โลกเปลี่ยน ไทยต้องปรับ ทางเลือกใหม่ของการเมืองไทย ก้าวข้ามความขัดแย้ง สานพลังประชาราษฎร์ ร่วมสร้างชาติให้ยั่งยืน

หมวดหมู่: กิจกรรม ส.ส. และสมาชิก

“จำลอง ว่าที่ ส.ส.กาฬสินธุ์”เตรียม ผลักดันระบบชลประทาน ช่วยเกษตรกรได้เพาะปลูก สร้างรายได้ พร้อมทำหน้าที่เป็นปากเป็นเสียงอย่างเต็มที่

,

“จำลอง ว่าที่ ส.ส.กาฬสินธุ์”เตรียม ผลักดันระบบชลประทาน
ช่วยเกษตรกรได้เพาะปลูก สร้างรายได้ พร้อมทำหน้าที่เป็นปากเป็นเสียงอย่างเต็มที่

นายจำลอง ภูนวนทา ว่าที่ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร(ส.ส.) จ. กาฬสินธุ์ เขต 3พรรคพลังประชารัฐ(พปชร.) เปิดเผยว่า ที่ผ่านมาตั้งแต่สมัยที่เคยดำรงตำแหน่งสมาชิกสภาจังหวัดกาฬสินธุ์(สจ.) รวมถึงลงรับสมัครเลือกตั้ง ส.ส.มา 6 สมัย ใช้เวลากว่า 24 ปี ในอดีตแม้ยังไม่ได้เป็น ส.ส.แต่ตนก็ทำงานเพื่อประชาชนในพื้นที่มาโดยตลอด ซึ่งในครั้งนี้ ตนต้องขอขอบคุณชาวกาฬสินธุ์ที่ให้ความไว้วางใจและโอกาสได้มาทำหน้าที่เป็น ส.ส.โดยตนจะเป็นตัวแทนพี่น้องประชาชน เป็นปาก เป็นเสียง ผลักดันแผนงานโครงการตลอดจนการนำเสนอนโยบายต่างๆ เพื่อมาพัฒนากาฬสินธุ์ให้ดีขึ้น ประชาชนมีอาชีพ มีรายได้

นายจำลอง กล่าวต่อว่า ปัญหาในพื้นที่ส่วนใหญ่เป็นเรื่องการประกอบอาชีพเกษตรกรรมเป็นหลัก ที่ยังขาดแคลนเรื่องน้ำในการเกษตรกรรม แม้ว่าในพื้นที่จะมีเขื่อนลำปาวซึ่งเป็นแหล่งเก็บน้ำขนาดใหญ่ แต่ก็ยังไม่มีระบบชลประทานให้ประชาชนที่อาศัยอยู่ตอนบนของเขื่อนเลย ทำให้ประชาชนเหล่านั้นไม่สามารถนำน้ำในเขื่อนมาใช้ทำการเกษตรได้มากเท่าที่ควร สิ่งจำเป็นที่สุดคือการผลักดันระบบชลประทานให้เกิดขึ้น ซึ่งจะส่งผลให้ประชาชนอาชีพมีรายได้มีอาชีพที่มั่นคงและมีรายได้ที่แน่นอนมากยิ่งขึ้น และลดปัญหาการอพยพแรงงานเข้าสู่ เมืองหลวงต่อไป

“แผนกรมชลประทานที่วางระบบชลประทานดำเนินการตามแผนในปี 67 ในฐานะที่ผมได้รับเลือกเป็น ส.ส.ในพื้นที่จะเข้ามาติดตาม และผลักดันเรื่องดังกล่าวให้เกิดขึ้นโดยเร็ว เพราะเป็นโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญ เพราะประชาชนให้ความหวังและมีความต้องการสูง โดยเฉพาะในพื้นที่เขตเลือกตั้งที่ 3 ที่กระผมรับผิดชอบซึ่งประกอบด้วย อ.หนองกุงศรี อ.ห้วยเม็ก และ อ.ท่าคันโท ผมจะผลักดันให้เกิดการแก้ปัญหาจัดหาแหล่งน้ำ จัดหาที่ดินทำกิน ช่วยให้เกษตรกรได้เพาะปลูกพืชสร้างรายได้ให้กับครอบครัว รวมถึงการแก้ไขปัญหาราคาพืชผลทางการเกษตร เพื่อให้ประชาชนชาว จ.กาฬสินธุ์ มีชีวิตและความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นอย่างแน่นอน”นายจำลอง กล่าว

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 14 มิถุนายน 2566

“กระแสร์ ว่าที่ ส.ส.หนองคาย”เผย เร่งประสานภาครัฐ หวังยกระดับการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม สร้างรายได้ให้ชาวบ้าน ย้ำ ต้องเกิดรัฐสวัสดิการดูแลคนไทยให้ทั่วถึง

,

“กระแสร์ ว่าที่ ส.ส.หนองคาย”เผย เร่งประสานภาครัฐ หวังยกระดับการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม สร้างรายได้ให้ชาวบ้าน ย้ำ ต้องเกิดรัฐสวัสดิการดูแลคนไทยให้ทั่วถึง

