โลกเปลี่ยน ไทยต้องปรับ ทางเลือกใหม่ของการเมืองไทย ก้าวข้ามความขัดแย้ง สานพลังประชาราษฎร์ ร่วมสร้างชาติให้ยั่งยืน

หมวดหมู่: กิจกรรมพรรค

“สส.พิมพ์พร”ขอ ก.ศึกษาธิการ อนุมัติงบพัฒนา โครงสร้างพื้นฐานให้ รร.ใน จ.เพชรบูรณ์ ให้สอดคล้องกับแผนยุทธศาสตร์ ด้านการพัฒนาและเสริมสร้างศักยภาพทรัพยากรมนุษย์

“สส.พิมพ์พร”ขอ ก.ศึกษาธิการ อนุมัติงบพัฒนา โครงสร้างพื้นฐานให้ รร.ใน จ.เพชรบูรณ์ ให้สอดคล้องกับแผนยุทธศาสตร์ ด้านการพัฒนาและเสริมสร้างศักยภาพทรัพยากรมนุษย์

น.ส.พิมพ์พร พรพฤฒิพันธุ์ สส.เพชรบูรณ์ เขต 1 พรรคพลังประชารัฐ(พปชร.) กล่าวหารือในที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรว่า ตนอยากจะของบประมาณเพื่อพัฒนาปรับปรุง โครงสร้างพื้นฐานให้แก่โรงเรียนในชุมชนของ จ.เพชรบูรณ์ เนื่องจาก จ.เพชรบูรณ์มีโรงเรียนภายใต้สังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน หรือ สพฐ. กว่า 500 โรงเรียน ซึ่งปัจจุบันพบว่า มีการของบประมาณเพื่อพัฒนาศักยภาพในการเรียนการสอนรวมถึงระบบสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐาน เป็นไปตามเกณฑ์ของกระทรวงศึกษาธิการที่ใช้หลักธรรมาภิบาล และ มีการนำหลัก economic of scale มาช่วยบริหารเพื่อให้เกิดความเท่าเทียม

น.ส.พิมพ์พร กล่าวต่อว่า ภายในสถานศึกษาควรมีระบบสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐาน ไม่ว่าจะเป็นอาคารเรียน ห้องเรียนที่เพียงพอ มีคุณภาพ ห้องสมุด และ อุปกรณ์การเรียนที่เพียงพอ และทันสมัย สนามกีฬาและอุปกรณ์กีฬาที่เพียงพอ และ ปลอดภัยสื่อสารสนเทศที่เพียงพอ และเข้าถึงได้ แต่เราพบว่า ยังมีโรงเรียนอีกหลายแห่งที่อยู่รอบนอก และอาจตกสำรวจในเรื่องขอการขอ
งบประมาณ เพียงเพื่อต้องการของบประมาณในสิ่งที่อาจดูว่าเล็ก สำหรับคำว่าพื้นฐานด้านการศึกษา เช่น งบประมาณเพื่อสร้างห้องน้ำสำหรับนักเรียน,งบสร้างหลังคา,งบปรับปรุงโครงสร้างอาคารเรียน,งบปรับปรุงบ้านพักครู ซึ่งวิธีการแก้ปัญหาของโรงเรียนเหล่านี้จะใช้วิธีรวบรวมเงินในชุมชน ผู้นำ วัด หรือแม้กระทั่ง
ทอดผ้าป่า เพื่อนำมาเงินมาช่วยโรงเรียน

“ดิฉันจึงอยากขอความกรุณากระทรวงศึกษาธิการพิจารณาเรื่องดังกล่าวโดยเร่งด่วน เพื่อให้น้องๆ เยาวชนเด็กนักเรียน รวมถึงคุณครู ได้รับสิทธิขั้นพื้นฐานด้านการศึกษา ให้พวกเขาได้เรียนได้สอนอย่างมีความสุขและปลอดภัยมากขึ้น และสำคัญที่สุดเพื่อให้สอดคล้องเป็นไปตามแผนยุทธศาสตร์ ด้านการพัฒนาและเสริมสร้างศักยภาพทรัพยากรมนุษย์ ด้านการสร้างโอกาสและความเสมอภาคทางสังคมด้วย“

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 10 ตุลาคม 2567

“สส.คอซีย์”ขอ ก.หมาดไทย ย้ายโรงเรียนตาดีกาไปสังกัดองค์กรท้องถิ่น เพื่อจะเข้าไปสนับสนุนโรงเรียน สอนศาสนา ได้โดยไม่ขัด กม.ให้โรงเรียนมีมาตรฐานที่ดีขึ้น

“สส.คอซีย์”ขอ ก.หมาดไทย ย้ายโรงเรียนตาดีกาไปสังกัดองค์กรท้องถิ่น เพื่อจะเข้าไปสนับสนุนโรงเรียน สอนศาสนา ได้โดยไม่ขัด กม.ให้โรงเรียนมีมาตรฐานที่ดีขึ้น

นายคอซีย์ มามุ สส.ปัตตานี เขต 2 พรรคพลังประชารัฐ(พปชร.)กล่าวหารือในที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรถึงการพัฒนาเพิ่มศักยภาพโรงเรียน โรงเรียนตาดีกาในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ จากกรณีที่ตนได้จัดกิจกรรมรับฟังความคิดเห็นของประชาชนในพื้นที่ได้มีผู้แทนชมรมโรงเรียนตาดีกา จังหวัดปัตตานี ชี้แจงข้อจำกัดการพัฒนาครูผู้ฝึกสอน และ นักเรียนโรงเรียนตาดีกา ที่มีงบประมาณไม่เพียงพอ ปัจจุบันโรงเรียนตาดีกาอยู่ภายใต้สังกัดสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน เป็นหน่วยงานในสังกัดกระทรวงศึกษาธิการ โดยส่วนใหญ่ใช้พื้นที่การเรียนที่มัสยิส และจะเปิดการสอนในวันหยุด ปัจจุบันโรงเรียนขาดความพร้อมด้านงบประมาณ เพราะโรงเรียนก่อตั้งขึ้นเพื่อให้เด็กมีความรู้พื้นฐานด้านศาสนา ไม่ได้ก่อตั้งเพื่อก่อให้เกิดผลกำไร

