โลกเปลี่ยน ไทยต้องปรับ ทางเลือกใหม่ของการเมืองไทย ก้าวข้ามความขัดแย้ง สานพลังประชาราษฎร์ ร่วมสร้างชาติให้ยั่งยืน

หมวดหมู่: กิจกรรม ส.ส. สุธรรม จริตงาม

ชาวนครศรีฯ ปลื้ม!“สส.สุธรรม”ขอบคุณ“พล.ต.อ.พัชรวาท”ห่วง ปชช.ที่ทำกินในป่าสงวนหลังกระทรวงทรัพย์ฯ มอบสมุดประจำตัวที่ดินทำกินกว่า 37,334 ไร่ ให้ชาวบ้านกว่า 1,972 ราย

,

ชาวนครศรีฯ ปลื้ม!“สส.สุธรรม”ขอบคุณ“พล.ต.อ.พัชรวาท”ห่วง ปชช.ที่ทำกินในป่าสงวนหลัง
กระทรวงทรัพย์ฯ มอบสมุดประจำตัวที่ดินทำกินกว่า 37,334 ไร่ ให้ชาวบ้านกว่า 1,972 ราย

นายสุธรรม จริตงาม สส.นครศรีธรรมราช เขต 6 พรรคพลังประชารัฐ กล่าวว่า ตนได้เข้าร่วมพิธีมอบสมุดประจำตัวผู้ได้รับการแก้ไขปัญหาการอยู่อาศัยและทำกินตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 26 พฤศจิกายน 2561 ในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ ลุ่มน้ำชั้นที่ 1 และ 2 ท้องที่ จังหวัดนครศรีธรรมราช จำนวน 37,334 ไร่ ให้แก่ราษฎรในพื้นที่อำเภอทุ่งสง อำเภอบางขัน และอำเภอทุ่งใหญ่ จำนวน 1,972 ราย ณ โรงเรียนรีสอร์ทอนุบาลทุ่งสง อำเภอทุ่งสง จังหวัดนครศรีธรรมราช

นายสุธรรม กล่าวต่อว่า กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้มอบให้กรมป่าไม้เร่งดำเนินการในการแก้ไขปัญหาการอยู่อาศัยและทำกินให้พี่น้องประชาชนในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ เพื่อให้พี่น้องประชาชนได้มีพื้นที่ทำกินอย่างถูกต้องภายใต้ข้อกฎหมายกำหนด โดยการมอบสมุดประจำตัวเพื่อแก้ไขปัญหาการอยู่อาศัยและทำกินในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ จังหวัดนครศรีธรรมราช ในวันนี้ทำให้พี่น้องประชาชนได้มีที่อยู่อาศัยทำกิน ซึ่งจะนำไปสู่การพัฒนาสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐาน ควบคู่การส่งเสริมอาชีพ และพัฒนาคุณภาพชีวิตให้พี่น้องประชาชนได้มีคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น

“ผมต้องขอขอบพระคุณ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และ นายกุศล โชติรัตน์ รองปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ที่มีความห่วงใยพี่น้องประชาชนที่อาศัยทำกินในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ และเล็งเห็นความสำคัญในเรื่องนี้ ซึ่งถือเป็นก้าวแรกในการแก้ไขปัญหาสิทธิทำกินให้กับประชาชน และขอขอบคุณไปยังทุกภาคส่วนที่ให้ความร่วมมือให้งานในวันนี้สำเร็จลุล่วงไปด้วยดี”นายสุธรรม กล่าว

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 15 กรกฎาคม 2567

“สส.สุธรรม” เผย กมธ.เกษตร สภาฯ ดูงานเวียดนาม แลกเปลี่ยนข้อมูล พร้อมสร้างโอกาสส่งเสริมสินค้าทางการเกษตรของทั้ง 2 ประเทศ

,

“สส.สุธรรม” เผย กมธ.เกษตร สภาฯ ดูงานเวียดนาม แลกเปลี่ยนข้อมูล พร้อมสร้างโอกาสส่งเสริมสินค้าทางการเกษตรของทั้ง 2 ประเทศ

