โลกเปลี่ยน ไทยต้องปรับ ทางเลือกใหม่ของการเมืองไทย ก้าวข้ามความขัดแย้ง สานพลังประชาราษฎร์ ร่วมสร้างชาติให้ยั่งยืน

ป้ายกำกับ: ข่าวประชาสัมพันธ์

ส.ส.พปชร.13 คน เข้ารายงานตัวต่อสภาผู้แทนราษฎรเพิ่ม 2 วัน รวม ส.ส.พร้อมทำหน้าที่ดูแลประชาชนแล้ว 30 คน

,

ส.ส.พปชร.13 คน เข้ารายงานตัวต่อสภาผู้แทนราษฎรเพิ่ม
2 วัน รวม ส.ส.พร้อมทำหน้าที่ดูแลประชาชนแล้ว 30 คน

สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ได้รายงานผล การเข้ารายงานตัว ของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ 26 ใหม่ เป็นวันที่ 2 ตั้งแต่เวลา 08.30-16.30 น. โดยวันนี้มี ส.ส.ของพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ได้เดินทางเข้ารายงานตัวจำนวน 13 คน ประกอบด้วย นายทวี สุระบาล ส.ส.ตรัง,นายองอาจ วงษ์ประยูร ส.ส.สระบุรี,นายอนุรัตน์ ตันบรรจง ส.ส.พะเยา,นายวิริยะ ทองผา ส.ส.มุกดาหาร,นายกระแสร์ ตระกูลพรพงศ์ ส.ส.จังหวัดหนองคาย

ส.ส.เพชรบูรณ์ ประกอบด้วย นางวันเพ็ญ พร้อมพัฒน์ ,นางพิมพ์พร พรพฤฒิพันธุ์ ,นายอัคร ทองใจสด ,นายบุญชัย กิตติธาราทรัพย์,นายวรโชติ สุคนธ์ขจร และ ส.ส.กำแพงเพชร ประกอบด้วย นายปริญญา ฤกษ์หร่าย,นายเพชรภูมิ อาภรณ์รัตน์,นายอนันต์ ผลอำนวย

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 22 มิถุนายน 2566

“พล.อ.ประวิตร” เตรียมลงพื้นที่ตรวจราชการจ.กำแพงเพชร ติดตามเรื่องน้ำ-ที่ดิน “วราเทพ”นำ4 ว่าที่ ส.ส. ร่วมต้อนรับ

,

“พล.อ.ประวิตร” เตรียมลงพื้นที่ตรวจราชการจ.กำแพงเพชร ติดตามเรื่องน้ำ-ที่ดิน “วราเทพ”นำ4 ว่าที่ ส.ส. ร่วมต้อนรับ

วันที่ 29 พ.ค. พล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ได้ลงพื้นที่ จ. กำแพงเพชร เพื่อตรวจราชการโดยมีนายสันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ร่วมคณะเพื่อติดตามการบริหารจัดการน้ำที่แก้มลิงหนองดงขวัญ ต.หนองปลิง อ.เมือง พร้อมกับมอบนโยบายและพบปะประชาชน

ทั้งนี้มีกำหนดการที่จะเดินทางไปยังโรงเรียนพรานกระต่ายพิทยาคม ต.ถ้ำกระต่ายทอง อ.พรานกระต่าย เพื่อร่วมพิธีมอบสมุดประจำตัวจัดสรรที่ทำกินพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ ป่าเขาเขียว ป่าเขาสว่าง และป่าคลองห้วยทราย ให้ประชาชนตามนโยบายของรัฐบาล ในลักษณะแปลงรวมพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ พร้อมกับมอบนโยบายการจัดที่ดินทำกินให้ชุมชนและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อสร้างมีอาชีพที่มั่นคงลดปัญหาการบุกรุกป่า

อย่างไรก็ตามพื้นที่จังหวัดกำแพงเพชร ถือเป็นจังหวัดแรกที่พล.อ.ประวิตร กลับมาลงพื้นที่หลังการเลือกตั้ง และพรรคพลังประชารัฐได้รับคะแนนเสียงยกจังหวัด โดยมีนายวราเทพ รัตนากร ในฐานะกรรมการยุทธศาสตร์พรรคพลังประชารัฐ และหัวหน้าทีมเลือกตั้งจ.กำแพงเพชร นำว่าที่ส.ส. กำแพงเพชร ร่วมต้อนรับ โดย 4 ว่าที่ส.ส.กำแพงเพชร ประกอบด้วย นายไผ่ ลิกค์ นายเพชรภูมิ อาภรณ์รัตน์ นายอนันต์ ผลอำนวย และนายปริญญา ฤกษ์หร่าย

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 27 พฤษภาคม 2566

“สุธรรม” พร้อมรับหน้าที่ ส.ส.หน้าใหม่เมืองคอน เร่งทำงานพื้นที่ให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้น

,

“สุธรรม” พร้อมรับหน้าที่ ส.ส.หน้าใหม่เมืองคอน เร่งทำงานพื้นที่ให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้น

นายสุธรรม จริตงาม ว่าที่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จ. นครศรีธรรมราช เขต 6 เปิดเผยว่า ขอขอบคุณพี่น้องประชาชนที่ให้เสียงสนับสนุนในการได้รับเลือกตั้งในพื้นที่เขต 6 ซึ่งตนได้ทำงานกับประชาชนมาอย่างต่อเนื่องตลอด 3 ปีทีผ่านมา ทำให้ประชาชนมีความเชื่อมั่น ทั้งนโยบายของพรรค และการเข้าถึงพื้นที่ของตนเอง จนสามารถรับรู้ปัญหาของพี่น้องประชาชน ซึ่งได้รับความไว้วางใจให้เป็นที่ว่าที่ ส.ส.หน้าใหม่ของจังหวัด โดยตนจะทำหน้าที่อย่างเต็มที่ เพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดี โดยมีเป้าหมายทำให้ประชาชนอยู่ดี กินดีขึ้น

“ตำแหน่งที่ผมได้รับมอบหมาย ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายรัฐบาล หรือฝ่ายค้าน ผมพร้อมจะทำงานอย่างเต็มที่ และเต็มกำลัง เพื่อผลักดันให้เกิดการพัฒนาพื้นที่อย่างเป็นรูปธรรม หรือเกิดการเปลี่ยนแปลง ภายใน 6 เดือน ถึง 1 ปีให้เป็นผลสำเร็จ”นายสุธรรม กล่าว

นายสุธรรม กล่าวต่อว่า ปัญหาส่วนใหญ่ของประชาชนในพื้นที่มีความหลากหลาย ทั้งเรื่องปากท้อง ค่าครองชีพ ราคาสินค้าเกษตร ที่ได้รับผลกระทบในภาพรวม จำเป็นที่จะต้องเร่งแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า และดำเนินการอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าบางเรื่องจะเป็นเรื่องที่ยาก และเกี่ยวข้องหลายภาคส่วน ในฐานะ ส.ส.ตนจะทำหน้าที่เป็นกระบอกเสียงและประสานงานให้ดีที่สุดเพื่อให้พี่น้องได้รับการยกระดับคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 24 พฤษภาคม 2566

