โลกเปลี่ยน ไทยต้องปรับ ทางเลือกใหม่ของการเมืองไทย ก้าวข้ามความขัดแย้ง สานพลังประชาราษฎร์ ร่วมสร้างชาติให้ยั่งยืน

หมวดหมู่: กิจกรรมพรรค

“พล.อ.ประวิตร”ลุยตรวจโครงการน้ำเจ้าพระยาตอนล่างอยุธยา-สระบุรี การันตีปีนี้ทำนาได้ ลั่นลุยแก้ไขปัญหาให้ปชช.ปลื้มกองเชียร์ยกเป็นนายกคนที่30

,

“พล.อ.ประวิตร”ลุยตรวจโครงการน้ำเจ้าพระยาตอนล่างอยุธยา-สระบุรี
การันตีปีนี้ทำนาได้ ลั่นลุยแก้ไขปัญหาให้ปชช.ปลื้มกองเชียร์ยกเป็นนายกคนที่30

วันที่ 8 มีนาคม 2566 พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี พร้อมคณะประกอบด้วย พล.อ.วิชญ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา ประธานที่ปรึกษารองนายกรัฐมนตรี นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม นายสันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง พล.อ.ชัยชาญ ช้างมงคล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม และ นายวิรัช รัตนเศรษฐ ที่ปรึกษารองนายกรัฐมนตรี ลงพื้นที่เพื่อตรวจเยี่ยม และติดตามความคืบหน้า แผนบรรเทาอุทกภัยพื้นที่ลุ่มน้ำเจ้าพระยาตอนล่าง และแผนงานโครงการพัฒนาแหล่งน้ำที่สำคัญในพื้นที่ จ.พระนครศรีอยุธยา ณ วัดสะตือพุทธไสยาสน์ ค.ท่าหลวง อ.ท่าเรือ จ.พระนครศรีอยุธยา

โดย พล.อ.ประวิตร ได้ตรวจแผนบรรเทาอุทกภัยพื้นที่เจ้าพระยาตอนล่าง และแผนงานโครงการพัฒนาแหล่งน้ำที่สำคัญในพื้นที่ รวมถึงการบรรเทาอุทกภัยลุ่มน้ำเจ้าพระยาตอนล่าง ฝั่งตะวันออก และการแก้ไขปัญหาอุทกภัยในเขตอำเภอท่าเรือ ที่ได้รับผลกระทบจากการระบายน้ำของเขื่อนพระราม 6 ด้วย พร้อมมอบนโยบาย และพูดคุยกับประชาชนที่มาให้การต้อนรับว่า ขอบคุณหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่มาให้การต้อนรับ และได้นำเสนอแผนงานภาพรวมของลุ่มน้ำเจ้าพระยาตอนล่าง ตนเดินทางมาเพื่อเร่งรัด และติดตามการดำเนินการด้านน้ำที่อยุธยาอยู่หลายครั้ง เนื่องจากสภาพพื้นที่จังหวัดเป็นที่ราบลุ่มและอยู่ติดฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา จึงประสบปัญหาน้ำหลากน้ำท่วม บ้านเรือนประชาชน รวมไปถึงพืชผลทางการเกษตรด้วย

พล.อ.ประวิตร กล่าวต่อว่า รัฐบาลมีความห่วงใย ไม่ได้นิ่งนอนใจ ได้มอบหมายหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และเร่งรัดให้เกิดการดำเนินการพร้อมวางแผนให้เกิดการแก้ไขอย่างเร่งด่วน และยั่งยืนที่สำคัญต้องเกิดประสิทธิภาพ และประสิทธิผลโดยเร็วที่สุด จึงขอมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ให้ปฎิบัติดังนี้
1.ให้ สำนักงาน ทรัพยากรน้ำ แห่งชาติ เร่งรัด การดำเนินการตามแผนการ บรรเทาอุทกภัยพื้นที่เจ้าพระยา ตอนล่าง 9 แผน โดยเฉพาะ โครงการ คลองระบายน้ำชัยนาท – ป่าสัก, ป่าสัก – อ่าวไทย และ บูรณาการ หน่วยงาน ที่เกี่ยวข้องร่วมกัน แก้ไข ปัญหาอุทกภัยพื้นที่ อำเภอท่าเรือ ซึ่งได้รับผลกระทบ จากการระบายน้ำ จากเขื่อนพระราม 6
2.ให้ กรมชลประทาน เร่งดำเนินการก่อสร้างโครงการ ระบายน้ำหลาก บางบาล – บางไทร ให้แล้วเสร็จ ตามแผนที่วางไว้ รวมถึง ซ่อมแซม อาคารชลประทาน
ให้อยู่ในสภาพสมบูรณ์ พร้อมใช้งาน เพื่อเตรียมรับฤดูน้ำหลาก ที่จะมาถึง
3.ให้กรมโยธาธิการ และ ผังเมือง เร่งก่อสร้าง กำแพง ป้องกันน้ำท่วมบริเวณเขตโบราณสถานเพื่อป้องกัน ความเสียหาย ที่จะเกิดขึ้น
4.หน่วยงานที่เกี่ยวข้องปฏิบัติตาม 10 มาตรการ รองรับฤดูแล้ง เพื่อลดผลกระทบต่อ พี่น้อง ประชาชน
ให้ได้มากที่สุด และสุดท้ายของให้ทางจังหวัดสร้างการรับรู้ และ ประชาสัมพันธ์ให้ประชาชน ทราบถึง สถานการณ์ต่างๆ และ แผนการดำเนินการ ด้านทรัพยากรน้ำของหน่วยงานรัฐ

“ผมขอขอบคุณทุกท่านอีกครั้งที่มาให้การต้อนรับอย่างอบอุ่น และ ขอให้มั่นใจว่ารัฐบาลมีความจริงใจ และมีเป้าหมายในการทำงาน เพื่อความผาสุกของประชาชนและแน่นอน โครงการขนาดใหญ่ที่รัฐดำเนินการ ต้องใช้ระยะเวลาและงบประมาณ ที่สำคัญ ต้องได้รับ การสนับสนุนความร่วมมือจาก พี่น้อง ประชาชน ในพื้นที่เป็นอย่างมาก ที่จะทำให้โครงการต่างๆ สำเร็จได้ ตามเป้าหมาย ซึ่งในปีนี้น้ำมีเพียงพแปละสามารถที่จะทำนาปีได้ ในโอกาสนี้ผมขออวยพร ให้ข้าราชการและ พี่น้องชาวพระนครศรีอยุธยาทุกท่าน มีสุขภาพแข็งแรง ปราศจากโรคภัยต่างๆ มีความสุข ความเจริญ คิดประสงค์สิ่งใด ขอให้สมความปรารถนา ทุกประการ”