นายคอซีย์ กล่าวต่อว่า องค์กรท้องถิ่นทุกระดับ ไม่ว่าเป็น อบจ. อบต. เทศบาล เมื่อรับรูัปัญหาก็ต้องการเข้าไปช่วยเหลือสนับสนุนงบประมาณให้กับโรงเรียน แต่ไม่สามารถเข้าไปช่วยเหลือได้ ภายใต้อำนาจหน้าที่กำหนดให้องค์กรท้องถิ่น ส่งเสริมสนับสนุนการศึกษาประชาชนได้ แต่ปัจจุบันองค์กรท้องถิ่น เกิดปัญหาโรงเรียนตาดีกา มีสถานะเป็นโรงเรียนเอกชน เป็นเหตุให้องค์กรท้องถิ่น ไม่สามารถเข้าไปอุดหนุนงบประมาณ เพื่อเพิ่มจำนวนครู เพิ่มค่าสื่อการเรียนการสอน รวมถึงการนำนักเรียนไปเรียนแลกเปลี่ยนเรียนรู้ได้

”ผมในฐานะ สส.ในพื้นที่ขอให้กระทรวงมหาดไทย ในส่วนกำกับดูแลองค์กรท้องถิ่น พิจารณาวางแนวทางให้องค์กรท้องถิ่นได้ใช้อำนาจในหน้าที่เข้าไปสนับสนุนโรงเรียน สอนศาสนา ประจำมัสยิส ได้โดยไม่ขัดต่อระเบียบและกฎหมาย และให้หาเรือร่วมกับกระทรวงศึกษาธิการ วางแนวทางให้โรงเรียนตาดีกามาอยู่ภายใต้สังกัดองค์กรท้องถิ่น เพื่อให้การจัดระบบข้อมูลทางการศึกษามีมาตรฐานเดียวกัน และสามารถกำหนดครูผู้สอนได้พอเพียง และมีค่าตอบแทนที่เหมาะสม เพื่อให้โรงเรียนตาดีกามีมาตรฐานที่ดีขึ้น“นายคอซีย์ กล่าว

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 10 ตุลาคม 2567

พล.อ.ประวิตร มองเหตุน้ำท่วมหนัก เพราะรัฐบาลไม่เป็นมืออาชีพ ยกสมัยเป็นรองนายกฯน้ำมากกว่านี้ยังจัดการได้ เผยหากอยากได้คำแนะนำพร้อมช่วยเหลือ

พล.อ.ประวิตร มองเหตุน้ำท่วมหนัก เพราะรัฐบาลไม่เป็นมืออาชีพ ยกสมัยเป็นรองนายกฯน้ำมากกว่านี้ยังจัดการได้ เผยหากอยากได้คำแนะนำพร้อมช่วยเหลือ

วันที่ 8 ตุลาคม 2567.  พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ  หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ กล่าวในที่ประชุมกรรมการบริหารและ  สส.พรรคถึงสถานการณ์อุทกภัยในขณะนี้ว่า การบริหารจัดการน้ำถือเป็นเรื่องสำคัญ ซึ่งในอดีต ตนเคยดำรงตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี ได้มีการวางแนวทางการบริหารจัดการไว้เป็นอย่างดีแล้ว โดยในปี 2565 ปริมาณน้ำมีมากกว่า ปี 2554 ที่มีเหตุการณ์น้ำท่วมใหญ่ในกรุงเทพมหานคร แต่ก็สามารถจัดการได้ตามแผน จนไม่เกิดน้ำท่วมใหญ่ แต่ในปัจจุบันการเผชิญปัญหาของรัฐบาลยังไม่เป็นมืออาชีพ ถ้ารัฐบาลอยากรู้ว่าเขาทำอย่างไร ก็ควรไปศึกษาผลงานที่รัฐบาลชุดก่อนหน้านี้เคยวางรากฐานเอาไว้ และจะเห็นข้อแตกต่างของการบริหารจัดการน้ำที่เป็นระบบ ทั้งนี้ ตนพร้อมเสนอแนะและทำงานในฐานะฝ่ายค้านให้เกิดประโยชน์ต่อประชาชนอย่างเต็มที่

นอกจากนี้ ที่ประชุมพรรคพลังประชารัฐได้มีการนำเสนอปัญหาในแต่ละพื้นที่ถึงการจัดหาแหล่งน้ำดิบคุณภาพ  เพื่อนำไปผลิตประปาหมู่บ้านที่ยังขาดแคลนน้ำในหลายพื้นที่ รวมถึงงบประมาณการซ่อมบำรุงที่ยังไม่เพียงพอในการผลิตประปาเพื่อใช้ในการอุปโภคบริโภค รวมไปถึงการแก้ปัญหาภัยแล้งและอุทกภัยที่สร้างผลกระทบในวงกว้าง ควรมีการวางระบบการบริหารจัดการน้ำให้มีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดี ซึ่งเรื่องนี้ พรรคพลังประชารัฐในฐานะเป็นประธานกรรมาธิการบริหารทรัพยากรน้ำจะนำเรื่องเข้าสู่ที่ประชุม เพื่อวางแนวทางการนำเสนอข้อมูลและการแก้ไขปัญหาอย่างเป็นรูปธรรมต่อไป

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 8 ตุลาคม 2567

“พล.ต.ท.ปิยะ “เผย ที่ประชุม พปชร.เห็นควรต้องยกเลิก MOU 2544 ไทย-กัมพูชา เพื่อป้องอธิปไตยทางทะเล เกาะกูด พร้อมเปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร สส.ภาคอีสานเสริมทัพอีก 7 คน

,

“พล.ต.ท.ปิยะ “เผย ที่ประชุม พปชร.เห็นควรต้องยกเลิก MOU 2544 ไทย-กัมพูชา เพื่อป้องอธิปไตยทางทะเล เกาะกูด พร้อมเปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร สส.ภาคอีสานเสริมทัพอีก 7 คน

พล.ต.ท.ปิยะ ต๊ะวิชัย โฆษกพรรคพลังประชารัฐ และ น.ส.กาญจนา จังหวะ รองเลขาธิการพรรค ร่วมแถลงข่าวภายหลังการประชุม คณะกรรมการบริหารพรรค และสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร(สส.) พปชร. ที่มี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เป็นประธานเปิดเผยว่า ก่อนอื่นในนามของพรรคพลังประชารัฐ ขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งกับครอบครัวของผู้สูญเสียในเหตุการณ์ไฟไหม้รถบัสทัศนศึกษาของนักเรียนโรงเรียนวัดเขาพระยาสังฆาราม อ.ลานสัก จ.อุทัยธานี บริเวณถนนวิภาวดีรังสิต หน้าอนุสรณ์สถาน จ.ปทุมธานี จนเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บ

