โลกเปลี่ยน ไทยต้องปรับ ทางเลือกใหม่ของการเมืองไทย ก้าวข้ามความขัดแย้ง สานพลังประชาราษฎร์ ร่วมสร้างชาติให้ยั่งยืน

หมวดหมู่: ข่าวกิจกรรม

“พล.อ.ประวิตร”ห่วงใยชาวปัตตานีประสบอุทกภัยหนัก มอบ สมาชิกพรรค กระจายถุงยังชีพปันน้ำใจ พปชร.ให้ทั่วถึง

,

“พล.อ.ประวิตร”ห่วงใยชาวปัตตานีประสบอุทกภัยหนัก มอบ สมาชิกพรรค กระจายถุงยังชีพปันน้ำใจ พปชร.ให้ทั่วถึง

นายบูรฮันธ์ สะเม๊าะ อดีตผู้สมัครและสมาชิกพรรคพลังประชารัฐ เขต 3 ปัตตานี กล่าวว่า ตนได้รับมอบหมายจากพลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ให้ลงพื้นที่เพื่อมอบถุงยังชีพให้กับประชาชนจังหวัดปัตตานี พร้อมทั้งติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และให้รายงานสถานการณ์เข้ามาที่พรรคอย่างต่อเนื่อง เพื่อที่จะให้การช่วยเหลือประชาชนได้ทันท่วงที

“ ในฐานะอดีตผู้สมัครพรรคพลังประชารัฐและสมาชิกพรรคพลังประชารัฐ เป็นตัวแทนของพรรค ทำหน้าที่ในการส่งต่อความห่วงใยจากหัวหน้าพรรค ไปยังพี่น้องประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากปัญหาปอุทกภัยในครั้งนี้ ในอำเภอยะรัง จังหวัดปัตตานี”

ทั้งนี้ ยังได้จัดถุงยังชีพปันน้ำใจพลังประชารัฐ ไปยังจุดต่างๆ อาทิ  ต.กอลำ ต.วัด ต.ระแว้ง ต.เขาตูม ต. ปิตูมูดี ต.ยะรัง  จ.ปัตตานี

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 18 ธันวาคม 2567

“พล.อ.ประวิตร”ห่วงใยชาวนครฯ กำชับ สส.สุธรรม ลุยแจกถุงยังชีพให้ทั่วถึง พร้อมสั่งติดตามสถานการณ์ใกล้ชิด เร่งประสานหน่วยงานเกี่ยวข้องให้การเยียวยา

,

“พล.อ.ประวิตร”ห่วงใยชาวนครฯ กำชับ สส.สุธรรม ลุยแจกถุงยังชีพให้ทั่วถึง พร้อมสั่งติดตามสถานการณ์ใกล้ชิด เร่งประสานหน่วยงานเกี่ยวข้องให้การเยียวยา

นายสุธรรม จริตงาม สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) จ.นครศรีธรรมราช เปิดเผยว่า  ตนได้ลงพื้นที่ เพื่อมอบถุงยังชีพให้กับพี่น้องประชาชน ใน ต.ชะมาย,ต.ที่วัง,และต.นาไม้ไผ่ อ.ทุ่งสง อ.เมืองนครศรีธรรมราช  และอ.ฉวาง(เขต8 ) จ.นครศรีธรรมราช ที่ได้รับความเดือดร้อนจากเหตุอุทกภัยน้ำท่วมหนัก และยังต้องเผชิญปัญหาปริมาณน้ำที่เอ่อสูงเข้าท่วมบ้านเรือนและพื้นที่ทางการเกษตร โดยขณะนี้ได้เฝ้าระวังและติดตามสถานการณ์น้ำ และปริมาณฝนอย่างใกล้ชิด เนื่องจากช่วงนี้ภาคใต้เป็นฤดูมรสุม  พร้อมทั้งให้ทีมงาน สส.ออกสำรวจความเสียหายบ้านเรือนของพี่น้องประชาชน และพื้นที่เพาะปลูกของเกษตรกร เพื่อจัดทำข้อมูล ประสานไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้เกิดการเยียวยาอย่างเร็วที่สุด

“พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ท่านห่วงใยชาวนครศรีธรรมราชเป็นอย่างมาก จึงได้กำชับให้ผมดูแลและติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด รวมถึงการจ่ายแจกถุงยังชีพให้ทั่วถึง เพื่อเป็นการสร้างขวัญและกำลังใจกับพี่น้องประชาชน“นายสุธรรม กล่าว

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 18 ธันวาคม 2567

“สส.อนันต์”ซัด รัฐบาลแก้ปัญหาราคามันสำปะหลังไม่ตรงจุด ช่วยเกษตรกรไม่ได้ แนะ 4 มาตรการเร่งด่วน ช่วยบรรเทาความเดือดร้อน

,

“สส.อนันต์”ซัด รัฐบาลแก้ปัญหาราคามันสำปะหลังไม่ตรงจุด ช่วยเกษตรกรไม่ได้ แนะ 4 มาตรการเร่งด่วน ช่วยบรรเทาความเดือดร้อน

