โลกเปลี่ยน ไทยต้องปรับ ทางเลือกใหม่ของการเมืองไทย ก้าวข้ามความขัดแย้ง สานพลังประชาราษฎร์ ร่วมสร้างชาติให้ยั่งยืน

ป้ายกำกับ: ข่าวประชาสัมพันธ์

“รองวิรัช” เผยกรรมการบริหารพปชร.พร้อมรับกม.ลูกสู้ศึกเลือกตั้ง ย้ำสมาชิกเก่าทยอยกลับบ้านรวมพลังหนุน พล.อ.ประวิตร ขึ้นนายกฯคนที่30

, ,

“รองวิรัช” เผยกรรมการบริหารพปชร.พร้อมรับกม.ลูกสู้ศึกเลือกตั้ง
ย้ำสมาชิกเก่าทยอยกลับบ้านรวมพลังหนุน พล.อ.ประวิตร ขึ้นนายกฯคนที่30

วันที่ 31 ม.ค. ที่พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) นายวิรัช รัตนเศรษฐ ส.ส.บัญชีรายชื่อ รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ เปิดเผยว่า กรรมการบริหารพรรคจะมีพิจารณา เตรียมการเลือกตั้งหลังกฎหมายลูก 2 ฉบับ หลังมีผลบังคับใช้แล้วและคัดเลือกบุคคลเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ของพรรคหลังจากที่ประชุมใหญ่สามัญประจำปี 2566 มีมติเห็นชอบพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรค พปชร. เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี เพียงผู้เดียว ส่วนจะเปิดโอกาสคนอื่นๆที่จะเป็นแคนดิเดตหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับหัวหน้าพรรค

“จากการที่มีสมาชิกเก่ากลับเข้ามาร่วมงานของพรรค พล.อ.ประวิตร ได้แสดงออกถึงความสุขที่ ลูกๆ กลับมาอยู่บ้าน เห็นได้จากการเปิดตัวนายอุตตม สาวนายน หัวหน้าพรรคสร้างอนาคตไทย นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เลขาธิการพรรคสร้างอนาคตไทย และพล.อ.วิชญ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา หัวหน้าพรรครวมแผ่นดิน ที่พร้อมกลับมาช่วยกันทำงานให้พรรค และนำพาหัวหน้าพรรคสู่ทำเนียบรัฐบาลในตำแหน่งนายกรัฐมนตรี คนที่30 … ส่วนเรื่องการบริหารจัดการน้ำ คนรู้ทั้งประเทศ รู้ว่า คำที่ว่า “มีเราไม่มีแล้ง” เป็นสโลแกนประจำตัว พล.อ.ประวิตร และไม่อยากให้มองว่าเป็นการเคลมผลงาน เพราะ พรรคพลังประชารัฐก้าวข้ามความขัดแย้ง ไม่ทะเลาะกับใคร “ นายวิรัช กล่าว

นายวิรัช กล่าวว่า ในส่วนการกลับมาร่วมงานของพรรคของ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ได้เปิดตัวไปแล้วที่ จ.พะเยา ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการดำเนินในขบวนการทางกฎหมาย และยืนยันว่าพรรคเศรษฐกิจไทยกลับมาพรรคพลังประชารัฐมาครบหมด


ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 31 มกราคม 2566

พล.อ.ประวิตร”ผนึกกำลังคนพลังประชารัฐลุยศึกเลือกตั้ง พร้อมก้าวข้ามความขัดแย้ง ใช้ใจบันดาลแรงช่วยเหลือปชช.

, ,

พล.อ.ประวิตร”ผนึกกำลังคนพลังประชารัฐลุยศึกเลือกตั้ง
พร้อมก้าวข้ามความขัดแย้ง ใช้ใจบันดาลแรงช่วยเหลือปชช.

วันที่ 30 มกราคม 2566 – พล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) พร้อมด้วยนายสันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ในฐานะเลขาธิการพรรค และกรรมการบริหารพรรค ได้ร่วมเป็นเจ้าภาพจัดกิจกรรมระดมทุนพรรค ภายใต้ชื่องาน “พลังประชารัฐ ใจบันดาลแรง” ก้าวข้ามความขัดแย้ง ขจัดทุกปัญหา พัฒนาทุกพื้นที่ โดยเป้าหมายเพื่อการเตรียมความพร้อมขับเคลื่อนการดำเนินกิจกรรมของพรรค ให้เป็นไปตามยุทธศาสตร์การรณรงค์หาเสียงสู่การเลือกตั้งที่เกิดขึ้นในเร็วๆนี้ เพื่อให้พรรค พปชร. เป็นตัวแทนของประชาชนในสภาผู้แทนราษฎร โดยกิจกรรมระดมทุนครั้งนี้ เป็นการเปิดกว้างให้ทุกภาคส่วน ที่มีอุดมการณ์เดียวกันเข้ามามีส่วนร่วม และเป็นหนึ่งเดียวกับพรรคพลังประชารัฐ

นายสันติ กล่าวเปิดงานว่า วัตถุประสงค์ในการจัดงานระดมทุนครั้งนี้ เพื่อใช้ในการทำกิจกรรมทางการเมืองและกิจกรรมของพรรค ให้เป็นไปตาม พรป.ว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ.2560 หมวด 5 รายได้ของพรรคการเมือง ตามมาตรา 64 ในฐานะคณะกรรมการจัดงาน ขอขอบพระคุณท่านหัวหน้าพรรค คณะกรรมการบริหารพรรค และสมาชิกพรรค และที่สำคัญที่สุด คือ ผู้มีเกียรติทุกท่านที่ให้การสนับสนุน
ในการจัดงานครั้งนี้ จนประสบความสำเร็จตามวัตถุประสงค์ ทุกประการ และขอขอบพระคุณ
ทุกท่านที่กรุณาสละเวลาอันมีค่าของท่านมาร่วมงาน และทำให้งานประสบความสำเร็จด้วยดี

ด้านพล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ขอต้อนรับทุกท่านเข้าสู่ กิจกรรม ระดมทุน“พลังประชารัฐ ใจบันดาลแรง”ด้วยความยินดี สถานการณ์ ด้านการเมือง ในปัจจุบันสังคมไทย ยังมี ความคิดเห็น ที่แตกต่างกันซึ่งอาจ นำไปสู่ ปัญหา ความขัดแย้ง พรรคพลังประชารัฐ ยังคง มุ่งมั่น ยืนหยัดที่จะทำงานการเมือง อย่างสร้างสรรค์โดยมี เป้าหมาย สูงสุด คือการสนับสนุน ระบอบประชาธิปไตยอันมี พระมหากษัตริย์ ทรงเป็น ประมุข และ รักษาผลประโยชน์ของชาติให้พี่น้องประชาชน ชาวไทยมีความ กินดี อยู่ดี อย่างมีความสุข