พล.ต.ท.ปิยะ กล่าวต่อว่า ในวันนี้ที่ประชุมพรรคพลังประชารัฐได้มีการหารือถึงสถานการณ์อุทกภัยในหลายจังหวัดของประเทศไทย โดย พล.อ.ประวิตร เป็นห่วงสถานการณ์ความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนอย่างมาก จึงกำชับให้ สส.ของพรรค โดยเฉพาะในพื้นที่ภาคเหนือและภาคอีสาน ลงพื้นที่ดูแลประชาชนในเขตอุทกภัย โดยพื้นที่ใดที่ความช่วยเหลือจากภาครัฐยังเข้าไปไม่ถึง พรรคพลังประชารัฐจะลงไปให้การช่วยเหลือในทุกพื้นที่

นอกจากนี้ ที่ประชุมได้พิจารณาเห็นชอบการดำเนินจัดทำข้อมูลจังหวัดในเขตเลือกตั้ง และมอบหมายให้รองหัวหน้าพรรคแต่ละคนลงพื้นที่ไปติดตามเพื่อเข้าถึงปัญหาต่าง ๆ ของชาวบ้าน และนำมาแก้ปัญหาต่อไป

พล.ต.ท.ปิยะ ยังเปิดเผยด้วยว่า พรรคพปชร.มีการหารือถึงประเด็นบันทึกความเข้าใจระหว่างรัฐบาลไทยกับรัฐบาลกัมพูชา ว่าด้วยพื้นที่ที่ไทยและกัมพูชาอ้างสิทธิในไหล่ทวีปทับซ้อนกัน หรือ “MOU 2544” ที่ทำขึ้น ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ และนำมาใช้เป็นเครื่องมือมาดำเนินการแบ่งเขตอธิปไตยของไทยทางทะเลอ่าวไทย และแบ่งผลประโยชน์ทรัพยากรพลังงานธรรมชาติในทะเลของไทยให้แก่กัมพูชา ทั้งนี้ พปชร.ต้องการปกป้องเขตอธิปไตยทางทะเลบริเวณเกาะกูดอ่าวไทยเนื้อที่ 26,000 ตารางกิโลเมตร และผลประโยชน์ทรัพยากรพลังงานธรรมชาติ มูลค่า 20 ล้านล้านบาทของไทยในทะเลอ่าวไทย โดยจะมีการยื่นกระทู้หรือเสนอเป็นญัตติในที่ประชุมสภาฯเพื่อสอบถามรัฐบาลถึงแนวทางของเรื่องนี้ต่อไป

ด้าน น.ส.กาญจนา กล่าวว่า วันนี้พรรคพลังประชารัฐ มีบุคคลที่เข้ามาร่วมงานกับพรรคด้วยอุดมการณ์ทางการเมืองที่ตรงกัน โดยจะมาเป็นว่าที่ผู้สมัครในจังหวัดภาคอีสาน 7 คน ได้แก่ นางสาวปภาสิริ ศรีตะบุตร จังหวัดหนองคาย,นายสุชาติ ศรีสังข์ จังหวัดมหาสารคาม,นายโกศล คาดพันโน จังหวัดมหาสารคาม,นางสาววารุณี งอยผาลา จังหวัดสกลนคร,นายประพันธ์ คนหาญ จังหวัดมุกดาหาร,ดร.สมชอบ นิติพจน์ จังหวัดนครพนม และนางสาวจารุวรรณ จังหวะ จังหวัดชัยภูมิ

“ทุกท่านล้วนเป็นผู้มีความสามารถ และมีประสบการณ์ในพื้นที่มายาวนาน โดยเราจะทำหน้าที่ฝ่ายค้านอย่างเต็มรูปแบบ ควบคู่ไปกับการดูแลทุกข์สุขของพี่น้องประชาชน พวกเราทุกคนที่ยืนอยู่ตรงนี้มีอุดมการณ์ตรงกัน พร้อมที่จะทำเพื่อชาติ และยึดมั่นในสถาบันพระมหากษัตริย์“น.ส.กาญจนา กล่าว

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 1 ตุลาคม 2567

“พล.อ.ประวิตร“ลงพื้นที่ประสบภัยน้ำท่วม จ.หนองคาย มอบถุงยังชีพบรรเทาทุกข์ หลายชุมชนในเขตเมือง จี้ รัฐบาลใส่ใจความเดือดร้อนของ ปชช.พร้อมจัดงบประมาณเยียวยาเร่งด่วน

,

“พล.อ.ประวิตร“ลงพื้นที่ประสบภัยน้ำท่วม จ.หนองคาย มอบถุงยังชีพบรรเทาทุกข์ หลายชุมชนในเขตเมือง จี้ รัฐบาลใส่ใจความเดือดร้อนของ ปชช.พร้อมจัดงบประมาณเยียวยาเร่งด่วน

  19 กันยายน 2567  เวลา 11.00 น. พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ(พปชร.) พร้อมด้วย นายสันติ พร้อมพัฒน์  รองหัวหน้าพรรค  นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รองหัวหน้าพรรค นส.ตรีนุช เทียนทอง รองหัวหน้าพรรค   นายชัยมงคล ไชยรบ รองหัวหน้าพรรค นายฉกาจ พัฒนกิจวิบูลย์ รองหัวหน้าพรรค  นส.กาญจนา จังหวะ  รองเลขาธิการพรรค พลเอก กฤษณ์โยธิน ศศิพัฒนวงษ์ เหรัญญิกพรรค   นายวราเทพ รัตนากร  ผู้อำนวยการพรรค   พลตำรวจโท ปิยะ ต๊ะวิชัย โฆษกพรรค นายกระแสร์ ตระกูลพรพงศ์ สส.หนองคาย เขต 1 และกรรมการบริหารพรรค อาทินาย สุธรรม สุจริตงาม   พร้อมด้วยสมาชิกพรรค นส. พิมพ์พร พรพฤฒิพันธุ สส.เพชรบูรณ์ เขต1  และ นายวิริยะ ทองผา สส. มุกดาหาร เขต 1    ร่วมลงพื้นที่ประสบอุทกภัย จ.หนองคาย โดยเฉพาะในพื้นที่ อ.เมือง ที่ได้รับผลกระทบจากปริมาณน้ำฝนที่ตกอย่างต่อเนื่อง จากอิทธิพลของพายุที่เกิดขึ้นในหลายระลอก รวมทั้งปริมาณน้ำจากลำน้ำโขง ที่เพิ่มสูงขึ้นจนเอ่อล้นตลิ่งเข้าท่วมบ้านเรือน ส่งผลให้พี่น้องประชาชนในชุมชนต่างๆ ได้รับความเดือดร้อน ไม่สามารถออกไปประกอบอาชีพได้ตามปกติ  

