โลกเปลี่ยน ไทยต้องปรับ ทางเลือกใหม่ของการเมืองไทย ก้าวข้ามความขัดแย้ง สานพลังประชาราษฎร์ ร่วมสร้างชาติให้ยั่งยืน

เดือน: ธันวาคม 2024

“พล.อ.ประวิตร”ห่วงใยชาวปัตตานีประสบอุทกภัยหนัก มอบ สมาชิกพรรค กระจายถุงยังชีพปันน้ำใจ พปชร.ให้ทั่วถึง

,

“พล.อ.ประวิตร”ห่วงใยชาวปัตตานีประสบอุทกภัยหนัก มอบ สมาชิกพรรค กระจายถุงยังชีพปันน้ำใจ พปชร.ให้ทั่วถึง

นายบูรฮันธ์ สะเม๊าะ อดีตผู้สมัครและสมาชิกพรรคพลังประชารัฐ เขต 3 ปัตตานี กล่าวว่า ตนได้รับมอบหมายจากพลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ให้ลงพื้นที่เพื่อมอบถุงยังชีพให้กับประชาชนจังหวัดปัตตานี พร้อมทั้งติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และให้รายงานสถานการณ์เข้ามาที่พรรคอย่างต่อเนื่อง เพื่อที่จะให้การช่วยเหลือประชาชนได้ทันท่วงที

“ ในฐานะอดีตผู้สมัครพรรคพลังประชารัฐและสมาชิกพรรคพลังประชารัฐ เป็นตัวแทนของพรรค ทำหน้าที่ในการส่งต่อความห่วงใยจากหัวหน้าพรรค ไปยังพี่น้องประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากปัญหาปอุทกภัยในครั้งนี้ ในอำเภอยะรัง จังหวัดปัตตานี”

ทั้งนี้ ยังได้จัดถุงยังชีพปันน้ำใจพลังประชารัฐ ไปยังจุดต่างๆ อาทิ  ต.กอลำ ต.วัด ต.ระแว้ง ต.เขาตูม ต. ปิตูมูดี ต.ยะรัง  จ.ปัตตานี

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 18 ธันวาคม 2567

“พล.อ.ประวิตร”ห่วงใยชาวนครฯ กำชับ สส.สุธรรม ลุยแจกถุงยังชีพให้ทั่วถึง พร้อมสั่งติดตามสถานการณ์ใกล้ชิด เร่งประสานหน่วยงานเกี่ยวข้องให้การเยียวยา

,

“พล.อ.ประวิตร”ห่วงใยชาวนครฯ กำชับ สส.สุธรรม ลุยแจกถุงยังชีพให้ทั่วถึง พร้อมสั่งติดตามสถานการณ์ใกล้ชิด เร่งประสานหน่วยงานเกี่ยวข้องให้การเยียวยา

นายสุธรรม จริตงาม สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) จ.นครศรีธรรมราช เปิดเผยว่า  ตนได้ลงพื้นที่ เพื่อมอบถุงยังชีพให้กับพี่น้องประชาชน ใน ต.ชะมาย,ต.ที่วัง,และต.นาไม้ไผ่ อ.ทุ่งสง อ.เมืองนครศรีธรรมราช  และอ.ฉวาง(เขต8 ) จ.นครศรีธรรมราช ที่ได้รับความเดือดร้อนจากเหตุอุทกภัยน้ำท่วมหนัก และยังต้องเผชิญปัญหาปริมาณน้ำที่เอ่อสูงเข้าท่วมบ้านเรือนและพื้นที่ทางการเกษตร โดยขณะนี้ได้เฝ้าระวังและติดตามสถานการณ์น้ำ และปริมาณฝนอย่างใกล้ชิด เนื่องจากช่วงนี้ภาคใต้เป็นฤดูมรสุม  พร้อมทั้งให้ทีมงาน สส.ออกสำรวจความเสียหายบ้านเรือนของพี่น้องประชาชน และพื้นที่เพาะปลูกของเกษตรกร เพื่อจัดทำข้อมูล ประสานไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้เกิดการเยียวยาอย่างเร็วที่สุด

“พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ท่านห่วงใยชาวนครศรีธรรมราชเป็นอย่างมาก จึงได้กำชับให้ผมดูแลและติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด รวมถึงการจ่ายแจกถุงยังชีพให้ทั่วถึง เพื่อเป็นการสร้างขวัญและกำลังใจกับพี่น้องประชาชน“นายสุธรรม กล่าว

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 18 ธันวาคม 2567

“สส.อนันต์”ซัด รัฐบาลแก้ปัญหาราคามันสำปะหลังไม่ตรงจุด ช่วยเกษตรกรไม่ได้ แนะ 4 มาตรการเร่งด่วน ช่วยบรรเทาความเดือดร้อน

,

“สส.อนันต์”ซัด รัฐบาลแก้ปัญหาราคามันสำปะหลังไม่ตรงจุด ช่วยเกษตรกรไม่ได้ แนะ 4 มาตรการเร่งด่วน ช่วยบรรเทาความเดือดร้อน

นายอนันต์ ผลอำนวย กำแพงเพชร เขต 3 พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวหารือในที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรว่า ตนและนายปริญญา ฤกษ์หร่ายสส.กำแพงเพชร เขต 4 พรรคพลังประชารัฐ ได้รับการร้องเรียนจากเกษตรกรผู้ปลูกมันสำปะหลัง ซึ่ง จ. กำแพงเพชร ในส่วนของ อำเภอเมืองบางส่วน,อำเภอขาณุวรลักษบุรี,อำเภอคลองขลุง, อำเภอปางศิลาทอง,อำเภอคลองลาน และอำเภอโกสัมพีนคร ประชาชนจะมีอาชีพปลูกมันสำปะหลังเป็นหลักกว่า 30,000 ราย

นายอนันต์ กล่าวต่อว่า ขณะนี้ราคามันสำปะหลังตกต่ำทำให้ลานมันหลายแห่งปิดตัวลง เนื่องจากไม่สามารถจะรับซื้อได้ จากความเดือดร้อนดังกล่าว ทำให้เกษตรกร
ต้องการมาตรการช่วยเหลือโดยเร่งด่วนจากรัฐบาล 4 เรื่องคือ

1.ขอให้รัฐบาลประกันรายได้ 2500 บาทต่อตันที่เชื้อแป้ง 25 %
2.ขอให้รัฐบาลช่วยเหลือค่าเก็บเกี่ยว หรือค่าขุดมันที่ไร่ละ 1000 บาท จำนวน 20 ไร่ เหมือนกับชาวนา
3.ขอให้รัฐบาลสนับสนุนพันธุ์มันที่ตรงกับสภาพพื้นที่และสภาพภูมิอากาศ
4.ขอให้มีการชะลอสินเชื่อทุกชนิดกับทาง ธนาคารเพื่อการเกษตร หรือสถาบันทางการเงินอื่น ๆ เพื่อจะได้ลืมตาอ้าปากได้

“4 มาตรการนี้คือความต้องการเร่งด่วน เพื่อที่จะบรรเทาความเดือดร้อนให้กับเกษตรกรผู้ปลูกมันสำปะหลังในประเทศไทย เพราะมติที่ประชุม ครม.วานนี้ ที่มีการอนุมัติงบประมาณกว่า 368 ล้านบาท โดยหวังว่าจะรักษาเสถียรภาพราคามันสำปะหลังนั้น แต่ความจริงแล้วไม่สามารถช่วยเหลือชาวไร่มันได้ นายอนันต์ กล่าว

นายอนันต์ กล่าวต่อว่า เกษตรกรคนปลูกมันสำปะหลัง 7.4 ล้านไร่ 530,000 ครอบครัว ในจังหวัดกำแพงเพชร 34,525 ครอบครัว มาตรการช่วยเหลือด้วยงบประมาณแค่ 368 ล้านบาท ที่แบ่งเป็นโครงการสินเชื่อเพื่อรวบรวมมันสำปะหลังและสร้างมูลค่าเพิ่มโดยสถาบันเกษตรกร ปี 2567/68 วงเงิน 17.50 ล้านบาท และเพิ่มประสิทธิภาพการเพาะปลูกมันสำปะหลัง 3,000 รายทั้งประเทศในวงเงิน รายละไม่เกิน 230,000 บาท ไม่มีทางเพียงพอที่จะแก้ปัญหาให้เกษตรกรกว่า 500,000 รายได้

