“สส.สัมพันธ์” หวัง รัฐบาลจะนำข้อเสนอแนะของ กมธ. แก้ไขหนี้สินฯไปกำหนดนโยบายและมาตรการในการแก้ไขปัญหา บรรเทาความเดือดร้อนให้ประชาชน
นายสัมพันธ์ มะยูโซ๊ะ สส.นราธิวาส เขต 3 พรรคพลังประชารัฐ ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการแก้ปัญหาหนี้สิน ความยากจนและลดความเหลื่อมล้ำ เปิดเผยว่า กมธ.ได้รายงานผลการพิจารณาศึกษาญัตติ เรื่อง แนวทางการแก้ไขปัญหา หนี้สินภาคครัวเรือนอย่างยั่งยืน และปัญหาค่าครองชีพสูงที่พิจารณาเสร็จแล้วต่อที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร โดยผลการศึกษาสรุปได้ว่า
ปัญหาหนี้สินภาคครัวเรือนของประเทศไทยในปัจจุบันอยู่ในสัดส่วนของสินเชื่อส่วนบุคคลและบัตรเครดิตมากที่สุด รวมถึงสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์และรถจักรยานยนต์ อันเนื่องมาจากพฤติกรรมการเป็นหนี้ของประชาชนที่เป็นไปในลักษณะของการมีความพร้อมที่จะก่อหนี้ได้ง่ายและเร็วขึ้น
นายสัมพันธ์ กล่าวต่อว่า ประเด็นปัญหาสำคัญอีกประการคืออาชีพเกษตรกรมีรายได้ไม่แน่นอนทำให้เข้าถึงแหล่งเงินทุนในระบบได้ยาก ทำให้มีเกษตรกรจำนวนไม่น้อยต้องพึ่งพาแหล่งเงินทุนนอกระบบและต้องเสียดอกเบี้ยในอัตราสูง รายได้ไม่เพียงพอต่อการชำระหนี้ ต้องชำระเฉพาะดอกเบี้ยรายวันไปเรื่อย ๆ จึงไม่สามารถชำระหนี้ได้หมด ประกอบกับปัญหาค่าครองชีพสูงที่เกิดขึ้นในประเทศไทยมีสาเหตุมาจากหลายปัจจัย ถือเป็นปัจจัยที่สร้างภาระให้แก่ครัวเรือนไทยเป็นอย่างมาก และลดทอนความสามารถในการชำระหนี้ของครัวเรือนด้วย
โดยทาง กมธ.ได้พิจารณถึงแนวทางการแก้ไขปัญหาหนี้สินภาคครัวเรือนอย่างยั่งยืน เช่น การกำหนด
เป้าหมายในการแก้ไขปัญหาหนี้สินภาคครัวเรือนให้ชัดเจน รวมถึง กลไกการบริหารนโยบายการแก้ไขปัญหาหนี้สินภาคครัวเรือน โดยการกำหนดตัวชี้วัดในการแก้ไขปัญหาหนี้สินแต่ละด้าน ระบบการติดตามและการประเมินผลการดำเนินงานแก้ไขปัญหาหนี้สิน การจัดหมวดหมู่งบประมาณและการจัดสรรงบประมาณในการแก้ไขปัญหาหนี้สิน ติดตามและการประเมินผลการดำเนินงานแก้ไขปัญหาหนี้สินการปิดช่องโหว่ทางกฎหมายในการแก้ไขปัญหาหนี้สิน และการเพิ่มความรอบรู้ทางการเงินของประชาชน โดยการเพิ่มความรอบรู้ทางการเงินตามช่วงวัย คือ วัยเรียน วัยทำงาน วัยเตรียมเกษียณ และวัยผู้สูงอายุ การเพิ่มความรอบรู้ตามกลุ่มเป้าหมายการทำงาน อาทิ กลุ่มทำงานประจำ ทำงานอิสระ และดำเนินการควบคู่กับการฟื้นฟูสถานะการเงินของครัวเรือน
“ผมหวังเป็นอย่างยิ่งว่าข้อเสนอแนะของคณะกรรมาธิการจะนำไปสู่การกำหนดนโยบายและมาตรการในการแก้ไขปัญหาหนี้สิน และบรรเทาความเดือดร้อนให้แก่ประชาชนต่อไป”
ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 19 สิงหาคม 2567