“พรรคพลังประชารัฐจะขับเคลื่อนต่อยอดใน 3 พันธกิจหลักของ พรรคพลังประชารัฐ ได้แก่ สวัสดิการ ประชารัฐ ขจัดความเหลื่อมล้ำ,เศรษฐกิจ ประชารัฐ สร้างความสามารถ และ โอกาส ที่เท่าเทียม และสังคมประชารัฐ เพื่อความ สงบสุขเข้มแข็ง และ แบ่งปันการขับเคลื่อน นโยบาย ดังกล่าว ได้ผ่านการลงพื้นที่ เพื่อติดตามและแก้ไขปัญหา ให้กับ ประชาชนอย่างต่อเนื่อง ตลอดมา รวมทั้ง รับฟังปัญหา และ ข้อคิดเห็นจากประชาชน หน่วยงาน และ องค์กร ปกครองส่วนท้องถิ่น เพื่อให้ รับทราบ แนวทางในการ แก้ไขปัญหา นำมาสู่การพัฒนา ปรับปรุงที่ตรงกับ ความต้องการของประชาชน แนวทาง การดำเนินงานในรูปแบบดังกล่าว จะทำให้ การพัฒนา สามารถ เข้าถึงเศรษฐกิจฐานรากได้อย่างแท้จริง”

พล.อ.ประวิตร กล่าวต่อว่า ตนขอยืนยันกับทุกท่านว่าพรรคพลังประชารัฐ พร้อมสานสัมพันธ์กับทุกฝ่าย เพื่อก้าวข้ามความขัดแย้งสร้างพลัง แห่งความ สามัคคี เปิดโอกาสให้ทุกฝ่ายได้เข้ามา หาทางออกร่วมกัน เพื่อนำพาประเทศไทย ไปสู่จุดหมายที่ดีที่สุดสำหรับคนไทย ทุกคน

นอกจากนี้ พลเอกประวิตร ยังได้สัมภาษณ์พิเศษ เปิดใจเดินหน้าเข้าสู่เวทีการเมือง ด้วยความตั้งใจทำงานเพื่อประเทศชาติ จนเกิดประโยคที่ว่า “ใจบันดาลแรง”โดยระบุช่วงหนึ่งว่า ชีวิตสมัยเป็นทหารกับการเป็นนักการเมืองเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง แต่ก็พยายามทำให้ดีที่สุด เพื่อให้กองทัพบกเจริญรุ่งเรือง พอเกษียณอายุราชการก็ถูกเชิญไปเป็น รมว.กลาโหม 3 ปี ก่อนจะมีโอกาสเข้ามาเป็นรองนายกฯ และรมว.กลาโหม ซึ่งตนไม่ค่อยทราบว่าจะต้องทำอย่างไร แต่ประสบการณ์ที่ได้ทำงานร่วมกับนักการเมืองกว่า 10 ปีทำให้พอทราบว่าเป็นอย่างไร ตนเคารพทุกคน เพราะในชีวิตการทำงานของตน ผ่านศึกสงครามมามาก แต่พยายามทำเพื่อประเทศชาติ เพื่อกองทัพ และประชาชนมาโดยตลอด

“สิ่งที่อยากจะแก้ไขที่สุดคือ เรื่องปัญหาความยากจนทั้งชาวนาชาวไร่เกษตรกร คนหาเช้ากินค่ำ เป็นกลุ่มที่เราต้องดูแลให้อยู่ให้ได้เพื่อให้ประเทศก้าวหน้าต่อไป ถ้าถามว่าผมพร้อมที่จะเป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 30หรือไม่ ผมก็ต้องบอกว่าพร้อม แต่จะได้หรือไม่ได้อยู่ที่ประชาชน ถ้าประชาชนเลือกผมก็พร้อมและยินดีที่จะทำ

ทั้งนี้ ภายในงานยังได้จัดเสวนาในหัวข้อ “Thailand in a spinning word – ประเทศไทยในวันที่โลกหมุนเร็ว” โดย นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ สมาชิกพรค และ รศ.ดร.สมชาย ภคภาสน์วิวัฒน์ นักวิชาการด้านเศรษฐศาสตร์ ได้สะท้อนให้เห็นถึงทิศทางเศรษฐกิจไทยในอนาคต ที่ต้องรับมือกับการแข่งขันในเวทีโลก รวมถึงกฎเกณฑ์การค้าใหม่ที่ต้องเผชิญ กับ การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Climate Chang) โดยต้องให้ภาคการผลิตไทยและทุกภาคส่วนเร่งปรับตัว เพื่อให้ไทยสามารถแข่งขันในเวทีการค้าโลกได้

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 30 มกราคม 2566

“พล.อ.ประวิตร” เปิดตัว”อุตตม-สนธิรัตน์-พลเอกวิชญ์ “ร่วมงาน พปชร. ระดมขุนพลแก้ปัญหาดูแล ปชช.ทุกพื้นที่ ตั้งเป้า ส.ส.ไม่ต่ำกว่า 150 ที่นั่ง

, ,

“พล.อ.ประวิตร” เปิดตัว”อุตตม-สนธิรัตน์-พลเอกวิชญ์ “ร่วมงาน พปชร.
ระดมขุนพลแก้ปัญหาดูแล ปชช.ทุกพื้นที่ ตั้งเป้า ส.ส.ไม่ต่ำกว่า 150 ที่นั่ง

เมื่อวันที่ 30 มกราคม 2566 เวลา 15.00 น. พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรค พลังประชารัฐ (พปชร.) พร้อมด้วย นายสันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง และเลขาธิการพรรค นายวิรัช รัตนเศรษฐ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรค นายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรค ร่วมกันแถลงข่าวต้อนรับและเปิดตัว ดร.อุตตม สาวนายน อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน และพลเอกวิชญ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา ในโอกาสการเข้ามาร่วมงานกับพรรค พปชร.

พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า วันนี้เป็นวันที่น่ายินดีที่พรรค พปชร. ได้ต้อนรับ 2 หัวหน้าพรรคการเมืองอย่าง พรรครวมแผ่นดิน และพรรคสร้างอนาคตไทย รวมถึงเลขาธิการพรรคสร้างอนาคตไทย ถือเป็นเกียรติให้กับพรรค พปชร. เป็นอย่างยิ่ง ตนเป็นคนพูดไม่เก่ง แต่เป็นคนฟังเก่ง และฟังรู้เรื่องด้วย อยากจะฝากบอกกับทุกคนว่า ภาพลักษณ์ของเราวันนี้เป็นพรรคที่เราสามารถร่วมงานกันกับทุกฝ่ายก้าวข้ามความขัดแย้ง โดยทั้งสามท่านก็จะเข้ามาช่วยพรรคพลังประชารัฐในหลาย ๆ ด้าน ทั้งการเมืองและเศรษฐกิจ เพื่อจะให้พรรคมีความเข้มแข็ง เราต้องขอขอบคุณทุกคนที่มาให้กำลังใจในวันนี้ด้วย