“มาตรการของรัฐบาลในขณะนี้เป็นการแก้ปัญหาที่ไม่ตรงจุด และหากยังไม่มีมาตรการแก้ไขปัญหาตามที่ผมได้เสนอไปจะเกิดวิกฤตกับเกษตรกรผู้ปลูกมันสำปะหลังแน่นอน“นายอนันต์ กล่าว

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 18 ธันวาคม 2567

“พล.อ.ประวิตร”มอบ“บูรฮันธ์ สะเม๊าะ”ส่งกำลังใจพร้อมอาหาร-เครื่องดื่มให้กับเจ้าหน้าที่ด่านหน้า จ.ปัตตานี

,

“พล.อ.ประวิตร”มอบ“บูรฮันธ์ สะเม๊าะ”ส่งกำลังใจพร้อมอาหาร-เครื่องดื่มให้กับเจ้าหน้าที่ด่านหน้า จ.ปัตตานี

นายบูรฮันธ์ สะเม๊าะ อดีตผู้สมัครและสมาชิกพรรคพลังประชารัฐ เขต 3 ปัตตานี ได้รับมอบหมายจาก พล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ เป็นตัวแทนส่งมอบกำลังใจ พร้อมด้วย อาหาร เครื่องดื่ม รวมถึงเครื่องอุปโภค บริโภค และของใช้ที่จำเป็นในชีวิตประจำวัน มอบให้กับเจ้าหน้าที่ด่านหน้า อาทิ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ผู้ช่วย ผรส.ทีมงานแต่ละหมู่บ้าน ในการขับเคลื่อนช่วยเหลือพี่น้องผู้ประสบภัยน้ำท่วม ในพื้นที่อำเภอทุ่งยางแดง โดยมี กำนัน ต.ตะโละแมะนา เป็นตัวแทนมารับแทนประธานชมรมกำนันผู้ใหญ่บ้านอำเภอทุ่งยางแดง

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 17 ธันวาคม 2567

“พล.อ.ประวิตร”กำชับ สส.นครศรีธรรมราชเร่งช่วยเหลือ ปชช.ประสบภัยน้ำท่วม ระดมตั้งโรงครัวแจกจ่ายข้าวกล่องใน อ.ทุ่งสง อ.เมืองนครศรีธรรมราช  พร้อมขยายพื้นที่ดูแลผู้ประสบภัย

“พล.อ.ประวิตร” กำชับ สส.นครศรีธรรมราชเร่งช่วยเหลือ ปชช.ประสบภัยน้ำท่วม ระดมตั้งโรงครัวแจกจ่ายข้าวกล่องใน อ.ทุ่งสง อ.เมืองนครศรีธรรมราช  พร้อมขยายพื้นที่ดูแลผู้ประสบภัย

นายสุธรรม จริตงาม สส.นครศรีธรรมราช เขต 6  และกรรมการบริหารพรรคพลังประชารัฐ (พปชร. ) กล่าวว่า จากสถานการณ์น้ำท่วมนครศรีธรรมราช ยังมีปริมาณฝนตกหนักต่อเนื่อง เป็นผลจากฤดูมรสุมในพื้นที่ภาคใต้  ส่งผลให้ประชาชนได้รับความเดือดร้อน น้ำท่วมเข้าบ้านเรือนในหลายอำเภอ และพื้นที่เกษตรได้รับความเสียหาย  ซึ่ง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรค มีความห่วงใยประชาชนในพื้นที่ ได้มอบหมายให้ตน และทีมงาน พปชร. เร่งเข้าช่วยเหลือพี่น้องประชาชน  และประสานกับหน่วยงานภาครัฐ เพื่อบรรเทาผลกระทบจากอุทกภัยครั้งนี้

