โลกเปลี่ยน ไทยต้องปรับ ทางเลือกใหม่ของการเมืองไทย ก้าวข้ามความขัดแย้ง สานพลังประชาราษฎร์ ร่วมสร้างชาติให้ยั่งยืน

ป้ายกำกับ: ข่าวกิจกรรมพรรค

“พล.อ.ประวิตร” เปิดตัว”อุตตม-สนธิรัตน์-พลเอกวิชญ์ “ร่วมงาน พปชร. ระดมขุนพลแก้ปัญหาดูแล ปชช.ทุกพื้นที่ ตั้งเป้า ส.ส.ไม่ต่ำกว่า 150 ที่นั่ง

, ,

“พล.อ.ประวิตร” เปิดตัว”อุตตม-สนธิรัตน์-พลเอกวิชญ์ “ร่วมงาน พปชร.
ระดมขุนพลแก้ปัญหาดูแล ปชช.ทุกพื้นที่ ตั้งเป้า ส.ส.ไม่ต่ำกว่า 150 ที่นั่ง

เมื่อวันที่ 30 มกราคม 2566 เวลา 15.00 น. พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรค พลังประชารัฐ (พปชร.) พร้อมด้วย นายสันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง และเลขาธิการพรรค นายวิรัช รัตนเศรษฐ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรค นายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรค ร่วมกันแถลงข่าวต้อนรับและเปิดตัว ดร.อุตตม สาวนายน อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน และพลเอกวิชญ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา ในโอกาสการเข้ามาร่วมงานกับพรรค พปชร.

พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า วันนี้เป็นวันที่น่ายินดีที่พรรค พปชร. ได้ต้อนรับ 2 หัวหน้าพรรคการเมืองอย่าง พรรครวมแผ่นดิน และพรรคสร้างอนาคตไทย รวมถึงเลขาธิการพรรคสร้างอนาคตไทย ถือเป็นเกียรติให้กับพรรค พปชร. เป็นอย่างยิ่ง ตนเป็นคนพูดไม่เก่ง แต่เป็นคนฟังเก่ง และฟังรู้เรื่องด้วย อยากจะฝากบอกกับทุกคนว่า ภาพลักษณ์ของเราวันนี้เป็นพรรคที่เราสามารถร่วมงานกันกับทุกฝ่ายก้าวข้ามความขัดแย้ง โดยทั้งสามท่านก็จะเข้ามาช่วยพรรคพลังประชารัฐในหลาย ๆ ด้าน ทั้งการเมืองและเศรษฐกิจ เพื่อจะให้พรรคมีความเข้มแข็ง เราต้องขอขอบคุณทุกคนที่มาให้กำลังใจในวันนี้ด้วย

“พลังประชารัฐได้บุคลากรที่มีความรู้ ความสามารถ และมีคุณภาพ โดยท่านอุตตมและท่านสนธิรัตน์ จะมาดูแลทางด้านเศรษฐกิจและการเมือง ส่วนพลเอกวิชญ์ ก็จะช่วยงานทั้งพรรค โดยจะไม่มีการแต่งตั้งใครเป็นหัวหน้าทีมเศรษฐกิจ เพราะภายในพรรคพลังประชารัฐมีงานให้ทำเยอะ และเศรษฐกิจมีหลายด้าน หลายมิติ ที่จะทำให้ประชาชนผู้ยากไร้ ผู้มีรายได้น้อย และขจัดความเหลื่อมล้ำต่างๆ คุณภาพชีวิตคนไทยจะต้องดีขึ้น ถ้าพรรคพลังประชารัฐได้รับความไว้วางใจจากประชาชน” พล.อ.ประวิตร กล่าว

ด้านนายอุตตม กล่าวว่า ตนต้องขอขอบพระคุณ พล.อ.ประวิตร ที่ได้เชิญชวนพวกตนมาทำงานด้วยกันในเวลาที่ประเทศชาติต้องการการเดินหน้า ตนเคยทำงานการเมืองมาสิ่งสำคัญที่สุดก็คือ การสร้างความปองดอง โดยท่านพล.อ.ประวิตร ได้แสดงอุดมการณ์ที่ชัดเจนว่าต้องการรวบรวมทุกคนจากหลาย ๆ ฝ่ายมาทำงานด้วยกัน ตนและเพื่อนๆก็ถือว่าได้รับเกียรติอย่างยิ่งจากทุกคนในพรรค พปชร. ที่ได้เข้ามาร่วมงานกันเพื่อบ้านเมืองในขณะนี้

“ผมก็ถือว่าเป็นสมาชิกเก่าในบ้านพรรค พปชร. ที่เคยร่วมสร้างพรรคมา ซึ่งมีนโยบายที่สำคัญต่างๆเช่นบัตรประชารัฐ ที่เราเคยร่วมกันคิดและผลักดัน วันนี้ผมเห็นว่าเป็นโอกาสที่ดีที่เราได้เคยมาทำครั้งหนึ่ง และเราก็จะได้เข้ามาทำต่อ เพื่อที่จะทำให้งานสมบูรณ์ที่สุด พล.อ.ประวิตร ได้ประกาศชัดเจนแล้วว่า ท่านจะขับเคลื่อนนโยบายของประชารัฐ ซึ่งพวกผมก็ยินดีที่จะมาทำงานร่วมกับผู้ที่มีอุดมการณ์ร่วมกัน เพราะวันนี้การเมืองก้าวข้ามความขัดแย้งได้แล้ว โดยผมขอยืนยันว่าการเข้าร่วมงานกับพรรคพลังประชารัฐในครั้งนี้ ไม่ได้มีการดิวในเรื่องของตำแหน่งภายหลังการเลือกตั้งอย่างแน่นอน”

ด้านนายสนธิรัตน์ กล่าวว่า ขอขอบคุณพล.อ.ประวิตร วันนี้เหมือนได้กลับบ้านเก่า ทุกคนรู้จัก คุ้นเคยร่วมทำงานด้วยกันมา ตนยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้กลับมาร่วมงานกับพล.อ.ประวิตร และผู้บริหารพรรค รวมถึงสมาชิกพรรคอีกครั้งหนึ่ง ตนคิดว่าการกลับมาของพวกตน คือหนึ่งในสัญลักษณ์ที่ประเทศไทยต้องการ วันนี้การเมืองอ่อนแอ เราต้องกลับมาทำให้เกิดความเข้มแข็งในสถาบันทางการเมือง ที่จะนำไปสู่การแก้ไขปัญหาของประเทศให้ได้

“ช่วงที่ผ่านมาประเทศไทยถือว่า อยู่ในช่วงวิกฤติจากปัจจัยรอบด้านทั้งเรื่องโควิด และปัญหาพลังงาน ดังนั้นการเปลี่ยนแปลงประเทศครั้งนี้ ถือว่าสอดรับกับนโยบายของพล.อ.ประวิตร ที่จะระดมทุกคนเข้ามาช่วยระดมความคิด เพื่อแก้ปัญหาให้กับประชาชนและประเทศชาติ”

ด้านพลเอกวิชญ์ กล่าวว่า ตนอยู่กับพล.อ.ประวิตร มายาวนานกว่า 40 ปี พล.อ.ประวิตร ถือว่าเป็นผู้นำที่มีความเด่นชัดมากที่สุดในการเมืองวันนี้ การที่ พปชร.มี พล.อ.ประวิตร เป็นหัวหน้าพรรค จะนำพาเราไปสู่จุดมุ่งหมาย และความเป็นหนึ่งเดียวของประเทศไทยที่จะไม่มีความขัดแย้งเกิดขึ้นอีก ตนขอขอบพระคุณพล.อ.ประวิตร ที่ได้เชิญชวนตนเข้ามาร่วมงาน และตนยินดีอย่างยิ่งที่จะทำให้พรรคเดินไปข้างหน้า และเราจะเป็นรัฐบาลด้วย