เปิดพื้นที่พปชร. 3 จังหวัดกวาดทุกเขตรักษาแชมป์ !!! ว่าที่ ส.ส. ทุกคนพร้อมทำหน้าที่ตัวแทนพี่น้องประชาชน ในสภาผู้แทนราษฎร เดินหน้านำทุกปัญหาสู่การแก้ไข ทำทันที เพื่อให้พี่น้องประชาชนอยู่ดีกินดี มีอาชีพมั่นคง สร้างรายได้ที่ยั่งยืน ตามแนวทางของพรรคพลังประชารัฐ โดยการนำของพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ

,

เปิดพื้นที่พปชร. 3 จังหวัดกวาดทุกเขตรักษาแชมป์ !!! ว่าที่ ส.ส. ทุกคนพร้อมทำหน้าที่ตัวแทนพี่น้องประชาชน ในสภาผู้แทนราษฎร เดินหน้านำทุกปัญหาสู่การแก้ไข ทำทันที เพื่อให้พี่น้องประชาชนอยู่ดีกินดี มีอาชีพมั่นคง สร้างรายได้ที่ยั่งยืน ตามแนวทางของพรรคพลังประชารัฐ โดยการนำของพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ

ว่าที่ส.ส.พปชร. 3 จังหวัด พร้อมทำงาน
เมืองเพชรบูรณ์
นายสันติ พร้อมพัฒน์ เลขาธิการพรรค ส.ส.บัญชีรายชื่อ
น.ส.พิมพ์พร พรพฤฒิพันธุ์ เขต 1
นายจักรัตน์ พั้วช่วย เขต 2
นายบุญชัย กิตติธาราทรัพ เขต 3
นายวรโชติ สุคนธ์ขจร เขต 4
นางวันเพ็ญ พร้อมพัฒน์ เขต 5
นายอัคร ทองใจสด เขต 6

เมืองพะเยา
ร้อยเอกธรรมนัส พรหมเผ่า เขต 1
นายอนุรัตน์ ตันบรรจง เขต 2
นายจีรเดช ศรีวิราช เขต 3

เมืองกำแพงเพชร
นายไผ่ ลิกค์ เขต 1
นายเพชรภูมิ อาภรณ์รัตน์ เขต 2
นายอนันต์ ผลอำนวย เขต 3
นายปริญญา ฤกษ์หร่าย เขต 4

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 23 พฤษภาคม 2566

เปิดลิสต์ ว่าที่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร(ส.ส.) พปชร. 41 คน พร้อมทำงานในสภาผู้แทนราษฎร!!!

,

เปิดลิสต์ ว่าที่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร(ส.ส.) พปชร. 41 คน พร้อมทำงานในสภาผู้แทนราษฎร!!!

รายชื่อว่าที่ ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ ส.ส.แบบแบ่งเขต และบัญชีรายชื่อ รวม 41 คน
พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร. )ขอขอบคุณทุกคะแนนเสียง และความไว้วางใจให้เป็นตัวแทนเพื่อนำปัญหา และความต้องการของพี่น้องประชาชน สู่การผลักดันและการแก้ไขอย่างเป็นรูปธรรมในระบบรัฐสภา

สำหรับ พรรคพลังประชารัฐ มี ส.ส.เขต คะแนนนำ 39 ที่นั่ง คะแนนบัญชีรายชื่อ รวม 530,017 เสียง คิดเป็น 2 ที่นั่ง รวมมี ส.ส. 41 ที่นั่ง โดยมีรายชื่อ ดังต่อไปนี้

ส.ส.บัญชีรายชื่อ 2 คน
1. พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ
2. นายสันติ พร้อมพัฒน์

ส.ส.เขต 39 ที่นั่ง

จ.หนองคาย -นายกระแสร์ ตระกูลพรพงศ์ หนองคาย เขต 1
จ.ชัยภูมิ – นางสาวกาญจนา จังหวะ ชัยภูมิ เขต 4 ,นายอัครแสนคีรี โล่ห์วีระ ชัยภูมิ เขต 7
จ.สระแก้ว – นางขวัญเรือน เทียนทอง สระแก้ว เขต 1 ,นางสาวตรีนุช เทียนทอง สระแก้ว เขต 2
จ.ปัตตานี – นายคอซีย์ มามุ ปัตตานี เขต 2
จ.ราชบุรี – นางบุญยิ่ง นิติกาญจนา ราชบุรี เขต 2 , นายจตุพร กมลพันธ์ทิพย์ ราชบุรี เขต 3,นายชัยทิพย์ กมลพันธ์ทิพย์ ราชบุรี เขต 5
จ.กาฬสินธุ์ – นายจำลอง ภูนวนทา กาฬสินธุ์ เขต 3
จ.พะเยา – นายธรรมนัส พรหมเผ่า พะเยา เขต 1 ,นายอนุรัตน์ ตันบรรจง พะเยา เขต 2, นายจีรเดช ศรีวิราช พะเยา เขต 3
จ.พังงา – นายฉกาจ พัฒนกิจวิบูลย์ พังงา เขต 2
จ.สงขลา – นายชนนพัฒฐ์ นาคสั้ว สงขลา เขต 4
จ.สกลนคร – นายชัยมงคล ไชยรบ สกลนคร เขต 5
จ.สิงห์บุรี – นายโชติวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ สิงห์บุรี เขต 1
จ.ตรัง – นายทวี สุระบาล ตรัง เขต 2
จ.เชียงใหม่ – นายนเรศ ธำรงค์ทิพยคุณ เชียงใหม่ เขต 9
จ.เพชรบูรณ์ – นางสาวพิมพ์พร พรพฤฒิพันธุ์ เพชรบูรณ์ เขต 1,นายจักรัตน์ พั้วช่วย เพชรบูรณ์ เขต 2, นายบุญชัย กิตติธาราทรัพย์ เพชรบูรณ์ เขต 3,นายวรโชติ สุคนธ์ขจร เพชรบูรณ์ เขต 4,นางวันเพ็ญ พร้อมพัฒน์ เพชรบูรณ์ เขต 5,นายอัคร ทองใจสด เพชรบูรณ์ เขต 6
จ.แม่ฮ่องสอน- นายปกรณ์ จีนาคำ แม่ฮ่องสอน เขต 1
จ.กำแพงเพชร- นายไผ่ ลิกค์ กำแพงเพชร เขต 1,นายเพชรภูมิ อาภรณ์รัตน์ กำแพงเพชร เขต 2,นายอนันต์ ผลอำนวย กำแพงเพชร เขต 3,นายปริญญา ฤกษ์หร่าย กำแพงเพชร เขต 4
จ.ตาก – นายภาคภูมิ บูลย์ประมุข ตาก เขต 3
จ.ร้อยเอ็ด – นางรัชนี พลซื่อ ร้อยเอ็ด เขต 3
จ.มุกดาหาร – นายวิริยะ ทองผา มุกดาหาร เขต 1
จ.ชลบุรี – นายสะถิระ เผือกประพันธุ์ ชลบุรี เขต 1
จ.นราธิวาส – นายอามินทร์ มะยูโซ๊ะ นราธิวาส เขต 2,นายสัมพันธ์ มะยูโซ๊ะ นราธิวาส เขต 3
จ.นครศรีธรรมราช – นายสุธรรม จริตงาม นครศรีธรรมราช เขต 6
จ.สระบุรี – นายองอาจ วงษ์ประยูร สระบุรี เขต 4
จ.ฉะเชิงเทรา – นายอรรถกร ศิริลัทธยากร ฉะเชิงเทรา เขต 2

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 19 พฤษภาคม 2566

“พล.อ.ประวิตร” ร่วมรับมอบธงในฐานะเจ้าภาพกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 33 !!!

