โลกเปลี่ยน ไทยต้องปรับ ทางเลือกใหม่ของการเมืองไทย ก้าวข้ามความขัดแย้ง สานพลังประชาราษฎร์ ร่วมสร้างชาติให้ยั่งยืน

ป้ายกำกับ: ข่าวกิจกรรม ส.ส. และสมาชิกพรรค

“รมว.ธรรมนัส” ร่วมนายกฯลงพื้นที่ กาญจนบุรี แก้ปัญหาที่ดินทับซ้อนสร้างความมั่นคงในชีวิตปชช.

,

“รมว.ธรรมนัส” ร่วมนายกฯลงพื้นที่ กาญจนบุรี แก้ปัญหาที่ดินทับซ้อนสร้างความมั่นคงในชีวิตปชช.

นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี พร้อมด้วย ร้อยเอก ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และผู้บริหารและเจ้าหน้าที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ลงพื้นที่พบปะพี่น้องประชาชน ณ จุดรวมพลอำเภอท่ามะกา จังหวัดกาญจนบุรี เพื่อรับฟังปัญหาและข้อเสนอแนะของพี่น้องประชาชนในการแก้ไขปัญหาหนี้สิน ยาเสพติด จัดสรรพื้นที่ทำกิน ค่าแรงขั้นต่ำ รวมถึงราคาสินค้าเกษตร ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีได้ให้ความมั่นใจกับประชาชนว่ารัฐบาลจะทำงานแก้ไขปัญหาอย่างเต็มที่
จากนั้น นายกรัฐมนตรีและคณะ ได้เดินชมนิทรรศการสินค้า OTOP สินค้าวิสาหกิจชุมชน อาทิ น้ำอินทผลัมบาฮีผลสด เต่งเชียงปลายี่สก น้ำแกงส้มปรุงสำเร็จ ขนมกล้วยน้ำว้าแปรรูปบานาน่า ขนมทองโย๊ะหรือหมี่สิ รวมถึงคูหาจัดแสดงอัญมณีของจังหวัด (พลอย และนิล) ณ องค์การบริหารส่วนจังหวัดกาญจนบุรี พร้อมทั้งรับฟังการนำเสนอแนวทางแก้ไขสำหรับการพัฒนาจังหวัด อาทิ แก้ปัญหาที่ดินทับซ้อนโดยบูรณาการจากทุกภาคส่วนเพื่อจัดทำ One Map การเร่งรัดพิจารณาการจัดสรรที่ดินที่ไม่ได้ใช้งานให้เกษตรกร เร่งช่วยเหลือราษฎรที่ได้รับผลกระทบจากการสร้างเขื่อนศรีนครินทร์ เมื่อปี 2547 และขอผันน้ำจากเขื่อนศรีนครินทร์เพื่อบรรเทาปัญหาภัยแล้งซ้ำซาก เป็นต้น ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีเห็นด้วยกับข้อเสนอของทางจังหวัด และมอบหมายให้ ร้อยเอก ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เจรจาความร่วมมือกับผู้บัญชาการทหารสูงสุด เพื่อแก้ไขปัญหาที่ดินทับซ้อนและดำเนินการจัดทำ One Map ร่วมกับกรมแผนที่ทหาร
ในโอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีและคณะได้เยี่ยมชมสะพานข้ามแม่น้ำแคว และได้ขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการขับเคลื่อนให้นักท่องเที่ยวสนใจเที่ยวเมืองรอง เนื่องจากกาญจนบุรีเป็นจังหวัดที่มีจำนวนนักท่องเที่ยวมากที่สุดเป็นอันดับที่ 3 และมีศักยภาพหลายด้าน สามารถยกระดับเป็นเมืองถ่ายทำภาพยนตร์ระดับโลกได้อีกด้วย

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 10 ธันวาคม 2566

“พล.ต.อ.พัชรวาท” นำทีมประชุม COP 28 ขับเคลื่อนลดก๊าซเรือนกระจกสู่เป้าหมายฟื้นฟูภูมิอากาศ ร่วมรักษ์โลก รักษ์ประเทศไทย

,

“พล.ต.อ.พัชรวาท” นำทีมประชุม COP 28ขับเคลื่อนลดก๊าซเรือนกระจกสู่เป้าหมายฟื้นฟูภูมิอากาศ ร่วมรักษ์โลก รักษ์ประเทศไทย

เมื่อวันที่ 7 ธ.ค. 2566 พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณรอง นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม พร้อมคณะ เดินทางไปยังเมืองดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เพื่อร่วมประชุมรัฐภาคีกรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ สมัยที่ 28 (COP 28) ที่จัดขึ้นระหว่างวันที่ 30 พ.ย.- 12 ธ.ค. 2566

โดย พล.ต.อ. พัชรวาท กล่าวก่อนการร่วมประชุมว่า ประเทศไทยได้เข้าร่วมการประชุมในฐานะรัฐภาคีมาตลอดทุกปี นอกจากในฐานะประชาคมโลกแล้ว ยังเป็นการทำเพื่อสร้างประเทศไทยในการเปลี่ยนแปลงรับสภาพภูมิอากาศ ในการประชุมครั้งนี้ จะเป็นการให้ความรู้ในเชิงบวกถึงการทำงานของประเทศไทยในการร่วมมือกับประชาคมโลกเพื่อจัดการกับปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และขยายโอกาสการได้รับความช่วยเหลือทางการเงิน เทคโนโลยีและวิชาการ

ประเด็นสำคัญของการประชุมในปีนี้ ประกอบด้วย การประเมินสถานการณ์ดำเนินงานระดับโลก เพื่อให้ทราบว่าการดำเนินงานที่ผ่านมาว่าสามารถบรรลุเป้าหมายตามความตกลงปารีสมากน้อยเพียงใด รวมถึงการวิเคราะห์ช่องว่าง ที่ต้องการให้ภาคีจะต้องผลักดันอย่างเร่งด่วน ทั้งนี้การจัดทำเป้าหมายระดับโลกด้านการปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เป้าหมายด้านการเงินเพื่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ซึ่งภาคีประเทศกำลังพัฒนาขอให้เร่งระดมเงินให้ได้ 1 แสนล้านเหรียญสหรัฐฯ ต่อปีภายในปี ค.ศ. 2025 เพื่อสนับสนุนการขับเคลื่อนการดำเนินงานตามการมีส่วนร่วมที่ประเทศกำหนด ให้บรรลุเป้าหมายตามที่แต่ละภาคีได้ให้คำมั่นไว้ รวมถึงการตั้งกองทุนสำหรับการสูญเสียและความเสียหายจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เพื่อช่วยประเทศที่ได้รับผลกระทบ โดยเฉพาะประเทศที่มีความเปราะบางต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ซึ่งคาดหวังที่จะให้ได้ข้อสรุปร่วมกันในการประชุมครั้งนี้

