โลกเปลี่ยน ไทยต้องปรับ ทางเลือกใหม่ของการเมืองไทย ก้าวข้ามความขัดแย้ง สานพลังประชาราษฎร์ ร่วมสร้างชาติให้ยั่งยืน

ผู้เขียน: pprpadmin

“พลเอกประวิตร” มอบ “ชัยวุฒิ-พล.ต.ท.ปิยะ” รุดลงพื้นที่จังหวัดแพร่ ห่วงผู้ประสบภัยน้ำท่วม มอบถุงยังชีพ พร้อมขอบคุณเจ้าหน้าที่ร่วมแรงร่วมใจทำงานเพื่อประชาชน

,

“พลเอกประวิตร” มอบ “ชัยวุฒิ-พล.ต.ท.ปิยะ” รุดลงพื้นที่จังหวัดแพร่ ห่วงผู้ประสบภัยน้ำท่วม มอบถุงยังชีพ พร้อมขอบคุณเจ้าหน้าที่ร่วมแรงร่วมใจทำงานเพื่อประชาชน

วันที่ 26 ส.ค.เวลา 14.00 น.พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ มอบหมายให้ นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ และพลตำรวจโทปิยะ ต๊ะวิชัย ทีมโฆษกพลังประชารัฐ ลงพื้นที่ วัดปากจอก ต.ทุ่งแล้ง อ.ลอง จ.แพร่ เป็นตัวแทนมอบถุงยังชีพให้แก่ประชาชนที่ประสบปัญหาอุทกภัยในเขต พื้นที่อำเภอลอง จังหวัดแพร่ จำนวน 400 ชุด พร้อมทั้งมอบถุงยังชีพจำนวน 600 ชุด ให้กับตัวแทนนายอำเภอเด่นชัย และตัวแทนนายอำเภอวังชิ้น รับมอบถุงยังชีพ

โดย นายชัยวุฒิ กล่าวว่า พลเอกประวิตร เข้าใจถึงความเดือดร้อนของประชาชนที่บางครัวเรือนยังไม่สามารถกลับเข้าบ้านเรือนได้ เนื่องจากบ้านถูกน้ำท่วมและประชาชนหลายคนยังขาดแคลนเสื้อผ้า เครื่องนุ่งห่ม รวมถึงการใช้ชีวิตประจำวันก็ได้รับผลกระทบอย่างหนัก พลเอกประวิตร จึงห่วงใยพี่น้องประชาชนที่ประสบภัย โดยขอให้กำลังให้ทุกคนให้ผ่านพ้นวิกฤตินี้ไปได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งพรรคพลังประชารัฐหวังว่ามอบถุงยังชีพที่เรานำมาแจกจ่ายให้กับประชาชนจะสามารถบรรเทาความเดือดร้อนในเบื้องต้นได้

“พรรคพลังประชารัฐ นำโดยท่านหัวหน้ามีความเป็นห่วงใยความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชน ที่กำลังได้รับกับความเดือดร้อน และยากลำบากในครั้งนี้ และขอเป็นกำลังใจให้พี่น้องชาวแพร่ทุกท่าน ผ่านพ้นวิกฤติในครั้งนี้ ไปโดยเร็ว“ นายชัยวุฒิกล่าว

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 26 สิงหาคม 2567

พปชร. เตือนเพื่อไทย เอาชื่อคนอื่นนั่ง รมต.โควตาพรรคไม่ได้ ย้ำส่ง 4 คนเดิม

พปชร. เตือนเพื่อไทย เอาชื่อคนอื่นนั่ง รมต.โควตาพรรคไม่ได้ ย้ำส่ง 4 คนเดิม

,

โฆษกพรรคพลังประชารัฐ ย้ำ ส่ง 4 ชื่อ รมต.เดิม “พัชรวาท-ธรรมนัส-อรรถกร-สันติ” ตั้งแต่ 20 ส.ค. แล้ว เผย ขณะนี้อยู่ระหว่างตรวจสอบคุณสมบัติ หากไม่ผ่าน “บิ๊กป้อม” เสนอชื่อเองได้เลย เตือนเพื่อไทย เอาคนอื่นเข้ามาเสียบแทนโควตาพรรคไม่ได้

วันที่ 23 สิงหาคม 2567 ที่ทำการพรรคพลังประชารัฐ พล.ต.ท.ปิยะ ต๊ะวิชัย โฆษกพรรค เปิดเผยภายหลังการประชุมกรรมการบริหารพรรคพลังประชารัฐ ว่า ที่ประชุมเมื่อเวลา 11:30 น. ที่ผ่านมา มีกรรมการบริหารพรรคประชุมทั้งหมด 12 คน จากทั้งหมด 19 คน เป็นการประชุมเกินกึ่งหนึ่ง ถือว่าวันนี้ครบองค์ประชุม

พรรคพลังประชารัฐยืนยันเข้าร่วมรัฐบาล และมีการส่งรายชื่อรัฐมนตรีไปแล้วตั้งแต่ 20 สิงหาคมที่ผ่านมา โดย พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ได้เสนอบุคคลทั้งหมด 4 คน ผ่านไปยัง นายแพทย์พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช เลขาธิการนายกรัฐมนตรี

และวันนี้ที่ประชุมกรรมการบริหารพรรคมีมติยืนยันรายชื่อบุคคลทั้ง 4 คน ประกอบด้วย พลตำรวจเอกพัชรวาท วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ร้อยเอกธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นายสันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข และนายอรรถกร ศิริลัทธยากร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์

พลตำรวจโทปิยะ ระบุว่า หากมีบุคคลตามรายชื่อดังกล่าวท่านหนึ่งท่านใดขาดคุณสมบัติ หรือมีความไม่เหมาะสม พรรคเพื่อไทยต้องแจ้งกลับมาทางพรรคพลังประชารัฐเพื่อทราบ โดยที่ประชุมกรรมการบริหารพรรควันนี้ ได้มอบอำนาจให้หัวหน้าพรรคเป็นผู้พิจารณาคนอื่นที่มีความเหมาะสมเพื่อเป็นรัฐมนตรีและเสนอรายชื่อต่อไปตามความเหมาะสม หรือหากจะนำมาเข้าที่ประชุมกรรมการบริหารพรรคอีกครั้งก็ได้

