โลกเปลี่ยน ไทยต้องปรับ ทางเลือกใหม่ของการเมืองไทย ก้าวข้ามความขัดแย้ง สานพลังประชาราษฎร์ ร่วมสร้างชาติให้ยั่งยืน

ป้ายกำกับ: ข่าวกิจกรรมพรรค

“พล.อ.ประวิตร” ลงพื้นที่เขตป้อมปราบศัตรูพ่ายวันนี้ ควงว่าที่ผู้สมัครพบปะประชาชนเดินหน้าสู้ศึกเลือกตั้ง

,

“พล.อ.ประวิตร” ลงพื้นที่เขตป้อมปราบศัตรูพ่ายวันนี้ ควงว่าที่ผู้สมัครพบปะประชาชนเดินหน้าสู้ศึกเลือกตั้ง

ภญ.นพวรรณ หัวใจมั่น ว่าที่ผู้สมัครส.ส.กทม.เขตบางเขน กล่าวว่า ในวันนี้ (14 ก.พ.2566) พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ พร้อมด้วยผู้บริหารพรรคพลังประชารัฐ และว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.กทม. ส่งความรัก ส่งความห่วงใยให้ชาว กทม. ภายใต้แคมเปญ “รวมพลังส่งความรักถึงชาวกรุงเทพฯ” ที่เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย ตั้งแต่เวลา 14.00-15.30 น. ซึ่งเป็นพื้นที่แรกของ ทีมพรรคพลังประชารัฐ ในการร่วมพลังหาเสียง ร่วมกับว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.กทม.ทั้งหมด นำทีมโดยนายสกลธี ภัททิยกุลกรรมการบริหารพรรค และนางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ เหรัญญิกพรรค ซึ่งรับผิดชอบพื้นที่ กทม. โดยเส้นทางในแต่ละจุด ระหว่างเดินทางจะมีการพบปะ และทักทายกับพี่น้องประชาชน

ทั้งนี้ พล.อ.ประวิตรและว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.กทม. ได้เริ่มจุดพบปะพี่น้องประชาชน ที่วัดมังกรกมลาวาส (วัดเล่งเน่ยยี่) พร้อมสักการบูชาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ จากนั้นเคลื่อนขบวนไปที่วัดสระเกศ ราชวรมหาวิหาร สักการบูชาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ณ พระอุโบสถวัดสระเกศฯ (ผ่านเส้นทางหน้า สน.พลับพลาไชย มุ่งหน้าสู่ ถ.หลวง มุ่งหน้าสู่แยกแม้นศรี เพื่อเข้าวัดสระเกศฯ ด้านจักรพรรดิพงษ์) แล้วเคลื่อนขบวนสู่สวนสาธารณะ “ป้อมมหากาฬ” นับเป็นกิจกรรม หาเสียงของพปชร. ในพื้นที่กทม.ที่มีเป้าหมายร่วมกัน เพื่อเอาฤกษ์เอาชัย ในสนามการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นเร็วๆนี้

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 14 กุมภาพันธ์ 2566

“พล.อ.ประวิตร” เดินออกกำลังกายสวนลุม ชาวบ้านแห่ขอเซลฟีเชียร์นั่งนายกคนที่ 30

,

“พล.อ.ประวิตร” เดินออกกำลังกายสวนลุม ชาวบ้านแห่ขอเซลฟีเชียร์นั่งนายกคนที่ 30

วันอาทิตย์ 5 ก.พ.66 เวลาประมาณ 07.00 น. พล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เดินตลาดสวนลุมแวะทักทายพ่อค้า แม่ค้าและประชาชน จากนั้น ได้เดินออกกำลังกายภายในบริเวณสวนลุม ระหว่างทางได้ทักทายประชาชนด้วยสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใสอารมณ์ดี โดยใช้เวลาเดินออกกำลังกายในสวนลุม ประมาณครึ่งชั่วโมง โดยเดินทางมาเป็นส่วนตัว ในระหว่างการออกกำลังกายนั้น รองนายกฯ ลุงป้อม ได้ถ่ายรูปร่วมกับประชาชน แวะถ่ายรูปร่วม ชมรมไทเก๊กในสวนลุมฯ ชมรมเซี๊ยงเล้งไทยเก๊ก โดยได้ร่วมถ่ายภาพ และดื่มกาแฟ และพูดคุย กับสมาชิกชมรม ลุงป้อมได้ร่วมถ่ายรูปด้วยความเป็นกันเอง และยิ้มแย้มแจ่มใส

ทั้งนี้ ก่อนเข้าเดินออกกำลังกาย ได้แวะซื้องาดำร้านดัง ร้านตี๋งาดำสวนลุม เปิดมาเกือบ 50 ปี ตั้งแต่ 2520 อยู่หน้าสวนลุมฯ และยังแวะร้านข้าวแกง ซื้อกับข้าว อาทิ พะแนงหมู ไข่พะโล้ แกงหน่อไม้ โดยระหว่างทางมีพ่อค้า แม่ค้าประชาชน มาขอถ่ายรูป ขอให้ลุงป้อมสู้ๆ สุขภาพแข็งแรง และขอให้เป็นนายกฯ คนที่ 30 เพื่อช่วยประชาชนให้กินดีอยู่ดี ตลอดทางเดิน ลุงป้อมยิ้มแย้ม อารมณ์ดี และทักทายประชาชนที่มาจับจ่ายซื้อของและออกกำลังกายในสวนลุมฯ ด้วยความเป็นกันเอง และยิ้มทักทายตลอดทาง

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 5 กุมภาพันธ์ 2566

“เกณิกา” ทีมโฆษกพรรคพลังประชารัฐ ปลื้ม กระแสลุงป้อมฟีเวอร์ ดัน พปชร. มาแรง ประชาชนเชียร์เป็นนายกคนที่ 30// มั่นใจ ประชาชน ถูกใจ “ป้อม 700”- เปิดนโยบายที่เหลือ ทำคะแนนท่วมท้น

, ,

“เกณิกา” ทีมโฆษกพรรคพลังประชารัฐ ปลื้ม กระแสลุงป้อมฟีเวอร์ ดัน พปชร. มาแรง ประชาชนเชียร์เป็นนายกคนที่ 30// มั่นใจ ประชาชน ถูกใจ “ป้อม 700”- เปิดนโยบายที่เหลือ ทำคะแนนท่วมท้น