โดย พล.อ.ประวิตร มีความห่วงใยในความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชน จึงได้ลงพื้นที่พร้อมกับคณะทีมผู้บริหารพรรคไปพบปะประชาชน และติดตามสถานการณ์ ในพื้นที่ประสบภัย เพื่อเก็บรวมรวมข้อมูล และเตรียมความพร้อมเสนอผ่านระบบสภาฯ โดยระหว่างการลงพื้นที่วันนี้ ได้มีประชาชนฝากข้อเรียกร้องไปยังรัฐบาลจำนวนมาก ซึ่งพรรคพลังประชารัฐในฐานะพรรคฝ่ายค้าน ก็ขอเป็นกระบอกเสียงแทนพี่น้องประชาชน ขอให้รัฐบาลใส่ใจในความเดือดร้อนและเร่งหามาตรการที่จะเยียวยาช่วยเหลืออย่างเร่งด่วนด้วย  

ทั้งนี้ จากสภาพอากาศ พรรคพลังประชารัฐ เชื่อว่า ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ยังคงได้รับอิทธิพลจากมรสุมอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นผลจากการเปลี่ยนแปลงจากสภาพภูมิอากาศ ทำให้ปริมาณฝนตกมากกว่าปกติ ซึ่งปัญหาเรื่องน้ำทั้งภัยแล้งและอุทกภัย เป็นนโยบายหลักของ พปชร.และ พล.อ.ประวิตร ให้ความสำคัญมาโดยตลอด จากที่ผ่านมามีการผลักดันโครงการพัฒนาแหล่งน้ำ และวางแนวทางแก้ไขปัญหาให้บริหารจัดการน้ำอย่างมีประสิทธิภาพ จนทำให้ประชาชน และเกษตร มีน้ำกินน้ำใช้ ลดภัยพิบัติอย่างเห็นผลมาแล้วในอดีต  สะท้อนภาพจำของ “ลุงป้อม“ที่มีต่อประชาชน  เป็นผู้ที่แก้ปัญหาน้ำ และสามารถเข้าช่วยเหลือชาวบ้านที่ได้รับความเดือดร้อน ไม่ว่าพื้นที่นั้นจะอยู่ห่างไกลแค่ไหนก็ตาม

อย่างไรก็ตาม  พล.อ.ประวิตร ได้นำถุงยังชีพมากกว่า 3,000 ชุด แจกจ่ายให้กับพี่น้องประชาชนในชุมชนหนองบัว ชุมชนสระแก้ว (วัดศรีบุญเรือง) ชุมชนวัดธาตุใต้ ในเขตเทศบาลเมือง  เพื่อให้ประชาชนบรรเทาความเดือดร้อนในช่วงวิกฤตินี้ไปได้ พร้อมทั้งกำชับให้ สส. ในพื้นที่ประสานกับหน่วยงานเกี่ยวข้องเข้าทำการช่วยเหลือพี่น้องประชาชนในด้านต่างๆ การแจ้งเตือน การอพยพ หาแหล่งที่พักพิงให้เพียงพอ และให้นำข้อมูลมาเสนอต่อสภาฯ เพื่อเรียกร้องให้รัฐบาลจัดสรรงบประมาณในการเยียวยาพี่น้องประชาชน เพื่อซ่อมบ้านเรือนที่ได้รับความเสียหาย พร้อมทั้งจัดเตรียมแผนรับมือในการพัฒนาโครงการ เพื่อป้องกันอุทกภัยในอนาคต

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 19 กันยายน 2567

จัดหนักรัฐบาลใหม่! ทีม ศก.​ พรรคพลังประชารัฐ ‘’อุตตม-สนธิรัตน์-ธีระชัย“ แพ็คทีมวิพากษ์ นโยบาย ศก. รัฐบาลใหม่ ยก ดิจิตัลวอลเล็ต มีจุดบกพร่องเยอะมาก ไม่ต่าง บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ มอง เปลี่ยนตลอด ทั้งวิธีการ-กลุ่มเป้าหมาย-เกิดพายุหมุนลำบาก ไม่สมเป็นนโยบายเรือธง  

,

จัดหนักรัฐบาลใหม่! ทีม ศก.​ พรรคพลังประชารัฐ ‘’อุตตม-สนธิรัตน์-ธีระชัย“ แพ็คทีมวิพากษ์ นโยบาย ศก. รัฐบาลใหม่ ยก ดิจิตัลวอลเล็ต มีจุดบกพร่องเยอะมาก ไม่ต่าง บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ มอง เปลี่ยนตลอด ทั้งวิธีการ-กลุ่มเป้าหมาย-เกิดพายุหมุนลำบาก ไม่สมเป็นนโยบายเรือธง  

วันที่ 17 กันยายน 2567 ทีมเศรษฐกิจพรรคพลังประชารัฐ​ ประกอบด้วย ดร.อุตตม สาวนายน อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และ พล.ต.ท.ปิยะ ต๊ะวิชัย โฆษกพรรคพลังประชารัฐ ร่วมกันแถลงข่าวตรวจสอบนโยบายรัฐบาลนายกแพทองธารที่แถลงต่อรัฐสภา โดยมุ่งตรงไปยังนโยบาย ศก. ทั้งการแก้หนี้ ดิจิตอลวอลเล็ต และกองทุนวายุภักษ์

ด้านนายอุตตม อดีตรัฐมนตรีคลัง กล่าวว่า ตนเห็นด้วยกับรัฐบาลที่กำหนดการแก้หนี้เป็นนโยบายเร่งด่วนลำดับแรกของคณะรัฐมนตรี แต่อย่างไรก็ตาม มีข้อเสนอแนะว่า การแก้หนี้ให้บรรลุผลนั้น ต้องทำครบวงจร เช่น รัฐบาลต้องผนึกธนาคารแห่งประเทศไทย สถาบันการเงินเอกชน/รัฐ เพื่อแก้ปัญหาได้อย่างยืนในทุกมิติที่เกี่ยวข้อง เพื่อบรรเทาความเดือนร้อน เติมกำลังให้ประชาชนและเศรษฐกิจ สร้างอนาคตประเทศ ทั้งนี้ โครงการที่ทำต้องเข้าถึงประชาชนฐานรากทั่วทั้งประเทศ บริการเสมอภาคเป็นธรรม พร้อมทั้งมีการนำเทคโนโลยีมาร่วมขับเคลื่อน