นายอนันต์ ผลอำนวย กำแพงเพชร เขต 3 พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวหารือในที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรว่า ตนและนายปริญญา ฤกษ์หร่ายสส.กำแพงเพชร เขต 4 พรรคพลังประชารัฐ ได้รับการร้องเรียนจากเกษตรกรผู้ปลูกมันสำปะหลัง ซึ่ง จ. กำแพงเพชร ในส่วนของ อำเภอเมืองบางส่วน,อำเภอขาณุวรลักษบุรี,อำเภอคลองขลุง, อำเภอปางศิลาทอง,อำเภอคลองลาน และอำเภอโกสัมพีนคร ประชาชนจะมีอาชีพปลูกมันสำปะหลังเป็นหลักกว่า 30,000 ราย

นายอนันต์ กล่าวต่อว่า ขณะนี้ราคามันสำปะหลังตกต่ำทำให้ลานมันหลายแห่งปิดตัวลง เนื่องจากไม่สามารถจะรับซื้อได้ จากความเดือดร้อนดังกล่าว ทำให้เกษตรกร
ต้องการมาตรการช่วยเหลือโดยเร่งด่วนจากรัฐบาล 4 เรื่องคือ

1.ขอให้รัฐบาลประกันรายได้ 2500 บาทต่อตันที่เชื้อแป้ง 25 %
2.ขอให้รัฐบาลช่วยเหลือค่าเก็บเกี่ยว หรือค่าขุดมันที่ไร่ละ 1000 บาท จำนวน 20 ไร่ เหมือนกับชาวนา
3.ขอให้รัฐบาลสนับสนุนพันธุ์มันที่ตรงกับสภาพพื้นที่และสภาพภูมิอากาศ
4.ขอให้มีการชะลอสินเชื่อทุกชนิดกับทาง ธนาคารเพื่อการเกษตร หรือสถาบันทางการเงินอื่น ๆ เพื่อจะได้ลืมตาอ้าปากได้

“4 มาตรการนี้คือความต้องการเร่งด่วน เพื่อที่จะบรรเทาความเดือดร้อนให้กับเกษตรกรผู้ปลูกมันสำปะหลังในประเทศไทย เพราะมติที่ประชุม ครม.วานนี้ ที่มีการอนุมัติงบประมาณกว่า 368 ล้านบาท โดยหวังว่าจะรักษาเสถียรภาพราคามันสำปะหลังนั้น แต่ความจริงแล้วไม่สามารถช่วยเหลือชาวไร่มันได้ นายอนันต์ กล่าว

นายอนันต์ กล่าวต่อว่า เกษตรกรคนปลูกมันสำปะหลัง 7.4 ล้านไร่ 530,000 ครอบครัว ในจังหวัดกำแพงเพชร 34,525 ครอบครัว มาตรการช่วยเหลือด้วยงบประมาณแค่ 368 ล้านบาท ที่แบ่งเป็นโครงการสินเชื่อเพื่อรวบรวมมันสำปะหลังและสร้างมูลค่าเพิ่มโดยสถาบันเกษตรกร ปี 2567/68 วงเงิน 17.50 ล้านบาท และเพิ่มประสิทธิภาพการเพาะปลูกมันสำปะหลัง 3,000 รายทั้งประเทศในวงเงิน รายละไม่เกิน 230,000 บาท ไม่มีทางเพียงพอที่จะแก้ปัญหาให้เกษตรกรกว่า 500,000 รายได้

“มาตรการของรัฐบาลในขณะนี้เป็นการแก้ปัญหาที่ไม่ตรงจุด และหากยังไม่มีมาตรการแก้ไขปัญหาตามที่ผมได้เสนอไปจะเกิดวิกฤตกับเกษตรกรผู้ปลูกมันสำปะหลังแน่นอน“นายอนันต์ กล่าว

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 18 ธันวาคม 2567

“พล.อ.ประวิตร”มอบ“บูรฮันธ์ สะเม๊าะ”ส่งกำลังใจพร้อมอาหาร-เครื่องดื่มให้กับเจ้าหน้าที่ด่านหน้า จ.ปัตตานี

,

“พล.อ.ประวิตร”มอบ“บูรฮันธ์ สะเม๊าะ”ส่งกำลังใจพร้อมอาหาร-เครื่องดื่มให้กับเจ้าหน้าที่ด่านหน้า จ.ปัตตานี

นายบูรฮันธ์ สะเม๊าะ อดีตผู้สมัครและสมาชิกพรรคพลังประชารัฐ เขต 3 ปัตตานี ได้รับมอบหมายจาก พล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ เป็นตัวแทนส่งมอบกำลังใจ พร้อมด้วย อาหาร เครื่องดื่ม รวมถึงเครื่องอุปโภค บริโภค และของใช้ที่จำเป็นในชีวิตประจำวัน มอบให้กับเจ้าหน้าที่ด่านหน้า อาทิ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ผู้ช่วย ผรส.ทีมงานแต่ละหมู่บ้าน ในการขับเคลื่อนช่วยเหลือพี่น้องผู้ประสบภัยน้ำท่วม ในพื้นที่อำเภอทุ่งยางแดง โดยมี กำนัน ต.ตะโละแมะนา เป็นตัวแทนมารับแทนประธานชมรมกำนันผู้ใหญ่บ้านอำเภอทุ่งยางแดง