นายสุธรรม จริตงาม สส.นครศรีธรรมราช เขต 6 พรรคพลังประชารัฐ(พปชร.) ในฐานะรองประธานคณะกรรมาธิการการเกษตรฯ สภาผู้แทนราษฏร เปิดเผยว่า คณะ กมธ.เกษตรฯ ได้เดินทางไปศึกษาดูงานที่ประเทศเวียดนาม โดยได้ไปเยี่ยมชมศูนย์วิจัยพันธุ์ข้าวที่เมืองเกิ่นเทอชื่อว่า “CUU LONG DELTA RICE RESEARCH INSTITUTE” ที่ก่อตั้งปี ค.ศ. 1977 มีพื้นที่ทั้งหมด 360 เฮกต้า หรือ 2,250 ไร่ ปัจจุบันมีเจ้าหน้าที่ทั้งหมด 134 คน ได้รับการสนับสนุนงบประมาณจากรัฐบาล 50% ส่วนที่เหลือศูนย์วิจัยหารายได้เอง

นายสุธรรม กล่าวต่อว่า ประเทศเวียดนามให้ความสำคัญกับการวิจัยและพัฒนามาก ศูนย์วิจัยพันธุ์ข้าวของเวียดนามมีแนวทางการวิจัยที่ชัดเจนตามเป้าหมายของรัฐบาลเช่น พัฒนาพันธุ์ที่ต้านทานโรคได้ดี ให้ผลผลิตต่อไร่สูงกว่าไทยถึง 3 เท่า พัฒนาให้เหมาะสมกับพื้นที่ เช่น พัฒนาสายพันธุ์ให้เหมาะกับพื้นที่น้ำท่วมหรือน้ำเค็ม ใช้งานวิจัยเป็นการแก้ปัญหา เช่น ทำอย่างไรจะปลูกข้าวได้ปีละ 3 ครั้ง ก็พัฒนาสายพันธุ์ที่เก็บเกี่ยวได้ภายใน 85 วันขึ้นมา การพัฒนาพันธุ์ข้าวที่มีวิตามิน A สูง เป็นต้น และตอนนี้เวียดนามกำลังคิดว่า การปลูกข้าวมีรายได้ต่ำกว่าผลไม้ จะเปลี่ยนจากการปลูกข้าวมาปลูกผลไม้แทน ซึ่งในอนาคตเวียดนามก็อาจชิงส่วนแบ่งทางการตลาดจากไทยเพิ่มมากขึ้น

นอกจากนี้ คณะ กมธ.เกษตรฯยังเข้าเยี่ยมชม GO! Mall สาขา An Lac เพื่อศึกษาทำความเข้าใจเกี่ยวกับช่องทางการนำเข้า, หลักเกณฑ์และมาตรฐานในการพิจารณาคัดเลือกสินค้าประเภทสินค้าการเกษตรที่ต้องการจะนำเข้าเพื่อจัดจำหน่ายในธุรกิจค้าปลีกของเวียดนาม ตลอดจนถึงได้แลกเปลี่ยนข้อมูลเกี่ยวกับการสร้างโอกาสในการนำเสนอและส่งเสริมสินค้าทางการเกษตรให้แก่ลูกค้าของทั้งสองประเทศอย่างยั่งยืน

“การดูงานที่ประเทศเวียดนามในครั้งนี้ กมธ.มีโอกาสประชุมกับส่วนราชการที่รับผิดชอบด้านการเกษตรของประเทศเวียดนามถึง 2 ครั้ง และได้ไปดูงานของภาคเอกชนเวียดนาม 4 ครั้ง ถือว่าคุ้มค่า และได้ประสบการณ์ ความรู้ กลับมาประยุกต์ใช้ให้เข้ากับบริบทภาคเกษตรของประเทศไทย” นายสุธรรม กล่าว

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 6 กรกฎาคม 2567

“สส.สุธรรม” ร่วมถกวงกำนัน-ผู้ใหญ่บ้าน เร่งแก้ปัญหา“น้ำ-ที่ดินทำกิน”ให้ ปชช.เผย ไม่เกิน ส.ค.นี้ เตรียมขับเคลื่อนอย่างเป็นรูปธรรม

