โลกเปลี่ยน ไทยต้องปรับ ทางเลือกใหม่ของการเมืองไทย ก้าวข้ามความขัดแย้ง สานพลังประชาราษฎร์ ร่วมสร้างชาติให้ยั่งยืน

ป้ายกำกับ: ข่าวกิจกรรม ส.ส. และสมาชิกพรรค

‘พลเอกประวิตร-ผู้กองธรรมนัส’ ร่วมทำบุญพิธียกช่อฟ้าอุโบสถ วัดโพสพผลเจริญ จังหวัดปทุมธานี ขณะที่ ปชช.ในพื้นที่รอให้กำลังใจจำนวนมาก

,

‘พลเอกประวิตร-ผู้กองธรรมนัส’ ร่วมทำบุญพิธียกช่อฟ้าอุโบสถ วัดโพสพผลเจริญ จังหวัดปทุมธานี ขณะที่ ปชช.ในพื้นที่รอให้กำลังใจจำนวนมาก

วันที่ 30 กรกฎาคม 2566 พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีในฐานะ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.)เป็นประธานในพิธียกช่อฟ้า อุโบสถวัดโพสพผลเจริญ ตำบลคูคต อำเภอลำลูกกา จังหวัดปทุมธานี โดยมีร้อยเอกธรรมนัส พรหมเผ่า สส.จังหวัดพะเยา ในฐานะเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ ,พล.อ.กฤษณ์โยธิน ศศิพัฒนวงษ์ นายทะเบียนพรรคพลังประชารัฐ
และนายสุรทิน พิจารณ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปไตยใหม่ ร่วมพิธีด้วย

ทั้งนี้ ก่อนที่พลเอกประวิตร จะเดินทางมาถึงที่วัดมีฝนตกโปรยปรายลงมา แต่ทันทีที่พลเอกประวิตร และคณะมาถึงฝนก็ได้หยุด และมีประชาชนมารอให้การต้อนรับจำนวนมาก พร้อมกันนี้ยังขอถ่ายรูป รวมถึงนำผ้าขาวม้ามาผูกที่เอวของพลเอกประวิตร พร้อมส่งเสียงเชียร์บอกให้สู้ๆ และเรียกนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 อีกด้วย ซึ่งพลเอกประวิตร มีสีหน้า สดชื่น ยิ้มแย้มแจ่มใส

เวลา 13.19 น. พลเอกประวิตร พร้อมด้วย ร้อยเอกธรรมนัส และนายสุรทิน ได้ร่วมพิธียกช่อฟ้าอุโบสถฯ จนเสร็จสิ้นพิธี ท่ามกลางคำกล่าว “สาธุ สาธุ สาธุ” จากพุทธศาสนิกชนที่มาร่วมในพิธีเป็นจำนวนมาก จากนั้นพลเอกประวิตร ได้นำคณะไปปลูกต้นพยุง ไม้มงคล และร่วมพิธีเสริมดวงชะตาเพื่อความเป็นสิริมงคล ซึ่งในช่วงทำพิธีดังกล่าว ทางวัดขอให้สื่อมวลชนออกไปรอภายนอกโบสถ์ซึ่งก็ได้รับความร่วมมือจากสื่อมวลชนเป็นอย่างดี

มีรายงานว่า หลังเสร็จพิธีแล้ว พลเอกประวิตร ยังได้ทักทายประชาชนที่รอให้กำลังใจ ก่อนจะเดินขึ้นรถกลับทันที ไม่ได้ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนแต่อย่างใด

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 30 กรกฎาคม 2566

“พล.อ. ประวิตร” ขอแสดงความเสียใจกับ พี่น้องปชช.ต.มูโน๊ะ ประสบเหตุโรงงานประทัดระเบิด มอบ สส.พปชร เร่งดูแล ปชช.ในพื้นที่ลดความเดือดร้อน

,

“พล.อ. ประวิตร” ขอแสดงความเสียใจกับ พี่น้องปชช.ต.มูโน๊ะ ประสบเหตุโรงงานประทัดระเบิด มอบ สส.พปชร เร่งดูแล ปชช.ในพื้นที่ลดความเดือดร้อน

30 กรกฎาคม 2566 พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรรคพลังประชารัฐ (พปชร.)รวมถึงสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ขอแสดงความเสียใจกับพี่น้องประชาชนชาว ต.มูโน๊ะ อ.สุไหง-โกลก จ.นราธิวาส จากอุบัติเหตุโรงงานประทัดระเบิดเมื่อวันที่ 29 กค ที่ผ่านมา ส่งผลให้มีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตเป็นจำนวนมาก รวมถึงบ้านเรือนและทรัพย์สินเสียหายในวงกว้าง

ทั้งนี้ นายสัมพันธ์ มะยูโซ๊ะ บีลา ส.ส.นราธิวาส เขต 3 และนายอามินทร์ มะยูโซ๊ะ ส.ส. นราธิวาส เขต 2 ได้ลงเข้าพื้นที่เปิดครัว และที่พักชั่วคราว พร้อมประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องบูรณาการให้ความช่วยเหลือและดูแลพี่น้องประชาชนในเบื้องต้น ซึ่งขณะนี้ พล.อ.ประวิตร ในฐานะรองนายกฯ ดูแลด้านความมั่นคง ได้สั่งการลงในพื้นที่ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งเข้าช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์โดยด่วน