3 กุมภาพันธ์ 66 – ดร.เกณิกา อุ่นจิตร์ ทีมโฆษกพรรคพลังประชารัฐและว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. กล่าวถึงกระแสตอบรับ หลังจาก พล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ เดินสายลงพื้นที่ในทุกภูมิภาคของประเทศ และได้เปิดนโยบาย “บัตรประชารัฐ 700 บาท ต่อเดือน” หรือ “ป้อม 700” ทำให้ประชาชนในแต่ละพื้นที่แสดงความชื่นชมและบางคนถึงกับไปถามว่าที่ผู้สมัครในเขตของตนเองว่าต้องทำอย่างไร อยากให้ลุงป้อมเป็นนายกให้ได้ เพื่อจะได้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น

“ขอเรียนว่า ที่ผ่านมาพรรคพลังประชารัฐในฐานะแกนนำจัดตั้งรัฐบาล ได้มีผลงานที่เป็นรูปธรรม ในเรื่องการสร้างสวัสดิการประชารัฐ ผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ การบริหารจัดการน้ำ การจัดที่ดินทำกิน การปราบปรามการค้ามนุษย์ อุตสาหกรรมประมงและอื่นๆ อีกมากมาย และสำหรับนโยบาย “ป้อม 700” ที่เราพึ่งเปิดตัวไป ถือเป็นนโยบายแรกเท่านั้น โดยเป็นการอัพเกรดจากนโยบายเดิมที่เคยทำสำเร็จแล้วแต่จะทำให้ดีกว่าเดิม หลังจากนี้ยังมีนโยบายอื่นๆ อีกที่รอเปิดตัว ซึ่งทุกนโยบายของพรรคเกิดจากการลงพื้นที่ฟังเสียงประชาชน จึงมั่นใจว่าทุกนโยบายจะถูกใจประชาชนอย่างแน่นอน” ดร.เกณิกา อุ่นจิตร์ กล่าวย้ำ

ทีมโฆษกพรรค พปชร. ย้ำอีกว่า “ตนเองได้ติดตามลงพื้นที่ร่วมกับหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐอย่างต่อเนื่อง ทำให้เห็นถึงกระแสลุงป้อมฟีเวอร์ในช่วงนี้ ไปไหนมีแต่คนมาขอถ่ายรูป มากอด มาหอม ชวนไปฟ้อน ไปรำ มาส่งแรงเชียร์อยากให้เป็นนายกคนที่ 30 ของประเทศไทย ประชาชนบอกยิ่งได้เจอตัวจริงยิ่งรู้ว่าลุงป้อมเป็นคนใจดี เข้าถึงประชาชน และทำงานอย่างหนักเพื่อประชาชนจริงๆ โดยเฉพาะผลงานที่ผ่านมาที่จะเป็นเครื่องพิสูจน์ อีกทั้งยังเป็นผู้นำที่พร้อมสานสัมพันธ์กับทุกฝ่าย เพื่อก้าวข้ามความขัดแย้ง เดินหน้าสร้างพลังแห่งความปรองดองและสามัคคีให้กับประเทศ”

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 3 กุมภาพันธ์ 2566

“ชวน ชูจันทร์” ส.ส.พปชร. ยืนยันพรรคชูก้าวข้ามความขัดแย้งหาเสียงศึกเลือกตั้งใหญ่ ไม่ใช่แค่วาทกรรม

, ,

“ชวน ชูจันทร์” ส.ส.พปชร. ยืนยันพรรคชูก้าวข้ามความขัดแย้งหาเสียงศึกเลือกตั้งใหญ่ ไม่ใช่แค่วาทกรรม

นายชวน ชูจันทร์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวถึงสโลแกนก้าวข้ามความขัดแย้งของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี หัวหน้าพรรค พปชร. ว่า ไม่ใช่วาทกรรมที่ยกขึ้นมาเพื่อหาเสียง แต่อยากให้มองลงลึกไปว่าก่อนที่จะมีการปฏิวัติปี 2557 ประเทศไทยมีการขัดแย้งทางการเมืองอย่างหนักถึงขั้นจะแบ่งประเทศ โดยเฉพาะการเลือกตั้งในปี 2562 หลายคนคิดตรงกันว่า ถ้ายังมีการขัดแย้งทางความคิดทางการเมืองแบบเดิมอยู่อีก ประเทศไทยคงพัฒนาไม่ได้ ตนเองและเพื่อนอีกหลายคน จึงได้จัดตั้งพรรค พปชร.ขึ้นมา ชื่อมีความหมายคือทั้งประชาชนและภาครัฐ ต้องร่วมกันให้เป็นพลังเพื่อพัฒนาประเทศ

นายชวน กล่าวว่า ในเวลา 4 ปีที่บริหารในนามพรรคการเมือง ยังไม่ได้เกิดแนวทางที่จะร่วมกันพัฒนาประเทศอย่างที่คิดไว้ ทั้งในส่วนของสถาบันการเมือง หรือในภาคประชาชน และหลายคนก็เห็นปัญหาเหมือนกัน จึงต้องหยิบยกประเด็นเรื่องการก้าวพ้นความขัดแย้งขึ้นมาให้ช่วยกันตัดสินใจหรือพิจารณาอีกครั้ง และพยายามจะทำให้เกิดเป็นรูปธรรมขึ้น โดยเริ่มต้นจากการเป็นสถาบันการเมืองก่อน หากผู้ที่รับอาสาเข้ามาทำงานการเมืองยังไม่เข้มแข็ง ไม่สามารถรวมพลังกันเพื่อเป้าหมายในการนำพาประเทศให้พัฒนาได้แล้ว เรื่องอื่นคงไม่ต้องหวัง ซึ่งพล.อ.ประวิตร เข้าใจดี จึงได้นำเรื่องการก้าวข้ามความขัดแย้งขึ้นมาให้ช่วยกันตัดสินใจ เลือกสมาชิกสภาผู้แทนในปีนี้