“ขณะนี้ได้ตั้งโรงครัวเพื่อปรุงอาหารสุก กระจายข้าวกล่องไปยังพื้นที่ต่างๆ  ทั้งในพื้นที่  อ.ทุ่งสง  โดยตั้งอยู่ที่ สำนักงานสส.สุธรรม จริตงาม และ ที่อ.เมืองนครศรีธรรมราช   ตั้งอยู่ที่ วัดนางพระยา ต.ปากนคร  โดยจะพบว่าประชาชนได้รับกระทบจากน้ำท่วมหนักในหลายตำบล  อาทิ ต.เขาโร ต.หนองหงส์ เทศบาลอ.ทุ่งสง และเขตเมืองนครศรีธรรมราช  ซึ่งจากประเมินความเสียหายมีประชาชน ประมาณ 200 ครัวเรือนในอ.ทุ่งส่ง ที่ได้รับผลกระทบอย่างหนัก  ส่วนอ.เมืองนครศรีธรรมราช  ประชาชนได้รับผลกระทบเป็นจำนวนมาก เพราะเป็นพื้นที่เศรษฐกิจ ของจังหวัด  ดังนั้นต้องติดตามสถานการณ์ฝนในช่วง 1-2 วันนี้ หากฝนยังตกอีก จะทำให้น้ำเทือกเขาไหลลงสู่พื้นที่ราบ ทำให้มีปริมาณน้ำท่วมขังเพิ่มขึ้นอีก   โดยต้องมีการเฝ้าระวังสถานการณ์อุทกภัยน้ำท่วมที่จะยังคงยืดระยะเวลาออกไป ทำให้เราต้องวางแผนช่วยเหลืออย่างต่อเนื่อง”นายสุธรรม

นายสุธรรม กล่าวต่อว่า จากนี้ยังมีการนำถุงยังชีพปันน้ำใจของพรรค ไปส่งมอบให้กับประชาชน ในพื้นที่ต่างๆ รวมถึงเทศบาลเมืองอ.ทุ่งสง ที่ได้รับผลกระทบเช่นกัน ทั้งนี้พล.อ.ประวิตร ยังได้กำชับให้เข้าไปช่วยเหลือ และดูแล ประชาชนในพื้นที่เขตอ.เมือง อีกด้วย

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 17 ธันวาคม 2567

”ชัยวุฒิ“ยกย่อง ”บิ๊กป้อม“เป็นสุภาพบุรุษ เปรียบการขับ 20 สส.พ้นพรรคเหมือนผัวเมียไม่รักแล้ว ก็หย่ากัน จบด้วยดี ยืนยัน พปชร.ไม่แตกแยก พร้อมทำหน้าที่ฝ่ายค้านเพื่อ ปชช.                                                      

,

”ชัยวุฒิ“ยกย่อง ”บิ๊กป้อม“เป็นสุภาพบุรุษ เปรียบการขับ 20 สส.พ้นพรรคเหมือนผัวเมียไม่รักแล้ว ก็หย่ากัน จบด้วยดี ยืนยัน พปชร.ไม่แตกแยก พร้อมทำหน้าที่ฝ่ายค้านเพื่อ ปชช.

นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีลงมติขับ 20 สส.กลุ่ม ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ท่านเป็นสุภาพบุรุษ เข้าใจการเมือง เข้าใจทุกคน และท่านก็ให้เกียรติทุกคน ถ้าเปรียบเทียบก็เหมือนกับผัวเมียอยู่ด้วยกัน วันนี้เมียไปอยู่กับคนอื่นแล้ว ไม่รักกันแล้ว เราก็หย่ากันให้เรียบร้อยให้ถูกกฎหมายเท่านั้นเอง ถูกต้องตามระบบก็จบไป ทุกคนจะได้สบายใจไม่มีความขัดแย้งกันภายในพรรค

“พรรคพลังประชารัฐจะทำงานต่อไป ไม่แตกแยก ทุกคนยังอยู่เหมือนเดิม ที่สำคัญผมว่า วันนี้ประเทศเราต้องการพรรคฝ่ายค้านที่เข้มแข็ง ตรวจสอบรัฐบาลในทุก ๆ เรื่อง และการทำหน้าที่ของ พปชร.ในตอนนี้ก็เป็นประโยชน์ต่อพี่น้องประชาชน“นายชัยวุฒิ กล่าว

