โลกเปลี่ยน ไทยต้องปรับ ทางเลือกใหม่ของการเมืองไทย ก้าวข้ามความขัดแย้ง สานพลังประชาราษฎร์ ร่วมสร้างชาติให้ยั่งยืน

ปี: 2024

“สส.คอซีย์” ร่วมคณะ กมธ.สันติภาพใต้ ลงพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนใต้ หวัง การส่งเสริมวัฒนธรรมให้เกิดความภาคภูมิใจในอัตลักษณ์ จะทำให้เกิดสันติภาพอย่างยั่งยืน

,

“สส.คอซีย์” ร่วมคณะ กมธ.สันติภาพใต้ ลงพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนใต้ หวัง การส่งเสริมวัฒนธรรมให้เกิดความภาคภูมิใจในอัตลักษณ์ จะทำให้เกิดสันติภาพอย่างยั่งยืน

นายคอซีย์ มามุ สส. ปัตตานี เขต 2 พรรคพลังประชารัฐ(พปชร.)เปิดเผยว่า ตนในฐานะคณะกรรมาธิการวิสามัญ เพื่อพิจารณาศึกษาและเสนอแนวทางการส่งเสริมกระบวนการสร้างสันติภาพ เพื่อแก้ไขปัญหาความขัดแย้งในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ สภาผู้แทนราษฎร พร้อมด้วย นายอามินทร์ มะยูโซ๊ะ สส.นราธิวาส เขต 2 พรรคพลังประชารัฐ ในฐานะ สส.ในพื้นที่ ได้เข้าร่วมประชุมคณะกรรมาธิการ โดยมีนายจาตุรนต์ ฉายแสง ประธานกรรมาธิการ ร่วมประชุมและมีการเชิญคณะและพบปะกลุ่มต่าง อาทิ คณะตัวแทนนักศึกษามหาวิทยาลัยนราธิวาสราชนครินทร์ ,กลุ่มสมัชชาประชาสังคมเพื่อสันติภาพ ,พบปะผู้ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ตากใบ และพบปะประชาชนบ้านเจะเห

นายคอซีย์ กล่าวต่อว่า การประชุมและพบปะในครั้งนี้ เพื่อศึกษาปัญหาอุปสรรคในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่เป็นประเด็นสำคัญทั้งด้านความมั่นคง ด้านเศรษฐกิจ ด้านการศึกษา นำเสนอต่อรัฐบาล เพื่อนำไปแก้ไขปัญหาความขัดแย้งในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ให้เกิดสันติภาพและสันติสุขต่อไป

“ตลอดการทำงานของคณะกรรมาธิการที่ผ่านมา เราพบว่าการจะทำให้เกิดสันติภาพอย่างยั่งยืนได้นั้นควรส่งเสริมวัฒนธรรม ให้เกิดความภาคภูมิใจในอัตลักษณ์ของตนอย่างเปิดเผย และอยู่ร่วมกันได้กับคนส่วนใหญ่ในประเทศ และรู้สึกเป็นเจ้าของประเทศร่วมกัน ซึ่งประธาน กมธ. ต้องการทำข้อเสนอที่ให้ความสำคัญกับการส่งเสริมอัตลักษณ์ ศิลปวัฒนธรรม ศาสนา รวมถึงภาษา”นายคอซีย์ กล่าว

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 2 มิถุนายน 2567

“พล.ต.อ.พัชรวาท” ปลื้มค่าฝุ่น PM 2.5 ทั่วประเทศลดลงเทียบ ปี 66 เร่งแผนแก้มลพิษฉบับ 2 ชงนายก-ครม.พิจารณา

,

“พล.ต.อ.พัชรวาท” ปลื้มค่าฝุ่น PM 2.5 ทั่วประเทศลดลงเทียบ ปี 66 เร่งแผนแก้มลพิษฉบับ 2 ชงนายก-ครม.พิจารณา

พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการจัดการมลพิษทางอากาศเพื่อความยั่งยืน โดยมี นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง ประธานที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี ในฐานะรองประธานคนที่ 1นายบุญจง วงศ์ไตรรัตน์ กรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรี ตัวแทนรองประธานคนที่ 2นายจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม นายชัยวัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะกรรมการ พร้อมด้วยหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมประชุมอย่างพร้อมเพรียง

โดย พล.ต.อ.พัชรวาท กล่าวว่า ที่ประชุมได้รับทราบผลการดำเนินงาน ภายใต้มาตรการแก้ไขปัญหาฝุ่นพิษ PM 2.5 ปี 2567 ว่า สถานการณ์โดยรวมดีขึ้นตามเป้าหมาย จากการทำงานหนัก ทั้งค่าเฉลี่ยฝุ่น PM 2.5 ที่ลดลง จำนวนวันฝุ่นเกินค่ามาตรฐานลดลง และจำนวนจุดความร้อนลดลง เมื่อเทียบกับปี 2566 ทั้งนี้หลังจากกรมอุตุนิยมวิทยา ประกาศเข้าฤดูฝน ตั้งแต่วันที่ 20 พ.ค. ที่ผ่านมาสถานการณ์ฝุ่น PM 2.5 และจุดความร้อนคลี่คลาย PM 2.5 ทั่วประเทศอยู่ในเกณฑ์มาตรฐานทุกภาค แต่หมอกควันภาคใต้จะเข้าสู่ช่วงเฝ้าระวังตั้งแต่ ก.ค.-ก.ย.สาเหตุจากป้าพรุ และหมอกควันข้ามแดน พบจำนวนจุดความร้อนเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะในพื้นที่เกษตร ดังนั้น ขอให้กรมอุทยานแห่งชาติฯ กรมป่าไม้ เฝ้าระวังการเกิดไฟในป่าพรุ และให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงมหาดไทย ตรวจสอบจุดความร้อนที่สูงขึ้นในพื้นที่เกษตร และกำชับหน่วยงานในสังกัดและผู้ว่าฯ ควบคุมอย่างเข้มงวด