ทั้งนี้ พล.อ.ประวิตรได้ถามกรมทรัพยากรน้ำในพื้นที่ถึงการทำนาของประชาชนในปีนี้ ซึ่งได้คำตอบว่า สามารถทำได้ พล.อ.ประวิตร จึงได้กล่าวกับชาวอยุธยาว่า “ปีนี้ทุกคนสามารถทำนาได้นะครับ ไม่มีน้ำท่วมมาทำลายนาของทุกคนอย่างแน่นอนครับ”

อย่างไรก็ตาม บรรยากาศการลงพื้นที่ตรวจราชการในวันนี้ มีประชาชนมาให้การต้อนรับ และมอบดอกกุหลาบเพื่อให้กำลังใจเป็นจำนวนมาก พร้อมทั้งกล่าวว่า เรารักลุงป้อม ลุงป้อมสู้ ๆ และลุงป้อมน่ารัก อย่างต่อเนื่อง ซึ่ง พลเอกประวิตร ก็ได้ทักทายกับประชาชนอย่างเป็นกันเอง

พล.อ.ประวิตร พร้อมคณะได้เดินทางไปยัง รร.วัดขอนชะโงก (เขียววิมลราษฎร์อุปถัมภ์) อ.หนองแค จ.สระบุรี เพื่อตรวจติดตามการบริหารจัดการน้ำของ จ.สระบุรี ณ ที่โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาพัฒนาการสระบุรี อ.หนองแค จ.สระบุรี โดยมี นางสาวกัลยา รุ่งวิจิตรชัย ส.ส.สระบุรี ,นายองอาจ และนายอรรถพล วงษ์ประยูร อดีต ส.ส.สระบุรีและว่าที่ผู้สมัคร รวมถึง ผึ้ง น.ส.เกณิกา อุ่นจิตร์ ว่าที่ผู้สมัคร สส. สระบุรี เขต 3 และทีมโฆษกพรรค พปชร.ให้การต้อนรับ

พล.อ.ประวิตร ได้กล่าวมอบนโยบาย และพูดคุยกับประชาชนที่มาให้การต้อนรับว่า ผมมีความยินดี เป็นอย่างยิ่งที่ได้ลงพื้นที่จังหวัดสระบุรี อีกครั้งหนึ่ง จากที่เคยมาตรวจเยี่ยม และมอบหมายหน่วยงานไปดำเนินการแก้ไขปัญหาเรื่องน้ำท่วม เมื่อกลางปี 65 ซึ่งวันนี้ตนได้มาติดตาม และ รับทราบความก้าวหน้า แผนการบริหารจัดการน้ำ ในพื้นที่พร้อมพบปะพี่น้อง และประชาชนเพื่อรับทราบปัญหา และความเดือดร้อนจากการรายงานของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จะเห็นว่า ได้มีการดำเนินการตามแผนงานโครงการเร่งด่วน ไปแล้วหลายโครงการ ทั้งงานปรับปรุง ซ่อมแซม งานเพิ่มประสิทธิภาพ การระบายน้ำ และยังคงมีแผนงานที่ต้องขับเคลื่อนเพื่อให้สามารถแก้ไขปัญหา ด้านทรัพยากรน้ำ ได้อย่างครอบคลุมทั้งระบบ จึงขอมอบหมาย ให้หน่วยงานได้เร่งรัด ดำเนินการ

“รัฐบาลมีความมุ่งมั่น และมีความจริงใจในการแก้ไขปัญหา ให้กับพี่น้องประชาชน และปรารถนาให้ทุกคนดำรงชีวิตได้อย่างปกติสุข ภายใต้การดูแลเอาใจใส่ จากรัฐบาลที่จะช่วยเหลือ ขับเคลื่อน การแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนในทุกมิติ ผมขอให้ทุกคนเชื่อมั่นว่ารัฐบาลจะดูแลทุกข์ สุข ของทุกท่านอย่างเต็มที่ เราจะสร้างรากฐาน ที่แข็งแรง ให้กับสังคม เพื่อความมั่นคง ของประเทศ”

ทั้งนี้ พลเอกประวิตรได้ร่วมผัดไส้และชิมขนมกะหรี่ปั๊บ ซึ่งเป็นของฝากชื่อดังชาวสระบุรี นอกจากนี้ยังมีนักเรียนชายชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 จำนวน 2 คน ของโรงเรียนสระบุรีวิทยาคม มอบภาพวาดเหมือนด้วยฝีมือตัวเองให้กับพลเอกประวิตร พร้อมกับอวยพรขอให้ได้เป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 เพราะพวกตนเป็นเอฟซีติดตามผลงานของท่าน ซึ่งพลเอกประวิตร กล่าวว่า วาดดีมาก สวยเหมือนเปี๊ยบเลย

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 8 มีนาคม 2566

พปชร.เปิดตารางเวทีปราศรัยใหญ่ 4 ภาค พบกันเชียงใหม่ 12 มี.ค.นี้ พร้อมเปิดตัวว่าที่ผู้สมัครภาคเหนือทุกเขต

,

พปชร.เปิดตารางเวทีปราศรัยใหญ่ 4 ภาค พบกันเชียงใหม่ 12 มี.ค.นี้ พร้อมเปิดตัวว่าที่ผู้สมัครภาคเหนือทุกเขต

นายวิรัช รัตนเศรษฐ รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ เปิดเผยว่า พรรคพลังประชารัฐได้เตรียมเดินสายจัดเวทีปราศรัยก่อนการยุบสภา ในพื้นที่ 4 ภาค โดยเริ่มที่ จ.เชียงใหม่ วันที่ 12 มี.ค.นี้

โดยจะมีการเปิดตัวว่าที่ผู้สมัครภาคเหนือทั้งหมด รับผิดชอบโดย ร้อยเอก ธรรมนัส พรหมเผ่าและนายบุญสิงห์ วรินทร์รักษ์ , กทม. 18 มี.ค. 66 , จากนั้นจะเป็นเวที จ.สงขลา ส่วนภาคตะวันออกเฉียงเหนือ อาจจะเป็นที่ จ.อุดรธานี หรือขอนแก่น

ส่วนที่ จ.นครราชสีมา ได้วางกำหนดการไว้ 26 มี.ค. 66 ซึ่ง นายวิรัช ระบุว่า ทุกเวทีจะมี พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ไปร่วมปราศรัยทุกเวทีด้วย


ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 8 มีนาคม 2566

“รัฐภูมิ”แท็กทีม”บูรฮันธ์”ว่าที่ผู้สมัครพปชร.จ.ปัตตานี รับฟังปัญหาปชช.ดันลดเหลื่อมล้ำการศึกษาในพื้นที่

,

“รัฐภูมิ”แท็กทีม”บูรฮันธ์”ว่าที่ผู้สมัครพปชร.จ.ปัตตานี รับฟังปัญหาปชช.ดันลดเหลื่อมล้ำการศึกษาในพื้นที่

