โลกเปลี่ยน ไทยต้องปรับ ทางเลือกใหม่ของการเมืองไทย ก้าวข้ามความขัดแย้ง สานพลังประชาราษฎร์ ร่วมสร้างชาติให้ยั่งยืน

หมวดหมู่: กิจกรรม ส.ส. และสมาชิก

“รมว.ธรรมนัส“ เปิดปฏิบัติการ”พญานาคราช” ลุยตรวจป้องกันและปราบปรามสินค้าเกษตรผิดกฎหมาย รักษาประโยชน์เกษตรกรไทย

,

“รมว.ธรรมนัส“ เปิดปฏิบัติการ”พญานาคราช” ลุยตรวจป้องกันและปราบปรามสินค้าเกษตรผิดกฎหมาย รักษาประโยชน์เกษตรกรไทย

ร้อยเอก ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดปฏิบัติการพิเศษ “พญานาคราช” ป้องกันและปราบปรามสินค้าเกษตรผิดกฎหมาย โดยมี นายไชยา พรหมา รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นายอภัย สุทธิสังข์ รองปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และผู้บริหารกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เข้าร่วม ณ ศูนย์เอกซเรย์และเทคโนโลยีศุลกากร สำนักงานศุลกากร ท่าเรือกรุงเทพฯ ซึ่งการจัดงานดังกล่าว กระทรวงเกษตรฯ โดยกรมประมงจัดขึ้น เพื่อประกาศสงครามกับสินค้าเกษตรผิดกฎหมาย โดยภายในงานมีการมอบธงและปล่อยขบวนชุดปฏิบัติการพิเศษ 4 ชุด ได้แก่ พญานาคราช (กระทรวงเกษตรและสหกรณ์) ฉลามขาว (กรมประมง) พญาไท (กรมปศุสัตว์) สารวัตรเกษตร (กรมวิชาการเกษตร) ออกปฏิบัติการฯ พร้อมเปิดทุกกระบวนการตรวจสอบการนำเข้าสินค้าประมง ตั้งแต่การ X-Ray ตู้สินค้าประมงนำเข้าเพื่อวิเคราะห์ตรวจสอบสินค้าภายในตู้ และการเปิดตู้คอนเทนเนอร์เพื่อตรวจสอบสินค้าประมงนำเข้า ตลอดจนนำเสนอนิทรรศการกระบวนการตรวจสินค้าเกษตรนำเข้า (พืช ประมง ปศุสัตว์) ให้ได้เรียนรู้และเข้าใจอย่างถูกต้อง
“ต่อจากนี้ ชุดปฏิบัติการพิเศษ “พญานาคราช” จะดำเนินการตรวจสอบสินค้าภาคการเกษตรทุกประเภทที่นำเข้าสู่ราชอาณาจักรแบบผิดกฎหมาย ที่ไม่ผ่านขั้นตอนของศุลกากร กรมประมง กรมปศุสัตว์ และกรมวิชาการเกษตร โดยจะใช้ชุดปฏิบัติการนี้ในการป้องกัน ปราบปราม ตรวจยึด และดำเนินคดี อย่างไรก็ตาม นายกรัฐมนตรี ได้มอบหมายผมและท่านไชยา พรหมา รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ดำเนินการเรื่องนี้อย่างเข้มข้น ซึ่งจะเห็นการปราบปรามอย่างจริงจังภายใต้การทำงานของทั้ง 4 หน่วยงาน ที่สามารถเข้าตรวจค้นได้ทุกที่โดยไม่ต้องขอหมายศาล” ร้อยเอก ธรรมนัส กล่าว
ด้านนายบัญชา สุขแก้ว รองอธิบดีกรมประมง เปิดเผยว่า หลังจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้ลงนามในคำสั่งแต่งตั้งคณะที่ปรึกษาและเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการพิเศษป้องกันและปราบปรามสินค้าเกษตรผิดกฎหมายของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรฯ (พญานาคราช) เมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายน 2566 ประกอบด้วย ผู้แทนจากหน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กองทัพไทย สำนักงานอัยการสูงสุด กรมปศุสัตว์ กรมประมง และกรมวิชาการเกษตร จำนวนกว่า 70 นาย เพื่อร่วมบูรณาการปราบปรามการลักลอบนำเข้าและส่งออกสินค้าเกษตรผิดกฎหมาย ทั้งด้านพืช ประมง ปศุสัตว์ และกำหนดนโยบาย แนวทาง มาตรการในการขับเคลื่อนการปราบปรามการลักลอบนำเข้าสินค้าเกษตรผิดกฎหมายให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล เนื่องจากการลักลอบนำเข้าสินค้าจากต่างประเทศ ถือเป็นภัยคุกคามร้ายแรงต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศไทย โดยชุดปฏิบัติการพญานาคราช ภายใต้การกำกับดูแลและขึ้นตรงกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จะดำเนินการเร่งรัด ตรวจสอบ ติดตาม จับกุมผู้ลักลอบนำเข้าสินค้าเกษตรผิดกฎหมาย เสริมทัพความเข้มแข็งให้กับชุดปฏิบัติการพิเศษ (เดิม) ของกรมประมง กรมปศุสัตว์ กรมวิชาการเกษตร และต้องมีการรายงานผลการทำงานให้รัฐมนตรีฯ ทราบทุก 15 วัน

