โลกเปลี่ยน ไทยต้องปรับ ทางเลือกใหม่ของการเมืองไทย ก้าวข้ามความขัดแย้ง สานพลังประชาราษฎร์ ร่วมสร้างชาติให้ยั่งยืน

ปี: 2024

“พล.อ.ประวิตร“ลงพื้นที่ประสบภัยน้ำท่วม จ.หนองคาย มอบถุงยังชีพบรรเทาทุกข์ หลายชุมชนในเขตเมือง จี้ รัฐบาลใส่ใจความเดือดร้อนของ ปชช.พร้อมจัดงบประมาณเยียวยาเร่งด่วน

,

“พล.อ.ประวิตร“ลงพื้นที่ประสบภัยน้ำท่วม จ.หนองคาย มอบถุงยังชีพบรรเทาทุกข์ หลายชุมชนในเขตเมือง จี้ รัฐบาลใส่ใจความเดือดร้อนของ ปชช.พร้อมจัดงบประมาณเยียวยาเร่งด่วน

  19 กันยายน 2567  เวลา 11.00 น. พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ(พปชร.) พร้อมด้วย นายสันติ พร้อมพัฒน์  รองหัวหน้าพรรค  นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รองหัวหน้าพรรค นส.ตรีนุช เทียนทอง รองหัวหน้าพรรค   นายชัยมงคล ไชยรบ รองหัวหน้าพรรค นายฉกาจ พัฒนกิจวิบูลย์ รองหัวหน้าพรรค  นส.กาญจนา จังหวะ  รองเลขาธิการพรรค พลเอก กฤษณ์โยธิน ศศิพัฒนวงษ์ เหรัญญิกพรรค   นายวราเทพ รัตนากร  ผู้อำนวยการพรรค   พลตำรวจโท ปิยะ ต๊ะวิชัย โฆษกพรรค นายกระแสร์ ตระกูลพรพงศ์ สส.หนองคาย เขต 1 และกรรมการบริหารพรรค อาทินาย สุธรรม สุจริตงาม   พร้อมด้วยสมาชิกพรรค นส. พิมพ์พร พรพฤฒิพันธุ สส.เพชรบูรณ์ เขต1  และ นายวิริยะ ทองผา สส. มุกดาหาร เขต 1    ร่วมลงพื้นที่ประสบอุทกภัย จ.หนองคาย โดยเฉพาะในพื้นที่ อ.เมือง ที่ได้รับผลกระทบจากปริมาณน้ำฝนที่ตกอย่างต่อเนื่อง จากอิทธิพลของพายุที่เกิดขึ้นในหลายระลอก รวมทั้งปริมาณน้ำจากลำน้ำโขง ที่เพิ่มสูงขึ้นจนเอ่อล้นตลิ่งเข้าท่วมบ้านเรือน ส่งผลให้พี่น้องประชาชนในชุมชนต่างๆ ได้รับความเดือดร้อน ไม่สามารถออกไปประกอบอาชีพได้ตามปกติ  

โดย พล.อ.ประวิตร มีความห่วงใยในความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชน จึงได้ลงพื้นที่พร้อมกับคณะทีมผู้บริหารพรรคไปพบปะประชาชน และติดตามสถานการณ์ ในพื้นที่ประสบภัย เพื่อเก็บรวมรวมข้อมูล และเตรียมความพร้อมเสนอผ่านระบบสภาฯ โดยระหว่างการลงพื้นที่วันนี้ ได้มีประชาชนฝากข้อเรียกร้องไปยังรัฐบาลจำนวนมาก ซึ่งพรรคพลังประชารัฐในฐานะพรรคฝ่ายค้าน ก็ขอเป็นกระบอกเสียงแทนพี่น้องประชาชน ขอให้รัฐบาลใส่ใจในความเดือดร้อนและเร่งหามาตรการที่จะเยียวยาช่วยเหลืออย่างเร่งด่วนด้วย  

