โลกเปลี่ยน ไทยต้องปรับ ทางเลือกใหม่ของการเมืองไทย ก้าวข้ามความขัดแย้ง สานพลังประชาราษฎร์ ร่วมสร้างชาติให้ยั่งยืน

หมวดหมู่: กิจกรรมพรรค

พล.อ.ประวิตร ไม่ประมาท เสี่ยงน้ำท่วมซ้ำรอยปี65 ถอดบทเรียนฯ ใช้ 12 มาตรการ กำชับทุกหน่วยรับมือฤดูฝนปี66 มุ่งลดผลกระทบ ปชช.ได้ประโยชน์สูงสุด

,

พล.อ.ประวิตร ไม่ประมาท เสี่ยงน้ำท่วมซ้ำรอยปี65 ถอดบทเรียนฯ ใช้ 12 มาตรการ
กำชับทุกหน่วยรับมือฤดูฝนปี66 มุ่งลดผลกระทบ ปชช.ได้ประโยชน์สูงสุด

ว่พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รอง นรม. ได้เป็นประธานการประชุม คณะอนุกรรมการอำนวยการด้านการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ ครั้งที่ 1/2566 ณ ห้องประชุม มูลนิธิอนุรักษ์ป่ารอยต่อ 5 จังหวัด ผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ โดย พล.ท.พัชร์ชศักดิ์ ปฏิรูปานนท์ ผช.โฆษก รอง นรม. กล่าวว่าที่ประชุมได้รับทราบ ผลการดำเนินงานโครงการแก้ไขปัญหาอุทกภัย ระยะเร่งด่วนในพื้นที่ลุ่มน้ำเจ้าพระยาใหญ่ จากเหตุการณ์อุทกภัยในลุ่มน้ำเจ้าพระยาปี2565 ส่งผลให้มีพื้นที่ประสบอุทกภัย ราว 2.8 ล้านไร่ ใน 16 จังหวัด ภาคกลาง ซึ่ง สทนช.ได้เสนอโครงการแก้ไขปัญหาอุทกภัย ระยะเร่งด่วนในพื้นที่เจ้าพระยาใหญ่ และขอรับการสนุนงบประมาณประจำปี66 ซึ่งอยู่ระหว่างการพิจารณาของสำนักงบประมาณ ก่อนเสนอ ครม. ต่อไป

จากนั้น ที่ประชุมได้พิจารณาเห็นชอบ (ร่าง)มาตรการรับมือฤดูฝนปี 2566 โดย สทนช. ได้นำผลการถอดบทเรียนฯมาปรับปรุงเป็น 12 มาตรการ ได้แก่
มาตรการที่ 1 การคาดการณ์ชี้เป้าพื้นที่เสี่ยงน้ำท่วมและพื้นที่เสี่ยงช่วงฝนทิ้งช่วง
มาตรการที่ 2 การบริหารจัดการน้ำพื้นที่ลุ่มต่ำเพื่อรองรับน้ำหลาก
มาตรการที่ 3 ทบทวนปรับปรุงการบริหารจัดการน้ำในแหล่งน้ำ /เขื่อนระบายน้ำและจัดทำแผนบริหารจัดการน้ำเชิงบูรณาการ
มาตรการที่ 4 เตรียมความพร้อมซ่อมแซม ปรับปรุงอาคารชลศาสตร์ ระบบระบายน้ำ โทรมาตร ให้พร้อมใช้งานและปรับปรุงแก้ไขสิ่งกีดขวางทางน้ำ
มาตรการที่ 5 เตรียมพร้อม /วางแผนเครื่องจักร เครื่องมือบุคลากรประจำพื้นที่เสี่ยงน้ำท่วม และพื้นที่เสี่ยงในช่วงฝนทิ้งช่วง
มาตรการที่ 6 ตรวจความมั่นคงปลอดภัยคัน ทำนบ พนังกั้นน้ำ
มาตรการที่ 7 ขุดลอกคู คลอง และกำจัดผักตบชวา
มาตรการที่ 8 ซักซ้อมแผนเผชิญเหตุ ตั้งศูนย์ส่วนหน้า ก่อนเกิดภัยและฟื้นฟูสภาพให้กลับสู่สภาพปกติ
มาตรการที่ 9 เร่งเก็บกักน้ำแหล่งน้ำทุกประเภทช่วงปลายฤดูฝน
มาตรการที่ 10 สร้างความเข้มแข็งเครือข่ายภาคประชาชนในการให้ข้อมูลสถานการณ์
มาตรการที่ 11 การสร้างการรับรู้/ประชาสัมพันธ์ และ
มาตรการที่ 12 ติดตามประเมินผลปรับมาตรการให้สอดคล้องกับสถานการณ์ภัย และได้เห็นชอบ แผนป้องกัน และแก้ไขภาวะน้ำท่วมปี 2566 ของลุ่มน้ำ เพื่อเตรียมความพร้อม ไว้ด้วยต่อไป

ทั้งนี้ พล.อ.ประวิตร ได้เน้นย้ำให้ทุกหน่วยงาน ร่วมกันแก้ไขปัญหาด้านน้ำ ในทุกมิติ เพื่อให้ประเทศมีความมั่นคงด้านน้ำ ประชาชนได้รับประโยชน์สูงสุด อย่างทั่วถึง พร้อมทั้งไดักำชับให้ สทนช.เตรียมการวางแผนการกักเก็บน้ำในฤดูฝน ให้มากที่สุด เพื่อไว้ใช้ในช่วงหน้าแล้ง ด้วย และให้สร้างการรับรู้ และการแจ้งเตือนภัยสถานการณ์น้ำให้ ประชาชนทราบ อย่างทั่วถึง ทันเวลาและต่อเนื่อง นอกจากนั้น พล.อ.ประวิตร ยังได้ขอบคุณ สทนช. และหน่วยงานที่รับผิดชอบ 10 มาตรการฤดูแล้ง ที่สามารถแก้ไขปัญหาการขาดแคลนน้ำของประชาชน ทั่วประเทศ ได้ผลเป็นอย่างดี ที่ผ่านมา

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 2 มีนาคม 2566

“มีลุงป้อม ไม่มีแล้ง”!!! “พล.อ.ประวิตร” หนุนโครงการน้ำบาดาล จ.ตรัง ช่วยชุมชนให้มีน้ำดื่มฟรี ลดรายจ่ายครัวเรือน

,

“มีลุงป้อม ไม่มีแล้ง”!!! “พล.อ.ประวิตร” หนุนโครงการน้ำบาดาล จ.ตรัง ช่วยชุมชนให้มีน้ำดื่มฟรี ลดรายจ่ายครัวเรือน