การขจัดทุกปัญหาพัฒนาทุกพื้นที่ ข้อความนี้แยกได้เป็น 2 เรื่องคือ 1 ขจัดทุกปัญหาหมายถึงว่าเมื่อเป็นผู้แทนแล้วปัญหาของชาวบ้านไม่ว่าเรื่องอะไรอยู่ในพื้นที่ไหนก็ต้องรับเข้ามาช่วยแนะนำแก้ไขได้หรือไม่ได้อย่างไรก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งสร้างความเข้าใจกันให้ได้ไม่หนีปัญหานั่นเองข้อความนี้เข้าใจไม่ยาก ส่วนพัฒนาทุกพื้นที่เราคงจำความกันได้ในอดีตที่ผ่านมานักการเมืองบางท่านได้พูดขึ้นว่าพื้นที่ใดที่ไม่ได้เลือกคนของพรรคเราเป็นผู้แทน การพัฒนาพื้นที่นั้นจะต้องเอาไว้ทีหลัง จะต้องไปพัฒนาในพื้นที่ที่เรามีผู้แทนก่อน ซึ่งทำให้เกิดความรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจกันพอสมควร ความจริงหลักคิดอย่างนี้ไม่ถูกต้อง เมื่อเป็นผู้แทนแล้ว จะเป็นฝ่ายไหนก็ตาม จะต้องพัฒนาในทุกพื้นที่ของประเทศไทย เพราะมันเป็นไปไม่ได้ที่ทั้งประเทศจะมีผู้แทนของพรรคเดียวอยู่เป็นฝ่ายรัฐบาลทั้งหมดไม่มีฝ่ายตรวจสอบหรือฝ่ายค้านเราจึงนำ ข้อความนี้มาบอกกล่าวให้ประชาชนได้ทราบว่า พรรคพลังประชารัฐไม่ได้มีความคิดอย่างนี้เมื่อได้เป็นรัฐบาลต้องดูแลทุกพื้นที่ แก้ไขปัญหาพัฒนาให้ทั่วประเทศให้ได้ตามลำดับความจำเป็นก่อนหลัง ยิ่งเป็นพื้นที่ที่มีความลำบาก ประชาชนเดือดร้อนมากจะต้องไปแก้ปัญหาก่อน

งานหลักของเราซึ่งต้องเริ่มกันตั้งแต่วันนี้ก็คือการแก้ปัญหาความยากจน เรารู้ว่าใครคือคนจนและจนเพราะอะไร จะต้องเริ่มต้นอย่างไร จะต้องสั่งหรือชักชวนให้ใครหน่วยงานไหนมาช่วยกันแก้ปัญหานี้บ้าง เราศึกษามาพอสมควรแล้วว่าประเทศต่างๆ เขาแก้ปัญหาความยากจนของประชาชนของเขาอย่างไรประเทศจีน เป็นตัวอย่างที่น่าคิดเขามีคน 1,400 ล้านทำได้ไม่กี่ปีของเราประมาณ 60 ล้านเท่านั้น หรือแม้แต่ทฤษฎีการพัฒนาประเทศในแนวเศรษฐกิจพอเพียง เราก็ถอดบทเรียนมาหมดแล้ว เพียงแต่ยังไม่ได้ลงมือทำ ยังไม่ได้มีชุดคาราวาน แก้ปัญหาความยากจนอย่างจริงจัง เพราะฉะนั้นนับแต่วันนี้และอีก 4 ปีถ้าได้เป็นรัฐบาล จะต้องแก้ปัญหาหรือเห็นแนวทางที่ถูกต้อง เกิดความเปลี่ยนแปลงที่เห็นได้ชัดเจนขึ้น ลงมือทำคือคำตอบ ด้วยความขอบคุณครับ

#พรรคพลังประชารัฐ #พลังประชารัฐ #พปชร #PPRP #ชวนชูจันทร์
Twitter : https://twitter.com/PPRPofficial

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 3 กุมภาพันธ์ 2566

“ส.ส.เพชรบูรณ์” พปชร.วอน “กรมทางหลวง” เร่งติดตั้งไฟฟ้าส่องสว่างบนเกาะกลางถนนช่วงตำบลห้วยโป่งหวั่นเกิดอุบัติเหตุ

, ,

“ส.ส.เพชรบูรณ์” พปชร.วอน “กรมทางหลวง” เร่งติดตั้งไฟฟ้าส่องสว่างบนเกาะกลางถนนช่วงตำบลห้วยโป่งหวั่นเกิดอุบัติเหตุ

นางวันเพ็ญ พร้อมพัฒน์ ส.ส.จังหวัดเพชรบูรณ์ เขต 3 พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวหารือในที่ประชุมสภาถึงปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน โดยขอให้กรมทางหลวงช่วยติดตั้งไฟฟ้าส่องสว่างบนเกาะกลางถนนสาย 21 ช่วงสระบุรี-หล่มสัก และช่วงตำบลห้วยโป่ง อำเภอหนองไผ่ จังหวัดเพชรบูรณ์ เพราะช่วงเช้ามืดกับตอนหัวค่ำจะอันตรายมาก เพราะไม่มีกระแสไฟฟ้าส่องสว่างในช่วงตรงนั้น ซึ่งเป็นพื้นที่ใกล้โรงเรียน และชุมชนทั้ง 2 ฝั่ง ไปมาหาสู่กันหรือเดิน ข้ามทำธุระจะมีปัญหาเรื่องอันตรายจากอุบัติเหตุ

นอกจากนี้ขอให้กรมทางหลวงช่วยพิจารณาเพิ่มงบประมาณในการซ่อมปรับปรุงถนนสาย 2401 จากอำเภอหนองไผ่ ที่จะไปสู่อำเภอชนแดน ตนเดินทางผ่านเส้นทางนี้ตลอดทุกอาทิตย์ จึงขอเป็นตัวแทนประชาชนแจ้งความเดือดร้อนของผิวถนน ซึ่งช่วงนี้เป็นช่วงฤดูเก็บเกี่ยวผลผลิต ออกสู่ตลาด ถนนจะเสีย แล้วก็มีงบประมาณในการซ่อมแซมทุกปี งบประมาณที่มาในแต่ละปีไม่ค่อยจะทันกับการเสียหาของผิวถนน จึงอยากจะให้ทางกรมทางหลวงได้พิจารณาปรับปรุงตรงนั้นเพิ่มท่อ หรือทำบล็อก หรือว่าเสริมถนนขึ้นมาให้พ้นปัญหาในส่วนของน้ำหลากในช่วงฤดูน้ำฝน

#พรรคพลังประชารัฐ #พลังประชารัฐ #พปชร #PPRP #วันเพ็ญพร้อมพัฒน์
Twitter : https://twitter.com/PPRPofficial