, ,

“พล.อ.ประวิตร” ร่วมรับมอบธงในฐานะเจ้าภาพกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 33 !!!

ปิดฉากลงแล้วกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 32 สนามกีฬาแห่งชาติมรดกเตโช ประเทศกัมพูชา โดยบิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ประธานคณะกรรมการโอลิมปิคแห่งประเทศไทย ร่วมรับมอบธงในฐานะเจ้าภาพครั้งต่อไป ครั้งที่ 33 อีก 2 ปีข้างหน้า ระหว่างวันที่ 9-20 ธันวาคม ในปี พ.ศ. 2568 ใช้กรุงเทพมหานคร, ชลบุรี, สงขลา เป็น 3 จังหวัดหลักในการเป็นเจ้าภาพ

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 18 พฤษภาคม 2566

“ชาญกฤช” ไขข้อข้องใจ ทำไมนายกฯ คนที่ 30 ต้องชื่อ “พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ” พร้อมปลุกพลังเงียบ เข้าคูหากาเบอร์ 37 และเลือกผู้สมัคร ส.ส. ของพรรคพลังประชารัฐ

,

“ชาญกฤช” ไขข้อข้องใจ ทำไมนายกฯ คนที่ 30 ต้องชื่อ “พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ” พร้อมปลุกพลังเงียบ เข้าคูหากาเบอร์ 37 และเลือกผู้สมัคร ส.ส. ของพรรคพลังประชารัฐ

เมื่อวันที่ 9 พ.ค. 66 นายชาญกฤช เดชวิทักษ์ โฆษกคณะกรรมการยุทธศาสตร์การเลือกตั้งพรรคพลังประชารัฐ เปิด 5 คุณสมบัติของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ที่เหมาะสมจะก้าวสู่ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ของประเทศไทย ดังนี้

คุณสมบัติที่ 1 การลงสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.บัญชีรายชื่อ เพื่อผ่านการเลือกตั้งจากประชาชนทั้งประเทศตามวิถีประชาธิปไตย เป็นนายกรัฐมนตรีที่มาจากประชาชน มีความสง่างามในการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ดังคำพูดของ พล.อ.ประวิตร ที่ระบุว่า “ถ้าผมไม่มีชื่อลงสมัครรับเลือกตั้ง แล้วผมจะแน่ใจได้อย่างไรว่าประชาชนเลือกผมด้วย ไม่ใช่กาบัตรเลือกคนอื่น แล้วผมเป็นแค่ผลพลอยได้ ผมจึงเลือกที่จะเป็นทั้งหัวหน้าพรรค ผู้สมัคร ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์เบอร์ 1 และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี เพื่อให้ผมมั่นใจว่า คะแนนที่ได้มานั้น ประชาชนเลือกผม” คุณสมบัติที่ 2 การเป็นมือประสาน 10 ทิศ สามารถทำงานกับฝ่ายการเมืองได้กับ​ทุกพรรค ทุกฝ่าย โดยเฉพาะการเป็นผู้จัดการประสานการจัดตั้งรัฐบาลเมื่อปี 2562 ดังปรากฎในผลโพล ที่ประชาชนต่างยกให้ พล.อ.ประวิตร เป็นนายกรัฐมนตรีที่จะช่วยแก้ไขปัญหาความขัดแย้ง และเป็นนายกรัฐมนตรีที่จะสามารถประสานงานจัดตั้งรัฐบาลได้อย่างราบรื่น ไม่เกิดการแบ่งสี แบ่งขั้ว คุณสมบัติที่ 3 สามารถทำงานกับข้าราชการ และเข้าถึงคนรุ่นใหม่ โดยเปิดโอกาสให้เยาวชน นิสิต นักศึกษาเข้าพบ เพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็นระหว่างกันบ่อยครั้งอย่างเป็นกันเอง คุณสมบัติที่ 4 การเป็นผู้มากบารมี สามารถเชื้อเชิญบุคลากรที่มีความรู้ ความสามารถ และประสบการณ์ ให้มาร่วมกันแก้ปัญหาปากท้องของประชาชน และทำงานขับเคลื่อนประเทศไทยไปข้างหน้าโดยไม่สะดุด หรือไร้รอยต่อระหว่างเปลี่ยนผ่านรัฐบาล โดยเห็นได้จากดรีมทีมเศรษฐกิจของพรรค ซึ่งล้วนเป็นกูรูเศรษฐกิจระดับแนวหน้าของประเทศ และคุณสมบัติที่ 5 พล.อ.ประวิตร จะเป็นนายกรัฐมนตรี ที่ทำให้รัฐบาลมีเสถียรภาพ เกิดความมั่นคงตลอดระยะเวลา 4 ปี โดยไม่ต้องเปลี่ยนตัวผู้นำกลางคัน ทำให้เกิดความต่อเนื่อง และเกิดความเชื่อมั่นทั้งประชาชนคนไทยและนักลงทุนต่างชาติ

“พล.อ.ประวิตร มีความพร้อมที่จะเป็นนายกรัฐมนตรี แม้ว่าท่านจะเดินช้า แต่ระยะเวลา 4 ปีที่ผ่านมา ขาทั้งสองข้างของท่าน ได้ลงพื้นที่ไป 77 จังหวัดทั่วประเทศ เพื่อให้ความช่วยเหลือประชาชนในทุกเรื่อง หวังให้ประชาชนพ้นจากความยากจนและคลายทุกข์ลงได้ ทั้งปัญหาที่ดินทำกิน ปัญหาน้ำท่วม-น้ำแล้ง และปัญหาปากท้อง เช่นเดียวกับครั้งนี้ พล.อ.ประวิตร จะขับเคลื่อนประเทศไทยด้วยสมอง สองมือ และประสบการณ์ที่มีของตัวท่านเอง ทำให้บ้านเมืองเกิดความสงบสุข และประชาชนอยู่ดีกินดี ขอเพียงพี่น้องประชาชนเปิดใจเลือก พล.อ.ประวิตร และเลือกพรรคพลังประชารัฐ เข้ามาทำหน้าที่ เพื่อทลายปัญหาความขัดแย้ง และนำพาประเทศไทยก้าวข้ามความยากจนไปได้อย่างยั่งยืน” นายชาญกฤช กล่าว