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 17 ธันวาคม 2567

“สส.วรโชติ”วอน ก.พาณิชย์ กำหนดเพดานพืชผลเกษตรให้ชัด เกษตรกรจะได้กำหนดตัวเองได้ พร้อมขอให้ช่วยชาวนาไร่ละ 1,000 บ.เป็น 20 ไร่ตามเดิม

,

“สส.วรโชติ”วอน ก.พาณิชย์ กำหนดเพดานพืชผลเกษตรให้ชัด เกษตรกรจะได้กำหนดตัวเองได้ พร้อมขอให้ช่วยชาวนาไร่ละ 1,000 บ.เป็น 20 ไร่ตามเดิม

นายวรโชติ สุคนธ์ขจร สส.จังหวัดเพชรบูรณ์ เขต 4 พรรคพลังประชารัฐ(พปชร.)กล่าวหารือในที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรว่า ช่วงปิดสมัยประชุมที่ผ่านมา ตนได้ลงพื้นที่หลายอำเภอ และพบปัญหาเดียวกันกับ สส. หลายจังหวัด ก็คือปัญหาราคามันสำปะหลังตกต่ำ ซึ่งตนว่า กระทรวงพาณิชย์น่าจะทราบอยู่แล้วว่า ราคามันสำปะหลัง ต้นทุนการผลิตเท่าไหร่ สมควรที่จะต้องขายได้เท่าไหร่ เกษตรกรในจังหวัดเพชรบูรณ์ พูดเป็นเสียงเดียวกันว่าขอราคาที่ 2.20 บ.ได้หรือไม่ ถ้าราคานี้เขาอยู่ได้

”ผมขอฝากไปถึงกระทรวงพาณิชย์ว่า ถ้าเป็นไปได้ ราคาพืชผลเกษตรของประเทศไทยควรจะมีเพดานที่ให้เกษตรกรสามารถรู้ว่า ต้นทุนเขาเท่านี้ เขาจะต้องขายได้เท่านี้ จะได้กำหนดตัวเองได้“นายวรโชติ กล่าว

นายวรโชติ กล่าวต่อว่า ส่วนโครงการช่วยเหลือเกษตรกรไร่ละ 1,000 บ.ไม่เกิน 10 ไร่ ของรัฐบาลนั้น เกษตรกรเขาก็ดีใจที่ได้รับเงินช่วยเหลือ แต่เขาถามว่าทำไมได้แค่ 10 ไร่ เดิมได้ 20 ไร่ จะขอเพิ่มได้ไหมเป็น 20 ไร่ ได้หรือไม่ ตนขอฝากรัฐบาลด้วย ถ้าเป็นไปได้เขาขอเท่าเดิมจำนวน 20 ไร่ ไร่ละ 1,000 บ.

นอกจากนี้ยังมีควาามเดือดร้อนของพี่น้อง อำเภอวังโป่ง จังหวัดเพชรบูรณ์ ในปัญหาเรื่องไฟฟ้าตก ราคาพืชผลตก แล้วไฟฟ้าก็ยังตกตามไปด้วย ตนเคยเรียกร้องว่า ขอให้ไปตั้งสถานีไฟฟ้าที่อำเภอวังโป่ง เพราะว่าเป็นอำเภอที่อยู่ปลายสายของไฟฟ้า จากจุดจ่ายไฟ ไปจนถึงอำเภอวังโป่งในระยะทาง ประมาณ 70-80 กิโลเมตร เพราะบริเวณนั้นไฟฟ้าดับบ่อย จึงขอฝากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ขอให้ไปตั้งสถานีจ่ายไฟที่อำเภอวังโป่ง เพื่อช่วยเหลือประชาชนที่เจ็บป่วยอยู่ในโรงพยาบาล เวลาไฟฟ้าดับ กำลังผ่าตัด มันทำอะไรไม่ได้เลย

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 17 ธันวาคม 2567

พปชร. น้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณ ร.7 พระราชทานรัฐธรรมนูญต่อปวงชนชาวไทย

,

พปชร. น้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณ ร.7 พระราชทานรัฐธรรมนูญต่อปวงชนชาวไทย

