเกษตร มีการวางแผนการเพาะปลูกแบบแม่นยำมากยิ่งขึ้น โดยมีเป้าหมายเพิ่มรายได้ให้เกษตรกร 3 เท่า ภายในระยะเวลา 4 ปี เป็นแนวทางของการสร้างความมั่นคงในอาชีพ ที่สามารถพึ่งพาตัวเองได้อย่างยั่งยืน

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 28 มิถุนายน 2567

“พปชร.”บุกร้อยเอ็ด เปิดเวที“ประชารัฐร่วมใจ เพื่อสร้างชีวิตที่สดใสให้คนไทยทั้งประเทศ”ย้ำ แนวทาง “อนุรักษนิยมทันสมัย”ชู ปกป้องสถาบัน-บริหารเศรษฐกิจทันสมัย

,

“พปชร.”บุกร้อยเอ็ด เปิดเวที“ประชารัฐร่วมใจ เพื่อสร้างชีวิตที่สดใสให้คนไทยทั้งประเทศ”ย้ำ แนวทาง “อนุรักษนิยมทันสมัย”ชู ปกป้องสถาบัน-บริหารเศรษฐกิจทันสมัย

พรรคพลังประชารัฐ(พปชร.)นำโดย พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ได้มอบหมายให้นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล ประธานด้านวิชาการ พรรคพลังประชารัฐ และอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ,นายสุรพร ดนัยตั้งตระกูล อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาฯ และ นางรัชนี พลซื่อ สส.ร้อยเอ็ด เขต 3 พรรคพลังประชารัฐ เข้าร่วมประชุมใหญ่ สาขาพรรค ภาคอีสาน จังหวัดร้อยเอ็ด
ได้เปิดเวทีประชารัฐร่วมใจเพื่อสร้างชีวิตที่สดใสให้คนไทยทั้งประเทศ เพื่อรับฟังปัญหาและข้อเสนอแนะของประชาชน ภายใต้สโลแกน “ปกป้องสถาบัน ทันสมัยเศรษฐกิจ มีชีวิตที่สดใส”ณ ห้องประชุมโรงเรียนโพนทองพัฒนาวิทยา อ.โพนทอง จ.ร้อยเอ็ด

โดย นายธีระชัย ได้กล่าวกับสมาชิกพรรคในช่วงหนึ่งว่า ทิศทางในการดำเนินการของพรรค พปชร. ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ที่หัวหน้าพรรค พล.อ.ประวิตร ได้เตรียมที่จะนำเสนอต่อประชาชน ที่เราเรียกว่า “อนุรักษ์นิยมทันสมัย“ ด้วยอุดมการณ์ที่แน่วแน่ในการปกป้องสถาบันและบริหารเศรษฐกิจทันสมัย เพื่อชีวิตที่สดใสให้กับคนไทยทั้งประเทศ

“การนำเสนอในเรื่องของอนุรักษ์นิยมทันสมัยของ พปชร.คือ การอนุรักษ์นิยมที่พัฒนาให้ดีกว่าอนุรักษ์นิยมดั้งเดิม ลักษณะอนุรักษ์นิยมทันสมัยไม่ได้เน้นให้ได้รับสิทธิเท่าเทียมภายในวันนี้ ไม่ใช่สังคมที่ต้องเท่าเทียมทันที แต่เราจะต้องเริ่มต้น โดยสังคมที่ให้โอกาสที่เท่าเทียม และความเท่าเทียมในโอกาสที่จะก้าวหน้า รวมถึงความเท่าเทียมในโอกาสที่จะปรับตัว ทำให้ทุกๆคนทันสมัยมากเป็นนโยบายที่เอาประชาชนเป็นที่ตั้ง เราจะปรับตัวให้ทุกคนมีศักยภาพในการเป็นอยู่ที่ดีขึ้น รักษาสุขภาพตัวเองได้แข็งแรงขึ้น ทำตัวให้เป็นประโยชน์ต่อสังคมได้มากขึ้น ทั้งหมดนี้คือการปูพื้นเพื่อสร้างโอกาสให้มากขึ้น“

นายธีระชัย กล่าวต่อว่า พรรคพลังประชารัฐเป็นพรรคการเมืองเดียวที่จะทำได้ โดยเราเข้าใจในความจริงแห่งโลก เราจะสร้างการยอมรับ จุดอ่อน จุดแข็งของสังคม และระบบราชการแล้วก็นำมาใช้ด้วยบุคลากรที่มีประสบการณ์ เคยผ่านงานมาแล้วและคิดได้ ทำเป็น สิ่งนี้คือลักษณะของนโยบายอนุรักษ์นิยมทันสมัย