สำหรับในปี 2565 ประเทศไทยมีผลผลิตประมงที่ได้จากการจับจากธรรมชาติและจากการเพาะเลี้ยงทั้งหมด 2.39 ล้านตัน และมีการนำเข้าสินค้าประมงปริมาณ 2.19 ล้านตัน มูลค่า 158,431 ล้านบาท โดยสินค้านำเข้าหลัก ได้แก่ ปลาสดแช่เย็นแช่แข็ง ปริมาณ 808,539 ตัน ทูน่าสดแช่เย็นแช่แข็ง 727,709 ตัน หมึกสดแช่เย็นแช่แข็ง 182,049 ตัน เพื่อบริโภคภายในประเทศและแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์สำหรับส่งออกจำหน่ายไปยังต่างประเทศ โดยมีปริมาณการส่งออกสินค้าประมงรวม 1.60 ล้านตัน มูลค่า 229,123 ล้านบาท ซึ่งสินค้าส่งออกหลัก ได้แก่ ทูน่ากระป๋อง 76,633 ล้านบาท กุ้งและผลิตภัณฑ์ 52,623 ล้านบาท อาหารแมวและสุนัขกระป๋อง 18,063 ล้านบาท ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้มีการสุ่มเปิดตรวจสินค้า พบการกระทำความผิดตามพระราชกำหนดการประมง พ.ศ.2558 และที่แก้ไขเพิ่มเติม รวมจำนวนทั้งสิ้น 6 คดีในปี 2565 และพบการกระทำผิด 9 คดี ในปี 2566 (ข้อมูล ณ วันที่ 27 พ.ย. 66) โดยส่วนใหญ่เป็นคดีการลักลอบนำเข้าสัตว์น้ำหรือผลิตภัณฑ์สัตว์น้ำโดยไม่ได้รับอนุญาต
รองอธิบดีฯ กล่าวในตอนท้ายว่า การปราบปรามสินค้าเกษตรผิดกฎหมาย เป็นนโยบายสำคัญเร่งด่วนของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ที่ทุกหน่วยงานพร้อมยกระดับการปฏิบัติการตรวจสอบสินค้าเกษตรอย่างเข้มแข็ง โดยในส่วนของสินค้าประมงได้สั่งการให้ทุกด่านตรวจประมงเพิ่มประสิทธิภาพมาตรการตรวจสอบนำเข้าสินค้าอย่างเข้มงวด เปิดตรวจสินค้าสัตว์น้ำแช่แข็งที่นำเข้าจากประเทศเสี่ยงสูง 100 % (จากเดิมจะเปิดตรวจ 30%) โดยได้กำหนดไว้ 2 แนวทาง คือ (1) การเปิดตรวจ ณ ด่าน หรือ ท่าเทียบเรือ และ (2) การตรวจสอบ ณ สถานประกอบการ (โรงงานหรือห้องเย็น) ด้วยการซีล (Seal) ตู้คอนเทนเนอร์ไปยังสถานประกอบการ เพื่อควบคุมและตรวจสอบคัดแยกชนิดและปริมาณที่นำเข้าจริงตรงตามที่สำแดงในเอกสารจนมั่นใจว่าสัตว์น้ำนั้นเป็นไปตามที่ได้รับอนุญาต จึงจะอนุญาตให้เข้าสู่กระบวนการผลิตหรือจำหน่ายต่อไป รวมถึงจะมีการบูรณาการประสานกับกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) และ ปปง. เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูล พร้อมสั่งกำชับให้เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานดำเนินการตามกฎหมายและมาตรฐานการปฏิบัติงานอย่างเข้มแข็ง หากตรวจสอบพบเจ้าหน้าที่รายใดเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องกับการลักลอบนำสินค้าทุกชนิดเข้าสู่ประเทศอย่างผิดกฎหมาย กรมประมงจะดำเนินการลงโทษทางวินัยอย่างถึงที่สุด
นอกจากนี้ เพื่อเพิ่มความเข้มข้นในการตรวจสอบการนำเข้าสินค้าประมงตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงสถานที่เก็บรักษา กรมประมงได้ออกประกาศ ลงวันที่ 24 พฤศจิกายน 2566 แจ้งขอความร่วมมือให้ผู้ประกอบกิจการห้องเย็นเก็บรักษาสัตว์น้ำ ที่ยังไม่ได้แจ้งการประกอบกิจการต่อกรมประมง ให้มาแจ้งต่อกรมประมง ณ สำนักงานประมงจังหวัดหรือประมงอำเภอในพื้นที่ ตั้งแต่บัดนี้ไปจนถึงวันที่ 12 ธันวาคม 2566 เพื่อเป็นการป้องกันและแก้ไขปัญหาการลักลอบนำเข้าและส่งออกสินค้าประมงที่ผิดกฎหมาย
ทั้งนี้ หากประชาชนพบเห็นการกระทำผิดขอความร่วมมือแจ้งเบาะแสได้ที่ศูนย์รับเรื่องร้องเรียนกรมประมง

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 1 ธันวาคม 2566

“สส. จีรเดช” ขอบคุณรัฐบาลแทนชาวนา หลังอนุมัติเงินช่วยเหลือชาวนาไร่ละ 1 พันบาท ที่ทางรัฐบาลได้ผลักดันนโยบาย เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรให้พ้นจากปัญหาความยากจน

“สส. จีรเดช” ขอบคุณรัฐบาลแทนชาวนา หลังอนุมัติเงินช่วยเหลือชาวนาไร่ละ 1 พันบาท ที่ทางรัฐบาลได้ผลักดันนโยบาย เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรให้พ้นจากปัญหาความยากจน

นายจีรเดช ศรีวิราช สส.พะเยา พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.)กล่าวถึงการจ่ายเงินช่วยเหลือชาวนาไร่ละ 1,000 บาท ไม่เกิน 20 ไร่ต่อราย ที่มีผลตั้งแต่ 28 พ.ย. ที่ผ่านมา ของรัฐบาลว่า ตนได้ไปร่วมแสดงความยินดีกับพี่น้องเกษตรกรชาวนา ที่ได้รับเงินสนับสนุนพัฒนาคุณภาพข้าวหรือที่เราเรียกกันว่า ”เงินส่วนต่าง” ไร่ละ 1,000 จากรัฐบาล ซึ่งผมได้อภิปรายทวงถามเป็นประจำทุกปี ตนต้องขอขอบคุณรัฐบาลแทนชาวนาทั้งประเทศ ที่รัฐบาลเห็นชอบจ่ายเงินช่วยเหลือชาวนา พรรคพลังประชารัฐ ขอสนับสนุนนโยบายนี้อย่างเต็มที่ เพราะถือเป็นนโยบายที่ดี ช่วยแบ่งเบาภาระให้กับชาวนา เนื่องจากขณะนี้ต้นทุนการผลิตสูงมาก ไม่ว่าจะเป็น ปุ๋ย หรือยาฆ่าหญ้า

“ที่ผ่านมา ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ถือเป็นครอบครัวที่มาจากชาวบ้านหลานหลานชาวนา พร้อมช่วยเหลือผลักดันให้โครงการประสบความสำเร็จ และยังมีอีกหลายนโยบายที่กำลังดำเนินการต่อเนื่อง เพื่อให้เกษตรกรไทยได้ลืมตาอ้าปาก พ้นจากปัญหาความยากจน มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น”

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 30 พฤศจิกายน 2566

“ส.ส.อัครแสนคีรี” เสนอ รมว.เกษตร ผลักดันโครงการ 500 ตำบลต้นแบบ ในพื้นที่จ.ชัยภูมิ เพื่อยกระดับรายได้พี่น้องเกษตรกรในพื้นที่อย่างยั่งยืน