“ผมเชื่อว่า การประชุม COP28 จะมีความก้าวหน้าและประสบความสำเร็จตามที่ประชาคมโลกคาดหวัง โดยเราจะสนับสนุนเต็มที่ในฐานะประชาคมโลก และ เร่งดำเนินการปรับตัวภายในประเทศให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงของภูมิอากาศโลก”

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 7 ธันวาคม 2566

รมว.ธรรมนัส พร้อมยกระดับ “ไหมไทย” เพิ่มมูลค่า สู่ Soft Power ร่วมงาน กรมหม่อนไหม ครบรอบ 14 ปี สืบสานภูมิปัญญสู่ความยั่งยืน

,

รมว.ธรรมนัส พร้อมยกระดับ “ไหมไทย” เพิ่มมูลค่า สู่ Soft Power ร่วมงาน กรมหม่อนไหม ครบรอบ 14 ปี สืบสานภูมิปัญญสู่ความยั่งยืน

ร้อยเอก ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยภายหลังเป็นประธานเปิดงาน
วันคล้ายวันสถาปนากรมหม่อนไหม เนื่องในโอกาสครบรอบ 14 ปี “14 ปี กรมหม่อนไหม สืบสานภูมิปัญญา พัฒนาสู่ความยั่งยืน” ที่จัดขึ้นระหว่างวันที่ 4 – 6 ธันวาคม 2566 โดยมี นายประยูร อินสกุล ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นายเศรษฐเกียรติ กระจ่างวงษ์ รองปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ผู้บริหารหน่วยงานในสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และเจ้าหน้าที่
ที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วม ณ กรมหม่อนไหม ว่า กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยกรมหม่อนไหม จัดตั้งขึ้นตามพระราชดำริของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ด้วยพระองค์ทรงมีพระราชปณิธานที่จะส่งเสริมอาชีพการปลูกหม่อนเลี้ยงไหม เพื่อสร้างรายได้และยกระดับคุณภาพชีวิตของเกษตรกร อันนำมาสู่การสถาปนา กรมหม่อนไหมขึ้น เพื่อเป็นหน่วยงานหลักที่รับผิดชอบด้านการส่งเสริม วิจัย และพัฒนาหม่อนไหมทั้งระบบ รวมถึงการอนุรักษ์สืบสานศิลปหัตถกรรม
ภูมิปัญญาไหม ให้คงอยู่คู่ประเทศไทย

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับการจัดงานวันคล้ายวันสถาปนากรมหม่อนไหม ครบรอบ 14 ปี ในครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อเผยแพร่และประชาสัมพันธ์ภาพลักษณ์ รวมถึงผลการดำเนินงานที่ผ่านมาและภารกิจสำคัญของกรมหม่อนไหมที่ดำเนินงานต่อไปในอนาคต ซึ่งกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยกรมหม่อนไหมได้ดำเนินงานภายใต้ภารกิจสำคัญเพื่อทำให้เกษตรกรผู้ปลูกหม่อนเลี้ยงไหมมีอาชีพและสามารถสร้างรายได้ที่มั่นคง สามารถพึ่งพาตนเองได้อย่างเข้มแข็งและยั่งยืน เพื่อให้สอดคล้องกับยุทธศาสตร์เกษตรและสหกรณ์ 20 ปี และนโยบายสำคัญของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ที่มุ่งพัฒนาคุณภาพชีวิตของเกษตรกร เสริมสร้างความมั่นคงในอาชีพเกษตรกรรม โดยใช้การตลาดนำการผลิตเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต ยกระดับมาตรฐานสินค้า เพิ่มความสามารถในการแข่งขันด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรม ตลอดจนพัฒนาสินค้าผ้าไหมไทยให้เป็นที่ยอมรับมุ่งสู่ Soft Power ของไทย
ในโอกาสนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้มอบโล่รางวัลและใบประกาศเกียรติคุณแก่นักวิจัยด้านหม่อนไหม พร้อมแสดงความยินดีถึงต้นแบบในการดำเนินการพัฒนางานด้านหม่อนไหม รวมทั้งมีส่วนช่วยเหลืองานด้านหม่อนไหมทั้งในระดับดับจังหวัด ระดับเขต และระดับประเทศ

นอกจากนี้ ภายในงานยังมีการจัดนิทรรศการนำเสนอผลงานของกรมหม่อนไหม แนวทางการยกระดับ “หม่อนไหมพะเยา” สู่ความยั่งยืน การยกระดับผลิตภัณฑ์หม่อนไหมรองรับ BCG Model ผ้าอัตลักษณ์จังหวัดหนองบัวลำภู (ผ้าหมี่สลับขิด) การพัฒนาผ้าไหมยกดอกลำพูน ด้วยภูมิปัญญาโดยใช้เส้นไหมไทย เทคโนโลยีพันธุ์ไหมที่เหมาะสมแก่การผลิตผ้าห่มใยไหม
การผลิตเส้นไหมไทยสาวมือ มกษ.5900-2565 Buriram Model และการพัฒนาประสิทธิภาพการผลิตหม่อนไหมระบบแปลงใหญ่ เป็นต้น รวมถึงภายในงานมีการจัดจำหน่ายผ้าไหม ผลิตภัณฑ์หม่อนไหมจากเกษตรกรผู้ปลูกหม่อนเลี้ยงไหม และผู้ประกอบการ เพื่อเป็นช่องทางการตลาดให้กับเกษตรกรอีกด้วย