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 30 กรกฎาคม 2566

“ดร.เอ สะถิระ” หนุน พัฒนาคนรุ่นใหม่รับอุตสาหกรรมใหม่ พร้อมส่งเสริมแหล่งท่องเที่ยว สร้างรายได้ให้คนพื้นที่ ลั่น ขอทำงานเพื่อสัตหีบตลอดไป

,

“ดร.เอ สะถิระ” หนุน พัฒนาคนรุ่นใหม่รับอุตสาหกรรมใหม่ พร้อมส่งเสริมแหล่งท่องเที่ยว สร้างรายได้ให้คนพื้นที่ ลั่น ขอทำงานเพื่อสัตหีบตลอดไป

นายสะถิระ เผือกประพันธุ์ ส.ส.ชลบุรี เขต 1 พรรคพลังประชารัฐ(พปชร.) กล่าวว่า ช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมา จ.ชลบุรี อยู่ในเขตพื้นที่เศรษฐหกิจพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) ซึ่งเราได้พัฒนาพื้นที่ รวมถึงการสร้างบุคลากรเพื่อรองรับ โดยรัฐบาลชุดที่ผ่านมาได้วางแผนพัฒนาแรงงานทักษะไว้เพื่อรองรับการขยายตัวในพื้นที่ และอุตสาหกรรมใหม่ที่มาพร้อมอีอีซี โดยเน้นดึงคนรุ่นใหม่ของให้เกิดการเรียนรู้กับวิชาการแนวใหม่ๆที่จะนำมาสู่การสร้างรายได้ให้ชาวบ้านในพื้นที่มากขึ้น รวมทั้งเร่งพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ รองรับจำนวนนักท่องเที่ยวที่จะเข้ามาในพื้นที่มากขึ้น ดังนั้นจำเป็นที่จะต้องเร่งแก้ปัญหาสาธารณูปโภครวมทั้งโครงสร้างพื้นฐานในพื้นที่ที่บางแห่งที่ยังมีความต้องการจากประชาชน สิ่งเหล่านี้ คือ เรื่องที่เราทำไปแล้วแต่ก็ยังมีความจำเป็นที่ต้องพัฒนาอย่างต่อเนื่อง

นายสะถิระ กล่าวต่อว่า ตลอด 4 ปีของการลงพื้นที่ทำหน้าที่ ส.ส.มีทั้งแนวทางการแก้ไขปัญหา และแนวทางการพัฒนา โดยตนได้นำเสียงสะท้อนของพี่น้องประชาชนไปบอกต่อพรรค เพื่อนำเสนอในแผนนโยบายของรัฐบาล นำมาสู่การพัฒนาอำเภอสัตหีบ ซึ่งเป็นเสียงจากล่างสู่บน ไม่ใช่บนสู่ล่าง เพื่อพี่น้องชาวอำเภอสัตหีบ ตนฟังเสียงของประชาชนเป็นหลักในการทำงานมาโดยตลอด

“ผมอาจไม่ใช่ผู้แทนที่เก่ง หรือ ดีที่สุด แต่ขอปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต ไม่โกงชาติบ้านเมือง เพื่อศักดิ์ศรีของอำเภอสัตหีบ ผมตั้งใจมาเป็นปากเป็นเสียงในการทำงาน แก้ปัญหา พัฒนา ยังคงเป็นแนวทางการทำงานที่สำคัญที่สุด ถึงแม้ว่า การเมืองจะมีการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ แต่แนวทางการทำงานของผมเป็นเช่นนี้เพื่อสัตหีบตลอดไป”

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 26 กรกฎาคม 2566

“ส.ส.เพชรภูมิ” ร่วมผลักดันสร้างฝายผันน้ำแม่น้ำปิงสำเร็จ แก้ปัญหาน้ำขาดแคลนช่วยเกษตรกรนับแสนไร่ใน3อำเภอ

,

“ส.ส.เพชรภูมิ” ร่วมผลักดันสร้างฝายผันน้ำแม่น้ำปิงสำเร็จ
แก้ปัญหาน้ำขาดแคลนช่วยเกษตรกรนับแสนไร่ใน3อำเภอ

นายเพชรภูมิ อาภรณ์รัตน์ สส.จังหวัดกำแพงเพชร เขต 2 พรรคพลังประชารัฐ(พปชร.) เปิดเผยถึงความเดือดร้อนของประชาชนในพื้นที่เกี่ยวกับปัญหาการขาดแคลนน้ำซึ่งตนได้ร่วมประสานแนวทางการช่วยเหลือไปยังกรมชลประทานซึ่งล่าสุดทางกรมชลฯได้เตรียมพัฒนาฝายกั้นน้ำเป็นที่เรียบร้อยแล้วซึ่งจะดำเนินการก่อสร้างในเร็วๆ นี้ เพื่อผันน้ำจากแม่น้ำปิง ทำการเกษตร การเลี้ยงสัตว์ ผลิตประปาหมู่บ้าน ให้กับพี่น้องประชาชน ในตำบลลานดอกไม้ อำเภอเมืองกำแพงเพชร ตำบลโกสัมพี อำเภอโกสัมพีนคร และอำเภอพรานกระต่าย จังหวัดกำแพงเพชร ขณะเดียวกันได้ทำข้อตกลงกับประชาชนในการใช้น้ำ เพื่อลดปัญหาการแย่งชิงน้ำที่อาจจะเกิดขึ้นได้ ในฤดูกาลเพาะปลูก