,

“ส.ส.อัครแสนคีรี” เสนอ รมว.เกษตร ผลักดันโครงการ 500 ตำบลต้นแบบ ในพื้นที่จ.ชัยภูมิ เพื่อยกระดับรายได้พี่น้องเกษตรกรในพื้นที่อย่างยั่งยืน

นายอัครแสนคีรี โล่ห์วีระ สส.ชัยภูมิ เขต 7 พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เปิดเผยว่า จากการลงพื้นที่จังหวัดชัยภูมิของ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้พบปะกับตัวแทนของพี่น้องเกษตรกรจาก อ.คอนสวรรค์ อ.แก้งคร้อ และพื้นที่ต.ซับสีทองและต.ท่าหินโงม ซึ่งได้สะท้อนภาพรวมของปัญหาด้านเกษตรกรรม ปศุสัตว์ ชลประทาน โดยเฉพาะเรื่องน้ำ โดย ร.อ.ธรรมนัส ได้ชี้แจงในประเด็นต่างๆ รวมถึงให้เร่งรัดโครงการต่างๆในพื้นที่ ไม่ว่าจะเป็นโครงการ อ่านช่องสามหมอ โครงการลำน้ำกล่ำ และโครงการยกระดับราคาพืชผลทางการเกษตรปศุสัตว์ ซึ่งล้วนเกี่ยวโยงกับปัญหาของพี่น้องประชาชน

นายอัครแสนคีรี กล่าวต่อว่า ปัญหาของเกษตรกรในพื้นที่คือ ปัญหาน้ำท่วมซ้ำซาก แล้งซ้ำซาก อยู่ตลอดระยะเวลาสามปีที่ผ่านมา เนื่องจากภูมิประเทศเป็นพื้นที่สูงลาดชั้น ทำให้ไม่สามารถกักเก็บน้ำไว้ใช้ในช่วงฤดูแลเงได้ จึงจำเป็นต้องพัฒนาแหล่งกักเก็บน้ำไว้รองรับ โดยเราได้นำเสนอต่อรัฐมนตรี ให้ช่วยผลักดันโครงการพัฒนาแหล่งน้ำทั้งระยะกลาง และระยะยาวในพื้นที่ทั้ง 3 อำเภอ นอกจากนี้จากผลกระทบที่เกิดขึ้น ทำให้พื้นที่เพาะปลูกได้รับความเสียหาย จึงเสนอให้รัฐมนตรีมีการนำโครงการซื้อพันธุ์ข้าวในราคาถูกช่วยเหลือพี่น้องเกษตรกร เพื่อลดภาระค่าใช้จ่าย และต้นทุนการผลิตของเกษตรกร พร้อมทั้งการส่งเสริมการเกษตรอินทรีย์ เนื่องจากตลาดมีความนิยมส่งผลให้ราคาขายผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรสูงกว่าราคาพืชเกษตรทั่วไป

“เกษตรกรชาวชัยภูมิยังได้ขอให้กระทรวงเกษตรฯพิจารณาผลักดันและคัดเลือกพื้นที่จ.ชัยภูมิ จำนวน 22 ตำบลเข้าสู่“โครงการ 500 ตำบลต้นแบบ”เพื่อเป็นแหล่งเรียนรู้และแก้ไขปัญหาของพี่น้องเกษตรกรอย่างยั่งยืน เพราะพื้นที่จังหวัดชัยภูมิ มีความเหมาะสมที่จะขับเคลื่อนโครงการให้สัมฤทธิ์ผลได้อย่างแน่นอน” นายอัครแสนคีรี กล่าว

นายอัครแสนคีรี ยังกล่าวต่อถึงปัญหาด้านปศุสัตว์ ที่ราคาวัวไทยตกต่ำอย่างมาก เป็นผลมาจากการห้ามนำเข้าของจีนที่มีการตรวจพบสารเร่งเนื้อแดงเมื่อปี 2018 จึงอยากให้รัฐมนตรีมีการเจรจากับจีนและประเทศซาอุดิอาระเบีย เพื่อให้ยอมรับสินค้าของไทย และมีมาตรการการตรวจสินค้า เพื่อความเชื่อมั่นให้เกิดขึ้นกลับประเทศผู้ซื้อหรือผู้นำเข้า

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 29 พฤศจิกายน 2566

“สส. สัมพันธ์” นำคณะกมธ.แก้หนี้พบปะปชชจ.ยะลา รับฟังปัญหาเร่งหาแนวทางช่วยเหลือลดความยากจนขจัดความเหลื่อมล้ำในพื้นที่ชายแดนใต้

,

“สส. สัมพันธ์” นำคณะกมธ.แก้หนี้พบปะปชชจ.ยะลา รับฟังปัญหาเร่งหาแนวทางช่วยเหลือลดความยากจนขจัดความเหลื่อมล้ำในพื้นที่ชายแดนใต้

นายสัมพันธ์ มะยูโซ๊ะ สส.นราธิวาส เขต 3 พรรคพลังประชารัฐ(พปชร.)ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการแก้ปัญหาหนี้สินความยากจนและลดความเหลื่อมล้ำ สภาผู้แทนราษฎร กล่าวว่า ตนได้นำคณะกรรมาธิการลงพื้นที่ ณ ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) อ.เมืองยะลา จ.ยะลา เพื่อรับฟังการบรรยายและรับทราบข้อมูลเกี่ยวกับแนวทางการส่งเสริมให้เกิดการสร้างงาน สร้างรายได้ เพื่อลดปัญหาหนี้สินความยากจนและความเหลื่อมล้ำของประชาชนในพื้นที่ชายแดนภาคใต้ จากนั้นได้เดินทางไปยัง ต.อัยเยอร์เวง อ.เบตง จ.ยะลา เพื่อพบปะพี่น้องประชาชนและผู้ประกอบอาชีพด้านการท่องเที่ยว ณ จุดชมวิวสกายวอล์ค เพื่อรับฟังสภาพปัญหาหนี้สินและศึกษาสภาพการดำรงชีวิตของประชาชนในท้องถิ่น

จากนั้นในช่วงบ่าย ได้เดินทางต่อไปยังด่านพรมแดนเบตง อ.เบตง จ.ยะลา เพื่อรับฟังการบรรยายและรับทราบข้อมูลเกี่ยวกับแนวทางการส่งเสริมการสร้างรายได้ให้แก่ประชาชนในพื้นที่ชายแดนภาคใต้พร้อมศึกษาดูงานเกี่ยวกับการประกอบอาชีพและการดำรงชีวิตของประชาชนในพื้นที่บริเวณด่านพรมแดนเบตง โดยจากข้อมูลที่คณะกรรมาธิการได้ไปรับฟังมา ก็จะนำเข้าสู่ที่ประชุม กมธ.ซึ่งจะมีการเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาพูดคุยหาทางออกร่วมกัน เพื่อหาทางแก้ไขอย่างยั่งยืนให้กับประชาชนภาคใต้