ทั้งนี้ จากสภาพอากาศ พรรคพลังประชารัฐ เชื่อว่า ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ยังคงได้รับอิทธิพลจากมรสุมอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นผลจากการเปลี่ยนแปลงจากสภาพภูมิอากาศ ทำให้ปริมาณฝนตกมากกว่าปกติ ซึ่งปัญหาเรื่องน้ำทั้งภัยแล้งและอุทกภัย เป็นนโยบายหลักของ พปชร.และ พล.อ.ประวิตร ให้ความสำคัญมาโดยตลอด จากที่ผ่านมามีการผลักดันโครงการพัฒนาแหล่งน้ำ และวางแนวทางแก้ไขปัญหาให้บริหารจัดการน้ำอย่างมีประสิทธิภาพ จนทำให้ประชาชน และเกษตร มีน้ำกินน้ำใช้ ลดภัยพิบัติอย่างเห็นผลมาแล้วในอดีต  สะท้อนภาพจำของ “ลุงป้อม“ที่มีต่อประชาชน  เป็นผู้ที่แก้ปัญหาน้ำ และสามารถเข้าช่วยเหลือชาวบ้านที่ได้รับความเดือดร้อน ไม่ว่าพื้นที่นั้นจะอยู่ห่างไกลแค่ไหนก็ตาม

อย่างไรก็ตาม  พล.อ.ประวิตร ได้นำถุงยังชีพมากกว่า 3,000 ชุด แจกจ่ายให้กับพี่น้องประชาชนในชุมชนหนองบัว ชุมชนสระแก้ว (วัดศรีบุญเรือง) ชุมชนวัดธาตุใต้ ในเขตเทศบาลเมือง  เพื่อให้ประชาชนบรรเทาความเดือดร้อนในช่วงวิกฤตินี้ไปได้ พร้อมทั้งกำชับให้ สส. ในพื้นที่ประสานกับหน่วยงานเกี่ยวข้องเข้าทำการช่วยเหลือพี่น้องประชาชนในด้านต่างๆ การแจ้งเตือน การอพยพ หาแหล่งที่พักพิงให้เพียงพอ และให้นำข้อมูลมาเสนอต่อสภาฯ เพื่อเรียกร้องให้รัฐบาลจัดสรรงบประมาณในการเยียวยาพี่น้องประชาชน เพื่อซ่อมบ้านเรือนที่ได้รับความเสียหาย พร้อมทั้งจัดเตรียมแผนรับมือในการพัฒนาโครงการ เพื่อป้องกันอุทกภัยในอนาคต

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 19 กันยายน 2567

จัดหนักรัฐบาลใหม่! ทีม ศก.​ พรรคพลังประชารัฐ ‘’อุตตม-สนธิรัตน์-ธีระชัย“ แพ็คทีมวิพากษ์ นโยบาย ศก. รัฐบาลใหม่ ยก ดิจิตัลวอลเล็ต มีจุดบกพร่องเยอะมาก ไม่ต่าง บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ มอง เปลี่ยนตลอด ทั้งวิธีการ-กลุ่มเป้าหมาย-เกิดพายุหมุนลำบาก ไม่สมเป็นนโยบายเรือธง  

,

จัดหนักรัฐบาลใหม่! ทีม ศก.​ พรรคพลังประชารัฐ ‘’อุตตม-สนธิรัตน์-ธีระชัย“ แพ็คทีมวิพากษ์ นโยบาย ศก. รัฐบาลใหม่ ยก ดิจิตัลวอลเล็ต มีจุดบกพร่องเยอะมาก ไม่ต่าง บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ มอง เปลี่ยนตลอด ทั้งวิธีการ-กลุ่มเป้าหมาย-เกิดพายุหมุนลำบาก ไม่สมเป็นนโยบายเรือธง  

วันที่ 17 กันยายน 2567 ทีมเศรษฐกิจพรรคพลังประชารัฐ​ ประกอบด้วย ดร.อุตตม สาวนายน อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และ พล.ต.ท.ปิยะ ต๊ะวิชัย โฆษกพรรคพลังประชารัฐ ร่วมกันแถลงข่าวตรวจสอบนโยบายรัฐบาลนายกแพทองธารที่แถลงต่อรัฐสภา โดยมุ่งตรงไปยังนโยบาย ศก. ทั้งการแก้หนี้ ดิจิตอลวอลเล็ต และกองทุนวายุภักษ์

