โลกเปลี่ยน ไทยต้องปรับ ทางเลือกใหม่ของการเมืองไทย ก้าวข้ามความขัดแย้ง สานพลังประชาราษฎร์ ร่วมสร้างชาติให้ยั่งยืน

หมวดหมู่: กิจกรรม ส.ส. และสมาชิก

“สส.วรโชติ”จี้ ถามรัฐบาลถึงมาตรการแก้ปัญหาข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ เผย เกษตรกรเพชรบูรณ์ จ่อบุกศาลากลางฯเรียกร้องให้รัฐแก้ปัญหาด่วน

,

“สส.วรโชติ”จี้ ถามรัฐบาลถึงมาตรการแก้ปัญหาข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ เผย เกษตรกรเพชรบูรณ์ จ่อบุกศาลากลางฯเรียกร้องให้รัฐแก้ปัญหาด่วน

นายวรโชติ สุคนธ์ขจร สส.เพชรบูรณ์ เขต 4 พรรคพลังประชารัฐ(พปชร.)กล่าวหารือในที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรถึงปัญหาข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ที่จังหวัดเพชรบูรณ์ พ่อค้าหยุดรับซื้อข้าวโพด เกษตรกรจะทำอย่างไร เพราะวันนี้ถึงฤดูเก็บเกี่ยวมาถึงแล้ว แต่พ่อค้าไม่รับซื้อ เพราะโรงงานอาหารสัตว์แต่ละแห่งจำกัดการซื้อ และก็ปรับลดราคาลงเรื่อย ๆ ตนไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น และทางรัฐบาลมีมาตรการอย่างไรเกี่ยวกับปัญหาที่เกิดขึ้น

นายวรโชติ กล่าวต่อว่า วันนี้ราคาข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ลดลงอย่างต่อเนื่อง และรุนแรง ไม่รู้ว่าเกิดจากกลไกการตลาด หรือ เป็นกลไกของพ่อค้า รวมทัังมีการจำกัดการรับซื้อของกลุ่มผู้ประกอบการข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ และผู้ประกอบการ SME ที่เป็นผู้รับซื้อจากเกษตรกรโดยตรงก็ไม่สามารถรับซื้อได้เนื่องจากโรงงานอาหารสัตว์ไม่รับซื้อ ความลำบากไปตกที่พี่น้องเกษตรกร โดยในวันพรุ่งนี้(12 ก.ย.)พี่น้องเกษตรกรจังหวัดเพชรบูรณ์ก็จะไปหน้าศาลากลางจังหวัด เพื่อไปเรียกร้องเรื่องดังกล่าวด้วย

“ผมอยากฝากเรื่องนี้ไปยังกรมการค้าภายใน กระทรวงกระทรวงพาณิชย์ และกระทรวงการคลัง ให้ช่วยดูแลแก้ไขปัญหาข้าวโพดเลี้ยงสัตว์เลี้ยงสัตว์ด้วย ซึ่งเมื่อสักครู่ผมต้องขอบคุณนายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง และผมได้สอบถามว่า เรื่องข้าวโพดเลี้ยงสัตว์รัฐบาลมีนโยบายอย่างไรบ้าง ซึ่ง
ท่านแจ้งว่า มีการหารือกันวานนี้และจะรีบดำเนินการ“นายวรโชติ กล่าว

นายวรโชติ กล่าวต่อว่า สถานการณ์น้ำท่วมเกือบทั่วประเทศในตอนนี้ แต่ราคาข้าวกลับลดลง ซึ่งจริง ๆ แล้วข้าวต้องราคาแพงขึ้น แล้วทำไมลดลงทุกวัน ตนอยากทราบว่า วันนี้กระทรวงพาณิชย์ได้มีการจัดการดูแลเรื่องนี้หรือไม่ โดยการนำเข้าต่างๆ ตนขอฝากนายกรัฐมนตรีคนใหม่ และคณะรัฐมนตรีทุกท่าน ให้ใส่ใจพี่แม่พี่น้องประชาชนเรื่องนี้อย่างจริงจัง

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 13 กันยายน 2567

 “สส.ชัยมงคล”เปรียบ ครม. เหมือน ”เหล้าเก่าในขวดใหม่ “เขียนฉลากเพิ่มเติม ซัดภาพจำรัฐบาลตระบัดสัตย์ เปรย ไม่อยากเห็นภาพ รบ.ชนชั้นสูง“

,

“สส.ชัยมงคล”เปรียบ ครม. เหมือน ”เหล้าเก่าในขวดใหม่ “เขียนฉลากเพิ่มเติม ซัดภาพจำรัฐบาลตระบัดสัตย์ เปรย ไม่อยากเห็นภาพ รบ.ชนชั้นสูง“

นายชัยมงคล ไชยรบ สส.สกลนคร เขต 5 พรรคพลังประชารัฐ(พปชร.)กล่าวอภิปรายนโยบายของคณะรัฐมนตรี ว่า ประโยคที่น.ส. แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และประโยคที่บอกว่า“คนไทยมีกินมีใช้ มีเกียรติมีศักดิ์ศรี ความหวังของคนไทยเริ่มเรืองรอง” แต่เมื่อเห็นรายชื่อคณะรัฐมนตรีทำให้ความหวังเหล่านั้นเริ่มลางเลือน เพราะประกอบไปด้วยคนเก่า 70-80% เพิ่มเติมคนใหม่มาบ้าง เปรียบเสมือนเหล้าเก่าในขวดใหม่ เขียนฉลากเพิ่มเติม มีทั้งพ่อแทนลูก หรือลูกแทนพ่อ น้องแทนพี่ ซึ่งคนที่เข้ามาแทนกันไม่ใช่ว่าไม่ใช่คนดี เขาอาจเป็นคนดี แต่จะสามารถบริหารราชการแผ่นดิน ที่มีเดิมพันด้วยประชาชนคนไทย 70 กว่าล้านคนได้หรือไม่