เมื่อ 27 ก.พ.66 ,16.00น. พล.ท.พัชร์ชศักดิ์ ปฏิรูปานนท์ ผช.โฆษก รอง นรม. เปิดเผยว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รอง นรม. พร้อมด้วย รมว.ศธ. ,รมช.กห. และคณะ ได้เดินทางไปปฏิบัติราชการต่อเนื่องจากช่วงเช้า-บ่าย ซึ่ง พล.อ.ประวิตร ได้เป็นประธานการประชุม กพต. และพบปะผู้นำศาสนา-ชุมชนในพื้นที่ จ.สตูล ต่อจากนั้นในช่วงเย็น พล.อ.ประวิตร และคณะได้เดินทางต่อไปยัง จ.ตรัง เพื่อติดตามโครงการพัฒนาน้ำบาดาลเพื่อความมั่นคงระดับชุมชน ณ บ้านพรุท่อม ต.นาโต๊ะหมิง อ.เมือง จ.ตรัง โดยมีนายขจรศักดิ์ เจริญโสภา ผวจ.ตรัง ให้การต้อนรับ พร้อมรายงานภาพรวมในพื้นที่ของจังหวัด ต่อด้วย รองเลขาฯสทนช. นำเสนอแผนงานด้านทรัพยากรน้ำและการคาดการณ์สถานการน์น้ำในพื้นที่ภาคใต้ และรองอธิบดีกรมทรัพยากรน้ำบาดาล ได้รายงานสรุปโครงการพัฒนาน้ำบาดาล เพื่อความมั่นคงระดับชุมชน ซึ่งเป็นโครงการน้ำบาดาลเพื่ออุปโภค-บริโภค งป.ปี65 ความลึกเจาะ 90 ม.ได้ปริมาณน้ำ กว่า 20 ลบ.ม./ชม. ช่วยประชาชนประหยัดค่าใช้จ่ายจากที่เคยซื้อน้ำดื่มได้ปีละ 1.8ล้านบาท 500 ครัวเรือน

จากนั้น พล.อ.ประวิตร ได้มอบนโยบายที่สำคัญแก่ สทนช. ให้เร่งบูรณาการหน่วยงาน ติดตาม 10 มาตรการรองรับฤดูแล้ง อย่างเคร่งครัด พร้อมกำชับ จังหวัด กรมทรัพยากรน้ำบาดาล และกรมชลประทาน เร่งสำรวจพื้นที่เสี่ยงและจัดหาแหล่งน้ำสำรอง ทั้งบนดิน ใต้ดิน รองรับความต้องการใช้น้ำในอนาคต เพื่อยกระดับความมั่นคงด้านน้ำ พร้อมทั้งสร้างการรับรู้ ความเข้าใจแก่ประชาชนให้ทั่วถึง จากนั้นได้พบปะกับพี่น้องประชาชนที่มาให้การต้อนรับเป็นจำนวนมาก และรับฟังข้อคิดเห็นจากชาวบ้าน อย่างใกล้ชิด สร้างความประทับใจให้กับประชาชน และรู้สึกดีใจ ที่ท่านใจดี ให้ความเป็นกันเอง ไม่ถือตัว โดยมีมวลชนจำนวนมาก เชียร์ให้กำลังใจ เพราะเห็นถึง ความทุ่มเท ตั้งใจ เสียสละ ทำงานหนักเพื่อประชาชน อย่างแท้จริง และอยากให้ท่านเป็นนายกฯ คนต่อไปด้วย

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 27 กุมภาพันธ์ 2566

พล.อ.ประวิตร พบปะชาวบ้านอุดร-หนองคาย-เลย เร่งรัดแผนจัดการน้ำ ย้ำ อีสานต้องไม่มีพื้นที่แล้งอีกต่อไป มั่นใจเกษตรกรมีน้ำใช้อย่างเพียงพอ

,

พล.อ.ประวิตร พบปะชาวบ้านอุดร-หนองคาย-เลย เร่งรัดแผนจัดการน้ำ ย้ำ อีสานต้องไม่มีพื้นที่แล้งอีกต่อไป มั่นใจเกษตรกรมีน้ำใช้อย่างเพียงพอ

วันนี้ (24 ก.พ.) เมื่อเวลา 11.30 น. พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะ ผอ.กอนช. พร้อมด้วย รมช.คลัง และคณะ ได้เดินทางไปตรวจราชการในพื้นที่ จ.อุดรราชธานี, จ.หนองคาย และจ.เลย เพื่อติดตามสถานการณ์น้ำและการดำเนินงานพัฒนาแหล่งน้ำ เพื่อแก้ไขปัญหาภัยแล้งและน้ำท่วม ในพื้นที่ทั้ง 3 จังหวัด

โดยในช่วงเช้า เดินทางไปยัง โรงเรียนภูพานวิทยา ต.ขอนยูง อ.กุดจับ จ.อุดรฯ มีนาย วันชัย คงเกษม ผู้ว่าราชการจังหวัด. ให้การต้อนรับและรับฟังการบรรยายสรุปภาพรวมการบริหารจัดการน้ำ ในพื้นที่ จ.อุดรฯ จากเลขาฯ สทนช. ซึ่ง จ.อุดรฯ มีพื้นที่ส่วนใหญ่อยู่ในลุ่มน้ำโขงตะวันออกเฉียงเหนือ และลุ่มน้ำชี รัฐบาลได้ให้การสนับสนุนโครงการแก้ไขปัญหาภัยแล้ง และน้ำท่วม อย่างต่อเนื่อง ได้แก่ โครงการปี 61-65 ประชาชนได้รับประโยชน์ 55,586 ครัวเรือน จากงบกลางปี65 ได้รับประโยชน์ 1,045 ครัวเรือน งบบูรณาการฯ ปี66 จะได้รับประโยชน์ 6,955 ครัวเรือน งบตามแผนปฏิบัติการปี 67 ประชาชนจะได้รับประโยชน์ 53,175 ครัวเรือน และโครงการสำคัญอีก 6แห่ง ประชาชนจะได้รับประโยชน์ 43,500 ครัวเรือน

จากนั้น พล.อ.ประวิตร ได้มอบนโยบายให้ สทนช. กรมชลประทาน และจังหวัด เร่งบูรณาการบริหารจัดการน้ำให้ไปในทิศทางเดียวกัน โดยเฉพาะ 10 มาตรการฤดูแล้ง ให้เข้มงวดตามนโยบาย พร้อมเร่งรัดโครงการอ่างเก็บน้ำห้วยเชียง (ตอนบน) เพื่อช่วยยกระดับความมั่นคงด้านน้ำ ให้ชาวบ้านและเกษตรกรให้มีน้ำใช้อย่างเพียงพอ ตลอดปี ยั่งยืน

