โลกเปลี่ยน ไทยต้องปรับ ทางเลือกใหม่ของการเมืองไทย ก้าวข้ามความขัดแย้ง สานพลังประชาราษฎร์ ร่วมสร้างชาติให้ยั่งยืน

ป้ายกำกับ: ข่าวประชาสัมพันธ์

“ศ.ดร.นฤมล”ชี้ผลแบ่งเขตเลือกตั้ง กทม.ใหม่ กระทบบางพื้นที่พปชร.เตรียมรับมือจัดสรรผู้สมัครลงทุกเขต

,

“ศ.ดร.นฤมล”ชี้ผลแบ่งเขตเลือกตั้ง กทม.ใหม่ กระทบบางพื้นที่พปชร.เตรียมรับมือจัดสรรผู้สมัครลงทุกเขต

ศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ เหรัญญิกพรรคพลังประชารัฐ เปิดเผย ถึงการเตรียมประกาศแบ่งเขตเลือกตั้งของคณะกรรมการการเลือกตั้ง กกต.ในเขตพื้นที่กรุงเทพมหานคร (กทม.)ว่า ทางพรรคพลังประชารัฐได้รับแจ้งมาอย่างไม่เป็นทางการ ซึ่งทาง กกต.ได้มีการประชุมการกำหนดเขตในพื้นที่ กทม.แล้วในวันนี้ ซึ่งก็น่าจะมีผลกระทบบ้างในบางพื้นที่ ที่อาจจะมีการขยับขึ้นลง ของจำนวน ส.ส. แต่ก็เป็นแค่ในบางพื้นที่ ไม่ใช่ทุกเขต โดยช่วงที่ผ่านมาเราก็เตรียมรับมือกับสถานการณ์เอาไว้อยู่แล้ว และผู้สมัครของเรามีความตั้งใจในการทำงานอย่างเต็มที่ ทั้งนี้ เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมาก็ได้พูดคุยกับคุณสกลธี ภัททิยกุล หัวหน้าทีมว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.กทม.กันอยู่ว่าจะพิจารณาอย่างไร ซึ่งก็น่าจะทราบความชัดเจนภายในสัปดาห์นี้

ศ.ดร.นฤมล กล่าวต่อว่า ในส่วนการเปิดเวทีปราศรัยในวันเสาร์ที่ 18 มี.ค.นี้ ก็จะมีการแนะนำว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.กทม.ทั้ง 33 ท่าน และทางผู้บริหารของพรรคฃหลายคนก็จะขึ้นปราศรัยพูดคุยทำความเข้าใจกับชาว กทม. และในอนาคตก็จะมีการเปิดเวทีย่อยให้กับว่าที่ผู้สมัครของเราได้แสดงวิสัยทัศน์ต่อไป

“เราตั้งเป้าอยากได้ ส.ส.กทม.มากกว่าเดิม ก็คือ 12 ที่นั่งขึ้นไป แต่ก็เชื่อว่าทุกเขตมีการแข่งขันสูงอทุกพรรคการเมืองก็มีการทุ่มเทกันอย่างเต็มที่ ไม่มีพรรคการเมืองใดหย่อนมือแน่นอน เพราถถ้าได้ลงแล้วก็ต้องสู้ทุกเขต”

เมื่อถามถึงกำหนดการลงพื้นที่ช่วยผู้สมัครหาของพลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ศ.ดร.นฤมล กล่าวต่อว่า ก็คงจะต้องมีการจัดตารางกันอีกครั้งหนึ่ง เพราะในแต่ละพื้นที่ก็มีความต้องการให้ท่านหัวหน้าพรรคลงไปช่วยหาเสียงและเป็นกำลังใจให้ หลายพื้นที่มาก ๆ อย่างเช่นในช่วงสัปดาห์นี้ตารางการลงพื้นที่ของท่านก็เต็มแน่น

เมื่อถามถึงนโยบายก้าวข้ามความขัดแย้งของพรรคพลังประขารัฐ หมายถึง พร้อมจับมือกับทุกพรรคการเมืองงหลังการเลือกตั้งหรือไม่ ศ.ดร.นฤมล กล่าวว่า พรรคพลังประชารัฐของเราทำการเมืองภายใต้ระบอบประชาธิปไตย เราเคารพเสียงส่วนใหญ่ในสภา และการจับมือเพื่อร่วมทำงานด้วยกัน ก็ต้องคำนึงถึงเรื่องอุดมการณ์ที่ต้องตรงกันด้วย

ด้าน น.ส.สุชาดา เวสารัชตระกูล ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.กทม.เขตดอนเมือง กล่าวว่า เขตดอนเมือง ถือเป็นพื้นที่หนึ่งที่มีความชัดเจนในเรื่องการแบ่งเขตแล้ว ซึ่งจากที่ตนลงพื้นที่อย่างต่อเนื่อง พร้อมกับนำนโยบายการก้าวข้ามความขัดแย้งไปทำความเข้าใจกับประชาชนในพื้นที่ ถือว่าได้รับการตอบรับที่ดีมาก เพราะประชาชนก็ไม่มีใครอยากจะทะเลาะกันแล้ว อยากจะจับมือกันเดินหน้าเพื่อพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศต่อไป

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 16 มีนาคม 2566

“ศ.ดร.นฤมล” เปิดเวทีประชาชนระดมความคิดผ่าปัญหาทุกมิติ ผนึกว่าที่ผู้สมัครพปชร. ร่วมปลดล็อก ทลายเจนสะท้อนปัญหาขับเคลื่อนประเทศ