“พลังประชารัฐได้บุคลากรที่มีความรู้ ความสามารถ และมีคุณภาพ โดยท่านอุตตมและท่านสนธิรัตน์ จะมาดูแลทางด้านเศรษฐกิจและการเมือง ส่วนพลเอกวิชญ์ ก็จะช่วยงานทั้งพรรค โดยจะไม่มีการแต่งตั้งใครเป็นหัวหน้าทีมเศรษฐกิจ เพราะภายในพรรคพลังประชารัฐมีงานให้ทำเยอะ และเศรษฐกิจมีหลายด้าน หลายมิติ ที่จะทำให้ประชาชนผู้ยากไร้ ผู้มีรายได้น้อย และขจัดความเหลื่อมล้ำต่างๆ คุณภาพชีวิตคนไทยจะต้องดีขึ้น ถ้าพรรคพลังประชารัฐได้รับความไว้วางใจจากประชาชน” พล.อ.ประวิตร กล่าว

ด้านนายอุตตม กล่าวว่า ตนต้องขอขอบพระคุณ พล.อ.ประวิตร ที่ได้เชิญชวนพวกตนมาทำงานด้วยกันในเวลาที่ประเทศชาติต้องการการเดินหน้า ตนเคยทำงานการเมืองมาสิ่งสำคัญที่สุดก็คือ การสร้างความปองดอง โดยท่านพล.อ.ประวิตร ได้แสดงอุดมการณ์ที่ชัดเจนว่าต้องการรวบรวมทุกคนจากหลาย ๆ ฝ่ายมาทำงานด้วยกัน ตนและเพื่อนๆก็ถือว่าได้รับเกียรติอย่างยิ่งจากทุกคนในพรรค พปชร. ที่ได้เข้ามาร่วมงานกันเพื่อบ้านเมืองในขณะนี้

“ผมก็ถือว่าเป็นสมาชิกเก่าในบ้านพรรค พปชร. ที่เคยร่วมสร้างพรรคมา ซึ่งมีนโยบายที่สำคัญต่างๆเช่นบัตรประชารัฐ ที่เราเคยร่วมกันคิดและผลักดัน วันนี้ผมเห็นว่าเป็นโอกาสที่ดีที่เราได้เคยมาทำครั้งหนึ่ง และเราก็จะได้เข้ามาทำต่อ เพื่อที่จะทำให้งานสมบูรณ์ที่สุด พล.อ.ประวิตร ได้ประกาศชัดเจนแล้วว่า ท่านจะขับเคลื่อนนโยบายของประชารัฐ ซึ่งพวกผมก็ยินดีที่จะมาทำงานร่วมกับผู้ที่มีอุดมการณ์ร่วมกัน เพราะวันนี้การเมืองก้าวข้ามความขัดแย้งได้แล้ว โดยผมขอยืนยันว่าการเข้าร่วมงานกับพรรคพลังประชารัฐในครั้งนี้ ไม่ได้มีการดิวในเรื่องของตำแหน่งภายหลังการเลือกตั้งอย่างแน่นอน”

ด้านนายสนธิรัตน์ กล่าวว่า ขอขอบคุณพล.อ.ประวิตร วันนี้เหมือนได้กลับบ้านเก่า ทุกคนรู้จัก คุ้นเคยร่วมทำงานด้วยกันมา ตนยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้กลับมาร่วมงานกับพล.อ.ประวิตร และผู้บริหารพรรค รวมถึงสมาชิกพรรคอีกครั้งหนึ่ง ตนคิดว่าการกลับมาของพวกตน คือหนึ่งในสัญลักษณ์ที่ประเทศไทยต้องการ วันนี้การเมืองอ่อนแอ เราต้องกลับมาทำให้เกิดความเข้มแข็งในสถาบันทางการเมือง ที่จะนำไปสู่การแก้ไขปัญหาของประเทศให้ได้

“ช่วงที่ผ่านมาประเทศไทยถือว่า อยู่ในช่วงวิกฤติจากปัจจัยรอบด้านทั้งเรื่องโควิด และปัญหาพลังงาน ดังนั้นการเปลี่ยนแปลงประเทศครั้งนี้ ถือว่าสอดรับกับนโยบายของพล.อ.ประวิตร ที่จะระดมทุกคนเข้ามาช่วยระดมความคิด เพื่อแก้ปัญหาให้กับประชาชนและประเทศชาติ”

ด้านพลเอกวิชญ์ กล่าวว่า ตนอยู่กับพล.อ.ประวิตร มายาวนานกว่า 40 ปี พล.อ.ประวิตร ถือว่าเป็นผู้นำที่มีความเด่นชัดมากที่สุดในการเมืองวันนี้ การที่ พปชร.มี พล.อ.ประวิตร เป็นหัวหน้าพรรค จะนำพาเราไปสู่จุดมุ่งหมาย และความเป็นหนึ่งเดียวของประเทศไทยที่จะไม่มีความขัดแย้งเกิดขึ้นอีก ตนขอขอบพระคุณพล.อ.ประวิตร ที่ได้เชิญชวนตนเข้ามาร่วมงาน และตนยินดีอย่างยิ่งที่จะทำให้พรรคเดินไปข้างหน้า และเราจะเป็นรัฐบาลด้วย

ด้านนายสันติ กล่าวว่า ในการเลือกตั้งครั้งนี้พรรคตั้งเป้าจะได้ ส.ส.เข้าไปเป็นตัวแทนประชาชนไม่น้อยกว่า 150 ที่นั่ง วันนี้พรรคมีทั้งผู้อาวุโสและคนรุ่นใหม่ที่มีความตั้งใจจะเข้ามาพัฒนาบ้านเมืองให้พี่น้องคนไทยกินดีอยู่ดี มีงานทำ โดยจะมีอีกหลายท่านที่จะเข้ามาร่วมอุดมการณ์กับเราด้วย โดยเราจะร่วมใจกันพัฒนาประเทศ เพื่อให้ประชาชนมีความสุข และเราจะก้าวข้ามความขัดแย้ง ขจัดทุกปัญหาและ เราจะพัฒนาทุกพื้นที่โดยไม่แบ่งแยก เราจะไม่มีทางทิ้งพี่น้องประชาชนในชนบททุกๆ พื้นที่ ทั้งนี้ พล.อ.ประวิตร มีความตั้งใจเป็นอย่างมากที่จะดูแลพี่น้องประชาชน

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 30 มกราคม 2566

“ส.ส.จองชัย” วอนรัฐเร่งแก้ไขปัญหาออกโฉนดที่ดินชาวชลบุรี เพื่อสร้างหลักประกันให้ปชช.หลังแจ้งดำเนินการหลายครั้ง