เบื้องต้น มีการประสานงานกับพรรคเพื่อไทยเป็นระยะ ขณะนี้ยังไม่มีการยืนยันว่าจะมีการปรับเปลี่ยนรายชื่อ และยังไม่มีการติดต่อกลับมาอย่างเป็นทางการ

ทั้งนี้ พลตำรวจโทปิยะ ย้ำว่า ในที่ประชุมวันนี้ พูดคุยกันถึงเรื่องหลักการและวิธีการ ไม่ได้พูดถึงประเด็นการครอบงำพรรคแต่อย่างใด

จากนั้น พล.ต.ท.ปิยะ ให้สัมภาษณ์อีกครั้งถึงรายชื่อรัฐมนตรีที่พรรคพลังประชารัฐเสนอไปว่า รายชื่อรัฐมนตรีแต่ละพรรคก็มีมติและความเห็นของแต่ละพรรค แต่หากพรรคใดมัวแต่ฟังเสียงเล็กเสียงน้อย เสียงทุ้มอะไรพวกนี้ ก็จะไขว้เขว ซึ่งสิ่งเหล่านี้เป็นหลักเกณฑ์มาตั้งแต่ดึกดำบรรพ์ที่มีการเมืองมา ควรคุยกันและให้เกียรติการร่วมรัฐบาลซึ่งกันและกัน

พล.ต.ท.ปิยะ กล่าวต่อว่า พรรคพลังประชารัฐยืนยันว่า รายชื่อรัฐมนตรีที่เราส่งไปได้ผ่านการพิจารณาของกรรมการบริหารพรรค แต่หากพรรคเพื่อไทยจะนำคนอื่นมาใช้ในโควตาของพรรคพลังประชารัฐ ถือว่าไม่เป็นไปตามหลักเกณฑ์

เมื่อถามว่า กังวลถึงคุณสมบัติของรัฐมนตรีพรรคพลังประชารัฐที่อาจเข้าข่ายผิดมาตรฐานจริยธรรมหรือไม่ พล.ต.ท.ปิยะ กล่าวว่า เรื่องนี้เราเข้าใจหัวหน้าพรรคและนายกรัฐมนตรี เพราะตามหลักการ หากเสนอบุคคลที่คุณสมบัติไม่ครบถ้วน หรือไม่เหมาะสม ก็อาจจะมีผลกระทบ ซึ่งทางพรรคเพื่อไทยมีความไม่สบายใจตรงนี้ จึงแจ้งกลับมายังหัวหน้าพรรค ซึ่งทางพรรคยินดีที่จะเปลี่ยนเป็นคนที่เหมาะสม เพราะพรรคพลังประชารัฐมีบุคคลที่เหมาะสมและพร้อมเป็นรัฐมนตรีอยู่หลายคน ไม่ต้องห่วง

เมื่อถามถึงกระแสข่าวว่า พล.อ.ประวิตร จะลาออกจากหัวหน้าพรรค พล.ต.ท.ปิยะ กล่าวว่า ไม่มี หัวหน้าพรรคอยู่กับพวกเราตลอด หากเราไม่ทิ้งท่าน ท่านก็ไม่ทิ้งพวกเรา

ที่มา: เว็บไซต์ https://www.thairath.co.th/
วันที่: 24 สิงหาคม 2567

“สส.รัชนี”กรมทางหลวงชนบท กระทรวงคมนาคมก่อสร้างสะพาน คสล.แทนสะพานไม้เดิมในพื้นที่ 2 จุด หลังตัวคานไม้ชำรุดมาก จนเกินศักยภาพที่ชาวบ้านและท้องถิ่นจะซ่อมแซมได้

,

“สส.รัชนี”กรมทางหลวงชนบท กระทรวงคมนาคมก่อสร้างสะพาน คสล.แทนสะพานไม้เดิมในพื้นที่ 2 จุด หลังตัวคานไม้ชำรุดมาก จนเกินศักยภาพที่ชาวบ้านและท้องถิ่นจะซ่อมแซมได้

นางรัชนี พลซื่อ สส.ร้อยเอ็ด เขต 3 พรรคพลังประชารัฐ(พปชร.) กล่าวหาหรือในที่ประชุมสภาถึงปัญหาความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชน ผ่านไปยังกรมทางหลวงชนบท กระทรวงคมนาคม เพื่อให้ก่อสร้างสะพาน คสล. แทนสะพานไม้เดิม ที่ก่อสร้างโดยสำนักงานเร่งรัดพัฒนาชนบท ซึ่งปัจจุบันมีสภาพชำรุดไม่ปลอดภัยในการใช้สัญจรไปมา แต่พี่น้องประชาชนก็มีความต้องการ และจำเป็นในการสัญจรไปมา เพราะเป็นสะพานที่ใช้ข้ามไปไร่นา และขนส่งผลผลิตทางการเกษตรเข้าหมู่บ้าน ที่ผ่านมาชาวบ้านให้ช่วยกันเรี่ยไรเงินซ่อมแซมเป็นประจำทุกปี เพื่อให้คงสภาพพอที่จะใช้สัญจรไปมาได้ แต่ปัจจุบันสภาพตัวคานไม้ชำรุดมาก จนเกินศักยภาพที่ชาวบ้านและท้องถิ่นจะซ่อมแซมได้ จึงขอให้กรมทางหลวงชนบทก่อสร้างสะพาน คสล. ขนาดกว้าง 6 เมตร ขนาดความยาวตามความกว้างของลำห้วย 2 แห่งรายละเอียดดังนี้

1.ก่อสร้างสะพาน คสล. แทนสะพานไม้เดิม ข้ามหนองมะทอง พร้อมถนนลาดยางเชื่อมทั้ง 2 ฝั่ง จุดบ้านหนองหว้าหมู่ 10 ตำบลกกโพธิ์ อำเภอหนองพอก จังหวัดร้อยเอ็ด