พล.ต.อ.พัซรวาท กล่าวว่า นอกจากนี้ ที่ประชุมยังได้เห็นชอบแนวทางการจัดทำแผนขับเคลื่อนวาระแห่งชาติ “การแก้ไขปัญหามลพิษด้านฝุ่นละออง” ฉบับที่ 2และแผนเฉพาะกิจประจำปี 2568 โดยได้มอบหมายให้ศูนย์ปฏิบัติการระดับจังหวัดฯ ถอดบทเรียนการแก้ไขปัญหา และส่งรายงานผลส่งให้กรมควบคุมมลพิษ ในเดือน มิ.ย.และให้กรมควบคุมมลพิษ เร่งจัดทำและนำแผนทั้ง 2 ฉบับไปรับฟังความคิดเห็น และนำกลับมาเสนอต่อคณะกรรมการพิจารณาภายในเดือนสิงหาคม เพื่อเสนอนายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรีพิจารณาต่อไป

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 1 มิถุนายน 2567

“รมว.ธรรมนัส” ลงสุราษฎร์ ลุยแก้ราคาปาล์ม สั่งตั้งกก.รักษาเสถียรภาพราคา เล็งขึ้นทะเบียนลานเท ยกสร้างมาตรฐานโรงสกัดทุกแห่ง ให้มีมาตรฐานเดียวกัน มุ่งแก้ปัญหายั่งยืน

,

“รมว.ธรรมนัส” ลงสุราษฎร์ ลุยแก้ราคาปาล์ม สั่งตั้งกก.รักษาเสถียรภาพราคา เล็งขึ้นทะเบียนลานเท ยกสร้างมาตรฐานโรงสกัดทุกแห่ง ให้มีมาตรฐานเดียวกัน มุ่งแก้ปัญหายั่งยืน

ร้อยเอก ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวภายหลังลงพื้นที่เพื่อรับฟังปัญหาและหาแนวทางแก้ไขราคาปาล์มน้ำมันตกต่ำ ณ ศูนย์เรียนรู้การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตสินค้าเกษตร (ศพก.) อำเภอเมืองสุราษฎร์ธานี จังหวัดสุราษฎร์ธานี โดยมี ผู้บริหารกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ผู้แทนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง นายกสมาคมชาวสวนปาล์มน้ำมัน จ.สุราษฎร์ธานี ผู้แทนเกษตรกรชาวสวนปาล์ม 14 จังหวัดภาคใต้ เข้าร่วมว่า ขณะนี้ เกษตรกรชาวสวนปาล์ม ประสบปัญหาความเดือดร้อนราคาปาล์มตกต่ำ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี จึงมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งกระทรวงเกษตรและสหกรณ กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงอุตสาหกรรม และกระทรวงพลังงาน ทำงานร่วมกันในการเร่งหามาตรการแก้ไข ซึ่งจากการประชุมคณะรัฐมนตรีเศรษฐกิจ เมื่อวันที่ 27 พ.ค.67 ที่มีนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ที่ประชุมได้กำหนด 6 แนวทางการแก้ไขปัญหาราคาปาล์มน้ำมันตกต่ำเพื่อช่วยเหลือชาวสวนปาล์มน้ำมันแล้ว

ร้อยเอก ธรรมนัส กล่าวอีกว่า การลงพื้นที่ในครั้งนี้เพื่อต้องการรับฟังปัญหาและรับข้อเสนอแนะแนวทางแก้ไขจากชาวสวนปาล์มอย่างแท้จริง ซึ่งตนได้สั่งการให้ตั้งคณะกรรมการรักษาเสถียรภาพราคาปาล์มน้ำมัน ประกอบด้วย ตัวแทนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งภาครัฐ กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงพลังงาน ภาคเอกชน ภาคประชาชน ผู้แทนเกษตรกร ผู้ประกอบการ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ฝ่ายความมั่นคง เข้ามาร่วมด้วย และจะหารือนายกรัฐมนตรี ทำหนังสือถึงผู้ว่าราชการจังหวัด แต่งตั้งคณะกรรมการระดับจังหวัด ให้มีการขึ้นทะเบียนลานเท โรงสกัดน้ำมันไบโอดีเซล โรงสกัดน้ำมันปาล์มดิบ ตลอดจนให้มีหน่วยงานตรวจวัดคุณภาพปาล์ม เปอร์เซ็นการสกัด (OER : Oil Extraction Rate) เพื่อให้ความเป็นธรรมกับทั้งเกษตรกร และผู้ประกอบการ ต้องมีความชัดเจน น่าเชื่อถือ เป็นมาตรฐานเดียวกัน โดยจะต้องแก้ปัญหาโครงการสร้างราคาปาล์มน้ำมันนี้ให้เกิดเป็นรูปธรรมทั้งระบบ เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาซ้ำทุกปี นอกจากนี้ จะใช้กลไกของสหกรณ์เข้ามาช่วยเหลือ เช่น ชะลอการขายปาล์มน้ำมันโดยเก็บสต็อก หรือใช้โรงสกัดของสหกรณ์ เข้ามาช่วยเป็นต้น

สำหรับกรณีที่มีการลักลอบนำเข้าปาล์มจากประเทศเพื่อนบ้านนั้น กระทรวงเกษตรฯ ได้มีชุดปฏิบัติการพิเศษพญานาคราช ร่วมกับหน่วยงานเกี่ยวข้อง ดำเนินการปราบปรามอย่างจริงจัง

“จากการรับฟังปัญหาและข้อเสนอแนะของพี่น้องผมจะสรุปข้อมูลทั้งหมดรายงานให้นายกรัฐมนตรีรับทราบ และฝากถึงพี่น้องชาวสวนปาล์ม ขอให้มั่นใจในแนวทางทั้ง 6 ข้อที่รัฐบาลได้ออกมาซึ่งต้องดำเนินควบคู่กันไป เพื่อรักษาเสถียรภาพของราคาให้กลับเข้าสู่สถานการณ์ปกติ มั่นใจว่าราคาปาล์มต้องดีขึ้น ซึ่งวันนี้ราคาปาล์มขยับขึ้นจากเดิม 3.50 บาท เป็น 4.50 ตามที่กรมการค้าภายใน ได้ออกหนังสือเมื่อวันที่ 28 พ.ค.67 โดยขอให้ผู้ประกอบการโรงงานสกัดน้ำมันปาล์ม ปรับราคารับซื้อผลปาล์มน้ำมัน โดยรับซื้อในราคาไม่ต่ำกว่ากิโลกรัมละ 4.50 บาท“ ร้อยเอก ธรรมนัส กล่าว