นายธีระชัย ยังกล่าวต่อว่า พันธกิจของพรรคพลังประชารัฐ คือการเป็นศูนย์รวมผู้ที่มีความคิดสร้างสรรค์และทันสมัย ทุกรุ่นทุกวัยด้วย “5 อนุรักษ์ 5 ทันสมัย ได้แก่ อนุรักษ์สถาบัน,อนุรักษ์ผลประโยชน์ของชาติ,อนุรักษ์ทรัพยากรของชาติ,อนุรักษ์วัฒนธรรม และอนุรักษ์ระเบียบทางสังคม ในส่วนของ 5 ทันสมัย ได้แก่ เศรษฐกิจทันสมัย,วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีทันสมัย,สิ่งแวดล้อมทันสมัย,สังคมทันสมัย และภาครัฐทันสมัย

ด้านนางรัชนี กล่าวว่า ตนต้องขอขอบพระคุณกรรมการบริหารพรรคพลังประชารัฐที่ได้ให้ความสำคัญกับจังหวัดร้อยเอ็ด ถึงแม้ว่า พปชร.จะไม่ได้เป็นพรรคหลักในการจัดตั้งรัฐบาล แต่การเป็นพรรคร่วมรัฐบาลของ พปชร.ก็มีส่วนที่ผลักดันและนำนโยบายต่าง ๆ ที่ได้พูดไว้กับพี่น้องประชาชนมาสานต่อจนสำเร็จแล้วหลายเรื่อง ส่วนเรื่องที่ยังไม่สำเร็จท่านหัวหน้าพรรคก็ไม่ทิ้ง ท่านอยู่กับพวกเราเพื่อแก้ปัญหาให้กับประชาชนไปตลอด ทั้งนี้ พปชร.ก็จะมีนโยบายดี ๆ มาเสนอให้พี่น้องชาวอีสานต่อไปแน่นอน

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 27 มิถุนายน 2567

‘พล.อ.ประวิตร’ ร่วมพิธีลงนามเจ้าภาพจัดซีเกมส์ ครั้งที่ 33 เปิด 3 จังหวัด กทม. ชลบุรี สงขลา เจ้าภาพร่วมมุ่งยกระดับไทยจัดแข่งขันเทียบชั้นเอเชียนส์เกม-โอลิมปิค

,

‘พล.อ.ประวิตร’ ร่วมพิธีลงนามเจ้าภาพจัดซีเกมส์ ครั้งที่ 33 เปิด 3 จังหวัด กทม. ชลบุรี สงขลา เจ้าภาพร่วมมุ่งยกระดับไทยจัดแข่งขันเทียบชั้นเอเชียนส์เกม-โอลิมปิค

วันนี้ (14 มิ.ย. 67) พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ ในฐานะประธานสหพันธ์กีฬาซีเกมส์ และประธานคณะกรรมการโอลิมปิคแห่งประเทศไทย ได้ร่วมลงนามในสัญญาเมืองเจ้าภาพการจัดการแข่งขันกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 33 ณ คณะกรรมการโอลิมปิกแห่งประเทศไทย ถ.ศรีอยุธยา กรุงเทพมหานคร

พลเอกประวิตร ได้กล่าวต้อนรับ 11 ประเทศอาเซียน โดยระบุว่า ขอต้อนรับคณะมนตรีซีเกมส์ด้วยความยินดีอย่างยิ่ง และขอขอบคุณที่มาร่วมเป็นสักขีพยานในการลงนามสัญญากันเป็นเจ้าภาพการแข่งขันกีฬาซีเกมส์ครั้งที่ 33

การแข่งขันกีฬาซีเกมส์ครั้งที่ 33 ที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพ มีจังหวัดที่เป็นเจ้าภาพร่วม 3 จังหวัด ได้แก่ กรุงเทพมหานคร ชลบุรี และสงขลา ถือเป็นโอกาสอันดีที่ได้ต้อนรับทุกท่านอย่างอบอุ่น ก่อให้เกิดมิตรภาพที่ดีต่อกันตลอดไป การลงนามสัญญาครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่การแข่งขันกีฬาซีเกมส์เป็นไปเพื่อยกระดับมาตรฐานให้เทียบเคียงกับกีฬาเอเชียนเกมส์และโอลิมปิค เป็นไปตามระเบียบและข้อบังคับตามธรรมนูญซีเกมส์ฉบับลงวันที่ 4 พ.ค.66