,

“ศ.ดร.นฤมล” เปิดเวทีประชาชนระดมความคิดผ่าปัญหาทุกมิติ
ผนึกว่าที่ผู้สมัครพปชร. ร่วมปลดล็อก ทลายเจนสะท้อนปัญหาขับเคลื่อนประเทศ

ศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ เหรัญญิกพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เปิดเผยว่า ในวันนี้ (16 มีนาคม 2566) พรรคพลังประชารัฐ ร่วมกับว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.กทม. ประกอบด้วย ร.ต.อ.วัฒนรักษ์ อำนรรฆสรเดช ดร.บุณณดา สุปิยพันธุ์ นายนิธิ บุญยรัตกลิน และนายกานต์ กิตติอำพน ตัวแทนประชาชนจากคนทุกช่วงวัยและคนรุ่นใหม่ แลกเปลี่ยนความคิดเห็นผ่าน เวที Workshop “ปลดล็อก ทลายGen ร่วมคิด ระดมทำ” เพื่อขยายผลและนำไปสู่การยกระดับคุณภาพชีวิตให้กับประชาชน และมองภาพอนาคตของประเทศไทยนับจากนี้ไป โดยให้ทุกคนแสดงความคิดเห็นร่วมกันที่จะก้าวข้ามความขัดแย้งไปอย่างไร ที่นำพาประเทศไปข้างหน้า สู่การพัฒนาเศรษฐกิจที่ยั่งยืน ถือเป็นนโยบายหลักของพรรค ซึ่งครั้งนี้เป็นการรับฟังจากทุกฝ่ายอย่างแท้จริง ผ่านทุกเจนเนอเรชั่นรวมเป็นพลังใหม่ ที่สะท้อนเสียงผ่านว่าที่ผู้สมัครของพรรค ไปสู่การรวบรวมข้อเสนอไปสู่การจัดทำนโยบาย เพื่อให้เกิดการแก้ไข และช่วยเหลือพี่น้องประชาชนได้ในทุกมิติ ซึ่งพรรคจะมีเวทีให้กับประชาชนร่วมกับว่าที่ผู้สมัครร่วมหาแนวทางในประเด็นต่าง ๆ โดยในครั้งหน้าจะเป็นเรื่องแนวทางการยกระดับเศรษฐกิจชุมชน เพื่อจะนำไปสู่การสร้างรายได้ที่ยั่งยืน

ทั้งนี้ในการระดมความคิดเห็นครั้งนี้ พรรคได้เห็นความสำคัญใน 4 มิติ 1.มิติทางการเมือง ทุกฝ่ายมีความเห็นที่แตกต่างกันได้ โดยพร้อมเปิดให้ทุกฝ่ายและคนรุ่นใหม่เข้ามามีส่วนร่วมแสดงความคิดเห็นเพื่อนำไปสู่การหาข้อสรุประบบประชาธิปไตย 2. มิติทางด้านวัฒนธรรมจะต้องมีความหลากหลายทางด้านศาสนา และวัฒนธรรม ที่จำเป็นต้องรับฟังและนำมาสู่แนวทางการทำนโยบายให้ตอบโจทย์กับทุกช่วงวัย 3.มิติทางด้านเศรษฐกิจ จะต้องมีนโยบายให้เข้าถึงตั้งแต่ระดับครัวเรือน ชุมชน และ สังคม ให้สามารถสร้างรายได้ที่มั่นคง 4.มิติทางสิ่งแวดล้อม พรรคพร้อมที่จะประสานกับหน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง เพื่อจะนำไปสู่การช่วยเหลือและแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมให้กับทุกพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบไม่ว่าเรื่องมลพิษที่เกิดขึ้น

“ขอบคุณทุกภาคส่วนที่เข้าร่วมแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในครั้งนี้ รวมถึงการลงพื้นที่เพื่อสำรวจปัญหาต่าง ๆ และความต้องการของประชาชน ของว่าที่ผู้สมัครของพรรคพลังประชารัฐ ซึ่งข้อสรุปในครั้งนี้จะนำไปสู่การกำหนดนโยบายของพรรคที่มาจากเสียงสะท้อนภาคประชาชนอย่างแท้จริง ซึ่งพรรคฯ พร้อมจะเดินหน้าเปิดเวทีแลกเปลี่ยนความคิดเห็นอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้เข้าถึงการช่วยเหลือและนำไปสู่การกำหนดนโยบายในการพัฒนาด้านต่าง ๆ ได้อย่างแท้จริงและให้เกิดการพัฒนาอย่างยั่งยืน” ศ.ดร.นฤมลกล่าว

ด้านนายนิธิ กล่าวว่า สิ่งที่ได้จากการทำกิจกรรมในวันนี้ก็คงจะเป็นการตอกย้ำว่า สังคมไทยยังมีเรื่องของความคิดเห็นที่แตกต่างในหลากหลายมิติ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการเมือง รวมถึงความคิดเห็นที่แตกต่าง ในช่วงวัยต่าง ๆ สำหรับคนรุ่นใหม่และรุ่นเก่า จริงอยู่ว่าภาพของความขัดแย้งอาจจะไม่ได้รุนแรง หรือแบ่งสีแบ่งขั้วเหมือนในอดีต แต่ปัญหาทุกวันนี้ซึมลึกและซ้ำซ้อนกระจายออกไปในวงกว้างในสังคม ลึกลงไปจนถึงระดับครอบครัว