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 7 ธันวาคม 2566

“พัชรวาท” เด้งรับทันที ชงครม.สัญจร แก้ปัญหาน้ำให้คนท่าบ่อหนองคาย หลังรับฟังปัญหาความเดือดร้อน ลั่นเป้าหมายสำคัญประชาชน ต้องอยู่ดีกินดี

,

“พัชรวาท” เด้งรับทันที ชงครม.สัญจร แก้ปัญหาน้ำให้คนท่าบ่อหนองคาย หลังรับฟังปัญหาความเดือดร้อน ลั่นเป้าหมายสำคัญประชาชน ต้องอยู่ดีกินดี

ที่หนองคาย พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เดินทางลงพื้นที่ตรวจราชการเทศบาลเมืองท่าบ่อ อำเภอท่าบ่อ จังหวัดหนองคาย ก่อนร่วมการประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่ครั้งแรก ที่จังหวัดหนองบัวลำภู โดยมารับฟังปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน และรับข้อเสนอโครงการจัดหาน้ำบาดาล โดยมีนายชาญชัย คงทัน รองผู้ว่าราชการจังหวัดกล่าวต้อนรับ

จากนั้นนายกิตติศักดิ์ วรรณวิเชษฐ์ นายเทศมนตรีเมืองท่าบ่อ กล่าวรายงานความเดือดร้อนในพื้นที่ว่า เนื่องจากเทศบาเมืองท่าบ่อ เป็นพื้นที่เศรษฐกิจที่มีการขยายตัวอย่างรวดเร็ว ทำให้มีจำนวนประชากร มาใช้บริการในเขตพื้นที่มากกว่า 30,000 คน และระบบประปาใช้งานมาแล้วกว่า 33 ปี มีสภาพชำรุด มีปริมาณความจุ 1,500 ลูกบาศก์เมตร แต่มีจำนวนประชากรที่ต้องการใช้น้ำเพิ่มขึ้นปริมาณ 2,547 ลูกบาศก์เมตรต่อวัน จึงส่งผลให้พื้นที่เทศบาลเมืองท่าบ่อไม่สามารถผลิตน้ำประปาที่มีคุณภาพให้บริการได้อย่างเพียงพอต่อความต้องการของประชาชนได้ ขณะเดียวกันยังมีโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราช และชุมชนโดยรอบ ก็ยังขาดแคลนน้ำประปา จึงอยากขอรับการสนับสนุนจากกระทรวงฯ

นายกุศล โชติรัตน์ รองปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม รักษาราชการแทนอธิบดีกรมทรัพยากรน้ำบาดาล
กล่าวว่า ตามที่นายกเทศมนตรี กล่าวถึงปัญหาทางกรมฯส่งเจ้าหน้าที่มาดูแนวทางการแก้ไขปัญหา ใน 3 แห่ง เพื่อดำเนินโครงการจัดหาแหล่งน้ำบาดาลระยะไกลเพื่อแก้ปัญหาในพื้นที่ขาดแคลนน้ำหรือน้ำเค็ม

จากนั้น พล.ต.อ.พัชรวาท ได้กล่าวทักทายประชาชนว่า หลังจากที่ได้รับฟังปัญหาจากนายกเทศมนตรีเทศบาลเมืองท่าบ่อ ว่าพ่อแม่พี่น้องประชาชนมีความเดือดร้อนเรื่องการขาดแคลนน้ำอุปโภคบริโภค โดยเฉพาะโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราช ซึ่งส่งผลกระทบต่อการให้บริการทางการแพทย์ และจากการที่กรมทรัพยากรน้ำบาดาลได้นำเสนอ ตนจะรีบนำโครงการนี้ให้ที่ประชุม ครม.สัญจร ที่จังหวัดหนองบัวลำภูในวันพรุ่งนี้ (4 ธ.ค.) ได้พิจารณาอนุมัติ เพื่อแก้ไขปัญหาของประชาชนโดยเร่งด่วน รัฐบาลมีนโยบายให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม บรรเทาปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนโดยมีเป้าหมายสำคัญ คือ ให้ประชาชนอยู่ดี กินดี อย่างยั่งยืน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องน้ำกินน้ำใช้ หรือน้ำเพื่อการเกษตร

ภายหลังเสร็จสิ้น พล.ต.อ.พัชรวาท ได้เดินทางพบปะ ทักทายและถ่ายภาพร่วมกับประชาชนที่เดินทางมาต้อนรับอย่างเป็นกันเอง รวมถึงมีชาวบ้านมาผูกผ้าขาวผ้าให้ด้วย

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 3 ธันวาคม 2566

“รมว.ธรรมนัส” ลงพื้นที่บึงกาฬ มอบนโยบายส่งเสริมผลิตพันธุ์ข้าวคุณภาพ มุ่งเพิ่มผลผลิตสร้างราคาต่อไร่เพิ่มรายได้เกษตรยั่งยืน

,

“รมว.ธรรมนัส” ลงพื้นที่บึงกาฬ มอบนโยบายส่งเสริมผลิตพันธุ์ข้าวคุณภาพ มุ่งเพิ่มผลผลิตสร้างราคาต่อไร่เพิ่มรายได้เกษตรยั่งยืน