ด้านนายสันติ กล่าวว่า ในการเลือกตั้งครั้งนี้พรรคตั้งเป้าจะได้ ส.ส.เข้าไปเป็นตัวแทนประชาชนไม่น้อยกว่า 150 ที่นั่ง วันนี้พรรคมีทั้งผู้อาวุโสและคนรุ่นใหม่ที่มีความตั้งใจจะเข้ามาพัฒนาบ้านเมืองให้พี่น้องคนไทยกินดีอยู่ดี มีงานทำ โดยจะมีอีกหลายท่านที่จะเข้ามาร่วมอุดมการณ์กับเราด้วย โดยเราจะร่วมใจกันพัฒนาประเทศ เพื่อให้ประชาชนมีความสุข และเราจะก้าวข้ามความขัดแย้ง ขจัดทุกปัญหาและ เราจะพัฒนาทุกพื้นที่โดยไม่แบ่งแยก เราจะไม่มีทางทิ้งพี่น้องประชาชนในชนบททุกๆ พื้นที่ ทั้งนี้ พล.อ.ประวิตร มีความตั้งใจเป็นอย่างมากที่จะดูแลพี่น้องประชาชน

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 30 มกราคม 2566

“พล.อ.ประวิตร”นำทีมเปิดตัวว่าที่ผู้สมัครชุดใหญ่ 71 คนล็อคพื้นที่กทม.- ตจว. ประกาศใช้พื้นที่ป้อมปราบศัตรูพ่ายชื่อมงคลปักหมุดปราศรัยใหญ่ในกทม.

,

“พล.อ.ประวิตร”นำทีมเปิดตัวว่าที่ผู้สมัครชุดใหญ่ 71 คนล็อคพื้นที่กทม.- ตจว.
ประกาศใช้พื้นที่ป้อมปราบศัตรูพ่ายชื่อมงคลปักหมุดปราศรัยใหญ่ในกทม.

วันที่ 24 มกราคม 2566 เวลา 16.30 น. พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) นำทีมคณะผู้บริหารพรรค ประกอบด้วย นายวิรัช รัตนเศรษฐ รองหัวหน้าพรรค นายไพบูลย์ นิติตะวัน รองหัวหน้าพรรค ศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ เหรัญญิกพรรค และนายสกลธี ภัททิยกุล ในฐานะหัวหน้าทีมกทม. ที่ได้เข้าร่วมเป็นสมาชิกพรรคอย่างเป็นทางการ พร้อมร่วมเปิดตัวว่าที่ผู้สมัครทั้งหมด 71 คน ทั้งในกรุงเทพ และต่างจังหวัด ณ ที่ทำการพรรคพลังประชารัฐ

พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า จากช่วงที่ผ่านมาได้เปิดไปแล้ว 350 คน และจะทยอยเปิดให้ต่อเนื่องให้ครบทุกเขตเลือกตั้ง คาดว่าจะส่งให้ครบ 400 คน ทุกจังหวัด และย้ำให้ว่าที่ผู้สมัครทั้งหมดเร่งลงพื้นที่พบปะประชาชน ให้ได้มากที่สุด ทุกคนได้ผ่านการฝึกอบรมและรู้แล้วว่าจะดำเนินการอย่างไรในการลงพื้นที่ และนำนโยบายของพรรคไปหาเสียง โดยให้อยู่ภายใต้กฎหมายการเลือกตั้งอย่างเคร่งครัด ตามกรอบของคณะกรรมการเลือกตั้ง (กกต.)

“ ทุกคนต้องทำงานอย่างหนักทาง ชนอกจากความหวังอยู่ที่ผู้สมัครทุกคนที่ต้องลงพื้นที่และเอานโยบายของพรรคไปหาเสียงตามที่ กกต. กำหนด และต้องระมัดระวังเกี่ยวกับเรื่องผิดกฎหมาย ต้องยึดมั่นในกฎหมาย ฝากทุกคนเพื่อเป็นความหวัง และขอให้ทุกคนจะประสบความสำเร็จด้วยดี

พล.อ.ประวิตร ยังกล่าวย้ำ ขอให้ผู้สมัครลงพื้นที่ให้ครบทุกหลังคาเรือน อย่าฝากความหวังไว้ที่หัวคะแนนเพียงอย่างเดียว โดยเน้นให้พบกับประชาชนด้วยตัวเอง เพื่อสร้างกำลังใจให้กับตัวผู้สมัคร ที่จะเดินหาเสียงเลือกตั้งที่จะมาถึง ด้วยความมุ่งมั่น และอดทน ซึ่งนโยบายของพรรค ฝากให้ว่าที่ผู้สมัครทุกคนดำเนินการตามที่ได้ประกาศไว้กับประชาชนโดย พปชร.จะก้าวข้ามความขัดแย้ง ขจัดทุกปัญหา พัฒนาทุกพื้นที่

ด้านนายวิรัช รัตนเศรษฐ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรค พปชร. กล่าวเสริมว่า พล.อ.ประวิตรพร้อมที่จะไปปราศรัยเป็นที่แรกในกทม. พื้นที่เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย ในเร็วๆนี้ ซึ่งได้มีการหารือกับหัวหน้าทีมกทม. เพื่อประกาศว่า พปชร. พร้อมแล้วที่จะรับใช้คนกทม. เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น

สำหรับ การเปิดตัวว่าที่ผู้สมัครในครั้งนี้ รวมทั้งสิ้น 71 คน พื้นที่กทม. จำนวน 28 คน 1. นายธิชดล สกุล 2. ดร.ภูมิพิชัย ธารดำรง 3.น.ส.ชญาภา ปรีดาพากย์ 4. ร.อ.รชฎ พิสิษฐบรรณกร 5.นายพณิชย์ วิทยาภัทร์ 6.นายสฤษดิ์ ไพรทอง7.นายภักดีหาญส์ หิมะทองคำ 8.นายปราโมทย์ เพ็ชรฤทธิ์ 9.น.ส.น้ำฝน ไพรทอง 10.ภ.ญ.นพวรรณ หัวใจมั่น 11.นางนฤมล รัตนาภิบาล 12.นายรังสรรค์ กียปัจจ์ 13.นายกานต์ กิตติอำพน 14.น.ส.ณิรินทร์ เงินยวง 15.นายกิตติภูมิ นีละไพจิตร์ 16. ดร.คมสัน พันธุ์วิชาติกุล 17.นายศิริพงษ์ รัสมี 18.นายพีระพงษ์ รัสมี 19.นางนาถยา แดงบุหงา 20.นายตรีสิทธิ์ ศิริวรรณ 21.นายศันสนะ สุริยะโยธิน 22.นายสุวัฒน์ ม่วงศิริ 23.นายรพีพัฒน์ สุเมธโชติเมธา 24.นาวาตรีนิธิ บุญยรัตกลิน 25.พ.ต.ท.วันชัย ฟักเอี้ยง 26.ร.ต.อ.วัฒนรักษ์ อำนรรฆสรเดช 27.ดร.บุณณดา สุปิยพันธุ์ 28.นายเอกชัย ผ่องจิตร์