นอกจากนี้ยังต้องมีการพัฒนาในเรื่องของคลองส่งน้ำ ประตูน้ำต่างๆ ต่อไป เพื่อให้สอดรับกับฝายที่จะพัฒนาขึ้น เพราะก่อนหน้านี้ไม่ใช่คลองที่กรมชลประทานรับผิดชอบ ทำให้ไม่สามารถ เข้าไปซ่อมบำรุง หรือพัฒนาได้เท่าที่ควร แต่เมื่อมีการพัฒนาโครงการฝายกันน้ำแล้วเสร็จ ก็จะเป็นพื้นที่ของกรมชลประทานเข้ามาดูแล ซึ่งจะส่งผลดีตอประชาชนที่จะได้รับโอกาสพัฒนาระบบชลประทานให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น

“ผมพยายามผลักดันฝายกั้นน้ำตรงจุดนี้ร่วมกับชาวบ้านมาโดยตลอด จนประสบความสำเร็จ ที่กรมชลประทานเตรียมจะมาสร้างฝายกั้นน้ำ เพื่อผันน้ำไปยังพื้นที่ใช้น้ำจากลำคลองดังกล่าว ซึ่งจะช่วยบรรเทาความเดือดร้อนให้กับผู้ใช้น้ำ ทั้งสามอำเภอซึ่งรวมพื้นที่ราว 1 แสนไร่ที่สำคัญหากฝายกั้นน้ำบริเวณนี้สร้างสำเร็จจะช่วยพี่น้องเกษตรกร ได้นับแสนไร่ด้วย”นายเพชรภูมิ กล่าว

นายเพชรภูมิ กล่าวต่อว่า ที่ผ่านมาพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ และรองนายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้อำนวยการกองอำนวยการน้ำแห่งชาติ ได้ลงพื้นที่จังหวัดกำแพงเพชร เพื่อติดตามเรื่องนี้อย่างใกล้ชิด นอกจากนี้ยังมีโครงการก่อสร้างสะพานข้ามแม่น้ำปิง เพื่อความสะดวกในการย่นระยะทางการติดต่อระหว่างอำเภอ ซึ่งปัจจุบัน ประชาชนต้องได้รับความเดือดร้อนในการสัญจร โดยเฉพาะการเดินทางไปรักษาพยาบาลในโรงพยาบาลหลัก การขนส่งสินค้าเกษตร เป็นต้น จึงได้ประสานไปยังกรมหลวงชนบทให้พิจารณาเร่งเพื่อดำเนินการก่อสร้างสะพานดังกล่าว ซึ่งตนและประชาชนในพื้นที่ได้แก้ไขปัญหาการจัดการที่ดินเพื่อก่อสร้าง โดยเจ้าของที่ดินทั้งสองฝั่งแม่น้ำ ยินยอมให้ใช้ประโยชน์เป็นที่เรียบร้อย

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 22 กรกฎาคม 2566

“อนุรัตน์ สส.พะเยา”หวั่นชาวบ้านประสบภัยแล้งหนัก น้ำไม่พอใช้ กระทบภาคเกษตร วอนรัฐพิจารณางบวางท่อน้ำเพื่อผลิตประปาระดับท้องถิ่นลดความเดือดร้อนให้ ปชช.

,

“อนุรัตน์ สส.พะเยา”หวั่นชาวบ้านประสบภัยแล้งหนัก น้ำไม่พอใช้ กระทบภาคเกษตร
วอนรัฐพิจารณางบวางท่อน้ำเพื่อผลิตประปาระดับท้องถิ่นลดความเดือดร้อนให้ ปชช.

นายอนุรัตน์ ต้นบรรจง สส. เขต 2 จังหวัดพะเยา ในอำเภอจุน ในอำเภอพูซาน อำเภอเชียงคำ กล่าวหารือถึงในที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรว่า ได้รับแจ้งจากพี่น้องประชาชนใน 4 ตำบล ประกอบด้วย ตำบลลอ ตำบลหิน ตำบลห้วยยางขาว และตำบลห้วย ถึงสถานการณ์ปริมาณน้ำเพื่อการอุปโภค บริโภค รวมถึงเกษตร แหล่งน้ำในอำเภอจุนใน ที่ยังต้องพึ่งพิงจากธรรมชาติ โดยการขุดสระ เพื่อกักเก็บน้ำไว้ แต่ขณะนี้ประชาชนกำลังได้รับความเดือดร้อน เนื่องจากเกิดปัญหาภัยแล้ง น้ำในสระมีปริมาณไม่เพียงพอที่จะสูบขึ้นมาใช้ในการอุปโภค บริโภค ปัญหาที่ตามมาคือ น้ำในการใช้เพื่อการเกษตรไม่เพียงพอ เช่นเดียวกัน เนื่องจากประชาชนทั้ง 4 ตำบลนี้ มีอาชีพทำเกษตรกร ทำสวน ทำไร่ เป็นหลัก

“ผมขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องผลักดันงบประมาณ ส่งเสริมให้เกิดการโครงการวางท่อน้ำ HDPE จัดทำน้ำประปาระดับชุมชน เพื่อให้ประชาชนเข้าถึงแหล่งน้ำสะอาด มีน้ำใช้ แต่ในขณะนี้พบว่า ยังขาดงบประมาณ ในการที่จะทำการวางท่อ เพื่อการผลิตน้ำปะปา ที่จะป้อนให้กับประชาชนได้ใช้น้ำประปา ขอให้หน่วยงาน เร่งดำเนินการพิจารณา โดยด่วน เพื่อเป็นการแก้ปัญหาระยะยาว “นายอนุรัตน์ กล่าว