ร้อยเอก ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ตรวจเยี่ยมการดำเนินการของศูนย์เมล็ดพันธุ์ข้าวบึงกาฬ ณ ต.ดอนหญ้านาง อ.พรเจริญ จ.บึงกาฬ ซึ่งศูนย์ดังกล่าวเป็นศูนย์บริการประชาชนภาคการเกษตร โดยเป็นศูนย์บริการร่วมเพื่ออำนวยความสะดวกแก่ประชาชนและพี่น้องเกษตรกร เพื่อให้สามารถติดต่อสอบถามขอทราบข้อมูลด้านข้าว ดำเนินกิจกรรมในเรื่อง 1) การผลิตและกระจายเมล็ดพันธุ์ข้าวสู่เกษตรกรในพื้นที่ เพื่อเสริมสร้างการผลิตข้าวคุณภาพดี สร้างความเข็มแข็งให้แก่เกษตรกรผู้ปลูกข้าวภายใต้โครงการและกิจกรรมของกรมการข้าว รวมถึงส่งเสริมการใช้เมล็ดพันธุ์คุณภาพดี และควบคุม กำกับการใช้และจำหน่ายเมล็ดพันธุ์ที่ไม่มีคุณภาพและไม่ผ่านการรับรอง โดยผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าว พันธุ์ กข22 พันธุ์ กข6 และพันธุ์ขาวดอกมะลิ105 เป้าหมายการผลิตปี 2566 จำนวน 1,900,000 กิโลกรัม และ 2) เป็นโรงงานปรับปรุงสภาพเมล็ดพันธุ์ข้าว ซึ่งสามารถกระจายเมล็ดพันธุ์ดีให้แก่กษตรกรในจังหวัดบึงกาฬได้ 3,814 ครัวเรือน พื้นที่ประมาณ 39,624 ไร่ จำนวนเมล็ดพันธุ์ 578,000 กิโลกรัม ทั้งนี้ ในอนาคตมีเป้าหมายในการเพิ่มผลผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าว จากเดิม 1,900,000 กิโลกรัม เป็น 2,500,000 กิโลกรัม ภายในปี 2569 เพื่อเพิ่มศักยภาพการผลิตและกระจายเมล็ดพันธุ์ข้าวและส่งเสริมการผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าว พร้อมทั้งการผลิตข้าวคุณภาพดี และการดำเนินงานด้านต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการผลิตข้าวของเกษตรกร

อย่างไรก็ตาม กระทรวงเกษตรฯ โดยกรมการข้าว มีแนวทางในการปรับปรุงพันธุ์ให้ได้คุณภาพ โดยในพื้นที่จังหวัดหนองคายและบึงกาฬ มีศูนย์วิจัยข้าวหนองคาย ได้วิจัยและปรับปรุงพันธุ์จนได้พันธุ์ข้าวคุณภาพดี จำนวนหลายพันธุ์ อาทิ ข่าวเหนียวพันธุ์ กข 22 ผลผลิตเฉลี่ย 684 กิโลกรัมต่อไร่ และข้าวเจ้าคุณภาพพิเศษ พันธุ์ กข83 (มะลิดำหนองคาย 62) ผลผลิตเฉลี่ย 640 กิโลกรัมต่อไร่ เป็นต้น ซึ่งการปรับปรุงเมล็ดข้าวพันธุ์ดี จะทำให้ชาวนามีผลผลิตข้าวต่อไร่เพิ่มขึ้น และจำหน่ายเมล็ดพันธุ์ในราคาที่สูงขึ้นอีกด้วย

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 3 ธันวาคม 2566

“สันติ รมช.สธ.” ตรวจเยี่ยมศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์ที่ 8 อุดรธานี หนุนยกระดับงานวิจัย พัฒนา อสม. ดูแลสุขอนามัยในท้องถิ่น เพิ่มคุณภาพชีวิตให้ประชาชน

,

“สันติ รมช.สธ.” ตรวจเยี่ยมศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์ที่ 8 อุดรธานี หนุนยกระดับงานวิจัย พัฒนา อสม. ดูแลสุขอนามัยในท้องถิ่น เพิ่มคุณภาพชีวิตให้ประชาชน

เมื่อวันที่ 3 ธันวาคม 2566 นายสันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์ที่ 8 อุดรธานี พร้อมเปิดโครงการถ่ายทอดองค์ความรู้วิทยาศาสตร์การแพทย์สู่ชุมชน เพื่อให้ผู้บริหารและนักวิชาการภาครัฐ ภาคเอกชนโดยเฉพาะอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) วิทยาศาสตร์การแพทย์ชุมชน ได้ร่วมแลกเปลี่ยนความรู้ทางวิทยาศาสตร์การแพทย์กับเครือข่ายในพื้นที่
โดยมีนายแพทย์ยงยศ ธรรมวุฒิ รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข รักษาราชการแทนอธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ รองอธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดอุดรธานี และพี่น้องชาว
อสม.จำนวน 800 คน รวมพลังร้องเพลงมาร์ช อสม.ให้การต้อนรับด้วยความอบอุ่น พร้อมเยี่ยมชมบูธจัดแสดงผลงานของกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ และภาคีเครือข่ายในพื้นที่ อาทิ ศักยภาพการตรวจวิเคราะห์ทางห้องปฏิบัติการ การพัฒนาผลิตภัณฑ์ OTOP/SME และการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกโดยห้องปฏิบัติการศูนย์วิทยาศาสตร์
การแพทย์ที่ 8 อุดรธานี

นายสันติ กล่าวว่า กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์เป็นหน่วยงานทางวิชาการ มีภารกิจสำคัญในการศึกษา การวิเคราะห์ วิจัย และพัฒนาองค์ความรู้ด้านวิทยาศาสตร์การแพทย์และสาธารณสุข และการพัฒนาองค์ความรู้และเทคโนโลยี เพื่อสนับสนุนการแก้ไขปัญหาสาธารณสุขของประเทศ สร้างเสริมสุขภาพที่ดีแก่ประชาชนในพื้นที่ครอบคลุมทุกเขตสุขภาพ

“ที่ผ่านมากรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ได้ถ่ายทอดองค์ความรู้ด้านวิทยาศาสตร์การแพทย์ให้กับพี่น้องประชาชนในชุมชน เพื่อให้สามารถนำไปใช้ในการตรวจสอบและป้องกันปัญหาสุขภาพได้ด้วยตนเอง โดยเฉพาะการพัฒนา อสม.วิทยาศาสตร์การแพทย์ชุมชน ที่ช่วยขับเคลื่อนการคัดกรองผลิตภัณฑ์สุขภาพกลุ่มเสี่ยง และสื่อสารแจ้งเตือนภัยสุขภาพ เกิดนวัตกรรมใหม่ที่มุ่งเน้นการสร้างเสริมศักยภาพการบริหารจัดการงานคุ้มครองผู้บริโภค และงานป้องกันโรค ให้กับประชาชนในชุมชนให้มีความเข้มแข็ง”

ตลอดระยะเวลากว่า 3 เดือน ที่เข้ามารับผิดชอบงานของกระทรวงสาธารณสุข วันนี้มีความรู้สึกอบอุ่นที่ได้มา จ.อุดรธานีอีกครั้งและเน้นย้ำความสำคัญกับ อสม.วิทยาศาสตร์การแพทย์ ผู้ที่มีจิตอาสามาทำงานช่วยเหลือพี่น้องประชาชน ทำให้โรคอุบัติภัย และโรคระบาดต่างๆ ในชุมชนท้องถิ่นได้รับการแก้ไขอย่างรวดเร็ว