12 มิถุนาย 2566 นายกระแสร์ ตระกูลพรพงศ์ ว่าที่ ส.ส.จังหวัดหนองคาย เขต 1 พรรคพลังประชารัฐ กล่าวว่า สำหรับพื้นที่ ๆ ตนดูแลอยู่เป็นลักษณะเขตเมือง ได้รับประโยชน์จากโครงการรถไฟฟ้าความเร็วสูง ทำให้เกิดบรรยากาศความคึกคักของพื้นที่ มีประชาชนที่เดินทางท่องเที่ยวเป็นจำนวนมาก เพื่อเดินทางต่อไปยังสปป.ลาว ตนมองว่าต้องเร่งส่งเสริมการท่องเที่ยวภายในจังหวัด ทั้งทางวัฒนธรรม ศาสนา ซึ่งมีวัดหลวงพ่อพระใส ที่เป็นนับถือของคนทั้งฝั่งไทยลาว ซึ่งจะสามารถสร้างรายได้ให้กับประชาชนได้เพิ่มขึ้น จึงต้องเตรียมความพร้อม โดยการประสานหน่วยงานในพื้นที่ เพื่อยกระดับการท่องเที่ยวจังหวัดหนองคายมากขึ้น

“ในส่วนของการดูแลชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนนั้น ส่วนใหญ่อยากให้มีการพัฒนาเศรษฐกิจ ความเป็นอยู่ และยกระดับคุณภาพชีวิตของชาวหนองคายให้ดีขึ้น ผมก็จะดำเนินการตามนโยบายของพรรคพลังประชารัฐที่ได้หาเสียงไว้ ไม่ว่าพรรคเราจะเป็นฝ่ายค้านหรือรัฐบาล ผมจะผลักดันเพื่อให้เกิดรัฐสวัสดิการที่ดูแลคนไทยทุกคนอย่างทั่วถึง เท่าเทียม และเป็นธรรมให้ได้ และที่สำคัญ เราจะร่วมกันพัฒนาจังหวัดหนองคาย เพราะจังหวัดหนองคายคือบ้านของเรา”

นายกระแสร์ ยังกล่าวถึงเกษตรกร จ.หนองคายว่า ถือว่าเป็นโชคดี ที่พื้นที่เกษตรกรตั้งอยู่ติดกับลำน้ำโขง ทำให้ไม่ต้องเผชิญปัญหาภัยแล้ง สามารถทำนาปี และนาปรังได้ตลอดทั้งปี แต่ปัญหาเรื่องของน้ำฤดูมรสุมที่จะมีปริมาณน้ำมาก ทำให้บางพื้นที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยที่ต้องรอการระบายน้ำ ทำให้ประชาชนได้รับผลกระทบ เรื่องนี้คงต้องเร่งให้ความช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ และประสานเจ้าหน้าที่ช่วยเหลือเป็นการเฉพาะหน้า

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 12 มิถุนายน 2566

“โชติวุฒิ ว่าที่ ส.ส.สิงห์บุรี”เร่งประสานช่วยชาวบ้านหลังได้รับเงินเยียวยาน้ำท่วมน้อยกว่าความเสียหาย เผย ถึงได้เป็น ส.ส.แต่ยังเป็นคนเดิม พบง่าย ใช่คล่อง

,

“โชติวุฒิ ว่าที่ ส.ส.สิงห์บุรี”เร่งประสานช่วยชาวบ้านหลังได้รับเงินเยียวยาน้ำท่วมน้อยกว่าความเสียหาย เผย ถึงได้เป็น ส.ส.แต่ยังเป็นคนเดิม พบง่าย ใช่คล่อง

นายโชติวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ ว่าที่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จ.สิงห์บุรี พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.)กล่าวถึงการพัฒนาพื้นที่ จ.สิงห์บุรี ว่า หลักๆ เป็นเรื่องการส่งเสริมภาคเกษตร เพราะประชาชนส่วนใหญ่มีอาชีพเพาะปลูกข้าวเป็นหลัก น้ำจึงเป็นปัจจัยสำคัญ ที่ต้องมีการบริหารให้เพียงพอในช่วงฤดูแล้ง รวมถึงการส่งเสริมการลดต้นทุนภาคเกษตรให้อยู่รอดต่อไปได้ หากน้ำสามารถบริหารจัดการได้มีประสิทธิภาพ ทำให้ชาวนาเพาะปลูกได้ต่อเนื่อง

“ปัญหาอุทกภัยคืออีกหนึ่งเรื่องที่ต้องเร่งแก้ไข เพราะพื้นที่ จ.สิงห์บุรี เป็นพื้นที่รับน้ำ ต้องผลักดันให้มีการก่อสร้างเขื่อนริมสองฝั่ง แม่น้ำเจ้าพระยา ขณะนี้คืบหน้าไปแล้ว 50-60% อย่างล่าสุดเมื่อวันที่ 2 มิ.ย.ก็ได้มีประชาชนที่ประสบอุทกภัย ปี 2565 มาร้องเรียนเรื่องการได้รับเงินช่วยเหลือเยียวยาน้อยเกินกว่าความเสียหายที่ได้รับ ซึ่งผมก็ได้ประสานไปยัง จ.สิงห์บุรี และป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย รวมถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ให้นำปัญหาที่เกิดขึ้นไปตรวจสอบและเร่งหาทางการแก้ไขให้ชาวบ้านอย่างเร่งด่วน”

