พปชร.เตือนนโยบายรัฐบาล ที่ในปี 2570 จะบังคับให้ประชาชนทุกคนต้องยื่นแบบภาษี จะกระทบเกษตรกร-ประชาชนกว่า 40–50 ล้านคน
โดยเฉพาะเกษตรกรที่ไม่คุ้นชินกับระบบภาษี พร้อมตั้งคำถามว่าทำไมรัฐบาลไม่จัดเก็บภาษีจากผู้มีรายได้สูงและธุรกิจต่างชาติที่ยังเลี่ยงภาษีให้ครบถ้วนเสียก่อน พรรคย้ำรัฐบาลควรทบทวนเพื่อไม่ให้เกิดความเดือดร้อนในวงกว้าง
วันนี้ 19 ส.ค.68 นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล รองหัวหน้าพรรคฝ่ายเศรษฐกิจ พรรคพลังประชารัฐ แถลงภายหลังการประชุมคณะกรรมการบริหารพรรค ว่าพรรคได้รับทราบนโยบายรัฐบาลซึ่งเตรียมปรับระบบการยื่นภาษีตั้งแต่ปี 2570 เป็นต้นไป จากเดิมที่บังคับเฉพาะเพียงผู้มีรายได้เกิน 120,000 บาทต่อปี หรือประมาณ 10 ล้านคน ที่ต้องยื่นแบบภาษี จะเปลี่ยนเป็นให้ประชาชนทุกคนต้องยื่น โดยรัฐบาลอ้างว่าจะช่วยให้จัดทำสวัสดิการและดูแลผู้มีรายได้น้อยได้สะดวกขึ้น ภายใต้นโยบาย “Negative Income Tax (NIT)”
นายธีระชัยกล่าวว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ยืนยันไม่ขัดข้องต่อการช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อย แต่เห็นว่านโยบายนี้จะสร้างภาระอย่างรุนแรง เพราะจำนวนผู้ที่ต้องยื่นแบบภาษีจะพุ่งจาก 10 ล้านคนเป็น 40–50 ล้านคน โดยเฉพาะเกษตรกรกว่า 25–30 ล้านครัวเรือนซึ่งไม่เคยมีประสบการณ์กรอกแบบภาษีมาก่อน จะต้องเสียค่าใช้จ่ายจ้างทำบัญชี และเสี่ยงถูกดำเนินคดีหากกรอกผิดพลาด จะต้องรับผิดตามกฎหมายภาษีทั้งในทางแพ่งและทางอาญา
พรรคพลังประชารัฐยังตั้งคำถามต่อรัฐบาลว่า เหตุใดไม่เร่งแก้ปัญหาการจัดเก็บภาษีจากกลุ่มผู้มีรายได้สูงและธุรกิจซับซ้อน รวมถึงต่างชาติที่ยังไม่เสียภาษีอย่างถูกต้อง เช่น การปลูกต้นมะนาวหรือต้นกล้วยในที่ดินราคาแพงกลางเมืองเพื่อหลบภาษีอัตราแพง โรงงานผลิตเหล็กของชาวต่างชาติที่ไม่ได้มาตรฐานและหนีภาษี หรือแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียที่หาผลประโยชน์จากโฆษณาในไทยโดยไม่รัฐบาลไม่หาหนทางเก็บภาษี
สำหรับการเปรียบเทียบกับต่างประเทศ นายธีระชัยระบุว่า ประเทศที่พรรคเพื่อไทยอ้างถึง เช่น สหรัฐฯ สหราชอาณาจักร ออสเตรเลีย เกาหลีใต้ และสิงคโปร์ ล้วนเป็นประเทศที่มีฐานะร่ำรวย และแม้มีการทดลองนโยบาย NIT แต่ก็ยังไม่มีประเทศใดในโลกที่บังคับให้ประชาชนทุกคนต้องยื่นแบบภาษี ขณะเดียวกันการช่วยเหลือแบบเหวี่ยงแห แทนที่จะเน้นแต่เฉพาะกลุ่มเปราะบาง และการแจกเงินก้อนให้กลุ่มรายได้ต่ำ ก็จะเป็นภาระผูกพันงบประมาณระยะยาวตลอดไป และไม่สามารถแยกแยะว่าผู้ที่รายได้ต่ำกว่าเกณฑ์ที่รัฐบาลต้องช่วยชดเชยเงินให้โดยอัตโนมัตินั้น ปัญหาเกิดจากเจ้าตัวตกงานหรือแท้จริงไม่ยอมหางานทำ
นายธีระชัยย้ำว่า ประเทศไทยมีฐานข้อมูลประชาชนรายได้น้อยอยู่แล้วจากโครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ คนละครึ่ง และเราเที่ยวด้วยกัน ซึ่งสามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้ทันทีโดยไม่ต้องลงทุนพัฒนาระบบใหม่ให้สิ้นเปลืองงบประมาณ จึงขอให้รัฐบาลทบทวนอย่างจริงจัง เพราะนโยบายนี้จะสร้างความเดือดร้อนให้ประชาชนวงกว้าง โดยเฉพาะเกษตรกรและผู้มีรายได้น้อยที่กลายเป็นผู้แบกรับภาระหนักมาก