องค์ประกอบคณะรัฐมนตรีชุดนี้มาจากหลายสัดส่วน ไม่ว่าจะเป็นสิ่งชำรุดทางประวัติศาสตร์ที่มาจากผลพวงพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย ที่มีจุดยืนว่าอำนาจรัฐต้องมาจากปลายกระบอกปืนกระบอกปืน มาจากรัฐมนตรีอาชีพ ที่เลือกจะเป็นรัฐมนตรีมา 17-18 สมัย ส่วนคนใหม่นั้นก็สืบทอดโดยสายเลือด  สื่อมวลชนจึงขนานนามคณะรัฐมนตรีชุดนี้ว่า ญาติกาบ้าง ผู้สืบสันดานบ้าง ทำให้เห็นทางของนโยบายรัฐบาลชุดนี้ ซึ่งไม่ได้เห็นว่าจะสามารถหวังผลประการใด และหากได้ทำตามที่อ่านคำการแถลงนโยบายในรัฐสภาแห่งนี้ ประเทศชาติจะเจริญรุ่งเรืองในวันพรุ่งนี้เลยแต่ตนไม่แปลกใจเพราะนโยบายของรัฐบาลชุดนี้ไม่ต่างจากชุดที่แล้ว และมีต้นทางมาจากพรรคเพื่อไทยเหมือนกัน เช่นเรื่องยาเสพติดก็เขียนเหมือนกันว่าจะต้องจัดการรวมถึงพูดคุยกับประเทศเพื่อนบ้าน มีการยึดทรัพย์บำบัดผู้เสพ ซึ่งผลดำเนินการของรัฐบาลชุดที่แล้ว ไตรมาสที่สอง มีคดีเกี่ยวกับยาเสพติดเพิ่มขึ้น 29.9% ซึ่งหมายความว่าเป็นการบริหารงานรัฐที่ล้มเหลวในการปราบปรามยาเสพติด

นอกจากนี้นโยบายเรือธงและเอ็นเตอร์เทนเม้นท์คอมเพล็กซ์ ที่บอกจะสร้างเศรษฐกิจให้ดีขึ้น คนไทยจะมีรายได้เพิ่มสามารถเก็บภาษีเพิ่มขึ้น ซึ่งตนเชื่อว่าจะมีการจ้างงานซึ่งคนไทยจะไปเป็นคนแจกไพ่ เป็นแรงงาน เป็นคนต้อนรับ แต่คนรวยมีไม่เกิน 10 ตระกูล แต่คนจนจะมีนับ 10 ล้านคน ซึ่งนโยบายเช่นนี้เปรียบเสมือนทำให้เห็นว่าเป็นนโยบายจากกลุ่มชนชั้นนำ เพื่อชนชั้นนำและเพื่อทุนขนาดใหญ่ ดังนั้นจึงไร้ความหวังจากพฤติกรรมที่ทำ แต่หากอ่านตามนโยบายที่เขียนไว้ตนขอชื่นชม

ขณะที่เรื่องของพลังงานที่ต้องการให้ลดราคาทั้งค่าไฟค่าน้ำ ฝากถึงนายกรัฐมนตรี ว่ากรุณาดูเอ็มโอยู ปี 44 ซึ่งบอกว่าเป็นพื้นที่ทับซ้อนกับประเทศเพื่อนบ้าน และข้อเท็จจริงทางประวัติศาสตร์และหลักฐานต่างๆได้บ่งชี้ว่าไม่ใช่พื้นที่ทับซ้อนแต่เป็นแผ่นดินไทย ซึ่งเราไปทำเอ็มโอยูและสุ่มเสี่ยงต่อการเสียดินแดน และดินแดนที่จะเสียเต็มไปด้วยทรัพยากรทางธรรมชาติ มีปิโตรเลียม ก๊าซธรรมชาติ ซึ่งใครไปเซ็นกับใครไว้ตามไปแก้ไขไปยกเลิกด้วย ทั้งนี้ขอให้จำคำพูดของตนไว้ให้ดีในแผ่นดินรัชกาลนี้ คนไทยจะไม่ยอมเสียดินแดนไม่ว่าจะทางพื้นดินทางพื้นน้ำแม้แต่ตารางนิ้วเดียว หากทำให้เสียดินแดนเขาจะตราหน้าว่าเป็นคนขายชาติคนทรยศต่อแผ่นดิน

“นโยบายเรือธงที่พูดกันมาตั้งแต่รัฐบาลที่แล้วการแจกเงิน 10,000 บาท จะเป็นเงินสดหรือไม่แต่มีการวางแผนไว้ดีอย่างไร เพื่อที่จะไม่ไปส่งเสริมสินค้าจากต่างชาติที่มีราคาถูกที่หลั่งไหลเข้ามาในประเทศไทย จนกระทั่งทำลาย sme ซึ่งทำให้ผู้ประกอบการในประเทศไทยเจ๊งระเนระนาด เรื่องเหล่านี้ไม่ได้ทำโดยการอ่านตามตัวอักษร แต่อยากเห็นการกระทำที่เป็นจริง เมื่อมองที่ของรัฐบาลวันนี้ภาพที่ประชาชนรับรู้คือ “การตระบัดสัตย์” มีที่ไหนพรรคที่ยกมือให้ 39 เสียง ให้ไปเป็นฝ่ายค้านเปรียบเสมือนไปหุงข้าวด้วยกันแต่เมื่อเวลาข้าวสุกข้าพเจ้าขอกินคนเดียว แต่พรรคที่งดออกเสียงเชิญมาเป็นรัฐบาล

นายชัยมงคล ได้กล่าวอภิปรายเพิ่มเติมว่า ตนทำหน้าที่ฝ่ายค้านในการตรวจสอบรัฐบาลนักการเมืองไม่สนใจว่าเป็นฝ่ายค้านหรือฝ่ายรัฐบาล ขอแต่ทำประโยชน์ให้กับประชาชนได้อย่างน้อยข้อเสนอแนะแนวทางที่ตนพูดไปเป็นประโยชน์เพื่อประชาชนไม่ใช่เป็นประโยชน์ส่วนตัว