วันที่ 10 ธันวาคม  2567 นายฉกาจ พัฒนกิจวิบูลย์ รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) และนายยงยุทธ สุวรรณบุตร กรรมการบริหารพรรค  ร่วมพิธีฉลองวันพระราชทานรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย และพิธีวางพานประดับพุ่มดอกไม้ถวายบังคมฯ เบื้องหน้าพระบรมราชานุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 7) เพื่อน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณที่มีต่อปวงชนชาวไทย เนื่องในวันรัฐธรรมนูญ ซึ่งตรงกับวันที่ 10 ธันวาคม ของทุกปี บริเวณพิพิธภัณฑ์รัฐสภา ชั้น MB1 อาคารรัฐสภา (เกียกกาย) กรุงเทพฯ    

ทั้งนี้ในช่วงเช้าได้ร่วมพิธีบำเพ็ญกุศลทักษิณานุประทานถวายพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว และร่วมพิธีเจริญพระพุทธมนต์ฉลองวันพระราชทานรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย โดยมีประธานสภาผู้แทนราษฎร พร้อมด้วยสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร, นายกรัฐมนตรี ประธานวุฒิสภา พร้อมด้วยสมาชิกวุฒิสภา , ประธานศาลฎีกา ,เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ,ข้าราชการ และตัวแทนจากพรรคการเมืองต่างๆ นำพานประดับพุ่มดอกไม้ถวายบังคมฯ เบื้องหน้าพระรูปต้นแบบฯ

ทั้งนี้ 10 ธันวาคม ของทุกปี เป็นวันที่ระลึกถึงรัชกาลที่ 7 ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรสยามพุทธศักราช 2475 เป็นรัฐธรรมนูญถาวรฉบับแรกของประเทศไทย

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 10 ธันวาคม 2567

คัดค้าน ร่าง พ.ร.บ. จัดระเบียบราชการกระทรวงกลาโหม ของฝ่ายการเมือง

,

คัดค้าน ร่าง พ.ร.บ. จัดระเบียบราชการกระทรวงกลาโหม ของฝ่ายการเมือง

พล.ต.ท.ปิยะ ต๊ะวิชัย โฆษกพรรคพลังประชารัฐ กล่าวว่า “ตามที่พรรคการเมืองบางพรรค ได้เตรียมนำเสนอร่างพระราชบัญญัติจัดระเบียบราชการกระทรวงกลาโหม เพื่อแก้ไขสาระสำคัญของ พระราชบัญญัติจัดระเบียบกระทรวงกลาโหม พ.ศ.๒๕๕๑ นั้น

กรณีดังกล่าว พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หน.พรรคพลังประชารัฐ  มีความเห็นว่า สาระสำคัญของร่าง พระราชบัญญัติดังกล่าว มุ่งเน้นไปที่ มาตรา ๒๕ เพื่อให้ฝ่ายการเมือง มีอำนาจเหนือผู้บัญชาการเหล่าทัพ ในการแต่งตั้งโยกย้ายนายทหารชั้นนายพล โดยกล่าวอ้างว่า มีการเล่นพรรคเล่นพวก ซึ่งโดยข้อเท็จจริงแล้ว ผู้บัญชาการเหล่าทัพ และผู้บังคับบัญชาในทุกระดับ ย่อมจะต้องรู้จักศักยภาพและประสิทธิภาพของกำลังพลใต้การบังคับบัญชาดีกว่า ฝ่ายการเมือง ซึ่งเข้ามามีอำนาจเพียงชั่วระยะเวลาหนึ่ง และหมุนเวียนเปลี่ยนไป ตามกลไกของการเลือกตั้ง