นายรัฐภูมิ โตคงทรัพย์ ทีมโฆษก พรรคพลังประชารัฐ(พปชร.) เปิดเผยว่า ตนได้ลงพื้นที่ปราศรัย กับประชาชนในพื้นที่ อ.ยะรัง อ.มายอ อ.ทุ่งยางแดง จ.ปัตตานี ร่วมกับ นาย บูรฮันธ์ สะเม๊าะ ว่าที่ผู้สมัคร สส พลังประชารัฐ เขต4 เพื่อรับฟังปัญหาของพื้นที่ ซึ่งมีหลากหลายปัญหา โดยเฉพาะความเหลื่อมล้ำด้านการศึกษาที่ได้รับผลกระทบจากความไม่สงบในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ทำให้การบรรจุครูเข้าสอนในพื้นที่ขาดแคลน มีโรงเรียนที่เปิดทำการเรียนการสอนได้เพียง 1-2 โรงเรียนต่อจังหวัด ประชาชนแก้ไขเบื้องต้นด้วยการตั้งศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก โดยผู้ใหญ่เป็นผู้เข้าทำการเรียนการสอน ให้เด็กมีพัฒนาการด้านการเรียน การอ่าน และเขียน ซึ่งจะเห็นว่าเยาวชนเสียโอกาสเข้าถึงการศึกษาที่มีคุณภาพ ทั้งที่เยาวชนในพื้นที่ มีศักยภาพด้านภาษา ที่สามารถพูดได้ถึง 3 ภาษา ทั้งไทย มาลายูและอาราบิค จำเป็นต้องเข้าไปส่งเสริมด้านการศึกษาเพิ่มขึ้น ซึ่งกระทรวงศึกษาธิการโดย นางสาวตรีนุช เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ พร้อมให้การสนับสนุน และส่งเสริมการศึกษาอย่างเต็มที่

นายรัฐภูมิ กล่าวต่อว่า ตนกับท่านบูรฮันธ์จะนำประเด็นปัญหาดังกล่าวเข้าสู่คณะกรรมการขับเคลื่อนนโยบายพรรค เพื่อเป็นหนึ่งในนโยบายการทำงานของพรรค ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งการเปิดปราศรัยครั้งนี้ มีประชาชนที่ศรัทธาในตัวนายบูรฮันธ์ เข้ามาร่วมฟังนโยบายของพรรค ที่จะช่วยเหลือ พี่น้อง 3 จังหวัดชายแดนใต้ กว่า 5,000 คน ซึ่งยอมรับว่าในช่วงที่ผ่านมา ประชาชนในพื้นที่ได้รับการช่วยเหลือจากนายบูรฮันธ์ มาอย่างต่อเนื่อง ในการประสานงานช่วยเหลือในเรื่องต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการช่วยเหลือคนไทยที่ติดค้างในต่างประเทศในช่วงการแพร่ระบาดโควิด 19 สามารถช่วยเหลือได้ประมาณ 40,000 คน ทำให้เป็นที่รัก และเข้าใจปัญหาของคนในพื้นที่เป็นอย่างดี

“ยังมีปัญหาการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ทุกระบบ ซึ่งมีส่วนสำคัญต่อการยกระดับคุณภาพชีวิต ของคนในพื้นที่ในการประกอบอาชีพ ความปลอดภัยในพื้นที่ เป็นอีกหนึ่งปัญหาที่ต้องเสนอต่อพรรค ที่จะนำไปพัฒนาเป็นนโยบาย เพื่อช่วยเหลือ ลดความเหลื่อมล้ำของคนในพื้นที่ได้”

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 8 มีนาคม 2566

“พล.อ.ประวิตร” เกาะติดแก้ปัญหาน้ำเพื่อปชช. ตามติดโครงการสำคัญ เดินหน้า โครงการฯ รองรับแผนฟื้นฟู”คลองแสนแสบ” บรรเทาน้ำท่วม กทม.ฝั่งตะวันออก

,

“พล.อ.ประวิตร” เกาะติดแก้ปัญหาน้ำเพื่อปชช. ตามติดโครงการสำคัญ เดินหน้า โครงการฯ รองรับแผนฟื้นฟู”คลองแสนแสบ” บรรเทาน้ำท่วม กทม.ฝั่งตะวันออก

เมื่อ 8 มี.ค.66 พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รอง นรม. ได้เป็นประธานการประชุม คณะอนุกรรมการขับเคลื่อนโครงการพัฒนาทรัพยากรน้ำ ครั้งที่ 1/2566 ณ ห้องประชุม มูลนิธิอนุรักษ์ป่ารอยต่อ 5 จังหวัด โดย พล.ท.พัชร์ชศักดิ์ ปฏิรูปานนท์ ผช.โฆษก รอง นรม. กล่าวว่าที่ประชุมได้รับทราบ ความก้าวหน้าการดำเนินโครงการ อ่างเก็บน้ำคลองวังโตนด จ.จันทบุรี ซึ่งมีวัตถุประสงค์ใช้เป็นแหล่งเก็บกักน้ำของลุ่มน้ำคลองวังโตนด เพื่อบรรเทาอุทกภัยที่เกิดขึ้นในบริเวณพื้นที่ตอนล่าง และเพื่อพัฒนาส่งเสริมเกษตรกรรม ด้านผลไม้ซึ่งเป็นพืชเศรษฐกิจของ จ.จันทบุรี มีระยะเวลาโครงการ 6 ปี (ปี68-73) งบประมาณ 6,400 ล้านบาท ปัจจุบันอยู่ในกระบวนการขออนุญาตใช้พื้นที่ป่าไม้ จากกรมป่าไม้และกรมอุทยานฯ ซึ่ง พล.อ.ประวิตร ได้กำชับ กรมชลประทาน ให้เร่งรัดดำเนินโครงการตามมติทึ่ประชุมโดยเร็ว เพื่อเตรียมรองรับความต้องการใช้น้ำของประชาชน ,เกษตรกร และพื้นที่EEC ให้เพียงพอในอนาคต ต่อไป

จากนั้น คณะอนุกรรมการฯได้เห็นชอบ การปรับปรุงเป้าหมายโครงการสำคัญด้านทรัพยากรน้ำปี66-70 โดยกำหนดนิยาม”โครงการสำคัญ” คือโครงการที่แก้ไขปัญหาด้านทรัพยากรน้ำ ตามแผนแม่บทการบริหารจัดการน้ำ 20 ปี ที่มีผลสัมฤทธิ์ อย่างมีนัยยะสำคัญ หรือเกิดผลประโยชน์ในวงกว้าง และผ่านการเห็นชอบของ กนช. โดยให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเตรียมแผนงานโครงการตามนิยามและประเภทโครงการสำคัญที่กำหนดเพื่อเสนอเป็นโครงการสำคัญ ผ่านระบบ Thai Water Plan ตามขั้นตอน จากนั้นที่ประชุมยังได้อนุมัติหลักการ และทบทวนให้มีความเหมาะสม ในโครงการปรับปรุงคลองบางขนาก จ.ฉะเชิงเทรา ภายใต้แผนหลักการพัฒนาฟื้นฟูสภาพแวดล้อม คลองแสนแสบ ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อใช้ในการบริหารจัดการน้ำในพื้นที่ กทม.ฝั่งตะวันออก เพื่อช่วยระบายน้ำเสีย รักษาคุณภาพน้ำ และให้คลองแสนแสบกลับมามีระบบนิเวศ อยู่ในเกณฑ์ดี อีกครั้งหนึ่ง