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 1 มิถุนายน 2567

“พล.อ.ประวิตร” ร่วมวงข้าวกลางวัน ถก สส.เร่งแก้ปัญหาปชช.ในพื้นที่ นำเสียงสะท้อนผลักดันผ่านกลไกสภาฯ

,

“พล.อ.ประวิตร” ร่วมวงข้าวกลางวัน ถก สส.เร่งแก้ปัญหาปชช.ในพื้นที่ นำเสียงสะท้อนผลักดันผ่านกลไกสภาฯ

เวลา 11.30 น 30 พฤษภาคม 2567 พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) พร้อมด้วย แกนนำ สส.และสมาชิกพรรค อาทิ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ในฐานะประธานที่ปรึกษาพรรค ,ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมว.เกษตรและสหกรณ์ ในฐานะเลขาธิการพรรค,นายสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.กระทรวงสาธารณสุข ในฐานะรองหัวหน้าพรรค ,นายอรรถกร ศิริลัทธยากร รมช.กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ,นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รองหัวหน้าพรรค ,นายไพบูลย์ นิติตะวัน รองหัวหน้าพรรค, น.ส.ตรีนุช เทียนทอง รองหัวหน้าพรรค, พล.อ.กฤษณ์โยธิน ศศิพัฒนวงษ์ เหรัญญิกพรรค, นายวราเทพ รัตนากร ผู้อำนวยการพรรค ได้พูดคุยและรับประทาน อาหารกลางวันร่วมกัน ที่มูลนิธิอนุรักษ์ป่ารอยต่อฯ ซึ่งมีการแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างกันจากการลงพื้นที่ในด้านปัญหาและอุปสรรคของคนในพื้นที่ ที่จะนำมาสู่การวางแผนงานขับเคลื่อนพรรคให้สอดรับกับพี่น้องประชาชนมากที่สุด

โดยที่ผ่านมา พล.อ.ประวิตร ได้กำชับและ มอบหมายให้ สส.ทุกคนลงพื้นที่ไปรับฟังปัญหาของประชาชนในทุกแง่มุม รวมทั้งรับฟังเสียงสะท้อนความต้องการของประชาชน ในช่วงปิดสมัยการประชุมสภาฯ เพื่อที่จะนำปัญหาของประชาชนขับเคลื่อนสู่การแก้ไขอย่างเป็นรูปธรรม ผ่านกลไกของรัฐสภาในการเปิดสมัยประชุมช่วงเดือน ก.ค.นี้

นอกจากนี้ พล.อ.ประวิตร ยังย้ำให้รัฐมนตรีในสัดส่วนของพรรค พปชร.ตั้งใจทำหน้าที่เพื่อประชาชนและประเทศชาติต่อไป โดยขอให้เอาประโยชน์ของพี่น้องประชาชนเป็นหลักในการทำงาน เนื่องจากที่ผ่านมา พปชร.ได้เดินหน้าทำตามนโยบายที่ได้ประกาศหาเสียงกับประชาชนได้ครบเกือบทุกเรื่องแล้ว จึงอยากจะให้ทุกคนในพรรคสานต่อสิ่งดี ๆ ที่พรรคของเราได้ตั้งใจและตั้งมั่นเอาไว้

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 1 มิถุนายน 2567

“สส.ไผ่ ลิกค์” นำ คณะ อบจ.กำแพงเพชรเข้าพบ “รมช.อรรถกร” ยื่นจดหมายชงปัญหาน้ำกระทบภาคเกษตรในพื้นที่ สู่การแก้ไขเพื่อประโยชน์ปชช.

,

“สส.ไผ่ ลิกค์” นำ คณะ อบจ.กำแพงเพชรเข้าพบ “รมช.อรรถกร” ยื่นจดหมายชงปัญหาน้ำกระทบภาคเกษตรในพื้นที่ สู่การแก้ไขเพื่อประโยชน์ปชช.

นายไผ่ ลิกค์ สส.กำแพงเพชร เขต 1 พรรคพลังประชารัฐ(พปขร.)กล่าวว่า ได้นำคณะสมาชิกสภาจังหวัดกำแพงเพชร (สจ.)เข้าพบ นายอรรถกร ศิริลัทธยากร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เพื่อยื่นหนังสือให้กระทรวงเร่งดำเนินการแก้ไขปัญหาให้กับพี่น้องประชาชนในจ.กำแพงเพชร โดยเฉพาะปัญหาการพัฒนาและปรับปรุงระบบชลประทาน ซึ่งมีผลต่อการสนับสนุนภาคการเกษตร และการบริหารจัดการน้ำ

นายไผ่ กล่าวต่อว่า ช่วงที่ผ่านมาประชาชนประสบปัญหาภัยแล้งอย่างมาก ระบบการกระจายน้ำยังต้องปรับปรุง หรือพัฒนาให้สามารถรองรับกับความต้องการใช้น้ำ รวมทั้งขณะนี้กำลังก้าวเข้าสู่ฤดูฝน จำเป็นที่จะต้องใช้ระบบชลประทาน เพื่อการกักเก็บน้ำ และเพื่อป้องกันอุทกภัยได้อีกทางหนึ่ง

“องค์การบริหารส่วนจังหวัด จึงได้จัดทำข้อมูลความต้องการของประชาชนในพื้นที่นำเสนอรายละเอียดแนวทางการพัฒนาโครงการต่างๆ ที่ได้นำมามอบให้กับรัฐมนตรีช่วย เพื่อนำไปเสนอต่อกระทรวงเพื่อประกอบการพิจารณาและผลักดันโครงการให้เกิดประโยชน์สูงสุดที่จะนำไปสู่การแก้ไขปัญหาอย่างยั่งยืนของชาวกำแพงเพชรต่อไป”นายไผ่ กล่าว

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 1 มิถุนายน 2567

“สส.ภาคภูมิ” ผู้แทนจ.ตากขอบคุณ พล.อ.ประวิตร – พล.ต.อ พัชรวาท – รมว.ธรรมนัส ร่วมดัน การกระจายอำนาจสู่ท้องถิ่น ลดขั้นตอนขออนุญาตใช้พื้นที่ป่าเพื่อการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน แก้ปัญหาให้ ปชช.