พล.อ.ประวิตร ยังได้เดินพบปะ และรับฟังข้อคิดเห็นจาก พี่น้องประชาชนที่มาให้การต้อนรับจำนวนมาก อย่างใกล้ชิด ด้วยบรรยากาศที่เป็นกันเอง พร้อมขอถ่ายรูปเซลฟี่กับ พล.อ.ประวิตร เป็นที่ระลึก สร้างความประทับใจให้กับชาวบ้าน ที่มาร่วมกิจกรรมในโอกาสนี้ นอกจากนั้น พล.อ.ประวิตร ยังได้ยืนยันกับชาวบ้าน ว่าจะไม่ให้มีพื้นที่ประสบภัยแล้งในอีสาน อีกต่อไป ซึ่งได้มีกลุ่มชาวบ้านถือป้ายชูให้กำลังใจลุงป้อม และ อยากหนุนให้เป็นนายกฯของคนอีสานด้วย

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 24 กุมภาพันธ์ 2566

“พลเอกประวิตร” นำว่าที่ผู้สมัคร กทม.ขึ้นรถแห่ปราศรัยเขตป้อมปราบฯ พบปะปชช ปักธงชิงคะแนนเสียง กทม.กวาด 12 ที่นั่ง วอน เลือก พปชร.เข้าสภาฯขจัดปัญหา

,

“พลเอกประวิตร” นำว่าที่ผู้สมัคร กทม.ขึ้นรถแห่ปราศรัยเขตป้อมปราบฯ พบปะปชช ปักธงชิงคะแนนเสียง กทม.กวาด 12 ที่นั่ง วอน เลือก พปชร.เข้าสภาฯขจัดปัญหา

วันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2566 พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวพรรค พปชร.ใช้ฤกษ์วันวาเลนไทน์ นำผู้บริหารพรรค นายสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.คลัง ในฐานะเลขาธิการพรรค นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ในฐานะรองหัวหน้าพรรค นายไพบูลย์ นิติตะวัน รองหัวหน้าพรรค นายวิรัช รัตนเศรษฐ รองหัวหน้าพรรค นายสกลธี ภัททิยกุล กรรมการบริหารพรรค นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ เหรัญญิกพรรค ที่รับผิดชอบพื้นที่กทม. และว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.กทม.ลงพื้นที่หาเสียงในเขตป้อมปราบศัตรูพ่าย เป็นพื้นที่แรก

ทังนี้ก่อนเคลื่อนขบวน พลเอกประวิตร ได้เข้าไปในวัดมังกรกมลาวาส (วัดเล่งเน่ยยี่) เพื่อสักการะบูชาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ 9 จุด เพื่อความเป็นสิริมงคล โดยมีประชาชนที่มาทำบุญรอทักทายจำนวนมาก พร้อมกล่าวว่า “ลุงป้อมสู้”ต่อจากนั้น พล.อ.ประวิตร ได้ขึ้นรถแห่ปราศรัยหาเสียง และขอให้ชาวกรุงเทพฯ เลือกผู้สมัครของพรรคพลังประชารัฐ เข้ามาทำหน้าที่แทนประชาชน ในการขจัดปัญหาต่างๆ โดยเฉพาะปัญหาความขัดแย้งในสังคมไทย

ขบวนรถแห่ได้เคลื่อนตัวออกจาก ไปยังวัดสระเกศราชวรมหาวิหาร โดยตลอดเส้นทาง ได้ผ่านหน้า สน.พลับพลาไชย มุ่งหน้า ถ.หลวง เข้าแยกแม้นศรี เข้าวัดสระเกศฯ ด้านถนนจักรพรรดิพงษ์ โดยคณะของพล.อ.ประวิตร ได้ทักทาย พ่อค้า แม่ค้า ประชาชน ที่มาทำบุญ และจับจ่ายซื้อตลอดสองข้างทาง ซึ่งได้รับการต้อนรับที่ดีจาก กทม.ต่างโบกมือทักทาย พร้อมชูป้ายสนับสนุนให้ พล.อ.ประวิตร เป็นจำนวนมาก

พล.อ.ประวิตร กล่าวในการสัมภาษณ์ช่วงหนึ่งว่า เป็นเป็นครั้งแรกที่ขึ้นรถปราศรัยหาเสียง ที่ลงพื้นที่ในวันนี้เพราะเป็นวันวาเลนไทน์ ต้องการให้ความรัก ก้าวข้ามความขัดแย้ง และแก้ปัญหาความยากจน ซึ่งเป็นนโบบายของพรรคพลังประชารัฐ ในวันนี้ก็ได้รับการต้อนรับจากชาว กทม.เป็นอย่างดี ตนก็ต้องขอขอบคุณทุกคนด้วย ส่วนการเลือกตั้งในจังหวัด กทม.ตนตั้งใจไว้ว่าพรรคพลังประชารัฐจะได้ 12 คน แต่สุดท้ายก็ต้องขึ้นอยู่กับประชาชนเป็นผู้ตัดสินใจ แต่เราพยายามคัดคนที่มีความรู้ ความสามารถ ที่จะเข้ามาทำงานให้กับประชาชน

ทั้งนี้ ว่าที่ผู้สมัคร กทม.ที่ร่วมขบวนการปราศรัยในวันนี้ ประกอบด้วย นายรังสรรค์ กียปัจจ์ , น.ส.ชญาภา ปรีดาพากย์ ,น.อ.บัญชาพล อรัณยะนาค ,น.ส.ณิรินทร์ เงินยวง , นายภูวกร ปรางภรพิทักษ์ , นายสาโรจน์ ซึ้งไพศาลกุล , นางนาถยา แดงบุหงา ,ร.ต.อ.วัฒนรักษ์ อำนรรฆสรเดช ,พ.ต.ท.วันชัย ฟักเอี้ยง

นายกานต์ กิตติอำพน ,ดร.สฤษดิ์ ไพรทอง,นายปราโมทย์ เพ็ชรฤทธิ์ ,ภญ.นพวรรณ หัวใจมั่น,น.ส.บุณณดา สุปิยพันธุ์ ,ดร.สุชาดา เวสารัชตระกูล ,นายศิริพงษ์ รัสมี ,นายพีระพงษ์ รัสมี

นายกิติภูมิ นีละไพจิตร์,นายระพีพัฒน์ สุเมธโชติเมธา ,นายเอกชัย ผ่องจิตร์ ,น.ต.นิธิ บุญยรัตกลิน ,นางนฤมล รัตนาภิบาล ,นายศันสนะ สุริยะโยธิน , ร.อ.รชฏ พิสิษฐบรรณกร, นายภักดีหาญส์ หิมะทองคำ ,ดร.นายคมสัน พันธุ์วิชาติกุล, นายพณิชย์ วิทยาภัทร์ ,ดร.ภูมิพิชัย ธารดำรงค์, นายตรีสิทธิ์ ศิริวรรณ, นายสุวัฒน์ ม่วงศิริ