,

“สส.สุธรรม” ร่วมถกวงกำนัน-ผู้ใหญ่บ้าน เร่งแก้ปัญหา“น้ำ-ที่ดินทำกิน”ให้ ปชช.เผย ไม่เกิน ส.ค.นี้ เตรียมขับเคลื่อนอย่างเป็นรูปธรรม

นายสุธรรม จริตงาม สส.นครศรีธรรมราช เขต 6 พรรคพลังประชารัฐ(พปชร.)เปิดเผยว่า ตนได้ร่วมประชุมกับกำนัน,ผู้ใหญ่บ้าน-ผู้ช่วยฯ สารวัตรกำนัน แพทย์ตำบล ณ ศาลาประชาคม อ.ทุ่งสง จ.นครศรีธรรมราช และได้บอกกล่าวถึงสถานการณ์บ้านเมือง รวมถึงชี้แจงแนวทางการพัฒนาและการแก้ไขปัญหาให้พี่น้องชาวอำเภอทุ่งสง ได้รับทราบ โดยเฉพาะปัญหาภัยแล้ง ทำให้แหล่งน้ำไม่เพียงพอ ถือเป็นความเดือนร้อนที่เกษตรกรต้องเผชิญมาต่อเนื่อง จึงต้องวางแผนในการรับมือกับสภาพอากาศในปีถัดไป เช่น สำรวจแหล่งน้ำเพิ่มเติม เพื่อรองรับปัญหาภัยแล้งที่จะเกิดขึ้น

นายสุธรรม กล่าวต่อว่า อีกปัญหาหนึ่งที่จะต้องได้รับการแก้ไขก็คือ เรื่องสิทธิทำกินในเขตป่าสงวนฯหากเกประชาชนสามารถใช้พื้นที่มาทำการเกษตรได้ ก็จะสร้างรายได้ เพิ่มผลผลิต ยกระดับคุณภาพชีวิตของเกษตรกรและครอบครัวให้ดียิ่งขึ้น ทั้งนี้ทั้ง 2 ปัญหาที่กล่าวมานั้น ภายในเดือนกรกฎาคม-สิงหาคมนี้ จะมีการขับเคลื่อนอย่างเป็นรูปธรรม เพื่อแก้ไขอย่างจริงจัง

“พรรคพลังประชารัฐที่นำโดยพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ และ ร้อยเอกธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ที่ดูแลเกษตรกรโดยตรงมีนโยบายที่จะทำให้เกษตรกรได้มีที่ดินทำกินและที่อยู่อาศัยอย่างถูกต้องตามกฎหมาย ลดความขัดแย้ง ลดการโต้แย้งสิทธิระหว่างหน่วยงานของรัฐกับประชาชน และมุ่งหวังว่าเกษตรกรที่ได้รับการจัดที่ดินทำกิน จะมีความมั่นคงในการทำมาหาเลี้ยงชีพ สร้างงาน สร้างรายได้ ซึ่งเป็นการยกระดับคุณภาพชีวิตและความเป็นอยู่ของประชาชนและสร้างความเข้มแข็งให้แก่ชุมชน อีกทั้งเป็นการกระจายการถือครองที่ดินอย่างเป็นธรรมและลดความเหลื่อมล้ำในการถือครองที่ดินอีกด้วย“นายสุธรรม กล่าว

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 23 มิถุนายน 2567

“สส.สุธรรม”ชวน ปชช.พูดคุย สะท้อนปัญหาในกิจกรรม “ผู้แทนฯสัญจร ครั้งที่1”อ.ทุ่งสงฯ เตรียมรวบรวมข้อมูล ชงเข้าสภาฯแก้ปัญหาอย่างเป็นรูปธรรม

,

“สส.สุธรรม”ชวน ปชช.พูดคุย สะท้อนปัญหาในกิจกรรม “ผู้แทนฯสัญจร ครั้งที่1”อ.ทุ่งสงฯ เตรียมรวบรวมข้อมูล ชงเข้าสภาฯแก้ปัญหาอย่างเป็นรูปธรรม