,

“ส.ส.จองชัย” วอนรัฐเร่งแก้ไขปัญหาออกโฉนดที่ดินชาวชลบุรี เพื่อสร้างหลักประกันให้ปชช.หลังแจ้งดำเนินการหลายครั้ง

ร้อยเอกจองชัย วงศ์ทรายทอง ส.ส. ชลบุรี พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวหารือในที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรถึงกระทรวงมหาดไทย และอธิบดีกรมที่ดิน ถึงปัญหาการออกโฉนดที่ดินน้ำ ในเขตพื้นที่ชายฝั่งทะเล อำเภอเมืองจังหวัดชลบุรี ซึ่งประชาชนอาศัยกันมาหลายช่วงอายุคน โดยช่วยเร่งพิจารณาหาข้อสรุปให้พี่น้องประชาชนด้วย เพราะโฉนดที่ดิน เพื่อเป็นหลักประกัน และความมั่นคงในชีวิต

นอกจากนี้ ยังขอให้กรมประมงได้ทำการเยียวยาพี่น้องประมงพื้นบ้าน ที่ได้รับผลกระทบจากการออกมาตรการ RUU ของรัฐ ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา จะมากน้อยอย่างไร ก็ขอให้ดำเนินการให้เขาได้มีกำลังใจบ้าง ตนเคยพูดผ่านสภาไปหลายครั้งแล้ว ขอให้ทุกท่านเห็นใจพี่น้องประมงพื้นบ้าน เพราะตนเป็นลูกหลานชาวประมงเข้าใจความทุกข์ร้อนดี

ร้อยเอกจองชัย ยังขอให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา รวมถึง อบจ.ชลบุรี และเทศบาลเมืองชลบุรีประสานงานทำงบประมาณร่วมกัน เพื่อปรับปรุงสนามฟุตบอลเทศบาลที่ตั้งอยู่ใจกลางเมือง ให้กลับมายิ่งใหญ่สวยงาม สร้างรายได้กับจังหวัด เพราะจะเป็นทั้ง landmark แหล่งท่องเที่ยว สถานที่จัดการแข่งขัน และออกกำลังกาย ให้สมกับคำว่า เมืองชลคนกีฬา

ทั้งนี้ ยังขอให้รัฐมนตรีกระทรวงคมนาคม ช่วยอนุมัติโครงการดังต่อไปนี้อย่างเร่งด่วน เพื่อแก้ปัญหาจราจรปัญหาจุดกลับรถบ้านเก่าพานทอง โดยขอให้ทำสะพานต่างระดับข้ามทางรถไฟ และขยายผิวจราจรบริเวณทางรถไฟครับปัญหาจราจร 4 เลน รวมถึงขอให้สร้างสะพานต่างระดับ หรืออุโมงค์ลอดข้ามแยก และทำการขยายช่องทางการจราจรให้กว้างขึ้น

#พรรคพลังประชารัฐ #พลังประชารัฐ #พปชร #PPRP #จองชัยวงศ์ทรายทอง
Twitter : https://twitter.com/PPRPofficial

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 26 มกราคม 2566

“ส.ส.วลัยพร” แนะหน่วยงานรัฐเร่งวางแผนดูแลผู้สูงอายุทั่วหน้า บริหารกำลังคนเข้าดูแลคุณภาพชีวิตมากกว่าการแจกเงินสวัสดิการ

,

“ส.ส.วลัยพร” แนะหน่วยงานรัฐเร่งวางแผนดูแลผู้สูงอายุทั่วหน้า บริหารกำลังคนเข้าดูแลคุณภาพชีวิตมากกว่าการแจกเงินสวัสดิการ

นางวลัยพร รัตนเศรษฐ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ได้หารือในที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร ถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับผู้สูงอายุ ว่าควรให้ความสำคัญมากขึ้น นอกเหนือจากการจัดสรรสวัสดิการรายเดือน เป็นตัวเงินเท่านั้น เนื่องจากเงินสามารถช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตได้ในระดับหนึ่งเท่านั้น แต่ผู้สูงอายุยังมีปัญหาในเรื่องของการเข้าไม่ถึงความจำเป็นขั้นพื้นฐานต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นด้านที่อยู่อาศัย ด้านความปลอดภัย และด้านการดูแลด้านสุขภาพ

อย่างไรก็ตาม ในส่วนของการใช้ชีวิตในสังคมและความรู้สึกภูมิใจนั้น ตนเองได้มีส่วนร่วมและเป็นส่วนหนึ่งในการยกเข้าสนับสนุนเพื่อยกระดับคุณภาพ โดยร่วมพัฒนาสังคม ประเทศไปด้วยกันได้ ซึ่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่าง สำนักงานพัฒนาเศรษฐกิจสังคมแห่งชาติ ควรกำหนดกลุ่มเป้าหมายเฉพาะอย่างชัดเจนในทุกพื้นที่ ทุกหมู่บ้าน จำนวนคนประเภทผู้สูงอายุ เพื่อการวางแผนกำลังคน และกำลังของประเทศ ซึ่งการเก็บข้อมูลจะมีความสำคัญ เพื่อนำมาออกแบบการบริหารจัดการกลุ่มผู้สูงอายุได้อย่างหลากหลายและครบถ้วนมากยิ่งขึ้น

“เรื่องของการหารายได้ให้กับผู้สูงอายุ กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กรมผู้สูงอายุ ไม่ต้องรอให้มีการลงทะเบียน แต่สามารถใช้ช่องทางผ่าน อสม.หรือ อปพร.ได้เลย ซึ่งเป็นการทำงานร่วมกันของมิติต่างๆ ของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการดูแลผู้สูงอายุ จะช่วยยกระดับ ทำให้ผู้สูงอายุมีความสุขมากยิ่งขึ้น เราอยากเห็นผู้สูงอายุยิ้มได้ และมีความสุขอย่างยั่งยืน อันนี้เป็นสิ่งที่จำเป็น

#พรรคพลังประชารัฐ #พลังประชารัฐ #พปชร #PPRP #วลัยพรรัตนเศรษฐ
Twitter : https://twitter.com/PPRPofficial

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 26 มกราคม 2566

“พล.อ.ประวิตร” ชื่นชมผลงาน นักกีฬาไทยสร้างชื่อให้ประเทศ ผลักดันศักยภาพกีฬาไทยต่อเนื่อง พร้อมเป็นเจ้าภาพซีเกมส์ – พาราเกมส์

,

“พล.อ.ประวิตร” ชื่นชมผลงาน นักกีฬาไทยสร้างชื่อให้ประเทศ ผลักดันศักยภาพกีฬาไทยต่อเนื่อง พร้อมเป็นเจ้าภาพซีเกมส์ – พาราเกมส์