ด้านนายอุตตม อดีตรัฐมนตรีคลัง กล่าวว่า ตนเห็นด้วยกับรัฐบาลที่กำหนดการแก้หนี้เป็นนโยบายเร่งด่วนลำดับแรกของคณะรัฐมนตรี แต่อย่างไรก็ตาม มีข้อเสนอแนะว่า การแก้หนี้ให้บรรลุผลนั้น ต้องทำครบวงจร เช่น รัฐบาลต้องผนึกธนาคารแห่งประเทศไทย สถาบันการเงินเอกชน/รัฐ เพื่อแก้ปัญหาได้อย่างยืนในทุกมิติที่เกี่ยวข้อง เพื่อบรรเทาความเดือนร้อน เติมกำลังให้ประชาชนและเศรษฐกิจ สร้างอนาคตประเทศ ทั้งนี้ โครงการที่ทำต้องเข้าถึงประชาชนฐานรากทั่วทั้งประเทศ บริการเสมอภาคเป็นธรรม พร้อมทั้งมีการนำเทคโนโลยีมาร่วมขับเคลื่อน

ดร. อุตตม กล่าวถึงมาตรการที่ใช้ขับเคลื่อนว่า “รัฐมนตรีการคลังควรหารือกับ ธปท. ถึงแนวทางการลดเงินที่เก็บเข้ากองทุนฟื้นฟูฯ (FIDF) เหลือ 0.23% ต่อ 6 เดือน ชั่วคราว 5 ปี เพื่อนำเงินที่ประหยัดได้ไปลด  ยอดหนี้ (haircut) สำหรับลูกหนี้ที่มีรายได้ไม่เกิน 30,000 บาท/เดือน และต้องเจรจาให้ธนาคารต้องนำกำไรสะสมมาร่วมด้วยไม่น้อยกว่า 25% ของหนี้ที่ลดให้แก่ลูกหนี้ อันเป็นการร่วมมือกันแก้ปัญหาระหว่างรัฐกับเอกชน” นายอุตตม  กล่าวทิ้งท้าย

นายสนธิรัตน์ อดีตรัฐมนตรีพลังงาน ตั้งข้อสังเกตว่า นโยบายดิจิตอลวอลเล็ตเป็นนโยบายที่เปลี่ยนมาโดยตลอด ตั้งแต่รูปแบบที่เดิมทีจะแจกเป็นเงินดิจิตอล ทั้งที่มีหลายฝ่ายท้วงติง มาเป็นเงินสด มีการเปลี่ยนกลุ่มเป้าหมายที่จะได้รับการแจกเงิน กระทั่งการเปลี่ยนแปลงของประเภทสินค้าที่จะใช้จ่าย เรียกได้ว่า ทั้งทามไลน์และวิธีการดำเนินโครงการที่รัฐบาลประกาศว่าเป็นนโยบายเรือธงมีการขยับตลอดเวลา  

“ขณะนี้ การดำเนินโครงการมาถึงจุดที่ประกาศว่า จะแจกเป็นเงินสดให้กับประชาชนกลุ่มเปาะปราง 14.5 ล้านคน  เพียงเพิ่มกลุ่มคนพิการเข้ามา ถ้าเป็นแบบนี้ก็มีแนวโน้มที่จะไม่ต่างอะไรจากโครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ที่พวกตนได้ทำกันมา รูปแบบการแจกเงิน ก็ใช้ตามแนวทางเดิม ทำให้เห็นว่า บัตรสวัสดิการแห่งรัฐเป็นโครงการที่สำเร็จ กระตุ้นกลุ่มเป้าหมายได้ดี ช่วยเหลือประชาชนได้จริง”

