โลกเปลี่ยน ไทยต้องปรับ ทางเลือกใหม่ของการเมืองไทย ก้าวข้ามความขัดแย้ง สานพลังประชาราษฎร์ ร่วมสร้างชาติให้ยั่งยืน

หมวดหมู่: สื่อออนไลน์

สส.ตรีนุช ห่วงใยเยาวชน เสริมทักษะ สร้างภูมิคุ้มกัน ต้านข่าวปลอม ป้องกันถูกหลอกเป็นเหยื่อ

,

สส.ตรีนุช ห่วงใยเยาวชน เสริมทักษะ สร้างภูมิคุ้มกัน ต้านข่าวปลอม ป้องกันถูกหลอกเป็นเหยื่อ

“สส.ตรีนุช”นำ กมธ.การสื่อสาร สภาฯเปิดสัมมนา”รู้ไว้ได้ประโยชน์ โทษของ Fake News เช็คให้ชัวร์ ก่อนแชร์“ควรรู้เท่าทันสื่อโลกออนไลน์

นางสาวตรีนุช เทียนทอง สส.สระแก้ว เขต 2 พรรคพลังประชารัฐ(พปชร.)ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการการสื่อสารโทรคมนาคมและดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม สภาผู้แทนราษฎรเปิดเผยว่า ตนมีโอกาสได้พูดคุยกับน้องๆ นักเรียน นักศึกษาในงานสัมมนา “รู้ไว้ได้ประโยชน์ โทษของ Fake News เช็คให้ชัวร์ ก่อนแชร์ต้องแน่ใจ และใช้สื่อออนไลน์อย่างมีสติ” ณ หอประชุมร่วมใจพัฒน์ วิทยาลัยเทคนิคสระแก้ว

โดยการสัมมนาครั้งนี้จัดขึ้นเพื่อเสริมสร้างความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับภัยจากข่าวปลอม (Fake News) บนโลกออนไลน์ อันอาจก่อให้เกิดผลกระทบล่อลวงเยาวชนและประชาชน เป็นเครื่องมือ สร้างกระทบทั้งในด้านสังคมและกฎหมาย พร้อมทั้งปลูกฝังทักษะในการตรวจสอบข้อมูลก่อนเผยแพร่ และส่งเสริมการใช้สื่อออนไลน์อย่างมีวิจารณญาณและรับผิดชอบ พร้อมให้คำแนะนำเกี่ยวกับข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้อง และวิธีการป้องกันตนเองจากการเป็นทั้งผู้เผยแพร่และเหยื่อของข่าวปลอม ซึ่งได้รับความร่วมมือจากตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดยกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรม (บก.ปอท.) มาร่วมเป็นวิทยากรบรรยายให้ความรู้ด้วย

“ในยุคของข้อมูลข่าวสารนี้ การรู้เท่าทันสื่อเป็นทักษะสำคัญที่เยาวชนและประชาชนทุกคนควรมี โดยเฉพาะการตระหนักถึงผลกระทบของข่าวปลอมที่แพร่กระจายอย่างรวดเร็วในโลกออนไลน์ เชื่อมั่นว่าการสร้างภูมิคุ้มกันด้านข้อมูลข่าวสารผ่านกิจกรรมการเรียนรู้เช่นนี้ จะช่วยให้เยาวชนชาวสระแก้วรู้จักคิดวิเคราะห์ แยกแยะข้อเท็จจริงจากข้อมูลเท็จ และใช้สื่อสังคมออนไลน์อย่างสร้างสรรค์และปลอดภัย”นางสาวตรีนุช กล่าว

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 26 พฤษภาคม 2568

”พล.อ.ประวิตร“ ชูจุดยืนพรรคอนุรักษ์นิยมทันสมัย  ผ่านงานทำพื้นที่ “รองสุรเดช” จ.น่าน  เร่งเจาะข้อมูลปัญหา ปชช

,

”พล.อ.ประวิตร“ ชูจุดยืนพรรคอนุรักษ์นิยมทันสมัย  ผ่านงานทำพื้นที่ “รองสุรเดช” จ.น่าน  เร่งเจาะข้อมูลปัญหา ปชช

”พล.อ.ประวิตร“ รอเก็บข้อมูลปัญหา พี่น้องชาวน่าน   หลังรองหัวหน้า พปชร. ลงพื้นที่ รับฟัง ปชช.เชิงลึก รวบรวมทุกประเด็น  ส่งต่อ สส.ใช้กลไกพรรคแก้ไขให้ตรงจุด      ผ่าน  การทำงาน พรรค อนุรักษ์นิยมทันสมัย เข้าถึงทุกคน

นายสุรเดช ยะสวัสดิ์ รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวว่า ตนได้ลงพื้นที่บ้านปัวชัย ตำบลฝายแก้ว อำเภอภูเพียง จังหวัดน่าน เพื่อพบปะและรับฟังพี่น้องประชาชนถึงความต้องการและปัญหาต่าง ๆ ตามแนวทางของพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรค  เพื่อรวบรวมข้อมูลที่ได้ส่งต่อให้ สส.ของพรรคนำไปผลักดันโดยอาศัยกลไกของพรรคพลังประชารัฐ และสามารถนำไปต่อยอดเป็นนโยบายเพื่อแก้ไขปัญหาให้กับประชาชนได้

“พรรคให้ความสำคัญกับพื้นที่ภาคเหนืออย่างยิ่ง และมีนโยบายเตรียมพร้อมเลือกตั้งเสมอ ไม่ว่าจะเกิดการยุบสภา หรือหมดวาระตามปกติ โดยเน้นการส่งผู้สมัครฯ ที่มีศักยภาพและเข้าใจปัญหาในแต่ละพื้นที่อย่างแท้จริง จากการลงพื้นที่พบประชาชนมีปัญหาค่าครองชีพ และพืชผลการเกษตรตกต่ำ รวมถึงปัญหาต่างๆที่ต้องได้รับการแก้ไข ”