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 17 ธันวาคม 2567

“พล.อ.ประวิตร”กำชับ สส.นครศรีธรรมราชเร่งช่วยเหลือ ปชช.ประสบภัยน้ำท่วม ระดมตั้งโรงครัวแจกจ่ายข้าวกล่องใน อ.ทุ่งสง อ.เมืองนครศรีธรรมราช  พร้อมขยายพื้นที่ดูแลผู้ประสบภัย

“พล.อ.ประวิตร” กำชับ สส.นครศรีธรรมราชเร่งช่วยเหลือ ปชช.ประสบภัยน้ำท่วม ระดมตั้งโรงครัวแจกจ่ายข้าวกล่องใน อ.ทุ่งสง อ.เมืองนครศรีธรรมราช  พร้อมขยายพื้นที่ดูแลผู้ประสบภัย

นายสุธรรม จริตงาม สส.นครศรีธรรมราช เขต 6  และกรรมการบริหารพรรคพลังประชารัฐ (พปชร. ) กล่าวว่า จากสถานการณ์น้ำท่วมนครศรีธรรมราช ยังมีปริมาณฝนตกหนักต่อเนื่อง เป็นผลจากฤดูมรสุมในพื้นที่ภาคใต้  ส่งผลให้ประชาชนได้รับความเดือดร้อน น้ำท่วมเข้าบ้านเรือนในหลายอำเภอ และพื้นที่เกษตรได้รับความเสียหาย  ซึ่ง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรค มีความห่วงใยประชาชนในพื้นที่ ได้มอบหมายให้ตน และทีมงาน พปชร. เร่งเข้าช่วยเหลือพี่น้องประชาชน  และประสานกับหน่วยงานภาครัฐ เพื่อบรรเทาผลกระทบจากอุทกภัยครั้งนี้

“ขณะนี้ได้ตั้งโรงครัวเพื่อปรุงอาหารสุก กระจายข้าวกล่องไปยังพื้นที่ต่างๆ  ทั้งในพื้นที่  อ.ทุ่งสง  โดยตั้งอยู่ที่ สำนักงานสส.สุธรรม จริตงาม และ ที่อ.เมืองนครศรีธรรมราช   ตั้งอยู่ที่ วัดนางพระยา ต.ปากนคร  โดยจะพบว่าประชาชนได้รับกระทบจากน้ำท่วมหนักในหลายตำบล  อาทิ ต.เขาโร ต.หนองหงส์ เทศบาลอ.ทุ่งสง และเขตเมืองนครศรีธรรมราช  ซึ่งจากประเมินความเสียหายมีประชาชน ประมาณ 200 ครัวเรือนในอ.ทุ่งส่ง ที่ได้รับผลกระทบอย่างหนัก  ส่วนอ.เมืองนครศรีธรรมราช  ประชาชนได้รับผลกระทบเป็นจำนวนมาก เพราะเป็นพื้นที่เศรษฐกิจ ของจังหวัด  ดังนั้นต้องติดตามสถานการณ์ฝนในช่วง 1-2 วันนี้ หากฝนยังตกอีก จะทำให้น้ำเทือกเขาไหลลงสู่พื้นที่ราบ ทำให้มีปริมาณน้ำท่วมขังเพิ่มขึ้นอีก   โดยต้องมีการเฝ้าระวังสถานการณ์อุทกภัยน้ำท่วมที่จะยังคงยืดระยะเวลาออกไป ทำให้เราต้องวางแผนช่วยเหลืออย่างต่อเนื่อง”นายสุธรรม

นายสุธรรม กล่าวต่อว่า จากนี้ยังมีการนำถุงยังชีพปันน้ำใจของพรรค ไปส่งมอบให้กับประชาชน ในพื้นที่ต่างๆ รวมถึงเทศบาลเมืองอ.ทุ่งสง ที่ได้รับผลกระทบเช่นกัน ทั้งนี้พล.อ.ประวิตร ยังได้กำชับให้เข้าไปช่วยเหลือ และดูแล ประชาชนในพื้นที่เขตอ.เมือง อีกด้วย

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 17 ธันวาคม 2567

”ชัยวุฒิ“ยกย่อง ”บิ๊กป้อม“เป็นสุภาพบุรุษ เปรียบการขับ 20 สส.พ้นพรรคเหมือนผัวเมียไม่รักแล้ว ก็หย่ากัน จบด้วยดี ยืนยัน พปชร.ไม่แตกแยก พร้อมทำหน้าที่ฝ่ายค้านเพื่อ ปชช.                                                      

,

”ชัยวุฒิ“ยกย่อง ”บิ๊กป้อม“เป็นสุภาพบุรุษ เปรียบการขับ 20 สส.พ้นพรรคเหมือนผัวเมียไม่รักแล้ว ก็หย่ากัน จบด้วยดี ยืนยัน พปชร.ไม่แตกแยก พร้อมทำหน้าที่ฝ่ายค้านเพื่อ ปชช.

นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีลงมติขับ 20 สส.กลุ่ม ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ท่านเป็นสุภาพบุรุษ เข้าใจการเมือง เข้าใจทุกคน และท่านก็ให้เกียรติทุกคน ถ้าเปรียบเทียบก็เหมือนกับผัวเมียอยู่ด้วยกัน วันนี้เมียไปอยู่กับคนอื่นแล้ว ไม่รักกันแล้ว เราก็หย่ากันให้เรียบร้อยให้ถูกกฎหมายเท่านั้นเอง ถูกต้องตามระบบก็จบไป ทุกคนจะได้สบายใจไม่มีความขัดแย้งกันภายในพรรค

“พรรคพลังประชารัฐจะทำงานต่อไป ไม่แตกแยก ทุกคนยังอยู่เหมือนเดิม ที่สำคัญผมว่า วันนี้ประเทศเราต้องการพรรคฝ่ายค้านที่เข้มแข็ง ตรวจสอบรัฐบาลในทุก ๆ เรื่อง และการทำหน้าที่ของ พปชร.ในตอนนี้ก็เป็นประโยชน์ต่อพี่น้องประชาชน“นายชัยวุฒิ กล่าว

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 17 ธันวาคม 2567

“สส.วรโชติ”วอน ก.พาณิชย์ กำหนดเพดานพืชผลเกษตรให้ชัด เกษตรกรจะได้กำหนดตัวเองได้ พร้อมขอให้ช่วยชาวนาไร่ละ 1,000 บ.เป็น 20 ไร่ตามเดิม

,

“สส.วรโชติ”วอน ก.พาณิชย์ กำหนดเพดานพืชผลเกษตรให้ชัด เกษตรกรจะได้กำหนดตัวเองได้ พร้อมขอให้ช่วยชาวนาไร่ละ 1,000 บ.เป็น 20 ไร่ตามเดิม

นายวรโชติ สุคนธ์ขจร สส.จังหวัดเพชรบูรณ์ เขต 4 พรรคพลังประชารัฐ(พปชร.)กล่าวหารือในที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรว่า ช่วงปิดสมัยประชุมที่ผ่านมา ตนได้ลงพื้นที่หลายอำเภอ และพบปัญหาเดียวกันกับ สส. หลายจังหวัด ก็คือปัญหาราคามันสำปะหลังตกต่ำ ซึ่งตนว่า กระทรวงพาณิชย์น่าจะทราบอยู่แล้วว่า ราคามันสำปะหลัง ต้นทุนการผลิตเท่าไหร่ สมควรที่จะต้องขายได้เท่าไหร่ เกษตรกรในจังหวัดเพชรบูรณ์ พูดเป็นเสียงเดียวกันว่าขอราคาที่ 2.20 บ.ได้หรือไม่ ถ้าราคานี้เขาอยู่ได้

”ผมขอฝากไปถึงกระทรวงพาณิชย์ว่า ถ้าเป็นไปได้ ราคาพืชผลเกษตรของประเทศไทยควรจะมีเพดานที่ให้เกษตรกรสามารถรู้ว่า ต้นทุนเขาเท่านี้ เขาจะต้องขายได้เท่านี้ จะได้กำหนดตัวเองได้“นายวรโชติ กล่าว

นายวรโชติ กล่าวต่อว่า ส่วนโครงการช่วยเหลือเกษตรกรไร่ละ 1,000 บ.ไม่เกิน 10 ไร่ ของรัฐบาลนั้น เกษตรกรเขาก็ดีใจที่ได้รับเงินช่วยเหลือ แต่เขาถามว่าทำไมได้แค่ 10 ไร่ เดิมได้ 20 ไร่ จะขอเพิ่มได้ไหมเป็น 20 ไร่ ได้หรือไม่ ตนขอฝากรัฐบาลด้วย ถ้าเป็นไปได้เขาขอเท่าเดิมจำนวน 20 ไร่ ไร่ละ 1,000 บ.

นอกจากนี้ยังมีควาามเดือดร้อนของพี่น้อง อำเภอวังโป่ง จังหวัดเพชรบูรณ์ ในปัญหาเรื่องไฟฟ้าตก ราคาพืชผลตก แล้วไฟฟ้าก็ยังตกตามไปด้วย ตนเคยเรียกร้องว่า ขอให้ไปตั้งสถานีไฟฟ้าที่อำเภอวังโป่ง เพราะว่าเป็นอำเภอที่อยู่ปลายสายของไฟฟ้า จากจุดจ่ายไฟ ไปจนถึงอำเภอวังโป่งในระยะทาง ประมาณ 70-80 กิโลเมตร เพราะบริเวณนั้นไฟฟ้าดับบ่อย จึงขอฝากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ขอให้ไปตั้งสถานีจ่ายไฟที่อำเภอวังโป่ง เพื่อช่วยเหลือประชาชนที่เจ็บป่วยอยู่ในโรงพยาบาล เวลาไฟฟ้าดับ กำลังผ่าตัด มันทำอะไรไม่ได้เลย

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 17 ธันวาคม 2567

พปชร. น้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณ ร.7 พระราชทานรัฐธรรมนูญต่อปวงชนชาวไทย