โฆษกคณะกรรมการยุทธศาสตร์ฯ ​ขอให้คนไทยใช้โอกาสการเลือกตั้งครั้งประวัติศาสตร์ในวันอาทิตย์ที่ 14 พ.ค.นี้ พิจารณาไตร่ตรองอย่างรอบคอบในการเลือกผู้นำประเทศและผู้แทนฯ ของตัวเอง เพราะการเลือกตั้งครั้งนี้ จะเป็นการชี้ชะตาอนาคตประเทศไทยในอีก 4 ปีข้างหน้า พร้อมเชิญชวนประชาชนให้ออกมาใช้สิทธิ์เลือกตั้งในวันอาทิตย์ที่ 14 พ.ค.นี้ และหากพรรคพลังประชารัฐคือคำตอบ โปรดอย่าลังเลที่จะเลือกหมายเลข 37 บนบัตรเลือกตั้งสีเขียว และเลือกผู้สมัครฯ ของพรรคทั่วประเทศ ผ่านบัตรเลือกตั้งสีม่วง เพื่อก้าวข้ามความขัดแย้ง และพลิกฟื้นเศรษฐกิจ พลิกโฉมประเทศไทย ให้ก้าวหน้าไปอย่างยั่งยืน

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 11 พฤษภาคม 2566

“อุตตม – สนธิรัตน์” ควงคู่ร่วมแถลงสรุปนโยบายเศรษฐกิจโค้งสุดท้าย “อุตตม” ชูนโยบาย 3 เร่งด่วนทำทันที แก้ปัญหาเศรษฐกิจ-ปากท้อง ขณะที่ “สนธิรัตน์” โชว์เขตเศรษฐกิจพิเศษปาล์ม น้ำมัน พร้อมยกระดับเกษตรกรไทยเป็นสมาร์ทฟาร์มเมอร์ ย้ำนโยบายสาธารณสุขครบวงจร “ลุงป้อมขอพาหมอไปหา เอายาไปส่งถึงบ้าน”

,

“อุตตม – สนธิรัตน์” ควงคู่ร่วมแถลงสรุปนโยบายเศรษฐกิจโค้งสุดท้าย “อุตตม” ชูนโยบาย 3 เร่งด่วนทำทันที แก้ปัญหาเศรษฐกิจ-ปากท้อง ขณะที่ “สนธิรัตน์” โชว์เขตเศรษฐกิจพิเศษปาล์ม น้ำมัน พร้อมยกระดับเกษตรกรไทยเป็นสมาร์ทฟาร์มเมอร์ ย้ำนโยบายสาธารณสุขครบวงจร “ลุงป้อมขอพาหมอไปหา เอายาไปส่งถึงบ้าน”

วันที่ 4 พ.ค. 2566 ที่ทำการพรรคพลังประชารัฐ ดร.อุตตม สาวนายน ประธานคณะจัดทำนโยบายพรรค นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงษ์ ประธานยุทธศาสตร์การเมือง ร่วมแถลงข่าวเรื่อง “สรุปนโยบาย โค้งสุดท้าย สู่การเลือกตั้งเป็นรัฐบาล พลังประชารัฐ” โดย ดร.อุตตม กล่าวว่า พล.อ.ประวิตร ได้พูดชัดเจนแล้วว่าพรรคพลังประชารัฐมีความพร้อมที่จะทำงานให้ประชาชน และทำให้บรรลุผลสำเร็จ โดยเริ่มจากนโยบายสำคัญคือการก้าวข้ามความขัดแย้ง ซึ่งถือเป็นนโยบายที่ครอบคลุม และอยู่เหนือทุกนโยบายของพรรค เพราะหากปราศจากการก้าวข้ามความขัดแย้งแล้ว เราก็ไม่สามารถขับเคลื่อนนโยบายที่ตอบโจทย์ความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนได้ และไม่ว่าใครจะเป็นรัฐบาลก็จะไม่สามารถส่งมอบอนาคตที่ดีให้ประชาชนได้อย่างเต็มที่ นอกจากนั้น พรรคยังมีนโยบายที่ชัดเจน และสามารถทำได้ทันที หากพรรคได้เข้าไปเป็นรัฐบาล ด้วยนโยบาย 3 เร่งด่วน ซึ่งภารกิจหลักเร่งด่วนที่ต้องทำทันที ได้แก่ 1. กระตุ้นเศรษฐกิจให้ฟื้นอย่างแท้จริง และทันที 2. เร่งเศรษฐกิจให้โต และเต็มตามศักยภาพให้ได้ และ 3. เร่งรัดการวางพื้นฐานการพัฒนาที่ยั่งยืนให้ประเทศและคนไทย พร้อมแก้ปัญหาความยากจน และความเหลื่อมล้ำอย่างครบวงจร ด้วยการแก้หนี้ เติมทุน เพิ่มทักษะและโอกาสให้ประชาชนคนตัวเล็กมีโอกาสทำมาหากินได้

“ในการปรับโครงสร้างระบบเศรษฐกิจ เราให้ความสำคัญตั้งแต่ระบบฐานราก โดยมุ่งเน้นให้เข้มแข็งตั้งแต่ฐานราก ไปจนถึงการพัฒนาเครื่องยนต์เศรษฐกิจใหม่ๆ ซึ่งวันนี้ ประเทศไทยต้องการการลงทุนขนาดใหญ่ ประเทศเรายังมีหลายอย่างที่เป็นจุดแข็งและสามารถขับเคลื่อนได้ทั้งเรื่อง BCG สุขภาพ รถยนต์ไฟฟ้า ดิจิทัล และการพัฒนาพื้นที่เชิงยุทธศาสตร์ เช่น การต่อยอด EEC สิ่งเหล่านี้พรรคมีแนวนโยบายที่ชัดเจน และสามารถทำได้จริง ซึ่งพรรคพลังประชารัฐจะทำให้เกิดขึ้น และทำให้เกิดการลงทุนที่คึกคัก เศรษฐกิจเดินหน้า นอกจากนี้ ยังมีเรื่องรัฐสวัสดิการที่จะทำให้คนไทยมีความเข้มแข็งและได้รับประโยชน์อย่างเท่าเที่ยม ทั่วถึง และเป็นธรรมอีกด้วย” ดร.อุตตม กล่าว