นายสนธิรัตน์ กล่าวว่า ตัวโครงการยังประเมินผลลัพธ์ไว้สูงมากว่าจะมีพายุหมุนทาง ศก.​หลายรอบ แต่ท่ามกลาง ศก.​แบบนี้ ต้องถามว่า เงินจากโครงการดิจิตอลวอลเล็ตจะสร้างพายุหมุนได้จริงกี่รอบสมเป็นโครงการเรือธงที่รัฐบาลคาดหวัง นอกจากนั้นที่มาของงบประมาณในการดำเนินโครงการ ก็ได้มีการดึงงบจากหลายส่วนมาทำโครงการนี้ ซึ่งมีแนวโน้มจะไปกระทบกับการจัดบริการสาธารณะหรือโครงการใหญ่อื่นๆ ที่ต้องใช้งบประมาณ ในประเด็นสุดท้ายคือมีประชาชนไปลงทะเบียนโครงการนี้ 36 ล้านคน แต่จะแจกจริงผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐแค่ 14.5 ล้านคน ทั้งยังไม่มีความชัดเจนของทามไลน์ที่จะแจกรุ่นต่อไป รัฐบาลจะเยียวยา จะดูแล หรือจะรับผิดชอบต่อพี่น้องประชาชนกลุ่มนี้อย่างไร นี่เป็นคำถามใหญ่ที่อยากฝากไว้

ด้านนายธีระชัย อดีตรัฐมนตรีคลัง กล่าวว่า การขับเคลื่อนนโยบายของรัฐที่นำเอากองทุนวายุภักษ์ เพื่อระดมทุนนั้น เป็นการใช้นโยบายอุ้มคนมีเงิน สร้างความไม่เป็นธรรมในสังคมและมีความเสี่ยงผิดกฎหมาย ตนขอเตือนว่าการระดมเงินแล้วไปเก็งกำไร ทั้งในตลาดหลักทรัพย์(ตลท.) และนอกตลาดหลักทรัพย์ ทั้งทองคำ น้ำมันดิบ สินค้าโภคภัณฑ์ หุ้นกู้เครดิตต่ำ (junk bond) ฯลฯ ที่ไม่ใช่กิจหน้าที่ของกระทรวงการคลัง เป็นเรื่องไม่เหมาะสมและเสี่ยงผิดกฎหมาย

“ตนเองได้มีหนังสือ 4 ฉบับเสนอแนะให้นายกฯ แพทองธาร ชินวัตรทบทวน เพราะมีปัญหา 2 ด้าน คือก่อปัญหาความไม่เป็นธรรมในสังคม เป็นการรอนสิทธิของประชาชนทั้งประเทศ สิทธิของข้าราชการ และสิทธิของผู้ใช้แรงงานไปให้แก่ผู้ถือหน่วยลงทุนประเภท ก. ซึ่งเป็นคนกลุ่มน้อย  และยังอาจมีปัญหาคนต่างชาติใช้ชื่อคนไทยเป็นนอมินีเพื่อแสวงหาประโยชน์อีกด้วย นอกจากนี้ มีความเสี่ยงผิดกฎหมาย  กรณีหากมีผู้ใดฟ้องศาลให้ระงับเงื่อนไข ซึ่งทำให้ผู้ลงทุนรายใหม่ได้รับความเสียหาย รัฐมนตรีคลังอาจเข้าข่ายประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรง“ นายธีรชัยกล่าว

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 18 กันยายน 2567

“พล.อ.ประวิตร“เตรียมนำ พปชร.ลงพื้นที่ซับน้ำตาชาวหนองคาย 19 ก.ย.นี้ พร้อมกำชับ สส.ของพรรคทุกจังหวัด ดูแลและช่วยเหลือประชาชนให้ดีที่สุด

,

“พล.อ.ประวิตร“เตรียมนำ พปชร.ลงพื้นที่ซับน้ำตาชาวหนองคาย 19 ก.ย.นี้ พร้อมกำชับ สส.ของพรรคทุกจังหวัด ดูแลและช่วยเหลือประชาชนให้ดีที่สุด

พล.ต.ท.ปิยะ ต๊ะวิชัย โฆษกพรรคพลังประชารัฐ แถลงผลการประชุมคณะกรรมการบริหารพรรค และ สส.พรรคพลังประชารัฐ นำโดย พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ โดยที่ประชุมได้หารือถึงสถานการณ์น้ำท่วมในหลาย ๆ พื้นที่ ซึ่งต้องยอมรับว่า เป็นปีที่น้ำมาจำนวนมหาศาล และสร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชนเป็นวงกว้าง โดย พล.อ.ประวิตร เป็นห่วงสถานการณ์น้ำท่วมเป็นอย่างมาก เพราะประชาชนจะต้องเสียทรัยพ์สิน ทั้งบ้านเรือนและพื้นที่ทางการเกษตร จึงได้มอบหมายให้ สส.ของพรรคดูแลและช่วยเหลือประชาชน อย่างดีที่สุด