นายอนุรัตน์ กล่าวต่อว่า ถนนสาย 1021 เป็นถนนที่เชื่อมต่อจาก อำเภอจุนสู่ อำเภอเชียงคำ ใน กมที่ 70+300 -กมที่ 71+400 เป็นแยกเชียงบาน เป็นจุดเสี่ยงสำคัญ ที่ประชาชนได้ประสบอุบัติเหตุ อย่างที่เรียนไว้ข้างต้นครับ กมที่ 70+300 -กมที่ 71+400 ตนขอให้ขยายเป็นถนนสี่เลน และมีสัญญาณไฟจราจร ให้เกิดความปลอดภัยแก่ผู้ใช้รถใช้ถนน

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 20 กรกฎาคม 2566

สส. อรรถกร วอนกรมชลแก้ปัญหาผักตบชวาล้นแม่น้ำบางปะกง ลดความเดือดร้อนประกอบอาชีพในลำน้ำของประชาชน

,

สส. อรรถกร วอนกรมชลแก้ปัญหาผักตบชวาล้นแม่น้ำบางปะกง ลดความเดือดร้อนประกอบอาชีพในลำน้ำของประชาชน

นายอรรถกร ศิริลัทธยากร สส.ฉะเชิงเทรา พรรคพลังประชารัฐ กล่าวหารือถึงความเดือดร้อนของพี่น้องจังหวัดฉะเชิงเทราในที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร ว่า ตนได้รับเรื่องร้องเรียนจากพี่น้องประชาชนที่ได้รับความไม่สะดวกในการสัญจรไปมา โดยเฉพาะในช่วงกลางคืน บนทางหลวงหมายเลข 3076 เส้นพนมสารคาม บ้านซ่า โดยเฉพาะในช่วง จากตำบลหนองยาวอำเภอ พนมสารคาม ไปถึงช่วงตำบลดงน้อย อำเภอราชสาน ว่าในช่วงเวลากลางคืนแสงสว่างไม่เพียงพอ จนทำให้เกิดความไม่สะดวก และเกิดอุบัติเหตุขึ้นบ่อยครั้ง จึงขอเรียนผ่านท่านประธานไปยังกระทรวงคมนาคม ขอให้ติดตั้งไฟส่องสว่างเป็นช่วง ๆ เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชน

นายอรรถกร ยังกล่าวต่อถึงปัญหาจากประชาชนที่อาศัยอยู่ช่วงถนนสายบางปะอิน หมู่ที่ 6 ตำบลบางกระเจ็ด ว่า ในบางช่วงของการใช้ไฟฟ้ามีเหตุการณ์เกิดไฟตกทำให้การใช้ชีวิตภายในบ้านไม่ปกติ หลายครั้ง เครื่องใช้ไฟฟ้าก็เสียหาย่ จึงขอให้การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ช่วยขยายเฟสไฟใน ช่วงหมู่ที่6 ตำบลบางกระเจ็ดจาก 2 เฟสเป็น 3 เฟสทั้งหมดด้วย จะสามารถบรรเทาความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนได้เยอะ

“ส่วนเรื่องที่สำคัญและเร่งด่วนอีกเรื่อง เนื่องจากในขณะนี้แม่น้ำบางประกง ในช่วงของตำบลกลางตลาด ช่วงตำบลบางขนาด และในบริเวณอำเภอคลองเขื่อน และที่เขตบางปะกง มีปัญหาผักตบชวาล้น ต้องเรียกว่ามวลมหาผักตบชวาก็เป็นไปได้ สร้างความเดือดร้อนให้พี่น้องประชาชน โดยเฉพาะพี่น้องประชาชนที่มีวิถีชีวิตประมง ในลำน้ำ เพื่อมาเลี้ยงชีพ รวมถึง ปัญหาของการสัญจรไปมาในริมคลองแม่น้ำ ซึ่งเป็นปัญหาทุกปี ซึ่งในอาทิตย์ที่ผ่านมา ผมได้รับความช่วยเหลือจากกรมชลประทาน องค์กรจังหวัดฉะเชิงเทรา รวมไปถึงอำเภอกำนันผู้ใหญ่บ้าน อบต และพี่น้องประชาชนช่วยกันป้องกันปัญหาผักตบชวาที่ต้องจัดการ โดยการต้องเรี่ยไรเงิน ที่จะนำไปแก้ไขปัญหาเบื้องต้น ผมขอให้กรมชลประทานช่วยระดมกำลังเครื่องไม้เครื่องมือ มาแก้ไขอย่างต่อเนื่อง”

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 20 กรกฎาคม 2566

“ชนนพัฒฐ์”พร้อมลงมือแก้ปัญหาพัฒนาอาชีพเสริมชาวสงขลา เพิ่มแหล่งน้ำทำเกษตรทั้งปี พัฒนาตลาดกลางรับซื้อสินค้าเกษตร

,

“ชนนพัฒฐ์”พร้อมลงมือแก้ปัญหาพัฒนาอาชีพเสริมชาวสงขลา
เพิ่มแหล่งน้ำทำเกษตรทั้งปี พัฒนาตลาดกลางรับซื้อสินค้าเกษตร