นายโชติวุฒิ กล่าวต่อว่า จ.สิงห์บุรี เป็นแหล่งท่องเที่ยว ที่สำคัญของประเทศ เพราะเป็นแหล่งประวัติศาสตร์ มีแหล่งท่องเที่ยวสำคัญ มีความอุดมสมบูรณ์และมีอาหารที่หลากหลาย แต่ด้วยปัจจัยระยะทาง กรุงเทพ ถึงสิงห์บุรี ระยะทางกว่า 100 กม.ทำให้นักท่องเที่ยวที่จะพักค้างคืนมีจำนวนน้อย จึงต้องเร่งส่งเสริมให้เข้าพักมากขึ้น โดยการร่วมมือกับองค์การบริหารส่วนจังหวัด และผู้นำชุมชนสนับสนุนจัดกิจกรรม มากขึ้นทั้งในรูปแบบจัดกิจกรรมวิ่งมาราธอน หรือกิจกรรมอื่นๆ เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยว เพราะที่ผ่านมาเมื่อมีกิจกรรมเหล่านี้ ทำให้ประชาชนในพื้นที่มีการค้าขาย มีรายได้ เศรษฐกิจในท้องถิ่นก็จะดีขึ้น

“ตัวผมไม่เคยยึดติด วันนี้ผมได้เป็น ส.ส. แต่ผมก็ยังเป็นผมคนเดิมที่ทุกท่านคุ้นเคย และรู้จักกันดี ยังคงพบง่าย ใช้คล่อง และพร้อมทำหน้าที่รับใช้ประชาชนอย่างสุดความสามารถ เพื่อพัฒนาเมืองสิงห์บุรีของเราให้เจริญยิ่งขึ้น”

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 10 มิถุนายน 2566

“ภาคภูมิ”เตรียมติดตามเร่งรัดการขออนุญาตใช้พื้นที่ป่าพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ยกระดับคุณภาพชีวิตประชาชน วางระบบถนน ไฟฟ้าเข้าถึงชุมชน ที่อยู่ห่างไกล

,

“ภาคภูมิ”เตรียมติดตามเร่งรัดการขออนุญาตใช้พื้นที่ป่าพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน
ยกระดับคุณภาพชีวิตประชาชน วางระบบถนน ไฟฟ้าเข้าถึงชุมชน ที่อยู่ห่างไกล

นายภาคภูมิ บูลย์ประมุข ว่าที่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) จ.ตาก เปิดเผยว่า ในพื้นที่ จ.ตาก มีปัญหาเร่งด่วนที่ต้องช่วยเหลือประชาชน เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิต ในด้านการเข้าถึงระบบสาธารณูปโภค ไฟฟ้า ถนน วางโครงข่ายโทรศัพท์ การพัฒนาสถานศึกษา ระบบสาธารณสุข และที่ทำกินของประชาชนบนพื้นที่สูง และชุมชนต่างๆ เนื่องจากพื้นที่จังหวัดเป็นพื้นที่ป่า ต้องประสานงานขออนุญาต เพื่อขอใช้พื้นที่ในการดำเนินการ โดยให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดูแลผืนป่า เป็นผู้อนุญาต เร่งรัดขั้นตอน เพื่อช่วยเหลือประชาชนเข้าถึงสิ่งอำนวยความสะดวก ทั้งนี้จากการที่ตนได้รับความไว้วางใจจากประชาชน ให้เป็นตัวแทนทำหน้าที่ในสภาฯ พร้อมที่จะติดตามและเร่งรัดเรื่องนี้ต่อไป ให้เกิดขึ้นโดยเร็ว เนื่องจากที่ผ่านมาการขออนุญาตใช้พื้นที่มีขั้นตอนที่ยุ่งยาก ใช้เวลานานมาก ทำให้ประชาชนขาดโอกาสเป็นจำนวนมาก

ในปัจจุบันจังหวัดตากมีการขยายตัวของระบบเศรษฐกิจ จึงมีความจำเป็นต้องพัฒนาระบบโครงสร้างพื้นฐาน เพื่อรองรับพื้นที่ส่วนใหญ่ที่ยังเป็นป่า และดอยสูง นอกจากนี้ประชาชนยังมีความหลากหลายทางชาติพันธ์ที่ต้องดูแล คุณภาพชีวิต ที่ผ่านมาการพัฒนาเป็นไปด้วยความยากลำบากในการเข้าถึงความเจริญ เพราะติดเงื่อนไขของกฎหมาย และระเบียบต่างๆ แต่หากสามารถลดหรือยกเว้นได้ ก็จะทำให้เกิดพัฒนาระบบเศรษฐกิจทั้งจังหวัด เป็นการลดความเหลื่อมล้ำในสิทธิ์ของประชาชนที่ควรจะได้รับอย่างเท่าเทียมกัน”นายภาคภูมิ กล่าว

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 9 มิถุนายน 2566

“องอาจ ว่าที่ ส.ส.สระบุรี”มั่นใจ จะทำหน้าที่ ส.ส.ให้ดีตอบแทนความไว้วางใจของ ปชช.เดินหน้า พัฒนาระบบน้ำ ไม่แล้ง ไม่ท่วม เพื่อเกษตรกร

,

“องอาจ ว่าที่ ส.ส.สระบุรี”มั่นใจ จะทำหน้าที่ ส.ส.ให้ดีตอบแทนความไว้วางใจของ ปชช.เดินหน้า พัฒนาระบบน้ำ ไม่แล้ง ไม่ท่วม เพื่อเกษตรกร