พล.ต.ท.ปิยะ กล่าวต่อว่า พล.อ.ประวิตร ได้ส่งผู้สมัคร สส.ของพรรคพลังประชารัฐ รวมถึงทีมงาน ลงพื้นที่ไปช่วยเหลือประชาชนจากปัญหาอุทกภัยในเบื้องต้น ในหลาย ๆ จังหวัด เช่น เชียงใหม่,เชียงใหม่,แพร่,น่านลำปาง ให้นำถุงยังชีพไปแจกจ่ายพี่น้องประชาชน เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนในเบื้องต้น และได้กำชับว่า ในส่วนพื้นที่ที่สถานการณ์น้ำเริ่มคลี่คลายแล้ว ให้ สส.ทุกคนร่วมมือกับชาวบ้านฟื้นฟูพื้นที่ประสบภัยให้กลับสู่ภาวะปกติ เพื่อให้ประชาชนสามารถกลับมาดำเนินชีวิตได้ตามปกติโดยเร็วที่สุดด้วย

“ในวันพฤหัสที่ 19 ก.ย.นี้ พล.อ.ประวิตร พร้อมด้วยคณะกรรมการบริหารพรรค และ สส.จะลงซับน้ำตาที่จังหวัดหนองคายและจังหวัดใกล้เคียง 3 – 5 จุด ที่ความช่วยเหลือจากภาครัฐยังเข้าไปไม่ถึงประมาณ 3-5 จุด เพื่อนำถุงยังชีพไปแจกจ่ายให้กับประชาชนที่กำลังเดือดร้อนในขณะนี้“พล.ต.ท.ปิยะ กล่าว

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 18 กันยายน 2567

“พปชร.”ประกาศตั้ง“ศูนย์นโยบายและวิชาการ”เปิดกว้างรับฟังทุกข้อเสนอแนะ ก่อนส่งต่อให้ สส.ทำหน้าที่ทั้งในและนอกสภาฯ ลั่น พร้อมทำหน้าที่เป็นฝ่ายค้านเชิงรุก เข้าใจความหวังของ ปชช.

,

“พปชร.”ประกาศตั้ง“ศูนย์นโยบายและวิชาการ”เปิดกว้างรับฟังทุกข้อเสนอแนะ ก่อนส่งต่อให้ สส.ทำหน้าที่ทั้งในและนอกสภาฯ ลั่น พร้อมทำหน้าที่เป็นฝ่ายค้านเชิงรุก เข้าใจความหวังของ ปชช.

พล.ต.ท.ปิยะ ต๊ะวิชัย โฆษกพรรคพลังประชารัฐ แถลงผลการประชุมคณะกรรมการบริหารพรรคนำโดย พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐโดยที่ประชุมได้เห็นควรให้มีการจัดตั้งศูนย์นโยบายและวิชาการของพรรคพลังประชารัฐ เพื่อจัดเป็นศูนย์ในการทำงานให้กับสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และทีมสมาชิกของพรรคพลังประชารัฐ ในการนำข้อมูลข่าวสารไปดำเนินการ เพื่อตอบสนองความต้องการของพี่น้องประชาชน โดยศูนย์นโยบายและวิชาการดังกล่าวจะมีนายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เป็นหัวหน้าทีม และมีนายอุตตม สาวนายน อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง รวมถึงนายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เป็นทีมงานสำคัญ

ด้านนายอุตตม กล่าวถึงศูนย์นโยบายและวิชาการของพรรคพลังประชารัฐว่า วันนี้เรามีบทบาทเป็นพรรคฝ่าย ในสภาผู้แทนราษฎร เพราะฉะนั้นศูนย์ที่เราตั้งขึ้น จะมีหน้าที่หลักในการสนับสนุนข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อการทำงานของพรรค เพื่อที่จะตอบโจทย์ให้กับประชาชน ไม่ว่าจะเป็นเชิงนโยบายหรือมาตรการที่สอดคล้องกับสถานการณ์ และยังมีหน้าที่สนับสนุน สส.และทีมงานในพื้นที่ด้วย โดยเราหวังว่า ศูนย์ของเราจะเป็นศูนย์รวมของการพัฒนาบุคลากรของพรรคพลังประชารัฐให้มีคุณภาพ เพื่อให้ประชาชนได้ข้อมูล ข่าวสารที่ถูกต้อง และจากนี้ พรรคพลังประชารัฐจะทำหน้าที่ติดตามและตรวจสอบการทำงานของรัฐบาลอย่างเข้มแข็ง