ดร. อุตตม กล่าวถึงมาตรการที่ใช้ขับเคลื่อนว่า “รัฐมนตรีการคลังควรหารือกับ ธปท. ถึงแนวทางการลดเงินที่เก็บเข้ากองทุนฟื้นฟูฯ (FIDF) เหลือ 0.23% ต่อ 6 เดือน ชั่วคราว 5 ปี เพื่อนำเงินที่ประหยัดได้ไปลด  ยอดหนี้ (haircut) สำหรับลูกหนี้ที่มีรายได้ไม่เกิน 30,000 บาท/เดือน และต้องเจรจาให้ธนาคารต้องนำกำไรสะสมมาร่วมด้วยไม่น้อยกว่า 25% ของหนี้ที่ลดให้แก่ลูกหนี้ อันเป็นการร่วมมือกันแก้ปัญหาระหว่างรัฐกับเอกชน” นายอุตตม  กล่าวทิ้งท้าย

นายสนธิรัตน์ อดีตรัฐมนตรีพลังงาน ตั้งข้อสังเกตว่า นโยบายดิจิตอลวอลเล็ตเป็นนโยบายที่เปลี่ยนมาโดยตลอด ตั้งแต่รูปแบบที่เดิมทีจะแจกเป็นเงินดิจิตอล ทั้งที่มีหลายฝ่ายท้วงติง มาเป็นเงินสด มีการเปลี่ยนกลุ่มเป้าหมายที่จะได้รับการแจกเงิน กระทั่งการเปลี่ยนแปลงของประเภทสินค้าที่จะใช้จ่าย เรียกได้ว่า ทั้งทามไลน์และวิธีการดำเนินโครงการที่รัฐบาลประกาศว่าเป็นนโยบายเรือธงมีการขยับตลอดเวลา  

“ขณะนี้ การดำเนินโครงการมาถึงจุดที่ประกาศว่า จะแจกเป็นเงินสดให้กับประชาชนกลุ่มเปาะปราง 14.5 ล้านคน  เพียงเพิ่มกลุ่มคนพิการเข้ามา ถ้าเป็นแบบนี้ก็มีแนวโน้มที่จะไม่ต่างอะไรจากโครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ที่พวกตนได้ทำกันมา รูปแบบการแจกเงิน ก็ใช้ตามแนวทางเดิม ทำให้เห็นว่า บัตรสวัสดิการแห่งรัฐเป็นโครงการที่สำเร็จ กระตุ้นกลุ่มเป้าหมายได้ดี ช่วยเหลือประชาชนได้จริง”

นายสนธิรัตน์ กล่าวว่า ตัวโครงการยังประเมินผลลัพธ์ไว้สูงมากว่าจะมีพายุหมุนทาง ศก.​หลายรอบ แต่ท่ามกลาง ศก.​แบบนี้ ต้องถามว่า เงินจากโครงการดิจิตอลวอลเล็ตจะสร้างพายุหมุนได้จริงกี่รอบสมเป็นโครงการเรือธงที่รัฐบาลคาดหวัง นอกจากนั้นที่มาของงบประมาณในการดำเนินโครงการ ก็ได้มีการดึงงบจากหลายส่วนมาทำโครงการนี้ ซึ่งมีแนวโน้มจะไปกระทบกับการจัดบริการสาธารณะหรือโครงการใหญ่อื่นๆ ที่ต้องใช้งบประมาณ ในประเด็นสุดท้ายคือมีประชาชนไปลงทะเบียนโครงการนี้ 36 ล้านคน แต่จะแจกจริงผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐแค่ 14.5 ล้านคน ทั้งยังไม่มีความชัดเจนของทามไลน์ที่จะแจกรุ่นต่อไป รัฐบาลจะเยียวยา จะดูแล หรือจะรับผิดชอบต่อพี่น้องประชาชนกลุ่มนี้อย่างไร นี่เป็นคำถามใหญ่ที่อยากฝากไว้

ด้านนายธีระชัย อดีตรัฐมนตรีคลัง กล่าวว่า การขับเคลื่อนนโยบายของรัฐที่นำเอากองทุนวายุภักษ์ เพื่อระดมทุนนั้น เป็นการใช้นโยบายอุ้มคนมีเงิน สร้างความไม่เป็นธรรมในสังคมและมีความเสี่ยงผิดกฎหมาย ตนขอเตือนว่าการระดมเงินแล้วไปเก็งกำไร ทั้งในตลาดหลักทรัพย์(ตลท.) และนอกตลาดหลักทรัพย์ ทั้งทองคำ น้ำมันดิบ สินค้าโภคภัณฑ์ หุ้นกู้เครดิตต่ำ (junk bond) ฯลฯ ที่ไม่ใช่กิจหน้าที่ของกระทรวงการคลัง เป็นเรื่องไม่เหมาะสมและเสี่ยงผิดกฎหมาย

“ตนเองได้มีหนังสือ 4 ฉบับเสนอแนะให้นายกฯ แพทองธาร ชินวัตรทบทวน เพราะมีปัญหา 2 ด้าน คือก่อปัญหาความไม่เป็นธรรมในสังคม เป็นการรอนสิทธิของประชาชนทั้งประเทศ สิทธิของข้าราชการ และสิทธิของผู้ใช้แรงงานไปให้แก่ผู้ถือหน่วยลงทุนประเภท ก. ซึ่งเป็นคนกลุ่มน้อย  และยังอาจมีปัญหาคนต่างชาติใช้ชื่อคนไทยเป็นนอมินีเพื่อแสวงหาประโยชน์อีกด้วย นอกจากนี้ มีความเสี่ยงผิดกฎหมาย  กรณีหากมีผู้ใดฟ้องศาลให้ระงับเงื่อนไข ซึ่งทำให้ผู้ลงทุนรายใหม่ได้รับความเสียหาย รัฐมนตรีคลังอาจเข้าข่ายประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรง“ นายธีรชัยกล่าว

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 18 กันยายน 2567

“พล.อ.ประวิตร“เตรียมนำ พปชร.ลงพื้นที่ซับน้ำตาชาวหนองคาย 19 ก.ย.นี้ พร้อมกำชับ สส.ของพรรคทุกจังหวัด ดูแลและช่วยเหลือประชาชนให้ดีที่สุด