นายสนธิรัตน์ กล่าวว่า พรรคพลังประชารัฐมีนโยบายที่เป็นรูปธรรม เรื่องแรกที่จะทำคือใช้โครงสร้างกองทุนหมู่บ้าน (กทบ.) ดำเนินโครงการที่เคยทำไว้แล้ว โดยสนับสนุนเงินทุนให้กองทุนหมู่บ้าน กองทุนละ 2 แสนบาท ภายใต้วงเงินงบประมาณ 16,000 ล้านบาท เพื่อสร้างความเข้มแข็งของฐานราก พร้อมต่อยอดให้พี่น้องในพื้นที่ใช้เงินกองทุนให้เกิดประโยชน์ เรื่องที่สองคือนโยบายภาคเกษตร การลดภาระค่าใช้จ่ายให้พี่น้องเกษตรกร คือนโยบายปุ๋ยคนละครึ่ง
เพื่อลดค่าใช้จ่ายให้พี่น้องเกษตรกร พร้อมตั้งกองทุนปุ๋ยประชารัฐ เพื่อรักษาเสถียรภาพราคาปุ๋ย นอกจากนั้น ยังมีนโยบายที่จะให้ทุนการเพาะปลูกของเกษตรกร ครัวเรือนละ 30,000 บาท ครอบคลุม 8 ล้านครัวเรือน เพื่อแก้หนี้ และเพิ่มผลผลิตในพื้นที่ เราต้องการทำให้พี่น้องหลุดจากวังวนหนี้สิน มีรายได้เหลือ โดยการยกระดับพี่น้องเกษตรกรไปสู่ระบบสมาร์ทฟาร์มเมอร์ ตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษปาล์มน้ำมัน ซึ่งจะช่วยให้พี่น้องมีรายได้ที่มั่นคง

นายสนธิรัตน์ กล่าวว่า ขณะที่นโยบายด้านสาธารณสุข พรรคพลังประชารัฐมีนโยบายที่ครอบคลุม และได้ดำเนินการไปแล้วหลายเรื่อง โดยเน้นการป้องกันก่อนป่วยมากกว่าการรักษา เราจะใช้โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพประจำตำบล (รพ.สต.) เป็นฐานหลัก เป็นเหมือนโรงพยาบาลหน้าบ้าน นอกจากนี้ ยังใช้เทคโนโลยีในการดูแลพี่น้องประชาชน ตามนโยบาย “ลุงป้อมขอพาหมอไปหา เอายาไปส่งถึงบ้าน” ผู้ป่วยไม่ต้องเข้าคิวรอที่โรงพยาบาล ไม่ต้องเดินทางไกล ลดภาระค่าใช้จ่าย สามารถใช้ รพ.สต. รักษาผ่านมือถือ ใช้ร้านขายยาเข้าระบบเทเลฟาร์มาซี ที่ผ่านมา เรายังได้ดำเนินการศูนย์ข้อมูลกลางของผู้ป่วยไปแล้วกว่า 1,064 โรงพยาบาล หากพี่น้องเจ็บป่วยก็มีฐานข้อมูล ทำให้สามารถรักษาได้ทันสถานการณ์ และมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ ในอนาคตจะมีผู้ป่วยติดเตียงมากขึ้น เราจะสร้างอาสาสมัครบริบาลท้องถิ่น 1 แสนตำแหน่ง เพื่อช่วยเหลือผู้ป่วยติดเตียง ให้ไม่เป็นภาระลูกหลานอย่างเดียว ขอเรียนยืนยันว่าทุกนโยบายสาธารณสุขของพรรคพลังประชารัฐ หากเราได้บริหารกระทรวงสาธารณสุขสามารถ ก็จะสามารถขับเคลื่อนทุกนโยบาย เพื่อทำให้คนไทยแข็งแรง เข้าถึงบริการสาธารณสุขอย่างทั่วถึง และเท่าเทียม

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 4 พฤษภาคม 2566

“พล.อ.ประวิตร” เข้าใจศักยภาพแรงงานไทย สานต่อนโยบายยกระดับแรงงาน เสริมสร้างทักษะ รับการเปลี่ยนแปลง สร้างรายได้ สร้างเศรษฐกิจมั่นคง

,

“พล.อ.ประวิตร” เข้าใจศักยภาพแรงงานไทย สานต่อนโยบายยกระดับแรงงาน เสริมสร้างทักษะ รับการเปลี่ยนแปลง สร้างรายได้ สร้างเศรษฐกิจมั่นคง

(วันที่ 1 พฤษภาคม 2566 ) พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ กล่าวเนื่องในโอกาสวันแรงงานแห่งชาติ ประจำปี 2566 ซึ่งตรงกับวันที่ 1 พฤษภาคมของทุกปี เพื่อเป็นขวัญกำลังใจแก่ผู้ใช้แรงงานทุกคนว่า ตนตระหนักถึงหยาดเหงื่อของผู้ใช้แรงงานในประเทศ ที่ได้ทำประโยชน์ต่อเศรษฐกิจและสังคม ตนขอให้ผู้ใช้แรงงานทุกท่านมีความสุข ร่างกายแข็งแรง และมีพลานามัยที่ดีในทุกๆ วัน พร้อมที่จะร่วมกันพัฒนาประเทศ ให้เจริญก้าวหน้า และขอให้ทุกคน ประสบความสำเร็จในการประกอบอาชีพ เดินตามความฝันของตนเองที่วางไว้ ขออวยพรให้ทุกคนมีพลังใจ มีพลังงาน มีแรงทำงานต่อไป

พล.อ.ประวิตร กล่าวต่อว่า ในส่วนของพรรค พปชร.มี นโยบายในการยกระดับแรงงานให้มีชีวิตที่ดีขึ้นได้ โดยเรามีเป้าหมายในการยกระดับภาคอีสานให้เป็นแหล่งงาน สร้างรายได้ สร้างเศรษฐกิจ เกิดแรงงานใหม่ให้กับในพื้นที่ ลูกหลานคนอีสานจะได้ไม่ต้องย้ายถิ่นฐานออกไปอยู่ที่อื่นหรือกรุงเทพฯ เพื่อประกอบอาชีพ เพราะเราจะผลักดัน นโยบายอีสานประชารัฐฯ สู่การพัฒนา สร้างเมืองอีสานให้มีเศรษฐกิจที่สมบูรณ์ และจะเชื่อมโยงระบบขนส่งคมนาคมที่ครอบคลุมทั้งการโดยสารและขนส่งสิงค้า เชื่อมโยงเศรษฐกิจระภูมิภาค เพื่อสร้างการค้าการลงทุนทั้งในไทยและประเทศเพื่อนบ้าน เช่น ลาว พม่า กัมพูชา เวียดนาม จีน ดังนั้นแรงงานอีสานต้องรวย มีชีวิตที่ดี มีความมั่นคง

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 1 พฤษภาคม 2566

ปุ๋ยคนละครึ่ง-กองทุนปุ๋ยประชารัฐ ลดต้นทุน เพิ่มรายได้เกษตรกร

,

ปุ๋ยคนละครึ่ง-กองทุนปุ๋ยประชารัฐ ลดต้นทุน เพิ่มรายได้เกษตรกร

พปชร.เอาใจเกษตรกร 8 ล้านครัวเรือน ชู “ปุ๋ยคนละครึ่ง” รัฐช่วยเหลือ 50% พร้อมตั้งกองทุนปุ๋ยประชารัฐ ลดต้นทุนการเพาะปลูก เพิ่มรายได้ ยกระดับคุณภาพชีวิตชาวไร่-ชาวนา

นายชาญกฤช เดชวิทักษ์ โฆษกคณะกรรมการยุทธศาสตร์การเลือกตั้ง พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เปิดเผยถึงนโยบายด้านการเกษตร ว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ให้ความสำคัญกับเกษตรกรทุกกลุ่ม มีนโยบายด้านการเกษตรออกมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อหวังแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำและยกระดับคุณภาพชีวิตของเกษตรกรไทยที่เป็นกระดูกสันหลังของชาติ