“ความต้องการของประชาชนในตอนนี้ คือ ต้องการเห็นประเทศไทยเป็นประเทศที่พัฒนาแล้ว อยากเห็นอนาคตของลูกหลานได้โตมาในประเทศที่ชื่อว่า เป็นประเทศที่พัฒนาแล้ว เพราะเราย่ำอยู่กับประเทศที่กำลังพัฒนามานานแล้ว ด้านคนรุ่นใหม่ก็อยากเห็นความเป็นอยู่ที่ดี ความยุติธรรมในสังคมระบบราชการที่เป็นที่พึ่ง ที่หวังให้กับสังคมได้ เราต้องยอมรับความคิดเห็นที่แตกต่างซึ่งกันและกัน คนรุ่นใหม่นำประสบการณ์จากคนรุ่นเก่า มาร่วมกันพัฒนาประเทศ”นายนิธิ กล่าว

ด้าน ดร.บุณณดา กล่าวว่า ประเทศไทยมีความแตกต่างหลากหลายของวัฒนธรรม ในเรื่องที่เราจะก้าวความขัดแย้งด้วยกัน เราจะก้าวข้ามอย่างไร เราจะก้าวข้ามไปสู่การพัฒนาที่มีส่วนร่วมร่วมกันได้อย่างไร วันนี้มีภาคประชาชน ผู้นำของชุมชน รวมถึงน้อง ๆ ในชุมชน และผู้สูงอายุ เรียกได้ว่ามีความแตกต่างกันในช่วงวัย ความเชื่อ และความไม่เข้าใจกันในหลายหลายเรื่อง สิ่งที่เรา หาทางออกร่วมกัน และอยากจะนำเสนอเป็นนโยบายก็คือ เราจำเป็นแล้วหรือไม่ ที่เราจำเป็นต้องมีหลักสูตรการเรียนรู้การอยู่ร่วมกัน ที่อาจจะต้องบรรจุเข้าไปการเรียนการสอนของกระทรวงศึกษาธิการเลยหรือไม่ โดยมีเป้าหมายนำพาประเทศไปสู่สันติสุข

ร.ต.อ.วัฒนรักษ์ กล่าวต่อว่า วันนี้ปัญหาสิ่งแวดล้อมได้สร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชนในหลายหลายเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องฝุ่น เรื่องน้ำ เรื่องพันธุ์พืช และสัตว์น้ำ ที่กลายเป็นเรื่องเทรนด์ของคนรุ่นใหม่ ปัญหาอย่างหนักในตอนนี้คือ ปัญหาเรื่องฝุ่น ที่คนไทยเกือบครึ่งประเทศกำลังประสบปัญหาเรื่องนี้อยู่ สิ่งที่เราต้องทำ คือการสร้างความตระหนักต่อสาธารณะ เราจำเป็นต้องปลูกฝังคนไทยตั้งแต่ในช่วงวัยเด็ก เหมือนเช่นหลาย ๆ ประเทศ จนทุกคนมีสำนึกในการรักษ์โลก เริ่มต้นจาก การคัดแยกขยะ ที่สามารถเริ่มต้นได้กับทุกคน ทุกวัย ทุกเพศ เราก็จะได้สิ่งแวดล้อมที่ดีขึ้นได้ รวมไปถึงขยะเหล่านี้ก็ยังกลายเป็นรายได้ให้กับคนในชุมชนได้ด้วย

ด้านนายกานต์ กล่าวว่า สตรีทฟู้ด ถือเป็นจุดเด่น และจุดขายให้กับการท่องเที่ยวของประเทศไทย ซึ่งอาหารสตรีทฟู้ดมีกระจายอยู่หลายพื้นที่ใน กทม.ดังนั้น หากเราดึงร้านเหล่านี้ออกมารวมกันเป็นดาต้าฮับเพื่อเป็นฐานข้อมูลให้กับนักท่องเที่ยวต่างชาติ และในประเทศให้สามารถเข้าถึงสถานที่ท่องเที่ยวเหล่านี้ได้ง่าย ก็จะเป็นการเพิ่มและกระจายรายได้ไปในพื้นที่ต่างๆได้กว้างขวางมากขึ้น

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 16 มีนาคม 2566

“พล.อ.ประวิตร”นำทีม พปชร.เปิดตัว “ธีระชัย-กรกสิวัฒน์”ร่วมทีมเศรษฐกิจ ย้ำ มีทีมแข็งแกร่ง พร้อมแก้ปัญหาให้ประชาชนให้อยู่ดีกินได้

,

“พล.อ.ประวิตร”นำทีม พปชร.เปิดตัว “ธีระชัย-กรกสิวัฒน์”ร่วมทีมเศรษฐกิจ
ย้ำ มีทีมแข็งแกร่ง พร้อมแก้ปัญหาให้ประชาชนให้อยู่ดีกินได้

เมื่อเวลา 15.30 น. ที่พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรค พร้อมด้วย นายสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.คลัง ในฐานะเลขาธิการพรรค นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ ประธานยุทธศาสตร์การเมือง พรรคพลังประชารัฐ ร่วมเปิดตัวทีมเศรษฐกิจของพรรค ได้แก่นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และ ดร.ม.ล.กรกสิวัฒน์ เกษมศรี นักวิชาการอิสระด้านพลังงาน

พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า พรรคพลังประชารัฐมีความยินดีที่ได้ทีมเศรษฐกิจทั้ง 2 ท่าน ที่มีความสามารถทั้งด้านเศรษฐกิจ และพลังงาน ที่พร้อมทำงานเพื่อพรรค และนำประโยชน์มาสู่ประชาชนเป็นสำคัญ ต้องขอบคุณที่มาร่วมทำงาน พรรคพลังประชารัฐยินดีต้อนรับทั้ง 2 ท่านเป็นอย่างยิ่ง ซึ่งตอนนี้ทุกคนคงเห็นแล้วว่า เรามีทีมเศรษฐกิจเพียงพอแล้ว เราพร้อมแก้ปัญหาให้บ้านเมือง ให้ประชาชนให้สามารถอยู่ดีกินได้ และยกระดับความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นได้ ฝากสื่อมวลชนช่วยบอกเพื่อนฝูงว่าพรรคเรามีทีมเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง พร้อมทำงานเพื่อประเทศชาติ และประชาชน

ด้านนายสันติ กล่าวว่า ทั้ง 2 ท่าน เป็นบุคคลากรที่มีความรู้ความสามารถอย่างที่ทราบกันอยู่แล้ว โดยนายธีรชัย เป็นอดีตรมว. คลัง และ ดร.มล.กรกสิวัฒน์ มีความเชี่ยวชาญด้านพลังงาน และหลาย ๆ เรื่อง ซึ่งทั้ง 2 ท่านมีอุดมการณ์ที่จะเข้ามาช่วยพรรคผลิตนโยบาย และแนวคิดเศรษฐกิจเพื่อประชาชน เพื่อให้พรรคเป็นที่หวังของประชาชนในการพัฒนาด้านต่าง ๆ ให้สำเร็จ อย่างไร ก็ตาม เมื่อหัวหน้าพรรคได้เป็นนายกฯ ทุกนโยบายเราจะทำทันที และเห็นผลทันที

ด้านนายธีระชัย กล่าวว่า ตนขอขอบคุณท่าน พล.อ.ประวิตร ที่ได้กรุณาเชิญให้ตนเข้ามาร่วมทำงานกับพรรคพลังประชารัฐ สาเหตุที่ตนตัดสินใจตอบรับ ก็เพราะเห็นว่าบ้านเมืองกำลังจะเผชิญปัญหาใหญ่ในอีก 3-4 ปีข้างหน้า ส่วนหนึ่งจากปัญหาภูมิรัฐศาสตร์ของโลกซึ่งจะเป็นคลื่นลูกใหญ่ที่ซัดมาชายฝั่งประเทศไทย ทั้งในด้านเศรษฐกิจ และในด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ อีกส่วนหนึ่งจากปัญหาที่สะสมกันมาหลายปี เช่น ปัญหาเศรษฐกิจการเงินโลก รวมถึง การบริหารประเทศต้องเพิ่มนโยบายที่เน้นทำให้ประชาชนมีความเข้มแข็งในตัวเอง และต้องเพิ่มได้นโยบายที่ขจัดความขัดแย้ง และการเปิดรับฟังปัญหาและความคิดเห็นของประชาชนอย่างแท้จริง ต้องคิดออกไปนอกกรอบเดิม ๆ รวมทั้งต้องป้องกันไม่ให้นายทุนเข้ามาใช้ข้าราชการเป็นเครื่องมือในการหาประโยชน์ส่วนตน ทำให้ภาพลักษณ์ด้านธรรมาภิบาลของประเทศตกต่ำ ฟื้นไม่ขึ้น และสังคมขาดความเป็นธรรม

“ผมได้พิจารณาแล้วเห็นว่า พรรคที่จะแก้ปัญหาได้ ก็คือพรรคพลังประชารัฐ เพราะจะมีโอกาสทำงานเพื่อประชาชน สร้างสมดุลระหว่างนายทุนกับประชาชน และเป็นนโยบายที่ทำได้จริง ไม่สุดกู่ รวมถึงนโยบายขจัดความขัดแย้งทางการเมืองให้ได้ ก็สอดคล้องกับแนวคิดของตน ผมจึงเข้ามาในพรรค เพื่อจะนำเสนอนโยบายที่เกิดผลประโยชน์ต่อประชาชน ที่จะทำได้จริง ที่จะสร้างสมดุลประชาชนกับนายทุน ที่จะปราศจากผลประโยชน์ครอบครัวเจ้าของ และเป็นนโยบายที่จะมองกว้างไกล เพื่อจะให้เป็นทางเลือกแก่ประชาชน”

ในส่วน ดร.ม.ล.กรกสิวัฒน์ กล่าวว่า ตนขอขอบคุณท่านหัวหน้าพรรค พล.อ.ประวิตร และผู้บริหารพรรคพลังประชารัฐทุกท่าน ที่ได้กรุณาเชิญให้ตนเข้ามาร่วมงานกับพรรค ตนทราบว่า พรรคพลังประชารัฐมีความตั้งใจไม่ใช่แค่การลดราคาพลังงานแบบฉาบฉวย แต่จะเป็นการปรับโครงสร้างราคาพลังงานทั้งระบบอย่างจริงจัง ซึ่งเมื่อตนได้พูดคุยกับพลเอกประวิตร พบว่า ท่านมีความใจกว้างที่จะรับฟังความเห็นที่ตนนำเสนอ และพร้อมที่จะแลกเปลี่ยนความคิดเห็นอย่างเต็มที่

“ผมมั่นใจว่าหากพรรคพลังประชารัฐได้เป็นรัฐบาล นโยบายที่พรรคจะทำให้ประชาชน จะมีผลเปลี่ยนแปลงชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนให้ดีขึ้นได้อย่างแน่นอน เพราะยึดหลักการที่ว่า พลังงานของประชาชน เพื่อประชาชน ตามที่พรรคมีเจตจำนง”