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 2 กุมภาพันธ์ 2566

กระแสดีไม่หยุด !!! พล.อ.ประวิตร สานต่องานสำคัญเพื่อคนอีสาน ชาวมุกดาหารตอบรับ เชียร์เป็นนายก คนที่30 แก้ภัยแล้ง มีน้ำใช้ให้อยู่ดีกินดี

, ,

กระแสดีไม่หยุด !!! พล.อ.ประวิตร สานต่องานสำคัญเพื่อคนอีสาน
ชาวมุกดาหารตอบรับ เชียร์เป็นนายก คนที่30 แก้ภัยแล้ง มีน้ำใช้ให้อยู่ดีกินดี

เมื่อ 2 ก.พ.66 พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รอง นรม. พร้อมคณะ ได้เดินทางไปปฏิบัติราชการต่อเนื่อง จาก จ.ยโสธร ในช่วงเช้า โดยในช่วงบ่ายได้ลงพื้นที่ จ.มุกดาหาร บริเวณตลาดอินโดจีนมุกดาหาร ต.ศรีบุญเรือง อ.เมือง จ.มุกดาหาร เพื่อติดตามโครงการก่อสร้าง ปรับปรุงพื้นที่ ตลาดอินโดจีน งบประมาณ 94 ล้านบาทเศษ ซึ่งงบประมาณดังกล่าวได้ถูกพับตก ทำให้ผู้ประกอบการและประชาชนในพื้นที่ ได้รับความเดือดร้อน จึงต้องได้รับการแก้ไขอย่างเร่งด่วน หากดำเนินการแล้วเสร็จ จะช่วยยกระดับรายได้ และคุณภาพชีวิตของประชาชน รวมถึง จะสามารถช่วยส่งเสริมการท่องเที่ยวชายโขง และการค้าชายแดน และยังมีการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน การก่อสร้างถนนสาย “มุกดาสนุก สุขชายโขง” งบประมาณ 1,500 ล้านบาท เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวริมแม่น้ำโขง และรองรับนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทย และชาวต่างชาติ ได้อีกด้วย

พล.อ.ประวิตร และคณะ ได้เดินทางไปเป็นประธานพิธีเปิด โครงการ”แล้งนี้ต้องมีน้ำ” ด้วยพลังงานแสงอาทิตย์จากแม่น้ำโขง ณ จวน ผวจ.มุกดาหาร งบประมาณ 50 ล้านบาท เพื่อให้เกษตรกรที่อยู่อาศัยริมฝั่งแม่น้ำโขง สามารถสูบน้ำในแม่น้ำ เพื่อทำการเกษตร ช่วยลดปัญหาการขาดแคลนน้ำในฤดูแล้ง และภาวะฝนทิ้งช่วง

ทั้งนี้ยังได้เป็นประธานพิธีเปิดโครงการ “เติมน้ำ เติมบุญ เติมทุน” พัฒนาอาชีพให้เกษตรกรสวนยาง ในพื้นที่ จ.มุกดาหาร ณ ศาลากลาง จ.มุกดาหาร เพื่อจัดการระบบน้ำในสวนยาง ให้มีประสิทธิภาพ โดยการส่งเสริมการขุดเจาะน้ำบาดาล และติดตั้งระบบสูบน้ำ พลังงานแสงอาทิตย์ให้แก่เกษตรกร ชาวสวนยาง

ทั้งนี้ พล.อ.ประวิตร ได้มีโอกาสพบปะข้าราชการ และพี่น้องประชาชน ที่มาให้การต้อนรับ โดยได้นำความปรารถนาดีจากรัฐบาล ที่มีความห่วงใยต่อพี่น้องประชาชนทุกครัวเรือน และยืนยันจะให้ความช่วยเหลือ ทุกความเดือดร้อน ของประชาชนอย่างเต็มที่ และรวดเร็ว พร้อมทั้งขอบคุณข้าราชการและเป็นกำลังใจ ให้ทุกคนที่ได้เสียสละ ทุ่มเทปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มกำลังความสามารถ เพื่อให้การบริการและให้ความช่วยเหลือพี่น้อง ประชาชนในพื้นที่ด้วยดี ที่ผ่านมา


ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 2 กุมภาพันธ์ 2566

พล.อ.ประวิตร ลงพื้นที่ ยโสธร-มุกดาหาร ติดตามการบริหารน้ำ พอใจความคืบหน้าการพัฒนาแหล่งน้ำต้นทุนเพิ่ม ประชาชนได้ประโยชน์กว่า 58,000 ครัวเรือน

,

พล.อ.ประวิตร ลงพื้นที่ ยโสธร-มุกดาหาร ติดตามการบริหารน้ำ พอใจความคืบหน้าการพัฒนาแหล่งน้ำต้นทุนเพิ่ม ประชาชนได้ประโยชน์กว่า 58,000 ครัวเรือน

เมื่อเวลา 10.00 น. พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีพร้อมคณะ เดินทางลงพื้นที่ภาคอีสาน จ.ยโสธร และจ.มุกดาหาร ตรวจติดตามความคืบหน้าการบริหารจัดการน้ำและการพัฒนาแหล่งน้ำต้นทุน เพื่อการเกษตร และพบปะรับฟังปัญหาจากประชาชนในพื้นที่ โดยมี ผู้ว่าราชการ จ ยโสธร และ ผู้ว่าราชการ จ.มุกดาหาร เลขา สทนช. และหัวหน้าส่วนราชการต่างๆให้การต้อนรับ

ทั้งนี้ภาพรวมสภาพปัญหาการขาดแคลนน้ำยังเกิดขึ้น ในบางพื้นที่ที่ฝนทิ้งช่วง สรุปความคืบหน้าการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ ปี 61-65 จ.ยโสธร มีพื้นที่รับประโยชน์เพิ่ม 61,103 ไร่ ประชาชนได้รับประโยชน์ 33,053 ครัวเรือน สามารถจุน้ำเพิ่ม 37 ล้าน ลบ.ม. พื้นที่ได้รับการป้องกันกว่า 2,500 ไร่ สำหรับ จ.มุกดาหาร มีพื้นที่รับประโยชน์เพิ่ม 51,290 ไร่ ประชาชนได้รับประโยชน์ 25,089 ครัวเรือน สามารถจุน้ำเพิ่ม 11.5 ล้าน ลบ.ม. และสามารถนำน้ำบาดาลมาใช้เพิ่มเกือบ 10 ล้าน ลบ.ม.ต่อปี โดยดำเนินทั้งการก่อสร้างแหล่งน้ำ ระบบส่งน้ำ การเพิ่มประสิทธิภาพแหล่งน้ำ และระบบป้องกันน้ำท่วมในพื้นที่