พื้นที่ภาคเหนือ รวม 7 คน จ.แพร่ 29.นางสาวอาทิตยา อินนะไชย 30.นายสุรสิทธิ์ เพชรปิตุพงษ์
31.นางปอรวัลย์ มุดเจริญ จ.ตาก 32.นายชิงชัย ก่อประภากิจ จ.พิษณุโลก 33. นายเอกพงษ์ กุลเจริญ จ.นครสวรรค์
34.นายธนรัชต์ วิเชียรรัตน์ 35.นายนัยศาลิน ถนอมมิตรวัฒนา

พื้นที่ภาคกลาง รวม 7 คน จ.นครปฐม 36. นายศิรวริศ สวนแก้ว 37. นายณัฐวัฒน์ ชั้นอินทร์งาม
38. นายมนตรี บุญประคอง จ. กาญจนบุรี 39.นายจีระเกียรติ ภูมิสวัสดิ์ 40.นายชูเกียรติ จีนาภักดิ์ 41.พล.ต.ต.กมลสันติ กลั่นบุศย์ 42.นางศรีสมร รัศมีฤกษ์เศรษฐ์

พื้นที่ภาคใต้ รวม 1 คน จ. นครศรีธรรมราช 43.ดร.นพ.พิชาญศักดิ์ บุญมาศ พื้นที่ภาคตะวันออก (รวม 5 คน)
ระยอง 44. นายพายัพ ผ่องใส จ. ฉะเชิงเทรา 45.ดร.รัฐสภา นพเกตุ 46.พล.ต.ท.พิทักษ์ จารุสมบัติ
จ. ชลบุรี 47.นายเพิ่มพงศ์ วงศ์ทรายทอง จ.ปราจีนบุรี 48. นายเกียรติกร พากเพียรศิลป์

พื้นที่ ภาคอีสาน รวม 23 คน จ. ศรีสะเกษ 49. นายสุรณัฐ แนบเนียม 50. ดร.อภิชา ระยับศรี
จ . อุดรธานี 51. นายวิฑูรย์ นามคุณ จ. สุรินทร์ 52. ว่าที่ร้อยตรีศักดินันท์ ศุภนิมิตรมนตรี 53. นายพิเชษฐ์ สุทธิศิริวัฒนะ
54. นางสาวณชณฆ์ ตรงใจ จ. ชัยภูมิ 55. นายพีระพล ติ้วสุวรรณ จ. นครราชสีมา 56. ดร.กาญจนา เปรมภิรักษา
57. นายสุกฤษณ์ วัชรมาลีกุล 58. พ.ต.อ.ปริวัฒน์ นาคำ เขตสูงเนิน จ. เลย 59. นายชูศักดิ์ บัวระภาสิริ จ. สกลนคร
60. นายอภิวัฒน์ มีชัย จ. กาฬสินธุ์ 61. น.ส.พาวิไล พิมพะสาลี 62. นายสิทธิศักดิ์ พัฒนชัย จ. ร้อยเอ็ด
63. นายพงศกรณ์ ตั้งกิตติ์ตระกูล จ. ขอนแก่น 64. นายอัษฎางค์ แสวงการ 65. นายพัฒนา นุศรีอัน
66. นายปัญญา ศรีปัญญา 67. นายณรงค์เลิศ สุรพล 68. นายสมใจ ชาญจระเข้ 69. นายเลอพงศ์ ลิ้มรัตน์,
70.นายไพฑูรย์ ผิวผาง 71. นพ.กันณพงศ์ อัครไชยพงศ์


ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 24 มกราคม 2566

“รองวิรัช”ปลุกกระแสบัตรสวัสดิการประชารัฐ 700 บาท ระดมว่าที่ผู้สมัครชูแคมเปญหาเสียงพร้อมรับศึกเลือกตั้ง

,

“รองวิรัช”ปลุกกระแสบัตรสวัสดิการประชารัฐ 700 บาท ระดมว่าที่ผู้สมัครชูแคมเปญหาเสียงพร้อมรับศึกเลือกตั้ง

วันที่ 24 มกราคม 2566 นายวิรัช รัตนเศรษฐ รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เปิดเผยว่า ได้เปิดการฝึกอบรม ว่าที่ผู้สมัครรุ่นที่ 5 ซึ่งมีผู้สมัครกว่า 90 คน ทั้งในกรุงเทพฯและต่างจังหวัด เพื่อดำเนินการให้ว่าที่ผู้สมัครทั่วประเทศเตรียมความพร้อม ในการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้ โดยเน้นให้ว่าที่ผู้สมัครนำนโยบายที่ได้เปิดไปแล้ว นำไปใช้ในการรณรงค์หาเสียง ในพื้นที่ โดยเฉพาะการเพิ่มบัตรสวัสดิการประชารัฐ เป็น 700 บาท ซึ่งเป็นนโยบายที่เข้าถึงประชาชน เชื่อว่าจะเป็นแรงผลักดันและมีส่วนสำคัญให้ว่าที่ผู้สมัครของพปชร. ได้รับชัยชนะเสียงจากประชาชน เข้ามาเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร(ส.ส.)

“ทั้งนี้พล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและหัวหน้าพรรคพปชร. ได้ประกาศเพิ่มสวัสดิการในบัตรประชารัฐ ที่ 700 บาทต่อเดือน นับเป็นนโยบายที่จะช่วยดูแลประชาชนให้มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ซึ่งยอมรับว่าในช่วงเวลานี้ทุกอย่างต้องตื่นตัว เพราะใกล้เวลาเลือกตั้งเข้ามาทุกที่ แม้ว่าขณะนี้มีนโยบายเดียวที่ออกมาก็ไม่เป็นปัญหา แต่ไม่เกินสัปดาห์หน้าคาดว่าจะมีการประกาศนโยบายใหม่ เพื่อช่วยเหลือประชาชนตามเป้าหมายของพรรค ที่ผ่านมาเราก็ใช้แคมเปญ 700 บาททั่วไทย ขณะที่สื่อเอง ก็มีการนำไปสื่อสารขยายผล ในข้อความใหม่ ที่ว่า “ป้อม 700 ” เป็นสโลแกนที่เข้าใจง่ายดี เชื่อว่าจะส่งผลให้ประชาชนเข้าใจง่ายยิ่งขึ้น ในนโยบายแรกของพรรค” นายวิรัชกล่าว

อย่างไรก็ตาม การอบรม ว่าที่ผู้สมัคร ในข้อกฎหมายเพื่อการเลือกตั้ง เป็นเรื่องที่ต้องเข้าใจอย่างถ่องแท้ เพราะจะมีส่วนให้การลงพื้นที่หาเสียง ไม่มีปัญหาในการถูกข้อร้องเรียน และการดำเนินกิจกรรมรณรงค์หาเสียงเป็นไปอย่างราบรื่น นอกจากนี้ ยังเป็นการสานสัมพันธ์ของว่าที่ผู้สมัครให้มีความเป็นหนึ่งเดียว ในการช่วยเหลือซึ่งกันและกันในการหาเสียงและแลกเปลี่ยนข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อตัวผู้สมัคร โดยนโยบายการเพิ่มบัตรสวัสดิการ700 บาท ได้เริ่มให้ว่าที่ผู้สมัคร มีการออกแบบป้าย เพื่อใช้ประกอบในการรณรงค์หาเสียงอย่างเป็นทางการในพื้นที่ต่างๆ แล้วทั่วประเทศ


ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 24 มกราคม 2566

“รมช.สันติ”ลงพื้นที่ตรวจระบบส่งน้ำสนับสนุนภาคตะวันออก เพิ่มประสิทธิภาพการจัดการน้ำรับการเติบโตภาคผลิต-บริโภค

,

“รมช.สันติ”ลงพื้นที่ตรวจระบบส่งน้ำสนับสนุนภาคตะวันออก
เพิ่มประสิทธิภาพการจัดการน้ำรับการเติบโตภาคผลิต-บริโภค

นายสันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า วันนี้ ( 23 มกราคม 2566) ได้ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมโครงการท่อส่งน้ำภาคตะวันออก หรือท่อส่งน้ำอีอีซี จ.ระยอง และ จ.ชลบุรี ที่อยู่ในความรับผิดชอบ ของกรมธนารักษ์ กระทรวงการคลัง โดยเฉพาะความพร้อม ของระบบจ่ายน้ำโครงการท่อส่งน้ำหนองปลาไหล หนองค้อ และโครงการท่อส่งน้ำ หนองค้อ – แหลมฉบัง ระยะที่ 2 ที่จะต้องมีการส่งมอบทรัพย์สินของกระทรวงการคลัง โดยกรมธนารักษ์ในฐานะคู่สัญญาฝ่ายรัฐ เพื่อให้ผู้รับสัมปทานรายใหม่ เข้ามาดำเนินการ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไม่มีผลกระทบต่อการจ่ายน้ำให้กับประชาชน และผู้ประกอบการในภาคตะวันออก

นายสันติ กล่าวว่า กรมธนารักษ์ ให้ความสำคัญเรื่องการจ่ายน้ำไปให้กับผู้ใช้น้ำ ทั้งโรงงานอุตสาหกรรม และประชาชนในพื้นที่ภาคตะวันออก ที่มีความสำคัญทางด้านเศรษฐกิจ ละที่ผ่านมากรมธนารักษ์ได้ดำเนินการเกี่ยวกับผู้ที่จะมาบริหารจัดการน้ำในพื้นที่ธนารักษ์ จึงได้ตรวจในพื้นที่อ่างเก็บน้ำหนองปลาไหล จ.ระยอง เพื่อตรวจสอบรายการทรัพย์สินของกระทรวงการคลัง และดูความมั่นคงหลายๆ ด้าน

“จากการตรวจสอบพบว่า อ่างเก็บน้ำหนองปลาไหล จ.ระยอง ซึ่งเป็นพื้นที่ต้นน้ำในการสูบจ่ายน้ำให้โรงงานอุตสาหกรรมทั้งหมดของภาคตะวันออกและให้ประชาชนในพื้นที่ พบว่าอ่างเก็บน้ำหนองปลาไหลมีความจุในการ เก็บกักน้ำได้เพียงพอต่อความต้องการใช้น้ำในพื้นที่ พร้อมทั้งมีโรงสูบน้ำหลายโรง โรงหลักจำนวน 3 โรง และโรงที่เป็นแพ จำนวน 2-3 โรง ถือว่ามีความมั่นคง และมีความพร้อมเรียบร้อยดี” นายสันติ กล่าว

โดยตลอดอายุสัมปทาน 30 ปี ผู้ใช้น้ำจะต้องใช้น้ำในอัตราที่ไม่เกิน 10.98 บาท/ลบ.ม. และภาครัฐจะได้ผลประโยชน์ที่เอกชนเสนอไม่น้อยกว่าร้อยละ 27 ต่อปี คาดการณ์รายได้เข้ารัฐ 25,900 ล้านบาท ขณะที่ 30 ปี ที่แล้วรัฐได้รับ 600 ล้านบาท

นอกจากนี้ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบโครงการสถานีอาคารพักน้ำหุบบอน จ.ชลบุรี โดยอาคารพักน้ำหุบบอนเป็นจุดรับน้ำของท่อหนองปลาไหล-หนองค้อ ซึ่งต้องจ่าย ผลประโยชน์ให้แก่รัฐ 7% และจะส่งไปยังท่อหนองค้อ-แหลมฉบัง (ระยะที่ 1) ค่าเช่า 1% และท่อหนองค้อ-แหลมฉบัง (ระยะที่ 2) ค่าเช่า 7% แต่เนื่องจากน้ำที่ส่งไปมาจากท่อ 7% เมื่อจ่ายผลประโยชน์ให้แก่รัฐ 7%

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 23 มกราคม 2566

“ตรีนุช” รุกแผนปฏิบัติการพัฒนากําลังคนอาชีวศึกษาสมรรถนะสูง เพิ่มทักษะอาชีวะรับอุตสาหกรรมใหม่มุ่งขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยยั่งยืน

, ,

“ตรีนุช” รุกแผนปฏิบัติการพัฒนากําลังคนอาชีวศึกษาสมรรถนะสูง
เพิ่มทักษะอาชีวะรับอุตสาหกรรมใหม่มุ่งขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยยั่งยืน

วันนี้ (23 ม.ค.2566) ที่วิทยาลัยการอาชีวศึกษาปทุมธานี จ.ปทุมธานี นางสาวตรีนุช เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (รมว.ศธ.) เป็นประธานในพิธีเปิดโครงการประชุมวิชาการปัจจุบันสู่อนาคตการผลิตและพัฒนากําลังคนอาชีวศึกษาสมรรถนะสูงเพื่อการพัฒนาประเทศ “สื่อสาร ส่งเสริม สู่การปฏิบัติ” ซึ่งเป็นการประชุมผู้บริหารระดับภูมิภาคของสถาบันการอาชีวศึกษา วิทยาลัยในสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) ทั้งของรัฐและเอกชน ในเขตภาคกลาง ภาคตะวันออก และกรุงเทพมหานคร

โดย นางสาวตรีนุช กล่าวว่า รัฐบาลให้ความสําคัญในการปฏิรูปกระบวนการเรียนรู้และการพัฒนาศักยภาพของคนไทยทุกช่วงวัย ในส่วนของอาชีวศึกษา ได้เน้นย้ำการพัฒนาคุณภาพวิชาชีพ และแรงงานเพื่อรองรับอุตสาหกรรม 4.0 ด้วยการจัดระบบและกลไกความร่วมมือ ระหว่างหน่วยงานภาครัฐและเอกชนในรูปแบบทวิภาคีที่ชัดเจน ซึ่งเป็นการพัฒนากําลังคนให้มีทักษะ เพื่อให้การอาชีวศึกษาเป็นกลไกสําคัญในการสนับสนุน และส่งเสริมระบบเศรษฐกิจของประเทศให้เข้มแข็ง มั่นคง ซึ่งเป็นนโยบายที่ชัดเจน และเป็นแนวทางปฏิบัติที่ต้องยึดถือในการสร้าง คุณภาพทางการศึกษา

“ดิฉันขอชื่นชมในวิสัยทัศน์ ‘ผลิตและพัฒนากําลังคนอาชีวศึกษาสมรรถนะสูง เพื่อการพัฒนาประเทศ ซึ่ง สอศ. ได้กําหนดเป้าหมายเพิ่มจํานวนผู้เรียนในหลักสูตรการเรียนการสอนทวิภาคี ให้ได้ร้อยละ 50 ของผู้เรียนทั้งหมด หรือ จํานวน 511,177 คน ในปี 2568 จึงนับเป็นความท้าทายของผู้บริหารการศึกษาทุกท่าน หากสามารถร่วมมือกันทําได้สําเร็จไม่เพียงจะส่งผลต่อคุณภาพผู้เรียน ยังเป็นการเสริมสร้างรากฐานของชุมชน และสังคมได้ อย่างเข้มแข็ง นอกจากนี้การเดินหน้าสร้างโอกาสและความเสมอภาคทางการศึกษาในโครงการอาชีวะ อยู่ประจํา เรียนฟรี มีอาชีพ, การปฏิรูปและยกระดับ วิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีทั้ง 48 แห่ง ภายใต้แนวคิด 1 ฟาร์ม 1 วิทยาลัย, การผลิตและพัฒนากําลังคนในสาขายานยนต์ไฟฟ้า รวมถึงการส่งเสริมความเป็นเลิศเฉพาะทางภายใต้โครงการ CVM และ Excellent Center ซึ่งเป็นโครงการขับเคลื่อนที่สําคัญในการยกระดับคุณภาพทางการศึกษา” นางสาวตรีนุช กล่าว.