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 15 มีนาคม 2566

ประกาศ เรื่องการรับสมัครเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อ

,

ประกาศ เรื่องการรับสมัครเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อ

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 15 มีนาคม 2566

ประกาศ เรื่องการรับสมัครเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบแบ่งเขตเลือกตั้ง

,

ประกาศ เรื่องการรับสมัครเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบแบ่งเขตเลือกตั้ง

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 15 มีนาคม 2566

“รองวิรัช”ขอบคุณ “นายกรัฐมนตรี”-พล.อ.ประวิตร”แทน กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน หลัง ครม.มีมติเพิ่มเงินค่าตอบแทน เชื่อ สร้างขวัญกำลังใจในการทำงาน

,

“รองวิรัช”ขอบคุณ “นายกรัฐมนตรี”-พล.อ.ประวิตร”แทน กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน หลัง ครม.มีมติเพิ่มเงินค่าตอบแทน เชื่อ สร้างขวัญกำลังใจในการทำงาน

นายวิรัช รัตนเศรษฐ รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวถึงกรณีที่คณะรัฐมนตรี เห็นชอบเพิ่มเงินค่าตอบแทนกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน แพทย์ประจำตำบล สารวัตรกำนัน ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านฝ่ายปกครอง และผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านฝ่ายรักษาความสงบว่า ตนในฐานะที่ได้ทวงถาม และติดตามเรื่องนี้ให้กับกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน มาโดยตลอด ต้องขอขอบคุณพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และพลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ที่ได้เล็งเห็นความสำคัญ และช่วยกันผลักดันเรื่องนี้จนประสบความสำเร็จ

“ทั้งกำนันและผู้ใหญ่บ้าน ต่างก็มีส่วนสำคัญในการดูแลป้องกันความปลอดภัยในชีวิตของประชาชน ให้เกิดความปลอดภัยสูงสุด และยังมีปัญหาอื่นๆในพื้นที่ ๆ จะต้องดูแลแก้ไข เช่น ปัญหาภัยแล้ง ปัญหาน้ำท่วม และความเป็นอยู่ในชีวิตประจำวันของประชาชนอีกหลายอย่าง การเพิ่มค่าตอบแทนดังกล่าวจะสร้างขวัญและกำลังใจในการทำหน้าที่อย่างมีประสิทธิภาพต่อไป”

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 14 มีนาคม 2566

“รองวิรัช”เดินหน้าเปิด4 เวทีปราศรัยใหญ่ตามแผนเดิม เพิ่มเงินบัตรประชารัฐรับเงินประกันเสียชีวิตไม่เกิน200,000 บาท

,

“รองวิรัช”เดินหน้าเปิด4 เวทีปราศรัยใหญ่ตามแผนเดิม
เพิ่มเงินบัตรประชารัฐรับเงินประกันเสียชีวิตไม่เกิน200,000 บาท

นายวิรัช รัตนเศรษฐ รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เปิดเผยว่าในการประชุมคณะกรรมการยุทธศาสตร์พรรคพลังประชารัฐ ได้มีการกำหนดแผนเปิดเวทีปราศรัยใหญ่ ใน4 เวทีจะจัดขึ้นก่อนยุบสภา โดยในวันที่ 17มี.ค. 2566 จัดที่เภอสุไหงโกลก จ.นราธิวาส และในวันที่ 18 มี.ค.จะทำการเปิดปราศรัยที่กทม. ที่ลานคนเมือง โดยมีนายสกลธี ภัททิยกุล กรรมการบริหารพรรค หนึ่งในผู้รับผิดชอบ กทม.ส่วนวันที่ 19 มี.ค. 2566 เปิดเวทีที่อำเภอแม่ริม จ. เชียงใหม่ เวลา 15.00น.และ ที่จ. เชียงราย ในช่วงเย็น ซึ่งจะแจ้งสถานที่อีกครั้ง

นอกจากนี้ที่ประชุมยังได้มีการพูดถึงนโยบาย ในส่วนของบัตรประชารัฐ จำนวน 17 ล้านคน จะมีการเพิ่ม ในเรื่องของการประกันค่าเสียชีวิต วงเงินไม่เกิน 200,000 บาท เพื่อเพิ่มในส่วนของสวัสดิการประชารัฐ และจะเริ่มโครงการนี้ทันที หลังจากพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ได้มาเป็นนายกรัฐมนตรี ซึ่งจะทำให้บัตรนี้มีคุณค่ามากยิ่งขึ้น และสามารถดูแลประชาชน ได้อย่างเต็มที่ ส่วนวิธีการรับเงิน จะผ่านร้านอเนกประสงค์ ที่ดำเนินการอยู่แล้วเพื่อให้ง่ายต่อการรับสิทธิของประชาชน

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 14 มีนาคม 2566

“ดร.ผึ้ง-เกณิกา”เผย”พล.อ.ประวิตร”คือเหตุผลที่เข้าร่วมงาน พปชร. ชี้ เป็นนักการเมืองปิดทองหลังพระ แก้ปัญหาให้ปชช. มั่นใจ จะนำความสงบคืนให้คนไทย

,

“ดร.ผึ้ง-เกณิกา”เผย”พล.อ.ประวิตร”คือเหตุผลที่เข้าร่วมงาน พปชร.
ชี้ เป็นนักการเมืองปิดทองหลังพระ
แก้ปัญหาให้ปชช. มั่นใจ จะนำความสงบคืนให้คนไทย