ด้านนายสนธิรัตน์ กล่าวว่า ทุกคนที่อยู่ตรงนี้จะเป็นผู้บริหารศูนย์นโยบายและวิชาการร่วมกัน โดยเราจะไม่ได้ทำงานเฉพาะในกลุ่มของพรรคพลังประชารัฐเท่านั้น แต่จะเป็นการรวบรวมความคิดเห็นของทุกฝ่ายที่อยากจะร่วมเสนอแนะ หรือต้องการให้พรรคพลังประชารัฐดำเนินการ เราเปิดกว้างที่จะรับข้อมูลจากทุกด้าน และจะใช้ข้อมูลจากเหล่านี้ในการปฎิบัติหน้าที่ทั้งในและนอกสภาฯ ในบทบาทของพรรคฝ่ายค้าน ที่จะทำหน้าที่อย่างเข้มแข็งต่อไป นี่คือความเปลี่ยนแปลงของพรรคพลังประชารัฐ เพราะเรารู้ว่า วันนี้ประชาชนต้องการความหวังจากพรรคฝ่ายค้านที่จะทำหน้าที่แทนประชาชนคนไทย

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 18 กันยายน 2567

“พลังประชารัฐ“ ห่วงใยพี่น้องชาวเชียงราย ส่งทีมช่วยเหลือบริการข้าวสาร-น้ำสะอาด หลังน้ำลดชาวบ้านต่างขอบคุณน้ำใจ ลุงป้อม  

,

“พลังประชารัฐ“ ห่วงใยพี่น้องชาวเชียงราย ส่งทีมช่วยเหลือบริการข้าวสาร-น้ำสะอาด หลังน้ำลดชาวบ้านต่างขอบคุณน้ำใจ ลุงป้อม  

 เมื่อ 15 ก.ย.67 ตั้งแต่ 08:00 น. นายพันธวัช ภูผาพันธกานต์  สมาชิกพรรคพลังประชารัฐ เขต5 จังหวัดเชียงราย  เพื่อเข้าช่วยเหลือ โดยประสานความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่อาสาสมัคร ได้จัดรถบรรทุกน้ำสะอาดและมอบสิ่งของบรรเทาทุกข์ ทั้งข้าวสาร ,น้ำดื่ม และน้ำสะอาด เพื่อมอบให้กับประชาชน ที่ได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงจากอุทกภัย  ที่ผ่านมา บริเวณพื้นที่ 3 อำเภอ ประกอบด้วย บ้านหนองสามัคคี ต.สันทรายงาม อ.เทิง   บ้านหนองบัว ต.สันทรายงาม อ.เทิง   บ้านป่าซาง ต.เม็งราย อ.พญาเม็งราย  ต.แม่ต๋ำ อ.พญาเม็งราย
บ้านป่าข่า ต.ป่าตาล อ.ขุนตาล ต.หงาว อ.เทิง   ต.ตับเต่า อ.เทิง  จ.เชียงราย   ที่ยังอยู่ในภาวะน้ำท่วมสูง ที่ยังไม่สามารถประกอบอาชีพได้ และบ้างพื้นที่อยู่ระหว่างการฟื้นฟูที่มีดินโคลนหลังน้ำลด

 ทั้งนี้จากความห่วงใยของ พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ได้มอบให้สส.และสมาชิกพรรคในพื้นที่เร่งสำรวจ และเข้าช่วยเหลือประชาชน ที่ได้รับความเดือดร้อนอย่างเต็มที่ จากการที่สมาชิกที่เข้าไปทำการช่วยเหลือในหลายครัวเรือน ต่างแสดงความตื้นตันใจและขอบคุณ พลเอก ประวิตรฯ ที่มีความห่วงใยและ ไม่ทอดทิ้งประชาชนที่กำลังประสบความเดือดร้อนจากเหตุการณ์อุทกภัยในครั้งนี้ 