,

พปชร. น้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณ ร.7 พระราชทานรัฐธรรมนูญต่อปวงชนชาวไทย

วันที่ 10 ธันวาคม  2567 นายฉกาจ พัฒนกิจวิบูลย์ รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) และนายยงยุทธ สุวรรณบุตร กรรมการบริหารพรรค  ร่วมพิธีฉลองวันพระราชทานรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย และพิธีวางพานประดับพุ่มดอกไม้ถวายบังคมฯ เบื้องหน้าพระบรมราชานุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 7) เพื่อน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณที่มีต่อปวงชนชาวไทย เนื่องในวันรัฐธรรมนูญ ซึ่งตรงกับวันที่ 10 ธันวาคม ของทุกปี บริเวณพิพิธภัณฑ์รัฐสภา ชั้น MB1 อาคารรัฐสภา (เกียกกาย) กรุงเทพฯ    

ทั้งนี้ในช่วงเช้าได้ร่วมพิธีบำเพ็ญกุศลทักษิณานุประทานถวายพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว และร่วมพิธีเจริญพระพุทธมนต์ฉลองวันพระราชทานรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย โดยมีประธานสภาผู้แทนราษฎร พร้อมด้วยสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร, นายกรัฐมนตรี ประธานวุฒิสภา พร้อมด้วยสมาชิกวุฒิสภา , ประธานศาลฎีกา ,เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ,ข้าราชการ และตัวแทนจากพรรคการเมืองต่างๆ นำพานประดับพุ่มดอกไม้ถวายบังคมฯ เบื้องหน้าพระรูปต้นแบบฯ

ทั้งนี้ 10 ธันวาคม ของทุกปี เป็นวันที่ระลึกถึงรัชกาลที่ 7 ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรสยามพุทธศักราช 2475 เป็นรัฐธรรมนูญถาวรฉบับแรกของประเทศไทย

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 10 ธันวาคม 2567

“พล.อ.ประวิตร” ยืนยัน พปชร.จะปกป้องอธิปไตยของชาติเต็มที่ ด้าน “หม่อมกร” ชี้ MOU 2544 ขัดกับพระบรมราชโองการ อาจจะเป็นเหตุให้ไทยเสียพื้นที่เหมือนเขาพระวิหาร เตรียมยื่นนายกฯ ยกเลิกด่วน

,

“พล.อ.ประวิตร” ยืนยัน พปชร.จะปกป้องอธิปไตยของชาติเต็มที่ ด้าน “หม่อมกร” ชี้ MOU 2544 ขัดกับพระบรมราชโองการ อาจจะเป็นเหตุให้ไทยเสียพื้นที่เหมือนเขาพระวิหาร เตรียมยื่นนายกฯ ยกเลิกด่วน

พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ได้เป็นประธานการประชุมศูนย์นโยบายและวิชาการ กล่าวว่า ในสัปดาห์นี้มีประเด็นสำคัญเกี่ยวกับพื้นที่ทับซ้อนทางทะเลในอ่าวไทย ซี่งได้สั่งการให้ศูนย์นโยบายฯ และวิชาการของพรรค ไปเร่งติดตามความคืบหน้าของ MOU 2544 ที่รัฐบาลไทยได้ไปลงนามไว้ ที่นำไปสู่การปกป้องผลประโยชน์และอธิปไตยของชาติอย่างสูงสุดในฐานะฝ่ายค้านอย่างเป็นรูปธรรม

ในขณะนี้ เป็นที่แน่ชัดแล้วว่า MOU 2544 ที่รัฐบาลพยายามจะดำเนินการจะส่งผลเสียอย่างใหญ่หลวง จากกรณีศึกษาในภูมิภาคต่างๆ ของโลกที่มีลักษณะองค์ประกอบคล้ายกันนี้และนำไปสู่การเสียดินแดนในที่สุด ดังนั้น พรรคฯ จะดำเนินการทุกวิถีทาง เพื่อปกป้องทรัพยากรและอาณาเขตแห่งราชอาณาจักรไทยของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอย่างถึงที่สุดที่จะดำเนินการทุกวิถีทาง เพื่อให้มีการยกเลิก MOU 2544 หรือขัดขวางการเจรจาใดๆ ที่อาจเป็นการฝ่าฝืนต่อรัฐธรรมนูญ

ในการประชุมคณะกรรมการบริหารครั้งนี้ เป็นสัปดาห์สุดท้ายของเดือนตุลาคม ซึ่งเป็นช่วงเวลาก่อนที่จะปิดสมัยประชุมสมัยสามัญประจำปี 2567 และได้มอบหมายให้ สส.ทุกคนลงพื้นที่ปฎิบัติหน้าที่ เพื่อรับฟังข้อคิดเห็นและปัญหาของพี่น้องประชาชน เพื่อปัญหาดังกล่าวเสนอต่อสภาฯ ให้สามารถนำไปสู่การแก้ไขปัญหาให้กับประชาชนอย่างแท้จริง
 