นายองอาจ วงษ์ประยูร ว่าสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จ.สระบุรี พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.)กล่าวว่า ภาย
หลังจากที่ได้รับชัยชนะในพื้นที่ เขต 4 จ. สระบุรี ตนได้ทำงานลงพื้นที่ต่อเนื่อง แต่ขณะนี้ยังรอการรับรองจากคณะกรรมการเลือกตั้ง(กกต.)อย่างเป็นทางการ ซึ่งได้มีการขอบคุณไปยังผู้นำชุมชน ต่างๆ ที่ให้การสนับสนุน การเข้ามาทำงานในครั้งนี้ ตนขออาสาดูแลทุกคน โดยการสานผลงานเก่า สร้างผลงานใหม่ ให้ชาวสระบุรี มีน้ำใช้ พัฒนาระบบน้ำ ชลประทานที่ดี ไม่แล้ง ไม่ท่วม เพื่อชุมชนและพี่น้องเกษตรกรชาวสระบุรีอย่างต่อเนื่องเพราะการบริหารจัดการน้ำเป็นเรื่องสำคัญ ต้องให้เพียงพอความต้องการใช้ของภาคเกษตร ซึ่งมีพื้นที่เพาะปลูกข้าวถึง 70% ด้วยเกษตรกรมีความต้องการเพาะปลูกปีละ 2 ครั้งขึ้นไปทั้งนาปี และนาปรัง

นายองอาจ กล่าวต่อว่า ตนจะทำหน้าที่ ส.ส.อย่างเต็มที่ ทั้งในการประสาน และผลักดันในระดับกระทรวง โดยกรมชลประทาน และในสภาฯ ที่สามารถตั้งกระทู้ถามถึงความคืบหน้าในการจัดการน้ำให้เพียงพอ ซึ่งถือเป็นนโยบายของพรรค ที่ได้หาเสียงไว้ ภายใต้การนำของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ มีนโยบาย “มีเรา ไม่มีแล้ง มีน้ำ ไม่มีจน ” ซึ่งเป็นนโยบายที่ประชาชน ชาวสระบุรี มีความประสงค์ และต้องการให้แก้ปัญหาเกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม ทั้งภัยแล้งและอุทุกภัย

“ผมขอขอบคุณทุกความเชื่อมั่น และความไว้วางใจที่มอบให้ผมและพรรคพลังประชารัฐ ผมจะนำประสบการณ์ทั้งในและนอกสภา มาทำหน้าที่ให้สมบูรณ์ที่สุด”นายองอาจ กล่าว

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 8 มิถุนายน 2566

“วิริยะ ว่าที่ ส.ส.มุกดาหาร”เผย วางแผนงานพัฒนาโครงการฝ่ายชะลอน้ำ แก้ปัญหาภัยแล้งหลังฝนทิ้งช่วงยาว เตรียมทำงานทันทีหลัง กกต.ประกาศรับรอง ส.ส.

,

“วิริยะ ว่าที่ ส.ส.มุกดาหาร”เผย วางแผนงานพัฒนาโครงการฝ่ายชะลอน้ำ แก้ปัญหาภัยแล้งหลังฝนทิ้งช่วงยาว เตรียมทำงานทันทีหลัง กกต.ประกาศรับรอง ส.ส.

นายวิริยะ ทองผา ว่าที่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) จ.มุกดาหาร เขต 1 กล่าวถึงปัญหาของพื้นที่ภาคอีสานในปัจจุบันที่ประสบปัญหาภัยแล้ง เนื่องจากฝนทิ้งช่วง โดยสิ่งที่จะต้องเข้าไปช่วยเหลือประชาชนเบื้องต้นเป็นเรื่องของการจัดหาแหล่งน้ำ โดยประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมถึงโครงการที่จะต้องเร่งส่งเสริมให้เกิดขึ้นในพื้นที่คือ การพัฒนาโครงการฝ่ายชะลอน้ำ และพัฒนาอ่างเก็บน้ำซึ่งถือว่าเป็นปัญหาที่สำคัญ

นายวิริยะ กล่าวต่อว่า ในส่วนปัญหาแรงงานในพื้นที่ตอนนี้ก็ประสบกับภาวะขาดแคลนจึงจำเป็นจะต้องมีแผนส่งเสริมอาชีพเพื่อให้คนอยู่ถิ่นฐานมากยิ่งขึ้น ซึ่งสอดรับกับแผนการจัดหาน้ำ ถ้ามีน้ำการย้ายถิ่นฐานก็จะลดลง ปัญหาขาดแคลนแรงงานก็จะน้อยลงไปด้วย เพราะพื้นที่ภาคอีสานยังสามารถที่จะทำกินได้เป็นอย่างดี

“ในขณะนี้ผมเพิ่งได้รับตำแหน่งเป็นว่าที่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ก็คงจะต้องรอผลการรับรองจากคณะกรรมการเลือกตั้งหรือ กกต.ให้เรียบร้อยก่อน ซึ่งหากรับรองแล้วก็จะมีการประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและเร่งดำเนินการทันที โดยพบกับผู้ว่าฯรายการจังหวัดและหัวหน้าสำนักงานต่างๆ”นายวิริยะ กล่าว

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 8 มิถุนายน 2566

“ชัยมงคล ว่าที่ ส.ส.สกลนคร”เชื่อ ปักธงสำเร็จเพราะนโยบาย พปชร.-รถไฟความเร็วสูง เดินหน้าแก้หนี้สินให้เกษตรกร

,

“ชัยมงคล ว่าที่ ส.ส.สกลนคร”เชื่อ ปักธงสำเร็จเพราะนโยบาย พปชร.-รถไฟความเร็วสูง เดินหน้าแก้หนี้สินให้เกษตรกร