โดย อสม.มีส่วนสำคัญที่สุดในการเชื่อมโยงกับบุคลากรทางการแพทย์ และพยาบาลของกระทรวงสาธารณสุข ไปยังพี่น้องประชาชนในหมู่บ้าน และตำบลได้อย่างทั่วถึง โดยเฉพาะการรักษาพยาบาลพี่น้องประชาชนเบื้องต้น ยกตัวอย่าง โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) ที่ยังไม่มีแพทย์มาประจำแต่ยังมี อสม.เข้ามาช่วยงานแพทย์ ซึ่งประเทศไทยมี รพ.สต.กว่า 10,000 แห่ง ควรมีแพทย์อย่างต่ำ 3 คน จะเรื่องนี้จะขอให้มหาวิทยาลัยและกระทรวงสาธารณสุขร่วมกันผลิตแพทย์ ประมาณ 30,000 คน ซึ่งถ้าเริ่มผลิตแพทย์วันนี้จะต้องใช้เวลา 6 ปี จะได้แพทย์คนแรกไปอยู่รพ.สต. และหากจะได้แพทย์ที่ครบทั้ง 30,000 คน คาดว่าจะต้องใช้เวลาถึง 12 ปี

“ผมเป็นผู้แทนมาเกือบ 30 ปีได้เห็นเรื่องสาธารณสุขในแต่ละท้องถิ่นที่มีความสำคัญต่อพี่น้องประชาชน ซึ่งปัจจุบันระบบการแพทย์ของไทยถือว่าดีมากติดอันดับต้นๆของโลก ดังนั้นการมีแพทย์ที่ รพ.สต. จึงมีความจำเป็นและมีความสำคัญในการลดต้นทุนไปหาหมอที่โรงพยาบาลได้มาก โดยพี่น้องประชาชนมี 67 ล้านคน หากไปโรงพยาบาลที่อำเภอ 1 ครั้งต่อปี รวมค่าเดินทั้งประเทศประมาณ แสนกว่าล้านบาทต่อปี และถ้าเฉลี่ยไปโรงพยาบาล 2 ครั้งต่อปีก็ใช้เงินถึงเกือบ 3 แสนล้านบาทต่อปี แต่การผลิตแพทย์ 1 คนใช้เงินเฉลี่ย 5 ล้านบาท ในเวลา 6 ปีถ้าผลิตแพทย์ 30,000 คน ใช้เงิน 150,000 ล้านบาท ซึ่งต้นทุนตรงนี้จะช่วยเหลือพี่น้องในชนบทได้” นายสันติ กล่าว

การแพทย์แผนปัจจุบันมีความสำคัญตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5 ถึงปัจจุบันเป็นเวลากว่า 150 ปี จนต่างประเทศให้ความมั่นใจบุคลากรทางการแพทย์ของไทย ซึ่งทราบว่า ต่างประเทศอยากได้บุคลากรทางการแพทย์ หากในประเทศมีบุคลากรทางการแพมย์ที่เพียงพอแล้ว แพทย์ก็จะสามารถไปทำงานต่างประเทศได้

ทั้งนี้ในช่วงบ่าย นายสันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข ได้ลงพื้นร่วมกับนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และคณะเพื่อตรวจราชการในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) อย่างเป็นทางการนอกสถานที่ ครั้งที่ 1/2566 โดยจุดแรก ลงพื้นที่บ้านภูดินทอง หมู่ 13 ต.กุดดินจี่ อ.นากลาง เพื่อพบปะ อสม.และผู้นำชุมชนและรับฟังผลการดำเนินงานป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดการบำบัดฟื้นฟูผู้ใช้ยาเสพติดโดยชุมชนเป็นฐาน (Community Based Treatment: CBITX) จากนั้นจะเดินทางโรงพยาบาลสุวรรณคูหา อ.สุวรรณคูหา ชมการดำเนินงาน มะเร็งครบวงจร และการตรวจคัดกรองมะเร็งท่อน้ำดี (OV CCA และตรวจเยี่ยมมินิธัญญารักษ์ โรงพยาบาลสุวรรณคูหา)

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 3 ธันวาคม 2566

กลุ่มเกษตรกรข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ฯเพชรบูรณ์ ยื่นหนังสือผ่าน”สส.วรโชติ“หลังราคาตกต่ำ วอน รัฐบาลช่วยสนับสนุนต้นทุนการผลิต

,

กลุ่มเกษตรกรข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ฯเพชรบูรณ์ ยื่นหนังสือผ่าน “สส.วรโชติ” หลังราคาตกต่ำ วอน รัฐบาลช่วยสนับสนุนต้นทุนการผลิต

นายวรโชติ สุคนธ์ขจร สส.เพชรบูรณ์ เขต 4 พรรคพลังประชารัฐ(พปชร.)กล่าวว่า ตนได้รับหนังสือจากนายถาวร จงวัฒน์ ประธานกลุ่มแปลงใหญ่ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ จังหวัดเพชรบูรณ์ เนื่องด้วยเกษตรกรผู้ปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ได้ประสบปัญหาเรื่องราคาข้าวโพดตกต่ำ ซึ่งในประเทศไทยมีผู้ปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ 4.522,844 ไร่ และจังหวัดเพชรบูรณ์มีการเพาะปลูกจำนวน 24,222 ครัวเรือน 34,448 แปลง 505,311 ไร่ ได้รับผลกระทบจากราคาข้าวโพดตกต่ำ ซึ่งช่วงฤดูกาลของการเก็บเกี่ยวผลผลิต โดยเกษตรกรเริ่มเก็บเกี่ยวตั้งแต่เดือนกันยายนเป็นต้นมา และช่วงผลผลิตที่ออกมายังมีจำนวนมากในช่วงเวลาไม่ถึง 1 เดือน