,

“สส.ภาคภูมิ” ผู้แทนจ.ตากขอบคุณ พล.อ.ประวิตร – พล.ต.อ พัชรวาท – รมว.ธรรมนัส ร่วมดัน การกระจายอำนาจสู่ท้องถิ่น ลดขั้นตอนขออนุญาตใช้พื้นที่ป่าเพื่อการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน แก้ปัญหาให้ ปชช.

นายภาคภูมิ บูลย์ประมุข สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) เขต 3 จ. ตาก พรรคพลังประชารัฐ(พปชร.) กล่าวว่า เป็นที่น่ายินดีของ พี่น้องชาวจังหวัดตาก ภายหลังจากที่กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช และกรมป่าไม้ ได้มีคำสั่งมอบอำนาจให้ ผอ.สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ และผอ.สำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ ในพื้นที่ ปฏิบัติราชการแทนอธิบดีกรมฯ ในขั้นตอนการอนุญาตเพื่อดำเนินการพัฒนา และบำรุงรักษาโครงสร้างสาธารณูปโภคพื้นฐานในด้านต่างๆ ว่าด้วยการอนุญาตให้กระทำการภายในเขตพื้นที่รับผิดชอบนั้นๆ ซึ่งจะสามารถยกระดับการพัฒนา โครงสร้างพื้นฐานในพื้นที่จังหวัดได้อย่างรวดเร็ว ยิ่งขึ้น นับเป็นข่าวดี ในกระบวนการทำงานที่จะทำให้เกิดความคล่องตัว เพื่อเร่งแก้ไขปัญหาให้กับประชาชนได้อย่างเห็นผล

ทึ่ผ่านมา ตนในฐานะผู้แทนราษฎรได้ร่วมกับ ผู้นำท้องถิ่นในการผลักดันให้เร่งแก้ปัญหาการกระจายอำนาจ มาตลอดระยะเวลา 5 ปี ทั้งในระบบรัฐสภาและนอกสภา ด้วยการระดมความคิดเห็นผ่านการหารือ อภิปราย ลงพื้นที่ ติดตามความคืบหน้ากับผู้บริหารในกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม มาอย่างต่อเนื่อง นับเป็นความสำเร็จไปอีกขั้นหนึ่ง ที่สามารถลดขั้นตอนในการอนุญาตให้รวดเร็วขึ้น ซึ่งจะทำให้การพัฒนาพื้นที่ ไม่ว่าจะเป็น ถนน ไฟฟ้า สิ่งสาธารณูปโภคต่างๆของ หน่วยงานต่างๆ โดยเฉพาะองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจะทำได้รวดเร็ว ซึ่งจะเป็นประโยชน์กับประชาชน และองค์กรต่างๆในจังหวัด โดยตรง

“ทั้งนี้ ขอขอบพระคุณ ในการผลักดันและสนับสนุนการแก้ปัญหาขั้นตอนของระบบราชการให้เกิดขึ้นได้จริง เป็นหนึ่งในนโยบายของ พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ และเป็นวาระสำคัญที่ พลตำรวจเอก พัชรวาท วงษ์สุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม รองนายกรัฐมนตรี ประธานยุทธศาสตร์พรรรค ได้ นำไปขับเคลื่อนเป็นนโยบายของกระทรวงฯ

ในขณะที่ร้อยเอกธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรสหกรณ์ เลขาธิการพรรค คอยแนะนำให้คำปรึกษา ในแนวทางการแก้ไขปัญหา ที่สำคัญ ทีมงานผู้นำท้องถิ่นทุกท่าน ที่ร่วมกันติดตามเรื่องดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง”

#ภูมิใจที่ได้ทำ
#ร่วมก้าวไปด้วยกัน

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 1 มิถุนายน 2567

ไพบูลย์ ยันจุดยืน พปชร. ปกป้องสถาบัน บิ๊กป้อม ไม่เอาคดี 112 มารวมนิรโทษ

ไพบูลย์ ยันจุดยืน พปชร. ปกป้องสถาบัน บิ๊กป้อม ไม่เอาคดี 112 มารวมนิรโทษ

เมื่อวันที่ 31 พฤษภาคม นายไพบูลย์ นิติตะวัน รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) และรองประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญ พิจารณาศึกษาแนวทางการตรา พ.ร.บ.นิรโทษกรรม สภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงจุดยืนของพรรค พปชร.ในการพิจารณาแนวทางการตรา พ.ร.บ.นิรโทษกรรม จะรวมมาตรา 112 ด้วยหรือไม่ ว่า จุดยืนของพรรค พปชร.ภายใต้การนำของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรค คือไม่เห็นด้วยที่จะแก้ไขมาตรา 112 และไม่สนับสนุนให้มีการนำมาตรา 112 มาอยู่ในการนิรโทษกรรม เพราะหลักการที่สำคัญที่สุดของพรรคและ พล.อ.ประวิตร คือ การปกป้องสถาบัน เป็นสิ่งสำคัญที่สุด

ที่มา: https://liff.line.me/1454988218-NjbXbq18/v2/article/kEMLlYJ?utm_source=lineshare
วันที่: 31 พฤษภาคม 2567

ราคาปาล์มน้ำมันโงหัว เด้งรับ “ธรรมนัส” ลงพื้นที่ สุราษฎร์ฯ

,

ชาวสวนเฮ ลั่น ราคาปาล์มบวกแรง เด้งรับ “ธรรมนัส” ลงพื้นที่สุราษฎร์ โรงสกัดภาคใต้พร้อมใจยกราคาทุกจังหวัด 10 สตางค์- 70 สตางค์ต่อกิโลกรัม ครั้งแรกในรอบ 15 วัน

จากสถานการณ์ราคาปาล์มน้ำมันตกต่ำ มีผลให้ ร้อยเอกธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้เดินทางลงพื้นที่จังหวัดสุราษฎร์ธานีแหล่งปลูกยางแหล่งใหญ่ของประเทศ เพื่อรับฟังปัญหาจากเกษตรกร และเพื่อขับเคลื่อนนโยบายในการร่วมกันแก้ปัญหาต่อไป จากการลงพื้นที่ในครั้งนี้ มีกระแสตอบรับที่ดี ราคาผลปาล์มน้ำมันในพื้นที่ปลูกทางภาคใต้แทบทุกจังหวัดปรับขึ้นยกแผง

