โลกเปลี่ยน ไทยต้องปรับ ทางเลือกใหม่ของการเมืองไทย ก้าวข้ามความขัดแย้ง สานพลังประชาราษฎร์ ร่วมสร้างชาติให้ยั่งยืน

หมวดหมู่: ข่าวกิจกรรม

ผู้บริสุทธิ์ไม่ต้องตกใจ ปัญหาบัญชีม้า รัฐ–ธนาคารเดินหน้าเชิงรุก ปกป้องประชาชนทุกคน

, ,

ผู้บริสุทธิ์ไม่ต้องตกใจ ปัญหาบัญชีม้า รัฐ–ธนาคารเดินหน้าเชิงรุก ปกป้องประชาชนทุกคน

นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รองหัวหน้าพรรค พลังประชารัฐ และอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม แสดงความห่วงใยต่อประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากปัญหาบัญชีม้า พร้อมย้ำว่า ผู้ที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับเครือข่ายอาชญากรรมออนไลน์ไม่จำเป็นต้องรีบถอนเงินหรือปิดบัญชี เพราะมีมาตรการช่วยเหลือที่ดำเนินการได้ทันที ทั้งการนำบัตรประชาชนไปยืนยันตัวตนที่ธนาคารเจ้าของบัญชี หรือโทรสายด่วน 1441 เพื่อปลดอายัดและกลับมาใช้งานบัญชีได้ตามปกติ

พร้อมอธิบายว่า ปัญหา บัญชีม้า มีความซับซ้อน เงินที่ถูกหลอกลวงมักถูกโอนต่อหลายทอด หากปล่อยให้หลุดรอดไปแล้วจะติดตามได้ยาก ดังนั้นทางที่ดีที่สุดคือการแก้เชิงรุก ด้วยการอายัดและปิดทุกบัญชีที่เกี่ยวข้อง เพื่อหยุดเส้นทางการเงินและเร่งนำเงินคืนให้ผู้เสียหายโดยเร็ว พร้อมย้ำว่ามีประชาชนจำนวนหนึ่งที่ถูกโยงเข้ากับบัญชีม้าโดยไม่รู้ตัว เช่น ถูกใช้ชื่อไปเปิดบัญชี หรือรับโอนเงินโดยไม่ทราบต้นทาง ซึ่งถือเป็นผู้บริสุทธิ์

ขอย้ำว่า “ประชาชนไม่ควรตกใจหรือแห่ถอนเงิน เพราะหากไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำผิด สามารถแก้ไขได้ทันทีด้วยการยืนยันตัวตนกับธนาคาร ทั้งนี้ พรรคพลังประชารัฐยืนยันเดินหน้าเสนอแนวทางที่เข้มข้นและต่อเนื่อง เพื่อคุ้มครองพี่น้องประชาชน สร้างความเชื่อมั่นในระบบการเงิน และไม่ปล่อยให้ผู้บริสุทธิ์ต้องได้รับผลกระทบจากความผิดที่ไม่ได้ก่อ”

การเสนอชื่อบุคคลที่เห็นสมควรได้รับการพิจารณาแต่งตั้งเป็นผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง

, ,

ประกาศพรรคพลังประชารัฐ

เรื่อง การเสนอชื่อบุคคลที่เห็นสมควรได้รับการพิจารณาแต่งตั้งเป็นผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง

 

ตามที่มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งให้นายอนุทิน ชาญวีรกุล ดำรง

ตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่๗ กันยายน พ.ศ.๒๕๖๘ และเพื่อให้การดำเนินการพิจารณาแต่งตั้งเป็นผู้ดำรง
ตำแหน่งทางการเมืองเป็นไปตามข้อบังคับพรรคพลังประชารัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ ข้อ ๙๒ นั้น

พรรคพลังประชารัฐจึงขอเชิญชวนให้สมาชิกพรรคเสนอชื่อบุคคลซึ่งมีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะ
ต้องห้ามที่กฎหมายกำหนด และเป็นบุคคลที่มีความรู้ ความสามารถ ซื่อสัตย์สุจริต มีคุณธรรมและจริยธรรมที่เห็นสมควรได้รับการพิจารณาแต่งตั้งเป็นผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองต่อคณะกรรมการบริหารพรรคพลังประชารัฐ ตั้งแต่บัดนี้จนถึงวันที่ 10 กันยายน พ.ศ.2568

จึงประกาศมาให้ทราบโดยทั่วกัน
ประกาศ ณ วันที่ 8 กันยายน พ.ศ.2568

พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ
หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ

พปชร. เตือนรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย ฟังดูสวยหรู แต่คิดไม่รอบคอบ ไม่ต่างจากนโยบายแจกเงินดิจิทัล ฟังดูสวยหรู แต่ไม่สามารถปฏิบัติได้จริง

, , ,

พปชร. เตือนรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย ฟังดูสวยหรู แต่คิดไม่รอบคอบ ไม่ต่างจากนโยบายแจกเงินดิจิทัล ฟังดูสวยหรู แต่ไม่สามารถปฏิบัติได้จริง

เมื่อวันที่ 27 ส.ค. 68 นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล รองหัวหน้าพรรคฝ่ายเศรษฐกิจ พรรคพลังประชารัฐ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง วิเคราะห์นโยบายรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสายของรัฐบาล หลังจากที่นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ออกมายอมรับว่า การดำเนินโครงการติดขัด เนื่องจากต้องรอการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ตั๋วร่วม และ พ.ร.บ.การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย พ.ศ. 2543

นายธีระชัยระบุว่า นโยบายนี้ฟังสวยหรูเหมือนแจกเงินดิจิทัลช่วงหาเสียง แต่ไม่สามารถปฏิบัติได้จริง และไม่ได้คิดให้รอบคอบตลอดรอดฝั่ง โดยเฉพาะเมื่อกระทรวงคมนาคมพยายามหาทางเลือก เช่น การขอใช้งบกลาง แต่คณะกรรมการกฤษฎีกายืนยันว่าไม่สามารถใช้ได้เพราะไม่ถือเป็นกรณีเร่งด่วน และการเริ่มโครงการก่อนแล้วชดเชยย้อนหลังก็ไม่สามารถทำได้ตามกฎหมาย

นายธีระชัยชี้ว่า รัฐบาลต้องตระหนักว่าการออกกฎหมายเพื่อทำให้โครงการนี้เป็นจริง จะไม่สามารถมองแค่ใช้เงินจากกำไรสะสมของ รฟม. หรือเงินชั่วคราวจากงบกลาง ซึ่งพอใช้ได้เพียงไม่กี่เดือนเท่านั้น รัฐบาลควรชี้ชัดต่อรัฐสภาและประชาชนว่า แต่ละปีจะใช้เงินเท่าไหร่ และหาแหล่งเงินจากที่ไหน พร้อมแสดงให้เห็นว่ากระแสเงินหมุนเวียนเพียงพอรองรับโครงการในระยะยาว

หากปราศจากข้อมูลที่ชัดเจน การผลักดันร่างกฎหมายทั้งสามฉบับให้ผ่านคงเป็นไปได้ยาก และอาจเข้าข่ายฝ่าฝืนกฎหมายวินัยการเงินการคลัง ดังนั้น การแถลงข่าวว่าจะเริ่มใช้รถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสายทุกสายในวันที่ 15 พ.ย. 2568 จึงมีแนวโน้มเป็นเพียงโคมลอย

ปัจจุบัน ร่าง พ.ร.บ.ตั๋วร่วม และ พ.ร.บ.รฟม. ผ่านการพิจารณาของคณะกรรมาธิการสภาผู้แทนราษฎร และสภาผู้แทนราษฎรในวาระที่ 1 แล้ว แต่ยังรอพิจารณาในวาระที่ 2 และ 3 รวมถึงการพิจารณาของสมาชิกวุฒิสภา ทำให้ไม่ทันกำหนดเดิม 1 ต.ค. 2568 คาดว่าจะต้องรอกฎหมายลูกอีกประมาณ 45 วัน จึงจะสามารถเริ่มใช้ได้จริงในวันที่ 15 พ.ย. 2568

เปิดใจตอบคำถามสังคม “ที่พูดไม่ใช่เพิ่งนึกได้ แต่เพื่อชาติจึงต้องพูด”

, ,

เปิดใจตอบคำถามสังคม “ที่พูดไม่ใช่เพิ่งนึกได้ แต่เพื่อชาติจึงต้องพูด”

พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ขอชี้แจงประเด็น MOU 43–44 เพื่อตอบคำถามในสังคมที่ถามว่าทำไมเพิ่งพูด ขอย้ำว่า ตลอดเวลาที่อยู่ในตำแหน่ง ตนสามารถควบคุม รักษาผลประโยชน์ และอธิปไตยของชาติได้เต็มที่ ด้วยประสบการณ์ด้านความมั่นคงที่ทำให้ประเทศเพื่อนบ้านไม่กล้ารุกราน