นายสุรเดช กล่าวเพิ่มเติมว่า ตนและพรรคให้ความสำคัญเรื่องของประชาชน เพื่อให้เกิดความเชื่อมั่นว่า พรรคมีความพร้อมทุกเมื่อที่ประชาชนต้องการเปลี่ยนแปลง ยังมั่นคงไม่หวั่นแม้เกิดการเปลี่ยนแปลงตัวบุคคล เพราะพรรคยังมีคนเก่งมีความสามารถที่ผ่านการบริหารประเทศอีกหลายท่าน รวมทั้งยังมีผู้ที่สนใจเข้ามาทำงานในอุดมการณ์เดียวกับพรรคเป็นจำนวนมากที่พร้อมชูจุดยืนของพรรคฯ อนุรักษ์นิยมทันสมัย ยึดมั่นในการปกป้องชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ สืบสานวัฒนธรรม ขนบธรรมเนียม และค่านิยมอันดีงามของชาติ

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 26 พฤษภาคม 2568

”พล.อ.ประวิตร“ ส่ง รองสุรเดช  ลุย พื้นที่รับ ฟังความเดือดร้อนปชช.  ดัน นโยบาย ดูแลเด็ก-สตรี-คนชรา ทั่วถึง

,

”พล.อ.ประวิตร“ ส่ง รองสุรเดช  ลุย พื้นที่รับ ฟังความเดือดร้อนปชช.  ดัน นโยบาย ดูแลเด็ก-สตรี-คนชรา ทั่วถึง

“พล.อ.ประวิตร”มอบภาระกิจ รองหัวหน้า พปชร.ลุยรับฟังปัญหาเกษตรกรภาคเหนือ ชู นโยบายจูงใจ เด็ก-สตรี-คนชรา

 เมื่อวันที่ 23 พ.ค.นายสุรเดช ยะสวัสดิ์ รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เปิดเผยว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ  หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐได้มอบหมายให้เดินสายรับฟังปัญหาความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนในพื้นที่ภาคเหนือ จังหวัดน่าน ลำปาง ลำพูน และเชียงใหม่ โดยพูดคุยกับเครือข่ายวิสาหกิจชุมชน กลุ่มแปรรูปลำไยสีทอง ซึ่งเกษตรกรส่วนใหญ่ก็มีความกังวลกับราคาลำไย และอยากจะให้ พปชร.ช่วยผลักดันด้านราคา และหาตลาดแหล่งใหม่ให้กับกลุ่มวิสาหกิจและเกษตรกร ในการส่งออกสู่ต่างประเทศ ตนจึงจะได้รับเรื่องไว้และจะส่งต่อให้กับ สส.ของพรรคผลักดันและขับเคลื่อนหาทางแก้ไขปัญหา รวมถึงในด้านกฎหมายที่เกี่ยวกับลำไย

 นายสุรเดช กล่าวต่อว่า พรรคพลังประชารัฐ ได้มีการเตรียมพร้อมในการคัดสรรผู้สมัครเพื่อลงสู้ศึกเลือกตั้งในอนาคต เพื่อแสดงให้เห็นถึงความพร้อมของพรรคในการเตรียมการเลือกตั้งครั้งต่อไป  ซึ่งจะมีขึ้นอีกปีกว่าๆ หรืออาจจะเร็วกว่านั้น หากสถานการณ์การเมืองมีการเปลี่ยนแปลง แต่ในฐานะที่ตนเคยเป็น สส.มาก่อน คงไม่มีใครอยากให้มีการยุบสภา ก็ต้องยื้อให้นานที่สุดเราเคยเป็นรัฐบาลมาก่อน เรามีประสบการณ์ แต่ถ้าหากเกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นจริง ๆ การเตรียมความพร้อมไว้ก่อนก็ไม่เสียหาย

 “พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ตั้งเป้าหมายปักธงไว้ทุกจังหวัดอยู่แล้วโดยหลังการเลือกตั้ง เราพร้อมจะร่วมรัฐบาลกับพรรคการเมืองที่มีอุดมการณ์เดียวกัน หากความคิดเห็นและนโยบายไม่ตรงกัน เราก็ไม่เอา เช่น เรื่องของกาสิโนเราไม่เอาเลย ยืนยันชัดเจน“

 นายสุรเดช ยังกล่าวถึงนโยบายที่จะใช้ในการหาเสียงครั้งหน้าว่า พรรคพลังประชารัฐมีนโยบายดีๆ หลายเรื่อง เช่น ด้านการศึกษาที่จะให้เยาวชน และผู้สูงวัย  นโยบายส่งเสริมสุภาพสตรีที่ตั้งครรภ์ รวมทั้งปัญหาราคาพืชผลทางการเกษตร หากพรรคได้เป็นรัฐบาล เราก็พร้อมแก้ปัญหาให้พี่น้องเกษตรกรในเรื่องของพืชผลได้ เรื่องนี้เราทำเป็น ทำได้เพราะเรามองปัญหาออก

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 23 พฤษภาคม 2568

โฆษก พปชร. งงคำตอบ รองนายกฯ แจงภาระกิจนายก ไปอังกฤษ วาระชาติใช้เงินหลวงหรือส่วนตัว หมายเดินทางไม่ชัด

,

โฆษก พปชร. งงคำตอบ รองนายกฯ แจงภาระกิจนายก ไปอังกฤษ วาระชาติใช้เงินหลวงหรือส่วนตัว หมายเดินทางไม่ชัด

วันนี้ (23พ.ค.2568) พลตำรวจโทปิยะ ต๊ะวิชัย  โฆษก พปชร.       กล่าวว่า  “ตนเองและประชาชนรู้สึก งง  ท่านรองนายกฯ ไม่เข้าใจคำถามหรือตอบคำถามไม่ได้ กรณีที่พี่น้องประชาชนเกิดความสงสัยว่า น.ส. แพทองทาน ชินวัตร นายกรัฐมนตรี  เดินทางไปประเทศอังกฤษ  โดยใช้งบประมาณของทางราชการ  และไม่เปิดเผยรายละเอียดกำหนดการ และรายละเอียดการเดินทาง ว่าไปติดต่อราชการกับหน่วยงานใด  เรื่องอะไร  มีรายละเอียดอย่างไร  และเกิดประโยชน์กับทางประเทศชาติและประชาชนอย่างไร  ได้แต่ตอบเพียงว่า  ท่านนายกฯ รวยล้นฟ้า  มีเงินมากมาย ไม่เอางบประมาณหลวงไปเที่ยวส่วนตัวเพียงเท่านั้น ”