“ขณะนี้ราคาข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ตกต่ำมาก จนเป็นที่ผิดสังเกต โดยราคารับซื้อข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ในพื้นที่จังหวัดเพชรบูรณ์ ความชื้น 30% ราคา 5บาท/กก. ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับคุณภาพผลผลิต ซึ่งเป็นราคาเกษตรกรไม่สามารถที่ยอมรับได้ เนื่องจากต้นทุนการผลิตไม่
คุ้มกับราคาที่จำหน่ายผลผลิต และที่ผ่านมาเกษตรกรต้องเจอปัญหาฝนทิ้งช่วง แมลงทำลายต้นอ่อน ทำให้เกิดความเสียหาย ผลผลิตลดลง และราคาปุ๋ยก็ยังมีราคาสูง”

นายวรโชติ กล่าวต่อว่า กลุ่มแปลงใหญ่ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ จังหวัดเพชรบูรณ์ จึงขอให้รัฐบาลช่วยสนับสนุนต้นทุนการผลิตการปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ไร่ละ 1,000 บาท จำนวน 20 ไร่ต่อครัวเรือน เพื่อจะได้ช่วยเหลือการลงทุนผู้ปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ เป็นการบรรเทาความเดือดร้อนและแก้ปัญหาเบื้องต้น

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 2 ธันวาคม 2566

“พล.ต.อ. พัชรวาท” ร่วมพิธีเจริญพระพุทธมนต์ถวายพระราชกุศลรัชกาลที่ 9 เนื่องในวันคล้ายวันพระบรมราชสมภพ “วันชาติ และวันพ่อแห่งชาติ”

,

“พล.ต.อ. พัชรวาท” ร่วมพิธีเจริญพระพุทธมนต์ถวายพระราชกุศลรัชกาลที่ 9
เนื่องในวันคล้ายวันพระบรมราชสมภพ “วันชาติ และวันพ่อแห่งชาติ”

วันนี้ (1 ธันวาคม 2566) เวลา 08.00 น. พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (รมว.ทส.) พร้อมด้วย ร.อ.รชฏ พิสิษฐบรรณกร ผู้ช่วย รมว.ทส. นายโกเมนทร์ ทีฆธนานนท์ ที่ปรึกษา รมว.ทส. นายนพดล พลเสน เลขานุการ รมว.ทส. นายจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัดกระทรวงฯ และคณะผู้บริหาร ข้าราชการ และเจ้าหน้าที่หน่วยงานในสังกัดกระทรวงฯ ร่วมประกอบพิธีเจริญพระพุทธมนต์ ถวายเป็นพระราชกุศล เนื่องในวันคล้ายวันพระบรมราชสมภพ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร วันชาติ และวันพ่อแห่งชาติ 5 ธันวาคม 2566 เพื่อร่วมน้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ และเทิดพระเกียรติ พระบาทสทเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 10 ณ ห้องประชุมอารีย์สัมพันธ์ อาคารกรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม จากนั้น ได้นำคณะผู้บริหาร ข้าราชการ และเจ้าหน้าที่ ทำบุญตักบาตรพระสงฆ์ จำนวน 10 รูป จากวัดสร้อยทอง ณ บริเวณโถงด้านในอาคารกรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 1 ธันวาคม 2566

“ส.ส.อัครแสนคีรี” เสนอ รมว.เกษตร ผลักดันโครงการ 500 ตำบลต้นแบบ ในพื้นที่จ.ชัยภูมิ เพื่อยกระดับรายได้พี่น้องเกษตรกรในพื้นที่อย่างยั่งยืน

,

“ส.ส.อัครแสนคีรี” เสนอ รมว.เกษตร ผลักดันโครงการ 500 ตำบลต้นแบบ ในพื้นที่จ.ชัยภูมิ เพื่อยกระดับรายได้พี่น้องเกษตรกรในพื้นที่อย่างยั่งยืน

นายอัครแสนคีรี โล่ห์วีระ สส.ชัยภูมิ เขต 7 พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เปิดเผยว่า จากการลงพื้นที่จังหวัดชัยภูมิของ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้พบปะกับตัวแทนของพี่น้องเกษตรกรจาก อ.คอนสวรรค์ อ.แก้งคร้อ และพื้นที่ต.ซับสีทองและต.ท่าหินโงม ซึ่งได้สะท้อนภาพรวมของปัญหาด้านเกษตรกรรม ปศุสัตว์ ชลประทาน โดยเฉพาะเรื่องน้ำ โดย ร.อ.ธรรมนัส ได้ชี้แจงในประเด็นต่างๆ รวมถึงให้เร่งรัดโครงการต่างๆในพื้นที่ ไม่ว่าจะเป็นโครงการ อ่านช่องสามหมอ โครงการลำน้ำกล่ำ และโครงการยกระดับราคาพืชผลทางการเกษตรปศุสัตว์ ซึ่งล้วนเกี่ยวโยงกับปัญหาของพี่น้องประชาชน

นายอัครแสนคีรี กล่าวต่อว่า ปัญหาของเกษตรกรในพื้นที่คือ ปัญหาน้ำท่วมซ้ำซาก แล้งซ้ำซาก อยู่ตลอดระยะเวลาสามปีที่ผ่านมา เนื่องจากภูมิประเทศเป็นพื้นที่สูงลาดชั้น ทำให้ไม่สามารถกักเก็บน้ำไว้ใช้ในช่วงฤดูแลเงได้ จึงจำเป็นต้องพัฒนาแหล่งกักเก็บน้ำไว้รองรับ โดยเราได้นำเสนอต่อรัฐมนตรี ให้ช่วยผลักดันโครงการพัฒนาแหล่งน้ำทั้งระยะกลาง และระยะยาวในพื้นที่ทั้ง 3 อำเภอ นอกจากนี้จากผลกระทบที่เกิดขึ้น ทำให้พื้นที่เพาะปลูกได้รับความเสียหาย จึงเสนอให้รัฐมนตรีมีการนำโครงการซื้อพันธุ์ข้าวในราคาถูกช่วยเหลือพี่น้องเกษตรกร เพื่อลดภาระค่าใช้จ่าย และต้นทุนการผลิตของเกษตรกร พร้อมทั้งการส่งเสริมการเกษตรอินทรีย์ เนื่องจากตลาดมีความนิยมส่งผลให้ราคาขายผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรสูงกว่าราคาพืชเกษตรทั่วไป