แต่วันนี้ที่ออกมาแสดงจุดยืนอย่างชัดเจน ไม่ใช่เพราะเพิ่งนึกขึ้นมา แต่เพราะเห็นว่า หากปล่อยให้ผู้นำที่ไม่มีความเข้าใจลึกซึ้งด้านความมั่นคงบริหารประเทศภายใต้ข้อตกลงนี้ ประเทศอาจเพลี่ยงพล้ำและเสียเปรียบได้ จึงถึงเวลาที่ต้องทบทวนอย่างจริงจัง

พล.อ.ประวิตร ยืนยันว่าไม่หวั่นไหวต่อคำถากถางหรือเสียงวิจารณ์ เพราะสิ่งที่ยึดมั่นมาตลอดคือผลประโยชน์สูงสุดของชาติ พร้อมย้ำว่าตลอดชีวิตได้อุทิศตัวเพื่อชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ และแม้ไม่ได้อยู่ในตำแหน่งแล้ว ก็ยังยืนหยัดสู้เพื่อประเทศชาติอย่างไม่ถอย

พลังประชารัฐย้ำชัด MOU44 ทำไทยเสียเปรียบ

, ,

พลังประชารัฐย้ำชัด MOU44 ทำไทยเสียเปรียบ

ไม่สอดคล้องกฎหมายทะเลสากล UNCLOS 1982 อาจทำให้ประเทศสูญเสียทรัพยากรและสิทธิของประชาชน

ทางออกเดียวคือ ยกเลิก MOU44 ก่อน แล้วเจรจาฉบับใหม่บนกติกาที่ถูกต้อง เพื่อรักษาอธิปไตยและความมั่นคงของชาติ

พปชร.เพชรบูรณ์ ผลักดันข้อเรียกร้องชาวไร่ข้าวโพดถึงรัฐบาล พร้อมเสนอ “Corn Realtime” เพื่อสร้างราคาที่เป็นธรรมและยุติการกดราคา

, ,

พปชร.เพชรบูรณ์ ผลักดันข้อเรียกร้องชาวไร่ข้าวโพดถึงรัฐบาล พร้อมเสนอ “Corn Realtime” เพื่อสร้างราคาที่เป็นธรรมและยุติการกดราคา

ตามที่ นางวันเพ็ญ พร้อมพัฒน์ นายบุญชัย กิตติธาราทรัพย์ น.ส.พิมพ์พร พรพฤฒิพันธุ์ และนายวรโชติ สุคนธ์ขจร สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดเพชรบูรณ์ พรรคพลังประชารัฐ รุดลงพื้นที่เพื่อรับฟังปัญหาของเกษตรกรผู้ปลูกข้าวโพดที่รวมตัวชุมนุมมาตั้งแต่วันที่ 18 สิงหาคม หลังราคาผลผลิตตกต่ำเหลือเพียง 3–5 บาทต่อกิโลกรัม ขณะที่ต้นทุนยังเพิ่มสูงขึ้น ทำให้ชาวไร่จำนวนมากได้รับความเดือดร้อน สส.เพชรบูรณ์ พปชร. จึงพาตัวแทนเกษตรกรเข้ายื่นหนังสือถึงนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เพื่อเร่งให้รัฐบาลหามาตรการช่วยเหลืออย่างจริงจัง

พปชร.มีข้อเสนอ “Corn Realtime” โดยการใช้เทคโนโลยีดังกล่าวตรวจสอบสต๊อกข้าวโพดแบบรายวัน โปร่งใส สามารถเปิดเผยข้อมูลต่อสาธารณะ กำหนดโครงสร้างราคาที่เป็นธรรม และบังคับให้โรงงานรับซื้อโดยไม่จำกัดคิว

พปชร.พร้อมเป็นที่พึ่งของเกษตรกร ไม่เพียงแค่การแก้ปัญหาเฉพาะหน้า แต่ยังมีแนวทางปฏิรูปตลาดทางการเกษตร ป้องกันการถูกกดราคาสินค้า เพื่อสร้างอนาคตที่มั่นคงและเศรษฐกิจฐานรากไทย

พปชร. จี้ทวงคืนหนองจาน–สกัดกัมพูชารุกล้ำชายแดน พบหลักฐานกัมพูชาวางทุ่นระเบิด PMN-2 สนับสนุนรั้วลวดหนามและฟ้องศาลโลก