17 ก.ค. 2566 นายชนนพัฒฐ์ นาคสั้ว ส.ส.สงขลา เขต 4 พรรคพลังประชารัฐ(พปชร.)เปิดเผยว่า หลังจากที่ได้รับทำหน้าที่ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สมบูรณ์แล้ว พร้อมจะทำหน้าที่อย่างเต็มกำลังความสามารถ และจะตั้งใจเป็นปากเป็นเสียง ผลักดันการพัฒนา และแก้ไขปัญหาให้กับประชาชนชาวสงขลา เขต 4 อย่างเต็มที่ และขอขอบคุณ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ที่ให้โอกาสและสนับสนุนคนรุ่นใหม่เข้ามาทำงานการเมือง ซึ่งถือเป็นเกียรติครั้งที่ใหญ่ที่สุดครั้งหนึ่งในชีวิต

สิ่งที่ต้องเร่งดำเนินการใน 3 เรื่องหลัก ในพื้นที่เขต 4 ซึ่งเป็นปัญหาของคนในท้องถิ่นอย่างแท้จริง คือ 1.ปัญหาน้ำแล้งและน้ำเค็มที่รุกล้ำ โดยจะมีการเสนอสร้างแก้มลิงขนาดใหญ่ในทะลสาบในพื้นที่ ต.เกาะใหญ่ อ.กระแสสินธุ์ เพื่อใช้ในการกักเก็บน้ำจืด เพื่อการเกษตรในหน้าแล้ง เพื่อให้มีน้ำใช้ตลอดปีในการทำการเกษตรแล้ว ยังเป็นการป้องกันน้ำเค็มไม่ให้เข้ามาในพื้นที่ทำการเกษตรของประชาชน ซึ่งโครงการแก้มลิงอยู่ระหว่างการตั้งงบประมาณเพื่อการศึกษา ซึ่งหากโครงการสำเร็จ เกษตรกรในคาบสมุทรสทิงพระ จะไม่มีปัญหาเรื่องน้ำแล้งและ น้ำท่วมอีกต่อไป 2. ปัญหาประมง ต้องมีการพัฒนารายได้เสริมให้กับชาวประมง ที่ต้องหยุดการทำประมงเวลา 6 เดือน ในช่วงฤดูมรสุม และ 3. แก้ปัญหาราคาสินค้าเกษตรพืชผล โดยการตั้งตลาดกลางรับซื้อผลผลิตทางการเกษตรจากเกษตรกรโดยตรง โดยตลาดกลาง จะคิดราคาที่เป็นธรรม และบริหารจัดการราคาเพื่อไม่แสวงหากำไร เป็นการป้องกันพ่อค้าคนกลางเอาเปรียบเกษตรกร โดยอาศัยจากประสบการณ์ การทำธุรกิจ รู้เส้นทางการค้าขาย ซึ่งใน 3 เรื่องนี้ เป็นปัญหาหลัก ที่ต้องผลักดันอย่างเต็มที่เพื่อประโยชน์ของชาวสงขลา

“แม้ผมจะไม่เคยเล่นการเมือง ไม่ว่าจะระดับไหน แต่ผมมีความรู้ มีความเข้าใจ ในปัญหาของประชาชน และที่สำคัญคือ ผมมีความตั้งใจที่จะเป็นนักการเมือง ที่จะเข้ามารับผิดชอบกับปัญหาที่เกิดขึ้น นอกจากนี้ ผมยังประสบความสำเร็จในเรื่องกีฬา ในฐานะที่เคยเป็นประธานสโมสรฟุตบอลนครศรี ยูไนเต็ด จ.นครศรีธรรมราช ก็จะใช้ประโยชน์ในเรื่องนี้ผลักดันให้เด็ก ๆ และเยาวชนในพื้นที่ใช้เวลาว่างไปกับการออกกำลังกายกับกีฬา ดีกว่าหันหน้าเข้าสู่ยาเสพติด”นายชนนพัฒฐ์ กล่าว

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 17 กรกฎาคม 2566

“อนันต์ ผลอำนวย”พร้อมศิษยานุศิษย์ ร่วมพิธีฉลองสัญญาบัตร พัดยศ”พระครูอุดมวชิรกิตติ์”

,

“อนันต์ ผลอำนวย”พร้อมศิษยานุศิษย์ ร่วมพิธีฉลองสัญญาบัตร พัดยศ “พระครูอุดมวชิรกิตติ์”

นายอนันต์ ผลอำนวย ส.ส.เขต 3 จ.กำแพงเพชร พรรคพลังประชารัฐ(พปชร.)เปิดเผยว่า ตนได้เข้าร่วมพิธีฉลองสัญญาบัตร – พัดยศ (จอ.ชอ.) และงานทำบุญอายุวัฒนมงคลครบ 73 ปี พระครูอุดมวชิรกิตติ์ (เยี่ยม กิตติภทโท ทิมชล) เจ้าเจ้าคณะอำเภอคลองขลุง เจ้าอาวาส โดยมีพระมหาเถระ พระเถรานุเถระ ร่วมเจริญพระพุทธมนต์ มีคณะสงฆ์ พร้อมด้วยข้าราชการ อุบาสกอุบาสิกาพุทธศาสนิกชน ร่วมพิธี ณ วัดหนองเต่าทอง ตำบลคลองขลุง อำเภอคลองขลุง