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 14 กุมภาพันธ์ 2566

“พล.อ.ประวิตร” ลงพื้นที่เขตป้อมปราบศัตรูพ่ายวันนี้ ควงว่าที่ผู้สมัครพบปะประชาชนเดินหน้าสู้ศึกเลือกตั้ง

,

“พล.อ.ประวิตร” ลงพื้นที่เขตป้อมปราบศัตรูพ่ายวันนี้ ควงว่าที่ผู้สมัครพบปะประชาชนเดินหน้าสู้ศึกเลือกตั้ง

ภญ.นพวรรณ หัวใจมั่น ว่าที่ผู้สมัครส.ส.กทม.เขตบางเขน กล่าวว่า ในวันนี้ (14 ก.พ.2566) พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ พร้อมด้วยผู้บริหารพรรคพลังประชารัฐ และว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.กทม. ส่งความรัก ส่งความห่วงใยให้ชาว กทม. ภายใต้แคมเปญ “รวมพลังส่งความรักถึงชาวกรุงเทพฯ” ที่เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย ตั้งแต่เวลา 14.00-15.30 น. ซึ่งเป็นพื้นที่แรกของ ทีมพรรคพลังประชารัฐ ในการร่วมพลังหาเสียง ร่วมกับว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.กทม.ทั้งหมด นำทีมโดยนายสกลธี ภัททิยกุลกรรมการบริหารพรรค และนางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ เหรัญญิกพรรค ซึ่งรับผิดชอบพื้นที่ กทม. โดยเส้นทางในแต่ละจุด ระหว่างเดินทางจะมีการพบปะ และทักทายกับพี่น้องประชาชน

ทั้งนี้ พล.อ.ประวิตรและว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.กทม. ได้เริ่มจุดพบปะพี่น้องประชาชน ที่วัดมังกรกมลาวาส (วัดเล่งเน่ยยี่) พร้อมสักการบูชาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ จากนั้นเคลื่อนขบวนไปที่วัดสระเกศ ราชวรมหาวิหาร สักการบูชาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ณ พระอุโบสถวัดสระเกศฯ (ผ่านเส้นทางหน้า สน.พลับพลาไชย มุ่งหน้าสู่ ถ.หลวง มุ่งหน้าสู่แยกแม้นศรี เพื่อเข้าวัดสระเกศฯ ด้านจักรพรรดิพงษ์) แล้วเคลื่อนขบวนสู่สวนสาธารณะ “ป้อมมหากาฬ” นับเป็นกิจกรรม หาเสียงของพปชร. ในพื้นที่กทม.ที่มีเป้าหมายร่วมกัน เพื่อเอาฤกษ์เอาชัย ในสนามการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นเร็วๆนี้

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 14 กุมภาพันธ์ 2566

“พล.อ.ประวิตร” เดินออกกำลังกายสวนลุม ชาวบ้านแห่ขอเซลฟีเชียร์นั่งนายกคนที่ 30

,

“พล.อ.ประวิตร” เดินออกกำลังกายสวนลุม ชาวบ้านแห่ขอเซลฟีเชียร์นั่งนายกคนที่ 30

วันอาทิตย์ 5 ก.พ.66 เวลาประมาณ 07.00 น. พล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เดินตลาดสวนลุมแวะทักทายพ่อค้า แม่ค้าและประชาชน จากนั้น ได้เดินออกกำลังกายภายในบริเวณสวนลุม ระหว่างทางได้ทักทายประชาชนด้วยสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใสอารมณ์ดี โดยใช้เวลาเดินออกกำลังกายในสวนลุม ประมาณครึ่งชั่วโมง โดยเดินทางมาเป็นส่วนตัว ในระหว่างการออกกำลังกายนั้น รองนายกฯ ลุงป้อม ได้ถ่ายรูปร่วมกับประชาชน แวะถ่ายรูปร่วม ชมรมไทเก๊กในสวนลุมฯ ชมรมเซี๊ยงเล้งไทยเก๊ก โดยได้ร่วมถ่ายภาพ และดื่มกาแฟ และพูดคุย กับสมาชิกชมรม ลุงป้อมได้ร่วมถ่ายรูปด้วยความเป็นกันเอง และยิ้มแย้มแจ่มใส

ทั้งนี้ ก่อนเข้าเดินออกกำลังกาย ได้แวะซื้องาดำร้านดัง ร้านตี๋งาดำสวนลุม เปิดมาเกือบ 50 ปี ตั้งแต่ 2520 อยู่หน้าสวนลุมฯ และยังแวะร้านข้าวแกง ซื้อกับข้าว อาทิ พะแนงหมู ไข่พะโล้ แกงหน่อไม้ โดยระหว่างทางมีพ่อค้า แม่ค้าประชาชน มาขอถ่ายรูป ขอให้ลุงป้อมสู้ๆ สุขภาพแข็งแรง และขอให้เป็นนายกฯ คนที่ 30 เพื่อช่วยประชาชนให้กินดีอยู่ดี ตลอดทางเดิน ลุงป้อมยิ้มแย้ม อารมณ์ดี และทักทายประชาชนที่มาจับจ่ายซื้อของและออกกำลังกายในสวนลุมฯ ด้วยความเป็นกันเอง และยิ้มทักทายตลอดทาง

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 5 กุมภาพันธ์ 2566

พล.อ.ประวิตร ลงพื้นที่ ยโสธร-มุกดาหาร ติดตามการบริหารน้ำ พอใจความคืบหน้าการพัฒนาแหล่งน้ำต้นทุนเพิ่ม ประชาชนได้ประโยชน์กว่า 58,000 ครัวเรือน

,

พล.อ.ประวิตร ลงพื้นที่ ยโสธร-มุกดาหาร ติดตามการบริหารน้ำ พอใจความคืบหน้าการพัฒนาแหล่งน้ำต้นทุนเพิ่ม ประชาชนได้ประโยชน์กว่า 58,000 ครัวเรือน

เมื่อเวลา 10.00 น. พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีพร้อมคณะ เดินทางลงพื้นที่ภาคอีสาน จ.ยโสธร และจ.มุกดาหาร ตรวจติดตามความคืบหน้าการบริหารจัดการน้ำและการพัฒนาแหล่งน้ำต้นทุน เพื่อการเกษตร และพบปะรับฟังปัญหาจากประชาชนในพื้นที่ โดยมี ผู้ว่าราชการ จ ยโสธร และ ผู้ว่าราชการ จ.มุกดาหาร เลขา สทนช. และหัวหน้าส่วนราชการต่างๆให้การต้อนรับ