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 29 พฤศจิกายน 2566

ผู้ช่วย รมว.ทส. ลุยเฟ้นนวัตกรรมแก้ปัญหาฝุ่นพิษ ตามสั่งการ “พัชรวาท” บุกเยี่ยมชม “หอต้นแบบฟอกอากาศฟ้าใส” ทึ่งระบบอัจริยะทำ PM 2.5 ลดลงจนอยู่ในเกณฑ์ปกติ มั่นใจช่วยทำอากาศสะอาดให้กลุ่มเปราะบาง

,

ผู้ช่วย รมว.ทส. ลุยเฟ้นนวัตกรรมแก้ปัญหาฝุ่นพิษ ตามสั่งการ “พัชรวาท” บุกเยี่ยมชม “หอต้นแบบฟอกอากาศฟ้าใส” ทึ่งระบบอัจริยะทำ PM 2.5 ลดลงจนอยู่ในเกณฑ์ปกติ มั่นใจช่วยทำอากาศสะอาดให้กลุ่มเปราะบาง

ที่วิสซ์ดอม คราฟท์ สามย่าน ร.อ.รชฏ พิสิษฐบรรณกร ผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม พร้อมด้วยนายปิ่นสักก์ สุรัสวดี อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ เดินทางไปเยี่ยมชม ต้นแบบหอฟอกอากาศ ระดับเมือง ภายใต้ชื่อ “ฟ้าใส” ของศูนย์วิจัยและนวัตกรรมเพื่อความยั่งยืน (RISC) โดยบริษัท แมกโนเลีย ควอลิตี้ ดีเวล็อปเม้นต์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (MQDC)

ร.อ.รชฏ กล่าวว่า สืบเนื่องจากการประชุมเพื่อติดตามสถานการณ์ฝุ่น PM 2.5 พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม มอบหมายให้ตนติดตามสถานการณ์ฝุ่น PM 2.5 ระยะเร่งด่วนในกรุงเทพมหานครและปริมณฑล พร้อมกับได้เน้นย้ำเรื่องการนำเทคโนโลยี นวัตกรรม มาใช้ในการแก้ไขปัญหา ซึ่งวันนี้ได้รับเชิญจาก RISC ให้มาดู ต้นแบบ หอฟอกอากาศ “ฟ้าใส” มีที่มาจากแนวคิดการฟอกอากาศที่เต็มไปด้วยมลภาวะให้ใสสะอาด ปลอดฝุ่นพิษ PM 2.5 ด้วยเทคโนโลยีที่มีประสิทธิภาพสูง ผ่านการคิดค้นพัฒนาร่วมกับบริษัท เนสเทค ประเทศไทย จำกัด

“ภาคเอกชนได้ให้ข้อมูลว่าหอฟอกอากาศฟ้าใสสามารถฟอกอากาศบริสุทธิ์ได้ในอัตราสูงสุด 120,000 ลูกบาศก์เมตรต่อชั่วโมง หลักการทำงานเริ่มต้นจากการใช้ใบพัดความเร็วสูงดึงอากาศเข้าไปในระบบ และแยกฝุ่นขนาดใหญ่และขนาดเล็ก ด้วยความเร็วลมและการปล่อยละอองน้ำเพื่อการดักจับฝุ่นสามชั้น โดยระบบอัจฉริยะจะควบคุมการทำงานของมอเตอร์ใบพัดให้สอดคล้องกับความเข้มข้นของฝุ่นละออง จนระดับความเข้มข้น PM2.5 ลดลงถึงเกณฑ์ปกติ หอฟอกอากาศฟ้าใสสามารถทำงานได้เต็มประสิทธิภาพเมื่อกระแสลมสงบนิ่ง ในระยะรัศมี 1 กิโลเมตร”

ร.อ.รชฏ กล่าวว่า การดำเนินการหอฟอกอากาศฟ้าใสได้มีการเก็บข้อมูลเชิงลึกมาเป็นระยะเวลา 10 กว่าปี ผ่านการทำงานที่เข้มข้นของทีมวิจัย มีข้อมูลจากการศึกษาและวิจัย มีสถิติที่เห็นประสิทธิภาพการทำงานอย่างละเอียด ในการแลกเปลี่ยนข้อมูดังกล่าวภาคเอกได้นำเสนอให้มีการติดตั้งตามป้ายรถเมล์ โรงพยาบาล โรงเรียน รวมถึงจุดที่เป็นแหล่งรวมกลุ่มเปราะบาง เป็นแนวคิดที่สอดคล้องกับนโยบายของ พล.ต.อ.พัชรวาท ที่ได้เน้นย้ำมาโดยตลอดที่อยากให้กลุ่มเปราะบางและประชาชนได้สูดอากาศที่สะอาดปราศจากฝุ่นพิษ ดังนั้นข้อมูลทั้งหมดวันนี้จะนำเรียนท่านรองนายกฯและรมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมให้รับทราบต่อไป

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 29 พฤศจิกายน 2566

“พล.ต.อ.พัชรวาท” เผยครม.ผ่านร่างพ.ร.บ.อากาศสะอาด สร้างกลไกแก้ปัญหามลพิษอากาศเพิ่มคุณภาพชีวิตให้คนไทย

,

“พล.ต.อ.พัชรวาท” เผยครม.ผ่านร่างพ.ร.บ.อากาศสะอาด
สร้างกลไกแก้ปัญหามลพิษอากาศเพิ่มคุณภาพชีวิตให้คนไทย

“พัชรวาท” เผย ครม.เคาะแล้วร่างพ.ร.บ.อากาศสะอาด ชี้เป็นกฎหมายเชิงรุกครอบคลุม “ป้องกัน – แก้ไข” ลดความซ้ำซ้อนในการสั่งการ มีระบบ “บิ๊กดาต้า” เพื่อบริหารสถานการณ์ สร้างกลไกจัดการหมอกควันข้ามแดนอย่างเป็นรูปธรรม มั่นใจแก้มลพิษทางอากาศ ทำให้คนไทยได้สูดอากาศบริสุทธิ์ ตามสิทธิขั้นพื้นฐานที่พึงมี

พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) เปิดเผยว่า คณะรัฐมนตรีได้เห็นชอบต่อร่างพ.ร.บ.การบริหารจัดการเพื่ออากาศสะอาด พ.ศ…. ซึ่งร่างกฎหมายดังกล่าวจะเป็นการแก้ปัญหาเชิงรุก ครอบคลุมทุกมิติ เป็นกฎหมายใหม่ที่มีความเฉพาะ ทำให้สามารถบริหารจัดการอากาศสะอาดได้อย่างแท้จริง ป้องกันปัญหาด้านอากาศที่จะเกิดขึ้น และแก้ไขปัญหามลภาวะทางอากาศที่มีอยู่ ให้ลดลงและหมดไป มีการบูรณาการการบริหารจัดการบนหลักการของ “การป้องกันไว้ก่อน” แก้ไขปัญหาความซ้ำซ้อนของการดำเนินการ การสั่งการ การปฏิบัติงาน ในแต่ละคณะกรรมการหลักและคณะกรรมการย่อยต่างๆ

นอกจากนี้ยังมีเครื่องมือและกลไกที่ทันสมัยและเหมาะสมสำหรับขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหามลพิษอากาศของประเทศ ครอบคลุมแหล่งกำเนิดมลพิษอากาศทุกประเภท มีกลไกการจัดการปัญหาหมอกควันข้ามแดนที่ชัดเจนและเป็นรูปธรรมมากขึ้น มีระบบฐานข้อมูลคุณภาพอากาศแห่งชาติ หรือบิ๊กดาต้า เพื่อบริหารจัดการแก้ไขปัญหามลพิษอากาศ ประชาชนทราบข้อมูลพื้นฐานของคุณภาพอากาศ และมีช่องทางรายงานสภาพปัญหามลพิษอากาศที่เป็นปัจจุบัน เน้นการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วนเพื่อแก้ไขปัญหาอย่างต่อเนื่อง

“อากาศสะอาดเป็นสิทธิพึงมีที่คนไทยทุกคนต้องได้สูดอากาศที่บริสุทธิ์ตามสิทธิขั้นพื้นฐาน กระทรวงทรัพยากรธรรชาติฯ จะทำให้คนไทยมีอากาศที่ดี เพื่อสุขภาพที่ดีของทุกคน”

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 28 พฤศจิกายน 2566

“อัครแสนคีรี”เผยข่าวดีของชาวชัยภูมิ งบประมาณโครงการขุดลอกเขื่อนลำปะทาว บรรจุในแผนกระทรวงพลังงานปี 67 แล้ว เตรียมเดินหน้าผลักดันให้สำเร็จ

,

“อัครแสนคีรี”เผยข่าวดีของชาวชัยภูมิ งบประมาณโครงการขุดลอกเขื่อนลำปะทาว บรรจุในแผนกระทรวงพลังงานปี 67 แล้ว เตรียมเดินหน้าผลักดันให้สำเร็จ

นายอัครแสนคีรี โล่ห์วีระ สส.ชัยภูมิ เขต 7 พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ในฐานะโฆษกคณะกรรมาธิการการพลังงาน สภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงการประชุมกรรมาธิการว่า จากกรณีที่ตนได้หารือในที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรไปหลายครั้งถึงโครงการขุดลอกเขื่อนลำปะทาวและขยายกำลังการผลิตไฟฟ้า โดยเขื่อนลำปะทาวซึ่งอยู่ภายใต้การดูแลของกรมพัฒนาพลังงานทดแทน สังกัดกระทรวงพลังงาน ซึ่งขณะนี้เขื่อนลำปะทาว กำลังพบเจอปัญหาวิกฤติ คือการที่ไม่สามารถเก็บน้ำในเขื่อนได้ ดังนั้น เมื่อเกิดเหตุน้ำท่วม หรือช่วงพายุเข้าก็จะทำให้น้ำที่อยู่ในเขื่อนไหลทะลัก และเข้าท่วมจังหวัดชัยภูมิ แต่หากมีการดำเนินการขุดลอกเขื่อนลำปะทาวทั้งเขื่อนบนและเขื่อนล่าง ก็จะบรรเทาน้ำท่วมจังหวัดชัยภูมิ พื้นที่อำเภอคอนสวรรค์ และเพิ่มปริมาณน้ำในอำเภอแก้งคร้อได้ด้วย

”การประชุมกรรมาธิการพลังงานช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ผมได้ทวงถามกระทรวงพลังงานถึงโครงการดังกล่าว จนตอนนี้ทราบว่าโครงการได้บรรจุอยู่ในแผนกระทรวงพลังงานปี 2567 แล้ว และจะมีการนำเข้าสู่การพิจารณางบประมาณในชั้นกรรมาธิการงบประมาณ ซึ่งผมจะติดตามและผลักดันให้โครงการผ่านงบประมาณ และสามารถดำเนินการแล้วเสร็จให้กับชาวชัยภูมิให้ได้“นายอัครแสนคีรี กล่าว

นายอัครแสนคีรี กล่าวต่อว่า ที่ประชุมยังได้พิจารณาแผนพัฒนาพลังงานทดแทนและพลังงานทางเลือก และแผนอนุรักษ์พลังงาน โดยได้เชิญกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน กระทรวงพลังงาน เข้าให้ข้อมูล ซึ่งทำให้ทราบถึงการดำเนินการสำคัญตามแผน AEDP 2018 เพื่อเพิ่มสัดส่วนการใช้พลังงานสะอาดมากขึ้น โดยแบ่งกลุ่มพลังงานทดแทน และพลังงานทางเลือก เป็น 3 กลุ่มคือ กลุ่มพลังงานไฟฟ้า กลุ่มพลังงานความร้อน และเชื้อเพลิงชีวภาพ สามารถดำเนินการส่งเสริม เพื่อให้เกิดการจัดหาพลังงานทดแทนและพลังงานทางเลือกได้ตามแผน

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 27 พฤศจิกายน 2566

“พล.ต.อ.พัชรวาท” สั่งระดมทีมเกาะติดปัญหาฝุ่นPM2.5 พื้นที่กทม.-ปริมณฑลเกินมาตรฐาน เสนอแนวคิดนำนวัตกรรมแก้ปัญหาเร่งด่วน เปิดเอกชนร่วมแก้ไข

,

“พล.ต.อ.พัชรวาท” สั่งระดมทีมเกาะติดปัญหาฝุ่นPM2.5 พื้นที่กทม.-ปริมณฑลเกินมาตรฐาน
เสนอแนวคิดนำนวัตกรรมแก้ปัญหาเร่งด่วน เปิดเอกชนร่วมแก้ไข