จากนั้น ภายหลังการประชุม นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล ประธานกรรมการด้านวิชาการ พรรคพลังประชารัฐ และอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และ ม.ล.กรกสิวัฒน์ เกษมศรี กรรมการบริหารพรรค ได้แถลงข่าวว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ สั่งการให้ สส.และบุคลากรของพรรค ขับเคลื่อนเพื่อที่จะปกป้องอธิปไตยของชาติอย่างเต็มที่ เพราะเราต้องคุ้มครองดูแลทรัพยากรธรรมชาติที่เป็นสมบัติของคนไทย พรรคพลังประชารัฐจะไม่เป็นที่พึ่งของประชาชนในเรื่องนี้ไม่ได้

ด้าน ม.ล.กรกสิวัฒน์ กล่าวว่า เมื่อปี 2516 ได้มีพระบรมราชโองการ (Royal Command) ของในหลวงรัชกาลที่ 9 สรุปความว่า เพื่อการใช้สิทธิอธิปไตยในการสำรวจและแสวงประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติอ่าวไทย จึงกำหนดเขตไหล่ทวีปตามแผนที่และพิกัดภูมิศาสตร์โดยยึดถือมูลฐานแห่งสิทธิตามหลักกฏหมายระหว่างประเทศ ตามอนุสัญญาว่าด้วยไหล่ทวีป เจนีวา 1958 อันเป็นที่ยอมรับกัน โดยท้ายพระบรมราชโองการยังกำหนดไว้ว่า สำหรับสิทธิที่เป็นอาณาเขตต่อเนื่องกับประเทศใกล้เคียง ก็ให้ยึดถือบทบัญญัติแห่งอนุสัญญา เจนีวา 1958

ม.ล.กรกสิวัฒน์ กล่าวต่อว่า การที่กัมพูชาขีดเส้นเขตแดนทางทะเลทับน่านน้ำภายในของจังหวัดตราด ขีดข้ามเกาะกูด ทะลุไปกลางอ่าวไทย ซึ่งขัดอนุสัญญาเจนีวา 1958 เส้นดังกล่าวจึงขัดกับแผนที่แนบ พระบรมราชโองการที่ประกาศไว้ โดย MOU 2544 ซึ่งรับรองการขีดเส้นแดนทางทะเลของกัมพูชาที่ไม่ถูกต้อง จึงเป็นการกระทำที่ขัดกับพระบรมราชโองการใช่หรือไม่ เพราะท้ายพระบรมราชโองการระบุชัดเจนว่า อาณาเขตต่อเนื่องกับประเทศใกล้เคียง ก็ให้ยึดถือบทบัญญัติแห่งอนุสัญญา เจนีวา 1958

“เมื่อเอกสารราชการมีการขัดกัน จึงมีความสุ่มเสี่ยงที่ต่างประเทศจะนำไปอ้างและอาจจะทำให้เราสูญเสียเหมือนกรณีเขาพระวิหาร นี่คือสาเหตุที่เราสมควรต้องยกเลิก MOU 2544 ซึ่งเป็นอำนาจของคณะรัฐมนตรี จึงจำเป็นที่จะยื่นต่อนายกรัฐมนตรีให้ดำเนินการ เพราะเป็นเรื่องอันตราย“ ม.ล.กรกสิวัฒน์ กล่าว

ทั้งนี้ ในวันพรุ่งนี้ (30 ต.ค.) เวลา 09.00 น.ทีมพรรคพลังประชารัฐจะแถลงข่าวเกี่ยวกับเรื่องนี้ที่อาคารรัฐสภา พร้อมทั้งยื่นจดหมายเปิดผนึกให้กับ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 29 ตุลาคม 2567

“ผู้กองมาร์ค” เปิดโปงต้นตอฝุ่นพิษภาคเหนือ! ทุนไทยหนุน “โรงไฟฟ้า ห.” แนะนายกฯ จัดการด่วน ก่อนวิกฤตลุกลาม!

,

“ผู้กองมาร์ค” เปิดโปงต้นตอฝุ่นพิษภาคเหนือ! ทุนไทยหนุน “โรงไฟฟ้า ห.” แนะนายกฯ จัดการด่วน ก่อนวิกฤตลุกลาม!

25 ต.ค. 2567 / ภาคเหนือของไทยกำลังเผชิญกับมลพิษร้ายแรงอย่างไม่หยุดหย่อน ร.ต.อ.วัฒนรักษ์ อำนรรฆสรเดช รองประธานคณะกรรมาธิการ พ.ร.บ.อากาศสะอาดฯ ออกมาเปิดเผยข้อมูลที่ทำให้ทุกฝ่ายต้องจับตา โรงไฟฟ้าถ่านหิน “ห.” ในประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งมีทุนจากไทยเป็นส่วนสำคัญ ถูกระบุว่าเป็นต้นเหตุหลักที่ทำให้ภาคเหนือจมอยู่ในมลพิษมาแล้วกว่า 7 ปี! ปัญหานี้ไม่เพียงแต่ทำลายสุขภาพคนในพื้นที่ แต่ยังส่งผลต่อสภาพแวดล้อมอย่างรุนแรงและต่อเนื่อง