       “ พี่น้องประชาชนมีความสงสัยว่า หาก ท่านนายกฯไปด้วยภารกิจส่วนตัว  ทำไมจึงต้องใช้งบประมาณของพี่น้องประชาชนไปใช้ในการเดินทางด้วย  แต่ถ้าเดินทางไปราชการจริง ก็ไม่ยากที่จะแสดงกำหนดการ  รายละเอียดการเดินทาง  ผู้ร่วมคณะการเดินทาง งบประมาณที่ใช้เป็นจำนวนเท่าใด     วัตถุประสงค์การเดินทางว่าเกิดประโยชน์กับประเทศชาติเพียงใด  คุ้มค่ากับเงินที่จ่ายไปหรือไม่   เรื่องนี้เป็นเรื่องที่พี่น้องประชาชนประชาชนอยากจะรู้  เพราะท่านนายกฯ ถือเป็นคนสาธารณะ อาสามาทำงานให้บ้านเมือง และกรณีดังกล่าว ใช้งบงบประมาณของราชการ ซึ่งเป็นภาษีของพี่น้องประชาชน  ในขณะที่  ภาวะเศรษฐกิจตกต่ำเช่นนี้  สวนดุสิตโพล ระบุชัดเจนว่า เศรษฐกิจไทยดิ่งลงอย่างมาก คนไทยครึ่งประเทศ “ไม่มีเงินสำรอง” 48.32% อยู่ไม่ถึง 1 เดือนถ้าตกงาน  อีก 35.24% อยู่ได้แค่ 1-3 เดือน   ร้านอาหารทยอยปิดเป็นรายวัน  ประชาชนตกงาน  โรงงานอุตสาหกรรมย้ายฐานการผลิต  อันนี้เป็นข้อเท็จจริงของประเทศ  ขณะเดียวกัน ท่านนายกฯ กลับใช้เงินภาษีของพี่น้องประชาชน  ไปต่างประเทศโดย ไม่แจ้งรายละเอียด  ทำให้พี่น้องประชาชนสงสัย  ในทำนองเดียวกัน  ถ้าอยากไปส่วนตัวเพื่อไปพบใครบางคน ก็ควรใช้เงินส่วนตัวไม่ใช่เงินงบประมาณของประชาชน เมื่อใช้เงินส่วนตัว ก็ไม่มีใครสนใจเพราะเป็นเรื่องส่วนตัว  ที่สำคัญ พี่น้องประชาชนก็ไม่ได้สนใจว่า ท่านนายกฯ จะรวยล้นฟ้า แค่ไหน ขณะที่พี่น้องประชาชนกำลังอดอยากตกงานอยู่“

           ” พี่น้องประชาชนหลายท่าน  สงสัยตรรกะให้ในการตอบคำถามของท่านรองนายกฯ โดยเฉพาะคำถาม ที่ประชาชนและฝ่ายค้านสงสัย เช่น MOU44 มีความเสี่ยงให้ประเทศไทยสูญเสียดินแดนหรืออาณาเขตประเทศไทยหรือไม่  ท่านก็ตอบอย่างชัดเจนว่า  เกาะกูดยังเป็นของไทย  แต่พื้นน้ำรอบๆเกาะกูด เป็นพื้นที่ใช้ร่วมกัน  ซึ่งพี่น้องประชาชน งงมาก อยู่ดีๆ พื้นน้ำที่รอบเกาะกูด 12 ไมล์ทะเล ตามที่ในหลวงรัชกาลที่ 9 ทรงประกาศอาณาเขตไว้ในราชกิจจานุเบกษา เมื่อปีพ.ศ. 2516 เป็นอาณาเขตพื้นน้ำของ ประเทศไทยแท้ๆ ท่านรองนายกฯ กลับบอกว่า เป็นพื้นที่ใช้ประโยชน์ร่วมกัน   หรือพื้นที่ปราสาทตาเมือนธม ก็เป็นอาณาเขตประเทศไทยเช่นเดียวกัน  แต่ท่านกลับ สั่งถอนทหารไทยออกจากพื้นที่อาณาเขตของประเทศไทยและ ยินยอมให้ ทหารต่างชาติ เข้ามาประจำในเขตพื้นที่ประเทศไทย  โดยบอกว่าเป็นความสัมพันธ์อันดี  หรือในกรณี มีรถBMWเฉี่ยวชน บนทางด่วนและคู่กรณีฝ่ายหนึ่งประกาศลั่นกลางสถานีตำรวจทางหลวง  ว่าเป็นญาติของนายตำรวจใหญ่  และอดีตนายกฯ ท่านหนึ่งไปร่วมงานบวช คนเขาเห็นคลิป กันทั้งประเทศ  ท่านยังบอกว่า ไม่เกี่ยวกัน เป็นการจับแพะชนแกะ  คนเชิญ ไปงานบวช อาจจะเชิญ สุ่มๆ มั่วๆ แต่คนตอบรับ และไปเป็นประธานฯให้  ไม่ใช่แค่ไปคนเดียว กลับมาพาลูกสาวไปด้วย  คนที่เป็นคนเชิญต้องมีความสำคัญจริงๆ ถึงยอมสละเวลาไปเป็นประธานงานบวช ขณะที่ขอเลื่อนการรายงานตัวต่อพนักงานอัยการ ในคดีอาญา มาตรา 112   พี่น้องประชาชน  งงว่า ท่านรองนายกฯ ไม่เข้าใจคำถามหรือตอบคำถามไม่ได้กันแน่”

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 23 พฤษภาคม 2568

พปชร.วอนรัฐ เร่งด่วน ปาล์มล้นตลาด ราคาดิ่งเหลือ 4 บาท

,

พปชร.วอนรัฐ เร่งด่วน ปาล์มล้นตลาด ราคาดิ่งเหลือ 4 บาท

ลานเทซื้อไม่ไหว โรงงานไม่รับ เกษตรกรช้ำหนัก พปชร.ขอรัฐเร่งช่วยชาวสวนปาล์ม หาทางออกฉุกเฉิน ก่อนพังทั้งระบบ