นายสุธรรม จริตงาม สส.นครศรีธรรมราช เขต 6 พรรคพลังประชารัฐ(พปชร.)กล่าวว่า ในวันพรุ่งนี้ วันอาทิตย์ที่ 12 พฤษภาคม 2567 เวลา 13.00 น.ตนขอเชิญชวนพี่น้องประชาชน เข้าร่วมกิจกรรมทางการเมือง “ผู้แทนฯสัญจร ครั้งที่1” ณ.บ้านวังยวน ม.8 ต.ที่วัง อ.ทุ่งสงฯ โดยมาร่วมนั่งกินกาแฟ พบปะ พูดคุยกัน สอบถามสารทุกข์สุขดิบ บอกกล่าวปัญหาของท่านได้ และสะท้อนความต้องการพร้อมเสนอแนวทางการแก้ไข

“แม้ว่าผมอาจจะไม่สามารถแก้ไขปัญหาของท่านได้ทุกเรื่อง แต่ผมมั่นใจว่า ด้วยความตั้งใจจริงที่ผมมี และพรรคพลังประชารัฐที่เป็นพรรคร่วมรัฐบาล ที่กำกับดูแลกระทรวงเกษตรฯ กระทรวงสาธารณสุข และกระทรวงทรัพยากรฯ จะเยียวยาและแก้ไขปัญหาของท่านได้พอสมควร ในบางเรื่องอาจจะไม่เห็นผลในทันทีทันใด แต่เราต้องวางแผนไว้เผื่อล่วงหน้า เพื่ออนาคตที่ดีของลูกหลานเรา”นายสุธรรม กล่าว

นายสุธรรม กล่าวต่อว่า ยังมีอีกหลายปัญหาเช่น เรื่องสิทธิทำกิน เรื่องภัยแล้งรุนแรงที่เรากำลังเผชิญอยู่ รวมไปถึงปัญหาความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน ปัญหายาเสพติด ที่ไม่คลี่คลาย ปัญหาเหล่านี้จึงต้องหยิบขึ้นมาถกเถียงและส่งเสียงของเราต่อไปให้เกิดการแก้ไขอย่างเป็นรูปธรรมให้ได้ โดย พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ได้กำชับ สส.ของพรรคมาตลอดว่า ให้ลงพื้นที่รับฟังปัญหาของประชาชน และเสียงสะท้อนความต้องการของประชาชน และเมื่อเปิดสมัยประชุมสภาช่วงเดือน ก.ค.นี้ ตนจะนำปัญหาของประชาชนไปขับเคลื่อนแก้ไขให้เป็นรูปธรรม

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 15 พฤษภาคม 2567

“สส.สุธรรม”เผย กมธ. การเกษตร สภาฯ เตรียมหารือขอใช้พื้นที่ป่าอนุรักษ์ ร่วมกับกรมอุทยาน เพื่อผลักดันโครงการอ่างเก็บน้ำ รับมือปัญหาภัยแล้ง

,

“สส.สุธรรม”เผย กมธ. การเกษตร สภาฯ เตรียมหารือขอใช้พื้นที่ป่าอนุรักษ์ ร่วมกับกรมอุทยาน เพื่อผลักดันโครงการอ่างเก็บน้ำ รับมือปัญหาภัยแล้ง

นายสุธรรม จริตงาม สส.นครศรีธรรมราช เขต 6 พรรคพลังประชารัฐ ในฐานะรองประธานคณะกรรมาธิการการเกษตรฯ สภาผู้แทนราษฏร เปิดเผยว่า คณะ กมธ.เกษตรได้ประชุมร่วมกับนายชูชาติ รักจิตร อธิบดีกรมชลประทานและรองอธิบดีกรมชลประทาน ผู้อำนวยการสำนักงานเขตชลประทาน ผอ.ชลประทาน 15 จังหวัด และ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ณ กรมชลประทาน กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เพื่อรับฟังแนวทางการบริหารจัดการน้ำทั้งประเทศ

นายสุธรรม กล่าวต่อว่า กมธ.หลายคนเสนอให้กรมชลประทานช่วยผลักดันโครงการอ่างเก็บน้ำ ซึ่งมีอยู่หลายโครงการ หากได้งบประมาณก็สามารถทำได้ทันที หากโครงการเหล่านี้เกิดขึ้น จะทำให้เกิดการบริหารจัดการน้ำทั้งระบบ บรรเทาความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนได้ ซึ่งปัญหาหลักๆของการสร้างอ่างเก็บน้ำ คือ การขอใช้พื้นที่ป่าอนุรักษ์จากกรมอุทยาน ที่ผ่านมาแม้ว่าทางกรมชลประทานจะพยายามทำงานอย่างเต็มที่ในการขออนุญาตใช้พื้นที่ป่าอนุรักษ์ แต่ทางกรมอุทยานก็อนุญาตล่าช้า โดยเรื่องนี้ กมธ.จะมีการนัดประชุมเพื่อหาแนวทางแก้ไขกับกรมอุทยานต่อไป