“โรงไฟฟ้าถ่านหินนี้อาจอยู่ในต่างแดน แต่ฝุ่นพิษที่ถูกปล่อยออกมา ทำลายคุณภาพชีวิตของคนไทยอย่างไม่มีข้อยกเว้น” ร.ต.อ.วัฒนรักษ์ กล่าว ข้อมูลที่นักวิชาการจากมหาวิทยาลัยเชียงใหม่เก็บรวบรวมในพื้นที่จังหวัดน่าน พบสารปรอทปนเปื้อนในดิน น้ำ และอากาศ ซึ่งเป็นภัยเงียบที่ส่งผลกระทบโดยตรงต่อสุขภาพประชาชนในพื้นที่

ความจริงที่ถูกเปิดเผยออกมานี้ ทำให้เกิดความกังวลในวงกว้าง ร.ต.อ.วัฒนรักษ์ จึงเร่งเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรี น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ดำเนินการแก้ไขโดยด่วน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการจัดการกับกลุ่มทุนที่อยู่เบื้องหลังโรงไฟฟ้า “ถึงเวลาหรือยังที่ผู้นำประเทศจะแสดงความจริงจังในการจัดการปัญหานี้ เริ่มจากคนใกล้ตัว?” เขากล่าว พร้อมชี้ว่านี่ไม่ใช่แค่เรื่องของธุรกิจพลังงาน แต่เป็นการละเมิดสิทธิพื้นฐานในการมีอากาศบริสุทธิ์ ซึ่งเป็นสิทธิมนุษยชนขั้นพื้นฐาน

นอกจากนั้น เขายังเน้นถึงความจำเป็นในการที่ประเทศไทยต้องปฏิบัติตามหลักการ “ธุรกิจกับสิทธิมนุษยชน” ที่องค์การสหประชาชาติ (UNGP) กำหนดไว้ “ถึงเวลาแล้วที่ทุนพลังงานต้องโปร่งใส หยุดการทำลายสิ่งแวดล้อม ก่อนที่ภาคเหนือจะไม่มีอากาศให้หายใจ!”

การแก้ไขปัญหามลพิษนี้จะเป็นของขวัญปีใหม่ที่ล้ำค่าสำหรับคนไทยทุกคน ร.ต.อ.วัฒนรักษ์ กล่าวปิดท้ายว่า “สิทธิในอากาศสะอาดไม่ใช่แค่ความหวัง แต่เป็นสิทธิที่ทุกคนต้องมี!”

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 25 ตุลาคม 2567

“พลเอก ประวิตร” ประธานโอลิมปิค ต้อนรับอบอุ่น “คณะมนตรีซีเกมส์” ไทยพร้อมเป็นเจ้าภาพซีเกมส์ ครั้งที่ 33 จัดยิ่งใหญ่ มาตรฐานสากล

,

“พลเอก ประวิตร” ประธานโอลิมปิค ต้อนรับอบอุ่น “คณะมนตรีซีเกมส์” ไทยพร้อมเป็นเจ้าภาพซีเกมส์ ครั้งที่ 33 จัดยิ่งใหญ่ มาตรฐานสากล

วันที่ 25 ตุลาคม 2567 เวลา 10.00 น. พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ประธานคณะกรรมการ โอลิมปิคแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ ให้การต้อนรับคณะมนตรีซีเกมส์ รวม 11 ประเทศ ที่เดินทางมาเข้าร่วมประชุมหารือติดตามความพร้อมการเตรียมจัดการแข่งขันกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 33 ซึ่งประเทศไทยจะเป็นเจ้าภาพ ระหว่างวันที่ 9 – 20 ธันวาคม 2568 สำหรับการประชุมคณะมนตรีซีเกมส์ครั้งที่ 2 จัดขึ้น ณ ห้องประชุมอาคารสำนักงานคณะกรรมการโอลิมปิคแห่งประเทศไทยฯ โดยพลเอก.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ได้เดินทางมาเป็นประธาน และกล่าวต้อนรับในฐานะประธานสหพันธ์กีฬาซีเกมส์ และประธานคณะกรรมการโอลิมปิคแห่งประเทศไทยฯ ซึ่งได้ยืนยันว่าประเทศไทยได้เตรียมความพร้อมในการจัดการแข่งขันกีฬาซีเกมส์ครั้งที่ 33 ที่มีความก้าวหน้ามาอย่างต่อเนื่องเป็นไปตามระเบียบข้อบังคับของธรรมนูญซีเกมส์ทุกประการ และจะดำเนินการจัดการแข่งขันในครั้งนี้ ภายใต้มาตรฐานในระดับสากลเพื่อรักษาชื่อเสียงของสหพันธ์กีฬาซีเกมส์และประเทศไทยอย่างดีที่สุด

ทั้งนี้ พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ ได้รับมอบของที่ระลึกจากนายกองเอก ชัยภักดิ์ศิริวัฒน์ หัวหน้าสำนักงานซีเกมส์ ซึ่งเป็นประธานการประชุมคณะมนตรีซีเกมส์ และได้ร่วมถ่ายภาพหมู่เป็นที่ระลึกกับคณะมนตรีซีเกมส์ ทั้ง 11 ประเทศ  อย่างไรก็ตาม คณะมนตรีซีเกมส์ได้กล่าวชื่นชมและขอบคุณ พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ ที่ให้การต้อนรับอย่างอบอุ่น ด้วยมิตรไมตรีอีกทั้งแสดงความเชื่อมั่นความสำเร็จอย่างดียิ่งต่อประเทศไทย