“เกษตรกรชาวชัยภูมิยังได้ขอให้กระทรวงเกษตรฯพิจารณาผลักดันและคัดเลือกพื้นที่จ.ชัยภูมิ จำนวน 22 ตำบลเข้าสู่“โครงการ 500 ตำบลต้นแบบ”เพื่อเป็นแหล่งเรียนรู้และแก้ไขปัญหาของพี่น้องเกษตรกรอย่างยั่งยืน เพราะพื้นที่จังหวัดชัยภูมิ มีความเหมาะสมที่จะขับเคลื่อนโครงการให้สัมฤทธิ์ผลได้อย่างแน่นอน” นายอัครแสนคีรี กล่าว

นายอัครแสนคีรี ยังกล่าวต่อถึงปัญหาด้านปศุสัตว์ ที่ราคาวัวไทยตกต่ำอย่างมาก เป็นผลมาจากการห้ามนำเข้าของจีนที่มีการตรวจพบสารเร่งเนื้อแดงเมื่อปี 2018 จึงอยากให้รัฐมนตรีมีการเจรจากับจีนและประเทศซาอุดิอาระเบีย เพื่อให้ยอมรับสินค้าของไทย และมีมาตรการการตรวจสินค้า เพื่อความเชื่อมั่นให้เกิดขึ้นกลับประเทศผู้ซื้อหรือผู้นำเข้า

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 29 พฤศจิกายน 2566

“สส. สัมพันธ์” นำคณะกมธ.แก้หนี้พบปะปชชจ.ยะลา รับฟังปัญหาเร่งหาแนวทางช่วยเหลือลดความยากจนขจัดความเหลื่อมล้ำในพื้นที่ชายแดนใต้

,

“สส. สัมพันธ์” นำคณะกมธ.แก้หนี้พบปะปชชจ.ยะลา รับฟังปัญหาเร่งหาแนวทางช่วยเหลือลดความยากจนขจัดความเหลื่อมล้ำในพื้นที่ชายแดนใต้

นายสัมพันธ์ มะยูโซ๊ะ สส.นราธิวาส เขต 3 พรรคพลังประชารัฐ(พปชร.)ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการแก้ปัญหาหนี้สินความยากจนและลดความเหลื่อมล้ำ สภาผู้แทนราษฎร กล่าวว่า ตนได้นำคณะกรรมาธิการลงพื้นที่ ณ ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) อ.เมืองยะลา จ.ยะลา เพื่อรับฟังการบรรยายและรับทราบข้อมูลเกี่ยวกับแนวทางการส่งเสริมให้เกิดการสร้างงาน สร้างรายได้ เพื่อลดปัญหาหนี้สินความยากจนและความเหลื่อมล้ำของประชาชนในพื้นที่ชายแดนภาคใต้ จากนั้นได้เดินทางไปยัง ต.อัยเยอร์เวง อ.เบตง จ.ยะลา เพื่อพบปะพี่น้องประชาชนและผู้ประกอบอาชีพด้านการท่องเที่ยว ณ จุดชมวิวสกายวอล์ค เพื่อรับฟังสภาพปัญหาหนี้สินและศึกษาสภาพการดำรงชีวิตของประชาชนในท้องถิ่น

จากนั้นในช่วงบ่าย ได้เดินทางต่อไปยังด่านพรมแดนเบตง อ.เบตง จ.ยะลา เพื่อรับฟังการบรรยายและรับทราบข้อมูลเกี่ยวกับแนวทางการส่งเสริมการสร้างรายได้ให้แก่ประชาชนในพื้นที่ชายแดนภาคใต้พร้อมศึกษาดูงานเกี่ยวกับการประกอบอาชีพและการดำรงชีวิตของประชาชนในพื้นที่บริเวณด่านพรมแดนเบตง โดยจากข้อมูลที่คณะกรรมาธิการได้ไปรับฟังมา ก็จะนำเข้าสู่ที่ประชุม กมธ.ซึ่งจะมีการเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาพูดคุยหาทางออกร่วมกัน เพื่อหาทางแก้ไขอย่างยั่งยืนให้กับประชาชนภาคใต้

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 29 พฤศจิกายน 2566

ผู้ช่วย รมว.ทส. ลุยเฟ้นนวัตกรรมแก้ปัญหาฝุ่นพิษ ตามสั่งการ “พัชรวาท” บุกเยี่ยมชม “หอต้นแบบฟอกอากาศฟ้าใส” ทึ่งระบบอัจริยะทำ PM 2.5 ลดลงจนอยู่ในเกณฑ์ปกติ มั่นใจช่วยทำอากาศสะอาดให้กลุ่มเปราะบาง

,

ผู้ช่วย รมว.ทส. ลุยเฟ้นนวัตกรรมแก้ปัญหาฝุ่นพิษ ตามสั่งการ “พัชรวาท” บุกเยี่ยมชม “หอต้นแบบฟอกอากาศฟ้าใส” ทึ่งระบบอัจริยะทำ PM 2.5 ลดลงจนอยู่ในเกณฑ์ปกติ มั่นใจช่วยทำอากาศสะอาดให้กลุ่มเปราะบาง

ที่วิสซ์ดอม คราฟท์ สามย่าน ร.อ.รชฏ พิสิษฐบรรณกร ผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม พร้อมด้วยนายปิ่นสักก์ สุรัสวดี อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ เดินทางไปเยี่ยมชม ต้นแบบหอฟอกอากาศ ระดับเมือง ภายใต้ชื่อ “ฟ้าใส” ของศูนย์วิจัยและนวัตกรรมเพื่อความยั่งยืน (RISC) โดยบริษัท แมกโนเลีย ควอลิตี้ ดีเวล็อปเม้นต์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (MQDC)

ร.อ.รชฏ กล่าวว่า สืบเนื่องจากการประชุมเพื่อติดตามสถานการณ์ฝุ่น PM 2.5 พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม มอบหมายให้ตนติดตามสถานการณ์ฝุ่น PM 2.5 ระยะเร่งด่วนในกรุงเทพมหานครและปริมณฑล พร้อมกับได้เน้นย้ำเรื่องการนำเทคโนโลยี นวัตกรรม มาใช้ในการแก้ไขปัญหา ซึ่งวันนี้ได้รับเชิญจาก RISC ให้มาดู ต้นแบบ หอฟอกอากาศ “ฟ้าใส” มีที่มาจากแนวคิดการฟอกอากาศที่เต็มไปด้วยมลภาวะให้ใสสะอาด ปลอดฝุ่นพิษ PM 2.5 ด้วยเทคโนโลยีที่มีประสิทธิภาพสูง ผ่านการคิดค้นพัฒนาร่วมกับบริษัท เนสเทค ประเทศไทย จำกัด