นายชัยมงคล ไชยรบ ว่าที่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) จ.สกลนคร เขต 5 กล่าวว่า ในการเลือกตั้งที่ผ่านมา ขอขอบพระคุณทุกคะแนนเสียงที่มอบให้ตน ซึ่งเป็นคนสว่างแดนดินให้ได้เป็นผู้แทน การได้รับเลือกครั้งนี้เป็นตนตั้งใจจะเปลี่ยนเพื่อพัฒนาสว่างแดนดินให้ดีขึ้น จะถือโอกาสทำงานพัฒนาเมืองสว่างฯ ให้เจริญก้าวหน้า เรามีเป้าหมายชัดเจนในการฟื้นฟูเศรษฐกิจ โดยต้องแก้ไขปัญหาหนี้สิน ควบคู่กับการสร้างรายได้ เนื่องจากปัจจุบันประชาชนประสบกับหนี้สินทั้งในและนอกระบบจำนวนมาก

นายชัยมงคล กล่าวต่อว่า สิ่งที่ตนได้บอกกับประชาชนในพื้นที่ก็คือ ตนจะผลักดันให้จังหวัดสกลนครมีการพัฒนาด้านคมนาคมด้วยรถไฟความเร็วสูงเพื่อการขนส่ง และสกลนครจะต้องอยู่ในแผนของการวางระบบโครงสร้างพื้นฐาน ที่จะนำรถไฟความเร็วสูง จากอุดรธานี ผ่านสกลนคร ไปนครพนม แม้ว่าจะได้เป็นรัฐบาลหรือฝ่ายค้านก็ตาม เรื่องนี้คือยุทธศาสตร์ในการพัฒนาที่ตนตั้งใจว่าจะทำให้ได้ และประชาชนก็ขานรับเป็นอย่างดี เพราะสาเหตุที่ทำให้ประชาชนตัดสินใจให้ตนมาเป็นผู้แทนฯนอกเหนือจากนโยบายของพรรคพลังประชารัฐแล้ว ก็มาจากนโยบายรถไฟความเร็วสูงด้วย

“รถไฟความเร็วสูงที่จะเกิดขึ้น จะทำให้เกิดการสร้างรายได้ให้กับชาวบ้าน เพราะจะสามารถส่งออกผลผลิตทางการเกษตรเพิ่มขึ้น ถือว่าเป็นการแก้ไขปัญหาอย่างยั่งยืน ไม่ใช่การที่ต้องนำเอางบประมาณจากภาครัฐลงไปสนับสนุนอยู่ตลอดเวลา และก็แก้ปัญหาได้เพียงชั่วคราวเท่านั้น”นายชัยมงคล กล่าว

นายชัยมงคล กล่าวต่อว่า ตนยังมีโครงการระบบสูบน้ำพลังงานแสงอาทิตย์เพื่อการเกษตรด้วยที่ตั้งใจจะผลักดันให้สำเร็จเพราะเป็นบริหารการจัดการน้ำและส่งเสริมวิถีชุมชนการเกษตรที่ยั่งยืน โดยจะสูบน้ำจากบ่อบาดาลด้วยพลังงานแสงอาทิตย์ หรือโซล่าเซลล์ ถือเป็นการพัฒนาระบบโครงสร้างพื้นฐาน และยกระดับคุณภาพชีวิต เพิ่มรายได้ให้กับเกษตรกรมากยิ่งขึ้น อีกทั้งยังเป็นการลดต้นทุนทางการเกษตรโดยที่ไม่ต้องใช้น้ำมันอีกด้วย

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 3 มิถุนายน 2566

“รัชนี ว่าที่ ส.ส.ร้อยเอ็ด”ประกาศ พร้อมดูแล ปชช.แก้ปัญหาทุกเรื่องตามที่หาเสียงไว้ เชื่อ ทำงานไม่เคยหยุด จนได้ใจชาวร้อยเอ็ด ส่งเข้าสภาฯอีกสมัย

,

“รัชนี ว่าที่ ส.ส.ร้อยเอ็ด”ประกาศ พร้อมดูแล ปชช.แก้ปัญหาทุกเรื่องตามที่หาเสียงไว้ เชื่อ ทำงานไม่เคยหยุด จนได้ใจชาวร้อยเอ็ด ส่งเข้าสภาฯอีกสมัย

นางรัชนี พลซื่อ ว่าที่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) จ.ร้อยเอ็ด เขต 3 กล่าวถึงการทำหน้าที่ ส.ส.ในสภาภายหลังได้รับการรับรองจากคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.)ว่า สิ่งแรกจะต้องเน้นการนำนโยบายของพรรคที่เราได้หาเสียงไว้เพื่อช่วยเหลือพี่น้องประชาชน ทั้งเรื่องที่ทำกินและแก้ปัญหาภัยแล้ง รวมถึงการประสานงานเพื่อให้ได้เอกสารสิทธิ์ สปก.เพื่อการทำอาชีพเกษตรที่มั่นคงสร้างรายได้ให้กับครอบครัวตามแนวทางของพรรคพลังประชารัฐ

นางรัชนี กล่าวต่อถึงเรื่องของพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ไม่ว่าจะเป็นถนนที่ได้ผลักดันมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งถือเป็นผลงานในช่วงที่ผ่านมาของตนเอง และจำเป็นที่ต้องทำต่อเนื่อง โดยเฉพาะการปรับปรุงเส้นทางที่ชำรุดให้คงสภาพใช้งานเพื่อการสัญจรที่สะดวกของประชาชน ซึ่งส่วนนี้เป็นสิ่งสำคัญที่สร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนจนได้รับคะแนนเสียง และชนะการเลือกตั้งในครั้งนี้

“เราไม่เคยหยุดที่จะทำงาน ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาไม่ว่าจะมีตำแหน่งหรือไม่มีตำแหน่งก็ตาม ครอบครัวพลซื่อ พร้อมแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนให้กับประชาชน และประชาชนสามารถเข้าถึงในทุกรูปแบบ แจ้งปัญหาที่เกิดขึ้น ทั้งพบปะ โทรศัพท์ ทั้งงานบุญ งานลงพื้นที่ ไม่เคยขาด”นางรัชนี กล่าว