, , ,

พปชร. จี้ทวงคืนหนองจาน–สกัดกัมพูชารุกล้ำชายแดน พบหลักฐานกัมพูชาวางทุ่นระเบิด PMN-2 สนับสนุนรั้วลวดหนามและฟ้องศาลโลก

เมื่อวันที่ 20 ส.ค. นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ แถลงว่า ชุดเก็บกู้ทุ่นระเบิดกองทัพเรือพบคลิปหลักฐานทหารกัมพูชาวางทุ่นระเบิด PMN-2 แม้สำนักข่าวของกัมพูชาจะโต้ว่าเป็นการจัดฉาก แต่ความจริงยังคงเป็นความจริง และเชื่อว่าหลักฐานนี้จะชี้ให้โลกเห็นถึงความไม่จริงใจของกัมพูชา ซึ่งเป็นการฉวยโอกาสจากความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมที่ไทยเคยมอบให้ พร้อมย้ำคำถามจาก พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐว่า รัฐบาลจะมีมาตรการใดในการทวงคืนผืนแผ่นดินและคืนความเป็นธรรมให้ประชาชนไทยที่ทนทุกข์มานานกว่า 40 ปี

พรรคพลังประชารัฐสนับสนุนการติดตั้งรั้วลวดหนามในเขตชายแดน ซึ่งไม่ขัดต่อข้อตกลงคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (GBC) เมื่อวันที่ 7 สิงหาคม 2568 เพราะเป็นมาตรการป้องกันการบุกรุกและการวางทุ่นระเบิด ที่อาจละเมิดอธิปไตยและคุกคามชีวิตประชาชนไทย

นอกจากนี้ พรรคยังผลักดันให้รัฐบาลฟ้องสมเด็จฮุน เซน และนายฮุน มาเนต ต่อศาลไทยและศาลอาญาระหว่างประเทศ (ICC) เพื่อเอาผิดการโจมตีพลเรือน การวางทุ่นระเบิด และอาชญากรรมข้ามชาติ โดยย้ำว่าการปกป้องทุกตารางนิ้วของผืนแผ่นดินไทยคือหน้าที่สำคัญ และพร้อมเดินหน้าทุกมาตรการเพื่อคืนความเป็นธรรมให้ประชาชน

พล.อ.ประวิตร ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง กำลังใจจากพี่สู่น้องทหารกล้า จากการสู้รบชายแดนไทย–กัมพูชา ย้ำคุณค่าของความเสียสละเพื่อชาติ

,

พล.อ.ประวิตร ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง กำลังใจจากพี่สู่น้องทหารกล้า จากการสู้รบชายแดนไทย–กัมพูชา ย้ำคุณค่าของความเสียสละเพื่อชาติ

วันนี้ 20 ส.ค.68 พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ และ อดีต ผบ.ทบ เข้าเยี่ยมให้กำลังใจ มอบกระเช้าและเงินเยี่ยมเพื่อช่วยเหลือการรักษาตัวแก่นายทหาร 8 นาย ที่ได้รับบาดเจ็บ จากสถานการณ์การสู้รบ ชายแดนไทย กัมพูชา ที่ได้เข้ามาพักรักษาตัว ณ โรงพยาบาลพระมงกุฎฯ

พล.อ.ประวิตรกล่าว “วันนี้ผมมาในฐานะพี่ผู้เคยร่วมรบ ร่วมผ่านสนามรบ รู้ถึงความเจ็บปวดและความกล้าหาญของทหารทุกนาย การเสียสละของทุกคนมีค่ามากกว่าคำพูดใด ๆ และเป็นสิ่งที่ทำให้ชาติยังคงมั่นคง”

อยากฝากถึงครอบครัวทหารทุกคนว่า ”ลูกหลานของท่านไม่ได้เจ็บฟรี ทุกหยดเลือดคือเกียรติยศของกองทัพและของชาติ ผมจะอยู่เคียงข้าง ให้เกียรติ และไม่ลืมความเสียสละนี้” พล.อ.ประวิตร กล่าวทิ้งท้าย

พปชร.เตือนนโยบายรัฐบาล ที่ในปี 2570 จะบังคับให้ประชาชนทุกคนต้องยื่นแบบภาษี จะกระทบเกษตรกร-ประชาชนกว่า 40–50 ล้านคน

, ,

พปชร.เตือนนโยบายรัฐบาล ที่ในปี 2570 จะบังคับให้ประชาชนทุกคนต้องยื่นแบบภาษี จะกระทบเกษตรกร-ประชาชนกว่า 40–50 ล้านคน