ร.อ.รชฏ พิสิษฐบรรณกร ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กล่าวว่า เมื่อเร็วๆนี้ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) ได้รับรายงานสถานการณ์ค่าฝุ่น PM2.5 ในเขต กทม.และปริมณฑล พบว่ามีค่าเกินมาตรฐาน จึงได้มอบหมายให้ พล.ต.ท.อภิรัต นิยมการ รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี มีการประชุมด่วนเพื่อติดตามสถานการณ์ฝุ่น PM 2.5 แก้ไขปัญหาอย่างเร่งด่วน เนื่องจากส่งผลกระทบต่อประชาชนโดยตรง
ทั้งนี้ในการประชุม พล.ต.ท.อภิรัต ในฐานะประธานและมี นายปิ่นสักก์ สุรัสวดี อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง รักษาการอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุม อย่างพร้อมเพียง ได้มีหารือถึงสภาพปัญหาโดยเฉพาะพื้นที่ กทม.และปริมณฑล ที่มีค่าฝุ่นเกินมาตรฐานอย่างต่อเนื่อง ซึ่งที่ประชุมได้สะท้อนปัญหาว่า ช่วงนี้เป็นช่วงอากาศปิด ทำให้ค่าฝุ่นเกินมาตรฐาน ประกอบกับสภาพการจราจร ที่มีปริมาณการใช้รถใช้ถนนจำนวนมาก สำหรับปัญหาควันจากการเผา จะขอความร่วมมือในพื้นที่ปริมณฑลไม่ให้มีการเผาในพื้นที่โล่ง และขอความร่วมมือไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อร่วมกันบูรณาการแก้ไขปัญหา นอกจากนี้ ที่ประชุมยังได้เสนอให้มีการใช้นวัตกรรมร่วมแก้ไขปัญหาฝุ่น เช่น การติดตั้งพัดลมยักษ์ตามจุดต่างๆ ในพื้นที่ของกลุ่มเปราะบาง และตามสถานศึกษา เพื่อให้เป็นเซฟโซน ทำให้เกิดอากาศหมุนเวียน พร้อมกันนี้ยังได้เปิดรับฟังข้อเสนอของภาคเอกชน เชิญชวนให้มาร่วมนำเสนอนวัตกรรมใหม่ๆ ที่สามารถบรรเทาและแก้ปัญหาได้ และยังเป็นการระดมสมองเพื่อช่วยกันแก้ไขปัญหาระดับชาติต่อไป และได้นำเรียนผลการประชุมรายงาน พล.ต.อ.พัชรวาท แล้ว
“ท่านรองนายกฯ และ รมว.ทส.ห่วงใยสุขภาพของประชาชนอย่างมาก ได้เร่งรัดให้ทุกฝ่ายแก้ไขปัญหาให้เห็นผลอย่างเป็นรูปธรรม เพื่อให้ประชาชนเกิดความสบายใจ ไม่ให้ปัญหาฝุ่น PM 2.5 ส่งผลกระทบต่อสุขภาพ” ร.อ.รชฏ กล่าวว่าเร็วๆ นี้จะลงพื้นที่สถานการณ์ในจุดที่เป็นต้นกำเนิดฝุ่น ตามที่ พล.ต.อ.พัชรวาท สั่งการเพื่อหามาตรการแก้ไขเพิ่มเติม ทั้งในระยะเร่งด่วนและระยะยาวต่อไป

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 24 พฤศจิกายน 2566

“สส.ไผ่ ลิกค์” นำ พปชร.จับมือหลายภาคส่วน มอบเครื่องกีฬาสนับสนุนเยาวชนไทยให้เข้าถึงกีฬา ใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์ ห่างไกลยาเสพติด

,

“สส.ไผ่ ลิกค์” นำ พปชร.จับมือหลายภาคส่วน มอบเครื่องกีฬาสนับสนุนเยาวชนไทยให้เข้าถึงกีฬา ใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์ ห่างไกลยาเสพติด

24 พ.ย. 2566 นายไผ่ ลิกค์ สส.จังหวัดกำแพงเพชร เขต 1 พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เปิดเผยว่า พรรคพลังประชารัฐ ได้ร่วมกับพรรคเพื่อไทย, กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา, คณะกรรมกรรมาธิการการกีฬา สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร รวมถึงหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง จัดกิจกรรม “โครงการสนับสนุนและส่งเสริมการตื่นตัวและการมีส่วนร่วมของการเล่นกีฬาและออกกำลังกายของประชาชน ผ่านกิจกรรมหรือบริการทางการกีฬา” (CSR) โดยกิจกรรมในวันนี้ได้นำอุปกรณ์การกีฬาต่างๆ และกีฬามวย มามอบให้กับทางโรงเรียนต่างๆ ในพื้นที่อ.เมือง จ.กำแพงเพชร อาทิ โรงเรียนบ้านวังทอง ต.วังทอง อ.เมืองกำแพงเพชร จ.กำแพงเพชร เพื่อใช้เป็นสื่อการเรียนการสอน และเพิ่มทักษะทางด้านกีฬาให้กับเยาวชน

สำหรับการจัดกิจกรรมในวันนี้ เป็นการร่วมมือกันระหว่างพรรคการเมืองทั้ง 2 พรรค ได้แก่ พรรคพลังประชารัฐ และพรรคเพื่อไทย ซึ่งเป็นการทำงานร่วมกันและในทิศทางเดียวกัน เพื่อประโยชน์สูงสุดให้ประชาชนใน จ.กำพงเพชร โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสนับสนุนการออกกำลังกายและห่างไกลจากยาเสพติด ควบคู่การตื่นตัวกับการส่งเสริมให้เยาวชนไทยโดยฉพาะเด็กๆ ในพื้นที่จังหวัดกำแพงเพชร มีสุขภาพอนามัยที่ดีจากการออกกำลังกายอย่างถูกวิธี พร้อมทั้งพัฒนาทักษะและศักยภาพทางด้านกีฬาที่ชื่นชอบ เพื่อค้นหานักกีฬาฝีมือดีให้กับประเทศ เพื่อสานฝันให้เด็กไทยก้าวสู่การเป็นนักกีฬาสมัครเล่น นักกีฬาทีมชาติ และนักกีฬาอาชีพในอนาคต

นายไผ่ กล่าวต่อว่า ตนยังได้เดินทางไปตรวจเยี่ยมสระว่ายน้ำ อบจ.กำแพงเพชร (ริมปิง) เพื่อผลักดันและขอสนับสนุนงบประมาณในการสร้างสระว่ายน้ำให้เป็นสระว่ายน้ำมาตรฐานของ จ.กำแพงเพชร เพื่อเป็นสถานที่ออกกำลังการและใช้ฝึกสอนให้กับนักกีฬาว่ายน้ำด้วย