โดยสำนักงานธรรมนูญซีเกมส์ จะทำหน้าที่สนับสนุนให้คำแนะนำในการแข่งขันกีฬาซีเกมส์อย่างเป็นทางการ ตนเองในฐานะประธานสหพันธ์ซีเกมส์ ขออวยพรให้การประชุมคณะมนตรีซีเกมส์ และการดำเนินงานเป็นไปด้วยความเรียบร้อย

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 14 มิถุนายน 2567

“พล.อ.ประวิตร” ร่วมวงข้าวกลางวัน ถก สส.เร่งแก้ปัญหาปชช.ในพื้นที่ นำเสียงสะท้อนผลักดันผ่านกลไกสภาฯ

,

“พล.อ.ประวิตร” ร่วมวงข้าวกลางวัน ถก สส.เร่งแก้ปัญหาปชช.ในพื้นที่ นำเสียงสะท้อนผลักดันผ่านกลไกสภาฯ

เวลา 11.30 น 30 พฤษภาคม 2567 พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) พร้อมด้วย แกนนำ สส.และสมาชิกพรรค อาทิ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ในฐานะประธานที่ปรึกษาพรรค ,ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมว.เกษตรและสหกรณ์ ในฐานะเลขาธิการพรรค,นายสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.กระทรวงสาธารณสุข ในฐานะรองหัวหน้าพรรค ,นายอรรถกร ศิริลัทธยากร รมช.กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ,นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รองหัวหน้าพรรค ,นายไพบูลย์ นิติตะวัน รองหัวหน้าพรรค, น.ส.ตรีนุช เทียนทอง รองหัวหน้าพรรค, พล.อ.กฤษณ์โยธิน ศศิพัฒนวงษ์ เหรัญญิกพรรค, นายวราเทพ รัตนากร ผู้อำนวยการพรรค ได้พูดคุยและรับประทาน อาหารกลางวันร่วมกัน ที่มูลนิธิอนุรักษ์ป่ารอยต่อฯ ซึ่งมีการแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างกันจากการลงพื้นที่ในด้านปัญหาและอุปสรรคของคนในพื้นที่ ที่จะนำมาสู่การวางแผนงานขับเคลื่อนพรรคให้สอดรับกับพี่น้องประชาชนมากที่สุด

โดยที่ผ่านมา พล.อ.ประวิตร ได้กำชับและ มอบหมายให้ สส.ทุกคนลงพื้นที่ไปรับฟังปัญหาของประชาชนในทุกแง่มุม รวมทั้งรับฟังเสียงสะท้อนความต้องการของประชาชน ในช่วงปิดสมัยการประชุมสภาฯ เพื่อที่จะนำปัญหาของประชาชนขับเคลื่อนสู่การแก้ไขอย่างเป็นรูปธรรม ผ่านกลไกของรัฐสภาในการเปิดสมัยประชุมช่วงเดือน ก.ค.นี้

นอกจากนี้ พล.อ.ประวิตร ยังย้ำให้รัฐมนตรีในสัดส่วนของพรรค พปชร.ตั้งใจทำหน้าที่เพื่อประชาชนและประเทศชาติต่อไป โดยขอให้เอาประโยชน์ของพี่น้องประชาชนเป็นหลักในการทำงาน เนื่องจากที่ผ่านมา พปชร.ได้เดินหน้าทำตามนโยบายที่ได้ประกาศหาเสียงกับประชาชนได้ครบเกือบทุกเรื่องแล้ว จึงอยากจะให้ทุกคนในพรรคสานต่อสิ่งดี ๆ ที่พรรคของเราได้ตั้งใจและตั้งมั่นเอาไว้

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 1 มิถุนายน 2567

พปชร.ประชุมสาขาพรรค จ.สิงห์บุรี เปิดเวทีรับฟังความคิดเห็น สู่การกำหนดนโยบายพรรค ด้าน “ชัยวุฒิ”เปิดชู“อนุรักษ์นิยมทันสมัย“ขับเคลื่อนพรรคอย่างประนีประนอม ไม่ทำให้สังคมแตกแยก

,

พปชร.ประชุมสาขาพรรค จ.สิงห์บุรี เปิดเวทีรับฟังความคิดเห็น สู่การกำหนดนโยบายพรรค ด้าน “ชัยวุฒิ”เปิดชู“อนุรักษ์นิยมทันสมัย“ขับเคลื่อนพรรคอย่างประนีประนอม ไม่ทำให้สังคมแตกแยก