”ผมไม่อยากเห็นรัฐบาลชุดนี้เป็นรัฐบาลที่มาจากชนชั้นสูงเพื่อคนชั้นสูงและอาศัยมือของประชาชนในคาบประชาธิปไตย  แล้วอ้างประชาชนมากอบโกยผลประโยชน์อย่างตะกละตะกราม และมุมมาม “

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 13 กันยายน 2567

“สส.วรโชติ”ติง นโยบายเกษตรของรัฐบาลยังไม่โดนใจเกษตรกร ชี้ ปัญหาราคาข้าวโพดเลี้ยงสัตว์-ข้าว ยังตกต่ำกระทบผู้ปลูก ฝาก“นายกฯเร่งแก้ปัญหาให้ครอบคลุมทุกมิติ

,

“สส.วรโชติ”ติง นโยบายเกษตรของรัฐบาลยังไม่โดนใจเกษตรกร ชี้ ปัญหาราคาข้าวโพดเลี้ยงสัตว์-ข้าว ยังตกต่ำกระทบผู้ปลูก ฝาก“นายกฯเร่งแก้ปัญหาให้ครอบคลุมทุกมิติ

นายวรโชติ สุคนธ์ขจร สส.เพชรบูรณ์ เขต 4 พรรคพลังประชารัฐ(พปชร.)กล่าวอภิปรายนโยบายรัฐบาลในที่ประชุมรัฐสภาตามมาตรา 162 ว่า นโยบายข้อที่ 6 ที่เกี่ยวข้องกับพี่น้องเกษตรกร แต่ยังไม่ครอบคลุมพี่น้องเกษตรกร และยังไม่โดนใจพี่น้องเกษตรกร วันนี้ท่านจะเห็นจากหน้าข่าวต่างๆ ว่า พี่น้องเกษตรกรโดยเฉพาะผู้ปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ โดนพ่อค้าหยุดรับซื้อข้าวโพดในฤดูกาลเก็บเกี่ยว มันเกิดอะไรขึ้น ทำให้พี่น้องเกษตรกรเดือดร้อนหนัก ไม่รู้จะนำข้าวโพดไปขายที่ไหน ปัญหาเกิดจากโรงงานอาหารสัตว์ที่หยุดรับซื้อและลดราคาก็ลงทุกวัน

นายวรโชติ กล่าวต่อว่า ตนไม่ทราบว่า การกำหนดราคาในบ้านนี้เมืองนี้ มันเกิดจากพ่อค้าหรือว่ากระทรวงพาณิชย์ หรือว่ารัฐบาลเป็นผู้กำหนด ราคาถึงลดลงทุกวัน ทำให้ผู้ประกอบการไม่สามารถซื้อข้าวโพดจากพี่น้องเกษตรกรได้ ต้องหยุดรับซื้อ ทั้งที่เป็นฤดูเก็บเกี่ยว
อย่างเรื่องการนำเข้าข้าวโพดเลี้ยงสัตว์และอาหารสัตว์ก็เหมือนกัน จริงๆ แล้วบ้านเราผลิตได้ประมาณ 5 ล้านตันต่อปี การนำเข้าข้าวโพดเลี้ยงสัตว์จากต่างประเทศ หรือประเทศเพื่อนบ้าน ต้องไม่เกินประมาณ 1.5 ล้านตันต่อปี
แต่วันนี้มันทะลุไป 2 ล้าน ความต้องการใช้ข้าวโพดภายในประเทศ 8 ล้านตัน ผลิตได้ 5 ล้านตัน ราคาต้องดี แต่ในขณะนี้ราคากลับลดลงทุกวัน

“ผมได้รับข่าวจากพี่น้องเกษตรกรชาวเพชรบูรณ์ว่า วันนี้ได้เปิดรับซื้อข้าวโพดเลี้ยงสัตว์แล้ว โดยราคาต่างๆ เป็นไปตามที่เกษตรกรออกมาเรียกร้องให้รัฐบาลช่วยประกันหลักการในความชื้น 30% ซึ่งเกษตรกรขอราคามา 7.50 สตางค์ ไม่ต่ำกว่านี้แล้ว และที่ความชื้น 14.5% ขอเป็น 11 บาท ซึ่งวันนี้มีการเปิดรับซื้อความชื้นที่ 14.5% จะอยู่ที่โดยเฉลี่ย 9. 90 สตางค์ และความชื้น 30% ก็จะอยู่ที่ประมาณ 6.80 สตางค์ ผมขอบพระคุณจริงๆที่ท่านแก้ปัญหาให้พี่น้องเกษตรกรด้วยความฉับไว”นายวรโชติ กล่าว

นายวรโชติ กล่าวต่อว่า ตนมีข้อสงสัยว่า ราคาข้าวโพดบ้านเรา พอถึงฤดูเก็บเกี่ยว ราคาจะลดลงทุกปี ซึ่งจริงๆ แล้วปีนี้มีปัญหาอุทกภัยหลายพื้นที่ เหตุใดราคาถึงลดลง เพราะในความจริงแล้ว ราคาจะต้องปรับขึ้น ในส่วนของโควต้าในการนำเข้าข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ที่กำหนดไว้ว่า ภายในประเทศ 3 ส่วน นำเข้า 1 ส่วน เกษตรกรจึงเป็นห่วงว่าโควต้าแบบนี้จะลดลงหรือไม่ ปัญหาต่างๆ เหล่านี้ ตนอยากฝากรัฐบาลชุดใหม่แก้ปัญหาให้พี่น้องประชาชนเกษตรกรผูัข้าวโพด ที่เป็นความหวังของพี่น้อง เป็นรายได้หลัก เป็นกระดูกสันหลังของชาติ