อย่างไรก็ตามเป้ามายจะสำเร็จได้คือ ผู้บริหารสถานศึกษาทั้งภาครัฐและเอกชนต้องเข้ามามีส่วนร่วมระดมความคิด เพื่อแก้ไขปัญหาและอุปสรรคให้สอดรับกับบริบทขอิงแต่ละพื้นที่ที่มีความแตกต่างกันเพื่อให้สถานศึกษาที่อยู่ห่างไกล หรือยังต้องการความช่วยเหลือ ให้ได้มีโอกาสพัฒนาและสามารถเข้ามาฝึกงานในสถานที่ปฏิบัติงานจริง ได้ใช้เทคโนโลยีจริง ทั้งนี้ ขอขอบคุณบุคลากร สอศ.ทุกท่านที่เป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาประเทศ ในการผลิตและพัฒนากําลังคนด้านวิชาชีพให้มีคุณภาพ คุณธรรมสอดคล้องกับความต้องการพัฒนาประเทศ ได้ขับเคลื่อนการดําเนินงานให้เชื่อมโยงกับทิศทางการพัฒนาประเทศตามนโยบายของรัฐบาล นโยบายจุดเน้นของกระทรวงศึกษาธิการ สิ่งที่ทุกท่านกําลังดําเนินการอยู่ จะเป็นประโยชน์แก่ผู้เรียน ซึ่งถือเป็นการสร้างทรัพยากรบุคคลให้เป็นผู้มีความรู้ มีทักษะวิชาชีพเพื่อการมีงานทำ และพัฒนาประเทศชาติต่อไป.

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 23 มกราคม 2566

“พล.อ.ประวิตร”เดินสายทำบุญรับตรุษจีนที่เยาวราช ควงว่าที่ผู้สมัครส.ส.เขตป้อมปราบร่วมทักทายปชช.

,

“พล.อ.ประวิตร”เดินสายทำบุญรับตรุษจีนที่เยาวราช
ควงว่าที่ผู้สมัครส.ส.เขตป้อมปราบร่วมทักทายปชช.

วันนี้ 22 มกราคม 66
พล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ(พปชร)ลงพื้นที่เดินถนนเยาวราช พร้อมด้วยนายธิชดล สกุลนำ หรือ นุ๊ก ว่าที่ผู้สมัครเขต ป้อมปราบ เนื่องในวันเทศกาลตรุษจีน ถือเป็นวันขึ้นปีใหม่ของคนไทยเชื้อสายจีน ที่จะเดินทางไปร่วมทำบุญ และขอพรสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งวันนี้พลเอกประวิตร ได้ไปร่วมทำบุญ และขอพร ไหว้เจ้าแม่กวนอิม ทำบุญไหว้พระ ร่วมบริจาค ณ มูลนิธิเทียนฟ้า

ทั้งนี้พล.อ.ประวิตร ได้เดินทักทายประชาชนที่บริเวณถนนเยาวราช ด้วยหน้าตายิ้มแย้มแจ่มใส โดยมีประชาขนมาขอถ่ายรูปและทักทาย ซึ่งพลเอกประวิตรได้ถ่ายรูปด้วย และเปิดให้ประชาชนเข้ามาทักทาย พูดคุยได้ ซึ่งการลงพื้นที่ครั้งนี้ เป็นการลงพื้นที่ที่ไม่ได้มีการแจ้งวาระใดๆ เพราะต้องการพบปะประชาชนอย่างเป็นกันเอง ในช่วงวันหยุด ที่คนไทยเชื้อสายจีนจะท่องเที่ยวกับครอบครัวตามประเพณี


ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 22 มกราคม 2566

“ศ.ดร.นฤมล”ลั่นพปชร.รุกจัดทัพส.ส.พร้อมรับศึกเลือกตั้ง ชู“พล.อ.ประวิตร”แคนดิเดตนายกฯก้าวข้ามความขัดแย้ง

,

“ศ.ดร.นฤมล”ลั่นพปชร.รุกจัดทัพส.ส.พร้อมรับศึกเลือกตั้ง
ชู“พล.อ.ประวิตร”แคนดิเดตนายกฯก้าวข้ามความขัดแย้ง

“ศ.ดร.นฤมล” ลั่น”พปชร.”พร้อมลุยศึกเลือกตั้งปี 2566 เร่งจัดและเสริมทัพส.ส.เข้มแข็งลงพื้นที่ ไร้ข้อกังวลใดๆ ชู “พล.อ.ประวิตร ”แคนดิเดตนายกฯคนที่ 30 ด้วยลักษณะที่เป็นผู้นำพิเศษ ไม่ข้ดแย้งใครสามารถนำพาประเทศก้าวข้ามความขัดแย้งทั้งหมดได้จริง!!! ผนวกกับนโยบายพปชร.ครอบคลุมทุกมิติมุ่งกระจายรายได้ให้กับประชาชนทั่วถึงทุกพื้นที่

ศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ เหรัญญิกพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ให้สัมภาษณ์ถึงการเตรียมความพร้อมของพรรคพลังประชารัฐ ในการสู้ศึกเลือกตั้งปี 2566 ว่า พปชร. อยู่ระหว่างการจัดทัพและเสริมทัพของว่าที่ผู้สมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร(ส.ส.)ในเขตที่ไม่เคยมี ส.ส. และเขตที่ ส.ส. มีแนวโน้มย้ายไปสังกัดพรรคใหม่และพรรคอื่นๆ และได้ทยอยเปิดตัวว่าที่ผู้สมัครมาตลอด โดยยืนยันว่าไม่ได้มีข้อกังวลใดๆ เพราะเชื่อว่าทุกพรรคก็ดำเนินการในลักษณะเช่นเดียวกัน

“ เราพอจะรับทราบถึงทิศทางของส.ส.มาได้สักพักแล้วท่านหัวหน้าและเลขาธิการพรรคก็ได้เตรียมผู้สมัครทั้งที่ในเขตที่มีส.ส.อยู่แล้วและเขตที่ไม่เคยมีส.ส. รวมถึงส.ส.ที่มีแนวโน้มจะย้ายออกไปอยู่พรรคใหม่และพรรคอื่นๆ เราก็ได้เริ่มหาตัวผู้สมัครสำรองสำหรับเขตนั้นๆ ล่วงหน้ามาหลายเดือนแล้ว ซึ่งน้ำคงจะค่อยๆ นิ่งและตกผลึกในที่สุด เพราะมีส่วนหนึ่งขยับออก ก็จะมีส่วนหนึ่งขยับเข้ามาก็จะมาเติมเต็มกัน”ศ.ดร.นฤมลกล่าว