,

“พล.อ.ประวิตร“เตรียมนำ พปชร.ลงพื้นที่ซับน้ำตาชาวหนองคาย 19 ก.ย.นี้ พร้อมกำชับ สส.ของพรรคทุกจังหวัด ดูแลและช่วยเหลือประชาชนให้ดีที่สุด

พล.ต.ท.ปิยะ ต๊ะวิชัย โฆษกพรรคพลังประชารัฐ แถลงผลการประชุมคณะกรรมการบริหารพรรค และ สส.พรรคพลังประชารัฐ นำโดย พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ โดยที่ประชุมได้หารือถึงสถานการณ์น้ำท่วมในหลาย ๆ พื้นที่ ซึ่งต้องยอมรับว่า เป็นปีที่น้ำมาจำนวนมหาศาล และสร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชนเป็นวงกว้าง โดย พล.อ.ประวิตร เป็นห่วงสถานการณ์น้ำท่วมเป็นอย่างมาก เพราะประชาชนจะต้องเสียทรัยพ์สิน ทั้งบ้านเรือนและพื้นที่ทางการเกษตร จึงได้มอบหมายให้ สส.ของพรรคดูแลและช่วยเหลือประชาชน อย่างดีที่สุด

พล.ต.ท.ปิยะ กล่าวต่อว่า พล.อ.ประวิตร ได้ส่งผู้สมัคร สส.ของพรรคพลังประชารัฐ รวมถึงทีมงาน ลงพื้นที่ไปช่วยเหลือประชาชนจากปัญหาอุทกภัยในเบื้องต้น ในหลาย ๆ จังหวัด เช่น เชียงใหม่,เชียงใหม่,แพร่,น่านลำปาง ให้นำถุงยังชีพไปแจกจ่ายพี่น้องประชาชน เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนในเบื้องต้น และได้กำชับว่า ในส่วนพื้นที่ที่สถานการณ์น้ำเริ่มคลี่คลายแล้ว ให้ สส.ทุกคนร่วมมือกับชาวบ้านฟื้นฟูพื้นที่ประสบภัยให้กลับสู่ภาวะปกติ เพื่อให้ประชาชนสามารถกลับมาดำเนินชีวิตได้ตามปกติโดยเร็วที่สุดด้วย

“ในวันพฤหัสที่ 19 ก.ย.นี้ พล.อ.ประวิตร พร้อมด้วยคณะกรรมการบริหารพรรค และ สส.จะลงซับน้ำตาที่จังหวัดหนองคายและจังหวัดใกล้เคียง 3 – 5 จุด ที่ความช่วยเหลือจากภาครัฐยังเข้าไปไม่ถึงประมาณ 3-5 จุด เพื่อนำถุงยังชีพไปแจกจ่ายให้กับประชาชนที่กำลังเดือดร้อนในขณะนี้“พล.ต.ท.ปิยะ กล่าว

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 18 กันยายน 2567

“พปชร.”ประกาศตั้ง“ศูนย์นโยบายและวิชาการ”เปิดกว้างรับฟังทุกข้อเสนอแนะ ก่อนส่งต่อให้ สส.ทำหน้าที่ทั้งในและนอกสภาฯ ลั่น พร้อมทำหน้าที่เป็นฝ่ายค้านเชิงรุก เข้าใจความหวังของ ปชช.

,

“พปชร.”ประกาศตั้ง“ศูนย์นโยบายและวิชาการ”เปิดกว้างรับฟังทุกข้อเสนอแนะ ก่อนส่งต่อให้ สส.ทำหน้าที่ทั้งในและนอกสภาฯ ลั่น พร้อมทำหน้าที่เป็นฝ่ายค้านเชิงรุก เข้าใจความหวังของ ปชช.

พล.ต.ท.ปิยะ ต๊ะวิชัย โฆษกพรรคพลังประชารัฐ แถลงผลการประชุมคณะกรรมการบริหารพรรคนำโดย พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐโดยที่ประชุมได้เห็นควรให้มีการจัดตั้งศูนย์นโยบายและวิชาการของพรรคพลังประชารัฐ เพื่อจัดเป็นศูนย์ในการทำงานให้กับสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และทีมสมาชิกของพรรคพลังประชารัฐ ในการนำข้อมูลข่าวสารไปดำเนินการ เพื่อตอบสนองความต้องการของพี่น้องประชาชน โดยศูนย์นโยบายและวิชาการดังกล่าวจะมีนายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เป็นหัวหน้าทีม และมีนายอุตตม สาวนายน อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง รวมถึงนายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เป็นทีมงานสำคัญ

ด้านนายอุตตม กล่าวถึงศูนย์นโยบายและวิชาการของพรรคพลังประชารัฐว่า วันนี้เรามีบทบาทเป็นพรรคฝ่าย ในสภาผู้แทนราษฎร เพราะฉะนั้นศูนย์ที่เราตั้งขึ้น จะมีหน้าที่หลักในการสนับสนุนข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อการทำงานของพรรค เพื่อที่จะตอบโจทย์ให้กับประชาชน ไม่ว่าจะเป็นเชิงนโยบายหรือมาตรการที่สอดคล้องกับสถานการณ์ และยังมีหน้าที่สนับสนุน สส.และทีมงานในพื้นที่ด้วย โดยเราหวังว่า ศูนย์ของเราจะเป็นศูนย์รวมของการพัฒนาบุคลากรของพรรคพลังประชารัฐให้มีคุณภาพ เพื่อให้ประชาชนได้ข้อมูล ข่าวสารที่ถูกต้อง และจากนี้ พรรคพลังประชารัฐจะทำหน้าที่ติดตามและตรวจสอบการทำงานของรัฐบาลอย่างเข้มแข็ง

ด้านนายสนธิรัตน์ กล่าวว่า ทุกคนที่อยู่ตรงนี้จะเป็นผู้บริหารศูนย์นโยบายและวิชาการร่วมกัน โดยเราจะไม่ได้ทำงานเฉพาะในกลุ่มของพรรคพลังประชารัฐเท่านั้น แต่จะเป็นการรวบรวมความคิดเห็นของทุกฝ่ายที่อยากจะร่วมเสนอแนะ หรือต้องการให้พรรคพลังประชารัฐดำเนินการ เราเปิดกว้างที่จะรับข้อมูลจากทุกด้าน และจะใช้ข้อมูลจากเหล่านี้ในการปฎิบัติหน้าที่ทั้งในและนอกสภาฯ ในบทบาทของพรรคฝ่ายค้าน ที่จะทำหน้าที่อย่างเข้มแข็งต่อไป นี่คือความเปลี่ยนแปลงของพรรคพลังประชารัฐ เพราะเรารู้ว่า วันนี้ประชาชนต้องการความหวังจากพรรคฝ่ายค้านที่จะทำหน้าที่แทนประชาชนคนไทย