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 3 มิถุนายน 2566

“ปกรณ์ จีนาคำ” เดินสายขอบคุณ ปชช. พร้อมทำงานพัฒนา จ.แม่ฮ่องสอน เล็งผลักดันเสนอยกจังหวัดแม่ฮ่องสอนให้เป็น “จังหวัดพิเศษ” เพื่อลดปัญหารายได้ต่อหัวต่ำ และแรงงานฝีมือ รวมถึงข้าราชการขาดแคลน

,

“ปกรณ์ จีนาคำ” เดินสายขอบคุณ ปชช. พร้อมทำงานพัฒนา จ.แม่ฮ่องสอน เล็งผลักดันเสนอยกจังหวัดแม่ฮ่องสอนให้เป็น “จังหวัดพิเศษ” เพื่อลดปัญหารายได้ต่อหัวต่ำ และแรงงานฝีมือ รวมถึงข้าราชการขาดแคลน

นายปกรณ์ จีนาคำ ว่าที่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จ.แม่ฮ่องสอน เขต 1 เปิดเผยว่า ตนได้ลงพื้นที่ขอบคุณประชาชนในทุกอำเภอที่ให้ความไว้วางใจตนเอง ซึ่งขณะนี้กำลังรอการรับรองผลอย่างเป็นทางการจากคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต. ) เมื่อรับรองแล้ว ตนจะเดินหน้าแก้ไขปัญหาต่างๆ โดยเฉพาะการขาดแคลนบุคลากรของหน่วยราชการ ซึ่งเป็นปัญหาหลักของการขับเคลื่อนจังหวัด ด้วยข้อจำกัดของภูมิศาสตร์ที่จังหวัดแม่ฮ่องสอน เป็นพื้นที่ห่างไกล ทำให้บุคลากรที่จะมาบรรจุทำงานในพื้นที่มีไม่มาก และไม่เพียงพอต่อการบริหารงานด้านต่างๆให้มีประสิทธิภาพ ตนจึงตั้งใจว่า ทันทีที่เปิดสภาฯ จะเร่งเสนอให้มีการยกฐานะของจังหวัด เป็นเมืองพิเศษ เช่นเดียวกับ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ และให้มีการกระจายอำนาจไปยังท้องถิ่นมากขึ้น

“จังหวัดแม่ฮ่องสอน ประสบปัญหาขาดแคลนบุคลากร ของหน่วยราชการ ที่จะเข้ามาให้บริการประชาชน ผมต้องการให้จังหวัดแม่ฮ่องสอนมีข้าราชการเพียงพอต่อการพัฒนาพื้นที่ ทั้งด้าน เศรษฐกิจ สังคม และสุขอนามัย เพื่อให้ทัดเทียมกับพื้นที่อื่นๆ ผมเห็นว่า ควรมีการผ่อนผันข้อบังคับระบบราชการ โดยการสร้างแรงจูงใจ การปฎิบัติหน้าที่ของบุคลากร ที่จะเข้ามาบรรจุในพื้นที่ และควรมีระยะเวลาทำงานในพื้นที่ได้นานขึ้น การพิจารณาความเหมาะสม ของค่าตอบแทน ค่าเดินทาง พร้อมทั้งเพิ่มอำนาจการอนุมัติให้กับผู้ว่าราชการจังหวัด การใช้พื้นที่ป่า เพื่อการพัฒนาระบบสาธารณูปโภค ทั้งไฟฟ้า ถนน เป็นไปอย่างรวดเร็วมากขึ้น”นายปกรณ์ กล่าว

นายปกรณ์ กล่าวต่อว่า ส่วนปัญหาในเรื่องของที่ทำกิน จะต้องเร่งผลักดันให้มีการออกใบอนุญาตโดยเร็ว เพื่อแก้ปัญหาดังกล่าว เพราะปัจจุบันมีประชาชน กว่า 2 หมื่นครัวเรือนที่ยังไม่ได้รับใบอนุญาตในการเข้าทำกินในพื้นที่ป่าเสื่อมโทรม ตามนโยบายคณะอนุกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ (คทช.) เพื่อเป็นการลดปัญหาการบุกรุกป่า เพราะพื้นที่แม่ฮ่องสอนมีประชาชนที่เป็นกลุ่มชาติพันธ์หลากหลาย เน้นทำการเพาะปลูกอยู่ในพื้นที่สูงซึ่งส่วนใหญ่เป็นพื้นที่ป่า ดังนั้นควรส่งเสริมให้เกิดอาชีพที่มั่นคง และลดกระทำผิดทางกฎหมาย พร้อมให้เป็นแนวร่วมในการดูแลฟื้นฟูป่าให้อุดมสมบูรณ์มากขึ้นไปพร้อมกัน

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 2 มิถุนายน 2566

เดินหน้าทำงานไม่ต้องรอ กกต.!”อัครแสนคีรี ว่าที่ ส.ส.ชัยภูมิ”ลงพื้นที่ประสานเครื่องจักรฟื้นฟูแหล่งน้ำ รับมือหน้าฝน ลั่น เกษตรกรชัยภูมิต้องก้าวสู่ตลาดโลก

,

เดินหน้าทำงานไม่ต้องรอ กกต.!”อัครแสนคีรี ว่าที่ ส.ส.ชัยภูมิ”ลงพื้นที่ประสานเครื่องจักรฟื้นฟูแหล่งน้ำ รับมือหน้าฝน ลั่น เกษตรกรชัยภูมิต้องก้าวสู่ตลาดโลก