ทั้งนี้ภาพรวมสภาพปัญหาการขาดแคลนน้ำยังเกิดขึ้น ในบางพื้นที่ที่ฝนทิ้งช่วง สรุปความคืบหน้าการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ ปี 61-65 จ.ยโสธร มีพื้นที่รับประโยชน์เพิ่ม 61,103 ไร่ ประชาชนได้รับประโยชน์ 33,053 ครัวเรือน สามารถจุน้ำเพิ่ม 37 ล้าน ลบ.ม. พื้นที่ได้รับการป้องกันกว่า 2,500 ไร่ สำหรับ จ.มุกดาหาร มีพื้นที่รับประโยชน์เพิ่ม 51,290 ไร่ ประชาชนได้รับประโยชน์ 25,089 ครัวเรือน สามารถจุน้ำเพิ่ม 11.5 ล้าน ลบ.ม. และสามารถนำน้ำบาดาลมาใช้เพิ่มเกือบ 10 ล้าน ลบ.ม.ต่อปี โดยดำเนินทั้งการก่อสร้างแหล่งน้ำ ระบบส่งน้ำ การเพิ่มประสิทธิภาพแหล่งน้ำ และระบบป้องกันน้ำท่วมในพื้นที่

จากนั้นพล.อ.ประวิตร ได้ลงตรวจความคืบหน้าการเพิ่มประสิทธิภาพการกักเก็บน้ำ โครงการอ่างเก็บน้ำห้วยลิงโจน บ.หนองบึง ต.ห้องแซง อ.เลิงนกทา จ.ยโสธร และพบปะทักทาย และรับฟังปัญหาจากประชาชนในพื้นที่

พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า พอใจการพัฒนาแหล่งน้ำและการบริหารจัดการน้ำภาพรวมที่ผ่านมา โดย กำชับ สทนช. ถึงการบริหารจัดการน้ำภาพรวม จำเป็นต้องดำเนินการคู่ไปกับการพัฒนาแหล่งน้ำต้นทุน ให้กระจายในทุกพื้นที่ โดยเฉพาะพื้นที่ภาคอีสานที่ฝนทิ้งช่วง โดยต้องพัฒนาและเพิ่มประสิทธิภาพแหล่งน้ำต้นทุน ทั้งน้ำบนดินและน้ำใต้ดินไปพร้อมกัน ให้เชื่อมโยงกับการบริหารจัดการน้ำภาพใหญ่ที่จะเกิดขึ้น โดยเฉพาะหลายโครงการที่ดำเนิการไปแล้ว จำเป็นต้องวางแผน ปรับปรุงและเพิ่มประสิทธิภาพ เพื่อรองรับความต้องการใช้น้ำที่มากขึ้นในอนาคต ลดความเสี่ยงการขาดแคลนน้ำ และยกระดับการบริหารจัดการน้ำให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ทั้งนี้ยังได้กำชับ ขอให้ทุกส่วนราชการ เพิ่มความเข้มข้นดำเนินการตาม 10 มาตรการ รองรับฤดูแล้ง เพื่อป้องกันและบรรเทาปัญหาภัยแล้งในพื้นที่ภาคอีสานภาพรวมที่จะเกิดขึ้น พร้อมย้ำ ขอให้มุ่งทำประโยชน์ให้กับประชาชนอย่างตรงไปตรงมา ด้วยความโปร่งใส

อย่างไรก็ตาทบ่าย พล.อ.ประวิตร ยังได้เดินทางไป จ.มุกดาหาร ตรวจติดตามการพัฒนาแหล่งน้ำในพื้นที่ และติดตามโครงการผันน้ำจากแม่น้ำโขง เพื่อการเกษตร รวมทั้งความคืบหน้าการก่อสร้างปรับปรุงตลาดอินโดจีน เพื่อยกระดับเศรษฐกิจในพื้นที่

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 2 กุมภาพันธ์ 2566

“เลขาฯ พปชร.” เปิดตัว 10 ว่าที่ผู้สมัครส.ส. ดึงผู้มีประสบการณ์-คนรุ่นใหม่ อาสารับใช้ปชช.มั่นใจ”พลเอกประวิตร”พร้อมทำหน้าที่พัฒนาประเทศ

,

“เลขาฯ พปชร.” เปิดตัว 10 ว่าที่ผู้สมัครส.ส. ดึงผู้มีประสบการณ์-คนรุ่นใหม่
อาสารับใช้ปชช.มั่นใจ”พลเอกประวิตร”พร้อมทำหน้าที่พัฒนาประเทศ

(27 ธันวาคม 2565) ที่พรรคพลังประชารัฐ นายสันติ พร้อมพัฒน์ เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ (พปชร. ) และนายไพบูลย์ นิติตะวัน รองหัวหน้าพรรค ร่วมกันแถลงข่าวเปิดตัวว่าที่ผู้สมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จำนวน 9 คน ได้แก่ ภาคใต้ ภาคอีสาน และภาคกลาง ประกอบด้วยด้วย จ.สุราษฏร์ธานี ได้แก่ นายสุชาติ อินทรมณี นายธนโชติ ติณพันธ์ นายสุริญญา ยืนนาม นายณัฐวรันธร ทองคำ นายมนู วณิชชานนท์, จ.ประจวบคีรีขันธ์ ได้แก่ นายณภัทร ชุ่มจิตตรี นายพิษณุ กล้าขาย ขณะที่ภาคอีสาน ประกอบด้วย จ.หนองบัวลำภู ได้แก่ นายทรงศักดิ์ ศิริสถิตย์ และภาคกลาง ประกอบด้วย จ.นครปฐม ได้แก่ นายรัฐกร เจนกิจณรงค์ จ.ปทุมธานี นายนพดล ลัดดาแย้ม

นายสันติ กล่าวว่า เป็นอีกวันหนึ่งที่พรรคพลังประชารัฐมีผู้ร่วมอุดมการณ์จำนวน 10 ท่านเข้ามาร่วมงานกับพรรค โดยทุกคนจะเป็นตัวแทนของพรรคพลังประชารัฐลงไปดูแลพี่น้องประชาชนด้วยความตั้งใจในการร่วมกันพัฒนาบ้านเมืองของเรา สิ่งเหล่านี้เป็นเครื่องยืนยันว่าพรรคพลังประชารัฐมีอุดมการณ์และนโยบายที่เข้มแข็ง ที่ยึดแนวทางของ พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ที่มีความมุ่งมั่นพัฒนาบ้านเมือง และต้องการให้ชีวิตพี่น้องคนไทยอยู่ดีกินดี มีความสุข รวมถึงให้ความสำคัญในการเพิ่มศักยภาพให้เยาวชนคนไทย ให้มีความรู้ ความสามารถทัดเทียมกับนานาประเทศในทุกอาชีพ รวมไปถึงนโยบาย ที่เป็นประโยชน์ต่อผู้สูงอายุ โดยตั้งเป้าให้ทุกคนมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น