ดร.เกณิกา อุ่นจิตร์ ทีมโฆษกพรรค และว่าที่ผู้สมัครสมาชิกสภาราษฎร (ส.ส.) สระบุรี เขต 3 พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ให้สัมภาษณ์ถึงการเข้าร่วมงานกับพรรคพลังประชารัฐว่า ตนเคยร่วมงานกับพรรคไทยสร้างไทย ก่อนลาออกมาเพื่อทำโครงการของตัวเองเพื่อประชาชน ชื่อว่า “อาสาพลังผึ้ง” ช่วยเหลือเด็ก สตรี ผู้สูงอายุ ไม่ว่าจะเป็นกรณีโดนทำร้าย หรือโดนเอาเปรียบ ซึ่งระหว่างนั้น พรรคพลังประชารัฐ ได้เข้ามาช่วยเหลือหลายกรณีที่ของกลุ่มอาสา โดยไม่ต้องการเครดิตอะไรเลย ตนจึงมองว่าพรรคนี้มีความน่าสนใจ จึงทำให้เริ่มเปิดใจกับพรรคพลังประชารัฐ

ดร.เกณิกา กล่าวต่อว่า ตนคือคนรุ่นใหม่ที่เลือกเดินสู่เส้นทางการเมือง ด้วยความคิดที่ว่า ลงมือทำด้วยตัวเอง และรับใช้ประชาชนเอง ไม่มีชื่อเสียง ไม่ได้มาจากครอบครัวตระกูลดัง หลักในการทำงานก็คือ ยึดหลักประชาธิปไตย และรับฟังคนทุกกลุ่ม และช่วงที่ผ่านมาฃความขัดแย้งทำให้การเมืองไม่สามารถแก้ไขปัญหาให้กับประชาชนได้อย่างแท้จริง แต่เมื่อตนได้ติดตามการทำงานของพลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ จึงพบว่า พลเอกประวิตร ไม่ใช่นักการเมืองแบบที่เคยเจอ

“การทำงานของพลเอกประวิตรที่ช่วยเหลือประชาชนอย่างแท้จริง และมีหลายกรณีที่ท่านเข้าไปช่วยแก้ปัญหา แบบปิดทองหลังพระ ไม่เคยหิวแสง และสิ่งสำคัญคือ ท่านมีความประนีประนอม สามารถพาประเทศไทยก้าวข้ามความขัดแย้งได้ การลงมือทำงานทุกเรื่องของพลเอกประวิตรเห็นได้เป็นรูปธรรม จึงไม่แปลกใจเลยว่า ทำไมทุกจังหวัดที่ท่านลงไปพบพี่น้องประชาชน ทุกคนถึงรักท่าน”ดร.เกณิกา กล่าว

ดร.เกณิกา กล่าวว่า ตนมีความมั่นใจในการลงรับสมัครเลือกตั้งกับพรรคพลังประชารัฐ เพราะโฟกัสไปที่ปัญหาของแต่ละกลุ่ม และมีนโยบายที่ครอบคลุมทุกเพศทุกวัย ส่วนตัวคิดว่า ตัวเองอยู่กึ่งกลาง มีความเป็นคนรุ่นใหม่ แต่ก็ยังใกล้เคียงกับวัยผู้ใหญ่ ฉดังนั้นจะเข้าใจทั้งวัยรุ่นและผู้ใหญ่ จึงมีความผสมผสาน และมีเป้าหมายที่จะมาแก้ไขปัญหาให้ประชาชนอย่างแท้จริง

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 14 มีนาคม 2566

พปชร.เข้าใจ เข้าถึง ทำได้จริง เพื่อคนกทม !!! อาสาจากคนรุ่นใหม่ ร่วมแก้ไขปัญหาชุมชน สร้างที่อยู่มั่นคง สู่ “บ้านประชารัฐ 360 องศา”

,

พปชร.เข้าใจ เข้าถึง ทำได้จริง เพื่อคนกทม !!! อาสาจากคนรุ่นใหม่ ร่วมแก้ไขปัญหาชุมชน สร้างที่อยู่มั่นคง สู่ “บ้านประชารัฐ 360 องศา”

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 14 มีนาคม 2566

“รองวิรัช” ปรับแผนปราศรัยใหม่ เปิดเวทีใหญ่ทั่วประเทศทั้ง 4 ภาค มีนาคมนี้

,

“รองวิรัช” ปรับแผนปราศรัยใหม่ เปิดเวทีใหญ่ทั่วประเทศทั้ง 4 ภาค มีนาคมนี้

10 มีนาคม 2566 นายวิรัช รัตนเศรษฐ รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เปิดเผยว่า ขณะนี้ พรรคพลังประชารัฐได้หารือถึงช่วงเวลาในการเปิดเวทีปราศรัยทั้ง 4 ภาคให้มีความเหมาะสม โดยจะมีพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ร่วมขึ้นปราศรัย และเปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ในทุกเวทีที่จะเกิดขึ้นหลังจากนี้

นายวิรัช กล่าวต่อว่า เริ่มจากเวทีที่ จ.เชียงราย ในวันที่ 12 มีนาคม 2566 นี้ และต่อด้วยการเปิดเวทีปราศรัยใหญ่ที่ จ.นราธิวาส ในวันที่ 17 มีนาคม 2566 และในวันที่18 มีนาคม 2566 ที่ลานคนเมือง กรุงเทพมหานคร และขึ้นเหนือ เปิดเวทีปราศรัยใหญ่ ที่จ.เชียงใหม่ ในวันที่ 19 มีนาคม2566