เมื่อวันที่ 23 พ.ค.68 นายสุธรรม จริตงาม ส.ส.นครศรีธรรมราช เขต 6 พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เผยหลังลงพื้นที่พบปะเกษตรกรและผู้ประกอบการลานเทรับซื้อปาล์มน้ำมันในพื้นที่ ว่าตอนนี้ชาวสวนปาล์มกำลังเผชิญวิกฤตหนักจาก “ราคาปาล์มสดร่วงเหลือแค่ 4 บาทต่อกิโล” และยังมีแนวโน้มลดลงต่อเนื่อง

สาเหตุหลักมาจากผลผลิตล้นตลาด ลานเทไม่สามารถรับซื้อได้ทั้งหมดเพราะโรงงานไม่รับของ หากชะลอการตัด ปาล์มน้ำหนักลด เกษตรกรก็ขาดทุน แต่หากลานเทรับไว้แล้วขายต่อช้า ก็เจอขาดทุนเช่นกัน สุดท้ายโรงงานกลับได้เปรียบที่สุดในระบบ

นายสุธรรม ระบุว่า ตนเตรียมนำเรื่องเข้าสู่การพิจารณาของคณะกรรมาธิการการเกษตร สภาผู้แทนราษฎร พร้อมผลักดันให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาชี้แจง และร่วมกันวางแนวทางแก้ไข ทั้งระยะสั้นและระยะยาว

“ตอนนี้พี่น้องชาวสวนปาล์มลำบากกันจริงๆ ราคาตกต่ำสุดในรอบหลายปี ขอวิงวอนกระทรวงเกษตรฯ และกระทรวงพาณิชย์ ช่วยเร่งหาทางออกฉุกเฉิน อย่าปล่อยให้เกษตรกรต้องล้มทั้งยืน” นายสุธรรม กล่าว

#ราคาปาล์มตก #ชาวสวนปาล์ม #เดือดร้อนเกษตรกร #ปาล์มล้นตลาด #ช่วยชาวสวนด่วน #พปชร #เกษตรกรไทย #วิกฤตปาล์ม #ข่าวการเมือง #ข่าวเศรษฐกิจ #สภาผู้แทนราษฎร

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 23 พฤษภาคม 2568

“ธีระชัย” จี้ รมว.คลัง ให้ยอมรับต้องเลิก  ดิจิทัลวอลเล็ต อย่าหลอกเพียงแค่เลื่อน ให้ ปชช.ฝันค้างรอรับเงินหมื่น สะท้อนรัฐขาดศึกษาให้รอบครอบก่อนออกนโยบาย

,

“ธีระชัย” จี้ รมว.คลัง ให้ยอมรับต้องเลิก  ดิจิทัลวอลเล็ต อย่าหลอกเพียงแค่เลื่อน ให้ ปชช.ฝันค้างรอรับเงินหมื่น สะท้อนรัฐขาดศึกษาให้รอบครอบก่อนออกนโยบาย

วันนี้ ( 21 พ.ค. 2568) ที่พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล รองหัวหน้าพรรคฝ่ายเศรษฐกิจ  พปชร. อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง แถลงข่าวถึงกรณีที่นายนายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.คลัง ยอมรับเลื่อนโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท อย่างไม่มีกำหนด อ้างหากสถานการณ์เหมาะสมก็พร้อมหยิบขึ้นมาพิจารณาใหม่ ว่ารัฐบาลควรให้ข้อมูลที่ตรงกับจ้อเท็จจริงแก่ประชาชนดีกว่า

ในธีระชัยบางหว้ากล่าวว่ารัฐบาลควรจะยอมรับว่าในการหาเสียงปี 2566 โครงการแจกเงินดิจิทัล Wallet นั้น ไม่ได้มีการศึกษาให้รอบคอบรัดกุมเสียก่อน บัดนี้จึงถูกปัญหารุมเร้าหลายด้านด้วยกัน

ปัญหาแรกจากการแจกเงินหมื่นเป็นการยิงกระสุนการคลังแบบสะเปะสะปะ ทำให้ไม่ได้เป้าตามที่หวังไว้ ไม่ได้เกิดพายุหมุนสี่ลูกตามที่โฆษณาชวนเชื่อ แต่กลับสร้างภาระต่อหนี้สาธารณะและฐานะการคลัง จนบัดนี้จำเป็นจะต้องสงวนกระสุนการคลังที่เหลือไว้ใช้เพื่อรองรับภาวะเศรษฐกิจโลกผันผวนซึ่งกำลังเกิดขึ้น

ปัญหาที่สองเกิดจากการแจกเงินดิจิตอลจะมีสภาพเป็นเงินตราอย่างหนึ่ง ซึ่งจะเข้าข่ายกฎหมายเงินตรา รวมทั้งจะมีปัญหาทางเทคนิคในการเชื่อมโยงระบบหักบัญชีชำระเงินดิจิตอลเข้ากับระบบชำระเงินปกติของธนาคารพาณิชย์ ดังเห็นได้ว่ากระทรวงการคลังไม่เคยแถลงข่าวว่าหารือสองประเด็นสำคัญนี้กับธนาคารแห่งประเทศไทยหรือยัง ซึ่งนายธีระชัยเห็นว่า น่าจะปฏิบัติไม่ได้

นายธีระชัยเตือนว่ายังมีคนที่รัฐบาลชักชวนให้มาลงทะเบียนรอรับเงินดิจิทัลค้างอยู่อีก 16 ล้านคน รัฐบาลจึงสมควรแถลงความจริงให้กลุ่มคนเหล่านี้รับทราบว่า แท้ที่จริงจะไม่สามารถดำเนินโครงการต่อไปได้ด้วยติดทั้งปัญหางบประมาณและปัญหาทางเทคนิค เพื่อให้คนเหล่านี้รับทราบสถานะที่ถูกต้อง มิใช่ให้เขาเฝ้ารอตั้งความหวังไว้ลอยๆ

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 21 พฤษภาคม 2568

“โฆษก พปชร.”เตือน“ ธนกร”อย่าหวังรัฐบาลจะกวาดล้างเครือข่ายเว็บพนันได้ ชี้ คนรอบตัวมีเอี่ยวทั้งนั้น