วันนี้ (17 พฤษภาคม 2567) ที่ห้องประชุมโรงแรมไชยแสง นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ร่วมเปิดงานประชุมใหญ่สาขาพรรคภาคกลาง จังหวัดสิงห์บุรี เวทีประชารัฐร่วมใจเพื่อสร้างชีวิตที่สดใสให้คนไทยทั้งประเทศ โดยมีกรรมการยุทธศาสตร์พรรคเข้าร่วม อาทิ นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล อดีต รมว.คลัง พล.ต.อ.ธรรมศักดิ์ วิชชารยะ

นายชัยวุฒิ กล่าวว่า พรรคพลังประชารัฐเป็นพรรคที่ผ่านการเป็นรัฐบาลมาแล้ว4 ปี และการเลือกตั้งรอบนี้ก็ยังได้เป็นรัฐบาลอีกครั้ง เพียงแต่เราไม่ได้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล เนื่องจากจำนวน สส.ลดลง แต่สำหรับจังหวัดสิงห์บุรี เราก็ยืนหยัดอยู่กับพรรคพลังประชารัฐ และต้องขอบคุณที่ประชาชนไว้ใจและสนับสนุนให้ สส.โชติวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ เข้ามาทำหน้าที่ สส. เราก็จะทำให้จังหวัดสิงห์บุรีได้รับการพัฒนาและแก้ไขปัญหาต่างๆตนเชื่อว่าพรรคพลังประชารัฐเป็นพรรคที่มีความพร้อม มีความชัดเจนในการที่จะทำงานให้พี่น้องประชาชน และตนในฐานะรองหัวหน้าพรรค สามารถทำงานได้อย่างเต็มที่ในหลายๆด้าน

“ชาวจังหวัดสิงห์บุรี อาชีพหลักในพื้นที่คือการเกษตร ซึ่งพปชร.ก็ดูแลเต็มที่ในเรื่องน้ำ และระบบชลประทาน ผมเชื่อว่าพี่น้องประชาชนรู้สึกได้ที่พรรคเราทำงานอย่างเต็มที่มาโดยตลอด ทำให้เราได้รับการเลือกตั้งมาอย่างต่อเนื่อง แต่ที่สำคัญ นอกจากการดูแลพื้นที่ ตอนนี้มีการแข่งขันในด้านโซเชียลมีเดีย ซึ่งตรงนี้จะทำให้นักการเมืองดูแลพื้นที่ ดูแลชาวบ้านอย่างเดียวมันไม่พอแล้วพรรคพลังประชารัฐ จึงต้องปรับตัวและทำนโยบายทำความชัดเจนในเรื่องของอุดมการณ์ เพื่อสร้างกระแสให้พี่น้องประชาชนเข้าใจ”นายชัยวุฒิ กล่าว

นายชัยวุฒิ กล่าวต่อว่า คำว่า อนุรักษ์นิยมทันสมัย ก็คือ สิ่งที่ดีเราก็ดูแลส่งเสริมให้มันเข้มแข็งให้สิ่งดีๆเหล่านั้นอยู่กับสังคมไทยสืบทอดไปให้ลูกหลายของเรา แต่ขณะเดียวกัน เราก็พัฒนาสิ่งใหม่ ๆ ให้ต่อเนื่องกันไป และอนุรักษ์สิ่งที่ดีไว้ สิ่งสำคัญก็คือ การหารือร่วมกัน ประนีประนอมเข้าใจกัน หาทางออกร่วมกันไม่ใช่ใช้ความรุนแรง ไม่ใช้ความรู้สึกที่เกลียดชังกัน ไม่ใช่การที่ทำให้สังคมแตกแยกกัน และอีกสิ่งหนึ่งคือ เรายึดมั่นในอุดมการณ์ปกป้องสถาบัน ทำให้บ้านเมืองสงบสุข และพัฒนาประเทศไปร่วมกัน นี่คือแนวทางของพรรคพลังประชารัฐ และตนเชื่อว่าแนวทางนี้อยู่ในหัวใจของเราทุกคนตลอดไปแน่นอน

ทั้งนี้ นายชัยวุฒิ กล่าวภายหลังการประชุมว่า การประชุมประจำปีของสมาชิกพรรคที่จังหวัดสิงห์บุรีเรียบร้อยดี เป็นการประชุมและรับฟังความคิดเห็นของสมาชิกพรรคและพี่น้องประชาชน เพื่อนำไปกำหนดเป็นนโยบายของพรรคต่อไป

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 17 พฤษภาคม 2567