2.ก่อสร้างสะพาน คสล.แทนสะพานไม้เดิม ข้ามลำห้วยยางบ้านพรหมจรรย์ หมู่ 4 ตำบลโคกกกม่วง อำเภอโพนทอง จังหวัดร้อยเอ็ด จุดนา สท.วัชริยา พร้อมก่อนสร้างถนนลาดยาง เชื่อมสะพานทั้ง 2 ฝั่ง

3.ขอให้กรมชลประทาน กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เพื่อก่อสร้างและขยายสะพานข้ามลำห้วยยาง จุดบ้านดงกลางหมู่ 3 ตำบลโคกกกม่วง อำเภอโพนทอง ไปยังบ้านหนองฝ้ายน้ำ ตำบลศรีวิลัย อำเภอเสลภูมิ จังหวัดร้อยเอ็ด ซึ่งเป็นสะพานของกรมชลประทาน มีความกว้างเพียง 1 เมตร รถยนต์ไม่สามารถที่จะข้ามได้
จึงขอให้ก่อสร้างและขยายความกว้างของสะพานเป็น 6 เมตร ความยาวตามความกว้างของลำห้วย และขอให้ก่อสร้างถนนลาดยางทั้ง 2

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 23 สิงหาคม 2567

“สส.จำลอง”ชี้ ประมาณขยายถนนไม่ถึง 20 ล้าน สมควรเร่งดำเนินการให้เสร็จโดยเร็ว เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชน

,

“สส.จำลอง”ชี้ ประมาณขยายถนนไม่ถึง 20 ล้าน สมควรเร่งดำเนินการให้เสร็จโดยเร็ว เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชน

นายจำลอง ภูนวนทา สส.กาฬสินธุ์ เขต 3 พรรคพลังประชารัฐ(พปชร.) กล่าวหาหรือในที่ประชุมสภาว่า ตนได้ลงพื้นที่สำรวจความเดือดร้อนของประชาชนได้จากกรณีถนนในพื้นที่ไม่มีไหล่ทาง เป็นถนนที่ลำบากมาก ซึ่งตนเคยหารือในที่ประชุมอันทรงเกียรติแห่งนี้ ว่า ขอให้ขยายถนน ขยายไหล่ทาง เพื่อเป็นการป้องกันอุบัติเหตุ ป้องกันชีวิตและทรัพย์สินของพี่น้องประชาชน

นายจำลอง ยังหารือถึงปัญหาน้ำท่วม ซึ่งแทบไม่น่าเชื่อ เพราะบ้านของตนอยู่ท้ายเขื่อนแต่ว่ามีน้ำท่วม มูลเหตุเกิดจากการที่ อปท.เทศบาลหนองหิน โดยท่านสมศักดิ์ สายแสน ได้รับคำยืนยันจากกรมทางหลวงว่าจะมี งบประมาณมาขยายถนนให้กับทางเทศบาล จำนวนงบประมาณไม่ถึง 20 ล้าน และให้ทางเทศบาล หรือทางท้องถิ่นเคลียร์พื้นที่ เขาก็เคลียร์แล้ว แต่พอเคลียร์เสร็จเอาท่อระบายน้ำออก ไม่มีช่องทางให้น้ำไหลไป จึงทำให้เกิดน้ำท่วม ชาวบ้านสัญจรไปมาลำบาก

“ผมขอฝากไปยังกรมทางหลวงว่า งบประมาณแค่ไม่ถึง 20 ล้านบาท เพื่อเป็นการบรรเทาความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชน ก็สมควรที่จะเยียวยา สมควรที่จะเร่งดำเนินการถนนเส้นนี้ให้เสร็จโดยเร็วเพื่อเป็นการบรรเทาความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชน”นายจำลอง กล่าว

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 23 สิงหาคม 2567

“ทีมโฆษกพรรคพลังประชารัฐ” แถลงผลประชุม กก.บห.ยืนยันส่ง 4 รายชื่อรัฐมนตรีของพรรคตามข้อตกลงพรรคร่วมรัฐบาล ชี้เป็นมารยาททางการเมือง หากมีการเปลี่ยนตัวบุคคล แจ้ง พปชร.คัดเลือกบุคคลใหม่

,

“ทีมโฆษกพรรคพลังประชารัฐ” แถลงผลประชุม กก.บห.ยืนยันส่ง 4 รายชื่อรัฐมนตรีของพรรคตามข้อตกลงพรรคร่วมรัฐบาล ชี้เป็นมารยาททางการเมือง หากมีการเปลี่ยนตัวบุคคล แจ้ง พปชร.คัดเลือกบุคคลใหม่

เมื่อวันที่ 23 ส.ค. 67 พรรคพลังประชารัฐ นำโดยพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ เป็นประธานในที่ประชุมคณะกรรมการบริหารพรรคพลังประชารัฐ ประกอบด้วย นายสันติ พร้อมพัฒน์, นายไพบูลย์ นิติตะวัน, นายวิรัช รัตนเศรษฐ, นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์, น.ส.ตรีนุช เทียนทอง, พล.อ.กฤษณ์โยธิน ศศิพัฒนวงษ์ นายทะเบียนพรรค, นายยงยุทธ สุวรรณบุตร, นายอภิชัย เตชะอุบล, นายอัครวัฒน์ อัศวเหม, นายสุธรรม จริตงาม, นายกระแสร์ ตระกูลพรพงศ์ และ น.ส.กาญจนา จังหวะ จำนวน 12 คน ถือว่าครบองค์ประชุม

เมื่อเสร็จสิ้นการประชุม พล.ต.ท.ปิยะ ต๊ะวิชัย ทีมโฆษกของพรรคพลังประชารัฐ ได้แถลงข่าวต่อสื่อมวลชนยืนยันการเข้าร่วมรัฐบาล และการเสนอชื่อบุคคลเพื่อดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีในสัดส่วนของพรรคตามที่ได้มีข้อตกลงกับพรรคเพื่อไทยในฐานะแกนนำจัดตั้งรัฐบาล ซึ่งที่ประชุมได้รับทราบเกี่ยวกับการประชุมสภาผู้แทนราษฎรเมื่อวันที่ 16 สิงหาคม 2567 ที่ผ่านมา ตามที่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของพรรคพลังประชารัฐ ได้มีมติเห็นชอบให้หัวหน้าพรรคเพื่อไทย คือ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี

ต่อมาผู้ประสานงานพรรคร่วมรัฐบาลได้ประสานมายังพรรคพลังประชารัฐ เพื่อเสนอรายชื่อบุคคลที่มีความเหมาะสมจะเป็นรัฐมนตรีในสัดส่วนโควต้าของพรรคพลังประชารัฐ และในวันที่ 20 สิงหาคม 2567 หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ได้เสนอรายชื่อบุคคลดังกล่าว จำนวน 4 ท่าน ผ่านนายแพทย์พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช เลขาธิการนายกรัฐมนตรีไปแล้ว เพื่อให้นายกรัฐมนตรีพิจารณาแต่งตั้งตามข้อตกลงในการร่วมรัฐบาล ได้แก่ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นายสันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข และนายอรรถกร ศิริลัทธยากร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์

ทั้งนี้ หากรายชื่อที่ส่งไปแล้วปรากฏว่ามีบุคคลใดบุคคลหนึ่งไม่ผ่านคุณสมบัติในการดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี ทางพรรคเพื่อไทยควรต้องแจ้งกลับมาให้พรรคพลังประชารัฐทราบ เพื่อให้หัวหน้าพรรคซึ่งได้รับมอบหมายจากคณะกรรมการบริหารพรรคเป็นผู้พิจารณาเปลี่ยนแปลงรายชื่อและเสนอไปใหม่เพื่อทดแทนเท่านั้น หากมีการเสนอแต่งตั้งรายชื่อบุคคลอื่นบุคคลใดที่ไม่ได้มาจากรายชื่อที่พรรคพลังประชารัฐเสนอเป็นรัฐมนตรี ทางพรรคขอปฏิเสธรายชื่อดังกล่าวและจะถือว่าไม่เป็นไปตามข้อตกลงที่ทางพรรคเพื่อไทยในฐานะแกนนำจัดตั้งรัฐบาลควรยึดถือและปฏิบัติตาม

พล.ต.ท.ปิยะ ยังระบุถึงกรณีหากรายชื่อคณะรัฐมนตรีไม่เป็นไปตามที่ตกลงกันไว้ก่อนหน้านี้ว่า จริงๆ แล้วเรื่องนี้เป็นอำนาจของนายกรัฐมนตรี แต่มารยาททางการเมือง ควรจะต้องมีการประสานกลับมาที่พรรคพลังประชารัฐก่อนว่า เกิดปัญหาในด้านใดกับรายชื่อบุคคลของพรรคพลังประชารัฐ เพื่อทำการปรับเปลี่ยนรายชื่อต่อไป

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 23 สิงหาคม 2567

“สส.องอาจ” ขอ ประปาภูมิภาค แก้ไขปัญหาน้ำไม่ไหลในพื้นที่สระบุรี ชี้ เป็นเรื่องจำเป็นและเป็นดัชนีชี้วัดประสิทธิภาพ ความสามารถ สมรรถภาพ ของผู้ดูแล

,

“สส.องอาจ” ขอ ประปาภูมิภาค แก้ไขปัญหาน้ำไม่ไหลในพื้นที่สระบุรี ชี้ เป็นเรื่องจำเป็นและเป็นดัชนีชี้วัดประสิทธิภาพ ความสามารถ สมรรถภาพ ของผู้ดูแล

นายองอาจ วงษ์ประยูร สส.สระบุรี พรรคพลังประชารัฐ(พปชร.)กล่าวหาหรือในที่ประชุมสภาถึงปัญหา ความเดือดร้อนกรณีน้ำประปาไม่ไหลต่อเนื่องมานานถึง 3 วัน บริเวณตำบลขุนโขน อำเภอพระพุทธบาท ตั้งแต่
สี่แยกโรงพยาบาลพระพุทธบาท ไปยังหมู่ 9 หมู่บ้าน ราชพฤกษ์ หมู่บ้านอารียา ไปจนถึงพหลโยธิน ถึงถ้ำกระบอก โดยสาเหตุหลักและเกิดจากปัญหาคือ ท่อเล็กท่อน้อยที่ส่งไปยังหมู่บ้าน ชุมชนต่างๆ ในเขตพื้นที่ เทศบาลเมืองพระพุทธบาท เก่าแก่ เสื่อมโทรม ชำรุด อุดตัน มาหลายปี ไม่เคยได้รับการดูแลแก้ไข

“ผมขอให้ประปาส่วนภูมิภาค ปรับปรุงซ่อมแซม เปลี่ยนท่อเก่าให้เป็นท่อใหม่ โดยเร่งด่วน ปัญหานี้คาราคาซัง มาเป็นเวลาช้านาน ซึ่งกรณีน้ำหยุดไหลต่อเนื่องหลายวัน ให้ฉุกเฉินกรณีดังกล่าว ขอให้ประปา ได้แจ้งเตือนก่อน เพราะว่าที่ผ่านมาไม่ได้แจ้งเตือนพี่น้องประชาชน ก็จะได้เตรียมพร้อมดูแลแก้ไขทดแทนหาน้ำมาใช้ ในกรณีดังกล่าวได้ทันท่วงที พร้อมขอให้หน่วยงานที่ดูแลรับผิดชอบในส่วนนี้ช่วยบริหารจัดการรถน้ำไปช่วย คลายทุกข์ให้พี่น้องประชาชน เป็นเวลาชั่วคราวอย่างน้อยทุกข์ก็จะได้คลายลงบ้าง“นายองอาจ กล่าว

นายองอาจ ยังกล่าวต่อถึงปัญหาน้ำประปาในเทศบาลสวนดอกไม้ อำเภอเสาไห้ ไหลน้อยจนถึงไม่ไหล โดยเฉพาะในช่วงวันหยุด เสาร์ อาทิตย์เป็นช่วงที่ใช้น้ำเยอะๆ สาเหตุหลักก็คือ เนื่องจากเทศบาลตำบลสวนดอกไม้ เป็นพื้นที่ปลายสาย ปลายน้ำ เพราะต้องใช้บริการน้ำประปาจากพระพุทธบาท ซึ่งจะใช้เวลาระยะเวลาที่ไกลก่อนน้ำจะไปถึง ก็ค่อยลงไปเรื่อยๆ จึงขอฝากไปยังประปาภูมิภาคให้ช่วยขยายท่อส่งน้ำ เพิ่มแรงดันให้น้ำแรงขึ้น จะได้ช่วยคลายทุกข์บริเวณอำเภอเสาให้ ได้ เพราะน้ำประปาเป็นดัชนีชี้วัดความสุขของพี่น้องประชาชน ในขณะเดียวกันก็เป็นดัชนีชี้วัดประสิทธิภาพความสามารถ สมรรถภาพ ของผู้ที่ดูแลประปาภูมิภาค