โดยมีนายสดุดี พุทธัง นายอำเภอคลองขลุง เป็นประธาน(ฝ่ายฆราวาส) ในพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ(MOU) บทบาทในการเกื้อหนุนระหว่างวัดและชุมชนให้มีความสุขอย่างยั่งยืน ระดับตำบล เพื่อเป็นแนวทางขับเคลื่อนการดำเนินงานโครงการวัด ประชา รัฐ สร้างสุข และเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน”บวร” โดยมีพระครูอุดมวชิรกิตติ์ เจ้าคณะอำเภอคลองขลุง เป็นประธาน(ฝ่ายสงฆ์) เจ้าคณะตำบลทั้ง 10 ตำบล กำนัน ทุกตำบล เข้าร่วมลงนามในพิธีฯ

ทั้งนี้ภายในงานได้มีการเปิดโรงทานมหาเศรษฐีมีสมบัติพันล้าน ถวายภัตตาหารเพล แด่เจ้าคณะพระสังฆาธิการและสามเณร 300 รูป และเลี้ยงสาธุชนที่มาร่วมงานพิธีด้วย

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 16 กรกฎาคม 2566

“สัมพันธ์ มะยูโซ๊ะ”แจ้งข่าวดี ชาวสุไหงโก-ลก ดันสร้างสะพานข้ามแม่น้ำสำเร็จ ช่วยขนส่งสินค้า สร้างรายได้ เปรียบ สตรีคือลมใต้ปีกหนุนวิสาหกิจชุมชน

,

“สัมพันธ์ มะยูโซ๊ะ”แจ้งข่าวดี ชาวสุไหงโก-ลก ดันสร้างสะพานข้ามแม่น้ำสำเร็จ ช่วยขนส่งสินค้า สร้างรายได้ เปรียบ สตรีคือลมใต้ปีกหนุนวิสาหกิจชุมชน

นายสัมพันธ์ มะยูโซ๊ะ ส.ส.นราธิวาส เขต 3 พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.)เปิดเผยว่าพี่น้องประชาชนใน อ.สุไหงโก-ลก นราธิวาส และพี่น้องชาวรันเตาปันยัง ประเทศมาเลเซีย ได้รับข่าวที่ทางรัฐบาลไทยสามารถผลักดันสร้างโครงการก่อสร้างสะพานข้ามแม่น้ำโก-ลก แห่งที่ 2 สุไหงโก-ลก – รันเตาปันยัง เพื่ออำนวยความสะดวกต่อการขนส่งสินค้า และบุคคลข้ามพรมแดนซึ่วถือว่าเป็นการเชื่อมโยงด้านเศรษฐกิจ การท่องเที่ยว โดยมีแผนการดำเนินงานโครงการดังกล่าวนี้ตามแผนระยะเวลา 5 ปี คือ พ.ศ. 2565 – 2569 ทั้งนี้ ตนพร้อมจะสนับสนุน ผลักดันทุกๆ โครงการ และต่อยอดให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อชาวนราธิวาส

นายสัมพันธ์ กล่าวต่อว่า อีกหนี่งโครงการที่จะสร้างรายได้ให้กับคนในพื้นที่ก็คือ วิสาหกิจชุมชน กลุ่มหัตถกรรม หรือเย็บปักถักร้อย ล้วนแล้วแต่สร้างรายได้ ซึ่งผมให้ความสำคัญกับสตรี และเยาวชน เพราะสตรีคือลมใต้ปีกของทุกๆ องค์กรที่สามารถขับเคลื่อนองค์กรนั้นๆไปข้างหน้าได้อย่างมั่นคง โดยตนพร้อมสนับสนุนอย่างเต็มที่ เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีของทุกคนและทุกครัวเรือน

“ทุกข์เสียงจากพี่น้อง ผมเองก็เป็นทุกข์เช่นกัน การพัฒนามนุษย์ที่ยั่งยืน คือการให้เพื่อนมนุษย์ด้วยกันมีคุณภาพชีวิตที่ดี ผมเองพยายามผลักดันทุกๆ โครงการในขณะที่ดำรงตำแหน่งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเพื่อคลายความทุกข์ร้อนของพี่น้องอยู่เสมอๆ และหลังจากนี้ ผมพร้อมที่จะเป็นปากเป็นเสียงแทนพี่น้องทุกๆ ท่าน เพื่อให้สมกับเจตนารมณ์ในการสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีของชาวนราธิวาสต่อไป”

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 10 กรกฎาคม 2566

“จีรเดช ส.ส.พปชร” เดินหน้าสานฝันเกษตรกร จ.พะเยา ผลักดันสร้างอ่างกักเก็บน้ำให้ครอบคลุมพื้นที่ ช่วยเพิ่มรายได้ให้ลืมตาอ้าปากได้

,

“จีรเดช ส.ส.พปชร” เดินหน้าสานฝันเกษตรกร จ.พะเยา ผลักดันสร้างอ่างกักเก็บน้ำให้ครอบคลุมพื้นที่ ช่วยเพิ่มรายได้ให้ลืมตาอ้าปากได้