“ต้องยอมรับว่าปีนี้พี่น้องประชาชนเกือบทุกจังหวัดต้อง เผชิญกับปัญหาภัยแล้งอย่างหนัก ซึ่งปีหน้าก็เป็นเรื่องยากที่จะคาดเดา แต่หน่วยงานภาครัฐ ต้องเตรียมความพร้อมในการรับมือกับปัญหาภัยแล้งอย่างเต็มที่ เพื่อลดปัญหาความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชน”นายสุธรรม กล่าว

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 9 พฤษภาคม 2567

“อามินทร์”ฝาก ก.ทรัพยากรฯเร่งหาทางออกปัญหาน้ำทะเลกัดเซาะชายฝั่ง บริเวณบ้านปูลาโต๊ะบีซู หลังทำให้เสียดินแดนแนวชายฝั่งปีละ 2 เมตร

,

“อามินทร์”ฝาก ก.ทรัพยากรฯเร่งหาทางออกปัญหาน้ำทะเลกัดเซาะชายฝั่ง บริเวณบ้านปูลาโต๊ะบีซู หลังทำให้เสียดินแดนแนวชายฝั่งปีละ 2 เมตร

นายอามินทร์ มะยูโซ๊ะ สส.นราธิวาส อำเภอตากใบพรรคพลังประชารัฐ(พปชร.) กล่าวหารือถึงความเดือดร้อนของประชาชนในที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรว่า ตนได้รับเรื่องร้องเรียนจากนายกองค์การบริหารส่วนตำบล ศาลาใหม่ ถึงปัญหาน้ำทะเลกัดเซาะชายฝั่งบริเวณบ้านปูลาโต๊ะบีซู หมู่ 8 ตำบลศาลาใหม่ ปัจจุบันได้รับความเสียหายตลอดแนวกว่า 2,500 เมตร หมู่บ้านแห่งนี้มีเนื้อที่ประมาณ 700 ไร่ ปัจจุบันเหลือเพียง 500 ไร่ โดยเฉพาะ 3 ปีหลัง ที่เราเสียดินแดนที่เรียกว่า ปลายด้ามขวาน เฉลี่ยปีละ 2 เมตร ชาวบ้านในหมู่บ้านแห่งนี้ ประกอบอาชีพประมงพื้นบ้าน ที่ดินพื้นเดียวที่มีอยู่บนเกาะแห่งนี้

“ผมต้องขอขอบคุณกรมโยธาธิการ และผังเมืองที่ไม่ได้นิ่งนอนใจ เข้าสำรวจและได้ทำประชาคมไปแล้วถึง 4 ครั้ง แต่ปัญหาอยู่ที่กฎหมายที่ต้องใช้เวลาศึกษาผลกระทบ ทำให้เราตกอยู่ในสภาวะที่เสี่ยงจะเสียดินแดนแห่งนี้ต่อไป ปีละ 2 เมตร ตลอดแนวชายฝั่ง อย่างน้อยอีก 5 ปี ผมอยากจะขอฝากกระทรวงทรัพยากรและสิ่งแวดล้อม กรมโยธาธิการและผังเมือง เร่งหาทางออกให้กับเรื่องนี้”นายอามินทร์ กล่าว