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 22 สิงหาคม 2567

“สส.สัมพันธ์” หวัง รัฐบาลจะนำข้อเสนอแนะของ กมธ. แก้ไขหนี้สินฯไปกำหนดนโยบายและมาตรการในการแก้ไขปัญหา บรรเทาความเดือดร้อนให้ประชาชน

,

“สส.สัมพันธ์” หวัง รัฐบาลจะนำข้อเสนอแนะของ กมธ. แก้ไขหนี้สินฯไปกำหนดนโยบายและมาตรการในการแก้ไขปัญหา บรรเทาความเดือดร้อนให้ประชาชน

นายสัมพันธ์ มะยูโซ๊ะ สส.นราธิวาส เขต 3 พรรคพลังประชารัฐ ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการแก้ปัญหาหนี้สิน ความยากจนและลดความเหลื่อมล้ำ เปิดเผยว่า กมธ.ได้รายงานผลการพิจารณาศึกษาญัตติ เรื่อง แนวทางการแก้ไขปัญหา หนี้สินภาคครัวเรือนอย่างยั่งยืน และปัญหาค่าครองชีพสูงที่พิจารณาเสร็จแล้วต่อที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร โดยผลการศึกษาสรุปได้ว่า
ปัญหาหนี้สินภาคครัวเรือนของประเทศไทยในปัจจุบันอยู่ในสัดส่วนของสินเชื่อส่วนบุคคลและบัตรเครดิตมากที่สุด รวมถึงสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์และรถจักรยานยนต์ อันเนื่องมาจากพฤติกรรมการเป็นหนี้ของประชาชนที่เป็นไปในลักษณะของการมีความพร้อมที่จะก่อหนี้ได้ง่ายและเร็วขึ้น

นายสัมพันธ์ กล่าวต่อว่า ประเด็นปัญหาสำคัญอีกประการคืออาชีพเกษตรกรมีรายได้ไม่แน่นอนทำให้เข้าถึงแหล่งเงินทุนในระบบได้ยาก ทำให้มีเกษตรกรจำนวนไม่น้อยต้องพึ่งพาแหล่งเงินทุนนอกระบบและต้องเสียดอกเบี้ยในอัตราสูง รายได้ไม่เพียงพอต่อการชำระหนี้ ต้องชำระเฉพาะดอกเบี้ยรายวันไปเรื่อย ๆ จึงไม่สามารถชำระหนี้ได้หมด ประกอบกับปัญหาค่าครองชีพสูงที่เกิดขึ้นในประเทศไทยมีสาเหตุมาจากหลายปัจจัย ถือเป็นปัจจัยที่สร้างภาระให้แก่ครัวเรือนไทยเป็นอย่างมาก และลดทอนความสามารถในการชำระหนี้ของครัวเรือนด้วย

โดยทาง กมธ.ได้พิจารณถึงแนวทางการแก้ไขปัญหาหนี้สินภาคครัวเรือนอย่างยั่งยืน เช่น การกำหนดเป้าหมายในการแก้ไขปัญหาหนี้สินภาคครัวเรือนให้ชัดเจน รวมถึง กลไกการบริหารนโยบายการแก้ไขปัญหาหนี้สินภาคครัวเรือน โดยการกำหนดตัวชี้วัดในการแก้ไขปัญหาหนี้สินแต่ละด้าน ระบบการติดตามและการประเมินผลการดำเนินงานแก้ไขปัญหาหนี้สิน การจัดหมวดหมู่งบประมาณและการจัดสรรงบประมาณในการแก้ไขปัญหาหนี้สิน ติดตามและการประเมินผลการดำเนินงานแก้ไขปัญหาหนี้สินการปิดช่องโหว่ทางกฎหมายในการแก้ไขปัญหาหนี้สิน และการเพิ่มความรอบรู้ทางการเงินของประชาชน โดยการเพิ่มความรอบรู้ทางการเงินตามช่วงวัย คือ วัยเรียน วัยทำงาน วัยเตรียมเกษียณ และวัยผู้สูงอายุ การเพิ่มความรอบรู้ตามกลุ่มเป้าหมายการทำงาน อาทิ กลุ่มทำงานประจำ ทำงานอิสระ และดำเนินการควบคู่กับการฟื้นฟูสถานะการเงินของครัวเรือน

“ผมหวังเป็นอย่างยิ่งว่าข้อเสนอแนะของคณะกรรมาธิการจะนำไปสู่การกำหนดนโยบายและมาตรการในการแก้ไขปัญหาหนี้สิน และบรรเทาความเดือดร้อนให้แก่ประชาชนต่อไป”

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 19 สิงหาคม 2567

พระเจ้าอยู่หัวพระราชทานของขวัญ ช่อดอกไม้และกระเช้า เป็นกำลังใจ นักกีฬาโอลิมปิกฯ ต่างมีความปลื้มปิติเป็นล้นพ้น และน้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ ประธานโอลิมปิคฯ ภูมิใจผลงาน โอลิมปิก 2024 ไทยครองเหรียญรวม อันดับ 1 อาเซียน ขอบคุณแทนคนไทยทั้งประเทศ จัดงานมอบรางวัล – เลี้ยงขอบคุณนักกีฬาสร้างชื่อสนั่นโลก อีกครั้ง