ทั้งนี้ที่ผ่านมาพปชร.ได้ขับเคลื่อนนโยบายที่วางไว้มาต่อเนื่อง เพื่อสร้างประเทศไทยให้มั่นคง ยั่งยืน ควบคู่ไปกับการแก้ปัญหาความยากจน ประชาชนอยู่ดีกินดีทุกพื้นที่ ไม่ใช่กระจุกตัวเฉพาะหัวเมือง ต้องกระจายความเจริญออกไป อาทิ บัตรสวัสดิการแห่งรัฐหรือบัตรประชารัฐเป็นนโยบายหลักที่ต้องต่อยอด การพลิกฟื้นเศรษฐกิจหลังโควิด-19 กลายเป็นโจทย์ใหญ่ก็มีนโยบายที่ตอบโจทย์ โดยเฉพาะผู้ประกอบการขนาดกลางและย่อม(เอสเอ็มอี ) ภาคการเกษตร นโยบายเหล่านี้จะค่อยๆ ทยอยเปิดให้ประชาชนเห็น

ดังนั้นนโยบายของพรรค และผู้สมัคร ส.ส.ที่มีความเข้มแข็ง รวมถึงภาวะผู้นำของพรรค จะสามารถทำให้ประชาชนเชื่อมั่นจนสามารถผลักดันให้ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 สอดรับกับภาพที่ประชาชนได้เห็นว่าพล.อ.ประวิตร เป็นผู้มีภาวะการเป็นผู้นำที่กล้าตัดสินใจในสถานการณ์ของประเทศไทยในปัจจุบัน อีกทั้งไม่เคยขัดแย้งกับใคร และสามารถทำงานได้กับทุกพรรคการเมือง

“พล.อ.ประวิตร ท่านเป็นผู้นำที่มีลักษณะพิเศษ ไม่ขัดแย้ง ไม่โกรธ ให้อภัยทุกคนตลอด กวาดสายตามองออกไปคนที่เป็นเช่นนี้มีไม่เยอะในประเทศไทยซึ่งจะมาเป็นผู้นำที่ทำให้ประชาชนเห็นว่า ประเทศไทยมีผู้นำที่นำพาประเทศ ก้าวข้ามความขัดแย้งทั้งหมดได้จริงๆ หากไม่ได้ผู้นำเช่นนี้ ประชาชนยังตีกันอยู่”ศ.ดร.นฤมลกล่าว

ศ.ดร.นฤมล กล่าวว่า พรรคพลังประชารัฐมีฐานเสียงเดิม 8.4 ล้านเสียง ในการเลือกตั้ง ปี 54 และ ปี 62 เท่ากับฐานเสียงของทั้ง 2 ขั้วการเมืองยังคงสูสีกัน ดังนั้นการเลือกตั้งปี 66 ก็อาจจะต้องยังแบ่งครึ่งๆ เหมือนเดิม โดยคราวนี้ขั้วการเมืองตรงข้ามมีพรรคเพื่อไทยพรรคก้าวไกล พรรคไทยสร้างไทย พรรคเสรีรวมไทย และพรรคอื่นๆ เล็กน้อย อีกฝั่งมี พปชร. พรรคประชาธิปัตย์ พรรครวมไทยสร้างชาติ พรรคสร้างอนาคตไทย พรรคชาติพัฒนากล้า พรรคไทยภักดี ที่ต้องแชร์คะแนนกัน ดังนั้นจึงตอบยากมาก ส.ส.เขตได้เท่าไหร่และคงตอบล่วงหน้าไม่ได้ต้องดูตัวเลขคณิตศาสตร์หลังเลือกตั้งว่ามีเสียงเพียงพอจัดตั้งรัฐบาลไหม และต้องรอฟังมติคณะกรรมการบริหารพรรค แต่ที่แน่นอนและชัดเจนคือปพชร.มีอุดมการณ์ตั้งแต่ก่อตั้งพรรค ปี 61 ที่พร้อมร่วมมือกับทุกคนเพื่อพาประเทศก้าวข้ามความขัดแย้งและวันนี้ยังเดินตามอุดมการณ์เดิมอย่างมั่นคง

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 22 มกราคม 2566

“พล.อ.ประวิตร”ร่วมฉลองงานตรุษจีนปากน้ำโพ อวยพรให้มีความสุข ร่ำรวยเงินทอง ลั่น พร้อมจะดูแลคนไทยให้อยู่ดีกินดี

,

“พล.อ.ประวิตร”ร่วมฉลองงานตรุษจีนปากน้ำโพ อวยพรให้มีความสุข ร่ำรวยเงินทอง ลั่น พร้อมจะดูแลคนไทยให้อยู่ดีกินดี

เมื่อเวลา 19.00 น.ที่หาดทรายต้นแม่น้ำเจ้าพระยา พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ร่วมงานประเพณีแห่เจ้าพ่อ- เจ้าแม่ ปากน้ำโพ ประจำปะ 2565-2566 ซึ่งเป็นประเพณีเก่าแก่ของชาวไทยเชื้อสายจีน และเพื่อความเป็นศิริมงคล ภายใต้ชื่องาน”สืบสานพลังแห่งศรัทธา รักษาประเพณี 107 ปี ตรุษจีนปากน้ำโพ” ในธีมงานมังกรเบิกฟ้า บุปผาเบ่งบาน โดย พลเอกประวิตร ได้ขึ้นกล่าวอวยพรว่า เนื่องในเทศกาลตรุษจีน หรือวันขึ้นปีใหม่ของชาวจีน ตนขออวยพรชาวไทยเชื้อสายจีนที่มีให้ทุกท่านมีแต่ความสุข ความเจริญ คิดอะไรให้สมความปรารถนา สมหวัง ร่ำรวยเงินทองตลอดปี 2565 และตลอดไป”ซินเจียยู่อี่ ซินนี้ฮวดไช้”

“พรรคพลังประชารัฐพร้อมดูแลพี่น้องทุกท่านให้อยู่ดีกินดี ก้าวข้ามความขัดแย้ง ขจัดทุกปัญหา พัฒนาทุกพื้นที่ผมพร้อมจะดูแลคนไทยให้อยู่ดีกินดีถ้วนหน้าครับ”พลเอกประวิตร กล่าว

ทั้งนี้พลเอกประวิตรได้ร่วมรับชมการแสดง”สิงโตโหงวชก 5 ชาติพันธุ์ และได้ร่วมถ่ายรูปกับนักแสดง พร้อมโชว์ป้ายข้อความ 700 ทั่วไทย ซึ่งเป็น 1 ในนโยบายของพรรคพลังประชารัฐ ที่ประกาศจะเพิ่มเงินบัตรประชารัฐเป็น 700 บาทต่อเดือน


ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 20 มกราคม 2566

‘พล.อ.ประวิตร’ขึ้นเหนือ เกาะติดพัฒนาแหล่งน้ำ เพิ่มความมั่นคงภาคเกษตรพื้นที่พิษณุโลก-นครสวรรค์

,

‘พล.อ.ประวิตร’ขึ้นเหนือ เกาะติดพัฒนาแหล่งน้ำ เพิ่มความมั่นคงภาคเกษตรพื้นที่พิษณุโลก-นครสวรรค์