ที่สำคัญภายใต้รัฐธรรมนูญ พ.ศ.๒๕๖๐ หมวด ๒ พระมหากษัตริย์ มาตรา ๘ ได้เขียนเอาไว้ชัดเจนว่า “ พระมหากษัตริย์ ทรงดำรงตำแหน่งจอมทัพไทย” และตามมาตรา ๒๗ ของพระราชบัญญัติจัดระเบียบกระทรวงกลาโหม พ.ศ.๒๕๕๑ ได้กำหนดเอาไว้ชัดเจนว่า “ การแต่งตั้งนายทหารชั้นนายพลดำรงตำแหน่งให้นำความกราบบังคมทูล เพื่อทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯแต่งตั้ง” ซึ่งเป็นที่ชัดเจนว่า เนื้อหาของ มาตรา ๒๗ ของพระราชบัญญัติจัดระเบียบกระทรวงกลาโหม พ.ศ.๒๕๕๑ นั้น สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญ ที่ต้องการให้ผู้บัญชาการเหล่าทัพพิจารณา การแต่งตั้งและโยกย้ายนายทหารชั้นนายพล แล้วนำความขึ้นกราบบังคมทูลพระมหากษัตริย์ ที่ทรงดำรงตำแหน่งจอมทัพไทย โดยไม่ต้องการให้ฝ่ายการเมืองเข้าแทรกแซง

นอกเหนือจากนั้น ตามมาตรา ๑๐ ของพระราชบัญญัติจัดระเบียบกระทรวงกลาโหม พ.ศ.๒๕๕๑ แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติจัดระเบียบกระทรวงกลาโหม พ.ศ.๒๕๕๖  ได้กำหนดเอาไว้ว่า “ กระทรวงกลาโหมมีส่วนราชการดังต่อไปนี้
(๑) สำนักงานรัฐมนตรี
(๒) สำนักงานปลัดกระทรวง
(๓) กรมราชองครักษ์
(๔) หน่วยบัญชาการถวายความปลอดภัยรักษาพระองค์
(๕) กองทัพไทย

ซึ่งนั่นหมายความว่าเจตนาของพรรคการเมืองที่ยกร่างพระราชบัญญัติจัดระเบียบกระทรวงกลาโหม เพื่อฝ่ายการเมือง เข้ามามีอำนาจเหนือกองทัพนั้น จะมีอำนาจเหนือ ตาม(๓)(๔) ซึ่งเป็นการไม่บังควรอย่างยิ่ง

พรรคพลังประชารัฐ เห็นว่า การเสนอร่างพระราชบัญญัติจัดระเบียบกระทรวงกลาโหมของพรรคการเมืองนั้น จะเป็นการบั่นทอนให้กองทัพอ่อนแอลง และจะนำกองทัพ ไปใช้เพื่อผลประโยชน์ทางการเมืองเท่านั้น
จึงขอคัดค้าน อย่างถึงที่สุด”

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 10 ธันวาคม 2567

“บิ๊กป้อม” ค้านขึ้น VAT 15% ลั่นข้าวของแพง อย่าซ้ำเติม ปชช.

,

“บิ๊กป้อม” ค้านขึ้น VAT 15% ลั่นข้าวของแพง อย่าซ้ำเติม ปชช.

ทำเนียบ 7 ธ.ค.- โฆษกพรรคพลังประชารัฐ เผย “บิ๊กป้อม” ค้านขึ้น VAT 15% ชี้รัฐบาลควรศึกษาเศรษฐกิจไทย ลั่นข้าวของแพง อย่าซ้ำเติมประชาชน

พล.ต.ท. ปิยะ ต๊ะวิชัย โฆษกพรรคพลังประชารัฐ กล่าวว่า ตามที่นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ประกาศกลางเวทีในงานสัมมนาหนึ่งว่า รัฐบาลมีแนวคิดปรับขึ้นภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) เป็น 15% และปรับภาษีเงินได้นิติบุคคล 15% นั้น ในประเทศไทยได้กำหนดอัตราภาษีมูลค่าเพิ่มไว้ที่ 10% ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2535 แต่ต่อมาในปี พ.ศ. 2540 คณะรัฐมนตรี (ครม.) ในขณะนั้น เห็นว่า อัตราดังกล่าว สูงเกินไปเมื่อเปรียบเทียบกับ สภาวะทางเศรษฐกิจและรายได้ประชาชนตลอดจนบริบทของสังคมไทย จึงได้ออกพระราชกฤษฎีกาลดภาษีมูลค่าเพิ่มเหลือ 7% เป็นประจำทุกปี โดยที่ภาษีมูลค่าเพิ่ม 1 ใน 9 ที่เก็บได้ จะถูกโอนให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และที่เหลืออีก 8 ส่วนจะถูกโอนให้แก่รัฐบาล ซึ่งทุกรัฐบาลได้ดำเนินการคงภาษีมูลค่าเพิ่มในอัตรานี้มาโดยตลอด