,

พระเจ้าอยู่หัวพระราชทานของขวัญ ช่อดอกไม้และกระเช้า เป็นกำลังใจ นักกีฬาโอลิมปิกฯ ต่างมีความปลื้มปิติเป็นล้นพ้น และน้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ
ประธานโอลิมปิคฯ ภูมิใจผลงาน โอลิมปิก 2024 ไทยครองเหรียญรวม อันดับ 1 อาเซียน ขอบคุณแทนคนไทยทั้งประเทศ
จัดงานมอบรางวัล – เลี้ยงขอบคุณนักกีฬาสร้างชื่อสนั่นโลก อีกครั้ง

ยกย่อง “น้องเทนนิส-โค้ชเช” คว้าทอง 2 สมัยติด ต้นแบบความสำเร็จ ปวศ.จารึกมิรู้ลืม

เมื่อ 16 ส.ค.67, 10.00 น. ณ ห้องรับรองบ้านอัมพวัน โอลิมปิคแห่งประเทศไทย ฯ ผู้แทนพระองค์
ได้อัญเชิญของขวัญพระราชทานของ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานของขวัญ ช่อดอกไม้และกระเช้า ให้กับนักกีฬาที่ได้รับเหรียญรางวัลในการแข่งขันกีฬาโอลิมปิก 2024 ครั้งที่ 33
เพื่อพระราชทานกำลังใจให้แก่นักกีฬาที่ได้รับเหรียญรางวัลในมหกรรมกีฬาโอลิมปิก ปารีส 2024 สร้างความปลื้มปิติเป็นล้นพ้น และสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้ แก่นักกีฬา ผู้ฝึกสอน สมาคมกีฬาและเจ้าหน้าที่ ตลอดจนคณะกรรมการโอลิมปิคแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ ในโอกาสอันเป็นมงคลนี้

ต่อจากนั้น พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ประธานคณะกรรมการโอลิมปิคแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ ได้เป็นประธานจัดงานพิธีมอบรางวัลและเลี้ยงอาหารกลางวัน แสดงความยินดีให้แก่นักกีฬา ผู้ฝึกสอน สมาคมกีฬาและคณะเจ้าหน้าที่ ที่เข้าร่วมการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกเกมส์ ครั้งที่ 33 ณ กรุงปารีส สาธารณรัฐฝรั่งเศส ระหว่างวันที่ 26 ก.ค.67 ถึง 11 ส.ค.67 โดยมีประเทศเข้าร่วมการแข่งขันทั้งหมด 206 ประเทศ

ทั้งนี้ ผลการแข่งขัน ทัพนักกีฬาไทยสามารถคว้าเหรียญทองได้ 1 เหรียญ จากเรืออากาศโทหญิง
พาณิภัค วงศ์วัฒนกิจ (เทควันโด) 3 เหรียญเงิน จาก สิบตำรวจโท กุลวุฒิ วิทิตศานต์ (แบดมินตัน) นายธีรพงศ์ ศิลาชัย (ยกน้ำหนัก) และนายวีระพล วิชุมา (ยกน้ำหนัก) กับ 2 เหรียญทองแดง จาก
จ่าอากาศตรีหญิง จันทร์แจ่ม สุวรรณเพ็ง (มวยสากล) และนางสาว สุรจนา คำเบ้า (ยกน้ำหนัก) รวมทั้งสิ้น 6 เหรียญรางวัล

โดย พล.อ.ประวิตร ได้ทำพิธีมอบของรางวัลจากคณะกรรมการโอลิมปิคฯ และได้กล่าวแสดงความยินดีพร้อมกล่าวขอบคุณ นักกีฬา ผู้ฝึกสอนสมาคม รวมทั้งเจ้าหน้าที่ทุกคนแทนคนไทยทั้งประเทศ เพื่อเป็นขวัญกำลังใจ ที่ได้ทุ่มเทฝึกซ้อม กระทั่งได้สิทธิเข้าร่วมการแข่งขันโอลิมปิกในครั้งนี้ ซึ่งมีหลายสมาคมฯ ประสบความสำเร็จทำผลงานได้อย่างน่าพอใจ และทำให้นานาประเทศได้เห็นถึงศักยภาพของนักกีฬาทีมชาติไทย ซึ่งทัพนักกีฬาไทยก็ยังสามารถรักษามาตรฐานผลการแข่งขันกีฬาระดับโลกไว้ได้อย่างงดงาม และยังได้สร้างชื่อเสียงจากการได้รับเหรียญรางวัลรวม มากที่สุดเป็นอันดับ 1 ในกลุ่มประเทศอาเซียนด้วยกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งผลงานของ“น้องเทนนิส -โค้ชเช” ที่ได้เหรียญรางวัลโอลิมปิกเหรียญทอง 2 สมัยติดต่อกัน นับเป็นนักกีฬาคนแรกของไทย และเป็นประวัติศาสตร์ที่จะต้องถูกจารึกไว้ ซึ่งเชื่อว่าผลงานครั้งนี้ สะท้อนความสำเร็จได้ตามเป้า อันเกิดจากนโยบายสำคัญ ที่ตนให้ไว้โดยเฉพาะเรื่องการใช้“วิทยาศาสตร์การกีฬา”เพื่อความเป็นเลิศ อย่างจริงจัง อย่างไรก็ตามนักกีฬายังคงต้องมีการพัฒนาเพิ่มขึ้นอีก อย่างต่อเนื่อง ทุกสมาคม โดยจะต้องนำประสบการณ์จากการแข่งขันโอลิมปิกครั้งนี้ ไปปรับปรุงแก้ไข และถอดบทเรียนเพื่อสร้างผลงานให้ดียิ่งขึ้น ในรายการแข่งขันอื่นๆ ต่อไป

ทั้งนี้ พล.อ.ประวิตร ยังได้ฝากขอให้สมาคมกีฬามุ่งใช้ “วิทยาศาสตร์การกีฬา” ที่มีมาตรฐานสากล อย่างต่อเนื่องเพื่อช่วยยกระดับผลงานของนักกีฬาทุกประเภท ให้ดียิ่งๆขึ้น รวมถึงมาตรการป้องกันการใช้“สารต้องห้าม”จะต้องมีการควบคุมอย่างเข้มงวด และเด็ดขาดด้วยเช่นกัน

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 16 สิงหาคม 2567

”สส.จำลอง”วอน หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดการปัญหายาเสพติดแพร่ระบาด หลังสถิติผู้ป่วยเพิ่มสูง หวั่น เป็นจุดเริ่มต้นของอาชญากรในสังคม