“ในวันที่ 25 มีนาคม 2566 เป็นการเปิดเวทีใหญ่ ที่จ.ขอนแก่น หรือพิษณุโลก ซึ่งจะมีการกำหนดพื้นที่ออกมาอีกครั้ง ส่วนในวันที่ 26 มีนาคม 2566 ที่จ.นครราชสีมา เป็นการเปิดเวทีปิดท้ายในช่วงเดือน มีนาคม ซึ่งพรรคจะมีแผนเปิดเวทีในแต่ละภาคอีกครั้ง เพื่อนำนโยบายไปนำเสนอไปยังพี่น้องประชาชนแต่ละพื้นที่ รวมถึงนโยบายที่ตรงจุดให้สอดรับแต่ละพื้นที่ เพื่อให้ว่าที่ผู้สมัครสามารถนำไปนำเสนอประชาชนในแต่ละเขตของตนเองต่อไป”

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 10 มีนาคม 2566

“สนธิรัตน์” ประกาศนโยบายพลิกโฉมเศรษฐกิจประเทศไทย// เร่งยกระดับเครื่องยนต์เศรษฐกิจเดิม เพิ่มเติมเครื่องยนต์เศรษฐกิจใหม่// ย้ำ ขอก้าวข้ามความขัดแย้ง จัดตั้งรัฐบาล นำทุกนโยบายไปสู่การปฏิบัติให้สำเร็จ

,

“สนธิรัตน์” ประกาศนโยบายพลิกโฉมเศรษฐกิจประเทศไทย// เร่งยกระดับเครื่องยนต์เศรษฐกิจเดิม เพิ่มเติมเครื่องยนต์เศรษฐกิจใหม่// ย้ำ ขอก้าวข้ามความขัดแย้ง จัดตั้งรัฐบาล นำทุกนโยบายไปสู่การปฏิบัติให้สำเร็จ

วันที่ 9 มี.ค. 2566 ที่ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ ประธานยุทธศาสตร์การเมือง พรรคพลังประชารัฐ ร่วมแสดงวิสัยทัศน์สู่สนามเลือกตั้งปี 2566 ในงาน IBusiness Forum 2023 “The Next Thailand’s Future : จุดเปลี่ยนประเทศไทยสู่ความยั่งยืน”

นายสนธิรัตน์ กล่าวว่า หากพรรคพลังประชารัฐได้เข้าไปบริหารเศรษฐกิจของประเทศหลังการเลือกตั้ง ต้องนำ 4 เครื่องจักรสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศไทยกลับมาเน้นย้ำ ได้แก่ การท่องเที่ยวการส่งออก การลงทุน และการใช้จ่ายภาครัฐ โดยการท่องเที่ยว จะเป็นเครื่องจักรสำคัญในด้านเศรษฐกิจ ซึ่งนโยบายของพรรคพลังประชารัฐคือจะใช้สิ่งที่มีอยู่แล้วเติมเข้าไป ไม่ใช่เฉพาะจำนวนนักท่องเที่ยว แต่ยังรวมถึงเรื่องคุณภาพของการท่องเที่ยว ทั้งนักท่องเที่ยวที่มีรายได้สูงหรือการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ โดยเชื่อมโยงการท่องเที่ยวชุมชนกับการท่องเที่ยวเชิงมหภาคด้วย

นายสนธิรัตน์ กล่าวว่า สำหรับการลงทุนเชิงยุทธศาสตร์ พรรคพลังประชารัฐเคยผลักดันมาแล้วตั้งแต่การก่อตั้ง EEC และการขับเคลื่อนโครงสร้างการส่งออกที่ไปอยู่ในเครื่องยนต์ใหม่ ๆ เพิ่มความสามารถของเศรษฐกิจใหม่ๆ ภายใต้การขับเคลื่อน 3 เรื่องเศรษฐกิจที่สำคัญ ได้แก่ Innovation Economy, Digital Economy และ BCG ที่เรามีอยู่แล้ว โดย BCG ถือเป็นเรื่องที่สำคัญมาก เพราะสอดรับกับจุดแข็งของประเทศไทยที่เป็นประเทศเกษตร ซึ่งการส่งออกต้องเปลี่ยนผ่านโครงสร้างของการส่งออกในประเทศไทยทั้งภาคเกษตร และอุตสาหกรรม รวมทั้งเตรียมพร้อมต่อการแข่งขันให้ได้

นอกจากนี้ นายสนธิรัตน์ ยังได้กล่าวถึง 5 นโยบายเร่งด่วนที่สำคัญที่พรรคพลังประชารัฐจะทำประกอบด้วย 1. แก้หนี้ เติมทุน เพิ่มทักษะ สร้างโอกาส 2. บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ เพิ่มวงเงินบัตรประชารัฐ ทำให้เกิดประโยชน์ให้ประชาชนมากขึ้น ยืนยันเดินหน้าต่อยอด เป็นนโยบายหลักของพรรค 3. สิทธิที่ดินทำกิน 4. การบริหารจัดการน้ำทั้งระบบ และป้องกันน้ำท่วม และ 5. การดูแลคนไทยทุกช่วงวัย

“พรรคพลังประชารัฐ ได้ประกาศเป้าหมายที่จะแก้ปัญหาให้เอสเอ็มอีคือเรื่องกองทุนประชารัฐ SMEs Wallet และศูนย์ส่งเสริมเศรษฐกิจ SMEs ครบวงจร รวมถึงการเปลี่ยนบทบาทของรัฐในการส่งเสริมเอสเอ็มอี โดยเฉพาะสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลาง และขนาดย่อม (สสว.) ที่ต้องปรับบทบาทครั้งใหญ่ หากกลไกของรัฐใน สสว. และกระทรวงต่าง ๆ ไม่ปรับบทบาทจะไม่สามารถขับเคลื่อนได้ สสว. ควรเป็นองค์กรที่ทำหน้าที่เชิงนโยบบาย ทำหน้าที่ดูแลงบประมาณ และประเมินผล” นายสนธิรัตน์ กล่าว