,

“โฆษก พปชร.”เตือน“ ธนกร”อย่าหวังรัฐบาลจะกวาดล้างเครือข่ายเว็บพนันได้ ชี้ คนรอบตัวมีเอี่ยวทั้งนั้น

วันนี้ (18พ.ค.2568) พล.ต.ท.ปิยะ ต๊ะวิชัย โฆษกพรรคพลังประชารัฐ(พปชร.)กล่าวถึงกรณีที่นายธนกร วังบุญคงชนะ สส.บัญชีรายชื่อ พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.)ออกมาเรียกร้องให้รัฐบาลกวาดล้างเครือข่ายเว็บพนัน ที่ฟอกเงินเป็นทุนในการซื้อเสียงเลือกตั้งท้องถิ่นหลายพื้นที่นั้น ตนอยากเตือนนายธนกรว่า อย่าคาดหวังอะไรกับรัฐบาลมากนัก เพราะตอนนี้ประชาชนรากหญ้า ที่เคยคาดหวังรัฐบาล หมดความหวังไปนานแล้ว คนรอบตัวรัฐบาลมีเอี่ยวทั้งนั้น ไม่ใช่แต่จังหวัดมหาสารคาม กาฬสินธุ์ ร้อยเอ็ด และ จังหวัดในภาคใต้ ก็คือ สงขลา เท่านั้น ทุกวันนี้มีการโฆษณาอย่างเปิดเผย ทุกหมู่บ้าน ชุมชน ได้รับผลกระทบไปทั่ว  ไม่ว่าจะเป็นเด็กนักเรียน แม่ค้า คนแก่ คนชรา แม้กระทั่งพระสงฆ์ ก็ตกเป็นเหยื่อแก๊งการพนันออนไลน์  และเงินกู้นอกระบบทั้งนั้น ดังที่เห็นในข่าว พระผู้ใหญ่ก็ เป็นเหยื่อการพนันออนไลน์ทั้งนั้น    

พล.ต.ท.ปิยะ กล่าวต่อว่า กรณีปราบปรามการพนันออนไลน์ มันไม่ใช่เรื่องยาก อย่างที่เคยบอกไว้ นายกรัฐมนตรีเป็นประธาน ก.ตร. คุมตำรวจ 200,000 กว่าคนท้้งประเทศ คุมกระทรวงไอซีที แค่สั่งและกำกับ ติดตามผลให้เป็นเท่านั้น แก๊งค์พวกนี้ ลอยนวลไม่ได้หรอก  ทางพรรคพลังประชารัฐ เคยเรียกร้องและเปิดเผยชื่อ เว๊บพนันออนไลน์ ที่ได้รับการร้องเรียนจากประชาชน  ไม่ว่า จะเป็น มาเก๊า 888  ไฮดร้า888  บราซิล999 เฮง 36และอื่นๆ เมื่อวันที่ 16 พ.ค.ที่ผ่านมา  จนวันนี้  เว็บดังกล่าวก็ยังคงลอยนวล  หลอกต้มเด็ก  เยาวชน คนเกษียณ และชาวบ้านรากหญ้าอยู่

      ”ความผิดปรากฏชัดเจน มีข้อมูลชัดเจนขนาดนี้  ท่านนายกฯจะให้ใครออกมาปฎิเสธว่า ไม่รู้ ไม่เกี่ยวข้องไม่ได้ ท่านนายกฯมีความจริงใจ หรือมีความสามารถในการแก้ไขปัญหาดังกล่าวหรือไม่เท่านั้น สุดท้ายมันก็จะชนตอ คนใกล้ตัวท่านนายกฯ คนร่วมรัฐบาล ที่สนิทสนม กับ นาย ตคม., สารวัตร ซ., นาย ก.,นาง น. และ นาง ม.  โดยเฉพาะคนบางคนมีหมายจับของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และหลบหนีคดีอยู่  ยังมาป้วนเปี้ยนบ่อยครั้งที่ชั้น 9 โรงแรมหรูย่านเพลินจิต อยู่เลย“พล.ต.ท.ปิยะ กล่าว

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 20 พฤษภาคม 2568

 “สรุเดช”เผย กระแส พปชร.เริ่มฟื้นตัว หลังลุยภาคเหนือตอนบน เฟ้นหาผู้สมัคร ระดับเกรด A-B ร่วมงาน มั่นใจปักธงเลือกตั้งครั้งหน้าไม่ควรน้อยกว่า 10 เขต

,

 “สรุเดช”เผย กระแส พปชร.เริ่มฟื้นตัว หลังลุยภาคเหนือตอนบน เฟ้นหาผู้สมัคร ระดับเกรด A-B ร่วมงาน มั่นใจปักธงเลือกตั้งครั้งหน้าไม่ควรน้อยกว่า 10 เขต

นายสุรเดช ยะสวัสดิ์ รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เปิดเผยว่า ตามที่ได้รับมอบหมายจากพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ให้ทำหน้าที่ดูแลพื้นที่ภาคเหนือตอนบน 8 จังหวัดได้แก่ เชียงใหม่ เชียงราย ลำพูน ลำปาง พะเยา แพร่ แม่ฮ่องสอน น่าน ทั้งหมด 34 เขต ซึ่งมีจำนวน สส.รวม 34 คน โดยในวันพุธที่ 21 พ.ค.นี้ ตนจะเดินทางไปภาคเหนือเพื่อพบปะกับผู้ที่แสดงเจตจำนงต้องการลงสมัครเป็นตัวแทนพรรคในการเลือกตั้งปี 2570 กว่า 30 คน ซึ่งล้วนแต่เป็นบุคคลคุณภาพอยู่ในระดับ A และ B เป็นที่รู้จักของคนในพื้นที่ ซึ่งพร้อมจะเข้าสู่กระบวนการคัดเลือกพรรคต่อไป ตนยืนยันว่า พรรคจะคัดเลือกตัวแทนที่ดีที่สุด มีความสามารถ ส่งลงสนามสู้ศึกเลือกตั้ง