จากนั้นพล.อ.ประวิตร ได้ลงตรวจความคืบหน้าการเพิ่มประสิทธิภาพการกักเก็บน้ำ โครงการอ่างเก็บน้ำห้วยลิงโจน บ.หนองบึง ต.ห้องแซง อ.เลิงนกทา จ.ยโสธร และพบปะทักทาย และรับฟังปัญหาจากประชาชนในพื้นที่

พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า พอใจการพัฒนาแหล่งน้ำและการบริหารจัดการน้ำภาพรวมที่ผ่านมา โดย กำชับ สทนช. ถึงการบริหารจัดการน้ำภาพรวม จำเป็นต้องดำเนินการคู่ไปกับการพัฒนาแหล่งน้ำต้นทุน ให้กระจายในทุกพื้นที่ โดยเฉพาะพื้นที่ภาคอีสานที่ฝนทิ้งช่วง โดยต้องพัฒนาและเพิ่มประสิทธิภาพแหล่งน้ำต้นทุน ทั้งน้ำบนดินและน้ำใต้ดินไปพร้อมกัน ให้เชื่อมโยงกับการบริหารจัดการน้ำภาพใหญ่ที่จะเกิดขึ้น โดยเฉพาะหลายโครงการที่ดำเนิการไปแล้ว จำเป็นต้องวางแผน ปรับปรุงและเพิ่มประสิทธิภาพ เพื่อรองรับความต้องการใช้น้ำที่มากขึ้นในอนาคต ลดความเสี่ยงการขาดแคลนน้ำ และยกระดับการบริหารจัดการน้ำให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ทั้งนี้ยังได้กำชับ ขอให้ทุกส่วนราชการ เพิ่มความเข้มข้นดำเนินการตาม 10 มาตรการ รองรับฤดูแล้ง เพื่อป้องกันและบรรเทาปัญหาภัยแล้งในพื้นที่ภาคอีสานภาพรวมที่จะเกิดขึ้น พร้อมย้ำ ขอให้มุ่งทำประโยชน์ให้กับประชาชนอย่างตรงไปตรงมา ด้วยความโปร่งใส

อย่างไรก็ตาทบ่าย พล.อ.ประวิตร ยังได้เดินทางไป จ.มุกดาหาร ตรวจติดตามการพัฒนาแหล่งน้ำในพื้นที่ และติดตามโครงการผันน้ำจากแม่น้ำโขง เพื่อการเกษตร รวมทั้งความคืบหน้าการก่อสร้างปรับปรุงตลาดอินโดจีน เพื่อยกระดับเศรษฐกิจในพื้นที่

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 2 กุมภาพันธ์ 2566

“ส.ส.สงขลา” พปชร. ขอนายกฯ อนุมัติงบกลางฉุกเฉิน เร่งทำหินเรียงป้องกันคลื่น แก้ปัญหากัดเซาะชายฝั่งอย่างถาวร

, ,

“ส.ส.สงขลา” พปชร. ขอนายกฯ อนุมัติงบกลางฉุกเฉิน เร่งทำหินเรียงป้องกันคลื่น แก้ปัญหากัดเซาะชายฝั่งอย่างถาวร

ร้อยตำรวจเอกอรุณ สวัสดี สมาชิกสภาผู้แทนเขต 4 จังหวัดสงขลา พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวหารือในที่ประชุมสภาถึงปัญหาที่ชาวบ้านได้รับผลกระทบจากการกัดเซาะชายฝั่ง ในตำบลท่าบอน ระยะทางกว่า 12 กิโลเมตร โดยช่วงมรสุมทุกปีระหว่าง เดือนพฤศจิกายน ธันวาคม และมกราคม คลื่นลมแรงจากทางฝั่งตะวันออกทำให้เกิดมีมรสุม และการกัดเซาะชายฝั่ง ทำให้ต้องซ่อมแซมบ้าน, ถนน ปีละไม่ต่ำกว่า 10 ถึง 20 ล้านบาททุกปี แต่พอซ่อมเสร็จ แล้วปีหน้าก็ซ่อมอีก ซ่อมอยู่อย่างนี้ งบประมาณน่าจะเป็นหลายร้อยล้านบาทแล้ว

“วันนี้ชาวบ้านเขาไม่อยากได้เงินชดเชย ไม่อยากได้ค่าซ่อมแซม แต่อยากให้ป้องกันแบบถาวร ผมจึงขอฝากไปยังนายกรัฐมนตรี ของบกลางฉุกเฉินเร่งด่วน โดยทำหินเรียงป้องกันคลื่น เพราะได้พิสูจน์แล้วว่า ใช้ได้จริง ชาวบ้านก็เห็นด้วย ยอมรับกับแนวทางนี้”

#พรรคพลังประชารัฐ #พลังประชารัฐ #พปชร #PPRP #อรุณสวัสดี
Twitter : https://twitter.com/PPRPofficial

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 2 กุมภาพันธ์ 2566

‘พล.อ.ประวิตร’ตามติดแก้ปัญหาน้ำ ลุ่มท่าจีนแม่กลอง จ.นครปฐม-ราชบุรี ปลื้มปชช.แห่ต้อนรับ รุกแก้ปัญหาอุทุกภัยแบบยั่งยืน เสียงหนุนนายกฯคนที่ 30

, ,

‘พล.อ.ประวิตร’ตามติดแก้ปัญหาน้ำ ลุ่มท่าจีนแม่กลอง จ.นครปฐม-ราชบุรี ปลื้มปชช.แห่ต้อนรับ รุกแก้ปัญหาอุทุกภัยแบบยั่งยืน เสียงหนุนนายกฯคนที่ 30