“ภาคเอกชนได้ให้ข้อมูลว่าหอฟอกอากาศฟ้าใสสามารถฟอกอากาศบริสุทธิ์ได้ในอัตราสูงสุด 120,000 ลูกบาศก์เมตรต่อชั่วโมง หลักการทำงานเริ่มต้นจากการใช้ใบพัดความเร็วสูงดึงอากาศเข้าไปในระบบ และแยกฝุ่นขนาดใหญ่และขนาดเล็ก ด้วยความเร็วลมและการปล่อยละอองน้ำเพื่อการดักจับฝุ่นสามชั้น โดยระบบอัจฉริยะจะควบคุมการทำงานของมอเตอร์ใบพัดให้สอดคล้องกับความเข้มข้นของฝุ่นละออง จนระดับความเข้มข้น PM2.5 ลดลงถึงเกณฑ์ปกติ หอฟอกอากาศฟ้าใสสามารถทำงานได้เต็มประสิทธิภาพเมื่อกระแสลมสงบนิ่ง ในระยะรัศมี 1 กิโลเมตร”

ร.อ.รชฏ กล่าวว่า การดำเนินการหอฟอกอากาศฟ้าใสได้มีการเก็บข้อมูลเชิงลึกมาเป็นระยะเวลา 10 กว่าปี ผ่านการทำงานที่เข้มข้นของทีมวิจัย มีข้อมูลจากการศึกษาและวิจัย มีสถิติที่เห็นประสิทธิภาพการทำงานอย่างละเอียด ในการแลกเปลี่ยนข้อมูดังกล่าวภาคเอกได้นำเสนอให้มีการติดตั้งตามป้ายรถเมล์ โรงพยาบาล โรงเรียน รวมถึงจุดที่เป็นแหล่งรวมกลุ่มเปราะบาง เป็นแนวคิดที่สอดคล้องกับนโยบายของ พล.ต.อ.พัชรวาท ที่ได้เน้นย้ำมาโดยตลอดที่อยากให้กลุ่มเปราะบางและประชาชนได้สูดอากาศที่สะอาดปราศจากฝุ่นพิษ ดังนั้นข้อมูลทั้งหมดวันนี้จะนำเรียนท่านรองนายกฯและรมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมให้รับทราบต่อไป

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 29 พฤศจิกายน 2566

“พล.ต.อ.พัชรวาท” เผยครม.ผ่านร่างพ.ร.บ.อากาศสะอาด สร้างกลไกแก้ปัญหามลพิษอากาศเพิ่มคุณภาพชีวิตให้คนไทย

,

“พล.ต.อ.พัชรวาท” เผยครม.ผ่านร่างพ.ร.บ.อากาศสะอาด
สร้างกลไกแก้ปัญหามลพิษอากาศเพิ่มคุณภาพชีวิตให้คนไทย

“พัชรวาท” เผย ครม.เคาะแล้วร่างพ.ร.บ.อากาศสะอาด ชี้เป็นกฎหมายเชิงรุกครอบคลุม “ป้องกัน – แก้ไข” ลดความซ้ำซ้อนในการสั่งการ มีระบบ “บิ๊กดาต้า” เพื่อบริหารสถานการณ์ สร้างกลไกจัดการหมอกควันข้ามแดนอย่างเป็นรูปธรรม มั่นใจแก้มลพิษทางอากาศ ทำให้คนไทยได้สูดอากาศบริสุทธิ์ ตามสิทธิขั้นพื้นฐานที่พึงมี

พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) เปิดเผยว่า คณะรัฐมนตรีได้เห็นชอบต่อร่างพ.ร.บ.การบริหารจัดการเพื่ออากาศสะอาด พ.ศ…. ซึ่งร่างกฎหมายดังกล่าวจะเป็นการแก้ปัญหาเชิงรุก ครอบคลุมทุกมิติ เป็นกฎหมายใหม่ที่มีความเฉพาะ ทำให้สามารถบริหารจัดการอากาศสะอาดได้อย่างแท้จริง ป้องกันปัญหาด้านอากาศที่จะเกิดขึ้น และแก้ไขปัญหามลภาวะทางอากาศที่มีอยู่ ให้ลดลงและหมดไป มีการบูรณาการการบริหารจัดการบนหลักการของ “การป้องกันไว้ก่อน” แก้ไขปัญหาความซ้ำซ้อนของการดำเนินการ การสั่งการ การปฏิบัติงาน ในแต่ละคณะกรรมการหลักและคณะกรรมการย่อยต่างๆ

นอกจากนี้ยังมีเครื่องมือและกลไกที่ทันสมัยและเหมาะสมสำหรับขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหามลพิษอากาศของประเทศ ครอบคลุมแหล่งกำเนิดมลพิษอากาศทุกประเภท มีกลไกการจัดการปัญหาหมอกควันข้ามแดนที่ชัดเจนและเป็นรูปธรรมมากขึ้น มีระบบฐานข้อมูลคุณภาพอากาศแห่งชาติ หรือบิ๊กดาต้า เพื่อบริหารจัดการแก้ไขปัญหามลพิษอากาศ ประชาชนทราบข้อมูลพื้นฐานของคุณภาพอากาศ และมีช่องทางรายงานสภาพปัญหามลพิษอากาศที่เป็นปัจจุบัน เน้นการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วนเพื่อแก้ไขปัญหาอย่างต่อเนื่อง

“อากาศสะอาดเป็นสิทธิพึงมีที่คนไทยทุกคนต้องได้สูดอากาศที่บริสุทธิ์ตามสิทธิขั้นพื้นฐาน กระทรวงทรัพยากรธรรชาติฯ จะทำให้คนไทยมีอากาศที่ดี เพื่อสุขภาพที่ดีของทุกคน”

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 28 พฤศจิกายน 2566