25 ม.ค.66, พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี. ได้เป็นประธานการประชุม คณะกรรมการการกีฬาแห่งประเทศไทย ครั้งที่ 1/2566 ณ ห้องประชุม มูลนิธิอนุรักษ์ป่ารอยต่อ 5จังหวัด ผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ ที่ประชุมได้รับทราบ ผลการดำเนินงานที่สำคัญของ การกีฬาแห่งประเทศไทย(กกท.) ประจำปี66 ไตรมาสที่ 1 ตามตัวชี้วัด รายการบริหารจัดการกีฬาเพื่อความเป็นเลิศ โดยประเทศไทยประสบความสำเร็จในการแข่งขันกีฬาระดับนานาชาติ มีเป้าหมายอันดับ1 (กีฬาสากล) จากการแข่งขันกีฬาซีเกมส์และอาเซียนพาราเกมส์ รายการบริหารจัดการกีฬาอาชีพและกีฬามวยนักกีฬาสามารถยึดเป็นอาชีพได้เพิ่มขึ้น มีเป้าหมายเพิ่มขึ้น ร้อยละ 5ต่อปี และการบริหารกีฬา เพื่อเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจมีเป้าหมายเพิ่มขึ้น ร้อยละ 5ต่อปี

พล.ท.พัชร์ชศักดิ์ ปฏิรูปานนท์ ผู้ช่วยโฆษก รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ที่ประชุมได้พิจารณาเห็นชอบ การจัดสรรเงินอุดหนุนให้กีฬาจังหวัด ประจำปี 66 เพื่อส่งเสริมการพัฒนากีฬาให้ครอบคลุมทั่วประเทศ รวมทั้งเห็นชอบให้เสนอแผนโครงการจำนวน 33 โครงการ เพื่อขอรับการสนับสนุนงบจากกองทุนพัฒนาการกีฬาฯ ปี66 รวมทั้งเห็นชอบ ตามที่ กกท.เสนอให้ กทม.,จ.ชลบุรี และ จ.สงขลา เป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 33 (9-20 ธ.ค.68) และให้ จ.นครราชสีมา เป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันกีฬาอาเซียนพาราเกม ครั้งที่ 13 (20-26 ม.ค.69) ก่อนเสนอ ครม.ทราบต่อไป

ทั้งนี้พล.อ.ประวิตร ยังได้กล่าวชื่นชม กกท.และสมาคมกีฬาหลายประเภท ที่ได้สร้างชื่อเสียงให้กับประเทศไทย และทำให้คนไทยมีความสุขในช่วงที่ผ่านมา จากผลการแข่งขันกีฬาระดับนานาชาติ อาทิ สมาคมฟุตบอลฯ แบดมินตัน และอื่นๆ เป็นต้น และขอให้นักกีฬาทุกประเภท มีความมุ่งมั่น ตั้งใจฝึกซ้อมเพื่อการแข่งขันในรายการระดับสากล ต่อไป พร้อมกำชับให้จังหวัดที่จะได้เป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันกีฬาซีเกมส์และพาราเกมส์ ต้องเตรียมการให้มีความพร้อมอย่างดีที่สุด เพื่อให้มีมาตรฐาน และรักษาชื่อเสียงของประเทศไทย รวมถึงการจัดการแข่งขันอื่นๆ เพื่อสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจให้กับประเทศได้ด้วย


ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 24 มกราคม 2566

“รมว. ตรีนุช” ยกเลิกระเบียบศธ.ว่าด้วยการไว้ทรงผมของนักเรียน

,

“รมว. ตรีนุช” ยกเลิกระเบียบศธ.ว่าด้วยการไว้ทรงผมของนักเรียน

นางสาวตรีนุช เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (รมว.ศธ.) เปิดเผยว่า ตามที่มีเสียงเรียกร้องให้มีการแก้ไขปรับปรุงระเบียบกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ว่าด้วยการไว้ทรงผมของนักเรียน พ.ศ.2563 มาอย่างต่อเนื่อง ที่สำคัญการลงโทษเรื่องทรงผมได้ส่งผลถึงร่างกายและจิตใจของนักเรียน ศธ.จึงได้มีหนังสือหารือไปยังสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา กรณีแนวปฏิบัติเกี่ยวกับการไว้ทรงผมของนักเรียน ซึ่งคณะกรรมการกฤษฎีกา (คณะที่ 8) ได้ให้ความเห็นว่า รมว.ศธ.ในฐานะผู้บังคับบัญชาสูงสุดอาจอาศัยอำนาจตามมาตรา 12 ประกอบกับมาตรา 39 (1) แห่ง พ.ร.บ.ระเบียบบริหารราชการกระทรวงศึกษาธิการ พ.ศ.2546 กำหนดเป็นนโยบายให้หน่วยงานในสังกัดนำไปปฏิบัติได้ ดังนั้น เมื่อวันที่ 16 มกราคมที่ผ่านมาตนจึงได้ลงนามในระเบียบศธ.ว่าด้วยการยกเลิกระเบียบ ศธ.ว่าด้วยการไว้ทรงผมของนักเรียน พ.ศ.2563 และเสนอสำนักงานเลขาธิการคณะรัฐมนตรี เพื่อประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้วออกเป็นหนังสือสั่งการหรือหนังสือเวียน กำหนดแนวปฏิบัติเกี่ยวกับการไว้ทรงผมของนักเรียนหรือนักศึกษาไว้อย่างกว้างๆ เพื่อให้หน่วยงานในสังกัดที่เป็นผู้กำกับดูแลสถานศึกษา กำหนดให้สถานศึกษาแต่ละแห่งนำหลักเกณฑ์ในเรื่องดังกล่าวไปกำหนดเป็นระเบียบหรือข้อบังคับของสถานศึกษาแต่ละแห่งเอง

รมว.ศธ.กล่าวต่อไปว่า ขณะนี้ ศธ.ได้ยกร่างแนวนโยบายเกี่ยวกับการไว้ทรงผมของนักเรียนของสถานศึกษา ไว้ดังนี้ 1.การไว้ทรงผมของนักเรียนของสถานศึกษาในสังกัด ศธ. และสถานศึกษาในกำกับดูแลของ ศธ. จะไว้ผมสั้นหรือผมยาวก็ได้ โดยสถานศึกษาอาจกำหนดลักษณะทรงผมได้ตามพันธกิจ บริบท และความเหมาะสมของแต่ละสถานศึกษา และ 2. สถานศึกษาในสังกัด ศธ.และสถานศึกษาในกำกับดูแลของ ศธ.อาจดำเนินการกำหนดแนวปฏิบัติเกี่ยวกับไว้ทรงผมของนักเรียนได้ โดยการวางระเบียบหรือข้อบังคับของสถานศึกษาและควรระบุบทอาศัยอำนาจของกฎหมายเฉพาะมาตรา 39 (1) แห่ง พ.ร.บ.ระเบียบบริหารราชการกระทรวงศึกษาธิการ พ.ศ.2546 , จัดให้มีการรับฟังความคิดเห็นจากผู้มีส่วนได้เสียหรือผู้มีส่วนเกี่ยวข้องตามหลักการมีส่วนร่วม เช่น นักเรียน คณะกรรมการสภานักเรียน คณะกรรมการเครือข่ายผู้ปกครอง หรือ ผู้แทนผู้ปกครอง ชุมชนท้องถิ่น บุคคลหรือกลุ่มบุคคลอื่นใดที่หัวหน้าสถานศึกษาเห็นสมควร เป็นต้น และเสนอขอความเห็นชอบจากคณะกรรมการสถานศึกษา หรือ คณะกรรมการบริหารโรงเรียนแล้วแต่กรณี ก่อนการประกาศใช้ และควรเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ระเบียบหรือข้อบังคับเกี่ยวกับการไว้ทรงผมของนักเรียนไว้ในระบบสารสนเทศ หรือบริเวณของสถานศึกษา และดำเนินการแจ้งให้นักเรียน ครูและบุคลากรทางการศึกษาในสังกัดสถานศึกษาทราบเป็นการทั่วไป เพื่อให้การปฏิบัติตนของนักเรียนมีความถูกต้องเป็นไปด้วยความเรียบร้อย และเกิดความชัดเจนในการดำเนินการของสถานศึกษา