พล.อ.ประวิตร ได้กำชับ สทนช. ,กรมชลประทาน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ต้องให้ความสำคัญเร่งด่วนต่อการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนเรื่องน้ำ ของประชาชนทั้งระยะเร่งด่วน และระยะยาว อย่างยั่งยืน พร้อมทั้งมีการจัดลำดับความเร่งด่วนของโครงการอย่างเหมาะสม สอดรับตามแผนแม่บท 20 ปี ที่มีการปรับปรุงเป้าหมายใหม่แล้วด้วย

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 8 มีนาคม 2566

“ศ.ดร.นฤมล” ยกทีมผู้สมัครร่วมระดมสมองเจาะปัญหากทม. เปิดเวที”พลังกรุงเทพ พลังประชารัฐ” 9 มี.ค.นี้สู่นโยบายพปชร.

,

“ศ.ดร.นฤมล” ยกทีมผู้สมัครร่วมระดมสมองเจาะปัญหากทม.
เปิดเวที”พลังกรุงเทพ พลังประชารัฐ” 9 มี.ค.นี้สู่นโยบายพปชร.

6 มีนาคม 2566 ศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ เหรัญญิกพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เปิดเผยว่า วันที่ 9 มี.ค.นี้พปชร.จะเปิดเวทีเสวนา “พลังกรุงเทพ พลังประชารัฐ” ที่ทำการพรรคพลังประชารัฐ ซึ่งจะเป็นการระดมความคิดเห็นเป็นครั้งแรก และยังมีการจัดต่อเนื่อง ในประเด็นที่จะนำไปสู่นโยบายการแก้ไขปัญหาให้คนกทม.ในทุกมิติ จากว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. พปชร. เครือข่ายภาคประชาสังคม นักวิชาการ และประชาชนในพื้นที่เขตเลือกตั้งกทม. เพื่อร่วมหารือถึง ประเด็นปัญหาและวิธีการขจัดปัญหา แก้ไขปรับปรุง สู่การผลักดัน เพื่อออกนโยบาย นำไปสู่การพัฒนากทม.ให้ดียิ่งขึ้นอย่างยั่งยืน เพื่อยกระดับสังคม เพิ่มคุณภาพชีวิต ขจัดความเหลื่อมล้ำ สร้างเศรษฐกิจที่ยั่งยืนตามนโยบายของพปชร.

“ เวทีครั้งนี้จะเป็นการ นำแนวคิด และนโยบายของ ว่าที่ผู้สมัครส.ส.กรุงเทพฯพรรคพลังประชารัฐ ที่ผ่านการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน ทั้งภาคประชาสังคม นักกิจกรรม นักวิชาการและประชาชนคนกทม. เพื่อมาร่วมเสนอแนวคิด มุมมอง และวิธีการแก้ปัญหา ที่นำไปสู่การออกแบบการพัฒนาหรือนโยบายในการพัฒนาชุมชนให้สอดคล้องกับบริบทของพื้นที่แต่ละเขต ที่มีปัญหาและความต้องการที่แตกต่างกันไป”ศ.ดร.นฤมลกล่าว

โดยเริ่มต้นจาก เป้าหมายการพัฒนากทม. ให้มีที่อยู่อยู่อาศัย และชุมชน ภายใต้สิ่งแวดล้อมที่ดี สามารถยกระดับคุณภาพชีวิต ทั้งในด้านสวัสดิการ การประกอบอาชีพ ภายใต้แนวคิด Eco living society เพื่อเพิ่มพื้นที่ความสุขให้คนกทม. โดยจะเป็นในรูปแบบความร่วมมือระหว่างภาครัฐและภาคเอกชน ร่วมกับชุมชน สะท้อนให้เห็นว่าในบางพื้นที่ เช่นพื้นที่ “บางคอแหลม” มีข้อเสนอนโยบายด้านที่อยู่อาศัยของกลุ่มผู้มีรายได้น้อยในเมือง ตอบโจทย์การพัฒนาคุณภาพชีวิตอย่างยั่งยืน

“เรื่องที่อยู่อาศัยและที่ทำกิน เป็นพื้นฐานการพัฒนาคุณภาพชีวิตที่สำคัญ ตั้งแต่ระดับครัวเรือน ชุมชน และเมือง ซึ่งควรจะมีพื้นที่สีเขียว ลานกีฬา สถานพยาบาล โรงเรียนที่ดี ซึ่งเป็นการสร้างเศรษฐกิจชุมชนที่มีคุณภาพและเป็นแบบอย่างการขยายผลไปยังพื้นที่อื่นๆ “

สำหรับพื้นที่ ที่เป็นชุมชนแออัด อย่าง “บางขุนเทียน” มีข้อเสนอนโยบายเพิ่มคุณภาพชีวิต โดยการสร้างสิ่งแวดล้อมที่ดี สะอาด เพื่อให้ชุมชนมีคุณภาพ โดยเฉพาะปัญหาขยะที่ต้องมีการบริหารจัดการเพื่อพลิกโฉมให้เป็นชุมชนน่าอยู่ ส่วนปัญหาเด็กในชุมชนแออัด ใน”พื้นที่ราษฎร์บูรณะ” มีแนวคิดที่จะสร้างโอกาสการเรียนรู้ ให้เยาวชน ยกระดับคุณภาพชีวิตให้หลุดพ้นจากความยากจน

อย่างไรก็ตามว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. ทุกพื้นที่ มีความตั้งใจและพร้อมรับฟังเสียงสะท้อนจากความคิดเห็นของหลายกลุ่มคน เพื่อที่จะเข้าใจปัญหาอย่างถ่องแท้ และแก้ปัญหาให้ตรงกับความต้องการของประชาชน