นายวรโชติ ยังกล่าวต่อถึง ปัญหาราคาข้าวที่วันนี้น้ำท่วมทั่วประเทศ แต่ข้าวราคาถูกลงทุกวัน ราคาเกิดจากพ่อค้าคนกลางกำหนดเองหรืออย่างไร รัฐบาลมีส่วนเข้าไปกำหนดให้ได้หรือไม่ ให้ราคาเป็นธรรมกับพี่น้องเกษตรกร เหมือนกับคำที่ท่านนายกรัฐมนตรีบอกว่าต่อไปพี่น้องประชาชนคนไทยจะมีกิน มีใช้ มีเกียรติ มีศักดิ์ศรี มีโอกาส เท่าเทียม เท่ากัน ทุกคน

สุดท้าย พรรคพลังประชารัฐ นำโดยพลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ ขอแสดงความห่วงใยและเสียใจต่อพี่น้องที่ประสบอุทกภัยทางภาคเหนือของประเทศ  ขอให้ทุกท่านปลอดภัยโดยเร็ว และตนในนาม สส.เพชรบูรณ์ทั้ง 6 คน ขอฝากให้นายกฯและคณะรัฐมนตรีดูแลประชาชนด้วย

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 13 กันยายน 2567

“พล.อ.ประวิตร” ถือฤกษ์มงคล นำทีม พปชร. ทำบุญเสริมสิริมงคล รับคณะกรรมการบริหารชุดใหม่ ลุยงานผลักดันนโยบายเพื่อปชช.

,

“พล.อ.ประวิตร” ถือฤกษ์มงคล นำทีม พปชร. ทำบุญเสริมสิริมงคลรับคณะกรรมการบริหารชุดใหม่ ลุยงานผลักดันนโยบายเพื่อปชช.

เวลา 07.30 น. (10 กันยายน 2567 )ที่พรรคพลังประชารัฐ พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เป็นประธานในพิธีสักการะ ศาลพระพรหม ซึ่งประดิษฐานอยู่บริเวณด้านหน้า ตึกอาคารที่ทำการพรรค พปชร. เพื่อเสริมสิริมงคลและความเจริญรุ่งเรืองในวาระที่พรรคได้มีคณะกรรมการบริหารชุดใหม่ นำโดยพลเอก ประวิตร ในฐานะหัวหน้าพรรค พร้อมด้วยสมาชิกพรรค บุคลากร พนักงาน เพื่อประกาศเดินหน้าขับเคลื่อนพรรคสู่การเป็นสถาบันการเมืองที่มั่นคง พร้อมดูแลพี่น้องประชาชน ภายใต้อุดมการณ์ “ปกป้องสถาบัน  ทันสมัยเศรษฐกิจ มีชีวิตที่สดใส”

จากนั้นในช่วงเช้าได้จัดพิธีสงฆ์ ซึ่งคณะสงฆ์ได้เมตตาสวดบทพระปริตร เจริญพระพุทธมนต์ เพื่อเป็นสิริมงคลในการทำงานของทุกคนให้ราบรื่น และประสบผลสำเร็จในการดำเนินนโยบายของพรรค เพื่อดูแลพี่น้องประชาชน โดยมี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรค เป็นประธาน พร้อมด้วยคณะกรรมการบริหาร ประกอบด้วย พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรค, นายสันติ พร้อมพัฒน์ รองหัวหน้าพรรค  นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รองหัวหน้าพรรค นางสาวตรีนุช เทียนทอง รองหัวหน้าพรรค  นายอภิชัย เตชะอุบล   รองหัวหน้าพรรค นายไพบูลย์ นิติตะวัน เลขาธิการพรรค พล.อ.กฤษณ์โยธิน ศศิพัฒนวงษ์ เหรัญญิกพรรค   พลตำรวจโท ปิยะ ต๊ะวิชัย โฆษกพรรค พร้อมด้วยกรรมการบริหารพรรค สมาชิกพรรคเข้าร่วมพิธี อย่างพร้อมเพรียง

สำหรับบรรยากาศในงานเต็มไปด้วยความอบอุ่น และมีความเป็นสิริมงคล โดยพล.อ.ประวิตร ได้กล่าวทักทาย และขอบคุณสมาชิกพรรคและผู้ร่วมงานทุกคนที่ได้ร่วมพิธีสวดมนต์และทำบุญในครั้งนี้



































ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 10 กันยายน 2567

“พล.อ.ประวิตร” มอบหมาย 2 สส. เพชรบูรณ์ พปชร.นำความห่วงใย พร้อมส่งมอบถุงยังชีพให้ ปชช.เตรียมรับมือ หากเกิดเหตุอุทกภัยฉับพลัน

,

“พล.อ.ประวิตร” มอบหมาย 2 สส. เพชรบูรณ์ พปชร.นำความห่วงใย พร้อมส่งมอบถุงยังชีพให้ ปชช.เตรียมรับมือ หากเกิดเหตุอุทกภัยฉับพลัน

นางวันเพ็ญ พร้อมพัฒน์ สส.เพชรบูรณ์ เขต 5 พรรคพลังประชารัฐ(พปชร.)กล่าวว่า ตนและนายวรโชติ สุคนธ์ขจร สส.เพชรบูรณ์ เขต 4 ได้รับมอบหมายจาก พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ให้ลงพื้นที่ หมู่ 1  หมู่ 2 หมู่ 3 หมู่ 6 ตำบลกองทูล หมู่ 1 หมู่ 4 ตำบลวังโบสถ์  และหมู่ 4 หมู่ 13 บ้านคลองกระโบน ตำบลบ้านโภชน์ อำเภอหนองไผ่  จังหวัดเพชรบูรณ์ เพื่อมอบถุงยังชีพให้กับประชาชน บรรเทาผลกระทบจากน้ำป่าไหลหลากเข้าท่วมบ้านเรือนประชาชน