เมื่อเวลา 10.00 น.วันที่ 20 มกราคม 2566 พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วย นายสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.คลัง และคณะ เดินทางขึ้นภาคเหนือตอนล่าง จ.พิษณุโลก และ จ.นครสวรรค์ เพื่อติดตามการขับเคลื่อนการบริหารจัดการน้ำและการพัฒนาแหล่งน้ำในพื้นที่ภาคเหนือ

พล.อ.ประวิตร กล่าวสรุปความคืบหน้าการพัฒนาแหล่งน้ำในพื้นที่และการก่อสร้างประตูระบายน้ำ 4 แห่ง คือ ประตูระบายน้ำท่านางงาม ท่าแพ บ้านวังจิกและโพธิ์ประทับช้าง ซึ่งเก็บกักน้ำ ลำน้ำรวมได้กว่า 38 ล้านลูกบาศก์เมตร พื้นที่รับประโยชน์กว่า 2 แสนไร่ พื้นที่รับประโยชน์ทั้ง จ.พิษณุโลก และ จ.พิจิตร จากนั้นได้ลงตรวจติดตามการก่อสร้างประตูระบายน้ำท่านางงาม อ.บางระกำ เพื่อรองรับพื้นที่ 5 ตำบล 1 อำเภอ พื้นที่รับประโยชน์ 51,375 ไร่ และตรวจพื้นที่ โครงการเขื่อนป้องกันตลิ่งริมแม่น้ำน่านทั้งสองฝั่ง ต.พลายชุมพล อ.เมือง พร้อมพบปะและรับฟังปัญหาประชาชนในพื้นที่

โดยประชาชนในพื้นที่บางระกำ ได้แสดงความขอบคุณ พล.อ.ประวิตร’ ที่ลงมาช่วยแก้ปัญหาผลกระทบจากปัญหาน้ำท่วมและน้ำแล้งอย่างจริงจัง โดยสามารถมีน้ำใช้เพื่อการเกษตรและการดำรงชีพได้อย่างพอเพียงในฤดูแล้ง

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 20 มกราคม 2566

“เลขาฯ พปชร.” เปิดตัว 10 ว่าที่ผู้สมัครส.ส. ดึงผู้มีประสบการณ์-คนรุ่นใหม่ อาสารับใช้ปชช.มั่นใจ”พลเอกประวิตร”พร้อมทำหน้าที่พัฒนาประเทศ

,

“เลขาฯ พปชร.” เปิดตัว 10 ว่าที่ผู้สมัครส.ส. ดึงผู้มีประสบการณ์-คนรุ่นใหม่
อาสารับใช้ปชช.มั่นใจ”พลเอกประวิตร”พร้อมทำหน้าที่พัฒนาประเทศ

(27 ธันวาคม 2565) ที่พรรคพลังประชารัฐ นายสันติ พร้อมพัฒน์ เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ (พปชร. ) และนายไพบูลย์ นิติตะวัน รองหัวหน้าพรรค ร่วมกันแถลงข่าวเปิดตัวว่าที่ผู้สมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จำนวน 9 คน ได้แก่ ภาคใต้ ภาคอีสาน และภาคกลาง ประกอบด้วยด้วย จ.สุราษฏร์ธานี ได้แก่ นายสุชาติ อินทรมณี นายธนโชติ ติณพันธ์ นายสุริญญา ยืนนาม นายณัฐวรันธร ทองคำ นายมนู วณิชชานนท์, จ.ประจวบคีรีขันธ์ ได้แก่ นายณภัทร ชุ่มจิตตรี นายพิษณุ กล้าขาย ขณะที่ภาคอีสาน ประกอบด้วย จ.หนองบัวลำภู ได้แก่ นายทรงศักดิ์ ศิริสถิตย์ และภาคกลาง ประกอบด้วย จ.นครปฐม ได้แก่ นายรัฐกร เจนกิจณรงค์ จ.ปทุมธานี นายนพดล ลัดดาแย้ม

นายสันติ กล่าวว่า เป็นอีกวันหนึ่งที่พรรคพลังประชารัฐมีผู้ร่วมอุดมการณ์จำนวน 10 ท่านเข้ามาร่วมงานกับพรรค โดยทุกคนจะเป็นตัวแทนของพรรคพลังประชารัฐลงไปดูแลพี่น้องประชาชนด้วยความตั้งใจในการร่วมกันพัฒนาบ้านเมืองของเรา สิ่งเหล่านี้เป็นเครื่องยืนยันว่าพรรคพลังประชารัฐมีอุดมการณ์และนโยบายที่เข้มแข็ง ที่ยึดแนวทางของ พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ที่มีความมุ่งมั่นพัฒนาบ้านเมือง และต้องการให้ชีวิตพี่น้องคนไทยอยู่ดีกินดี มีความสุข รวมถึงให้ความสำคัญในการเพิ่มศักยภาพให้เยาวชนคนไทย ให้มีความรู้ ความสามารถทัดเทียมกับนานาประเทศในทุกอาชีพ รวมไปถึงนโยบาย ที่เป็นประโยชน์ต่อผู้สูงอายุ โดยตั้งเป้าให้ทุกคนมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น

“จากนี้ไปพลังประชารัฐก็จะเริ่มประชาสัมพันธ์ถึงนโยบายหลักของพรรคผ่านสื่อมวลชนไปยังพี่น้องประชาชนให้เข้าใจในบทบาทและความตั้งใจในการทำหน้าที่ตัวแทนประชาชนของพรรคพลังประชารัฐ วันนี้ผมขอฝากว่าที่ผู้สมัครของพรรคพลังประชารัฐไว้ในอ้อมแขนและอ้อมใจของประชาชนทั้ง 5 จังหวัด”

ด้านนายไพบูลย์ กล่าวว่า การเปิดตัวในวันนี้เป็นอีกครั้งหนึ่งที่ทางพรรคพลังประชารัฐ ขอแนะนำผู้สมัครรับเลือกตั้งที่มีคุณสมบัติ มีความสามารถ เป็นที่รักของประชาชนในพื้นที่ เราเชื่อมั่นว่าพรรคพลังประชารัฐได้คัดเลือกบุคคลที่ดี มีความสามารถ และมีจิตใจสาธารณะประโยชน์ เช่นเดียวกันกับอุดมการณ์ของหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ที่ได้ปฏิบัติมาโดยตลอด จะเห็นได้ว่า พลเอกประวิตร จะลงไปในพื้นที่ใดประชาชนทุกคนพูดตรงกันเป็นเสียงเดียวว่า ลุงป้อมใจดี เป็นที่รักของประชาชน และท่านรักประชาชน เพราะฉะนั้นทุกคนในพรรคพลังประชารัฐ ก็รักประชาชนเช่นเดียวกับท่านหัวหน้าพรรค ต่อจากนี้ว่าที่ผู้สมัครของเราทุกคนจะเป็นกำลังสำคัญในการช่วยเหลือประชาชนให้มีคุณภาพชีวิตและความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น

“เรามุ่งมั่นว่าภายหลังจากการเลือกตั้งปี 2566 เราจะมีนายกรัฐมนตรีที่ชื่อพลเอกประวิตร เป็นนายกคนที่30 เพราะท่านมีทั้งบารมี และความสามารถ เป็นผู้ใหญ่ใจดีเป็นที่ยอมรับของทุกพรรคการเมือง และที่สำคัญคือท่านห่วงใยประชาชน ท่านไม่มีความขัดแย้งกับใคร มีแต่ความรักความเมตตา”


ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 27 ธันวาคม 2565

พล.อ.ประวิตร นำทีมผู้บริหาร-ส.ส.พปชร.สวดมนต์เจริญจิตภาวนา ถวายพระพรแด่สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา นเรนทิราเทพยวดี กรมหลวงราชสาริณีสิริพัชร มหาวัชรราชธิดา

,

พล.อ.ประวิตร นำทีมผู้บริหาร-ส.ส.พปชร.สวดมนต์เจริญจิตภาวนา ถวายพระพรแด่สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา นเรนทิราเทพยวดี กรมหลวงราชสาริณีสิริพัชร มหาวัชรราชธิดา

(27 ธ.ค. 65)ที่อาคารรัชดา วัน ที่ทำการพรรคพลังประชารัฐ พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ เป็นประธานพิธีเจริญพระพุทธมนต์และเจริญจิตภาวนา ถวายพระพรแด่สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา นเรนทิราเทพยวดี กรมหลวงราชสาริณีสิริพัชร มหาวัชรราชธิดา เพื่อให้หายจากพระอาการประชวรโดยเร็ว มีพระราชพิพัฒนาภรณ์ ที่ปรึกษาเจ้าคณะกรุงเทพมหานคร และเจ้าอาวาสวัดหลักสี่ พระอารามหลวง เป็นประธานสงฆ์

โดยมีนายสันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง และเลขาธิการพรรค, นายไพบูลย์ นิติตะวัน รองหัวหน้าพรรค คณะผู้บริหาร และสมาชิกพรรค ร่วมพิธีฯ อย่างพร้อมเพรียง

สำหรับการเจริญพระพุทธมนต์ใช้บทสวดบูชาพระรัตนตรัย, บทชุมนุมเทวดา, บทพระไตรสรณคมน์, บทนะโมการะอัฏฐกะคาถา, บทระตะนะสูตร, บทอังคุลิมาละปริตร, บทโพชฌังคะปริตร, บทอภยปริตร, บทอาฏานาฏิยะปริตร, บทสวดมงคลจักรงาฬใหญ่, บทเทวะตาอุยโยชะนะคาถา, บทพุทธชัยมงคลคาถา (พาหุง)

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 27 ธันวาคม 2565

‘ พล.อ.ประวิตร’ ถก กก.สิ่งแวดล้อม เคาะแผนความมั่นคงระบบไฟฟ้า สร้างอ่างเก็บน้ำ พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเพื่อ ปชช.

,

‘ พล.อ.ประวิตร’ ถก กก.สิ่งแวดล้อม เคาะแผนความมั่นคงระบบไฟฟ้า
สร้างอ่างเก็บน้ำ พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเพื่อ ปชช.

เมื่อวันที่ 23 ธันวาคม ที่ห้องประชุมมูลนิธิอนุรักษ์ป่ารอยต่อ 5 จังหวัด พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ครั้งที่ 6/2565 ผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ โดยมีนายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยในฐานะรองประธานกรรมการ นายจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กรรมการและเลขานุการ และดร.พิรุณ สัยยะสิทธิ์พานิช เลขาธิการสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ทำหน้าที่ฝ่ายเลขานุการ ซึ่งมีผู้ทรงคุณวุฒิและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมการประชุมดังกล่าว

คณะกรรมการฯ ได้เห็นชอบรายงาน EIA ของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค เพื่อเสริมความมั่นคงของระบบไฟฟ้าในเกาะกระเต็น (แตน) จ.สุราษฎร์ธานี ตลอดจนเห็นชอบโครงการถนนตามผังเมืองสาย จ ผังเมืองรวมเมืองกำแพงเพชร จ.กำแพงเพชร ของกรมทางหลวงชนบท เพื่อพัฒนาโครงข่ายของถนนเลี่ยงเมืองให้มีความสมบูรณ์ เป็นรูปแบบระบบถนนวงแหวน (Ring Road) เพื่อรองรับการเดินทาง และเห็นชอบโครงการทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองหมายเลข 7 ส่วนต่อขยายเชื่อมต่อสนามบินอู่ตะเภา ของกรมทางหลวง เพื่อเป็นโครงข่ายถนนรองรับการเดินทางและขนส่งในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก

รวมทั้งยังให้ความเห็นชอบโครงการปรับปรุงขยายท่าอากาศยานบุรีรัมย์ จ.บุรีรัมย์ ของกรมท่าอากาศยาน เพื่อรองรับการให้บริการเครื่องบินที่มีขนาดใหญ่ตามนโยบายการส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงกีฬาในระดับนานาชาติ

ทั้งนี้ยังให้ความเห็นชอบโครงการอ่างเก็บน้ำแม่บอม อันเนื่องมาจากพระราชดำริ จ.ลำปาง ของกรมชลประทานเพื่อแก้ไขปัญหาการขาดแคลนน้ำสำหรับการอุปโภค-บริโภค และทำการเกษตรอย่างยั่งยืน นอกจากนี้ได้เห็นชอบโครงการระบบท่อส่งก๊าซธรรมชาติบนบกจากบางปะกงไปโรงไฟฟ้าพระนครใต้ ของบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เพื่อรองรับโรงไฟฟ้าตามแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศไทย รวมทั้งได้เห็นชอบโครงการทำเหมืองแร่ชนิดแร่หินอุตสาหกรรมชนิดหินปูน (เพื่อทำปูนขาว) ของบริษัท จิระภัทรสโตน 2010 จำกัด ร่วมแผนผังโครงการทำเหมืองเดียวกันกับบริษัท ส.ศิลาทอง สระบุรี จำกัด จังหวัดสระบุรี เพื่อตอบสนองความต้องการใช้ปูนขาวในอุตสาหกรรมปูนขาวในพื้นที่ภาคกลาง ตลอดจนเห็นชอบโครงการสะพานเชื่อมเกาะลันตา ต.เกาะกลาง – ต.เกาะลันตาน้อย จ.กระบี่ ของกรมทางหลวงชนบท เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ประชาชนและนักท่องเที่ยว โดยกำชับให้เจ้าของโครงการทั้ง 8 โครงการ ต้องดำเนินการตามมาตรการฯ ที่กำหนดในรายงานฯ อย่างเคร่งครัด พร้อมทั้งรับความเห็นของคณะกรรมการฯ ไปดำเนินการ และนำเสนอต่อคณะรัฐมนตรีตามขั้นตอนต่อไป

นอกจากนี้ที่ประชุมฯ ได้เห็นชอบ (ร่าง) แผนจัดการระดับชาติเพื่อการปฏิบัติตามอนุสัญญาสตอกโฮล์มว่าด้วยสารมลพิษที่ตกค้างยาวนาน ฉบับที่ 2 พ.ศ. 2566 – 2570 เพื่อคุ้มครองสุขภาพอนามัยของมนุษย์และสิ่งแวดล้อมโดยการลด และ/หรือเลิกการผลิต การใช้ และการปลดปล่อยสารมลพิษที่ตกค้างยาวนาน (สาร POPs) รวมทั้งกำจัดให้หมดไป และแผนการดำเนินงานแก้ไขปัญหาการปนเปื้อนสารตะกั่วบริเวณห้วยคลิตี้ ระยะที่ 3 ปี พ.ศ.2565 – 2568 ซึ่งเป็นการดำเนินงานในพื้นที่คลิตี้ต่อเนื่องจากแผนการดำเนินงานฯ ระยะที่ 2 เพื่อแก้ไขปัญหาและฟื้นฟูการปนเปื้อนสารตะกั่วบริเวณห้วยคลิตี้

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 23 ธันวาคม 2565