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 6 มีนาคม 2566

“ผู้กองมาร์ค” พลังประชารัฐ นำร่องแก้ปัญหาน้ำเสียในชุมชน คืนสุขภาพที่ดีสู่ประชาชน

,

“ผู้กองมาร์ค” พลังประชารัฐ นำร่องแก้ปัญหาน้ำเสียในชุมชน คืนสุขภาพที่ดีสู่ประชาชน

5 มี.ค. 2566 / ร.ต.อ.วัฒนรักษ์ อำนรรฆสรเดช (ผู้กองมาร์ค) ผู้สมัคร ส.ส. เขตบางซื่อ พรรคพลังประชารัฐ ได้รับแจ้งว่ามีผู้ป่วยเป็นโรคไข้เลือดออกได้เสียชีวิต ณ ชุมชมวัดสร้อยทอง เขตบางซื่อ กทม. ซึ่งได้สร้างความกังวลใจให้กับประชาชนที่พักอาศัยอยู่ในบริเวณนั้น เพราะไข้เลือดออกมีสาเหตุมาจากยุงลาย และเป็นปัญหาใหญ่ที่ยังไม่สามารถแก้ไขได้ สาเหตุสืบเนื่องมาจากในน้ำมีขยะสะสมเป็นจำนวนมากซึ่งเกิดจากการปล่อยน้ำเสีย และทิ้งสิ่งปฏิกูลต่าง ๆ ลงสู่แหล่งน้ำในชุมชน ทำให้เกิดน้ำเน่าเสีย และปัญหานี้เกิดขึ้นสะสมมาเป็นระยะเวลานานแล้ว แต่ยังไม่เคยได้รับการแก้ไข ตนจึงได้ติดต่อและประสานงานไปที่ คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยจุฬาลงกรณ์ ซึ่งมีประสบการณ์ในด้านของการบำบัดน้ำเสียจากก๊าซชีวภาพ โรงงานเคมี ปิโตรเคมี และน้ำเสียจากฟาร์มสุกร จึงได้ก่อเกิดการจัดทำโครงการนำร่องบำบัดน้ำเสีย กำจัดกลิ่นที่ไม่พึ่งประสงค์ และแก้ไขปัญหายุงลาย ณ ชุมชนวัดสร้อยทอง โดยทางสำนักงานเขตบางซื่อ ได้ร่วมสังเกตการณ์ โครงการบำบัดน้ำเสียที่ใช้จุลินทรีย์ ที่ปลอดภัยและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เพื่อประโยชน์ของประชาชนในชุมชนในการแก้ปัญหาระยะยาวอย่างยั่งยืน

ร.ต.อ.วัฒนรักษ์ กล่าวอีกว่า วัตถุประสงค์ของการจัดตั้งโครงการบำบัดน้ำเสียนั้น ก็เพื่อลดกลิ่นเหม็นและลดการเกิดยุงลาย เพราะในส่วนของคลองที่มีน้ำนิ่ง นั้นจะเป็นจุดกำเนิดยุงลายที่เป็นพาหะนำโรคไข้เลือดออก และการที่จะลดปริมาณการวางไข่ของยุงลาย คือการทำให้น้ำไม่นิ่ง โดยการติดตั้งกังหันตีน้ำ เพื่อเป็นการเติมอากาศบริสุทธิ์ให้น้ำ ทำให้จุลินทรีย์สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยประโยชน์ที่ได้จากน้ำที่บำบัดเพิ่มเติมคือสามารถนำไปใช้รดต้นไม้ และสามารถที่จะปล่อยลงสู่แม่น้ำเจ้าพระยาได้อย่างปลอดภัย ในส่วนของพลังงานที่เราใช้ในการบำบัดน้ำเสียนี้เราได้ใช้พลังงานทั้งหมดจากพลังงานแสงอาทิตย์ (Solar Cell) และเพื่อลดปัญหาโลกร้อน จึงต้องรบกวนขอความร่วมมือจากประชาชน ว่าอย่าทิ้งขยะ พลาสติก และเศษอาหารลงในน้ำใต้บ้านเรือนและในคูคลองต่าง ๆและทั้งนี้ทางโครงการได้เพิ่มประสิทธิภาพให้โครงการแบบยั่งยืน โดยอบรมให้คนในชุมชนสามารถสร้างถังดักไขมัน (Grease Trap) และถังบำบัดน้ำเสีย (SEPTIC) ด้วยตนเอง (Do it yourself: DIY) เพื่อป้องกันไม่ให้ไขมัน และน้ำสกปรกจากครัวเรือนไหลลงใต้ถุนบ้านและทางน้ำในชุมชน ซึ่งหลังจากการบำบัดนั้นน้ำจะใสขึ้นภายใน 1 ชั่วโมง และทำให้กลิ่นเหม็นลดลงแบบสัมผัสได้อย่างชัดเจน ซึ่งทางโครงการเชื่อว่าคุณภาพน้ำจะดีขึ้นตามลำดับ และที่สำคัญที่สุดคือการคืนน้ำสะอาด และสิ่งแวดล้อมที่ดี เพื่อสุขภาพและจิตใจที่ดีของประชาชนให้กับชุมชนและประเทศ


ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 5 มีนาคม 2566

“พล.อ.ประวิตร”อวยพรวันนักข่าว ขอให้สื่อทุกคนมีความสุข วอน ช่วยกันนำพาประเทศก้าวข้ามความขัดแย้ง สู่สังคมสงบสุข

,

“พล.อ.ประวิตร”อวยพรวันนักข่าว ขอให้สื่อทุกคนมีความสุข วอน ช่วยกันนำพาประเทศก้าวข้ามความขัดแย้ง สู่สังคมสงบสุข

พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ กล่าวว่า เนื่องในวันนักข่าว 5 มีนาคม ขออวยพรให้ทุกคนประสบความสำเร็จในหน้าที่การงานและเรื่องส่วนตัว ขอให้ทำหน้าที่อย่างมีคุณธรรม จริยธรรม และมีจรรยาบรรณในการนำเสนอข่าว

ทั้งนี้ สื่อมวลชนถือเป็นพลังสำคัญในการขับเคลื่อนประเทศ การสร้างการรับรู้ ความเข้าใจที่ดี และถูกต้องให้กับประชาชนจะทำให้สังคมสามารถก้าวข้ามความขัดแย้ง คืนความสงบสุข ปลอดภัยและยั่งยืนให้กับคนไทยทั้งประเทศได้


ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 5 มีนาคม 2566

“ชัยวุฒิ”ปัดบิ๊กป้อม เเก้เคล็ด ไหว้พระ เป็นมงคลชีวิต มั่นใจนครศรีฯเสียงดี พปชร. ดาวกระจาย ช่วยกันหาเสียง

,

“ชัยวุฒิ”ปัดบิ๊กป้อม เเก้เคล็ด ไหว้พระ เป็นมงคลชีวิต มั่นใจนครศรีฯเสียงดี พปชร. ดาวกระจาย ช่วยกันหาเสียง

นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงการเเบ่งพื้นที่กันลงวันนี้เป็นยุทธศาสตร์ดาวกระจายว่า แบ่งกันทํางานเป็นดาวกระจาย ก็คือจะรับเฉพาะเป็นภาคเหนือ ภาคกลาง ภาคอีสานแต่ละภาคอยู่แล้วตอนนี้ก็เป็นทีมของภาคกลาง และก็ท่านเลขาธิการพรรคออกมาหาเสียง แล้วก็จะไปตามกระจายไปทั่วทุกพื้นที่ ไม่ต้องรอท่านหัวหน้าพรรคไป เรามีเป็นทีมงานที่มีคุณภาพจะช่วยกันลงไปหาเสียงมาพบพี่น้องประชาชน
ผู้สื่อข่าวถามว่า วันนี้หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ พลเอกประวิตร ลงใต้ มั่นใจจะรักษาฐานที่มั่นได้จ.นครศรีธรรมราชได้หรือไม่ นายชัยวุฒิกล่าวว่า จริงๆลุงป้อมนี่ก็มีความผูกพันกับภาคใต้อยู่แล้ว เพราะเรามี ส.ส.ใต้ อย่างที่นครศรีธรรมราชก็มี ส.ส. ของพรรคอยู่ 4 คน แล้วท่านเองก็ลงไปช่วยเหลือพี่น้องในเรื่องการพัฒนา หรือแม้แต่เรื่องช่วยสังคมอย่างโรงพยาบาล ศูนย์การแพทย์ มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ มีการสร้างตึก ท่านก็ไปช่วยสนับสนุนในการก่อสร้าง ท่านเคยตั้งใจจะเดินทางไปวางศิลาฤกษ์ ก็จะไปไม่ได้เพราะติดภารกิจบางอย่างสําคัญ ถ้าเราอยากไปอยากไปที่นครศรีธรรมราช เพราะว่าท่านมีความผูกพันกับพี่น้องประชาชน
ส่วนการลงพื้นที่ ของพลเอกประวิตร ไปห่มผ้าพระธาตุ เป็นการ เเก้ เคล็ด หรือเสริมดวงหรือไม่ นายชัยวุฒิกล่าวเพิ่มเติมว่า ชาวไทยพุทธ วันเทศกาลสําคัญมาฆบูชา เราก็ต้องไปทําบุญกันอยู่แล้ว ท่านพลเอกประวิตรก็เป็นคนที่ทําบุญไหว้พระ เป็นปกติอยู่แล้ว ไปที่ไหนก็ต้องไปไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ก็เป็นมงคลกับชีวิตของท่านแล้วก็ของบริวารของท่านเป็นปกติ

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 5 มีนาคม 2566

‘เลขา สันติ’มั่นใจ ปมไม่นับต่างด้าวรวมเขตเลือกตั้ง ไม่กระทบ พปชร. ลั่นนโบายทำได้จริง เสริมโครงสร้างเศรษฐกิจ ไม่ใช่ประชานิยม

,

‘เลขา สันติ’มั่นใจ ปมไม่นับต่างด้าวรวมเขตเลือกตั้ง
ไม่กระทบ พปชร.
ลั่นนโบายทำได้จริง เสริมโครงสร้างเศรษฐกิจ ไม่ใช่ประชานิยม

นายสันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ในฐานะเลขาธิการพรรค เปิดเผยถึง การแบ่งเขตของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ภายหลังศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัย ว่า มีความกระทบน้อยมาก เพราะมีเพียงแค่ 8 จังหวัดที่มีจำนวน ส.ส.พึงมี เพิ่ม และลด ดังนั้นพรรคพลังประชารัฐมองว่าไม่ได้เป็นปัญหาเพราะมั่นใจในนโยบายที่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐต้องการก้าวข้ามความขัดแย้งเพื่อให้ประชาชนได้มีความรักใคร่สามัคคี และมีพลังในการเดินหน้าต่อสู้กับวิกฤตอื่นๆ ได้

เมื่อถามว่าจะมีการพูดคุยเรื่องการปรับเปลี่ยนตัวผู้สมัคร ส.ส. ในจังหวัดที่มีการเปลี่ยนแปลงจำนวน ส.ส. พึงมี เมื่อไหร่นั้น นายสันติ ระบุว่า ต้องรอหลังจากที่มีการยุบสภา พรรคพลังประชารัฐถึงจะพูดคุยในรายละเอียด ซึ่งคณะผู้บริหารพรรคพลังประชารัฐสามัคคีกัน และมองว่าอยู่ที่ไหนก็สามารถทำงานได้ไม่ได้มีปัญหา

ส่วนกรณีที่มีนักวิชาการออกมาวิพากษ์วิจารณ์นโยบายเพิ่มเงินในบัตรสวัสดิการแห่งรัฐดูเป็นประชานิยมนั้น นายสันติ กล่าวว่า ไม่ใช่นโยบายประชานิยม แต่เป็นนโยบายสร้างเสริมโครงสร้างทางเศรษฐกิจ แต่ว่านโยบายหลายอย่างที่จะช่วยเหลือพี่น้องประชาชนก็ต้องมีแรงจูงใจบ้างแต่ไม่ได้ใช้เงินจนเลยเถิดโครงสร้างทางการเงินของรัฐบาล และตนก็อยู่กระทรวงการคลังย่อมรู้ว่า ต้องใช้เงินขนาดไหนระบบเศรษฐกิจของประเทศจึงจะรับได้

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 5 มีนาคม 2566

“เลขาสันติ- รองชัยวุฒิ”นำว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ปทุมธานี 7 เขต ขอโอกาสชาวปทุมฯเลือก พปชร.ยกจังหวัด สร้างปรากฎการณ์รวมพลังเป็นหนึ่งเดียว ทิ้งอดีต จับมือเดินหน้าร่วมพัฒนาประเทศ

,

“เลขาสันติ- รองชัยวุฒิ”นำว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ปทุมธานี 7 เขต ขอโอกาสชาวปทุมฯเลือก พปชร.ยกจังหวัด สร้างปรากฎการณ์รวมพลังเป็นหนึ่งเดียว ทิ้งอดีต จับมือเดินหน้าร่วมพัฒนาประเทศ

เมื่อเวลา 19.00 น.ที่เวทีปราศรัย ณ สวนบริษัท เคเอสเอส อินเตอร์เทคกรุ๊ป ย่านคลองสาม ต.คูคต อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี นายสันติ พร้อมพัฒน์ เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) พร้อมด้วย นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ นำว่าที่ผู้สมัครจังหวัดปทุมธานีทั้ง 7 เขต ได้แก่ เขต 1 นายเสวก ประเสริฐสุข, เขต 2 นายนพดล ลัดดาแย้ม,เขต 3 นายปรีชา ชื่นชนกพิบูล,เขต 4 นายยุทธวัฒน์ หาญเกียรติกล้า,เขต 5 นายวิรัช พยุงวงษ์,เขต 6 นายเกียรติศักดิ์ ส่องแสง,และ เขต 7 น.ส.กฤษณา วงศ์คำ ขึ้นเวทีปราศรัยพบประชาชน โดยมี ภ.ญ.นพวรรณ หัวใจมั่น ว่าที่ผู้สมัคร เขตบางเขต และ ดร.สฤษดิ์ ไพรทอง ว่าที่ผู้สมัครส.ส.เขตดุสิต และนายทศพล เพ็งส้ม ว่าที่ผู้สมัครส.ส.จังหวัดนนทบุรี พรรคพลังประชารัฐร่วมกิจกรรมเวทีปราศรัย