นางวันเพ็ญ กล่าวต่อว่า ในขณะนี้ต้องเตรียมความพร้อม เพื่อรับมือเหตุอุทกภัยเนื่องจากฝนยังตกอย่างต่อเนื่องในพื้นที่ตอนบนของจังหวัดเพชรบูรณ์ ส่งผลให้ปริมาณน้ำในลำคลองและแม่น้ำเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว และอาจจะเข้าสู่ภาวะวิกฤติฉุกเฉินน้ำท่วมฉับพลันเข้าท่วมบ้านเรือน ดังนั้น สส.ในพื้นที่จึงได้มอบถุงยังชีพ เพื่อเตรียมความพร้อมเพื่อให้เป็นเสบียงสำรองกับประชาชน หากเผชิญเหตุการณ์และบรรเทาความเดือดร้อน ก่อนที่จะได้รับความช่วยเหลือจากทางราชการ

“วันนี้เราได้พบปะและเป็นกำลังใจให้พี่น้องประชาชนที่อาจจะต้องประสบอุทกภัย โดย พล.อ.ประวิตร ได้ส่งความห่วงใย และฝากส่งกำลังใจมาให้ผู้ประสบเหตุ ซึ่งท่านมีความกังวลว่า หากเกิดน้ำท่วมฉับพลันจะทำให้เกิดอุปสรรคในการเข้าช่วยเหลือประชาชน จึงดำริให้ สส.ทุกคนช่วยประชาชนในพื้นที่เตรียมรับมือกับสถานการณ์น้ำท่วมที่อาจะเกิดขึ้นได้ในเร็ววันนี้“นางวันเพ็ญ กล่าว

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 9 กันยายน 2567

“พล.อ.ประวิตร” มอบหมาย “สส.กระแสร์” แจกถุงยังชีพช่วยบรรเทาความเดือดร้อน หลังน้ำท่วมหนักกินพื้นที่เป็นวงกว้าง

,

“พล.อ.ประวิตร” มอบหมาย “สส.กระแสร์” แจกถุงยังชีพช่วยบรรเทาความเดือดร้อน หลังน้ำท่วมหนักกินพื้นที่เป็นวงกว้าง

นายกระแสร์ ตระกูลพรพงศ์ สส.หนองคาย เขต 1 พรรคพลังประชารัฐ(พปชร.) กล่าวว่า เมื่อวันที่ 2 ก.ย.ที่ผ่านมา ตนในนามตัวแทนของพรรคพลังประชารัฐ ได้ลงพื้นที่ตำบลบ้านเดื่อ และตำบลหินโงม มอบถุงยังชีพให้กับประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากเหตุอุทกภัยน้ำท่วม โดย พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ มีความเป็นห่วงสถานการณ์น้ำท่วมเป็นอย่างมาก เพราะประชาชนจะต้องเสียทรัยพ์สินทั้งบ้านเรือนพื้นที่ทางการเกษตร พื้นที่ลุ่มต่ำ รวมถึงด้านปศุสัตว์ด้วย จึงมอบหมายให้ตนนำถุงยังชีพมาแจกจ่ายพี่น้องประชาชน เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนในเบื้องต้น

“ช่วงที่ผ่านมา ในพื้นที่หนองคายมีปริมาณฝนตกอย่างต่อเนื่อง จนเกิดภาวะน้ำท่วมไหลหลากเข้าท่วมบ้านเรือนประชาชน กินพื้นที่เป็นวงกว้าง ผมจึงได้ลงพื้นที่มาเพื่อเป็นกำลังใจให้กับชาวบ้านที่กำลังเผชิญกับวิกฤตน้ำท่วมในขณะนี้ พร้อมทั้งมารับฟังปัญหา เพื่อประสานงานกับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อนำไปสู่การทำแผนในการแก้ปัญหาน้ำท่วมให้กับพี่น้องประชาชน และในส่วนพื้นที่ที่สถานการณ์คลี่คลายแล้ว จะมีการระดมกำลังเจ้าหน้าที่ฟื้นฟูพื้นที่ประสบภัยให้กลับสู่ภาวะปกติโดยเร็ว เพื่อให้ประชาชนสามารถกลับมาดำเนินชีวิตได้ตามปกติโดยเร็วที่สุด”

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 5 กันยายน 2567

“สส.พิมพ์พร” บูรณาการร่วม “อบต.นาป่า-โยธาธิการและผังเมือง จ.เพชรบูรณ์” ลงพื้นที่สำรวจพร้อมเร่งแก้ไขความเดือดร้อนให้ ปชช.หลังแนวตลิ่งทรุดตัว น้ำล้นเข้าท่วมบ้านเรือน

,

“สส.พิมพ์พร” บูรณาการร่วม “อบต.นาป่า-โยธาธิการและผังเมือง จ.เพชรบูรณ์” ลงพื้นที่สำรวจพร้อมเร่งแก้ไขความเดือดร้อนให้ ปชช.หลังแนวตลิ่งทรุดตัว น้ำล้นเข้าท่วมบ้านเรือน

น.ส.พิมพ์พร พรพฤฒิพันธุ์ สส.เพชรบูรณ์ เขต 1 พรรคพลังประชารัฐ เปิดเผยว่า ตนได้ร่วมกับนายอดุลย์ นนทะโคตร นายกองค์การบริหารส่วนตำบลนาป่า และสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนตำบลนาป่า พร้อมทั้งนายศิลชัย สำเภา กำนันตำบลนาป่า และผู้ใหญ่บ้านตำบลนาป่า ลงพื้นที่สำรวจแนวตลิ่งทรุดตัวบริเวณคลองตาเต็ง บ้านคลองป่าสัก หมูที่ 11 ตำบลนาป่า ซึ่งทำให้ประชาชนในพื้นที่ได้รับความเดือดร้อนจากน้ำไหลกัดเซาะ ทำให้บริเวณตลิ่งพังทลาย โดยเฉพาะในช่วงฤดูฝนน้ำล้นท่วมบ้านเรือน โรงเรียน ร้านค้า และพื้นที่ใกล้เคียงเสียหายเป็นประจำทุกปี