ร้อยเอกธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวภายหลังลงพื้นที่เพื่อรับฟังปัญหาและหาแนวทางแก้ไขราคาปาล์มน้ำมันตกต่ำ ณ ศูนย์เรียนรู้การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตสินค้าเกษตร (ศพก.) อำเภอเมืองสุราษฎร์ธานี จังหวัดสุราษฎร์ธานี โดยมีผู้บริหารกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ผู้แทนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง นายกสมาคมชาวสวนปาล์มน้ำมัน จ.สุราษฎร์ธานี ผู้แทนเกษตรกรชาวสวนปาล์ม 14 จังหวัดภาคใต้ เข้าร่วมว่า

ขณะนี้เกษตรกรชาวสวนปาล์ม ประสบปัญหาความเดือดร้อนราคาปาล์มตกต่ำ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ได้มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งกระทรวงเกษตรและสหกรณ กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงอุตสาหกรรม และกระทรวงพลังงาน ทำงานร่วมกันในการเร่งหามาตรการแก้ไข ซึ่งจากการประชุมคณะรัฐมนตรีเศรษฐกิจ(ครม.เศรษฐกิจ)เมื่อวันที่ 27 พ.ค.67 ที่มีนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ที่ประชุมได้กำหนด 6 แนวทางการแก้ไขปัญหาราคาปาล์มน้ำมันตกต่ำเพื่อช่วยเหลือชาวสวนปาล์มน้ำมันแล้ว

การลงพื้นที่ในครั้งนี้เพื่อต้องการรับฟังปัญหาและรับข้อเสนอแนะแนวทางแก้ไขจากชาวสวนปาล์มอย่างแท้จริง ซึ่งตนได้สั่งการให้ตั้งคณะกรรมการรักษาเสถียรภาพราคาปาล์มน้ำมัน ประกอบด้วย ตัวแทนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งภาครัฐ กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงพลังงาน ภาคเอกชน ภาคประชาชน ผู้แทนเกษตรกร ผู้ประกอบการ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ฝ่ายความมั่นคง เข้ามาร่วมด้วย และจะหารือกับนายกรัฐมนตรี ในการทำหนังสือถึงผู้ว่าราชการจังหวัด แต่งตั้งคณะกรรมการระดับจังหวัด ให้มีการขึ้นทะเบียนลานเท โรงสกัดน้ำมันไบโอดีเซล โรงสกัดน้ำมันปาล์มดิบ

ตลอดจนให้มีหน่วยงานตรวจวัดคุณภาพปาล์ม เปอร์เซ็นต์การสกัด (OER : Oil Extraction Rate) เพื่อให้ความเป็นธรรมกับทั้งเกษตรกร และผู้ประกอบการ ต้องมีความชัดเจน น่าเชื่อถือ เป็นมาตรฐานเดียวกัน โดยจะต้องแก้ปัญหาโครงการสร้างราคาปาล์มน้ำมันนี้ให้เกิดเป็นรูปธรรมทั้งระบบ เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาซ้ำทุกปี นอกจากนี้ จะใช้กลไกของสหกรณ์เข้ามาช่วยเหลือ เช่น ชะลอการขายปาล์มน้ำมันโดยเก็บสต๊อก หรือใช้โรงสกัดน้ำมันปาล์มของสหกรณ์เข้ามาช่วย เป็นต้น

แหล่งข่าวจากชาวสวนปาล์ม เผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า สถานการณ์ราคาปาล์มที่ปรับขึ้น ไม่แน่ใจว่าเกิดจากอะไร บางโรงงาน บางลานเทก็ยังปิดอยู่ ซึ่งการยกราคาพร้อมใจวันนี้ของโรงสกัด โรงกลั่นน้ำมันปาล์ม อาจจะไม่ใช่กลไกธรรมชาติ อาจจะมีแรงส่งเพื่อเอาใจนักการเมืองเวลามาลงพื้นที่ อย่างไรก็ดีอยากให้ตรวจสอบข้อมูลอย่างจริงจังถึงการปรับตัวลดลงของราคาปาล์มในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมาตั้งแต่ราคา 6.40 บาท/กิโลกรัม เวลานี้เหลือระดับราคา 3 บาท ใครจะรับผิดชอบ

“ราคาปาล์มทะลายสดของพี่น้องเกษตรกรต้องสอดคล้องสมดุลกับราคาน้ำมันปาล์มที่บรรจุขวดขาย ไม่ใช่มาถูกกดราคา เพื่อให้ต้นทุนต่ำ แล้วนายทุนรวยเอา ๆ แต่ชาวสวนจนลง ๆ ไม่ถูกต้อง และจากราคาที่ประกาศจากสำนักงานพาณิชย์จังหวัดก็ไม่แน่ใจว่าลานปาล์ม และโรงสกัดน้ำมันปาล์มจะรับซื้อตามราคาประกาศหรือไม่ และที่สำคัญอาจจะขึ้นวันเดียว เนื่องจากยังมีลานเท โรงงานปิดกันอยู่ ”

สำหรับราคาผลปาล์ม ณ วันที่ 29 พฤษภาคม 2567 ขยับอยู่ในแดนบวก 10 สตางค์- 70 สตางค์ ครั้งแรกในรอบ 15 วัน

จังหวัดสุราษฎร์ธานี

จังหวัดตรัง

จังหวัดกระบี่

นครศรีธรรมราช

ที่มา: https://www.thansettakij.com/business/trade-agriculture/597321
วันที่: 30 พฤษภาคม 2567

“พัชรวาท” ปลื้มค่าฝุ่น PM 2.5 ลดลง เมื่อเทียบปี 2566 ลุยต่อทันที สั่งถอดบทเรียนเร่งจัดทำแผนแก้มลพิษฉบับ 2 ก่อนชง นายกฯ – ครม. พิจารณาต่อไป

,

“พัชรวาท” ปลื้มค่าฝุ่น PM 2.5 ลดลง เมื่อเทียบปี 2566 ลุยต่อทันที สั่งถอดบทเรียนเร่งจัดทำแผนแก้มลพิษฉบับ 2 ก่อนชง นายกฯ – ครม. พิจารณาต่อไป