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 18 กันยายน 2567

“พลังประชารัฐ“ ห่วงใยพี่น้องชาวเชียงราย ส่งทีมช่วยเหลือบริการข้าวสาร-น้ำสะอาด หลังน้ำลดชาวบ้านต่างขอบคุณน้ำใจ ลุงป้อม  

,

“พลังประชารัฐ“ ห่วงใยพี่น้องชาวเชียงราย ส่งทีมช่วยเหลือบริการข้าวสาร-น้ำสะอาด หลังน้ำลดชาวบ้านต่างขอบคุณน้ำใจ ลุงป้อม  

 เมื่อ 15 ก.ย.67 ตั้งแต่ 08:00 น. นายพันธวัช ภูผาพันธกานต์  สมาชิกพรรคพลังประชารัฐ เขต5 จังหวัดเชียงราย  เพื่อเข้าช่วยเหลือ โดยประสานความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่อาสาสมัคร ได้จัดรถบรรทุกน้ำสะอาดและมอบสิ่งของบรรเทาทุกข์ ทั้งข้าวสาร ,น้ำดื่ม และน้ำสะอาด เพื่อมอบให้กับประชาชน ที่ได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงจากอุทกภัย  ที่ผ่านมา บริเวณพื้นที่ 3 อำเภอ ประกอบด้วย บ้านหนองสามัคคี ต.สันทรายงาม อ.เทิง   บ้านหนองบัว ต.สันทรายงาม อ.เทิง   บ้านป่าซาง ต.เม็งราย อ.พญาเม็งราย  ต.แม่ต๋ำ อ.พญาเม็งราย
บ้านป่าข่า ต.ป่าตาล อ.ขุนตาล ต.หงาว อ.เทิง   ต.ตับเต่า อ.เทิง  จ.เชียงราย   ที่ยังอยู่ในภาวะน้ำท่วมสูง ที่ยังไม่สามารถประกอบอาชีพได้ และบ้างพื้นที่อยู่ระหว่างการฟื้นฟูที่มีดินโคลนหลังน้ำลด

 ทั้งนี้จากความห่วงใยของ พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ได้มอบให้สส.และสมาชิกพรรคในพื้นที่เร่งสำรวจ และเข้าช่วยเหลือประชาชน ที่ได้รับความเดือดร้อนอย่างเต็มที่ จากการที่สมาชิกที่เข้าไปทำการช่วยเหลือในหลายครัวเรือน ต่างแสดงความตื้นตันใจและขอบคุณ พลเอก ประวิตรฯ ที่มีความห่วงใยและ ไม่ทอดทิ้งประชาชนที่กำลังประสบความเดือดร้อนจากเหตุการณ์อุทกภัยในครั้งนี้ 

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 16 กันยายน 2567

“พล.อ.ประวิตร“ ร่วมโต๊ะมื้อกลางวันกับสมาชิก พปชร. ฝากการบ้านสส.ผู้สมัครลุยดูแล ปชช.จากภัยน้ำท่วม

,

“พล.อ.ประวิตร“ ร่วมโต๊ะมื้อกลางวันกับสมาชิก พปชร. ฝากการบ้านสส.ผู้สมัครลุยดูแล ปชช.จากภัยน้ำท่วม

27 สิงหาคม 2567 พรรคพลังประชารัฐ(พปชร.) พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) พร้อมด้วย กรรมการบริหารพรรค กรรมการยุทธศาสตร์พรรค สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) โดย พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ประธานที่ปรึกษาพรรคพลังประชารัฐ รองนายกรัฐมนตรี, นายสันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุขและรองหัวหน้าพรรค, นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รองหัวหน้าพรรค นายไพบูลย์ นิติตะวัน รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ, และรองประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญ น.ส. ตรีนุช เทียนทอง รองหัวหน้าพรรค, พล.อ.กฤษณ์โยธิน ศศิพัฒนวงษ์ เหรัญญิกพรรค และนายทะเบียนพรรค นายวราเทพ รัตนากร ผู้อำนวยการพรรคพลังประชารัฐ ในฐานะกรรมาธิการวิสามัญ นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ ประธานกรรมการด้านการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ พล.ต.ท.ปิยะ ต๊ะวิชัย โฆษกพรรคพลังประชารัฐ พร้อมด้วย สส. ร่วมรับประทานอาหารกลางวันอย่างเป็นกันเอง และบรรยากาศเป็นไปด้วยความอบอุ่นของสส. และสมาชิกที่เข้ามาแสดงพลังและความมุ่งมั่น พร้อมทำงานเคียงข้าง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ในการทำงานเพื่อประชาชนต่อไป

ทั้งนี้ในการพบปะครั้งนี้ มีฝ่ายบริหาร สส. และสมาชิกของพปชร. ทยอยเดินทางเข้ามากันมาอย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกัน พล.อ.ประวิตร ได้ให้การต้อนรับทุกคนอย่างเป็นกันเอง ด้วยสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใจใสตลอดเวลา โดยได้มีการพูดคุย และฝากการทำงานให้กับสส.​ลงพื้นที่อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะสถานการณ์ภัยน้ำท่วมในภาคเหนือที่ต้องติดตาม ภายหลังได้มอบหมาย ให้นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รองหัวหน้าพรรค พล.ต.ท. ปิยะ ต๊ะวิชัย ทีมโฆษกพรรค ลงพื้นที่จ.แพร่ เมื่อเร็วๆนี้ เพื่อมอบถุงยังชีพเพื่อบรรเทาความเดือนร้อนเบื้องต้นให้กับพี่น้องประชาชน ซึ่งสถานการณ์มรสุมที่เข้ามาสู่ประเทศไทยยังมีต่อเนื่อง ทำให้ปริมาณน้ำมีมากกว่าปกติ จึงมีความเป็นห่วง ภัยน้ำท่วมจะเกิดขึ้นกับพี่น้องประชาชนในพื้นที่ภาคกลาง และกทม.