นายอัครแสนคีรี โล่ห์วีระ ว่าที่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) จ.ชัยภูมิ เขต 7 กล่าวว่า ในช่วงระหว่างรอการรับรองจากคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.)ตนก็ได้ลงพื่นที่หนองซ่อ ม.3 บ้านโคกสง่า ตำบลห้วยไร่ ซึ่งปัจจุบันมีสภาพปกคลุมไปด้วยวัชพืชจำนวนมาก ทำให้กักเก็บน้ำไม่ได้ และยังเป็นด่านรับน้ำด่านหน้าของอำเภอคอนสวรรค์ โดยเฉพาะช่วงหน้าฝนที่น้ำจากบนเขาภูแลนคาจะไหลมาตรงนี้ จึงจำเป็นที่จะต้องรีบเอาวัชพืชออก เพื่อให้กักเก็บน้ำได้มากขึ้นทั้งหน้าแล้งและหน้าฝน ตนจึงได้เร่งประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้รีบเข้ามาดูเพื่อประสานเครื่องจักรฟื้นฟูแหล่งน้ำ โดยเบื้องต้นทราบจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องว่าจะสามารถย้ายรถแบคโฮเข้ามาขุดลอกได้ภายในอาทิตย์หน้า

“การผลักดันโครงการเพิ่มพื้นที่ในการกักเก็บน้ำในระดับหมู่บ้าน ผลักดันโครงการกักเก็บน้ำ ป้องกันน้ำท่วมแล้งซ้ำซาก เป็นเรื่องจำเป็นเร่งด่วนที่ต้องช่วยเหลือเกษตรกร รวมไปถึงแนวทางการลดต้นทุนรายจ่าย เช่น ราคาปุ๋ยแพง อาหารสัตว์แพงด้วย ไฟฟ้าแพง”

นายอัครแสนคีรี กล่าวต่อว่า การเกษตรจะพัฒนาได้ก็จะตัองมีความร่วมมือระหว่างจังหวัด และระหว่างประเทศ เพื่อเป็นช่องทางในการช่วยซื้อขายสินค้าเกษตร เช่น มันสำปะหลัง อ้อย ให้กับพี่น้องชาวชัยภูมิ
และจะเป็นการยกระดับรายได้เกษตกรชัยภูมิ ตนมีความตั้งใจที่จะทำให้จังหวัดชัยภูมิก้าวออกไปสู่ตลาดโลก โดยเฉพาะตลาดจีน ซึ่งมีความต้องการกินการใช้มหาศาล

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 2 มิถุนายน 2566

“ฉกาจ ว่าที่ส.ส.พังงา” เตรียมสานต่อแก้ปัญหาน้ำ-ที่ทำกินให้ปชช.หนุนปรับปรุงผังเมืองจังหวัดสร้างแหล่งท่องเที่ยวเพิ่มรายได้คนท้องถิ่น

,

“ฉกาจ ว่าที่ส.ส.พังงา” เตรียมสานต่อแก้ปัญหาน้ำ-ที่ทำกินให้ปชช.หนุนปรับปรุงผังเมืองจังหวัดสร้างแหล่งท่องเที่ยวเพิ่มรายได้คนท้องถิ่น

นายฉกาจ พัฒนกิจวิบูลย์ ว่าที่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) จ.พังงา เขต 2 พรรคพลังประชารัฐ(พปชร.) เปิดเผยว่า เป้าหมายการทำงานในพื้นที่หลังที่ได้รับการรับรองจากคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.)ตนจะสานต่อนโยบายที่ทำกิน และการแก้ปัญหาเรื่องแหล่งน้ำตามนโยบายพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพปชร. ที่ให้ความสำคัญและล่าสุดได้ลงพื้นที่มายังอำเภอกะปง จังหวัดพังงาเพื่อสนับสนุนการพัฒนาโครงการอ่างเก็บน้ำในพื้นที่เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตและเศรษฐกิจในจังหวัดตามที่ท้องถิ่นนำเสนอ

“ผมจะประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตามเพื่อการสนับสนุนและผลักดันในการสร้างอ่างเก็บน้ำโดยเฉพาะ ในพื้นที่องค์การบริหารส่วนตำบล บางทอง, ลำภี ,โคกเคียน ที่ได้เริ่มดำเนินการสำรวจเพื่อออกแบบและประมาณการความเป็นไปได้ ในการที่จะก่อสร้างเพื่อสนับสนุนให้ภาคเกษตรและประชาชนมีแหล่งน้ำใช้ที่มีความมั่นคงมากยิ่งขึ้น”นายฉกาจกล่าว
นอกจากนี้ยังจะมีการยกระดับจังหวัดพังงา ให้เป็นแหล่งรองรับนักท่องเที่ยว ภายใต้การขับเคลื่อนแบบคลัสเตอร์ที่ควรจะมีการเชื่อมโยงกับจังหวังต่างๆ ในฝั่งทะเลอันดามัน ที่สามารถพัฒนาจากการใช้ทรัพยากรที่มีอยู่ ให้เกิดประโยชน์ เกิดการสร้างรายได้ให้กับชาวพังงามากยิ่งขึ้นกว่าปัจจุบัน