เมื่อวันที่ 29 พ.ค. 67 พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการจัดการมลพิษทางอากาศเพื่อความยั่งยืน โดยมี นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง ประธานที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี ในฐานะรองประธานคนที่ 1 นายบุญจง วงศ์ไตรรัตน์ กรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรี ตัวแทนรองประธานคนที่ 2 นายจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะกรรมการ พร้อมด้วยหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมประชุมอย่างพร้อมเพรียง

โดย พล.ต.อ.พัชรวาท กล่าวว่า ที่ประชุมได้รับทราบผลการดำเนินงาน ภายใต้มาตรการแก้ไขปัญหาฝุ่นพิษ PM 2.5 ปี 2567 ว่า สถานการณ์โดยรวมดีขึ้นตามเป้าหมาย จากการทำงานหนัก ทั้งค่าเฉลี่ยฝุ่น PM 2.5 ที่ลดลง จำนวนวันฝุ่นเกินค่ามาตรฐานลดลง และจำนวนจุดความร้อนลดลง เมื่อเทียบกับปี 2566 ทั้งนี้ หลังจากกรมอุตุนิยมวิทยา ประกาศเข้าฤดูฝน ตั้งแต่วันที่ 20 พ.ค. ที่ผ่านมา สถานการณ์ฝุ่น PM 2.5 และจุดความร้อนคลี่คลาย PM 2.5 ทั่วประเทศอยู่ในเกณฑ์มาตรฐานทุกภาค แต่หมอกควันภาคใต้จะเข้าสู่ช่วงเฝ้าระวังตั้งแต่ ก.ค.-ก.ย.สาเหตุจากป่าพรุ และหมอกควันข้ามแดน พบจำนวนจุดความร้อนเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะในพื้นที่เกษตร ดังนั้น ขอให้กรมอุทยานแห่งชาติฯ กรมป่าไม้ เฝ้าระวังการเกิดไฟในป่าพรุ และให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงมหาดไทย ตรวจสอบจุดความร้อนที่สูงขึ้นในพื้นที่เกษตร และกำชับหน่วยงานในสังกัดและผู้ว่าฯ ควบคุมอย่างเข้มงวด

พล.ต.อ.พัชรวาท กล่าวว่า นอกจากนี้ ที่ประชุมยังได้เห็นชอบแนวทางการจัดทำแผนขับเคลื่อนวาระแห่งชาติ “การแก้ไขปัญหามลพิษด้านฝุ่นละออง” ฉบับที่ 2 และแผนเฉพาะกิจประจำปี 2568 โดยได้มอบหมายให้ศูนย์ปฏิบัติการระดับจังหวัดฯ ถอดบทเรียนการแก้ไขปัญหา และส่งรายงานผลส่งให้กรมควบคุมมลพิษ ในเดือน มิ.ย.และให้กรมควบคุมมลพิษ เร่งจัดทำและนำแผนทั้ง 2 ฉบับ ไปรับฟังความคิดเห็น และนำกลับมาเสนอต่อคณะกรรมการพิจารณาภายในเดือนสิงหาคม เพื่อเสนอนายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรีพิจารณาต่อไป

Line today

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 30 พฤษภาคม 2567

”สส.พิมพ์พร“นำ กมธ.กิจการเด็กฯจัดสัมมนาติวเข้มปฐมพยาบาลเบื้องต้น หวัง ปชช.สามารถนำความรู้ไปใช้ในชีวิตประจำวัน หากเกิดเหตุไม่คาดคิด

,

”สส.พิมพ์พร“นำ กมธ.กิจการเด็กฯจัดสัมมนาติวเข้มปฐมพยาบาลเบื้องต้น หวัง ปชช.สามารถนำความรู้ไปใช้ในชีวิตประจำวัน หากเกิดเหตุไม่คาดคิด

น.ส.พิมพ์พร พรพฤฒิพันธุ์ เพชรบูรณ์ เขต 1 พรรคพลังประชารัฐ(พปชร.)เปิดเผยว่า ตนได้ร่วมจัดโครงการสัมมนาเรื่อง การช่วยเหลือปฐมพยาบาลผู้ป่วยเบื้องต้น (First Aid) ในนามคณะกรรมธิการกิจการเด็ก เยาวชน สตรี ผู้สูงอายุ ผู้พิการ กลุ่มชาติพันธุ์และผู้มีความหลากหลายทางเพศ สภาผู้แทนราษฏร โดยมีน้องๆจากสภาเด็กและเยาวชน นักเรียนจากโรงเรียนสารพัดช่าง กลุ่มสตรีอำเภอเมือง ตัวแทนจากผู้นำท้องถิ่นท้องที่ และประชาชนทั่วไปให้ความสนใจเข้าอบรมเรียนรู้

น.ส.พิมพ์พร กล่าวต่อว่า กมธ. กิจการเด็กฯตระหนักและเล็งเล็งเห็นถึงความสำคัญของการจัดกิจกรรมในครั้งนี้ให้กับประชาชน โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้ผู้ที่เข้าอบรมมีความรู้และความเข้าใจ ตระหนักถึงความสำคัญของการช่วยชีวิตขั้นพื้นฐาน รวมถึงทราบขั้นตอนในการปฏิบัติการช่วยชีวิตขั้นพื้นฐานได้อย่างถูกต้อง ซึ่ง
เป็นสิ่งที่น่ายินดีเป็นอย่างยิ่งสำหรับผู้เข้ารับการฝึกอบรมที่ได้มีโอกาสเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของกิจกรรม เพราะจะได้ความรู้ สามารถนำมาใช้ในชีวิตประจำวันได้

“การปฐมพยาบาลเบื้องต้นมี ความจำเป็นที่ต้องได้รับการฝึกอบรมที่ถูกต้อง เพื่อให้พร้อมต่อเหตุการณ์ฉุกเฉิน กิจกรรมที่เกิดขึ้นทำให้เด็กและเยาวชนได้เรียนรู้วิธีการช่วยเหลือและฝึกปฏิบัติจริงกับอุปกรณ์เพื่อให้ฝึกปฏิบัติได้อย่างถูกต้อง เพราะการเจ็บป่วยฉุกเฉินหรืออุบัติสามารถเกิดขึ้นได้ทุกเวลา ทั้งนี้ ตนต้องขอขอบคุณทีมวิทยากรจากโรงพยาบาลเพชรบูรณ์ สาขาคลองศาลา ที่มาช่วยสนับสนุนและให้ความรู้ที่เป็นประโยชน์ด้วย“น.ส.พิมพ์พร กล่าว