“จากที่ผมได้มีโอกาสพบกับประชาชนในภาคเหนือตอนบน ยืนยันได้ว่า กระแสความนิยมของพรรคพลังประชารัฐ มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง เป็นผลมาจากการทำงานอย่างทุ่มเท จริงจัง และยึดความต้องการของประชาชน จากการประเมินสถานการณ์เบื้องต้น คาดว่า ในการเลือกครั้งหน้า ประชาชนใน 8 จังหวัดภาคเหนือตอนบนจะให้โอกาสตัวแทนของพรรคพลังประชารัฐ
เข้าไปทำหน้าที่ในสภาผู้แทนราษฎรไม่ต่ำกว่า 10 เขต” นายสุรเดช กล่าว

นายสุรเดช กล่าวต่อว่า นับตั้งแต่ตนได้รับมอบหมายให้ทำหน้าที่เป็นรองหัวหน้าพรรค ตนได้มีการลงพื้นที่อย่างต่อเนื่อง และพบปะพี่น้องประชาชน และร่วมกับว่าที่ผู้สมัคร เพื่อแนะนำตัวพร้อมทั้งรับฟังปัญหาโดยเฉพาะปัญหาการประกอบอาชีพ ที่ได้รับผลกระทบจากราคาสินค้าเกษตรตกต่ำ ปัญหาที่ทำกินรวมถึงปัญหาคุณภาพชีวิต ซึ่งเป็นปัญหาที่พรรคให้ความสนใจ และเป็นนโยบายการของพรรคที่มีการติดตามการแก้ไขปัญหาของรัฐบาล ซึ่งได้เรียกร้องไปยังรัฐบาลอย่างต่อเนื่องผ่านกลไกของรัฐสภา โดยเน้นย้ำให้แกนนำทุกคนได้ลงพื้นที่เพื่อประชาสัมพันธ์เผยแพร่นโยบายของพรรค ทั้งด้านการปกป้องสถาบัน และด้านเศรษฐกิจ ที่เกี่ยวกับการทำมาหากิน ยกระดับคุณภาพชีวิตของทุกคนให้ดีขึ้น

“ผมมีความมุ่งมั่น ทำงานอย่างเต็มที่ในการใช้ประสบการณ์ที่เคยได้รับเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภา (สว.) จ.พะเยา และเป็นอดีต สส. พรรคเพื่อแผ่นดิน รวมถึงความรู้ ความสามารถที่ตนมี  มาสร้างประโยชน์ให้กับพรรคพลังประชารัฐ และพี่น้องประชาชน โดยยึดแนวนโยบาย และปรัชญาพรรค”อนุรักษนิยมทันสมัย” ที่ยึดมั่นการปกป้องสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ สืบสานวัฒนธรรม
ขนบธรรมเนียม และค่านิยมอันดีงามของชาติ มาสร้างการพัฒนาที่สร้างประโยชน์ และนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้น สอดรับกับการเปลี่ยนแปลงในยุคปัจจุบัน ทำให้เกิดเป็นพลังประชาชนเพื่อประชาชนและประเทศชาติ“

นายสุรเดช ยังกล่าวต่อว่า นโยบายของพรรคเน้นการทำงานโดยมีประชาชนเป็นศูนย์กลาง ทำงานเพื่อสร้างพลังแห่งความ
สามัคดี ไม่แบ่งสี ไม่แบ่งเพศ ไม่แบ่งวัย ที่จะขับเคลื่อนประเทศให้ก้าวต่อไป และพัฒนาประเทศให้เจริญก้าวหน้า มั่นคงยั่งยืน ปราศจากความขัดแย้งของคนในชาติ ดั่งเห็นได้จากโลโก้ใหม่ของพรรคพลังประชารัฐ ที่มีคำว่า”พลัง” เป็นสีเขียว คำว่า “ประชา” เป็นสีน้ำเงิน คำว่า”รัฐ” เป็นสีแดง อยู่ภายในวงล้อพลวัตที่มี 3 แถบสีได้แก่ สีแดง สีน้ำเงิน สีเขียว บนพื้นสีขาว โดยสีแดงหมายถึง ความสามัคคีร่วมมือร่วมใจของประชาชน สีน้ำเงิน หมายถึง ชาติ ศาสนาและพระมหากษัตริย์ขณะที่ สีเขียว หมายถึง การอนุรักษ์ธรรมชาติวัฒนธรรม ประเพณีที่ดีงาม และผสมผสมสานกับโลกเทคโนโลยีในปัจจุบัน และสีขาว หมายถึง ความเป็นธรรมาภิบาลของภาครัฐ

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 20 พฤษภาคม 2568

“โฆษก พปชร.”ยืนยัน“พล.อ.ประวิตร”แข็งแรงดี ยังทำงานตามปกติ ไม่ได้รับบาดเจ็บ แค่เสียหลัก

,

“โฆษก พปชร.”ยืนยัน“พล.อ.ประวิตร”แข็งแรงดี ยังทำงานตามปกติ ไม่ได้รับบาดเจ็บ แค่เสียหลัก

เมื่อวันที่ 20 พ.ค.พล.ต.ท.ปิยะ ต๊ะวิชัย โฆษกพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.)กล่าวถึงกระแสข่าววานนี้(19 พ.ค.) ที่ระบุว่า พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ(พปชร.)ได้เดินทางไปเป็นประธานฝ่ายคฤหัสถ์ ในพิธีเจริญพระพุทธมนต์นวัคคหายุสมธัมม์มงคลเฉลิมพระเกียรติ ถวายพระพรชัยมงคลแด่ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และเพื่อความเป็นสวัสดิมงคลแก่ประเทศชาติและประชาชน ณ พระอุโบสถ วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม ราชวรมหาวิหาร เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร และได้ประสบอุบัติเหตุพลัดตกบันไดว่า พลเอกประวิตร ไม่ได้ตกบันไดอย่างที่มีข่าวเผยแพร่ออกมา ท่านเพียงเดินเสียหลักเล็กน้อยเท่านั้น ซึ่งไม่ได้รับบาดเจ็บใด ๆ และขณะนี้ท่านก็ยังทำงานตามปกติ โดยยืนยันว่า สุขภาพของท่านยังคงแข็งแรงดีทั้งร่างกายและจิตใจ 

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 20 พฤษภาคม 2568

”โฆษกพปชร.​ เผยหัวหน้าพรรค ล้มจริง แต่ไม่ได้เจ็บ ไม่ได้หามส่ง รพ.ยัน เป็นทหารเก่า ยังแข็งแรงทั้งร่างกายและจิตใจ พร้อมขอบคุณทุกคนที่เป็นห่วง