“ต้องมีการเสนอการปรับปรุงผังเมืองใหม่ จ.พังงา เพราะปัจจุบันเป็นพื้นที่สีเขียว ทำให้ไม่สามารถพัฒนาได้เท่าที่ควร ซึ่งเรื่องนี้ ต้องอาศัยการเข้าไปทำหน้าที่ผลักดันในสภาฯ ผ่านการขับเคลื่อนของพรรค ทั้งนี้พรรคพลังประชารัฐจะมีการแบ่งงาน และหน้าที่ความรับผิดชอบภายหลังสภาฯเปิด เพื่อจะได้เดินหน้าในการเข้าไปเป็นปากเสียงให้กับประชาชนได้อย่างเต็มที่”นายฉกาจ กล่าว

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 1 มิถุนายน 2566

“นเรศ ว่าที่ ส.ส.เชียงใหม่” ฝ่าศึกเลือกตั้ง ปชช.เทเสียงหนุน เชื่อมั่นในผลงาน ลุยสานต่อโครงการสร้างแหล่งน้ำผลักดัน พ.ร.บ.ลำไยแก้ปัญหาราคาตกต่ำ

,

“นเรศ ว่าที่ ส.ส.เชียงใหม่” ฝ่าศึกเลือกตั้ง ปชช.เทเสียงหนุน เชื่อมั่นในผลงาน ลุยสานต่อโครงการสร้างแหล่งน้ำผลักดัน พ.ร.บ.ลำไยแก้ปัญหาราคาตกต่ำ

นายนเรศ ธำรงค์ทิพยคุณ ว่าที่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) เขต 9 จ. เชียงใหม่ กล่าวว่า การเลือกตั้งที่ผ่านมาตนได้รับคะแนนเสียงจากพี่น้องประชาชน จนสามารถเป็นหนึ่งในว่าที่ ส.ส. พปชร. อีก 1 สมัย จาก 10 เขตในจังหวัดเชียงใหม่ ที่มีการแข่งขันสูง ซึ่งเป็นผลมาจากทำงานอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการผลักดันโครงการพัฒนาแหล่งน้ำในหลายแห่งที่เป็นนโยบายของพรรค โดยพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ที่มุ่งการแก้ปัญหาน้ำในพื้นที่ จนสามารถมีโครงการแหล่งกักเก็บน้ำให้ประชาชนได้มีน้ำกิน น้ำใช้ เพื่ออุปโภค บริโภคตลอดปีรวมถึงภาคการเกษตร และยังมีโครงการต่อเนื่องที่ต้องสานต่อ อาทิ อ่างเก็บน้ำโป่งจ้อ อ่างเก็บน้ำแม่วาง และโครงการทำน้ำประปา เพื่อประชาชน การจัดหาแหล่งน้ำบาดาล ในโครงการเกษตรแปลงใหญ่ พร้อมกับติดตามความคืบหน้าการพัฒนาโครงการอ่างเก็บน้ำแม่ปอน ซึ่งจะเป็นแหล่งน้ำสำคัญที่เข้ามาแก้ไขปัญหา เพิ่มแหล่งน้ำต้นทุนให้กับประชาชนในพื้นที่

นายนเรศ กล่าวต่อว่า เรายังมีแผนที่ต้องเร่งผลักดันในระยะต่อไป ในเรื่องการแก้ไขปัญหาราคาสินค้าเกษตร โดยเฉพาะปัญหาราคาลำไย ที่ต้องเผชิญกับราคาตกต่ำในแต่ละปี จำเป็นต้องมีการผลักดันให้เกิด พ.ร.บ.ลำไย เพื่อมาดูแลราคาผลผลิตให้ได้รับความเป็นธรรม เช่นเดียวกับสินค้าเกษตรหลายตัว ไม่ว่าจะเป็นยางพารา มันสำปะหลัง และอ้อย ซึ่งเรื่องนี้ต้องมีการหารือในพรรค ว่าจะวางแนวทางให้เกิดขึ้นเป็นรูปธรรมเพื่อเสนอเข้าสู่การพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎร ให้สามารถ ออก พ.ร.บ.เพื่อแก้ปัญหาราคาลำไย ของเกษตรกร 8 จังหวัดของภาคเหนือ ซึ่งในช่วงที่ผ่านมา ในฐานะเป็น ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรีกระทรวงเกษตรและสหรกรณ์ ได้เข้าร่วมพิจารณาแก้ไขปัญหาราคาลำไยตกต่ำซึ่งเป็นความเดือดร้อนที่เกษตรกรได้รับมาอย่างต่อเนื่อง

“การที่ได้รับเสียงสนับสนุนจากประชาชน เนื่องจาก การทำงานที่เห็นผลงานเป็นรูปธรรม และแก้ไขปัญหาได้ตรงจุด ทั้ง การหาแหล่งน้ำ แก้ปัญหาราคาผลผลิตทางการเกษตร ซึ่งเป็นปัจจัยพื้นฐานที่สำคัญของการประกอบอาชีพ ของพี่น้องชาวภาคเหนือ ทำให้ผมสามารถฝ่าฟัน สนามการแข่งขันเลือกตั้งใน พื้นที่จ.เชียงใหม่ ที่มีความรุนแรงและเข้มข้นของ สองพรรคใหญ่ จนได้รับชัยชนะ และต้องขอขอบคุณพี่น้องประชาชนที่เชื่อมั่นในการทำงานของตนและพปชร. จากนี้ไป ยังคงมุ่งมั่น พร้อมทำงานอย่างหนัก เพราะบางพื้นที่ยังต้องได้รับการแก้ไข และเยียวยา เพื่อเข้าไปยกระดับคุณภาพชีวิต ของพี่น้องประชาชนให้ดียิ่งขึ้น” นายนเรศ กล่าว

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 30 พฤษภาคม 2566