,

”สส.จำลอง”วอน หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดการปัญหายาเสพติดแพร่ระบาด หลังสถิติผู้ป่วยเพิ่มสูง หวั่น เป็นจุดเริ่มต้นของอาชญากรในสังคม

นายจำลอง ภูนวนทา สส.กาฬสินธุ์ เขต 3 พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.)กล่าวหารือในที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรว่า ปัจจุบันยาเสพติดได้แพร่ระบาดไปทุกหย่อมหญ้าของสังคมไทย จากสถิติเมื่อปี พ.ศ 2566 มีผู้ป่วย 195,604 คน และปี 2567 ซึ่งยังไม่ถึงสิ้นปียังมีผู้ป่วยสะสม 46,566 คน จากแค่ 2 ปี มียอดผู้ติดยาเสพติดถึง 241,210 คน

“ผมได้ไปสอบถามตัวเลขสถิตินี้จากสาธารณสุขจังหวัด
และได้รับคำตอบว่า สถิติผู้ที่มารักษาในโรงพยาบาล ต้องคูณด้วย 10 เท่า ลองคิดดูว่าสังคมจะเป็นอย่างไร
ในอนาคต“นายจำลอง กล่าว

นายจำลอง กล่าวต่อว่า เมื่อวันที่ 3 สิงหาคม 2567 ในพื้นที่ของตนเกิดเหตุฆาตกรรมที่อำเภอท่าคันโท โดยชายชรา อายุ 74 ปี ถูกฆาตกรรม โดยเยาวชนที่ติดยาเสพติด แล้วเกิดอาการอาละวาด จนเกิดเหตุสลดขึ้น นอกจากนี้ เมื่อช่วงเดือนกรกฎาคมผู้ปกครองของเด็กในพื้นที่ได้ปรึกษาตนว่า อยากมีอาวุธปืน ตนจึงถามว่า จะเอาไปทำไม เพราะว่าเป็นเกษตรกรไม่จำเป็นต้องพกอาวุธ ซึ่งชาวบ้านบอกว่า ลูกมาอาละวาดเกือบทุกวันเพราะติดยาเสพติด จะทำร้ายพ่อ จึงต้องการขอมีใบอนุญาตพกพาอาวุธ เพื่อป้องกันตนเอง จึงขอฝากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดการ แก้ไขปัญหายาเสพติดด้วย“

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 16 สิงหาคม 2567

‘พปชร.’ ย้ำ จุดยืน หนุน แคนดิเดตนายกฯ จาก’เพื่อไทย’ ทั้ง ‘ชัยเกษม-แพทองธาร’ มั่นใจโควต้า รมต. ยังเหมือนเดิม

,

‘พปชร.’ ย้ำ จุดยืน หนุน แคนดิเดตนายกฯ จาก’เพื่อไทย’ ทั้ง ‘ชัยเกษม-แพทองธาร’ มั่นใจโควต้า รมต. ยังเหมือนเดิม

วันที่ 15 ส.ค. 2567 ที่รัฐสภา พรรคพลังประชารัฐ นำโดย นายสันติ พร้อมพัฒน์ รักษาการรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะรองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ,ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รักษาการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในฐานะเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ ,นางสาวตรีนุช เทียนทอง รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ และประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์ ด้านกิจกรรมสัมพันธ์พร้อมด้วย สส.ของพรรคพลังประชารัฐ ร่วมแถลงจุดยืนต่อกรณีการเลือกนายกรัฐมนตรีในวันพรุ่งนี้(16 ส.ค.)

โดยนายสันติ กล่าวว่า ตนได้รับมอบหมายจาก พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ สส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ และคณะกรรมการบริหารพรรค เพื่อแสดงจุดยืนแนวทางในฐานะพรรคร่วมรัฐบาล ดังนี้

1.พรรคพลังประชารัฐสนับสนุนบุคคลในรายชื่อแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทยให้เป็นนายกรัฐมนตรีคนต่อไปในการประชุมสภาผู้แทนราษฎรซึ่งจะมีขึ้นในวันพรุ่งนี้

2.พรรคพลังประชารัฐ ยึดมั่นในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข เทิดทูนและธำรงซึ่งสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ พรรคพลังประชารัฐยังคงมีจุดยืนที่ไม่เปลี่ยนแปลงที่จะไม่ร่วมกับพรรคที่มีนโยบายแก้ไขประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112

3.พรรคพลังประชารัฐ ยึดมั่นในนโยบายที่จะก้าวข้ามความขัดแย้ง เพื่อให้เกิดการส่งเสริมความปรองดองของคนในชาติ ให้มีความสามัคคี เพื่อแก้ไขปัญหาของพี่น้องประชาชน ในเรื่องเศรษฐกิจ และความเท่าเทียม รวมถึงจะพัฒนาประเทศชาติของเราต่อไปให้มีความเข้มแข็ง

ทั้งนี้ นายสันติ เปิดเผยว่า ได้มีการพูดคุยกับพลเอกประวิตรเรียบร้อยแล้ว และท่านได้มอบหมายให้ ตนมาชี้แจงร่วมกับ ร.อ.ธรรมนัส

ด้าน ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า เนื่องจากก่อนหน้านี้มีการประชุมอย่างไม่เป็นทางการกับหัวหน้าพรรค และก็มีมติชัดเจนตามที่ได้แถลงข่าวไป ซึ่งเราขอย้ำว่า เราสนับสนุนบุคคลใดก็ตามที่พรรคเพื่อไทยเป็นผู้เสนอ และสิ่งสำคัญคือการยึดมั่นในนโยบายของพรรคพลังประชารัฐ สำหรับตำแหน่งรัฐมนตรีในโควต้าของพรรคพลังประชารัฐ ยังมี 4 โควต้าตามเดิม ซึ่งภายหลังจากได้นายกรัฐมนตรีแล้ว ตนและนายสันติ จะมีการดำเนินการหารือกับพรรคร่วมรัฐบาลอีกครั้งหนึ่ง ส่วนจะมีการสลับตัวบุคคลหรือไม่นั้น ก็ต้องขึ้นอยู่กับนโยบายของหัวหน้าพรรค