จากภาวะสงครามรัสเซีย-ยูเครน ส่งผลให้ราคาปุ๋ยขยับตัวสูงขึ้นเป็นประวัติการณ์ แม้ว่าปัจจุบัน ปัญหาราคาปุ๋ยแพงจะคลี่คลายลงบ้าง จากราคาวัตถุดิบในตลาดโลกที่เริ่มทยอยปรับลดลง แต่สถานการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้เกษตรกรเกิดความไม่มั่นใจ และเป็นห่วงว่าราคาปุ๋ยเคมีที่แพงและผันผวนมาก จะกระทบต่อต้นทุนการเพาะปลูก รวมถึงรายได้ของเกษตรกรอาจไม่เพียงพอต่อภาระค่าครองชีพที่ปรับตัวสูงขึ้น

ที่สำคัญ ปีนี้ มีแนวโน้มว่า สถานการณ์ “ผลผลิตเกษตร” ของโลกลดลง จากปัญหา “ร้อน-แล้ง” และยังมีความ “ต้องการ” เพิ่มขึ้น ฉะนั้น เกษตรกรไทยจึงควรทำให้พืชผลทางการเกษตรมีศักยภาพในการแข่งขัน โดยรัฐบาลต้องเข้ามาช่วยดูแลให้เกษตรกรมีต้นทุนการเพาะปลูกที่ต่ำ อีกทั้ง จำหน่ายผลผลิตเกษตรให้ได้ในราคาสูง

ล่าสุด พรรคพลังประชารัฐ มีนโยบาย “ปุ๋ยคนละครึ่ง” ออกมาเพื่อช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายของเกษตรกร ทำให้สามารถซื้อปุ๋ยได้ในราคาถูก เนื่องจากรัฐบาลจะช่วยอุดหนุน 50 % พร้อมกับจัดตั้งกองทุนปุ๋ยประชารัฐ เพื่อรักษาเสถียรภาพ ซึ่งจะครอบคลุมเกษตรกร จำนวน 8 ล้านครัวเรือน เพื่อลดต้นทุนการเพาะปลูก ทำให้ได้ผลผลิตเพิ่มขึ้น สร้างรายได้ให้กับเกษตรกรอย่างยั่งยืน พร้อมฝากประชาชน พิจารณาเลือกพรรคพลังประชารัฐ เบอร์ 37 และเลือกผู้สมัคร ส.ส.ของพรรคทุกเขตทั่วทั้งประเทศ เพื่อก้าวข้ามความขัดแย้ง และพลิกฟื้นเศรษฐกิจ พลิกโฉมประเทศไทย เพื่อก้าวหน้าไปอย่างยั่งยืน

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 28 เมษายน 2566

“พล.อ.ประวิตร”นำทัพ พปชร.ปราศรัย จ.ฉะเชิงเทรา ส่งผู้สมัคร 4 เขต คนดี คนเก่งรับใช้ปชช. ลั่นลดราคาพลังงานทุกชนิดทันทีที่เป็น รบ.ชวน คนไทยก้าวข้ามความยากจนและความขัดแย้ง

,

“พล.อ.ประวิตร”นำทัพ พปชร.ปราศรัย จ.ฉะเชิงเทรา ส่งผู้สมัคร 4 เขต คนดี คนเก่งรับใช้ปชช. ลั่นลดราคาพลังงานทุกชนิดทันทีที่เป็น รบ.ชวน คนไทยก้าวข้ามความยากจนและความขัดแย้ง

เมื่อวันที่ 19 เมษายน 2566 เวลา 17.50 น. พรรคพลังประชารัฐ ได้เปิดเวทีปราศรัยใหญ่ บริเวณลานจอดรถวัดสมานรัตนาราม ต.บางแก้ว อ.เมือง จ.ฉะเชิงเทรา นำโดย พล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ พร้อมด้วย นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ ประธานยุทธศาสตร์การเมือง และนายวิรัช รัตนเศรษฐ รองหัวหน้าพรรค ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ ประธานยุทธศาสตร์การเมือง และ ดร.รัฐสภา นพเกต ผู้สมัคร ส.ส. เขต 1 เบอร์ 3 ,นายอรรถกร ศิริลัทธยากร ผู้สมัคร ส.ส. เขต 2 เบอร์ 4, นายสายัณห์ นิราชผู้สมัคร ส.ส. เขต 3 เบอร์ 4 และ พล.ต.ท พิทักษ์ จารุสมบัติ ผู้สมัคร ส.ส. เขต 4 เบอร์ 7 โดยบรรยากาศเป็นไปด้วยความคึกคักมีประชาชน จำนวน 12,000 คน รอเข้าร่วมรับฟังการปราศรัย

พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า วันนี้รู้สึกอบอุ่นที่มาพบปะพี่น้องประชาชนในวันนี้ ผมและพรรคพลังประชารัฐพร้อมแล้วที่จะทำงานรับใช้พี่น้องชาว จ.ฉะเชิงเทรา เพื่อให้ จ.ฉะเชิงเทรา ได้เจริญรุ่งเรือง ฝากพรรคพลังประชารัฐด้วย พรรคได้เลือกคนดี คนเก่งมาเป็นผู้แทนของพี่น้องชาว จ.ฉะเชิงเทรา ทั้ง 4 เขตโปรดเลือกผู้สมัครของพรรคพลังประชารัฐทั้ง 4 เขต ด้วย และการเลือกพรรคพลังประชารัฐขอให้เลือก 37 ด้วย ทั้งนี้ อยากจะสื่อสารให้พี่น้องทราบว่า พรรคพลังประชารัฐได้นำเสนอนโยบายที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชนมากมาย ทำนโยบายบัตรประชารัฐเพิ่มเป็น 700 บาทต่อเดือน ลดราคาน้ำมัน แก๊สหุงต้ม และค่าไฟฟ้าลงในทันทีเมื่อได้เข้ามาเป็นรัฐบาล โดยน้ำมันเบนซินลดลง 18 บาท ต่อลิตร ดีเซล ลดลง 6.30 บาทต่อลิตร ในทันทีที่พรรคได้มาเป็นรัฐบาล รวมทั้งมีมาตรการลดราคาแก๊สหุงต้มเหลือ 250 บาทต่อถัง 15 กิโลกรัม ที่สำคัญคือ ลดราคาค่าไฟฟ้าสำหรับบ้านที่อยู่ที่อาศัย เหลือ 2.50 บาทต่อหน่วย ภาคอุตสาหกรรม เหลือ 2.70 บาทต่อหน่วย