นายสันติ กล่าวว่า ตนดีใจที่วันนี้ชาวปทุมธานีให้การต้อนรับผู้สมัครของพรรคพลังประชารัฐอย่างอบอุ่น ซึ่งทั้ง 7 คน มีความตั้งใจที่จะเข้ามาพัฒนา และแก้ปัญหาให้กับพี่น้องชาวจังหวัดปทุมธานีอย่างแท้จริง ถ้าปทุมธานีให้โอกาสกับตัวแทนของพรรคพลังประชารัฐทั้งจังหวัด ก็จะเกิดความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันในการทำงาน เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับพี่น้องประชาชน

นายสันติ กล่าวต่อว่า ปัญหาต่างๆที่ชาวปทุมธานีเผชิญอยู่ในขณะนี้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องรถติด หรือน้ำท่วม น้ำแล้งรวมไปถึงราคาพืชผลทางการเกษตร เช่น ปุ๋ยแพง หรือแม้กระทั่งการพัฒนาลูกหลานของเรา จะได้รับการแก้ไขอย่างเร่งด่วนและเป็นรูปธรรมผ่านว่าที่ ส.ส.ทั้ง 7 คนนี้ ที่จะเข้าไปเป็นกระบอกเสียงชั้นเยี่ยมให้กับท่าน และจะเป็นปรากฎการณ์ที่ชาวปทุมธานีสร้างพลังอย่างยิ่งใหญ่ ร่วมใจเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน เสียงของท่านก็จะดังมากขึ้นอย่างแน่นอน

ด้านนายชัยวุฒิ กล่าวว่า วันนี้ตนขอโอกาสมาพูดคุยกับทุกคน เพื่อเล่าถึงนโยบายดี ๆ ของพรรคพลังประชารัฐ เราต้องยอมรับว่า จังหวัดปทุมธานีเป็นจังหวัดที่มีความพร้อม และศักยภาพที่จะพัฒนาไปได้อีกไกล ตนดีใจแทนชาวปทุมทุกคน ที่มีทีมงานที่เข้มแข็งทั้ง 7 คน ตนคงไม่ต้องอธิบาย ว่าทุกคนเข้มแข็งอย่างไร เพราะชาวปทุมธานีน่าจะรู้จักกันเป็นอย่างดี ผู้สมัครของพรรคพลังประชารัฐ มาจากหลายหลายอาชีพที่จะมาช่วยกันคิดช่วยกันทำ เพื่อพี่น้องทุกคน แต่วันนี้ยังขาดอยู่อย่างเดียวก็คือ โอกาสจากทุกคน ผมจึงขอให้ชาวปทุมให้โอกาสกับทั้ง 7 คนได้เข้ามาทำงานเพื่อพี่น้องด้วย

“นโยบายที่เป็นสโลแกนสำคัญของพรรคพลังประชารัฐก็คือ การก้าวข้ามความขัดแย้ง เราไม่ได้อยากพูดถึงอดีต แต่ต้องยอมรับว่า 8 ปีที่ผ่านมาคนไทยไม่มีความสุข จนวันนี้เห็นภาพที่ชัดเจนแล้วว่า เราสามารถก้าวข้ามความขัดแย้งได้แล้ว พิสูจน์ได้จากผู้สมัครปทุมธานีของพรรคเรา อย่าง นายกใหญ่ ก็คือแกนนำคนเสื้อแดงมาก่อน ส่วนพี่เกียรติศักดิ์ ก็เคยขึ้นเวที กปปส.มาแล้ว คอการเมืองรู้จักทั้ง 2 คนดี แต่วันนี้ทั้งคู่จับมือกันภายใต้บ้านพลังประชารัฐ ร่วมกันก้าวข้ามความขัดแย้ง อดีตจะเป็นอย่างไร มันจบไปแล้ว ใครที่ยังไม่ยอมก้าวข้ามจากอดีตก็ปล่อยให้จมอยู่กับแบบนั้น วันนี้เราจะจับมือกันเดินไปข้างหน้า เพื่อพัฒนาประเทศและจังหวัดปทุมธานีไปด้วยกัน

ด้านนายเสวก ประเสริฐสุข หรือ นายกใหญ่ อดีตรอง นายก อบจ.ปทุมธานี ว่าที่ผู้สมัครเขต 1 กล่าวปราศรัยว่า ปัญหาของชาวจังหวัดปทุมธานีที่เรื้อรังมาโดยตลอดคือเรื่องการคมนาคม ถนน หนทางที่ยังมีปัญหา วันนี้ผมขอโอกาสเป็นหัวหน้าทีมผู้สมัครปทุมธานีในนามของพรรคพลังประชารัฐ ผมขอเวลาแค่ 4 ปี เพื่อเข้ามาพัฒนาคุณภาพความเป็นอยู่ของชาวปทุมธานีให้ดีขึ้นกว่าเดิม

ทั้งนี้ ในช่วงที่นายสันติกล่าวถึงนโยบายของพรรคพลังประชารัฐ ไม่ว่าจะเป็น บัตรประชารัฐ 700 บาทต่อเดือน หรือ นโยบาย”ดูแลทุกช่วงวัย แม่ บุตร ธิดา ประชารัฐ” เพื่อดูแลสตรีของประเทศ โดยจะดูแลขณะตั้งครรภ์ตั้งแต่เดือนที่ 4 ไปจนถึงคลอดบุตร สนับสนุนเงินเดือนละ 10,000 บาท เป็นจำนวน 5 เดือน และให้การช่วยเหลือเงินเลี้ยงบุตรจำนวนเงิน 3,000 บาทต่อเดือน เป็นระยะเวลา 6 ปี เพื่อสร้างความมั่นคงให้กับผู้หญิงที่เป็นเพศแม่นั้น ได้รับเสียงตอบรับจากประชาชนชาวจังหวัดปทุมธานีอย่างคับคั่ง ซึ่งนายสันติ ได้กล่าวว่า พรรคของเราจะสร้างความมั่นคงให้กับคนไทยทุกคน ขอให้ประชาชนคนไทยทุกคนเลือกตัวแทนของท่านที่มาจากพรรคพลังประชารัฐเข้าไปในสภา เพื่อยกมือให้กับพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคของเราได้เป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 เราจะทำทันทีที่ได้โอกาส

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 4 มีนาคม 2566

“พล.อ.ประวิตร”ล่องใต้ร่วมบุญประเพณีแห่ผ้าขึ้นพระธาตุเนื่องในวันมาฆบูชา เข้าถึง – สัมผัสวิถีชีวิตชาวนครศรีธรรมราช ก่อนนำมาสู่วางนโยบายดูแลปชช.

,

“พล.อ.ประวิตร”ล่องใต้ร่วมบุญประเพณีแห่ผ้าขึ้นพระธาตุเนื่องในวันมาฆบูชา เข้าถึง – สัมผัสวิถีชีวิตชาวนครศรีธรรมราช ก่อนนำมาสู่วางนโยบายดูแลปชช.