“ผมรู้สึกยินดีเป็นอย่างมาก ที่ได้มาร่วมกิจกรรมในวันนี้ ที่ผ่านมาผมได้พยายามส่งเสริมทางด้านการกีฬาทุกมิติ เพื่อให้เด็กไทยมีทักษะทางด้ายนกีฬาที่ดี และวันนี้ถือว่าเป็นนิมิตหมายอันดี ที่ทุกภาคส่วนมีส่วนร่วมมือกันในการสนับสนุนอุปกรณ์ทางการกีฬาให้กับเด็กและเยาวชนในพื้นที่จังหวัดกำพำแพงเพชร และเป็นการยกระดับมาตรฐานด้านกีฬาทุกประเภทให้กับเยาวชน โดยจะร่วมกันปรับปรุงสนามกีฬาให้มีมาตรฐาน รวมถึงกีฬาเอ็กซ์ตรีม เพื่อสร้างโอกาสให้กับเยาวชนและการฝึกฝนอย่างเป็นระบบ โดยเป็นการส่งเสริมให้เกิดการใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์ ห่างไกลยาเสพติด“

ทั้งนี้ งานดังกล่าวได้มี นายณณัฏฐ์ หงษ์ชูเวช ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา และ ดร.สุปราณี คุปตาลา ผู้จัดการกองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ นายนายปริญญา ฤกษ์หร่าย สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดกำแพงเพชร เขต 4 พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ในฐานะคณะกรรมกรรมาธิการการกีฬา สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ร่วมพิธีเปิดด้วย

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 24 พฤศจิกายน 2566

“ชนนพัฒฐ์” ลุยลงพื้นที่ช่วยเหลือ ปชช.อย่างหนัก หลังสงขลาอ่วม! ฝนถล่ม แถมน้ำทะเลสาบหนุนท่วมบ้าน 4 อำเภอ

,

“ชนนพัฒฐ์” ลุยลงพื้นที่ช่วยเหลือ ปชช.อย่างหนัก หลังสงขลาอ่วม! ฝนถล่ม แถมน้ำทะเลสาบหนุนท่วมบ้าน 4 อำเภอ

นายชนนพัฒฐ์ นาคสั้ว ส.ส.สงขลา เขต 4 พรรคพลังประชารัฐ(พปชร.) เปิดเผยว่า ได้ลงพื้นที่เยี่ยมเยียนประชาชนและให้การช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน เนื่องจากในพื้นที่ได้รับผลกระทบจากพายุฤดูฝน ทำให้มีฝนตกหนักตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมาทั่วพื้นที่ของภาคใต้ส่งผลให้ประชาชนได้รับผลกระทบจากภัยพิบัติในครั้งนี้ มีน้ำเอ่อล้นท่วมพื้นที่การเกษตรบางส่วน และบ้านเรือนประชาชน โดยเฉพาะบริเวณ 4 อำเภอลุ่มน้ำทะเลสาบสงขลา และฝั่งอ่าวไทย ทั้ง อ.สิงหนคร อ.สทิงพระ อ.กระแสสินธุ์ และ อ.ระโนด ซึ่งมีตำบลที่อยู่ริมทะเลสาบได้รับความเสียหาย โดยที่บ้านบางหลังไม่สามารถอยู่อาศัยได้ สัตว์เลี้ยงต้องอพยพไว้ที่สูง

นายชนนพัฒฐ์ กล่าวต่อว่า ตนได้ประสานงานไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่เพื่อบรรเทาสาธารณภัยในครั้งนี้ และซ่อมแซมความเสียหายที่เกิดขึ้นในที่พักอาศัยอาศัยของประชาชนกว่า 200 คนถึง 300 ครัวเรือนในพื้นที่ พร้อมทั้งประสานขอรับหน่วยงานเอกชนนำข้าวสารอาหารแห้งและน้ำดื่มแจกจ่ายให้กับประชาชน เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนในเบื้องต้น

”ในขณะนี้ด้วยสถานการณ์ฝนตกหนัก ส่งผลให้มีน้ำท่วมขัง พื้นที่บริเวณบ้านพักอาศัย พื้นที่การเกษตร ของพี่น้องประชาชนในพื้นที่เขต 4 ของเรา และยังมีความกังวลว่าอาจจะมีน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก ไปจนถึงวันที่ 23 พ.ย.นี้ ผมจึงขอให้พี่น้องประชาชนทุกคน ดูแลรักษาสุขภาพ และขนย้ายสิ่งของที่จำเป็นขึ้นบนที่สูง รวมถึงติดตามประกาศจากทางการอย่างใกล้ชิดด้วย“นายชนนพัฒฐ์ กล่าว

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 23 พฤศจิกายน 2566

“2 สส. นราธิวาส พปชร.เตรียมพร้อมรับมือหากเกิดน้ำท่วมหนัก อ.สุไหงโก – ลก ซ้ำรอยปี 65 ลั่น เพราะความห่วงใย มันรอไม่ได้

,

“2 สส. นราธิวาส พปชร.เตรียมพร้อมรับมือหากเกิดน้ำท่วมหนัก อ.สุไหงโก – ลก ซ้ำรอยปี 65 ลั่น เพราะความห่วงใย มันรอไม่ได้

นายสัมพันธ์ มะยูโซ๊ะ สส.นราธิวาส เขต 3 พรรคพลังประชารัฐ เปิดเผยว่า หลังจากเสร็จสิ้นภารกิจการทำบุญอุมเราะห์ ที่ประเทศซาอุดีอาระเบีย ตนได้เดินทางกลับประเทศไทยทันที และรีบลงพื้นที่ร่วมกับ นายอามินทร์ มะยูโซ๊ะ ส.ส.นราธิวาส เขต 2 พร้อมด้วย นายอำเภอสุไหงโก-ลก,ผอ.ชลประทาน,รองผู้การนราธิวาส และผู้กำกับ สภ.สุไหงโก-ลก เพื่อสังเกตุการณ์ระดับนํ้าในเขตพื้นที่ อ.สุไหงโก-ลก บ้านมูโนะ และเทศบาลตำบลบูเก๊ะตา เนื่องจากขณะนี้มีปริมาณน้ำฝนสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากที่ฝนตกหนักมาหลายวัน