,

”โฆษกพปชร.​ เผยหัวหน้าพรรค ล้มจริง แต่ไม่ได้เจ็บ ไม่ได้หามส่ง รพ.ยัน เป็นทหารเก่า ยังแข็งแรงทั้งร่างกายและจิตใจ พร้อมขอบคุณทุกคนที่เป็นห่วง

เมื่อวันที่ 20 พ.ค. พล.ต.ท.ปิยะ ต๊ะวิชัย โฆษกพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.)กล่าวถึงกรณีโลก       โซเชียลมีการเผยแพร่คลิป พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ลื่นล้มขณะลงบันไดวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม โดยมีกระแสข่าวว่า ต้องรีบนำตัวส่งโรงพยาบาลนั้น พลเอกประวิตร ฝากตนมาแจ้งว่า ท่านลื่นล้มจริง แต่ไม่เป็นอะไร ไม่ได้ถูกหามส่งโรงพยาบาลอย่างที่เป็นข่าว ตนกลับจากวัด ก็มาพักผ่อนตามปกติ เช้ารุ่งขึ้นจึงค่อยไปให้แพทย์ตรวจร่างกายซึ่งผลออกมาปกติดี ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง โดยย้ำว่า ผมเป็นทหารเก่า ยังแข็งแรง ทั้งร่างกายและจิตใจ พร้อมฝากขอบคุณทุกคนที่เป็นห่วงด้วย

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 20 พฤษภาคม 2568

“โฆษก พปชร.”จี้ รัฐบาล ตอบให้ชัด “เอกสารปานเทพ”จริงหรือมั่ว ซัดทำอะไรเพื่อรักษาแผ่นดินไทยบ้าง ชี้ อย่าให้เขมรตราหน้าคนไทยขายแผ่นดินแลกสัญชาติ หวั่นซ้ำรอยเขาพระวิหาร

,

“โฆษก พปชร.”จี้ รัฐบาล ตอบให้ชัด “เอกสารปานเทพ”จริงหรือมั่ว ซัดทำอะไรเพื่อรักษาแผ่นดินไทยบ้าง ชี้ อย่าให้เขมรตราหน้าคนไทยขายแผ่นดินแลกสัญชาติ หวั่นซ้ำรอยเขาพระวิหาร

เมื่อวันที่ 20 พ.ค.พล.ต.ท.ปิยะ
ต๊ะวิชัย โฆษกพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.)กล่าวถึงกรณีที่มีนายทหารชั้นนายพล ได้นำชาวกัมพูชาจำนวนหนึ่ง ขึ้นมาร้องเพลงชาติกัมพูชา บริเวณปราสาทตาเมือนธม อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ และมีการบันทึกภาพและเสียง ซึ่งประชาชนมีข้อสงสัยว่า เหตุใดทำไมรัฐบาลถึงได้สั่งการให้ทหารไทยออกนอกปราสาทตาเมือนธม ทั้งที่ตั้งอยู่บนแผ่นดินไทย โดยพี่น้องประชาชนคนไทยอยากถามรัฐบาลของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ดังนี้

1. น.ส.แพทองธาร และนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ทราบหรือไม่ว่ากรมศิลปากรได้ขึ้นบัญชีปราสาทตาเมือนธมเป็นโบราณสถานของไทย ตั้งแต่ปี 2478 หรือเมื่อ 90 ปีที่แล้ว และปัจจุบันอยู่ในความดูแลของสำนักศิลปากรที่ 5 จ.ปราจีนบุรี

2.การออกคำสั่งให้ทหารไทยถอยออกจากตัวปราสาทตาเมือนธมถึง 2 ครั้ง ทั้ง ๆ ที่ปราสาทดังกล่าวเป็นเขตพื้นที่ของราชอาณาจักรไทย เป็นการกระทำที่ชอบด้วยกฎหมาย และถูกต้องตามหลักสากลหรือไม่

3. การยินยอมให้ทหารกัมพูชาเข้าประจำการในบริเวณ ตัวปราสาทตาเมือนธมของราชอาณาจักรไทย จำนวน 5 นาย เป็นไปตามข้อตกลงที่รัฐบาลไทยไปลงนามร่วมกับรัฐบาลกัมพูชาตามที่มีการกล่าวอ้างใช่หรือไม่ และการส่งกองกำลังทหารแต่งเครื่องแบบติดอาวุธ เข้ามาปฏิบัติหน้าที่บนผืนแผ่นดินไทย ชอบด้วยกฏหมายหรือไม่

4. เอกสารแถลงการณ์ของกระทรวงกลาโหมประเทศกัมพูชา ที่นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ คณบดีวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต มาเผยแพร่ที่ปรากฎข้อความว่า “รัฐบาลเขมร  โดยนายฮุน มาเนต ได้ออกแถลงการณ์ต่อคนเขมรว่า เขมรไม่ได้เสียอธิปไตยให้กับราชอาณาจักรไทย หมายถึงยังคงยึดมั่นว่า ตัวปราสาทตาเมือนธมยังคงเป็นของเขมรอยู่นั้น เป็นของจริงหรือของปลอม  
         
“เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นรัฐบาลทำอะไรเพื่อรักษาแผ่นดินไทยบ้าง เช่น กรณีที่นายทหารชั้นนายพลแต่งเครื่องแบบได้นำชาวกัมพูชาแต่งชุดประจำชาติจำนวนหนึ่ง ขึ้นมาร้องเพลงชาติกัมพูชา บริเวณปราสาทตาเมือนธม อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ และมีการบันทึกภาพและเสียง ซึ่งถือว่าเป็นการกระทำที่ล่วงละเมิดอธิปไตยของไทยในดินแดนของไทย แต่รัฐบาลไม่ดำเนินการประท้วงผ่านกระทรวงการต่างประเทศ หรือดำเนินคดี หรือดำเนินการใดๆ แต่อย่างใด เป็นลายลักษณ์อักษร หรือให้เป็นพยานหลักฐาน  เพื่อใช้ในการต่อสู้คดีที่อาจเกิดขึ้นในภายภาคหน้า หากทางประเทศกัมพูชาจะเรียกร้องพื้นที่นี้เป็นอาณาเขตของประเทศตนเอง จะเข้าลักษณะกฏหมายปิดปาก”พล.ต.ท.ปิยะ กล่าว