นายอามินทร์ กล่าวต่อถึงปัญหาบ้านเกาะยาว อำเภอตากใบ ต้นตำรับปลากุเลาที่โด่งดัง ที่คนซื้อไม่ได้กินทคนกินไม่ได้ซื้อ ตอนนี้ได้รับความเดือดร้อนอย่างมาก เนื่องจากทางเข้าออกของหมู่บ้านมีอยู่ 2 เส้นทาง ทางที่ 1 เข้าออกทางรถยนต์ต้องใช้การเดินทางกว่า 9 กิโลเมตรหรือใช้เส้นทางกว่า 20 นาที เพราะเส้นทางที่เข้าออกทุรกันดารเป็นอย่างมาก เส้นทางที่ 2 ทางเข้าออกอีกเส้นทางหนึ่งก็คือ สะพานคอย 100 ปี ที่ชื่อสะพานคอย 100 ปีนะครับ เพราะชาวบ้านรอสะพานแห่งนี้กว่าจะสร้างเสร็จใช้เวลา กว่า 100 ปี ได้สะพานมาทั้งทีก็ได้สะพานกว้างแค่ 2 เมตร ขับรถมอเตอร์ไซค์สวนกันก็ยากลำบาก จึงอยากจะขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องสร้างสะพานเข้าออกหมู่บ้าน ที่มีความกว้าง รถยนต์สามารถเข้าออกบ้านเกาะยาวด้วยความสะดวก เพื่อเปิดโอกาสให้จังหวัดนราธิวาสได้มีสถานที่ท่องเที่ยวที่สามารถชูโรง สร้างชื่อเสียงให้กับจังหวัดนราธิวาสได้

นอกจากนี้ ยังมีปัญหาที่เกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงในเรื่องของธรรมชาติ เช่น เรื่องของน้ำขึ้นน้ำลง บวกกับการขุดลอกคลองตากใบ ที่เคยเป็นแหล่งเพาะพันธ์ุสัตว์น้ำหลากหลายชนิด หลายครัวเรือนเลี้ยงปลากระพงในกระชัง ซึ่งเป็นรายได้หลัก แต่ปัจจุบันประสบปัญหาคลองตื้นเขิน เพราะการขุดลอกมานาน ส่งผลให้ชาวบ้านไม่สามารถนำเรือเข้ามาจอดเทียบท่าได้ จึงขอให้กรมเจ้าท่า ดำเนินการขุดลอกคลองตากใบ เพื่อให้พี่น้องชาวประมงพื้นบ้าน สามารถประกอบอาชีพเลี้ยงชีพได้ต่อไป

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 6 กันยายน 2566

“สนธิรัตน์” ลงพื้นที่นครศรีธรรมราช ควง “สส.สุธรรม” สร้างการเมืองมิติใหม่ ลุยทำงานเพื่อ ปชช. พร้อมร่วมถกสมาพันธ์บริษัทประชารัฐฯ 14 จังหวัดภาคใต้ ขับเคลื่อนต่อ “บริษัทประชารัฐรักสามัคคี” สร้างโมเดลความสำเร็จ ตั้งเป้าผลักดันเข้าตลาดหลักทรัพย์

,

“สนธิรัตน์” ลงพื้นที่นครศรีธรรมราช ควง “สส.สุธรรม” สร้างการเมืองมิติใหม่ ลุยทำงานเพื่อ ปชช. พร้อมร่วมถกสมาพันธ์บริษัทประชารัฐฯ 14 จังหวัดภาคใต้ ขับเคลื่อนต่อ “บริษัทประชารัฐรักสามัคคี” สร้างโมเดลความสำเร็จ ตั้งเป้าผลักดันเข้าตลาดหลักทรัพย์

วันที่ 2-3 กันยายน 2566 ที่อำเภอเมือง-ทุ่งสง จังหวัดนครศรีธรรมราช นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ ประธานกรรมการด้านการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์พรรคพลังประชารัฐ พร้อมด้วย นายสุธรรม จริตงาม สส.จังหวัดนครศรีธรรมราช เขต 6 พรรคพลังประชารัฐ นายวัชระ กรรณิการ์ สมาชิกพรรคพลังประชารัฐ นายทวี สุระบาล สส.จังหวัดตรัง เขต 2 พรรคพลังประชารัฐ และนายคอซีย์ มามุ สส. จังหวัดปัตตานี เขต 2 ลงพื้นที่อำเภอเมือง และอำเภอทุ่งสง จังหวัดนครศรีธรรมราช รับฟังเสียงพี่น้องประชาชน เดินหน้าแก้ปัญหา พัฒนาพื้นที่ สร้างความอยู่ดีกินดีให้กับพี่น้องประชาชน