“ ระเบียบกระทรวงศึกษาธิการ ว่าด้วยการไว้ทรงผมของนักเรียน พ.ศ.2563 ที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน มีข้อต้องปฏิบัติตนเกี่ยวกับการไว้ทรงผม ว่า นักเรียนชายจะไว้ผมสั้นหรือผมยาวก็ได้ กรณีไว้ผมยาวด้านข้าง ด้านหลังต้องยาว ไม่เลยตีนผม ด้านหน้าและกลางศีรษะให้เป็นไปตามความเหมาะสมและมีความเรียบร้อย นักเรียนหญิงจะไว้ผมสั้นหรือผมยาวก็ได้ กรณีไว้ผมยาวให้เป็นไปตามความเหมาะสมและรวบให้เรียบร้อย และมีข้อต้องห้ามปฏิบัติตน ดังนี้ ดัดผม ย้อมสีผมให้ผิดไปจากเดิม ไว้หนวดหรือเครา การกระทำอื่นใดซึ่งไม่เหมาะสมกับสภาพการเป็นนักเรียน เช่น การตัดแต่งทรงผมเป็นรูปทรงสัญลักษณ์หรือเป็นลวดลาย แต่ต่อไปหลังจากมีการประกาศยกเลิกในราชกิจจานุเบกษาแล้ว เรื่องการไว้ทรงผมของนักเรียนทั้งหมดจะอยู่ที่สถานศึกษา ซึ่งเป็นแนวปฏิบัติที่ได้มาจากการมีส่วนร่วมของทุกฝ่าย” นางสาวตรีนุช กล่าว.

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 24 มกราคม 2566

“ส.ส.อาญาสิทธิ์” วอนมท.เร่งรัดงบสำรองเบิกจ่ายซ่อมถนน ประชาชนเดือดร้อนหลังประสบภัยบางพื้นที่ยังไม่อนุมัติ

, ,

“ส.ส.อาญาสิทธิ์” วอนมท.เร่งรัดงบสำรองเบิกจ่ายซ่อมถนน
ประชาชนเดือดร้อนหลังประสบภัยบางพื้นที่ยังไม่อนุมัติ

นายกองตรี อาญาสิทธิ์ ศรีสุวรรณ สมาชิกสภาผู้แทนราษฏร จังหวัดนครศรีธรรมราช พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวหารือในที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร ถึงการดำเนินโครงการตามงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2565 รายการเงินสำรองจ่าย เพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เพื่อก่อสร้างปรับปรุงซ่อมแซมถนน หรือที่อยู่ในความรับผิดชอบ ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ซึ่งได้รับความเสียหายจากสาธารณภัย หรือเพื่อแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนให้แก่ประชาชนในพื้นที่โดยเฉพาะ ในพื้นที่อำเภอจุฬาภรณ์ อำเภอชะอวดครับ โดยคณะรัฐมนตรีได้อนุมัติให้ใช้จ่ายเงินงบประมาณสำรองจ่าย เพื่อกรณีฉุกเฉินดังกล่าวแล้ว เพื่อปรับปรุงถนนในพื้นที่หมู่ที่1 ตำบลควนหน่องฟ้า อำเภอบ้านต้นไทรทุ่งนา

“ตอนนี้งบประมาณดังกล่าวถูกนำมาใช้ ได้ดำเนินการแล้วเสร็จ แต่บางที่บางแห่งเนี่ยยังนะไม่ได้ดำเนินการใดๆ ผมจึงขอให้กระทรวงมหาดไทยได้เร่งรัดติดตามให้แล้วเสร็จโดยเร็ว”

#พรรคพลังประชารัฐ #พลังประชารัฐ #พปชร #PPRP #อาญาสิทธิ์ศรีสุวรรณ

Twitter : https://twitter.com/PPRPofficial

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 19 มกราคม 2566

ส.ส.ชลบุรี พปชร. วอนรัฐเร่งแก้ปัญหาคนชลบุรี จัดสรรงบลดปัญหาน้ำแล้ง-รถติด-ออกเอกสารที่ทำกิน

, ,

ส.ส.ชลบุรี พปชร. วอนรัฐเร่งแก้ปัญหาคนชลบุรี จัดสรรงบลดปัญหาน้ำแล้ง-รถติด-ออกเอกสารที่ทำกิน

นายรณเทพ อนุวัฒน์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดชลบุรี พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ได้หารือในที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร ขอให้กรมทางหลวง กระทรวมคมนาคม ได้จัดสรรงบประมาณการก่อสร้างถนนยกระดับที่ถนนทางหลวงหมายเลข 331 จังหวัดฉะเชิงเทราไปจังหวัดชลบุรี ที่กิโลเมตรที่ 87 เพื่อการแก้ปัญหาการจราจรติดขัดตั้งแต่เช้าจนเย็น

นอกจากนี้ ยังขอให้กรมชลประทาน จัดสรรงบประมาณการก่อสร้างท่อส่งน้ำ จากอ่างเก็บน้ำคลองหลวงรัชชโลทรไปยังอ่างเก็บน้ำสัตพงษ์ สระน้ำหนองบอน และสระน้ำบ้านหนองตองเขต เพื่อเป็นการแก้ปัญหาขาดน้ำในช่วงน้ำแล้ง เนื่องจากว่าอ่างเก็บน้ำคลองหลวงรัชชโลธรนั้นไม่มีระบบสูบน้ำ จึงอยากจะให้ทางกรมชลประทานได้จัดสรรงบประมาณที่จะสร้างเชื่อมต่อที่สูบขังที่อ่างเก็บน้ำคลองหลวงรัชชโลธร