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 28 พฤษภาคม 2567

“พปชร.“ประชุม สาขาพรรค จ.นราธิวาส เปิดเวทีรับฟังปัญหา-ข้อเสนอแนะของประชาชน สู่การพัฒนาเป็นนโยบายพรรค ด้าน 2 สส.มั่นใจ รมต.พปชร.หาทางออกแก้ปัญหาให้ชาวบ้านได้

,

“พปชร.“ประชุม สาขาพรรค จ.นราธิวาส เปิดเวทีรับฟังปัญหา-ข้อเสนอแนะของประชาชน สู่การพัฒนาเป็นนโยบายพรรค ด้าน 2 สส.มั่นใจ รมต.พปชร.หาทางออกแก้ปัญหาให้ชาวบ้านได้

วันที่ 25 พ.ค.เมื่อเวลา 11.00 น. ณ ห้องประชุมโรงแรมมารีน่า อ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ประชุมใหญ่ สาขาพรรค จ.นราธิวาส“เวทีประชารัฐร่วมใจ เพื่อสร้างชีวิตที่สดใส ให้คนไทยทั้งประเทศ”เพื่อรับฟังปัญหาและข้อเสนอแนะของประชาชน โดยมีกรรมการยุทธศาสตร์พรรคเข้าร่วม อาทิ นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล อดีต รมว.คลัง พล.ต.อ.ธรรมศักดิ์ วิชชารยะ และ 2 สส.นราธิวาสของพรรค นายอามินทร์ มะยูโซ๊ะ สส.นราธิวาส เขต 2 และนายสัมพันธ์ มะยูโซ๊ะ นราธิวาส เขต 3 เข้าร่วมการประชุมดังกล่าว

พล.ต.อ.ธรรมศักดิ์ กล่าวกับสมาชิกที่มาร่วมประชุมว่า ช่วงเวลา 1 ปี ที่ผ่านมา พรรคพลังประชารัฐได้ขับเคลื่อนการทำงานให้เป็นไปตามอุดมการณ์และ
ของพรรคฯ ทุกประการ อย่างไรก็ตาม เพื่อให้เป็นที่ศรัทธาของพี่น้องประชาชนเพิ่มมากขึ้นพรรคฯ จึงได้เตรียมปรับตัวเองให้สอดรับกับสถานการณ์และเตรียมพร้อมสำหรับการเป็นพรรคการเมืองที่เข้มแข็งและเป็นที่ยอมรับของพี่น้องประชาชน ทุกเพศ ทุกวัย ทุกกลุ่มอาชีพ ให้มากยิ่งขึ้น

“พรรคพลังประชารัฐขอประกาศเป็นพรรคที่จะดำเนินการยึดมั่นและปกป้องสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ อนุรักษ์และสร้างเสริมวัฒนธรรม จารีตประเพณี และค่านิยมของไทย พร้อมเปลี่ยนแปลงการดำเนินแนวทางตามเศรษฐกิจ สังคม วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี สิ่งแวดล้อม และการบริหารภาครัฐที่หันสมัย เพื่อประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชนที่ดีขึ้น”พล.ต.อ.ธรรมศักดิ์ กล่าว

พล.ต.อ.ธรรมศักดิ์ กล่าวต่อว่า พันธกิจพรรคพลังประชารัฐเป็นศูนย์รวมผู้ที่มีความคิดสร้างและทันสมัย ทุกรุ่นทุกวัยด้วย”5 อนุรักษ์ 5 ทันสมัย ได้แก่ อนุรักษ์สถาบัน,อนุรักษ์ผลประโยชน์ของชาติ,อนุรักษ์ทรัพยากรของชาติ,อนุรักษ์วัฒนธรรม และอนุรักษ์ระเบียบทางสังคม ในส่วนของ 5 ทันสมัย ได้แก่ เศรษฐกิจทันสมัย,วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีทันสมัย,สิ่งแวดล้อมทันสมัย,สังคมทันสมัย และภาครัฐทันสมัย

ด้านนายธีระชัย กล่าวว่า ตนได้รับมอบหมายจาก พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ให้คิดร่วมกับทีมเศรษฐกิจและวิชาการ เพื่อจัดทำนโยบายของพรรค แต่ท่านกำชับให้จัดทำนโยบายที่ยึดโยงกับประชาชน การได้เราจะทำได้คือ เราต้องเดินทางมารับฟังปัญหา ความเห็นข้อเสนอแนะต่างๆ ในพื้นที่ต่างๆให้มากที่สุด เท่าที่เราจะทำได้ แล้วในวันนี้ถือว่าเป็นเกียรติที่ได้มีโอกาสมาที่จังหวัดนราธิวาส อำเภอสุไหงโกลก เป็นครั้งแรก ได้เห็นสภาพของเศรษฐกิจการเชื่อมโยงกับประเทศเพื่อนบ้านเห็นได้ชัดเจนว่าอำเภอนี้เป็นอำเภอที่มีศักยภาพสูง ซึ่งในวันนี้มีหลานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่มาร่วมรับฟังและร่วมแก้ไขปัญหา ตนมั่นใจว่าเราจะได้ข้อมูลความเห็นที่หลากหลาย และก็จะเป็นประโยชน์อย่างแท้จริง

โดยช่วงหนึ่งในที่ประชุมได้มีการหารือถึงปัญหาด้านการท่องเที่ยวในพื้นที่จังหวัดนราธิวาส ซึ่งนายสัมพันธ์ กล่าวถึงปัญหานี้ว่า ตั้งแต่สังคมมีการพัฒนาด้านโซเชียลมากขึ้นทำให้ อ.สุไหงโก-ลก เป็นแค่ทางผ่านระหว่างการซื้อขายของประเทศมาเลเซียกับหาดใหญ่ รวมถึงการสื่อสารที่สะดวกทำให้เมื่อต้องการสินค้าเขาก็ไปหาที่กรุงเทพเอง นราธิวาสจึงเป็นแค่ทางผ่านให้กับผู้ประกอบการชาวมาเลเซีย อีกทัังนราธิวาสยังไม่มีแหล่งท่องเที่ยวที่จะรองรับเลย ตนจึงขอฝากให้ทางผู้ประสานงานของพรรคนำปัญหานี้มาเป็นนโยบายของพรรคด้วย