เมื่อเวลา 10.00 น.พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วย นายสันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรี ช่วยว่าการกระทรวงการคลัง และเลขาธิการพรรค นายวิรัช รัตนเศรษฐ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรค ลงพื้นที่ตรวจราชการ จ.นครปฐม และราชบุรี เพื่อติดตามการดำเนินการโครงการด้านทรัพยากรน้ำ ที่การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ภาคกลางเขต 3 ต.ไทยาวาส อ.นครชัยศรี ติดตามการดำเนินงานแก้ไขปัญหาอุทกภัยในลุ่มน้ำท่าจีน จากนั้นจะไปติดตามโครงการก่อสร้างประตูระบายน้ำคลองบางแก้ว ที่วัดกลางบางแก้ว ต.นครชัยศรี อ.นครชัยศรี และสะพานคลองบางแก้ว

ทั้งนี้ จ.นครปฐม มีพื้นที่ส่วนใหญ่อยู่ในเขตลุ่มน้ำท่าจีน ปัญหาน้ำท่วมยังเป็นปัญหาหลัก เนื่องจากมีระบบระบายน้ำในชุมชน ไม่เพียงพอ รวมทั้งมีสิ่งกีดขวางทางน้ำ การบุกรุกลำน้ำ ในพื้นที่หลายอำเภอ ซึ่งรัฐบาลได้มีการสนับสนุน โครงการต่างๆ เพื่อแก้ไขปัญหาตั้งแต่ปี61-65 โดยมีพื้นที่ได้รับการป้องกัน 14,732 ไร่ พื้นที่ได้รับประโยชน์ 29,679 ไร่ รวม 80,192 ครอบครัว และแผนงานโครงการสำคัญ ซึ่งจะได้รับประโยชน์อีก 922,206 ไร่

พล.อ.ประวิตร ได้มอบนโยบายให้ทุกหน่วยงานที่รับผิดชอบ ร่วมกันขับเคลื่อนโครงการต่างๆเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ การระบายน้ำท่าจีน และการบริหารจัดการน้ำในภาวะเสี่ยง ที่จะเกิดอุทกภัยให้มีผลกระทบต่อประชาชน น้อยที่สุด พร้อมทั้งเร่งรัดฟื้นฟู ชาวบ้าน สวนผลไม้ อาทิ ส้มโอ เป็นต้น ที่ได้รับความเสียหายที่ผ่านมา เพื่อให้เกษตรกรมี รายได้เพิ่มขึ้น และมีความเป็นอยู่ ที่ดีขึ้นโดยเร็วที่สุด

ทั้งนี้ภายในวัดตุ๊กตา ตำบางบางกระเบา อำเภอนครชัยศรี จังหวัดนครปฐม ได้มีการพบปะพี่น้องประชาชน ซึ่ง พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ในวันนี้ ได้มาเยี่ยมชาวนครชัยศรี เนื่องจากได้รับรายงานจากหน่วยงานราชการ และในพื้นที่ว่า ประชาชนได้รับความเดือดร้อนจากปัญหาน้ำท่วมแม่น้ำท่าจีน ได้มีการสั่งให้ไปแก้ไขในเบื้องต้นที่จะต้องบริหารจัดการน้ำ ที่ทำให้เกิดความยั่งยืน โดยจะมีการสร้างประตูระบายน้ำ เพื่อป้องกันปัญหาน้ำท่วมอีกในอนาคต รัฐบาลได้พยายามดูแลประชาชนทุกคน เพื่อให้ได้รับผลกระทบจากปัญหาต่างๆให้น้อยที่สุด

“ในส่วนโครงการก่อสร้างประตูระบายน้ำคลองบางแก้ว ผมรู้ว่าทุกคนก็อยากจะให้มีการก่อสร้างโดยเร็วที่สุด ผมก็ได้พยายามเร่งรัดไปแล้ว เพื่อให้เกิดการดำเนินการและเป็นไปตามแผนงานที่เราได้วางไว้ โดยจะต้องแก้ปัญหาให้กับชาวอำเภอนครชัยศรีที่ได้รับความเดือดร้อนให้ได้”พล.อ.ประวิตร กล่าว

พล.อ.ประวิตร กล่าวต่อว่า ตนได้สั่งการให้หน่วยงานต่างๆแก้ไขปัญหาอุทกภัยในแม่น้ำท่าจีนในฤดูกาลต่างๆ เช่น ในฤดูแล้งในแม่น้ำท่าจีนก็จะมีน้ำเค็มรุกเข้ามาท่วมที่อยู่อาศัยของประชาชน ก็จะต้องมีการสร้างประตูระบายน้ำเพื่อแก้ปัญหาอย่างยั่งยืน ทัังนี้ตนขอขอบคุณพี่น้องประชาชนทุกคนที่มาต้อนรับ รัฐบาลมีเป้าหมายในการทำงานที่จะยึดถือความผาสุกของประชาชนเป็นสำคัญ และจะมีการแก้ไขปัญหาน้ำให้สำเร็จตามเป้าหมาย ขอยืนยันว่า รัฐบาลทำเพื่อประชาชนและประเทศชาติ เพื่อให้มีการพัฒนาอย่างถาวรต่อไป สุดท้าย ตนขออวยพรให้ข้าราชการและประชาชนชาวจังหวัดนครปฐม มีสุขภาพที่แข็งแรงปราศจากโรคภัย มีความสุขความเจริญ คิดประสงค์สิ่งใดก็ให้สมความปรารถนาทุกประการ

ทั้งนี้ การลงพื้นที่จังหวัดนครปฐมของ พล.อ.ประวิตร ในวันนี้มีข้าราชการและประชาชนมาต้อนรับ และให้กำลังใจ พร้อมขอถ่ายรูป เข้าสวมกอด หอมแก้ม จำนวนมาก โดยประชาชนต่างอวยพรให้เป็นพล.อ.ประวิตร เป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ของประเทศไทยด้วย มีความเชื่อมั่นในภาวะผู้นำที่จะแก้ไขปัญหาต่างๆได้

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 1 กุมภาพันธ์ 2566

พระเทพมหาเจติยาจารย์ เจ้าคณะนครปฐม ให้พร “พล.อ.ประวิตร” ขอให้ลุงป้อมเชื่อมประสานคนไทยให้รักกัน

,

พระเทพมหาเจติยาจารย์ เจ้าคณะนครปฐม ให้พร “พล.อ.ประวิตร” ขอให้ลุงป้อมเชื่อมประสานคนไทยให้รักกัน