น.ส.พิมพ์พร กล่าวต่อว่า ตนยังได้สำรวจพื้นที่บริเวณเส้นทางสายเรียบแม่น้ำ เพื่อดูแนวทางสร้างเขื่อนป้องกันตลิ่ง เพื่อแก้ปัญหาในระยะยาว โดยการลงพื้นที่ครั้งนี้ต้องขอขอบคุณนายสมศักดิ์ วิริยะธนาวุฒิวงษ์ โยธาธิการและผังเมืองจังหวัดเพชรบูรณ์ และทีมงานที่ให้ความอนุเคราะห์ ร่วมลงพื้นที่และช่วยติดตามความคืบหน้าการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนร่วมกัน

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 5 กันยายน 2567

“สส.กาญจนา” เผย ข่าวดีชาวบ้านโนนเหม่า หมู่ 3 มีน้ำดื่มชุมชนในหมู่บ้าน แก้ปัญหาขาดเเคลนน้ำได้สำเร็จ เชื่อ ระบบสาธารณูปโภคของท้องถิ่น คือจุดเริ่มต้นในการยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน

,

“สส.กาญจนา” เผย ข่าวดีชาวบ้านโนนเหม่า หมู่ 3 มีน้ำดื่มชุมชนในหมู่บ้าน แก้ปัญหาขาดเเคลนน้ำได้สำเร็จ เชื่อ ระบบสาธารณูปโภคของท้องถิ่น คือจุดเริ่มต้นในการยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน

น.ส.กาญจนา จังหวะ สส.ชัยภูมิ เขต 4 พรรคพลังประชารัฐ กล่าวว่า ตนได้ลงพื้นที่ บ้านโนนเหม่า ม.3 ต.นางแดด เพื่อติดตามโครงการน้ำประปาและน้ำดื่มชุมชน ที่จะเริ่มดำเนินการในเดือนตุลาคมนี้ เพื่อแก้ไขปัญหาการบริหารจัดการน้ำในพื้นที่ให้ประชาชนมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดียิ่งขึ้น เพราะน้ำถือเป็นหัวใจสำคัญในการดำรงชีวิตและการทำเกษตรกรรม ไม่ว่าจะเป็นการอุปโภคบริโภค ทำนา เลี้ยงปลา หรือปลูกผัก แต่ในหลายๆ พื้นที่ของประเทศไทยก็ยังประสบปัญหาน้ำแตกต่างกันไป ทั้งน้ำแล้ง น้ำท่วม หรือขาดแคลนน้ำสะอาดสำหรับดื่มกินหรือใช้ในชีวิตประจำวัน เช่นเดียวกับในพื้นที่ต.นางแดด

“การพัฒนาระบบสาธารณูปโภคขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ถือเป็นจุดเริ่มต้นในการยกระดับคุณภาพชีวิตของพี่น้องประชาชนให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีอย่างยั่งยืน มีเศรษฐกิจฐานรากที่เข้มแข็ง และสร้างระบบการบริหารจัดการน้ำอย่างถูกวิธีและมีประสิทธิภาพ อย่างยั่งยืน” น.ส.กาญจนา กล่าว

น.ส.กาญจนา กล่าวทิ้งท้ายว่า ปัญหาขาดเเคลนน้ำที่เกิดขึ้นสร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชนมานาน วันนี้ตนขอแสดงความยินดีกับชาวบ้านโนนเหม่า หมู่ 3 ที่ได้มีน้ำดื่มชุมชนในหมู่บ้านแล้ว ซึ่งตนก็เดินหน้าผลักดันเรื่องนี้มาอย่างต่อเนื่อง จนวันนี้ประสบความสำเร็จแก้ปัญหาให้ชาวบ้านได้ทันเวลา

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 2 กันยายน 2567

“สส.วรโชติ” เผย “พล.อ.ประวิตร” มอบถุงยังชีพเยียวยาชาวเพชรบูรณ์เบื้องต้น หลังน้ำป่าไหลหลากทำบ้านเรือนประชาชนเสียหายจำนวนมาก

,

“สส.วรโชติ” เผย “พล.อ.ประวิตร” มอบถุงยังชีพเยียวยาชาวเพชรบูรณ์เบื้องต้น หลังน้ำป่าไหลหลากทำบ้านเรือนประชาชนเสียหายจำนวนมาก

นายวรโชติ สุคนธ์ขจร สส.เพชรบูรณ์ เขต 4 พรรคพลังประชารัฐ(พปชร.)เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 01 ก.ย.ที่ผ่านมา พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐได้มอบหมายให้ตนและนางวันเพ็ญ พร้อมพัฒน์ สส.เขต 5 เพชรบูรณ์ ลงพื้นที่ อำเภอวังโป่ง จังหวัดเพชรบูรณ์ พร้อมด้วย นายก อบต.วังโป่ง และสมาชิก อบต.,กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน เพื่อเป็นตัวแทนมอบถุงยังชีพให้กับพื้นที่ เทศบาลตำบลวังโป่ง จำนวน 1,000  ครัวเรือน ครับ เนื่องจากจังหวัดเพชรบูรณ์ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์น้ำท่วม และน้ำป่าไหลหลากทำให้บ้านเรือนพี่น้องประชาชนและสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญหลายแห่งได้รับความเสียหาย

“น้ำมาครั้งนี้ทำให้ชาวบ้านเดือดร้อนกันเป็นอย่างมาก เพราะกระแสน้ำมาเร็วจนไม่ทันได้ตั้งตัว บ้านเรือนและทรัพย์สินข้าวของในครัวเรือนเสียหายไปมาก ซึ่ง พลเอกประวิตร ติดตามสถานการณ์อย่างใกช้ชิด และท่านยังคิดถึง ห่วงใย ชาวเพชรบูรณ์อยู่เสมอ จึงให้นำสิ่งของจำเป็น เครื่องอุปโภคบริโภคมาช่วยบรรเทาความเดือดร้อนให้คนในพื้นที่ อาทิ ข้าวสาร น้ำดื่ม เป็นต้น โดยตนต้องขอบพระคุณ พล.อ.ประวิตร แทนพี่น้องชาววังโป่งด้วย” นายวรโชติ กล่าว