พล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ เดินทางไปยังจังหวัดนครศรีธรรมราช เป็นการส่วนตัว สวมเสื้อผ้าลายปาเต๊ะ สีสดใส สไตล์ชาวใต้ ด้วยสีหน้าสดใส และยิ้มแย้มพูดคุยและร่วมถ่ายรูปกับแฟนคลับที่มาทักทายและให้กำลังใจ โดยในช่วงเช้า พล.อ.ประวิตร มีกิจกรรม ทานน้ำชา “ริมถนน” (จิบชา กินตี แลนก) สี่แยกท่าซัก อ.เมือง และได้เดินทางถึงพระธาตุ พร้อมคณะร่วมประเพณีทำบุญประจำปีแห่ผ้าขึ้นธาตุ ของจ.นครศรีธรรมราช เนื่องในวันมาฆบูชา พร้อมเยี่ยมชมสวนส้มโอทับทิมสยามของดี ต.คลองน้อย อ.ปากพนัง และร่วมรับประทานอาหารกลางวัน ชิมอาหารเด็ดผัดหมี่ปากพนัง (ผัดหมี่กะทิ) แกงเขียวหวานเนื้อ น้ำพริกกะปิ ปลาทอด คั่วหมู ต้มส้มปลากระบอก โดยมีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจ.นครศรีธรรมราช ของพรรคพลังงานประชารัฐ ร่วมต้อนรับ ประกอบด้วย ร.ศ.ดร.รงค์ บุญสวยขวัญ นายสัณหพจน์ สุขศรีเมืองและ นายอาญาสิทธิ์ ศรีสุวรรณ

ทั้งนี้โดย พล.อ.ประวิตร ได้เดินทางไปเป็นประธานในพิธีสมโภชผ้าพระบฎพระราชทาน ณ โรงเรียนปากพนัง ต่อด้วยเดินทาง สักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ วัดนางพระยา อ.เมือง พร้อมทั้งได้ทักทายประชาชนที่มาต้อนรับและเป็นกันเอง มีแฟนคลับจำนวนมาก มาขอถ่ายเซลฟี่ และหอมแก้ม พล.อประวิตรตลอดเส้นทาง ซึ่งการลงพื้นที่ครั้งนี้ ได้สัมผัสวิถีชาวบ้านอย่างแท้จริง พร้อมรับฟังปัญหาความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชน เพื่อนำไปสู่แนวทางการวางนโยบายช่วยเหลือต่อไป

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 4 มีนาคม 2566

“พล.อ.ประวิตร” เดินหน้าความร่วมมือพัฒนาลุ่มน้ำโขงเสริมสร้างใช้น้ำยั่งยืน ย้ำศึกษาประโยชน์ร่วมกันทุกมิติรอบครอบพร้อมสร้างการนับรู้กับ ปชช.

,

“พล.อ.ประวิตร” เดินหน้าความร่วมมือพัฒนาลุ่มน้ำโขงเสริมสร้างใช้น้ำยั่งยืน
ย้ำศึกษาประโยชน์ร่วมกันทุกมิติรอบครอบพร้อมสร้างการนับรู้กับ ปชช.

เมื่อ 2 มี.ค.66 พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีเป็นประธานการประชุม คณะกรรมการแม่น้ำโขงแห่งชาติไทย ครั้งที่ 1/2566 ณ ห้องประชุมมูลนิธิอนุรักษ์ป่ารอยต่อ 5จังหวัด ผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ โดยพล.ท.พัชร์ชศักดิ์ ปฏิรูปานนท์ ผช.โฆษก รอง นรม. กล่าวว่า ที่ประชุมรับทราบ ความคืบหน้ากระบวนการปรึกษาหารือล่วงหน้า ภายใต้ระเบียบปฏิบัติ คณะกรรมาธิการแม่น้ำโขง เรื่องการแจ้ง การปรึกษาหารือล่วงหน้า และข้อตกลง โครงการไฟฟ้าพลังน้ำเขื่อน สานะคาม สปป.ลาว ซึ่งฝ่ายไทยยังมีข้อกังวลเกี่ยวกับผลกระทบข้ามพรมแดน ซึ่งพล.อ.ประวิตร ได้กำชับให้คณะอนุกรรมการวิชาการ พิจารณาข้อมูลของโครงการให้เกิดความรอบคอบ ทั้งทางด้านสิ่งแวดล้อม คุณภาพน้ำ ระบบนิเวศ การประมง ทางผ่านปลา รวมถึงด้านเศรษฐกิจและสังคม

อย่างไรก็ตามที่ประชุมยังได้รับทราบรายงานความคืบหน้า การขอรับการสนับสนุนโครงการจัดการประมงข้ามพรมแดน ภายใต้กองทุนสิ่งแวดล้อมโลก (GEF ครั้งที่8) รวมทั้งรับทราบความคืบหน้า โครงการจัดตั้งกองทุนแม่โขง (Mekong Fund) เพื่อสนับสนุนวัตถุประสงค์ในการบรรเทาผลกระทบและเยียวยา ผู้ได้รับผลกระทบข้ามพรมแดนจากการดำเนินการบนแม่น้ำโขง สายประธาน รวมทั้ง ด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ

นอกจากนี้ที่ประชุมได้เห็นชอบ ร่างปฏิญญาเวียงจันทน์ ค.ศ. 2023 ภายใต้แนวคิดหลักร่วมกัน คือ “นวัตกรรมและความร่วมมือเพื่อเสริมสร้างความมั่นคงด้านน้ำและความยั่งยืนของลุ่มน้ำโขง” ซึ่งเป็นเอกสารแสดงเจตนารมณ์ เชิงนโยบายของประเทศสมาชิกคณะกรรมาธิการแม่น้ำโขง ในการมุ่งเน้นการดำเนินงานตามพันธะกรณีของความตกลง ว่าด้วยความร่วมมือเพื่อการพัฒนาลุ่มแม่น้ำโขง อย่างยั่งยืน พร้อมทั้งเห็นชอบร่างถ้อยแถลงสำหรับนายกรัฐมนตรีในการประชุม”สุดยอดผู้นำลุ่มน้ำโขง ตอนล่าง” ครั้งที่ 4และร่างประเด็นสำหรับการหารือในการประชุมอย่างไม่เป็นทางการ

พล.อ.ประวิตร ได้กำชับ สทนช., ก.การต่างประเทศ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ให้ร่วมกันดำเนินการขับเคลื่อนงานให้เป็นไปตามมติคณะกรรมการฯ โดยคำนึงถึงประโยชน์ที่ประชาชนจะได้รับ และความมั่นคงของประเทศชาติ ภายใต้ความสัมพันธ์อันดีระหว่างประเทศสมาชิกฯ พร้อมทั้งให้มีการสร้างการรับรู้ ความเข้าใจให้ประชาชนคนไทยในพื้นที่ได้รับทราบ อย่างทั่วถึง ควบคู่กันไปด้วย

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 2 มีนาคม 2566