เวลา 11.55 น. พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ และคณะได้เดินทางมากราบสักการะพระร่วงโรจนฤทธิ์ ที่วัดพระปฐมเจดีย์ราชวรมหาวิหาร โดยมีประชาชนประมาณ 20 คน มายืนรอให้กำลังใจ พร้อมถ่ายรูปร่วมกัน ทั้งนี้ ภายหลังกราบสักการะพระร่วงโรจนฤทธิ์เสร็จ พล.อ.ประวิตร ได้เข้าไปกราบพระเทพมหาเจติยาจารย์ เจ้าคณะจังหวัดนครปฐม และรองเจ้าอาวาสวัดพระปฐมเจดีย์ราชวรมหาวิหาร

โดยพระเทพมหาเจติยาจารย์ได้มอบพระพุทธรูปพระร่วงโรจนฤทธิ์จำลองให้พล.อ.ประวิตร พร้อมให้พรว่า ขอให้ลุงป้อมมีอายุยืน มีกำลังกาย กำลังใจ พระร่วงโรจนฤทธิ์คุ้มครองรักษา ให้มีสุขภาพร่างกายแข็งแรง เป็นเครื่องเเชื่อมประสานคนไทยให้เกิดความรักความสามัคคีกัน

อย่างไรก็ตาม พล.อ.ประวิตรได้ปฏิเสธตอบคำถามสื่อมวลชนว่า วันนี้มาขอพรอะไรในช่วงเลือกตั้งใหญ่หรือไม่ โดยตอบเพียงสั้นๆ ว่า ยังไม่ถึงเวลาเลือกตั้งเลย

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 1 กุมภาพันธ์ 2566

“รองวิรัช” เผยกรรมการบริหารพปชร.พร้อมรับกม.ลูกสู้ศึกเลือกตั้ง ย้ำสมาชิกเก่าทยอยกลับบ้านรวมพลังหนุน พล.อ.ประวิตร ขึ้นนายกฯคนที่30

, ,

“รองวิรัช” เผยกรรมการบริหารพปชร.พร้อมรับกม.ลูกสู้ศึกเลือกตั้ง
ย้ำสมาชิกเก่าทยอยกลับบ้านรวมพลังหนุน พล.อ.ประวิตร ขึ้นนายกฯคนที่30

วันที่ 31 ม.ค. ที่พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) นายวิรัช รัตนเศรษฐ ส.ส.บัญชีรายชื่อ รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ เปิดเผยว่า กรรมการบริหารพรรคจะมีพิจารณา เตรียมการเลือกตั้งหลังกฎหมายลูก 2 ฉบับ หลังมีผลบังคับใช้แล้วและคัดเลือกบุคคลเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ของพรรคหลังจากที่ประชุมใหญ่สามัญประจำปี 2566 มีมติเห็นชอบพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรค พปชร. เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี เพียงผู้เดียว ส่วนจะเปิดโอกาสคนอื่นๆที่จะเป็นแคนดิเดตหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับหัวหน้าพรรค

“จากการที่มีสมาชิกเก่ากลับเข้ามาร่วมงานของพรรค พล.อ.ประวิตร ได้แสดงออกถึงความสุขที่ ลูกๆ กลับมาอยู่บ้าน เห็นได้จากการเปิดตัวนายอุตตม สาวนายน หัวหน้าพรรคสร้างอนาคตไทย นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เลขาธิการพรรคสร้างอนาคตไทย และพล.อ.วิชญ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา หัวหน้าพรรครวมแผ่นดิน ที่พร้อมกลับมาช่วยกันทำงานให้พรรค และนำพาหัวหน้าพรรคสู่ทำเนียบรัฐบาลในตำแหน่งนายกรัฐมนตรี คนที่30 … ส่วนเรื่องการบริหารจัดการน้ำ คนรู้ทั้งประเทศ รู้ว่า คำที่ว่า “มีเราไม่มีแล้ง” เป็นสโลแกนประจำตัว พล.อ.ประวิตร และไม่อยากให้มองว่าเป็นการเคลมผลงาน เพราะ พรรคพลังประชารัฐก้าวข้ามความขัดแย้ง ไม่ทะเลาะกับใคร “ นายวิรัช กล่าว

นายวิรัช กล่าวว่า ในส่วนการกลับมาร่วมงานของพรรคของ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ได้เปิดตัวไปแล้วที่ จ.พะเยา ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการดำเนินในขบวนการทางกฎหมาย และยืนยันว่าพรรคเศรษฐกิจไทยกลับมาพรรคพลังประชารัฐมาครบหมด


ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 31 มกราคม 2566

พล.อ.ประวิตร”ผนึกกำลังคนพลังประชารัฐลุยศึกเลือกตั้ง พร้อมก้าวข้ามความขัดแย้ง ใช้ใจบันดาลแรงช่วยเหลือปชช.

, ,

พล.อ.ประวิตร”ผนึกกำลังคนพลังประชารัฐลุยศึกเลือกตั้ง
พร้อมก้าวข้ามความขัดแย้ง ใช้ใจบันดาลแรงช่วยเหลือปชช.

วันที่ 30 มกราคม 2566 – พล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) พร้อมด้วยนายสันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ในฐานะเลขาธิการพรรค และกรรมการบริหารพรรค ได้ร่วมเป็นเจ้าภาพจัดกิจกรรมระดมทุนพรรค ภายใต้ชื่องาน “พลังประชารัฐ ใจบันดาลแรง” ก้าวข้ามความขัดแย้ง ขจัดทุกปัญหา พัฒนาทุกพื้นที่ โดยเป้าหมายเพื่อการเตรียมความพร้อมขับเคลื่อนการดำเนินกิจกรรมของพรรค ให้เป็นไปตามยุทธศาสตร์การรณรงค์หาเสียงสู่การเลือกตั้งที่เกิดขึ้นในเร็วๆนี้ เพื่อให้พรรค พปชร. เป็นตัวแทนของประชาชนในสภาผู้แทนราษฎร โดยกิจกรรมระดมทุนครั้งนี้ เป็นการเปิดกว้างให้ทุกภาคส่วน ที่มีอุดมการณ์เดียวกันเข้ามามีส่วนร่วม และเป็นหนึ่งเดียวกับพรรคพลังประชารัฐ