โดยเฉพาะเกษตรกรที่ไม่คุ้นชินกับระบบภาษี พร้อมตั้งคำถามว่าทำไมรัฐบาลไม่จัดเก็บภาษีจากผู้มีรายได้สูงและธุรกิจต่างชาติที่ยังเลี่ยงภาษีให้ครบถ้วนเสียก่อน พรรคย้ำรัฐบาลควรทบทวนเพื่อไม่ให้เกิดความเดือดร้อนในวงกว้าง

วันนี้ 19 ส.ค.68 นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล รองหัวหน้าพรรคฝ่ายเศรษฐกิจ พรรคพลังประชารัฐ แถลงภายหลังการประชุมคณะกรรมการบริหารพรรค ว่าพรรคได้รับทราบนโยบายรัฐบาลซึ่งเตรียมปรับระบบการยื่นภาษีตั้งแต่ปี 2570 เป็นต้นไป จากเดิมที่บังคับเฉพาะเพียงผู้มีรายได้เกิน 120,000 บาทต่อปี หรือประมาณ 10 ล้านคน ที่ต้องยื่นแบบภาษี จะเปลี่ยนเป็นให้ประชาชนทุกคนต้องยื่น โดยรัฐบาลอ้างว่าจะช่วยให้จัดทำสวัสดิการและดูแลผู้มีรายได้น้อยได้สะดวกขึ้น ภายใต้นโยบาย “Negative Income Tax (NIT)”

นายธีระชัยกล่าวว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ยืนยันไม่ขัดข้องต่อการช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อย แต่เห็นว่านโยบายนี้จะสร้างภาระอย่างรุนแรง เพราะจำนวนผู้ที่ต้องยื่นแบบภาษีจะพุ่งจาก 10 ล้านคนเป็น 40–50 ล้านคน โดยเฉพาะเกษตรกรกว่า 25–30 ล้านครัวเรือนซึ่งไม่เคยมีประสบการณ์กรอกแบบภาษีมาก่อน จะต้องเสียค่าใช้จ่ายจ้างทำบัญชี และเสี่ยงถูกดำเนินคดีหากกรอกผิดพลาด จะต้องรับผิดตามกฎหมายภาษีทั้งในทางแพ่งและทางอาญา

พรรคพลังประชารัฐยังตั้งคำถามต่อรัฐบาลว่า เหตุใดไม่เร่งแก้ปัญหาการจัดเก็บภาษีจากกลุ่มผู้มีรายได้สูงและธุรกิจซับซ้อน รวมถึงต่างชาติที่ยังไม่เสียภาษีอย่างถูกต้อง เช่น การปลูกต้นมะนาวหรือต้นกล้วยในที่ดินราคาแพงกลางเมืองเพื่อหลบภาษีอัตราแพง โรงงานผลิตเหล็กของชาวต่างชาติที่ไม่ได้มาตรฐานและหนีภาษี หรือแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียที่หาผลประโยชน์จากโฆษณาในไทยโดยไม่รัฐบาลไม่หาหนทางเก็บภาษี

สำหรับการเปรียบเทียบกับต่างประเทศ นายธีระชัยระบุว่า ประเทศที่พรรคเพื่อไทยอ้างถึง เช่น สหรัฐฯ สหราชอาณาจักร ออสเตรเลีย เกาหลีใต้ และสิงคโปร์ ล้วนเป็นประเทศที่มีฐานะร่ำรวย และแม้มีการทดลองนโยบาย NIT แต่ก็ยังไม่มีประเทศใดในโลกที่บังคับให้ประชาชนทุกคนต้องยื่นแบบภาษี ขณะเดียวกันการช่วยเหลือแบบเหวี่ยงแห แทนที่จะเน้นแต่เฉพาะกลุ่มเปราะบาง และการแจกเงินก้อนให้กลุ่มรายได้ต่ำ ก็จะเป็นภาระผูกพันงบประมาณระยะยาวตลอดไป และไม่สามารถแยกแยะว่าผู้ที่รายได้ต่ำกว่าเกณฑ์ที่รัฐบาลต้องช่วยชดเชยเงินให้โดยอัตโนมัตินั้น ปัญหาเกิดจากเจ้าตัวตกงานหรือแท้จริงไม่ยอมหางานทำ