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 2 กันยายน 2567

“พลเอกประวิตร” มอบ “ชัยวุฒิ-พล.ต.ท.ปิยะ” รุดลงพื้นที่จังหวัดแพร่ ห่วงผู้ประสบภัยน้ำท่วม มอบถุงยังชีพ พร้อมขอบคุณเจ้าหน้าที่ร่วมแรงร่วมใจทำงานเพื่อประชาชน

,

“พลเอกประวิตร” มอบ “ชัยวุฒิ-พล.ต.ท.ปิยะ” รุดลงพื้นที่จังหวัดแพร่ ห่วงผู้ประสบภัยน้ำท่วม มอบถุงยังชีพ พร้อมขอบคุณเจ้าหน้าที่ร่วมแรงร่วมใจทำงานเพื่อประชาชน

วันที่ 26 ส.ค.เวลา 14.00 น.พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ มอบหมายให้ นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ และพลตำรวจโทปิยะ ต๊ะวิชัย ทีมโฆษกพลังประชารัฐ ลงพื้นที่ วัดปากจอก ต.ทุ่งแล้ง อ.ลอง จ.แพร่ เป็นตัวแทนมอบถุงยังชีพให้แก่ประชาชนที่ประสบปัญหาอุทกภัยในเขต พื้นที่อำเภอลอง จังหวัดแพร่ จำนวน 400 ชุด พร้อมทั้งมอบถุงยังชีพจำนวน 600 ชุด ให้กับตัวแทนนายอำเภอเด่นชัย และตัวแทนนายอำเภอวังชิ้น รับมอบถุงยังชีพ

โดย นายชัยวุฒิ กล่าวว่า พลเอกประวิตร เข้าใจถึงความเดือดร้อนของประชาชนที่บางครัวเรือนยังไม่สามารถกลับเข้าบ้านเรือนได้ เนื่องจากบ้านถูกน้ำท่วมและประชาชนหลายคนยังขาดแคลนเสื้อผ้า เครื่องนุ่งห่ม รวมถึงการใช้ชีวิตประจำวันก็ได้รับผลกระทบอย่างหนัก พลเอกประวิตร จึงห่วงใยพี่น้องประชาชนที่ประสบภัย โดยขอให้กำลังให้ทุกคนให้ผ่านพ้นวิกฤตินี้ไปได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งพรรคพลังประชารัฐหวังว่ามอบถุงยังชีพที่เรานำมาแจกจ่ายให้กับประชาชนจะสามารถบรรเทาความเดือดร้อนในเบื้องต้นได้

“พรรคพลังประชารัฐ นำโดยท่านหัวหน้ามีความเป็นห่วงใยความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชน ที่กำลังได้รับกับความเดือดร้อน และยากลำบากในครั้งนี้ และขอเป็นกำลังใจให้พี่น้องชาวแพร่ทุกท่าน ผ่านพ้นวิกฤติในครั้งนี้ ไปโดยเร็ว“ นายชัยวุฒิกล่าว

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 26 สิงหาคม 2567

“สส.องอาจ” ขอ ประปาภูมิภาค แก้ไขปัญหาน้ำไม่ไหลในพื้นที่สระบุรี ชี้ เป็นเรื่องจำเป็นและเป็นดัชนีชี้วัดประสิทธิภาพ ความสามารถ สมรรถภาพ ของผู้ดูแล

,

“สส.องอาจ” ขอ ประปาภูมิภาค แก้ไขปัญหาน้ำไม่ไหลในพื้นที่สระบุรี ชี้ เป็นเรื่องจำเป็นและเป็นดัชนีชี้วัดประสิทธิภาพ ความสามารถ สมรรถภาพ ของผู้ดูแล

นายองอาจ วงษ์ประยูร สส.สระบุรี พรรคพลังประชารัฐ(พปชร.)กล่าวหาหรือในที่ประชุมสภาถึงปัญหา ความเดือดร้อนกรณีน้ำประปาไม่ไหลต่อเนื่องมานานถึง 3 วัน บริเวณตำบลขุนโขน อำเภอพระพุทธบาท ตั้งแต่
สี่แยกโรงพยาบาลพระพุทธบาท ไปยังหมู่ 9 หมู่บ้าน ราชพฤกษ์ หมู่บ้านอารียา ไปจนถึงพหลโยธิน ถึงถ้ำกระบอก โดยสาเหตุหลักและเกิดจากปัญหาคือ ท่อเล็กท่อน้อยที่ส่งไปยังหมู่บ้าน ชุมชนต่างๆ ในเขตพื้นที่ เทศบาลเมืองพระพุทธบาท เก่าแก่ เสื่อมโทรม ชำรุด อุดตัน มาหลายปี ไม่เคยได้รับการดูแลแก้ไข

“ผมขอให้ประปาส่วนภูมิภาค ปรับปรุงซ่อมแซม เปลี่ยนท่อเก่าให้เป็นท่อใหม่ โดยเร่งด่วน ปัญหานี้คาราคาซัง มาเป็นเวลาช้านาน ซึ่งกรณีน้ำหยุดไหลต่อเนื่องหลายวัน ให้ฉุกเฉินกรณีดังกล่าว ขอให้ประปา ได้แจ้งเตือนก่อน เพราะว่าที่ผ่านมาไม่ได้แจ้งเตือนพี่น้องประชาชน ก็จะได้เตรียมพร้อมดูแลแก้ไขทดแทนหาน้ำมาใช้ ในกรณีดังกล่าวได้ทันท่วงที พร้อมขอให้หน่วยงานที่ดูแลรับผิดชอบในส่วนนี้ช่วยบริหารจัดการรถน้ำไปช่วย คลายทุกข์ให้พี่น้องประชาชน เป็นเวลาชั่วคราวอย่างน้อยทุกข์ก็จะได้คลายลงบ้าง“นายองอาจ กล่าว