ในเรื่องพลังงาน นายสนธิรัตน์ ระบุว่า มี 3 เรื่องใหญ่ๆ ที่ต้องเปลี่ยนแปลง 1. เรื่องน้ำมัน พรรคพลังประชารัฐมีนโยบายชัดเจนคือปฏิรูปโครงสร้างน้ำมัน ทำให้ได้ราคาที่เป็นธรรม รวมถึงลดการใช้น้ำมัน โดยจะใช้นโยบายการเปลี่ยนผ่านสู่อีวีเต็มรูปแบบ เปลี่ยนรถเก่าเป็นรถพลังงานอีวี 2. เรื่องไฟฟ้า มีนโยบายชัดเจนคือจะลดค่าใช้จ่ายให้พี่น้องประชาชน เน้นการติดตั้งโซล่าเซลล์บนหลังคาเรือน รวมถึง Net Metering หากทำเรื่องนี้ได้จะเพิ่มรายได้ และลดภาระค่าใช้จ่ายให้ประชาชนและ 3. โรงไฟฟ้าชุมชน จะเป็นอีกนโยบายหลักของพรรคพลังประชารัฐด้วย ทั้งหมดคือสิ่งที่เราต้องเร่งยกระดับเครื่องยนต์เดิม เพิ่มศักยภาพเครื่องยนต์ใหม่ ทั้งเรื่องอุตสาหกรรมยานยนต์สมัยใหม่ อิเล็กทรอนิกส์ ท่องเที่ยว เกษตรและเทคโนโลยี เรื่องการเกษตร นโยบายของพรรคเราต้องเปลี่ยนผ่านเกษตรสู่เกษตรพลังงาน ไบโอเจ็ท หรือน้ำมันเครื่องบินจากพืชพลังงาน

“ผมขอเน้นย้ำว่า ไม่ว่านโยบายใดจะดีแค่ไหนอย่างไร หากประเทศมีการเมืองที่ไม่มั่นคง มีการเมืองเชิงความขัดแย้ง สิ่งที่เป็นนโยบายทั้งหลายนั้นก็เป็นเพียงนโยบายในการหาเสียง แต่ไม่สามารถขับเคลื่อนไปสู่การปฏิบัติได้ วันนี้ พรรคพลังประชารัฐจึงได้ประกาศแล้วว่า จะก้าวข้ามความขัดแย้ง และพร้อมนำพาประเทศไทยให้มีความสมดุลทางการเมือง และนำทุกนโยบายที่เราได้หาเสียง ไปสู่การปฏิบัติให้สำเร็จ” นายสนธิรัตน์ กล่าว

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 9 มีนาคม 2566

“ศ.ดร.นฤมล”เผย 18 มี.ค.เปิดเวทีกลางกรุงพบประชาชน เปิดโฉม 33 ว่าที่ผู้สมัครเคาะประตูชูนโยบายเข้าถึงทุกพื้นที่

,

“ศ.ดร.นฤมล”เผย 18 มี.ค.เปิดเวทีกลางกรุงพบประชาชน เปิดโฉม 33 ว่าที่ผู้สมัครเคาะประตูชูนโยบายเข้าถึงทุกพื้นที่

วันที่ 9 มี.ค. ศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ เหรัญญิกพรรค พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวถึงการเปิดปราศรัยใหญ่ใน กทม. ของพรรคพลังประชารัฐ ในวันที่ 18 มี.ค.นี้ เวลา 17.00น. ลานคนเมือง กทม. ว่า เป็นการเปิดตัว ผู้สมัคร ส.ส.กทม. ทั้ง 33 เขต โดยมีพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณรองนายกรัฐมนตรีและหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ มาร่วมสร้างขวัญและกำลังใจ พร้อมด้วยการนำเสนอนโยบายของพรรคสำหรับ คนกทม. ที่จะยกระดับคุณภาพชีวิตของชาวกทม.แต่ละเขต เพราะด้วยความปัญหาและความแตกต่างของบริบทพื้นที่ ซึ่งพรรคพร้อม รับฟังปัญหาของพี่น้องประชาชน ผ่าน 33 ว่าที่ผู้สมัครพปชร.ซึ่งเป็นคนรุ่นใหม่ มีประสบการณ์ในพื้นที่จริง และพร้อมทำด้วยหัวใจ

ทั้งนี้ หลังจากจัดเวทีปราศรัยใหญ่ในกทม. จะจัดมีการจัดเวทีปราศรัยย่อยในแต่ละพื้นที่ใน กทม. ทั้งในกทม.ฝั่งตะวันตกและฝั่งตะวันออก เพื่อที่จะนำเสนอนโยบายให้สอดรับกับพื้นที่ ซึ่งขณะนี้ได้วางตัวผู้สมัคร ส.ส.ของพรรค เกือบครบทุกเขตแล้ว ซึ่งยังมีเพียงบางพื้นที่ที่ทาง กกต.มีการแบ่งเขตใหม่ คือลด 4จังหวัดและเพิ่ม 4 จังหวัดรวมถึงในกทม. อย่างไรก็ตามพรรคตั้งเป้าจะได้ส.ส.กทม.มากว่าเดิม หลังจากรอบที่แล้วได้ ส.ส.มา 12 คน เพราะเชื่อมั่น ผู้สมัคร ส.ส.กทม.ของพรรคที่มี มีของดีอยู่ในตัว

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 9 มีนาคม 2566