นายธีระชัยย้ำว่า ประเทศไทยมีฐานข้อมูลประชาชนรายได้น้อยอยู่แล้วจากโครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ คนละครึ่ง และเราเที่ยวด้วยกัน ซึ่งสามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้ทันทีโดยไม่ต้องลงทุนพัฒนาระบบใหม่ให้สิ้นเปลืองงบประมาณ จึงขอให้รัฐบาลทบทวนอย่างจริงจัง เพราะนโยบายนี้จะสร้างความเดือดร้อนให้ประชาชนวงกว้าง โดยเฉพาะเกษตรกรและผู้มีรายได้น้อยที่กลายเป็นผู้แบกรับภาระหนักมาก

พปชร. วิเคราะห์ถึงข้อตกลงหยุดยิง 13 ข้อ ระหว่าง ไทยกัมพูชา “รัฐบาลฝันว่า-ฝ่าวิกฤตชายแดน” หวังเคลมผลงานฝ่าวิกฤติชายแดน

, ,

พปชร. วิเคราะห์ถึงข้อตกลงหยุดยิง 13 ข้อ ระหว่าง ไทยกัมพูชา “รัฐบาลฝันว่า-ฝ่าวิกฤตชายแดน” หวังเคลมผลงานฝ่าวิกฤติชายแดน

“ธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล” รองหัวหน้าพรรคฝ่ายเศรษฐกิจ พรรคพลังประชารัฐ และอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว วิเคราะห์ข้อตกลงหยุดยิง 13 ข้อ ระหว่าง ไทย – กัมพูชา พิลึกพิลั่น หวังเคลมผลงานฝ่าวิกฤติชายแดน

เมื่อวันที่ 10 สิงหาคม 2568 นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ด้านเศรษฐกิจ และ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว Thirachai Phuvanatnaranubala – – ธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล เปิดประเด็นน่าสนใจ ว่า “รัฐบาลฝัน ว่า ฝ่าวิกฤตชายแดน” วิเคราะห์ถึงข้อตกลงหยุดยิง 13 ข้อ ระหว่าง ไทย – กัมพูชา ภายใต้การประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป GBC โดยชี้ให้เห็นพิรุธสำคัญ ดังนี้

1.ไม่สมควรยกย่องรัฐบาล ว่า ฝ่าวิกฤตปะทะไทย-กัมพูชา เพราะผลงานตกชั้นหลายอย่าง เช่น การสนับสนุนกองทัพ แต่กองทัพไทย ต้องหันไปอาศัยมูลนิธิยามเฝ้าแผ่นดิน แสวงหาอุปกรณ์โดรนมาเพื่อใช้บินหย่อนระเบิด จนภาพศักยภาพโดรนที่ปรากฎไปทั่วโลก ไม่ใช่โดรนที่สนับสนุนโดยรัฐบาล
2.การมีท่าทีด้อยค่าทหารไทย กรณี นายภูมิธรรม เวชยชัย รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี มีคลิประบุถึงการโจมตีวันที่ 29 ก.ค. หลังข้อตกลงหยุดยิง วันที่ 28 ก.ค. จนทำให้กำลังพลเสียชีวิตและบาดเจ็บในบริเวณปราสาทตาควาย พูดเพียงว่า “ผมทราบที่มันเกิดขึ้นบางจุด เป็นทหารที่อาจจะไม่มีวินัย ได้มารบและตอบโต้”
3.ท่าทีปกป้องผู้นำกัมพูชา โดย พลเอกณัฐพล นาคพาณิชย์ รักษาราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึง กรณีกัมพูชายังยิงโจมตีหลังข้อตกลงหยุดยิง ว่า อาจเป็นการกระทำโดยหน่วยในพื้นที่ เพื่อปกป้องระดับผู้นำกองทัพกัมพูชา ซึ่งการกระทำนี้ไม่จำเป็นและไม่สมเหตุผล
4.ลากยาวการเจรจา ภาษีทรัมป์ จนเสียหมากการทหาร ทั้งที่ในการรบฝ่ายไทยกำลังเป็นฝ่ายได้เปรียบ ซึ่งจำเป็นต้องขยายเวลาเพิ่ม เพื่อเก็บกู้และทำลายระเบิด เปิดทางให้ทางไทยรุกกลับคืนพื้นที่ได้ปลอดภัย แต่เมื่อ ไทย โดนประธานาธิบดีทรัมป์ ให้เดทไลน์หยุดยิง เพราะปมเจรจาภาษี ทั้งที่เห็นแล้วว่า ประเทศอาเซียน เวียดนาม ฟลิปินส์ อินโดนีเซีย เข้าเส้นชัยไปแล้ว ซึ่งก็ไม่มีหวังจะได้อัตราต่ำว่า 19% แต่ทีมเจรจาไทยกลับยอมลากยาว สุดท้ายก็โดนบีบให้ยุติศึก ทั้งที่การศึกยังไม่บรรลุผล
5.ยอมให้กัมพูชาเป็นฝ่ายได้เปรียบ ในประเด็นกับระเบิด เพราะกัมพูชาจะไม่ต้องการตกลงในประเด็นกับระเบิด เพื่อยอมรับว่าตนปฏิบัติผิดกติกาสากล จึงต้องลอบใช้กับระเบิดป้องกันมิให้ทหารไทยรุกคืบ แต่ กระทรวงกลาโหม กลับไปยอมรับข้อตกลงหยุดยิง ซึ่งไม่มีการบังคับให้กัมพูชาเคลียร์ปมกับระเบิด จนทำให้ วันที่ 9 ส.ค. มีทหารไทย 3 นาย บาดเจ็บจากกับระเบิดเพิ่มเช่นเดิม
6.การปฏิบัติตาม อนุสัญญาเจนีวา กรณี การปฏิบัติต่อผู้ที่ถูกจับกุมตัว การขอส่งตัวผู้บาดเจ็บมารักษาในสถานพยาบาลของอีกฝ่าย โดยจะขึ้นอยู่กับศักยภาพในการรองรับของสถานพยาบาลแล้วแต่กรณี ซึ่งข้อความภาษาอังกฤษในข้อตกลงนั้น ระบุชัดเจนว่า “If one side wishes to bring in its own wounded soldiers or civilians who are not under the control of the other side for medical treatment, the receiving side may determine its response based on the capacity of its medical facilities… on a case-by-case basis.”