นายองอาจ ยังกล่าวต่อถึงปัญหาน้ำประปาในเทศบาลสวนดอกไม้ อำเภอเสาไห้ ไหลน้อยจนถึงไม่ไหล โดยเฉพาะในช่วงวันหยุด เสาร์ อาทิตย์เป็นช่วงที่ใช้น้ำเยอะๆ สาเหตุหลักก็คือ เนื่องจากเทศบาลตำบลสวนดอกไม้ เป็นพื้นที่ปลายสาย ปลายน้ำ เพราะต้องใช้บริการน้ำประปาจากพระพุทธบาท ซึ่งจะใช้เวลาระยะเวลาที่ไกลก่อนน้ำจะไปถึง ก็ค่อยลงไปเรื่อยๆ จึงขอฝากไปยังประปาภูมิภาคให้ช่วยขยายท่อส่งน้ำ เพิ่มแรงดันให้น้ำแรงขึ้น จะได้ช่วยคลายทุกข์บริเวณอำเภอเสาให้ ได้ เพราะน้ำประปาเป็นดัชนีชี้วัดความสุขของพี่น้องประชาชน ในขณะเดียวกันก็เป็นดัชนีชี้วัดประสิทธิภาพความสามารถ สมรรถภาพ ของผู้ที่ดูแลประปาภูมิภาค

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 22 สิงหาคม 2567

“สส.สัมพันธ์” หวัง รัฐบาลจะนำข้อเสนอแนะของ กมธ. แก้ไขหนี้สินฯไปกำหนดนโยบายและมาตรการในการแก้ไขปัญหา บรรเทาความเดือดร้อนให้ประชาชน

,

“สส.สัมพันธ์” หวัง รัฐบาลจะนำข้อเสนอแนะของ กมธ. แก้ไขหนี้สินฯไปกำหนดนโยบายและมาตรการในการแก้ไขปัญหา บรรเทาความเดือดร้อนให้ประชาชน

นายสัมพันธ์ มะยูโซ๊ะ สส.นราธิวาส เขต 3 พรรคพลังประชารัฐ ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการแก้ปัญหาหนี้สิน ความยากจนและลดความเหลื่อมล้ำ เปิดเผยว่า กมธ.ได้รายงานผลการพิจารณาศึกษาญัตติ เรื่อง แนวทางการแก้ไขปัญหา หนี้สินภาคครัวเรือนอย่างยั่งยืน และปัญหาค่าครองชีพสูงที่พิจารณาเสร็จแล้วต่อที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร โดยผลการศึกษาสรุปได้ว่า
ปัญหาหนี้สินภาคครัวเรือนของประเทศไทยในปัจจุบันอยู่ในสัดส่วนของสินเชื่อส่วนบุคคลและบัตรเครดิตมากที่สุด รวมถึงสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์และรถจักรยานยนต์ อันเนื่องมาจากพฤติกรรมการเป็นหนี้ของประชาชนที่เป็นไปในลักษณะของการมีความพร้อมที่จะก่อหนี้ได้ง่ายและเร็วขึ้น

นายสัมพันธ์ กล่าวต่อว่า ประเด็นปัญหาสำคัญอีกประการคืออาชีพเกษตรกรมีรายได้ไม่แน่นอนทำให้เข้าถึงแหล่งเงินทุนในระบบได้ยาก ทำให้มีเกษตรกรจำนวนไม่น้อยต้องพึ่งพาแหล่งเงินทุนนอกระบบและต้องเสียดอกเบี้ยในอัตราสูง รายได้ไม่เพียงพอต่อการชำระหนี้ ต้องชำระเฉพาะดอกเบี้ยรายวันไปเรื่อย ๆ จึงไม่สามารถชำระหนี้ได้หมด ประกอบกับปัญหาค่าครองชีพสูงที่เกิดขึ้นในประเทศไทยมีสาเหตุมาจากหลายปัจจัย ถือเป็นปัจจัยที่สร้างภาระให้แก่ครัวเรือนไทยเป็นอย่างมาก และลดทอนความสามารถในการชำระหนี้ของครัวเรือนด้วย

โดยทาง กมธ.ได้พิจารณถึงแนวทางการแก้ไขปัญหาหนี้สินภาคครัวเรือนอย่างยั่งยืน เช่น การกำหนดเป้าหมายในการแก้ไขปัญหาหนี้สินภาคครัวเรือนให้ชัดเจน รวมถึง กลไกการบริหารนโยบายการแก้ไขปัญหาหนี้สินภาคครัวเรือน โดยการกำหนดตัวชี้วัดในการแก้ไขปัญหาหนี้สินแต่ละด้าน ระบบการติดตามและการประเมินผลการดำเนินงานแก้ไขปัญหาหนี้สิน การจัดหมวดหมู่งบประมาณและการจัดสรรงบประมาณในการแก้ไขปัญหาหนี้สิน ติดตามและการประเมินผลการดำเนินงานแก้ไขปัญหาหนี้สินการปิดช่องโหว่ทางกฎหมายในการแก้ไขปัญหาหนี้สิน และการเพิ่มความรอบรู้ทางการเงินของประชาชน โดยการเพิ่มความรอบรู้ทางการเงินตามช่วงวัย คือ วัยเรียน วัยทำงาน วัยเตรียมเกษียณ และวัยผู้สูงอายุ การเพิ่มความรอบรู้ตามกลุ่มเป้าหมายการทำงาน อาทิ กลุ่มทำงานประจำ ทำงานอิสระ และดำเนินการควบคู่กับการฟื้นฟูสถานะการเงินของครัวเรือน

“ผมหวังเป็นอย่างยิ่งว่าข้อเสนอแนะของคณะกรรมาธิการจะนำไปสู่การกำหนดนโยบายและมาตรการในการแก้ไขปัญหาหนี้สิน และบรรเทาความเดือดร้อนให้แก่ประชาชนต่อไป”

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 19 สิงหาคม 2567