“จากนี้ไปพลังประชารัฐก็จะเริ่มประชาสัมพันธ์ถึงนโยบายหลักของพรรคผ่านสื่อมวลชนไปยังพี่น้องประชาชนให้เข้าใจในบทบาทและความตั้งใจในการทำหน้าที่ตัวแทนประชาชนของพรรคพลังประชารัฐ วันนี้ผมขอฝากว่าที่ผู้สมัครของพรรคพลังประชารัฐไว้ในอ้อมแขนและอ้อมใจของประชาชนทั้ง 5 จังหวัด”

ด้านนายไพบูลย์ กล่าวว่า การเปิดตัวในวันนี้เป็นอีกครั้งหนึ่งที่ทางพรรคพลังประชารัฐ ขอแนะนำผู้สมัครรับเลือกตั้งที่มีคุณสมบัติ มีความสามารถ เป็นที่รักของประชาชนในพื้นที่ เราเชื่อมั่นว่าพรรคพลังประชารัฐได้คัดเลือกบุคคลที่ดี มีความสามารถ และมีจิตใจสาธารณะประโยชน์ เช่นเดียวกันกับอุดมการณ์ของหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ที่ได้ปฏิบัติมาโดยตลอด จะเห็นได้ว่า พลเอกประวิตร จะลงไปในพื้นที่ใดประชาชนทุกคนพูดตรงกันเป็นเสียงเดียวว่า ลุงป้อมใจดี เป็นที่รักของประชาชน และท่านรักประชาชน เพราะฉะนั้นทุกคนในพรรคพลังประชารัฐ ก็รักประชาชนเช่นเดียวกับท่านหัวหน้าพรรค ต่อจากนี้ว่าที่ผู้สมัครของเราทุกคนจะเป็นกำลังสำคัญในการช่วยเหลือประชาชนให้มีคุณภาพชีวิตและความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น

“เรามุ่งมั่นว่าภายหลังจากการเลือกตั้งปี 2566 เราจะมีนายกรัฐมนตรีที่ชื่อพลเอกประวิตร เป็นนายกคนที่30 เพราะท่านมีทั้งบารมี และความสามารถ เป็นผู้ใหญ่ใจดีเป็นที่ยอมรับของทุกพรรคการเมือง และที่สำคัญคือท่านห่วงใยประชาชน ท่านไม่มีความขัดแย้งกับใคร มีแต่ความรักความเมตตา”


ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 27 ธันวาคม 2565

พล.อ.ประวิตร นำทีมผู้บริหาร-ส.ส.พปชร.สวดมนต์เจริญจิตภาวนา ถวายพระพรแด่สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา นเรนทิราเทพยวดี กรมหลวงราชสาริณีสิริพัชร มหาวัชรราชธิดา

,

พล.อ.ประวิตร นำทีมผู้บริหาร-ส.ส.พปชร.สวดมนต์เจริญจิตภาวนา ถวายพระพรแด่สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา นเรนทิราเทพยวดี กรมหลวงราชสาริณีสิริพัชร มหาวัชรราชธิดา

(27 ธ.ค. 65)ที่อาคารรัชดา วัน ที่ทำการพรรคพลังประชารัฐ พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ เป็นประธานพิธีเจริญพระพุทธมนต์และเจริญจิตภาวนา ถวายพระพรแด่สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา นเรนทิราเทพยวดี กรมหลวงราชสาริณีสิริพัชร มหาวัชรราชธิดา เพื่อให้หายจากพระอาการประชวรโดยเร็ว มีพระราชพิพัฒนาภรณ์ ที่ปรึกษาเจ้าคณะกรุงเทพมหานคร และเจ้าอาวาสวัดหลักสี่ พระอารามหลวง เป็นประธานสงฆ์

โดยมีนายสันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง และเลขาธิการพรรค, นายไพบูลย์ นิติตะวัน รองหัวหน้าพรรค คณะผู้บริหาร และสมาชิกพรรค ร่วมพิธีฯ อย่างพร้อมเพรียง

สำหรับการเจริญพระพุทธมนต์ใช้บทสวดบูชาพระรัตนตรัย, บทชุมนุมเทวดา, บทพระไตรสรณคมน์, บทนะโมการะอัฏฐกะคาถา, บทระตะนะสูตร, บทอังคุลิมาละปริตร, บทโพชฌังคะปริตร, บทอภยปริตร, บทอาฏานาฏิยะปริตร, บทสวดมงคลจักรงาฬใหญ่, บทเทวะตาอุยโยชะนะคาถา, บทพุทธชัยมงคลคาถา (พาหุง)

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 27 ธันวาคม 2565

พปชร. คึกคักต่อเนื่อง “รองฯวิรัช”ฟิตนำทีมอบรมว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. รุ่น 2,3 เตรียมความพร้อมสู้ศึกสนามเลือกตั้ง เผย เตรียมประชุมใหญ่ 14 ม.ค.นี้

,

พปชร. คึกคักต่อเนื่อง “รองฯวิรัช”ฟิตนำทีมอบรมว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. รุ่น 2,3
เตรียมความพร้อมสู้ศึกสนามเลือกตั้ง เผย เตรียมประชุมใหญ่ 14 ม.ค.นี้

22 ธันวาคม 2565 นายวิรัช รัตนเศรษฐ ส.ส.บัญชีรายชื่อ ในฐานะรองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร) .เปิดเผยว่า วันนี้ พรรคได้จัดการอบรมว่าที่ผู้สมัครของพรรคพลังประชารัฐรุ่นที่ 2 และก็รุ่นที่ 3 ซึ่งเป็นนโยบายของ พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณรองนายกรัฐมนตรีและหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ที่ได้กำหนดให้ ว่าผู้ที่สมัคร ส.ส. ต้องรู้แนวทางปฏิบัติในการรณรงค์หาเสียงการเลือกตั้งที่จะมาถึงในอนาคต ดังนั้นในครั้งนี้ได้เปิดครอสอบรม 2 รุ่น ที่ได้เชิญวิทยากรที่มีประสบการณ์ และความรู้ความสามารถในทุกมิติ ในเรื่องการขับเคลื่อนนโยบายและข้อกฎหมาย อาทิ นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ , นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ , นายบุญสิงห์ วรินทร์รักษ์ ล้วนแล้วแต่เป็นผู้แทน ส.ส.ทั้งปัจจุบัน และในอดีตมาช่วยกันถ่ายทอดความรู้ให้กับรุ่นลูก รุ่นหลาน เพื่อให้เขาได้มีโอกาสตามเราให้ทัน ให้สอดรับกับทิศทางของการเมืองปัจจุบัน เพราะที่ผ่านมาในอดีต รุ่นตน เป็นในแนวทางการหาเสียงลองผิด ลองถูก ดังนั้นการอบรมถ่ายทอด เป็นการเพิ่มความรู้เพื่อไม่ให้ว่าที่ผู้สมัครต้องลองผิดอีก