นายจีรเดช ศรีวิราช ส.ส.พะเยา พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.)กล่าวว่า ชาวพะเยาส่วนใหญ่ประกอบอาชีพทางด้านเกษตรกรรม ปัญหาหลักในตอนนี้ คือ ปริมาณน้ำฝนในจังหวัดพะเยาถึงจะมีปริมาณค่อนข้างมากในแต่ละปี แต่ก็ติดปัญหาว่าไม่สามารถกักเก็บได้ ทำให้ปริมาณน้ำที่กักเก็บได้น้อยมาก ปริมาณน้ำฝนกว่า 90% ก็ต้องไหลลงคลองลื่นลงสู่ทะเลไป ถือว่าน่าเสียดาย 4 ปีที่ผ่านมา ตนพยายามที่จะผลักดันในการสร้างอ่างเก็บน้ำทั้งขนาดเล็ก กลาง ใหญ่ มาโดยตลอดแต่ยังไม่ได้รับการดูแลแก้ไขจากกรมชลประทาน เพราะติดปัญหาในเรื่องของพื้นที่ป่าไม้ ที่ไม่สามารถที่จะขอใช้พื้นที่ในส่วนป่าไม้ได้ทำให้ไม่สามารถที่จะดำเนินการก่อสร้างเพื่อดูแลให้กับพี่น้องประชาชนได้ ตนจะผลักดันการสร้างอ่างกักเก็บน้ำให้ครอบคลุมพื้นที่ เกษตรกรในจังหวัดจะได้ลืมตาอ้าปากได้

นายจีรเดช กล่าวต่อว่า อีกสิ่งหนึ่งที่สำคัญก็คือการคมนาคม โดยตนจะผลักดันให้เกิดถนนหลาย ๆ เส้นทาง ที่จะเชื่อมโยงไปยังพื้นที่ต่างๆ ให้มีความสะดวกและปลอดภัยขึ้น โดยเฉพาะถนน 4 เลนที่เชื่อมระหว่างจังหวัดพะเยา ตอนนี้มาถึงแค่อำเภอดอกคำใต้ ตนจึงอยากจะผลักดัน เส้นทาง 1251 จากดอกคำใต้ ไปอำเภอจุน ให้เป็นถนน 4 เลน เชื่อมโยงกันไปยัง 1252 นะครับ เพราะว่าจากจุนไปเชียงคำก็เป็น 4 เลน ทางด้านปงก็ได้รับการจัดสรร จากจุนไปปงก็ได้รับการจัดสรรงบประมาณมาอย่างต่อเนื่อง ในขณะนี้ก็กำลังดำเนินการก่อสร้างอยู่

“ถนนในพื้นที่เขต 3 ส่วนใหญ่ยังเป็นดินรุกรังอยู่ ช่วงหน้าฝน ประชาชนก็ประสบความเดือดร้อน เดินทางสัญจร ไปมาไม่สะดวก และการใช้ถนนก็ลำบาก ถือเป็นอีกเรื่องที่สำคัญที่ผมอยากจะผลักดันอย่างเร่งด่วน”นายจีรเดช กล่าว

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 07 กรกฎาคม 2566

“ไผ่ ลิกค์” เผย เร่งแก้ปัญหาน้ำกัดเซาะตลิ่ง ลั่น ต้องเพิ่มประสิทธิภาพป้องกันตลิ่งทรุดตัว ย้ำ ความเดือดร้อนของชาวบ้านเป็นงานสำคัญ

,

“ไผ่ ลิกค์” เผย เร่งแก้ปัญหาน้ำกัดเซาะตลิ่ง ลั่น ต้องเพิ่มประสิทธิภาพป้องกันตลิ่งทรุดตัว ย้ำ ความเดือดร้อนของชาวบ้านเป็นงานสำคัญ

นายไผ่ ลิกค์ ส.ส.กำแพงเพชร เขต1 พรรคพลังประชารัฐ กล่าวภายหลังเข้ารายงานตัว ส.ส.ว่า ก่อนอื่นตนต้องกราบขอบคุณทุกคะแนนเสียงของพ่อแม่พี่น้องประชาชนที่ช่วยกันทำให้ตนได้เป็น ส.ส. อีกสมัย ตนจะทำงานต่ออย่างเต็มความสามารถ ส่วนคนที่ไม่ได้เลือกตนในครั้งนี้ ตนก็จะพยายามทำงานให้ถูกใจมากที่สุดและพร้อมรับทุกคำติชม โดยจะนำมาปรับปรุงการทำงานให้ดียิ่งขึ้น

นายไผ่ กล่าวต่อว่า ในขณะนี้ตนได้ลงพื้นที่ตรวจสอบปัญหาที่ได้รับผลกระทบมาจากปี 64 ที่เกิดฝนตกหนักติดต่อกันหลายวัน จึงทำให้น้ำในลำคลองแม่ระกา จากพื้นที่ลานกระต่ายไหล เข้ามายังพื้นที่ ตำบลลานดอกไม้ จังหวัดกำแพงเพชร ส่งผลให้เกิดน้ำท่วมบ้านเรือนและพื้นที่เกษตร โดยเฉพาะผู้ที่อยู่อาศัยริมฝั่งครองแม่ระกาบางจุด ได้เกิดดินบริเวณตลิ่งทรุดตัวลง ทำให้ชาวบ้านต้องรื้อบ้าน เพื่อหนีน้ำที่ไหล่เอ่อ ตนจึงได้ติดตามเร่งจัดการงานเบื้องต้น ให้มีความคืบหน้ายิ่งขึ้น พร้อมทั้งเพิ่มประสิทธิภาพ เพื่อป้องกันตลิ่งทรุดตัวลง เพราะความเดือดร้อนของชาวบ้านเป็นงานสำคัญ