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 27 สิงหาคม 2567

“พลเอกประวิตร” มอบ “ชัยวุฒิ-พล.ต.ท.ปิยะ” รุดลงพื้นที่จังหวัดแพร่ ห่วงผู้ประสบภัยน้ำท่วม มอบถุงยังชีพ พร้อมขอบคุณเจ้าหน้าที่ร่วมแรงร่วมใจทำงานเพื่อประชาชน

,

“พลเอกประวิตร” มอบ “ชัยวุฒิ-พล.ต.ท.ปิยะ” รุดลงพื้นที่จังหวัดแพร่ ห่วงผู้ประสบภัยน้ำท่วม มอบถุงยังชีพ พร้อมขอบคุณเจ้าหน้าที่ร่วมแรงร่วมใจทำงานเพื่อประชาชน

วันที่ 26 ส.ค.เวลา 14.00 น.พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ มอบหมายให้ นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ และพลตำรวจโทปิยะ ต๊ะวิชัย ทีมโฆษกพลังประชารัฐ ลงพื้นที่ วัดปากจอก ต.ทุ่งแล้ง อ.ลอง จ.แพร่ เป็นตัวแทนมอบถุงยังชีพให้แก่ประชาชนที่ประสบปัญหาอุทกภัยในเขต พื้นที่อำเภอลอง จังหวัดแพร่ จำนวน 400 ชุด พร้อมทั้งมอบถุงยังชีพจำนวน 600 ชุด ให้กับตัวแทนนายอำเภอเด่นชัย และตัวแทนนายอำเภอวังชิ้น รับมอบถุงยังชีพ

โดย นายชัยวุฒิ กล่าวว่า พลเอกประวิตร เข้าใจถึงความเดือดร้อนของประชาชนที่บางครัวเรือนยังไม่สามารถกลับเข้าบ้านเรือนได้ เนื่องจากบ้านถูกน้ำท่วมและประชาชนหลายคนยังขาดแคลนเสื้อผ้า เครื่องนุ่งห่ม รวมถึงการใช้ชีวิตประจำวันก็ได้รับผลกระทบอย่างหนัก พลเอกประวิตร จึงห่วงใยพี่น้องประชาชนที่ประสบภัย โดยขอให้กำลังให้ทุกคนให้ผ่านพ้นวิกฤตินี้ไปได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งพรรคพลังประชารัฐหวังว่ามอบถุงยังชีพที่เรานำมาแจกจ่ายให้กับประชาชนจะสามารถบรรเทาความเดือดร้อนในเบื้องต้นได้

“พรรคพลังประชารัฐ นำโดยท่านหัวหน้ามีความเป็นห่วงใยความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชน ที่กำลังได้รับกับความเดือดร้อน และยากลำบากในครั้งนี้ และขอเป็นกำลังใจให้พี่น้องชาวแพร่ทุกท่าน ผ่านพ้นวิกฤติในครั้งนี้ ไปโดยเร็ว“ นายชัยวุฒิกล่าว

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 26 สิงหาคม 2567

“สส.รัชนี”กรมทางหลวงชนบท กระทรวงคมนาคมก่อสร้างสะพาน คสล.แทนสะพานไม้เดิมในพื้นที่ 2 จุด หลังตัวคานไม้ชำรุดมาก จนเกินศักยภาพที่ชาวบ้านและท้องถิ่นจะซ่อมแซมได้

,

“สส.รัชนี”กรมทางหลวงชนบท กระทรวงคมนาคมก่อสร้างสะพาน คสล.แทนสะพานไม้เดิมในพื้นที่ 2 จุด หลังตัวคานไม้ชำรุดมาก จนเกินศักยภาพที่ชาวบ้านและท้องถิ่นจะซ่อมแซมได้

นางรัชนี พลซื่อ สส.ร้อยเอ็ด เขต 3 พรรคพลังประชารัฐ(พปชร.) กล่าวหาหรือในที่ประชุมสภาถึงปัญหาความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชน ผ่านไปยังกรมทางหลวงชนบท กระทรวงคมนาคม เพื่อให้ก่อสร้างสะพาน คสล. แทนสะพานไม้เดิม ที่ก่อสร้างโดยสำนักงานเร่งรัดพัฒนาชนบท ซึ่งปัจจุบันมีสภาพชำรุดไม่ปลอดภัยในการใช้สัญจรไปมา แต่พี่น้องประชาชนก็มีความต้องการ และจำเป็นในการสัญจรไปมา เพราะเป็นสะพานที่ใช้ข้ามไปไร่นา และขนส่งผลผลิตทางการเกษตรเข้าหมู่บ้าน ที่ผ่านมาชาวบ้านให้ช่วยกันเรี่ยไรเงินซ่อมแซมเป็นประจำทุกปี เพื่อให้คงสภาพพอที่จะใช้สัญจรไปมาได้ แต่ปัจจุบันสภาพตัวคานไม้ชำรุดมาก จนเกินศักยภาพที่ชาวบ้านและท้องถิ่นจะซ่อมแซมได้ จึงขอให้กรมทางหลวงชนบทก่อสร้างสะพาน คสล. ขนาดกว้าง 6 เมตร ขนาดความยาวตามความกว้างของลำห้วย 2 แห่งรายละเอียดดังนี้

1.ก่อสร้างสะพาน คสล. แทนสะพานไม้เดิม ข้ามหนองมะทอง พร้อมถนนลาดยางเชื่อมทั้ง 2 ฝั่ง จุดบ้านหนองหว้าหมู่ 10 ตำบลกกโพธิ์ อำเภอหนองพอก จังหวัดร้อยเอ็ด

2.ก่อสร้างสะพาน คสล.แทนสะพานไม้เดิม ข้ามลำห้วยยางบ้านพรหมจรรย์ หมู่ 4 ตำบลโคกกกม่วง อำเภอโพนทอง จังหวัดร้อยเอ็ด จุดนา สท.วัชริยา พร้อมก่อนสร้างถนนลาดยาง เชื่อมสะพานทั้ง 2 ฝั่ง

3.ขอให้กรมชลประทาน กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เพื่อก่อสร้างและขยายสะพานข้ามลำห้วยยาง จุดบ้านดงกลางหมู่ 3 ตำบลโคกกกม่วง อำเภอโพนทอง ไปยังบ้านหนองฝ้ายน้ำ ตำบลศรีวิลัย อำเภอเสลภูมิ จังหวัดร้อยเอ็ด ซึ่งเป็นสะพานของกรมชลประทาน มีความกว้างเพียง 1 เมตร รถยนต์ไม่สามารถที่จะข้ามได้
จึงขอให้ก่อสร้างและขยายความกว้างของสะพานเป็น 6 เมตร ความยาวตามความกว้างของลำห้วย และขอให้ก่อสร้างถนนลาดยางทั้ง 2

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 23 สิงหาคม 2567