นายสัมพันธ์ กล่าวต่อว่า ในช่วงปลายเดือน พ.ย.ไปจนถึง ธ.ค.ของทุกปี พื้นที่หลายจังหวัดในภาคใต้จะต้องเผชิญกับมรสุมฝนตกกระหน่ำอย่างหนัก อย่างเมื่อตอนปี 65 ที่ผ่านมา ในอำเภอสุไหงโก-ลก มีชาวบ้านได้รับความเดือดร้อนกว่า 5,000 ครัวเรือน จำนวนประมาณ 20,000 คน ในปีนั้นน้ำท่วมบริเวณตลาดมูโนะเต็มพื้นที่หลังจากที่พนังกั้นน้ำเก่า ริมฝั่งแม่น้ำโก-ลกแตก ทำให้กระแสน้ำได้ท่วมเพิ่มสูงขึ้น และขยายวงกว้าง รวมทั้งกระแสน้ำไหลแรงและเชี่ยว บางจุดมีระดับน้ำท่วมสูงกว่า 1 เมตร

“หากเปรียบเทียบกับภูมิภาคอื่นๆ ของประเทศ พื้นที่จังหวัดนราธิวาส เป็นพื้นที่ที่น้ำท่วมสูงมาก ถือเป็นความเสียหายอย่างหนักต่อพี่น้องประชาชน อีกทั้งพื้นที่แห่งนี้น้ำมีความเชี่ยวกราก ส่งผลทำให้ตลิ่งชำรุดและเกิดความเสียหาย ดังนั้น เราจึงต้องเฝ้าระวังเหตุอุทกภัย และเตรียมความพร้อมให้ความช่วยเหลือชาวบ้านอย่างเร่งด่วน ในยามเกิดเหตุ โดยขณะนี้ก็มีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมเฝ้าสังเกตุการณ์ และเตรียมความพร้อมในการให้ความช่วยเหลือพี่น้องประชาชนแล้ว เพราะความห่วงใย..มันรอไม่ได้ ”นายสัมพันธ์ กล่าว

ด้านนายอามิทร์ กล่าวว่า การลงพื้นที่วันนี้เพื่อรับฟังและบรรยายสรุปเรื่องปริมาณน้ำ รวมถึงแผนรับมือของกรมชลประทาน และการป้องกันน้ำท่วม แบริเออชั่วคราว ที่บ้านตันหยงมะลิ เพื่อการป้องกันน้ำเข้าท่วม ในเขตเทศบาลเมืองสุไหงโกลก จากการที่ได้ดูและสำรวจ เบื้องต้นเชื่อว่าปีนี้มาตรการทางเทศบาลเมืองสุไหงโกลก ได้มีมาตรการป้องกันไว้อย่างรัดกุม และเชื่อว่าเราน่าจะผ่านวิกฤตน้ำท่วมในปีนี้ไปได้

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 22 พฤศจิกายน 2566

“พล.ต.อ.พัชรวาท”กำชับกรมอุทยาน-ป่าไม้-ทรัพยากรทางทะเล ดูแลความปลอดภัย-จัดสถานที่เหมาะสม”รับท่องเที่ยวไฮซีซั่น”

,

“พล.ต.อ.พัชรวาท”กำชับกรมอุทยาน-ป่าไม้-ทรัพยากรทางทะเล
ดูแลความปลอดภัย-จัดสถานที่เหมาะสม”รับท่องเที่ยวไฮซีซั่น”

พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) กล่าวถึงมาตรการเตรียมรองรับนักท่องเที่ยวในช่วงฤดูหนาวนี้ว่า ขณะนี้ได้เข้าสู่ฤดูหนาวอย่างเป็นทางการ ซึ่งถือเป็นไฮซีซั่นของการท่องเที่ยว โดยเฉพาะพื้นที่ภาคเหนือ ภาคอีสาน ในแต่ละปีจะมีปริมาณนักท่องเที่ยวเป็นจำนวนมาก จึงได้กำชับไปยังกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์และพันธุ์พืช กรมป่าไม้ กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง โดยเฉพาะหัวหน้าอุทยานให้เตรียมความพร้อมเรื่องสถานที่ การดูแลความปลอดภัยและอำนวยความสะดวกให้แก่นักท่องเที่ยว ที่พักสะอาด ลานกางเต้นท์เป็นระเบียบ ขณะเดียวกันในช่วงวันหยุดยาวคาดว่าจะมีปริมาณนักท่องเที่ยวเป็นจำนวนมาก ได้เน้นย้ำการบริหารจัดการเพื่อจำกัดปริมาณนักท่องเที่ยวให้เหมาะสมกับพื้นที่ นักท่องเที่ยวได้สัมผัสแห่งความสุข ไม่อยากให้เกิดภาพความความแออัด ให้ท่องเที่ยวอย่างความสะดวก ปลอดภัย ขณะเดียวได้เน้นย้ำให้เข้มงวดเรื่องห้ามนำเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เข้าไปที่พักเขตอุทยาน และให้มีการกำจัดขยะ เพื่อให้เป็นการท่องเที่ยวควบคู่กับการรักษาทรัพยากรธรรมชาติอย่างเหมาะสม

“รัฐบาลภายใต้การนำของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้ให้ความสำคัญเรื่องการท่องเที่ยว เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจภายในประเทศ และดึงเม็ดเงินจากนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ ดังนั้นกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติฯ เป็นกระทรวงที่สามารถสร้างเม็ดเงินจากการท่องเที่ยวธรรมชาติที่สวยงาม ก็อยากให้นักท่องเที่ยวได้มาสัมผัส และเกิดความประทับใจหลังจากเดินทางกลับ”

สำหรับอุทยานแห่งชาติที่อยากแนะนำให้เดินทางไปในช่วงฤดูหนาว โดยกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ได้คัดเลือกที่สุดแหล่งท่องเที่ยวโดดเด่นมีทั้งทางบกและทางทะเล อาทิ ศาลาดุสิตาอุทยานแห่งชาติทุ่งแสลงหลวง, จุดชมวิวยอดดอยผ้าห่มปกอุทยานแห่งชาติดอยผ้าห่มปก, โมโกจูอุทยานแห่งชาติแม่วงก์, สันหนอกวัว อุทยานแห่งชาติเขาแหลม, หุบเขาแห่งดอกไม้ หรือพญาเสือโคร่งภูลมโล อุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า,ป่าเปลี่ยนสีอุทยานแห่งชาติน้ำหนาว, เกาะแปดอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสิมิลันและหาดท้ายเหมือง อุทยานแห่งชาติเขาลําปี – หาดท้ายเหมือง เป็นต้น

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 21 พฤศจิกายน 2566