ด้านนายอามินทร์ กล่าวว่า การเดินทางเข้าออกที่มีหลายขั้นตอนของด่านตรวจ ทำให้เกิดความยุ่งยาก แต่ปัจจุบันก็เริ่มได้รับการแก้ไขแล้ว สำหรับมิติการท่องเที่ยว ตนมองว่า เราต้องศึกษาพฤติกรรมผู้บริโภค เมื่อก่อนสุไหงโกลกเป็นที่เที่ยวของนักท่องเที่ยวยามราตรีแต่ปัจจุบันพฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนไป นักท่องเที่ยวชาวมาเลเซียมาในลักษณะของครอบครัวมากขึ้นสุไหงโกลกเองก็ไม่มีอะไรรองรับบุคคลเหล่านี้ ไม่ว่าจะเป็นสถานที่ท่องเที่ยว หรือสวนน้ำที่เป็นการท่องเที่ยวในลักษณะเชิงครอบครัว ซึ่งตอนนี้ก็เป็นโอกาสดีเนื่องจากรัฐมนตรีของเราก็คือ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ รัฐมนตรีกระทรวงทรัพยากรและสิ่งแวดล้อม ก็ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ และรับปากกับตนว่า จะมีการพัฒนาต่อยอดในอนาคต เพื่อรองรับการท่องเที่ยวในพื้นที่

นอกจากนี้อีกปัญหาสำคัญที่ถูกนำมาพูดคุยก็คือ ปัญหาที่ดินทำกินในพื้นที่ทับซ้อน ซึ่งนายอามินทร์ กล่าวว่าปัญหาเรื่องที่ดินทับซ้อน เป็นปัญหาเรื้อรังของประเทศไทย ที่เกิดขึ้นทั่วทุกพื้นที่ รวมถึงพื้นที่การเกษตรของพี่น้องเกษตรกรมีการเช่าเพื่อทำการเกษตร และบางส่วนก็ทำการเพาะปลูกในพื้นที่ประกาศเขตอุทยานหรือเขตอนุรักษ์ ส่งผลให้เวลาที่เกิดเหตุภัยพิบัติส่งผลจึงไม่สามารถรับเงินเยี่ยวยาจากทางรัฐได้ เนื่องจากติดกฎระเบียบทางราชการ จึงขอเสนอพรรคนำปัญหาดังกล่าวต่อรัฐมนตรีทั้ง 2 กระทรวงที่พปชร.กำกับดูแล เพื่อหาทางออกในการช่วยเหลือพี่น้องเกษตรกรอย่างเป็นรูปธรรม

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 28 พฤษภาคม 2567

“สส.นเรศ” ต้อนรับ “รมช.อรรถกร”ติดตามโครงการอ่างเก็บน้ำห้วยมะนาว จ.เชียงใหม่ แผนเพิ่มแหล่งน้ำต้นทุน แก้ไขปัญหาน้ำท่วม น้ำแล้งให้ประชาชน

,

“สส.นเรศ” ต้อนรับ “รมช.อรรถกร”ติดตามโครงการอ่างเก็บน้ำห้วยมะนาว จ.เชียงใหม่ แผนเพิ่มแหล่งน้ำต้นทุน แก้ไขปัญหาน้ำท่วม น้ำแล้งให้ประชาชน

นายนเรศ ธำรงค์ทิพยคุณ สส.เชียงใหม่ เขต 9 พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวว่า ตนได้ให้การต้อนรับนายอรรถกร ศิริลัทธยากร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พร้อมด้วยผู้บริหารและเจ้าหน้าที่สังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ที่ได้ลงพื้นที่ติดตามความคืบหน้าในการพัฒนาโครงการอ่างเก็บน้ำห้วยมะนาว เพื่อแก้ไขปัญหาน้ำท่วม น้ำแล้งให้กับประชาชนและพี่น้องเกษตรกร ซึ่งประกอบอาชีพเกษตรกรรมเป็นหลัก และมีความจำเป็นในการอาศัยน้ำจากลำน้ำแม่วาง

นายนเรศ กล่าวต่อว่า ที่ผ่านมาประชาชนในภาคการเกษตรและอุปโภคบริโภค ประสบปัญหาขาดแคลนน้ำในช่วงฤดูแล้งซึ่งมีปริมานน้ำน้อย ส่งผลให้น้ำไม่เพียงพอต่อความต้องการ ในขณะที่ช่วงมรสุมลำน้ำแม่วาง จะมีปริมาณน้ำมากและไหลบ่าเข้าท่วมพื้นที่ทางการเกษตรทั้งสองฝั่งลำน้ำสร้างความเสียหายอย่างต่อเนื่อง

นายนเรศ ยังกล่าวต่อว่า กรมชลประทาน จึงได้จัดแผนเพื่อการพัฒนาโครงการอ่างเก็บน้ำห้วยมะนาว เป็นเขื่อนดินแบบ Zone Type มีความยาว 700 เมตร ความสูง 80 เมตร ความกว้าง 9 เมตร มีขีดความสามารถในการกักเก็บถึง 25.42 ล้านลูกบาศก์เมตร พร้อมทั้งมีอาคารระบายน้ำล้น(Spillway) สามารถระบายน้ำได้สูงสุด 465.26 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที สามารถส่งน้ำไปยังพื้นที่การเกษตร ในช่วงฤดูฝนประมาณ 38,030 ไร่ และในฤดูแล้งประมาณ 20,000 ไร่“

”โครงการดังกล่าวเมื่อเสร็จสิ้นจะส่งผลให้สามารถเพิ่มแหล่งน้ำต้นทุน เพื่อการอุปโภคและบริโภคได้อย่างมีประสิทธิภาพแล้ว ยังสามารถส่งเสริมอาชีพประมงน้ำจืดให้เกษตรกรมีรายได้เพิ่มอีกทางหนึ่ง รวมทั้งยังสามารถลดผลกระทบจากภัยธรรมชาติได้อย่างยั่งยืน“นายนเรศ กล่าว

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 28 พฤษภาคม 2567