นายสันติ กล่าวเปิดงานว่า วัตถุประสงค์ในการจัดงานระดมทุนครั้งนี้ เพื่อใช้ในการทำกิจกรรมทางการเมืองและกิจกรรมของพรรค ให้เป็นไปตาม พรป.ว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ.2560 หมวด 5 รายได้ของพรรคการเมือง ตามมาตรา 64 ในฐานะคณะกรรมการจัดงาน ขอขอบพระคุณท่านหัวหน้าพรรค คณะกรรมการบริหารพรรค และสมาชิกพรรค และที่สำคัญที่สุด คือ ผู้มีเกียรติทุกท่านที่ให้การสนับสนุน
ในการจัดงานครั้งนี้ จนประสบความสำเร็จตามวัตถุประสงค์ ทุกประการ และขอขอบพระคุณ
ทุกท่านที่กรุณาสละเวลาอันมีค่าของท่านมาร่วมงาน และทำให้งานประสบความสำเร็จด้วยดี

ด้านพล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ขอต้อนรับทุกท่านเข้าสู่ กิจกรรม ระดมทุน“พลังประชารัฐ ใจบันดาลแรง”ด้วยความยินดี สถานการณ์ ด้านการเมือง ในปัจจุบันสังคมไทย ยังมี ความคิดเห็น ที่แตกต่างกันซึ่งอาจ นำไปสู่ ปัญหา ความขัดแย้ง พรรคพลังประชารัฐ ยังคง มุ่งมั่น ยืนหยัดที่จะทำงานการเมือง อย่างสร้างสรรค์โดยมี เป้าหมาย สูงสุด คือการสนับสนุน ระบอบประชาธิปไตยอันมี พระมหากษัตริย์ ทรงเป็น ประมุข และ รักษาผลประโยชน์ของชาติให้พี่น้องประชาชน ชาวไทยมีความ กินดี อยู่ดี อย่างมีความสุข

“พรรคพลังประชารัฐจะขับเคลื่อนต่อยอดใน 3 พันธกิจหลักของ พรรคพลังประชารัฐ ได้แก่ สวัสดิการ ประชารัฐ ขจัดความเหลื่อมล้ำ,เศรษฐกิจ ประชารัฐ สร้างความสามารถ และ โอกาส ที่เท่าเทียม และสังคมประชารัฐ เพื่อความ สงบสุขเข้มแข็ง และ แบ่งปันการขับเคลื่อน นโยบาย ดังกล่าว ได้ผ่านการลงพื้นที่ เพื่อติดตามและแก้ไขปัญหา ให้กับ ประชาชนอย่างต่อเนื่อง ตลอดมา รวมทั้ง รับฟังปัญหา และ ข้อคิดเห็นจากประชาชน หน่วยงาน และ องค์กร ปกครองส่วนท้องถิ่น เพื่อให้ รับทราบ แนวทางในการ แก้ไขปัญหา นำมาสู่การพัฒนา ปรับปรุงที่ตรงกับ ความต้องการของประชาชน แนวทาง การดำเนินงานในรูปแบบดังกล่าว จะทำให้ การพัฒนา สามารถ เข้าถึงเศรษฐกิจฐานรากได้อย่างแท้จริง”

พล.อ.ประวิตร กล่าวต่อว่า ตนขอยืนยันกับทุกท่านว่าพรรคพลังประชารัฐ พร้อมสานสัมพันธ์กับทุกฝ่าย เพื่อก้าวข้ามความขัดแย้งสร้างพลัง แห่งความ สามัคคี เปิดโอกาสให้ทุกฝ่ายได้เข้ามา หาทางออกร่วมกัน เพื่อนำพาประเทศไทย ไปสู่จุดหมายที่ดีที่สุดสำหรับคนไทย ทุกคน

นอกจากนี้ พลเอกประวิตร ยังได้สัมภาษณ์พิเศษ เปิดใจเดินหน้าเข้าสู่เวทีการเมือง ด้วยความตั้งใจทำงานเพื่อประเทศชาติ จนเกิดประโยคที่ว่า “ใจบันดาลแรง”โดยระบุช่วงหนึ่งว่า ชีวิตสมัยเป็นทหารกับการเป็นนักการเมืองเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง แต่ก็พยายามทำให้ดีที่สุด เพื่อให้กองทัพบกเจริญรุ่งเรือง พอเกษียณอายุราชการก็ถูกเชิญไปเป็น รมว.กลาโหม 3 ปี ก่อนจะมีโอกาสเข้ามาเป็นรองนายกฯ และรมว.กลาโหม ซึ่งตนไม่ค่อยทราบว่าจะต้องทำอย่างไร แต่ประสบการณ์ที่ได้ทำงานร่วมกับนักการเมืองกว่า 10 ปีทำให้พอทราบว่าเป็นอย่างไร ตนเคารพทุกคน เพราะในชีวิตการทำงานของตน ผ่านศึกสงครามมามาก แต่พยายามทำเพื่อประเทศชาติ เพื่อกองทัพ และประชาชนมาโดยตลอด

“สิ่งที่อยากจะแก้ไขที่สุดคือ เรื่องปัญหาความยากจนทั้งชาวนาชาวไร่เกษตรกร คนหาเช้ากินค่ำ เป็นกลุ่มที่เราต้องดูแลให้อยู่ให้ได้เพื่อให้ประเทศก้าวหน้าต่อไป ถ้าถามว่าผมพร้อมที่จะเป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 30หรือไม่ ผมก็ต้องบอกว่าพร้อม แต่จะได้หรือไม่ได้อยู่ที่ประชาชน ถ้าประชาชนเลือกผมก็พร้อมและยินดีที่จะทำ

ทั้งนี้ ภายในงานยังได้จัดเสวนาในหัวข้อ “Thailand in a spinning word – ประเทศไทยในวันที่โลกหมุนเร็ว” โดย นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ สมาชิกพรค และ รศ.ดร.สมชาย ภคภาสน์วิวัฒน์ นักวิชาการด้านเศรษฐศาสตร์ ได้สะท้อนให้เห็นถึงทิศทางเศรษฐกิจไทยในอนาคต ที่ต้องรับมือกับการแข่งขันในเวทีโลก รวมถึงกฎเกณฑ์การค้าใหม่ที่ต้องเผชิญ กับ การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Climate Chang) โดยต้องให้ภาคการผลิตไทยและทุกภาคส่วนเร่งปรับตัว เพื่อให้ไทยสามารถแข่งขันในเวทีการค้าโลกได้

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 30 มกราคม 2566