นอกจากนี้ นายไผ่ ยังเปิดเผยต่อว่า ตนได้รับการร้องเรียนมาเมื่อปี 65 กรณีของฝายวังยาง และเขื่อนเรียงหินป้องกันตลิ่งริมแม่น้ำปิง ได้รับการกระแทกของน้ำ ทำให้เขื่อนแตกและริมตลิ่งถูกน้ำกัดเซาะทำให้ดินทรุด ตนก็ได้ลงพื้นที่ติดตามความเสียหาย ซึ่งในส่วนของฝายยกระดับน้ำชั่วคราวสายวังยางได้รับการซ่อมแซมเรียบร้อยแล้ว ในส่วนของบ้านเรือนประชาชนตอนนี้ เป็นหน้าฝน และน้ำในแม่น้ำมีปริมาณมากขึ้น จึงทำให้ไปกัดเซาะริมฝั่งบ้านเรือนประชาชนได้รับความเสียหาย ตนจึงได้ประสานงานไปยังผู้นำท้องถิ่น เพื่อผลักดันโครงการเขื่อนเรียงหินป้องกันตลิ่งพังริมแม่น้ำปิง โดยจะประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการให้เร็วที่สุด

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 23 มิถุนายน 2566

“พิมพ์พร ว่าที่ ส.ส.เพชรบูรณ์”เชื่อ การสร้างอาชีพในชุมชน คือฐานรากกระตุ้น ศก.พัฒนาท้องถิ่น ยกระดับคุณภาพชีวิต พร้อม สานต่องานเต็มที่

,

“พิมพ์พร ว่าที่ ส.ส.เพชรบูรณ์”เชื่อ การสร้างอาชีพในชุมชน คือฐานรากกระตุ้น ศก.พัฒนาท้องถิ่น ยกระดับคุณภาพชีวิต พร้อม สานต่องานเต็มที่

น.ส.พิมพ์พร พรพฤฒิพันธุ์ ว่าที่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เขต 1 จ.เพชรบูรณ์ กล่าวว่า ตนมีความตั้งใจในการเข้ามาช่วยเหลือประชาชนในเรื่องโครงสร้างพื้นฐาน เช่น การบริหารจัดการน้ำ และถนนที่ต้องมีการปรับปรุง รวมถึงสิ่งอำนวยความสะดวกในการสัญจร โดยเฉพาะภาคเกษตรที่ต้องอาศัยเส้นทางขนส่งสินค้า ยิ่งขณะนี้เป็นช่วงหน้าฝนต้องเร่งดำเนินการ เพราะเส้นทางยังชำรุดเป็นจำนวนมาก

น.ส.พิมพ์พร กล่าวต่อว่า ตนมีแผนการสร้างอาชีพในชุมชนต่างๆ ส่งเสริมให้ชุมชนรวมตัว และพัฒนาเป็นวิสาหกิจชุมชน โดยจะมีการประสานงานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการยกระดับอาชีพเข้ามาอบรม พัฒนาผลิตภัณฑ์ในท้องถิ่น และจัดหาตลาด เพื่อการกระจายสินค้า ซึ่งเป็นแนวทางเสริมรายได้ให้กับชุมชน รวมไปถึงแนวทางจัดกิจกรรม เพื่อเปิดโอกาสให้คนในช่วงวัยต่างๆ เข้าร่วมเพื่อแลกเปลี่ยนแนวทางการพัฒนาท้องถิ่น เพื่อร่วมกันยกระดับคุณภาพชีวิต ในชุมชนให้สามารถตอบโจทย์ความต้องการในทุกช่วงวัย โดยเฉพาะเยาวชน และคนรุ่นใหม่ ที่จะเข้ามามีส่วนร่วม

“ทั้งนี้เห็นว่า ในกิจกรรมที่ร่วมกันได้ จะมีมิติการพัฒนา ทั้งทางด้านเศรษฐกิจ สังคม และการพัฒนาพื้นที่ ซึ่งจะนำไปสู่แนวทางการสร้างงาน สร้างอาชีพในพื้นที่มากขึ้น เพราะปัจจุบันเยาวชนและคนรุ่นใหม่ ไม่ต้องการย้ายถิ่นฐานไปทำงานนอกพื้นที่ ดังนั้นสิ่งสำคัญจึงต้องมีการระดมความคิดเห็น เพื่อให้สอดคล้องกับทิศทางจังหวัด เพื่อให้เกิดการพัฒนาอย่างยั่งยืน เพราะที่ผ่านมายังขาดเวทีที่จะดึงคนรุ่นใหม่เข้ามามีส่วนร่วม”น.ส.พิมพ์พร กล่าว

น.ส.พิมพ์พร กล่าวทิ้งท้ายด้วยว่า ตนขอขอบคุณทุกคะแนนเสียงที่ประชาชนมอบให้จากใจจริง ขอขอบคุณที่ให้โอกาสกลับเข้ามาทำงานเพื่อพัฒนาบ้านเกิดเมืองนอน และขอบคุณที่ให้โอกาสเพชรบูรณ์ได้เปลี่ยนแปลงไปสู่สิ่งที่ดีกว่า โดยตนพร้อมจะทำหน้าที่ผู้แทนราษฎรอย่างเต็มกำลังความสามารถ และจะตั้งใจเป็นปากเป็นเสียง ผลักดันการพัฒนาและแก้ไขปัญหาให้กับประชาชนชาวเพชรบูรณ์ เขต 1 อย่างเต็มที่

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 21 มิถุนายน 2566