พล.ต.ท.ปิยะ กล่าวต่อว่า พรรคพลังประชารัฐได้เคยเรียกร้องให้ทางรัฐบาลดำเนินการประท้วง หรือท้วงติงเป็นลายลักษณ์อักษรไปยังรัฐบาลกัมพูชา ตั้งแต่วันที่ 18 มี.ค.จนถึงวันนี้เป็นเวลาหลายเดือนแล้ว แต่ไร้คำตอบจากรัฐบาล นอกจากนี้ ประชาชนยังคาใจในหลายๆ เรื่อง  โดยเฉพาะการที่นายปานเทพได้นำแถลงการณ์กระทรวงกลาโหมกัมพูชามาแถลงต่อสาธารณชนนั้น เป็นของจริงหรือไม่ หากเป็นของจริง เหตุใดรัฐบาลจึงไม่ได้ดำเนินการประท้วงดำเนินคดีหรือดำเนินการใดๆ ตนขอเตือนว่ากรณีดังกล่าวจะซ้ำรอยการเสียที่ดินบางส่วนของเขาพระวิหาร เมื่อปี พ.ศ. 2556  อย่าให้คนเขมรตราหน้าว่าคนไทยขายแผ่นดินแลกสัญชาติ หรือแลกผลประโยชน์ทางทะเลเลย

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 20 พฤษภาคม 2568

“ธีระชัย”ชี้ธปท. เสาหลักเศรษฐกิจชาติ มีสิทธิแนะผลกระทบกาสิโน รมช.คลังอย่าเมินผลศึกษานำประเทศเป็นแหล่งฟอกเงิน ผู้บังคับใช้กฎหมายอ่อนแอมีเอี่ยวบ่อนออนไลน์

,

“ธีระชัย”ชี้ธปท. เสาหลักเศรษฐกิจชาติ มีสิทธิแนะผลกระทบกาสิโน รมช.คลังอย่าเมินผลศึกษานำประเทศเป็นแหล่งฟอกเงิน ผู้บังคับใช้กฎหมายอ่อนแอมีเอี่ยวบ่อนออนไลน์

วันนี้ ( 20 พฤษภาคม 2568) ที่พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล รองหัวหน้าพรรคฝ่ายเศรษฐกิจ  พปชร. อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง แถลงข่าวไม่เห็นด้วยกับกรณีที่นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง โต้นายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ที่กังวลภาพลักษณ์ของประเทศไทยจากโครงการกาสิโน ว่าองค์กรอิสระไม่ควรที่จะมาก้าวก่ายการดำเนินนโยบายเศรษฐกิจของรัฐบาล

นายธีระชัยเห็นว่าถึงแม้ ธปท. ไม่มีอำนาจที่จะสั่งยุตินโยบายรัฐบาล แต่ในฐานะองค์กรหลักที่รับผิดชอบงานด้านเศรษฐกิจถ้าเห็นว่านโยบายใดจะมีผลทางลบก็มีหน้าที่จะต้องให้ข้อมูล ส่วนรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งนั้น ถึงแม้จะมีอำนาจเต็มในการบริหารและขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ก็ควรจะรับฟังนำไปประกอบการพิจารณา โดยท้ายสุดประชาชนจะเป็นผู้ตัดสิน กรณีคำพูดของนายจุลพันธ์ว่าเรามีบ่อนเถื่อนอยู่ทั่วเมือง แต่แกล้งทำเป็นไม่เห็น แบบนี้ประเทศเราไม่เทาไหม มันก็เทา นั้น นายธีระชัยเตือนว่าภาระหน้าที่ปราบปรามบ่อนเถื่อนเป็นของรัฐบาลโดยตรง จะต้องลงโทษข้าราชการที่ทำเป็นมองไม่เห็นให้เป็นเยี่ยงอย่าง

นายธีระชัยชี้ให้รัฐบาลควรคำนึงถึงข้อศึกษาทางวิชาการที่บ่งชี้ว่ากาสิโนจะเป็นอันตรายต่อสังคมไทย ดังเช่นในงานเสวนาวิชาการ ม.เกษตรศาสตร์ ที่ รศ.ดร.ชิดตะวัน ชนะกุล พบว่าแม้ในประเทศพัฒนาแล้วที่มีระบบยุติธรรมเข้มแข็ง ก็ยังพบว่าก่อคดีรุนแรงได้มาก ยิ่งคอรัปชันสูง จะยิ่งเสี่ยงหนัก และรศ.ดร.นวลน้อย ตรีรัตน์ ที่เตือนว่ากาสิโนถูกกฎหมายจะทำให้การฟอกเงินเกิดขึ้นได้ง่าย

“ที่ผ่านมา ทางการสามารถจับกุมกรณีทุจริตคอรัปชั่นและการปฏิบัติผิดกฎหมายโดยตามเส้นทางเงิน แต่การใช้ชิปกาสิโนฟอกเงินจะตัดตอนเส้นทางเงินไปหมดสิ้น ส่วนกรณีที่นายจุลพันธ์บอกว่าสหรัฐฯ สิงคโปร์ ญี่ปุ่น ที่มีกาสิโนถูกกฎหมายไม่ได้ทำให้เป็นประเทศสีเทานั้น เป็นเพราะระบบบริหารประเทศมีธรรมาภิบาล ผมขอแนะนำให้ดูเปรียบเทียบกับประเทศเพื่อนบ้านในอินโดจีนและหันมาดูตัวเองในไทย นอกจากนี้ รัฐบาลควรเข้มงวดเรื่องปราบปรามพนันออนไลน์โดยดูตัวอย่างในสิงคโปร์ที่ในปีก่อนสามารถปิดเว็บพนันออนไลน์ได้หลายพันแห่ง และล่าสุดในญี่ปุ่นสมาชิกรัฐสภาก็จะมีการเสนอกฎหมายเพื่อปราบปรามเรื่องนี้” นายธีระชัยกล่าว

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 20 พฤษภาคม 2568