โดยนายสนธิรัตน์ และนายสุธรรม ได้เปิดเวทีถก “ทิศทางการพัฒนาอำเภอทุ่งสง” ซึ่งมีผู้นำชุมชน 13 ตำบล ในอำเภอทุ่งสง เข้าร่วมกว่า 100 คน นายสนธิรัตน์ กล่าวว่า การลงพื้นที่จังหวัดนครศรีธรรมราชครั้งนี้ ตนตั้งใจมาช่วย สส.สุธรรม จริตงาม ในการลงพื้นที่พบปะประชาชน เพื่อรวบรวมปัญหาและข้อเสนอแนะจากพี่น้องประชาชนในการพัฒนาขับเคลื่อนพื้นที่อำเภอทุ่งสงนำไปสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน ซึ่งมาวันนี้ก็ได้รับทราบหลายปัญหาในพื้นที่ ไม่ว่าจะเป็นปัญหาเรื่องน้ำแล้ง น้ำหลาก ปัญหาราคาผลผลิตทางการเกษตรตกต่ำ เช่น ราคามังคุด ยางพารา ปัญหายาเสพติด และปัญหาพื้นที่ทำกิน เป็นต้น ซึ่งตนและ สส.สุธรรม เก็บรวบรวมทุกปัญหา เพื่อนำไปสู่การวางแนวทางการบริหารให้สอดรับกับทุกปัญหาที่ผู้นำชุมชนได้สะท้อนออกมา ซึ่งตนในฐานะประธานกรรมการด้านการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์พรรคพลังประชารัฐ พร้อมจะช่วยคิด ช่วยวางแนวทางแก้ปัญหาให้อย่างแน่นอน

“การลงพื้นที่ในวันนี้ ถือเป็นมิติใหม่ทางการเมืองที่ยึดปัญหาพี่น้องประชาชนและบ้านเมืองเป็นตัวตั้ง ซึ่งที่ผ่านมาจะเห็นว่าผมและ สส. สุธรรม มาพร้อมกับ สส. ทวี จังหวัดตรัง และ สส. คอซีย์ จังหวัดปัตตานี มาลงพื้นที่ร่วมกัน เพราะแนวทางการทำงานของพรรคพลังประชารัฐ เน้นการทำงานทั้งองคาพยพ ผมเชื่อว่าการพัฒนาและการแก้ปัญหา ที่จะช่วยสร้างความเข้มแข็งและความยั่งยืนต้องมาจากความร่วมมือที่จะปิดจุดด้อย ส่งเสริมจุดเด่นร่วมกัน ดังนั้น สส. ภาคใต้ของพรรคพลังประชารัฐหรือแม้แต่ สส. ทุกภาคก็ยึดแนวทางการทำงานแบบนี้ วันนี้ ผมอยากให้พี่น้องประชาชนชาวทุ่งสงมั่นใจในตัว สส.สุธรรม ว่าท่านเลือกคนไม่ผิดแน่นอน” นายสนธิรัตน์ กล่าว

นายสุธรรม กล่าวยืนยันว่า ตนมีความตั้งใจที่จะทำงานเพื่อพี่น้องประชาชน จะเป็นตัวแทนของพี่น้องประชาชนเข้าไปขับเคลื่อนงบประมาณเข้ามาพัฒนาแก้ปัญหา ไม่ใช่แค่ สส. อีเว้น งานศพ งานบวช งานแต่ง แต่ตนจะเป็น สส. ที่ประชาชนเข้าถึง ร่วมทุกข์ร่วมสุขกับพ่อแม่พี่น้องทุกคน ตามนโยบายที่ผู้บริหารพรรคพลังประชารัฐตั้งมั่นไว้เป็นแนวทางให้ สส. ของพรรคทุกคนได้ทำหน้าที่ของตนในพื้นที่อย่างแน่นอน ซึ่งหลังจากนี้ ตนจะเดินหน้าโครงการ สส. สัญจร พบปะพี่น้องประชาชนทุกพื้นที่ต่อไป