ซึ่งมีความหมายว่า “พยายามให้คนเข้าใจผิดว่า การขอส่งตัวผู้บาดเจ็บมารักษาในอีกฝ่ายเป็นไปตามอนุสัญญาเจนีวา” ซึ่งเป็นเรื่องผิด เพราะอนุสัญญาเจนีวาครอบคลุมเฉพาะทหารที่ตกเป็นเชลยและอยู่ในความควบคุมของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเท่านั้น ไม่ครอบคลุมถึงทหารบาดเจ็บที่ยังอยู่ในการควบคุมของอีกฝ่าย

“ในทางปฏิบัติ ฝ่ายไทยสามารถตัดสินใจรับหรือไม่รับผู้บาดเจ็บที่ฝ่ายกัมพูชาประสงค์ส่งมาได้ตามศักยภาพของโรงพยาบาล และตามดุลยพินิจ ไม่ใช่ข้อบังคับแบบตายตัวอย่างที่แปลเป็นไทย”

กรณีนี้ จึงกลายเป็นประเด็นที่สร้างความกังวลและความไม่พอใจในหมู่ประชาชนและนักการเมืองไทย เพราะเปิดช่องให้ “รัฐบาลไส้ศึก” ใช้อำนาจเลือกปฏิบัติ “on a case-by-case basis” ในการให้การรักษาพยาบาลเฉพาะบางบุคคล ซึ่งอาจกลายเป็นเครื่องมือทางการเมืองระหว่างสองประเทศ ทั้งที่ไทยสามารถแสดงจุดยืนด้านมนุษยธรรมได้ โดยการเสนอให้ไปรักษาตัวในประเทศที่สาม เช่น มาเลเซียหรือสิงคโปร์

ส่วนสาระสำคัญ ข้อตกลงหยุดยิง 13 ข้อ ไทย – กัมพูชา อาจสรุปได้ 6 ข้อ คือ 1.ยุติการใช้อาวุธและการโจมตีพลเรือนทุกกรณี 2.รักษาสถานะกำลังพลและห้ามเคลื่อนย้ายที่ตั้ง ตั้งแต่ 28 ก.ค. 2568 3.งดเว้นการยั่วยุและกิจกรรมทางทหารในพื้นที่ชายแดน 4.ยืนยันการปฏิบัติตามอนุสัญญาเจนีวาในการดูแลเชลยศึก 5.กำหนดกลไกตรวจสอบและสังเกตการณ์โดยอาเซียน และ 6.นัดประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (GBC) ทุก 1 เดือน เพื่อติดตามสถานการณ์