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 16 สิงหาคม 2567

”สส.นเรศ“ขอกรมทางหลวงชนบท เข้าสำรวจและเร่งแก้ไขปัญหาน้ำท่วมบนพื้นผิวถนนทางหลวงชนบทหมายเลข 4016 ที่เป็นเส้นทางหลักเข้าสู่แหล่งท่องเที่ยว

,

”สส.นเรศ“ขอกรมทางหลวงชนบท เข้าสำรวจและเร่งแก้ไขปัญหาน้ำท่วมบนพื้นผิวถนนทางหลวงชนบทหมายเลข 4016 ที่เป็นเส้นทางหลักเข้าสู่แหล่งท่องเที่ยว

นายนเรศ ธำรงค์ทิพยคุณ สส.เชียงใหม่ เขต 9 พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.)กล่าวหารือในที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรว่า ตนขอฝากเรื่องร้องเรียนไปยังกรมทางหลวงชนบท เนื่องจากได้รับการร้องขอจากเทศบาลตำบลแม่วาง และ โครงการบริหารส่วนตำบลบ้านกาด อำเภอแม่วาง เพื่อขอเข้าแก้ไขปัญหาน้ำท่วมขัง ถนนทางหลวงชนบท เลขที่ 4016 เชื่อมต่อทางหลวง 1013 บ้านกาด-แม่วิน อำเภอแม่วาง จังหวัดเชียงใหม่ กม.ที่ 1-6 เนื่องจากช่วงหน้าฝนสภาพถนนจะมีน้ำท่วมขังและ ทางหลวงชนบทหมายเลข 4016 เป็นเส้นทางหลักของ อำเภอแม่วาง ที่จะเข้าสู่แหล่งท่องเที่ยวไม่ว่าจะเป็นโครงการหลวง ปางช้าง ตลอดจนถึงเป็นเส้นทางที่เชื่อมต่อไปยังอุทยานดอยอินทนนท์

“ผมขอให้กรมทางหลวงชนบทเข้าสำรวจและเร่งแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าก่อนก็ได้ เนื่องจากว่า ตอนนี้เข้าหน้าฝนแล้วเวลาน้ำท่วม ก็จะเกิดน้ำร่วมขังบนถนนมาโดยตลอด จึงขอให้กรมทางหลวงแก้ไขปัญหาดังกล่าวให้พี่น้องประชาชนอำเภอแม่วาง“นายนเรศ กล่าว

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 13 สิงหาคม 2567

“สส.วรโชติ”ชี้ ข้าวโพดจากประเทศเพื่อนบ้าน ทำให้ลานรับซื้อของเกษตรกรไทยน้อยลง วอน คงโควต้านำเข้าข้าวโพด 3 ต่อ 1 ไว้ให้เกษตรกรอยู่ได้

,

“สส.วรโชติ”ชี้ ข้าวโพดจากประเทศเพื่อนบ้าน ทำให้ลานรับซื้อของเกษตรกรไทยน้อยลง วอน คงโควต้านำเข้าข้าวโพด 3 ต่อ 1 ไว้ให้เกษตรกรอยู่ได้

นายวรโชติ สุคนธ์ขจร สส.เพชรบูรณ์ เขต 4 พรรคพลังประชารัฐ(พปชร.)กล่าวหารือในที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรว่า เมื่อวันที่ 10 ส.ค.ที่ผ่านมา เป็นวันกำนันผู้ใหญ่บ้าน มีประชาชนตัวแทนของพี่น้องเกษตรกรผู้ปลูกข้าวโพด ของจังหวัดเพชรบูรณ์ ได้มายื่นหนังสือให้กับผม เพื่อร้องเรียนเรื่องข้าวโพดที่มีการนำเข้าจากประเทศเพื่อนบ้าน มันเป็นปัญหาใหญ่ ซึ่งในเดือนสิงหาคมและกันยายน จะเป็นฤดูที่เก็บเกี่ยวข้าวโพดของจังหวัดเพชรบูรณ์ ราคาตอนนี้ก็ยังถือว่าไปได้ แต่ว่าปัญหาใหญ่ๆ เลยก็คือ มีการนำเข้าข้าวโพดจากประเทศเพื่อนบ้านเข้ามาจำนวนเยอะ

นายวรโชติ กล่าวต่อว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นทำให้ลานรับซื้อข้าวโพดก็จะไม่ค่อยซื้อข้าวโพดจากชาวบ้าน เพราะว่า มีการรับซื้อข้าวโพดจากประเทศเพื่อนบ้านเข้ามา
และปัญหาที่น่าห่วงอีกประการหนึ่งที่ทางพี่น้องเกษตรกรฝากมาคือโควต้าการนำเข้า 3-1 ตนไม่ทราบว่าเขาไปรู้มาจากไหนว่า เร็วๆนี้จะมีการลด
โควต้าการนำเข้า จาก 3 ต่อ 1 จะไม่ใช่แบบนั้นแล้ว

”ถ้ามีการลดโควต้าตรงนี้ พี่น้องเกษตรกรแย่แน่ เพราะว่าข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ที่มันจะออกมา 3 ต่อ 1 ส่วน ใช้ข้าวโพดภายในประเทศ 3 ส่วนและนำเข้า 1 ส่วน ถ้าเกิดไปลดโควต้า 3 ส่วนของเกษตรกรแล้ว เขาจะอยู่อย่างไร วันนี้ราคาปุ๋ย ราคายา ราคาพันธุ์ข้าวโพด ก็แพงอยู่แล้ว ไร่นึงค่าใช้จ่ายตกค่าเฉลี่ยแล้ว 6,000 กว่าบาท แล้ววันนี้จะไปลดโควต้าเขาอีก ต้องฝากไปถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ช่วยดูเรื่องนี้ โดยอยากให้คง โควต้า 3 ต่อ 1 ไว้ ซึ่งผมจะฝากหนังสือที่ทางพี่น้องเกษตรกรฝากมาให้ไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องด้วย“นายวรโชติ กล่าว

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 13 สิงหาคม 2567