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 25 ตุลาคม 2567

“พรรคพลังประชารัฐเสนอ ยกเลิกมาตรฐานอุตสาหกรรม มาตรฐาน มอก. 2333 เพื่อป้องกันมิให้เกิดโศกนาฏกรรมกลับรถโดยสารที่ใช้ก๊าซ NGV ซ้ำอีก”

,

“พรรคพลังประชารัฐเสนอ ยกเลิกมาตรฐานอุตสาหกรรม มาตรฐาน มอก. 2333 เพื่อป้องกันมิให้เกิดโศกนาฏกรรมกลับรถโดยสารที่ใช้ก๊าซ NGV ซ้ำอีก”

วันที่ 24 ตุลาคม 2567 พรรคพลังประชารัฐ นำโดย ดร. ม.ล. กรกสิวัฒน์ เกษมศรี กรรมการบริหารพรรค และนายชัยมงคล ไชบรบ รองหัวหน้าพรรค พร้อมด้วย สส. ของพรรค ได้ยื่นหนังสือด่วนต่อ นายเอกนัฐ พร้อมพันธ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ให้ยกเลิก มาตรฐาน มอก. 2333 ที่ใช้ติดตั้งระบบก๊าซ NGV ทันที เพราะเปิดช่องให้ไม่ต้อง ปฏิบัติตาม มาตรฐานความปลอดภัยสากล
มาตรฐาน ECE  R110 และ ISO 15501 กำหนดว่า ถังก๊าซ NGV ต้องมีลิ้นเปิดปิดอัตโนมัติ (วาร์วไฟฟ้า) เพื่อควบคุมการรั่วของก๊าซท่อก๊าซแตก แต่มาตรฐาน มอก. 2333 ระบุว่า ผู้ติดตั้งเลือกได้ว่า จะใช้ ลิ้นเปิด-ปิดด้วยมือ หรือ ลิ้นเปิด-ปิดอัตโนมัติ  (วาร์วไฟฟ้า) ก็ได้ ดังนั้น รถโดยสารสาธารณะส่วนใหญ่จึงติดตั้งเพียงลิ้นเปิด-ปิดด้วยมือที่ถังแต่ละใบ เพราะมีราคาถูกกว่า เมื่อเกิดอุบัติจึงขาดอุปกรณ์ตัดก๊าซจากหัวถัง เพราะคงไม่มีใครสามารถเอามือไปหมุนลิ้นเปิด-ปิดด้วยมือได้ขณะเกิดเพลิงไหม้

ลิ้นเปิดปิดอัตโนมัติ (วาร์วไฟฟ้า) ประจำหัวถัง ถือเป็นอุปกรณ์จำเป็นในการป้องกันเพลิงไหม้ตามมาตรฐานยุโรป และ ISO กรณี รถบัสนักเรียนเพลาหน้าหักจนท่อก๊าซหลุด หากการติดตั้งเป็นไปตามมาตรฐานสากลแล้ว วาร์วไฟฟ้าจะตัดการจ่ายเชื้อเพลิงทันที โศกนาฏกรรมครั้งนี้ก็ไม่น่าจะเกิดขึ้น

พรรคพลังประชารัฐ เห็นว่า การเรียกรถโดยสารเข้ามาตรวจสอบตามระเบียบเดิมที่มีอยู่ จะไม่บรรลุมาตรฐานความปลอดภัยสากลอย่างแน่นอน และการห้ามการมีถังก๊าซ NGV ในห้องโดยสารหรือใต้ท้องรถ ก็ต้องให้เวลาผู้ประกอบการในการแก้ไข แต่การยกเลิกมาตรฐาน มอก. 2333 พร้อมรณรงค์ให้เร่งติดตั้งลิ้นเปิดปิดอัตโนมัติ (วาร์วไฟฟ้า) ที่ถังก๊าซในรถขนส่งสาธารณะจะช่วยป้องกันปัญหาได้อย่างฉับพลัน

พรรคพลังประชารัฐตั้งข้อสังเกตุว่า ในปี 2547 รัฐบาลได้ผลักดันนโยบายการใช้ก๊าซ NGV ในยานยนต์ โดยรณรงค์ว่า ก๊าซ NGV ปลอดภัยติดไฟยากกว่าเชื้อเพลิงทุกชนิด ซึ่งเป็นสภาพในอุดมคติที่ไม่มีประกายไฟ การรณรงค์เช่นนี้ นำไปสู่ความเข้าใจที่ผิดพลาดคลาดเคลื่อนถึงอันตรายของก๊าซ NGV อันเป็นต้นเหตุนำไปสู่มาตรฐาน มอก. 2333 ที่หละหลวม จึงควรทำความเข้าใจที่ถูกต้องให้แก่ประชาชนเป็นการเร่งด่วนที่สุด