ทั้งนี้ พี่น้องประชาชนในตำบลท่าบุญมี อำเภอเกาะจันทร์ จังหวัดชลบุรี ไม่มีขอบเขตแน่นอน ทำให้ที่ดินข้างเคียงไม่ได้รับเอกสารสิทธิ์ที่ดิน เนื่องจากว่าไม่มีเจ้าหน้าที่คนไหนที่จะกล้าออกไปเดินสำรวจ ออกเอกสารสิทธิ์ ให้กับผู้ครอบครอง ทำให้ผู้ครอบครองได้รับความเสียหาย จึงขอให้กรมที่ดิน กระทรวงมหาดไทย ยกเลิกที่ดินสารณะประโยชน์ และออกเอกสารสิทธิ์ ให้กับผู้ครอบครองเพื่อทำประโยชน์ในที่ดินดังกว่าต่อไป

#พรรคพลังประชารัฐ #พลังประชารัฐ #พปชร #PPRP #รณเทพอนุวัฒน์
Twitter : https://twitter.com/PPRPofficial

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 19 มกราคม 2566

“ศ.ดร.นฤมล”ย้ำบัตรประชารัฐ700บ.สอดรับเงินเฟ้อ พร้อมเพิ่มสวัสดิการอื่นๆแก้ปัญหายากจนแบบยั่งยืน

,

“ศ.ดร.นฤมล”ย้ำบัตรประชารัฐ700บ.สอดรับเงินเฟ้อ
พร้อมเพิ่มสวัสดิการอื่นๆแก้ปัญหายากจนแบบยั่งยืน

“ศ.ดร.นฤมล”ย้ำ นโยบายบัตรประชารัฐ 700 บาท/เดือนสอดรับภาวะเงินเฟ้อที่เพิ่มสูงหลังฟังเสียงสะท้อนจากการลงพื้นที่ของสส. 200-300 บาทไม่เพียงพอใช้จ่าย ลั่นยังมีสวัสดิการช่วยเหลือ ปชช.อีกเพียบเดินหน้าให้เบ็ดตกปลาแทนให้ปลาแก้ไขปัญหายากจนแบบยั่งยืน แย้มเตรียมประกาศนโยบาย”ที่ดินประชารัฐ”เร็วๆ นี้

วันนี้(19 ม.ค. 66)ศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงแรงงาน ให้สัมภาษณ์ถึงนโยบายการเพิ่มวงเงินในบัตรประชารัฐเป็น 700 บาทต่อเดือน ของพรรคพลังประชารัฐว่า ในปี 2566 จะมีประชาชนได้รับสิทธิประมาณ 18 ล้านคน คนละ 700 บาทต่อเดือน จะต้องใช้งบประมาณเดือนละ 1.2 หมื่นล้านบาท หรือ ปีละ 1.5 แสนล้านบาท ซึ่งงบประมาณดังกล่าวมีการคำนวนแหล่งที่มาของงบประมาณมาจากที่ใดแล้ว ในส่วนของบัตรประชารัฐที่เราได้ทำมาตั้งแต่ปี 61 ไม่ใช่มีแค่เงินรายเดือน 200 หรือ 300 บาทเท่านั้น แต่ยังมีสวัสดิการอื่น ๆ อีก อย่างเช่น ค่าแก๊สหุงต้ม ค่าเดินทาง จิปะถะ เราพยายามจัดการสิ่งเหล่านี้ให้สอดคล้อง กับความเหมาะสมในแต่ละพื้นที่ บางคนได้ไปก็ไม่ได้ใช้ ค่าเดินทางไม่ได้ใช้ แก๊สหุงต้มไม่ได้ใช้

ศ.ดร.นฤมล กล่าวต่อว่า เมือปี 2561 ตนก็เป็นผู้ช่วยรัฐมนตรี ดูแลรับผิดชอบสวัสดิการแห่งรัฐ ในช่วงนั้น เราอยากจะให้พี่น้องประชาชน ผู้ที่มีรายได้น้อย สามารถที่จะมีเงินประทังชีวิตต่อเดือน สิ่งจำเป็นขั้นพื้นฐาน เขาสามารถไปซื้อ ข้าวสาร น้ำปลา อาหารแห้ง ได้ ในต่างจังหวัดอยู่ได้โดยไม่ลำบาก แต่ปัจจุบันสภาวะ ทางเศษฐกิจทั่วโลกเผชิญกับสภาวะเงินเฟ้อ ไม่ต่างกับประเทศไทย สินค้ามีราคาที่สูงขึ้นมาก ดั้งนั้นเงิน 200-300 บาทต่อเดือน ก็ไม่เพียงพอ เสียงสะท้อนก็ออกมาจากผู้สมัคร ส.ส.ของพรรค ที่ลงพื้นที่ไปพบปะกับประชาชนต่างก็บอกเงินไม่พอแล้ว

“พรรคพลังประชารัฐให้ความจำเป็นขั้นพื้นฐาน ต้องปรับให้สอดคล้องกับสภาวะกับทางเศรษกิจและปัจจุบัน ให้สู่กับสภาวะเงินเฟ้อได้ และจริงๆในนโยบาย ทั้งหมดไม่ใช่มี แค่ 700 บาท เรายังคงมุ่งหน้าทำการแก้ปัญหา ความยากจนอย่างยั่งยืน หมายความว่าต้องมีการฝึกอบรมให้ 700 บาทเป็นการให้ปลาไปเฉยๆ จะต้องมีการ ให้เบ็ดเขาด้วย แล้วก็สอนวิธีตกปลา”ศ.ดร.นฤมล กล่าว

สำหรับประเทศไทย ถ้าเราจะพึ่งเพียงงบประมาณอย่างเดียว ประเทศไทยก็คงจะเดิน ไปข้างหน้าได้อย่างช้า เราจึงต้องคิดออกนอกกกรอบ งบประมาณรัฐบาลด้วย ในหลาย ๆ ประเทศเขาใช้ศักยภาพตลาดทุน คือ กองทุนเพื่อสังคม ที่ระบุเลยว่า ไปช่วยกลุ่มไหนแล้วก็ระดมทุน เช่น กองทุนพัฒนาชีวิตผู้พิการ กองทุนที่จะช่วยแม่เลี้ยงเดียว กองทุนผู้ที่ติดคุกมีงานทำ กองทุนที่จะช่วยเกษตรไทย เพื่อเป็นกองทุนลดความเหลื่อมล้ำทางสังคมในเศรษกิจระดมทุนจากนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศ

“สิ่งที่ภาครัฐทำได้ ก็คือ การจัดโครงสร้างพื้นฐานให้เหมาะสม เช่น ถ้ามีการซื้อหน่วยลงทุนก็มาหักภาษีได้ ยกตัวอย่างง่าย ๆ ถ้าจะไปช่วยเกษตรกร บริษัทที่จะจัดตั้งขึ้นมา ก็สามารถที่จะเข้าไปดูแลเกษตรกร ตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำ ว่าเขาปลูกพืชอะไร เขาใช้ต้นทุนเท่าไร คุณต้องไปทำอย่างไร ให้เขาลดต้นทุน สินค้าที่ได้มา ไปที่ไหน ตลาดที่เรารับคืออะไร แปรรูปแล้วราคาเท่าไร พอเป็นรูปธรรมอย่างนี้ ตัวช่วยต่อไปที่ต้องทำ คือ เชื่อมกับภาคเอกชน เพื่อที่จะหาแหล่งตลาด ทำให้เกิดรายได้กับเกษตรกร ซึ่งรายได้นี้จะต้องคืนผลตอบแทนกลับมาให้ นักลงทุนที่เป็นเจ้าของเงินที่ซื้อหน่วยลงทุน”ศ.ดร.นฤมล กล่าว

ทั้งนี้ ศ.ดร.นฤมล กล่าวด้วยว่า จากนี้พรรคพลังประชารัฐจะมีการแถลงนโยบายออกมาเรื่อย ๆ ซึ่งคาดว่านโยบายต่อไปที่น่าจะมีการประกาศก็คือ นโยบายที่ดินประชารัฐ

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 18 มกราคม 2566

“พล.อ.ประวิตร”เร่งหน่วยงานเยียวยาปชช.จากโครงการพัฒนาของรัฐ ระดมกลไกแก้ปัญหาลดผลกระทั้งระบบเพื่อคืนความกินดีอยู่ดีให้ปชช

,

“พล.อ.ประวิตร”เร่งหน่วยงานเยียวยาปชช.จากโครงการพัฒนาของรัฐ ระดมกลไกแก้ปัญหาลดผลกระทั้งระบบเพื่อคืนความกินดีอยู่ดีให้ปชช

เมื่อ 18 ม.ค.66 พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุม คณะกรรมการแก้ไขปัญหาของขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม (ขปส.) ณ มูลนิธิอนุรักษ์ป่ารอยต่อ 5จังหวัด ผ่านระบบสื่ออิเล็กทรอนิกส์ ที่ประชุมได้รับทราบ ผลการดำเนินงานของคณะอนุกรรมการและคณะทำงาน การแก้ไขปัญหาด้านต่างๆ ตามข้อเรียกร้อง และความคืบหน้าการดำเนินงานที่ผ่านมา ได้แก่ การแก้ไขปัญหาที่ดินทำกินให้ชุมชน ปัญหาที่สาธารณะประโยชน์และที่ดินเอกชนที่ปล่อยทิ้งร้าง ปัญหาที่อยู่อาศัยและสินเชื่อ ปัญหาด้านคดีความที่ดินทำกินและการบังคับคดี ปัญหาการเข้าถึงกองทุนยุติธรรมและความช่วยเหลือทางกฏหมาย ปัญหาพื้นที่สาธารณะประโยชน์ทับซ้อน รวมทั้งการเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบจากนโยบายรัฐบาล เป็นต้น โดย พล.อ.ประวิตร ได้กำชับผู้เกี่ยวข้อง ทุกกระทรวงให้เร่งรัด ขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหา อย่างต่อเนื่องและให้ได้ข้อยุติ เพื่อลดผลกระทบของพี่น้องประชาชน โดยเร็วที่สุด

นอกจากนี้ที่ประชุม ได้เห็นชอบตามข้อเรียกร้องของ ขปส.เร่งด่วน ที่ส่งผลกระทบเพิ่มเติมในโครงการต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น โครงการใก่อสร้างรถไฟฟ้าความเร็วสูงเชื่อม 3สนามบิน และโครงการพัฒนาที่ดินย่านพหลโยธิน ซึ่งส่งผลกระทบด้านการพัฒนาระบบสาธารณูปโภคของโครงการที่อยู่อาศัย สำหรับผู้ที่มีรายได้น้อย ตามนโยบายของรัฐบาลและ เห็นชอบการเร่งรัดเยียวยาที่อยู่อาศัยและที่ทำกินให้ผู้ได้รับผลกระทบ จาก จ.ลำปาง การจัดที่อยู่อาศัยและที่ดินทำกินให้ราษฎร จ.น่าน รวมทั้งการจัดซื้อที่ดินเยียวยาให้ราษฎร จ.อุบลราชธานี เนื่องจากได้รับผลกระทบจากการก่อสร้างอ่างเก็บน้ำ

พล.อ.ประวิตร ย้ำว่ารัฐบาลมีความห่วงใยประชาชนที่ได้รับผลกระทบจาก ทุกปัญหาความเดือดร้อน ควบคู่การพัฒนาพื้นที่ ตามความต้องการท้องถิ่น ทั่วประเทศ โดยได้พยายามเร่งรัดให้ทุกหน่วยงาน จากทุกกระทรวง ร่วมกับภาคประชาชน และสร้างการรับรู้ควบคู่กันไป เพื่อแก้ไขปัญหาให้ได้ข้อยุติโดยเร็วที่สุด และลดความเหลื่อมล้ำ โดยยืนยันจะไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง เป็นอันขาด


ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 18 มกราคม 2566

ส.ส.อรุณ พปชร.วอน กรมชลประธานช่วยสร้างคันกั้นน้ำ บรรเทาความเสียหายจากน้ำเข้าท่วมบ้านเรือน -พื้นที่การเกษตร

,

ส.ส.อรุณ พปชร.วอน กรมชลประธานช่วยสร้างคันกั้นน้ำ บรรเทาความเสียหายจากน้ำเข้าท่วมบ้านเรือน -พื้นที่การเกษตร

ร้อยตำรวจเอกอรุณ สวัสดี สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเขต 4 จังหวัดสงขลา พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวหารือในที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรว่า ตนได้แจ้งถึงความเดือดร้อนของชาวบ้าน และเกษตรกรในช่วงมรสุม ทุกๆปี ช่วงเดือนธันวาคม และมกราคม น้ำจากจังหวัดพัทลุงและนครศรีธรรมราช จะไหลลงมาที่ทะเลสาบสงขลา และก็ล้นเข้าท่วมบ้านเรือนของชาวบ้านในพื้นที่อำเภอระโนท เกษตรกรได้รับความเสียหาย กว่าสิบกว่าล้านเกือบทุกปี

“ผมขอฝากไปยังกรมชลประธานช่วยสร้างคันกั้นน้ำ เพื่อป้องกันไม่ให้น้ำเข้าท่วม ระยะทาง 3 กิโลเมตรสามารถช่วยเหลือชาวบ้านเกิดพื้นที่ได้กว่า 35,000 ไร่ และจะช่วยกว่า 700 ครอบครัวไม่ได้รับความเดือดร้อน จากการน้ำเข้าท่วม”

#พรรคพลังประชารัฐ #พลังประชารัฐ #พปชร #PPRP #อรุณสวัสดี
Twitter : https://twitter.com/PPRPofficial

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 18 มกราคม 2566