อย่างไรก็ตาม พลังประชารัฐจะทำทุกอย่างให้ประชาชนมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ดังนั้นขอฝากพี่น้องประชาชนทุกคนช่วยเลือกพรรคพลังประชารัฐเบอร์ 37 และเลือกผู้สมัครทั้ง 4 เขตของพรรคด้วย ทั้งนี้เพื่อมอบความสุขให้กับประชาชนด้วยความจริงใจ นอกจากจะดูแลคนไทยทุกช่วงวัยทั้งเบี้ยผู้สูงอายุ โดย อายุ 60 ปี ได้รับการดูแล เดือนละ 3,000 บาท อายุ 70 ปี ขึ้นไป ได้รับการดูแล 4,000 บาท อายุ 80 ปีขึ้นไปจะได้รับการดูแล 5,000 บาท ช่วยดูแลผู้สูงอายุให้สามารถอยู่ได้อย่างมีความสุข นอกจากนี้ยังมีนโยบายดูแลสุภาพสตรีตั้งครรภ์ ตั้งแต่ 5 เดือนเป็นต้นไป เดือนละ10,000 บาท จนถึงคลอด และเมื่อคลอดออกมาแล้วจะดูแลไปจนถึง 6 ขวบ เดือนละ 3,000 บาท

นอกจากนี้ ยังมีนโยบายมีเราไม่มีแล้ง ได้ลงพื้นที่ดูแลเรื่องน้ำหลายครั้งเพื่อดูแลแก้ปัญหาเรื่องน้ำให้กับพี่น้องประชาชน โดยเฉพาะเรื่องน้ำเค็ม น้ำอุปโภค บริโภค และน้ำเพื่อการเกษตร และได้ทำโครงการต่าง ๆ ให้กับพี่น้องชาว จ.ฉะเชิงเทรา เป็นจำนวนมาก เรื่องที่ทำกินได้มอบหนังสืออนุญาตทำประโยชน์หลายครั้ง โดยเฉพาะพื้นที่เขาตะเกียบ

พรรคพลังประชารัฐจะแก้ปัญหาความยากจน และก้าวข้ามความยากจนไปด้วยกัน ด้วยการลดความเหลื่อมล้ำ การสร้างงาน สร้างรายได้ ยกระดับการศึกษา ยกระดับภาคอุตสาหกรรม และจะพัฒนาเขตพัฒนาพื้นที่เศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก หรือ EEC โดยการขยายเส้นทางถนนหมายเลข 304 ให้สะดวกในการคมนาคม ทำทุกวิถีทางเพื่อให้ประชาชนอยู่ดีกินดีมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น

“ผมพูดไม่เก่ง แต่ทำงานและประสานประโยชน์ได้ทุกฝ่าย จะนำคนเก่ง ๆ มาร่วมมือกันทำงาน ก้าวข้ามความขัดแย้ง สร้างความรุ่งเรืองให้ประเทศ เราจะก้าวข้ามความยากจนและความขัดแย้งไปด้วยกัน ทำให้ประชาชนคนไทยทั้งประเทศมีความเป็นหนึ่งเดียว รักใคร่สามัคคีกัน ขอให้เชื่อมั่นใน พปชร. ผมขอประกาศกับพี่น้องว่าเราทำได้ พร้อมจะรับใช้ประชาชนให้มีความสุขต่อไป โดยการเลือกตั้งวันที่ 14 พ.ค.นี้ โปรดเลือก พปชร.เบอร์ 37 และเลือกผู้สมัคร ส.ส.ของพรรค ขอฝาก พปชร.ไว้กับชาวฉะเชิงเทราด้วย” พล.อ.ประวิตร กล่าว

ด้านนายสนธิรัตน์ กล่าวปราศรัยว่า ขอให้ประชาชนศึกษาวิธีของการกาบัตรให้ดี เพราะครั้งนี้มีการเปลี่ยนแปลงไปใช้บัตรเลือกตั้ง 2 ใบ หลังการเลือกตั้ง ไม่ว่าฝ่ายไหนชนะการเลือกครั้งนี้ พรรคพลังประชารัฐยืนยันชัดเจนว่า ไม่เป็นศัตรูกับใคร แต่จะเป็นกาวใจเชื่อมประสานทุกพรรค เพื่อให้ประชาชนอยู่ดีกินดี หลังการเลือกตั้งจะต้องไม่ตีกันและไม่ขัดแย้ง ความคิดแตกต่างกันได้ แต่คนไทยต้องรักกัน วันนี้เรามาขอคะแนน โดยจะเป็นกาวใจเชื่อมทุกฝ่ายเพื่อดูแลประชาชน

อีกทั้ง พล.อ.ประวิตร สามารถประสานงานได้ทุกฝ่ายเหมาะสมที่จะเป็นนายกรัฐมนตรีมากที่สุด และบุคลากรในพรรคของเราก็มีความรู้ ความสามารถ และเรายังมีมือเศรษฐกิจที่ดีที่สุด ตนจึงขอให้ประชาชนพิจารณาเลือกพรรคพลังประชารัฐด้วย

นายสันติ กล่าวว่า พรรคพลังประชารัฐ มีนโยบายเพิ่มเงินบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ หรือบัตรประชารัฐ เดือนละ 700 บาท เพื่อให้ประชาชนกลุ่มเปราะบางได้มีเงินยังชีพ ปัจจุบันที่ผ่านเกณฑ์ทั้งหมด 14.5 ล้านคน หรือประมาณ 25% ของคนไทยทั้งประเทศ โดยพรรคมีแนวคิดให้พี่น้องกลุ่มเปราะบางที่ถือบัตรสามารถขึ้นทะเบียนเพื่อ ฝึกอบรมอาชีพ จำนวน 15 วัน และเมื่อผ่านการอบรมจะได้รับทุน จำนวน 30,000 บาทต่อคน เพื่อนำไปเป็นทุนในการประกอบอาชีพ โดยผู้ที่ถูกคัดเลือกจะผ่านการคัดเลือกจากคณะกรรมการท้องถิ่น ซึ่งจะทำให้กลุ่มเหล่านี้มีอาชีพที่มั่นคง ก้าวพ้นจากความยากจน และเป็นผู้ประกอบการรายใหม่

นอกจากนี้ทางพรรคพลังประชารัฐยังมีโครงการที่จะพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่จะสร้างประโยชน์ให้กับภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคตะวันออก โดยการสร้างทางรถไฟทางคู่เริ่มจาก จ.บึงกาฬ มายัง จ.มหาสารคาม จ.กาฬสินธุ์ จ.ร้อยเอ็ด และ จ.สุรินทร์ มา จ.ปราจีนบุรี มา จ.สระแก้ว มา จ.ฉะเชิงเทรา จ.ชลบุรี และ จ.ระยอง เพื่อเชื่อมโยงภูมิภาคตามนโยบายที่จะพัฒนา “อีสานประชารัฐ”

ด้านนายอรรถกร หนึ่งในผู้สมัครของพรรคพลังประชารัฐ กล่าวปราศรัยว่า ตนต้องขอบคุณชาวฉะเชิงเทราที่ให้ความเอ็นดูมากกว่า 10 ปีตั้งแต่สมัยคุณพ่อและวันนี้ตนมาขอคะแนนและขอความเอ็นดูจากพี่น้องอีก 1 สมัย ตนขอโอกาสได้เข้าสภาไปผลักดันการแก้ปัญหาเรื่องน้ำให้พี่น้องชาวฉะเชิงเทราทุกคน ทั้งนี้ ขอให้วันที่ 14 พ.ค.พี่น้องเข้าคูหากาเบอร์ 37 หากจำไม่ได้ให้คิดถึงนโยบายของพรรคพลังประชารัฐที่จะเพิ่มจำนวนเงินในบัตรประชารัฐ จาก 300 เป็น 700


ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 20 เมษายน 2566

ขอบคุณโหวต “ลุงป้อม” นายกฯ สมานฉันท์

,

ขอบคุณโหวต “ลุงป้อม” นายกฯ สมานฉันท์

“ลุงป้อม” ขอบคุณ ปชช. โหวตเป็นนายกฯ โดดเด่น “ก้าวข้ามความขัดแย้ง – นำจัดตั้งรัฐบาลราบรื่น” ประเดิมภารกิจสมานฉันท์ ตั้ง กก.คัดเลือกนโยบายเด็ดแต่ละพรรค มาบริหารประเทศ ย้ำอายุไม่ใช่อุปสรรค เดินช้า แต่คิดเร็ว-ทำเร็ว

เมื่อวันที่ 18 เม.ย. 66 นายชาญกฤช เดชวิทักษ์ โฆษกคณะกรรมการยุทธศาสตร์การเลือกตั้ง พรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงกรณีที่สวนดุสิตโพล สำรวจความคิดเห็นของประชาชนทั่วประเทศ ในหัวข้อ “นายกรัฐมนตรีคนใหม่ ในสายตาประชาชน” ที่ยกให้ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคพลังประชารัฐ เป็นอันดับ 1 ของนายกรัฐมนตรี ที่จะช่วยแก้ไขปัญหาความขัดแย้ง และเป็นอันดับ 1 ของนายกรัฐมนตรีที่สามารถประสานงานจัดตั้งรัฐบาลได้อย่างราบรื่น ว่า พล.อ.ประวิตร กล่าวขอบคุณประชาชนที่ร่วมกันโหวตให้ตนเองเป็นนายกรัฐมนตรีที่มีความโดดเด่นในทั้งสองด้านดังกล่าว ซึ่งผลโพลที่ออกมาสอดคล้องกับแนวคิด “ก้าวข้ามความขัดแย้ง” ที่ตนเองและพรรคพลังประชารัฐชูธงนำมาโดยตลอด พร้อมให้ความมั่นใจว่า จะพาคนไทยออกจากวังวนความขัดแย้งได้สำเร็จโดยเร็ว เพื่อเดินหน้าพลิกโฉมประเทศไทยต่อไป

นายชาญกฤช กล่าวต่อว่า แนวคิดการก้าวข้ามความขัดแย้งของหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ เป็นความมุ่งมั่นที่พยายามทำลายกำแพงความแตกแยก และเป็นการประกาศเริ่มต้นประเทศไทยใหม่ ซึ่งได้เสียงตอบรับที่ดีจากสังคม โดยเฉพาะใจความสำคัญในจดหมายเปิดใจของ พล.อ.ประวิตร ได้พูดถึงแนวทางสมานฉันท์ที่น่าสนใจ คือ ภายหลังการเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล จะจัดตั้งคณะกรรมการขึ้นมาพิจารณาคัดเลือกนโยบายที่ทุกพรรคการเมืองใช้ในการรณรงค์หาเสียง เพื่อนำมาปฏิบัติให้เกิดขึ้นจริง โดยไม่ได้เกี่ยงว่าเป็นพรรคใหญ่ พรรคเล็ก หรือเป็นพรรคการเมืองฝ่ายใด หากนโยบายเหล่านั้นเป็นประโยชน์ต่อพี่น้องประชาชน เพราะเชื่อว่านโยบายของทุกพรรคการเมืองผ่านการกลั่นกรองมาในระดับหนึ่งแล้ว และมองว่า การเมืองไม่มีผู้ชนะเด็ดขาด และไม่มีฝ่ายใดต้องแพ้ราบคาบ ทุกคนทุกฝ่ายต้องตระหนักถึงความจำเป็นเร่งด่วนที่จะต้องช่วยกัน ร่วมมือกันฟื้นฟูและพัฒนาประเทศให้เดินไปข้างหน้าอย่างเท่าทันความเปลี่ยนแปลงของโลก จึงหมดเวลาที่คนไทยจะทะเลาะกันเอง

นายชาญกฤช ยังให้ความมั่นใจด้วยว่า พล.อ.ประวิตร มีความพร้อมที่จะเป็นนายกรัฐมนตรี แม้จะอยู่ในวัย 78 ปี ก็ไม่ถือเป็นอุปสรรค ดังคำสัมภาษณ์ของ พล.อ.ประวิตร ที่เปิดเผยถึงกลยุทธ์ในการทำงานที่ประสบความสำเร็จ ผ่านเทคนิคการบริหาร คือ “ช้า เร็ว หนัก เบา” โดยยอมรับว่า ตัวเองเดินช้า แต่คิดเร็ว ทำเร็ว ตัดสินใจเร็ว เป็นคนหนักแน่น ไม่หูเบา ส่วนที่เบา คือ เป็นคนไม่มีภาระ ไม่มีครอบครัว ไม่มีห่วง จึงทำงานเพื่อประชาชนและส่วนรวมได้อย่างเต็มที่

“ถึงแม้ว่า พล.อ.ประวิตร จะเดินช้า ขาไม่ดี แต่ระยะเวลา 4 ปีที่ผ่านมา ขาทั้งสองข้างของ พล.อ.ประวิตร ได้ลงพื้นที่ไปทุกจังหวัดทั่วประเทศ เพื่อให้ความช่วยเหลือประชาชน ทั้งการแก้ไขปัญหาที่ดินทำกิน ปัญหาน้ำท่วม-น้ำแล้ง ปัญหาความยากจน รวมถึงการแก้ไขปัญหาประมงผิดกฎหมาย จนประเทศไทยสามารถปลดใบเหลืองจากสหภาพยุโรปได้สำเร็จ คนไทยไม่ต้องเดือดร้อนจากการถูกกีดกันการส่งออกสินค้าประมง เหล่านี้เป็นผลงานที่เป็นที่ประจักษ์ และเป็นที่ยอมร้บอย่างกว้างขวาง” นายชาญกฤช กล่าวเพิ่มเติมว่า ส่วนหัวข้ออื่นๆ ที่ประชาชนยังไม่เทคะแนนให้กับแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคพลังประชารัฐ ทางพรรคฯ ขอน้อมรับเพื่อนำไปปรับปรุง และเสริมให้เป็นจุดแข็งต่อไป พร้อมฝากประชาชนพิจารณาเลือกพรรคพลังประชารัฐ เบอร์ 37 และเลือกผู้สมัคร ส.ส.ของพรรคทุกเขตทั่วทั้งประเทศ เพื่อก้าวข้ามความขัดแย้ง และพลิกฟื้นเศรษฐกิจ พลิกโฉมประเทศไทย เพื่อก้าวหน้าไปอย่างยั่งยืน

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 19 เมษายน 2566