นอกจากนี้พรรค กำลังเตรียมจัดให้มีการประชุมใหญ่ของพรรคพลังประชารัฐ โดยกำหนดเบื้องต้น ในวันที่ 14 มกราคม 2566 ซึ่งจะเป็นการประชุมใหญ่ เพื่อเลือกตั้งคณะกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ ในส่วนของพลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ เป็นหัวหน้าพรรคเช่นเดิม แต่คณะกรรมการบริหารที่ต้องเลือกกันใหม่เพื่อมาทดแทนกรรมการที่มีการลาออกไป เนื่องจาก ในส่วนของคณะกรรมการบริหารพรรคที่จะลง ส.ส.เขต ต้องพ้นจากการเป็นกรรมการบริหารพรรค เนื่องจากว่ากฎระเบียบของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในการลงพื้นที่มีข้อจำกัดจำนวนมาก พร้อมกันนี้พรรคพลังประชารัฐจะมีการจัดระดมทุนคาดว่าจะอยู่ในช่วงเวลาใกล้เคียงกับกิจกรรมสัมมนาพรรคแล้วเสร็จ

อย่างไรก็ตามความพร้อมของการคัดสรรว่าที่ผู้สมัครของของพรรคพลังประชารัฐ คาดว่าสิ้นปีนี้ก็น่าจะได้ประมาณ 80% แล้ว ส่วนกรุงเทพฯ กำลังดูรายละเอียด ซึ่งผู้ใหญ่ในพรรคช่วยกันคัดเลือก ส่วนการดูแลผู้สมัครในพื้นที่กทม. ขณะนี้ยังช่วยกันดูแล ยังไม่ได้มอบหมายใครดูแลเป็นพิเศษ โดยมีพล.อ.ประวิตร หัวหน้าพรรค เป็นผู้พิจารณาโดยตรง และกำหนดวันเปิดตัวอีกครั้ง


ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 22 ธันวาคม 2565

เลขา พปชร.ปักธงนำทัพเปิดตัว 55 ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ทั่วปท. คัดคนคุณภาพร่วมอุดมการณ์ อาสาดูแลปชช.ให้อยู่ดีกินดี

,

เลขา พปชร.ปักธงนำทัพเปิดตัว 55 ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ทั่วปท. คัดคนคุณภาพร่วมอุดมการณ์ อาสาดูแลปชช.ให้อยู่ดีกินดี

วันที่ 21 ธ.ค. 65 ที่พรรคพลังประชารัฐ นายสันติ พร้อมพัฒน์ เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ (พปชร. ) และนายวิรัช รัตนเศรษฐ รองหัวหน้าพรรค นายไพบูลย์ นิติตะวัน รองหัวหน้าพรรค ร่วมกันแถลงข่าวเปิดตัวว่าที่ผู้สมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) ภาคเหนือและภาคอีสาน โดยมีผู้สมัครที่โดดเด่น คือ นายอันวาร์ สาและ อดีต ส.ส. ปัตตานี 4 สมัย ร่วมเปิดตัวกับพรรคพลังประชารัฐในครั้งนี้ด้วย ถือเป็นการเปิดตัวว่าที่ผู้สมัครพปชร. ที่มีจำนวนมากที่สุดถึง 55 คน ซึ่งเป็นผู้ที่มีอุดมการณ์เดียวกัน มีความตั้งใจเข้ามาร่วมทำงานให้กับประชาชน ที่พร้อมอาสาเข้าไปพัฒนาท้องถิ่นในพื้นที่ของตนเอง ซึ่งมีบุคคลทั้งที่มีประสบการณ์ เป็นส.ส.อยู่แล้ว และเป็นผู้สมัครใหม่ มาจากแวดวงนักธุรกิจ ข้าราชการ และอาจารย์

“ ตามที่หัวหน้าพรรค โดย พล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรค พปชร. เน้นย้ำเสมอว่า พปชร.มีความมุ่งมั่นตั้งใจ ที่จะพัฒนาประเทศ ดูแลประชาชนให้อยู่ดีกินดี เป็นพรรคที่สนับสนุนนักลงทุน นักธุรกิจ ผู้ประกอบการ ชาวไร่ ชาวนา เกษตรกร พี่น้องแรงงาน เพื่อช่วยยกระดับในทุกอาชีพ พร้อมยึดมั่นสถาบัน ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และเป็นโอกาสดีที่ได้เปิดตัวผู้สมัครของพรรค เพื่อให้ประชาชนเกิดความมั่นใจในการที่จะดูแลพัฒนาบ้านเมืองอย่างตั้งใจและจริงใจ”

นายวิรัช รัตนเศรษฐ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรค พปชร. กล่าวว่า การก้าวไปข้างหน้า ร่วมกัน ภายใต้อุดมการณ์เดียวกัน ซึ่งคาดว่าในปีหน้าไม่เกิน 22 มี.ค.66 เราจะต้องมีกำหนดการเลือกตั้ง ส.ส. ซึ่งไม่เกิน 7 พ.ค.66 เป็นตัวชี้วัดให้เกิดการยุบสภาก่อน 22 กำหนดการเลือกตั้ง 7 พค ที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.)กำหนดไว้ ซึ่งพปชร ต้องทำการบ้าน นำนโยบายของพรรคไปนำเสนอต่อประชาชน กระจายไปทั่วภูมิภาคอย่างเท่าเทียมกัน เห็นว่า พรรคมีผู้สมัครจากทุกภาค พร้อมกับความหลากหลายของอาชีพ ของผู้สมัครของ พปชร. และไม่ได้เน้นเฉพาะจุดหนึ่งจุดใด ขอบคุณที่ไว้ใจ พปชร. เลือก พปชร.ในการมาร่วมอุดมการณ์ ซึ่งขณะนี้เราสามารถเติมเต็มส่วนที่ขาดหายไป เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพมากกว่าสิ่งที่ขาดหายไป โดยจะเปิดตัวให้ครบ 400 เขต

นายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรค พปชร. กล่าวว่า มีความมั่นใจต่อผู้สมัครที่เข้ามาร่วมอุดมการณ์กับ พปชร. เชื่อว่า จะทำให้สังคมได้รับรู้ว่า พปชร.ในวันนี้มีความเข้มแข็ง จากความเป็นเอกภาพ มั่นคง มีการเติบโต ด้วยอุดมการณ์ที่แน่วแน่ที่ หัวหน้าพรรคมอบหมายไว้ จะทำให้ พปชร.เป็นพรรคของประชาชน

สำหรับการเปิดตัวว่าที่ผู้สมัครฯ ในครั้งนี้ พปชร. ได้เปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร พรรคพลังประชารัฐ รวม 55 คน ใน 23 จังหวัด พร้อมด้วย ส.ส บัญชีรายชื่อ ได้แก่ นายบุญสิงห์ วิรินทร์รักษ์ , พล.ต.อ. ยงยุทธ เทพจำนงค์ ส่วนในพื้นที่ภาคต่างๆ ดังนี้