โดยภาพรวม “การเจรจานี้ ถือว่ากลางๆ เน้นมาตรการป้องกันการล้ำเขตที่เหมาะสม และใช้ประเด็นเรื่อง Call Center, scammer กดดันกัมพูชาได้ในทางบวก” แต่ “ข้อ 6 กลายเป็นจุดอ่อนสำคัญ เพราะพูดเกินกว่าขอบเขตของอนุสัญญาเจนีวา และทำให้เกิดความรู้สึกถูกผูกมัดโดยไม่จำเป็น ทั้งนี้ การใส่ข้อความเกินจำเป็นนี้ จะขยายความไม่พอใจต่อกัมพูชา และสร้างความกังวลในหมู่ประชาชนไทย”

“ดังนั้น แทนที่จะหวังให้เป็นผลงาน ฝ่าวิกฤตชายแดน รัฐบาลนี้ควรจะถอยออกไป เปิดโอกาสให้บุคคลที่ไม่อยู่ในแวดวงความขัดแย้ง เข้ามาทำหน้าที่แทนเพื่อไม่ให้เกิดผลเสียทางการเมืองและความมั่นคงในอนาคต”

“สถานการณ์ตามแนวชายแดน ไทยกัมพูชา เป็นเรื่องที่ผมให้ความสำคัญและติดตามมาโดยตลอด ผมขอแสดงความห่วงใยอย่างยิ่งต่อพี่น้องประชาชนในพื้นที่และขอให้มั่นใจว่าภาครัฐไม่ได้นิ่งนอนใจ”

, ,

“สถานการณ์ตามแนวชายแดน ไทยกัมพูชา เป็นเรื่องที่ผมให้ความสำคัญและติดตามมาโดยตลอด ผมขอแสดงความห่วงใยอย่างยิ่งต่อพี่น้องประชาชนในพื้นที่และขอให้มั่นใจว่าภาครัฐไม่ได้นิ่งนอนใจ”

“เจ้าหน้าที่ทุกคนได้ทำงานอย่างเต็มกำลังความสามารถเพื่อรักษาความสงบและอธิปไตยของชาติ ผมขอขอบคุณและเป็นกำลังใจให้เจ้าหน้าที่ทุกท่านครับ ขอให้พวกเราทุกคนร่วมกันเป็นหนึ่งเดียว เพื่อปกป้องบ้านเมืองและรักษาความสงบสุขของประเทศไทยไว้ให้ได้ครับ”

พล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ อดีตผู้บัญชาการทหารบก และหัวหน้าพรรค พลังประชารัฐ กล่าวในงานวันคล้ายวันเกิดครบ80ปี

โดยภายในงาน มีส.ส. สมาชิก และคนในวงการการเมืองเข้าร่วมงานจำนวนมาก

พปชร.เร่งรัฐรับมือปัญหาจากแรงงานต่างชาติ

, ,

พปชร.เร่งรัฐรับมือปัญหาจากแรงงานต่างชาติ

วันนี้ 31 ก.ค.68 นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล รองหัวหน้าพรรคฝ่ายเศรษฐกิจพรรคพลังประชารัฐ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง แถลงข่าวเตือนให้รัฐบาลเตรียมเร่งรับมือปัญหาเศรษฐกิจที่เกิดจากความขัดแย้งไทย-กัมพูชา

นายธีระชัยกล่าวว่าสถานการณ์มีความไม่แน่นอนว่าความสัมพันธ์ด้านเศรษฐกิจจะกลับสู่ปกติเมื่อใด รัฐบาลจึงควรประกาศแผนรองรับสำหรับภาคธุรกิจได้แล้ว โดยเน้นหาทางออกให้แก่ผู้ประกอบการรายย่อย ดังที่ตนเคยแถลงข่าวว่ารัฐบาลควรทบทวนการใช้งบประมาณ 157,000 ล้านบาท แทนที่จะทุ่มไปในการกระตุ้นเศรษฐกิจแบบทั่วไป ควรกันส่วนหนึ่งมาเพื่อรองรับสถานการณ์นี้

”ภาคอุตสาหกรรมที่ถูกกระทบจากแรงงานกัมพูชากลับประเทศไปนั้น ส่วนใหญ่น่าจะมีความสามารถยืดหยุ่นโดยปรับขบวนการผลิต แต่ภาคเกษตรโดยเฉพาะธุรกิจที่อาศัยแรงงานจากประเทศเพื่อนบ้านในการเก็บผลไม้เป็นหลัก จะมีความเสี่ยงเกิดความเสียหายได้ง่าย รัฐบาลจึงต้องประกาศแผนรองรับแต่เนิ่นๆ“ นายธีระชัยกล่าว