โฆษกพรรคพลังประชารัฐ ยังกล่าวว่ารัฐบาลควรจะต้องศึกษาระบบเศรษฐกิจของไทยให้มากกว่านี้ ตอนนี้ชาวบ้าน จะอดตายอยู่แล้ว ทุกวันนี้ข้าวของก็แพงจะมาเพิ่มภาษีส่วนนี้อีก ราคาสินค้า บริการต่างๆ จะแพงมากขึ้นอีก อย่าซ้ำเติมประชาชนอีกเลย การขึ้นภาษีมูลค่าเพิ่มจะส่งผลกระทบต่อพี่น้องประชาชนผู้มีรายได้น้อย คนหาเช้ากินค่ำ เด็กนักเรียนนักศึกษา ตลอดจนคนพิการ และผู้ยากไร้ต่างๆ เนื่องจากเป็นผู้บริโภคมีฐานะเป็น end user ซึ่งต้องแบกรับภาระการจ่ายภาษี ภาวะเศรษฐกิจที่ประชาชนมีความเดือดร้อนเช่นนี้รัฐบาลไม่ควรขึ้นภาษีมูลค่าเพิ่ม

นอกจากนี้ การเพิ่มภาษีมูลค่าเพิ่ม จะไม่มีผลกระทบต่อนายทุนหรือเจ้าสัว เพราะนายทุนหรือผู้ประกอบการสามารถหักภาษีซื้อภาษีขายไม่มีผลกระทบแต่อย่างใด แต่เป็นการผลักภาระ การหารายได้ให้แก่รัฐบาลไปยังคนจนคนมีรายได้น้อย เปรียบเสมือนกับปล้นคนจน เอื้อคนรวย เป็นการผลักภาระมาให้ประชาชนผู้มีรายได้น้อย ซึ่งเป็นคนส่วนใหญ่ของประเทศ

พล.ต.ท.ปิยะ กล่าวอีกว่า รัฐบาลควรหาแนวทางและมาตรการต่างๆ ที่เหมาะสม กับสภาพเศรษฐกิจและบริบทของสังคมไทย ไม่ใช่ไปลอกแบบจากต่างประเทศเหมือนลอกข้อสอบ ยังมีมาตรการอื่นๆ เช่น ภาษีที่ดิน ภาษีมรดก การจัดเก็บภาษีจากเศรษฐกิจดิจิทัล ภาษีกลุ่มฟุ่มเฟือย หรือภาษีกลุ่มคนรวย หรือเก็บภาษีกลุ่มคนมั่งคั่งจะดีกว่า การปรับปรุงประสิทธิภาพและพัฒนาโครงสร้าง การจัดเก็บภาษี ซึ่งยังมีการประกอบธุรกิจหรือกิจการบางอย่างที่ยังไม่ได้อยู่ในระบบภาษี การขยายฐานภาษี และการปรับปรุงประสิทธิภาพการจัดเก็บภาษี เพื่อเพิ่มรายได้ให้แก่รัฐ ยังดีกว่าการผลักภาระให้แก่คนทั้งประเทศ ดังนั้นรัฐบาลต้องวางแผนและตัดสินใจให้รอบคอบ

“พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ จะค้านการขึ้น VAT15% และจะพิจารณานำเรื่องนี้ เข้าคณะทำงานศูนย์วิชาการและนโยบาย พรรคพลังประชารัฐ เพื่อหาแนวทางและวิธีการที่เหมาะสมเพื่อช่วยเหลือพี่น้องประชาชนที่มีรายได้น้อย และจะไม่ทอดทิ้ง พี่น้องประชาชนอย่างแน่นอน” โฆษกพรรคพลังประชารัฐ ระบุ.-316-สำนักข่าวไทย

ที่มา: สำนักข่าวไทย https://tna.mcot.net/
วันที่: 7 ธันวาคม 2567