พื้นที่ภาคอีสาน
1. จ.อุบลราชธานี นางสาวสมปรารถนา วิกรัยเจิดเจริญ, นายนาวิน ลาธุลี, นายวิทยา จันทวีศิริรัตน์,
2. จ.อำนาจเจริญ ได้แก่ นางจันทร์เพ็ญ ประเสริฐศรี
3. จ.ศรีสะเกษ ได้แก่ นายพงษ์ศักดิ์ อิริยะสุนทรกุล, นายเกียรติศักดิ์ ธรรมบุตร, นายอภิชาติ เกียรติสาร นายธนกฤช จิริวิภากร, นายฤทธา นันทพันธ์
4. จ.ยโสธร ได้แก่ นายสฤษดิ์ ประดับศรี, นายประสพโชค โคตรพงศ์, นายมนตรี เอราวรรณ์,
5. จ.สุรินทร์ ได้แก่ นายปุณยวัฒน์ สนใจ
6. จ.สกลนคร ได้แก่ นายกฤษณะ พุฒซ้อน, นายสินธุวัฒน์ ยนพันธ์, นายบุญรักษา พรมวัง, นายทนงศิลป์ วจีสิงห์
7. จ.หนองบัวลำภู ได้แก่ นายสรชาติ วิชยสุวรรณพรหม
8. จ.มหาสารคราม ได้แก่ นายสมเกียรติ กะตะศิลา
9. จ.ร้อยเอ็ด ได้แก่ นายเฉลิมศักดิ์ แสนปาง

พื้นที่ภาคเหนือ
10. จ.ลำพูน ได้แก่ นายทรงชัย วงศ์สวัสดิ์,
11. จ.ลำปาง ได้แก่ นางระพีพรรณ โพธิ์ทอง, นายจินดา วงศ์สวัสดิ์, นายดาชัย เอกปฐพี, นายสมเกียรติ ตันตระกูล,
12. จ.น่าน ได้แก่ นายสักก์สีห์ พลสันติกุล, นายสกล เนตรโสวรกุล, นายฉัตรชัย จิตตรง
13. จ.เชียงราย ได้แก่ นายพันธวัช ภูผาพันธกานต์ ,นายบุญเกิด ร่องแก้ว
14. จ.เชียงใหม่ ได้แก่ นายพจนารถ ศรียารัณย, นางศรีพรรณ เขียวทอง นายพรชัย อรรถปรียากูร นางสาวมนสิชา ภัคดิเมธี, นายนเรศ ธำรงค์ทิพยคุณ
15. จ.แม่ฮ่องสอน ได้แก่ นายปกรณ์ จีนาคำ, นายจำลอง ศรีสวัสดิ์

พื้นที่ภาคใต้
16. จ.ปัตตานี ได้แก่ นายอันวาร์ สาและ อดีตส.ส.ปัตตานี 4 สมัย,
17. จ.พัทลุง ได้แก่ นายเอกภัทร ภัทรัศมี, ดร.วัฒนา เรื่องแก้ว
พื้นที่ภาคตะวันออก
18. จ.ตราด ได้แก่ นายกิตติธัช ไชยอรรถ,
19. จ.ปราจีนบุรี ได้แก่ นายนุกูลกิจ พากเพียรศิลป์,

พื้นที่ภาคกลาง
20. จ.สมุทรสาคร ได้แก่ นายวัฒนา แตงมณี ,นางสาวจอมขวัญ กลับบ้านเกาะ, นางสาวปัญฑารีย์ มั่งมี นายภัฏ สุริวงษ์,
21. จ.พระนครศรีอยุธยา ได้แก่ นายชาตรี อยู่ประเสริฐ,
22. จ.กาญจนบุรี ได้แก่ นายนพดล สงวนพันธ์, นายประเทศ บุญยงค์
23. จ.นนทบุรี ได้แก่ นายวิเชียร เจริญนนทสิทธิ์, นายสามารถ เจริญนนทสิทธิ์

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 21 ธันวาคม 2565

โฆษกพรรคพลังประชารัฐ ร่วมพิธี “วันธรรมนูญ” ประจำปี’ 65 วางพานพุ่มน้อมรำลึกพระมหากรุณาธิคุณร.7เพื่อปวงชนชาวไทย

,

โฆษกพรรคพลังประชารัฐ ร่วมพิธี “วันธรรมนูญ” ประจำปี’ 65 วางพานพุ่มน้อมรำลึกพระมหากรุณาธิคุณ ร.7เพื่อปวงชนชาวไทย

วันที่ 10 ธันวาคม 2565 ดร.พัชรินทร์ ซำศิริพงษ์ ส.ส.กรุงเทพฯ เขต 2 และโฆษกพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ในฐานะตัวแทนพรรคพลังประชารัฐ เข้าร่วมพิธีฉลองวันพระราชทานรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย วางพานประดับพุ่มดอกไม้ถวายบังคมฯ ในนามพรรคฯ เบื้องหน้าพระรูปพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 7) เพื่อน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณที่ทรงมีต่อปวงชนชาวไทย เนื่องในวันรัฐธรรมนูญ ซึ่งตรงกับวันที่ 10 ธันวาคม ของทุกปี ณ อาคารรัฐสภา (เกียกกาย) กรุงเทพฯ

ทั้งนี้ ในช่วงเช้าได้เข้าร่วมพิธีบำเพ็ญกุศลทักษิณานุประทานถวายพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว และร่วมพิธีเจริญพระพุทธมนต์ฉลองวันพระราชทานรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย โดยมีประธานสภาผู้แทนราษฎร ,ประธานวุฒิสภา พร้อมด้วยสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร, เลขาธิการผู้แทนราษฎร, เลขาธิการวุฒิสภา,ข้าราชการ และตัวแทนจากพรรคการเมืองต่างๆ ร่วมพิธี และวางพานประดับพุ่มดอกไม้ถวายบังคมฯ

วันรัฐธรรมนูญ ถือเป็นวันสำคัญที่รัชกาลที่ 7 โปรดเกล้าฯ ได้ทรงลงพระปรมาภิไธยพระราชทานรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย เพื่อเป็นกฎหมายสูงสุดของประเทศไทย และเป็นกลไกการบริหารราชการแผ่นดิน สู่การกำหนดระเบียบแบบแผนของสังคมไทยมาจนถึงปัจจุบัน โดยกฎหมายอื่นใดจะขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญไม่ได้ โดยในปีนี้ครบรอบ 90 ปี ตั้งแต่วันที่ 10 ธันวาคม พ.ศ.2475

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 10 ธันวาคม 2565