จากนั้น นายสนธิรัตน์ และ นายสุธรรม ได้เดินทางไปดูพื้นที่ช่องเขาหินลูกช้าง พร้อมรับหนังสือติดตามความคืบหน้าโครงการก่อสร้างถนนเขตป่าสงวนช่องเขาหินลูกช้าง จากนายเดชพล แก้วคุ้มภัย นายกองค์การบริหารส่วนตำบลนาไม้ไผ่ ซึ่งดำเนินการยื่นเรื่องมาตั้งแต่ปี 63 แต่โครงการไม่คืบหน้า เนื่องจากติดกฎหมายของกรมป่าไม้ โดยโครงการตัดถนนดังกล่าว จะเป็นเส้นทางสัญจร และการขนส่งพืชผลทางการเกษตร ที่เชื่อมต่อพื้นที่อำเภอทุ่งสง เช่น ตำบลเขาขาว และอำเภอทุ่งใหญ่ ไปจนเชื่อมต่อจังหวัดกระบี่และภูเก็ตได้ นอกจากนี้ ยังสามารถพัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาตห้กับอำเภอทุ่งส่ง เนื่องจากเขาหินลูกช้าง เป็นจุมชมวิวที่สามารถมองเห็นอำเภอทุ่งสงได้ทั้งเมือง และบางพื้นที่ในจังหวัดตรังและกระบี่ได้อีกด้วย

นอกจากนี้ ที่โรงแรมทวินโลตัส อำเภอเมือง จังหวัดนครศรีธรรมราช นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ ประธานกรรมการด้านการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์พรรคพลังประชารัฐ พบปะตัวแทน บริษัท ประชารัฐรักสามัคคี วิสาหกิจเพื่อสังคม (ประเทศไทย) จำกัด ภาคใต้ 14 จังหวัด ประกอบด้วย กลุ่มจังหวัดอันดามัน กลุ่มจังหวัดอ่าวไทย และกลุ่มจังหวัด 3 ชายแดนใต้ เพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในหัวข้อ บริษัทประชารัฐฯ จากอดีต ปัจจุบัน อนาคต จะไปอย่างไร ในระหว่างการประชุมสมาพันธ์บริษัทประชารัฐฯ ภาคใต้ ครั้งที่ 3/2566

นายสนธิรัตน์ กล่าวว่า บริษัท ประชารัฐรักสามัคคี วิสาหกิจเพื่อสังคม (ประเทศไทย) จำกัด เกิดขึ้นในสมัยที่พรรคพลังประชารัฐเป็นรัฐบาลบริหารประเทศ ภายใต้แนวคิดความร่วมมือแบบบูรณาการระหว่างรัฐ เอกชน และประชาชน เพื่อเป้าหมายสร้างชุมชนทั่วประเทศให้เกิดความเข้มแข็งที่คลอบคลุมทั้งด้านสังคม อาชีพ รายได้ คุณภาพชีวิตของประชาชน และสิ่งแวดล้อม

โดยพรรคพลังประชารัฐยังยืนยันที่จะขับเคลื่อนและพัฒนาบริษัทประชารัฐฯ ทั่วประเทศต่อไป เพื่อสร้างความเข้มแข็งให้กับระบบเศรษฐกิจฐานรากเพราะวันนี้ตนเชื่อว่าบริษัทประชารัฐฯ ยังคงเป็นเครื่องมือสำคัญที่จะขับเคลื่อนชุมชนทั่วประเทศให้อยู่ดีกินดีและพึ่งพาตัวเองได้

“บริษัทประชารัฐรักสามัคคี เป็นเครื่องมือที่ดี และยังเป็นความหวังของชุมชนที่จะสร้างเศรษฐกิจฐานรากให้เข้มแข็งได้ โดยรวมเอาจุดดีของ CSR ระบบสหกรณ์ และ Business model ของภาคเอกชนมาบูรณาการเป็นบริษัทประชารัฐรักสามัคคีซึ่งวันนี้พรรคพลังประชารัฐมีความตั้งใจที่จะสร้างให้เข้มแข็งและเติบโตก้าวไปให้ถึงตลาดหลักทรัพย์ เพื่อเป็นโมเดลความสำเร็จของบริษัทประชารัฐรักสามัคคี และเป็นเครื่องมือแก้จนให้ประชาชนอยู่ดีกินดีได้อย่างยั่งยืน” นายสนธิรัตน์ กล่าว

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 3 กันยายน 2566