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 16 กันยายน 2567

“พล.อ.ประวิตร“ ส่ง สส.กระแสร์“ ลงพื้นที่ป้องกันน้ำโขงล้นท่วมหนองคาย แนะ รัฐบาลควรเร่งเตรียมแผนเยียวยาพร้อมงบประมาณให้ ปชช.ทันที

,

“พล.อ.ประวิตร“ ส่ง สส.กระแสร์“ ลงพื้นที่ป้องกันน้ำโขงล้นท่วมหนองคาย แนะ รัฐบาลควรเร่งเตรียมแผนเยียวยาพร้อมงบประมาณให้ ปชช.ทันที

 นายกระแสร์ ตระกูลพรพงศ์ สส.หนองคาย เขต 1 พรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงสถานการณ์น้ำในแม่น้ำโขงบริเวณจังหวัดหนองคาย อยู่ในเกณฑ์ที่มีความเสี่ยงอันตรายต่อการเกิดน้ำท่วมฉับพลัน   ตนได้รับมอบหมาย จากพล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ  เร่งลงพื้นที่เพื่อติดตามสถานการณ์ โดยได้ร่วมกับนายยุทธนา ศรีตะบุตร นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดหนองคาย และคณะลงพื้นที่ตรวจน้ำท่วม ยอมรับว่า ตั้งแต่ระดับน้ำในย่านเศรษฐกิจของตัวเมืองหนองคาย เริ่มเพิ่มสูงขึ้น และแม่น้ำโขงล้นตลิ่งเข้าท่วมพื้นที่ในตัวเมืองหนองคาย ทำให้ร้านค้าต่าง ๆ ในเขตเทศบาลเมือง ต้องหยุดขายสินค้า และประชาชนที่จะเข้าไปซื้อสินค้า ก็ไม่สามารถทำได้ ทำให้เกิดผลกระทบด้านเศรษฐกิจด้วย

 นายกระแสร์ กล่าวต่อว่า ในขณะนี้เราทำอย่างเต็มที่เร่งช่วยเหลือพี่น้องให้ได้มากที่สุด เพื่อป้องกันน้ำโขง ทะลักเข้าพื้นที่เขตเทศบาลเมือง อย่างกรณี เมื่อวานนี้(14 ก.ย.)ตนและกลุ่มรักหนองคาย พร้อมด้วยหนองคายเจริญจักรกล ได้นำรถดั้มเข้าทำงานร่วมกับทาง อบจ.หนองคาย นำทรายเข้ากระจายตามจุดสำคัญต่างๆ ในตัวเมืองหนองคาย เพื่อให้พี่น้องประชาชนที่เดือดร้อนที่ต้องการทราย นำกระสอบมาใส่ เพื่อทำคันป้องบกันน้ำชั่วคราเพื่อป้องกันน้ำเข้าบ้านเรือน และทาง อบจ.หนองคาย ก็ได้นำทรายไปกระจายตามจุดต่างๆ ภายในตัวเขตเทศบาลเมือง เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับพี่น้องประชาชนด้วย

 “เหตุอุทกภัยที่เกิดขึ้นทำให้บ้านเรือนและทรัพย์สินของประชาชนเสียหายจำนวนมาก รวมถึงพื้นที่เกษตรกรรม โดยเฉพาะการสัตว์เลี้ยง ซึ่งได้มีการนำเรือเข้าลำเลียงสัตว์เลี้ยง มาอยู่ในพื้นปลอดภัยแล้ว โดยภายหลังจากน้ำลดแล้วก็ยังต้องฟื้นฟูกันอีกมาก ผมจึงขอให้รัฐบาลเตรียมแผนและงบประมาณในการเยียวยาให้กับประชาชนไว้ล่วงหน้าเลย เพราะปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนไม่สามารถรอได้ ทั้งนี้ ผมขอเป็นกำลังใจให้ผู้ประสบภัยทุกคน และเราจะผ่านเรื่องนี้ไปด้วยกัน“นายกระแสร์ กล่าว

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 16 กันยายน 2567

“สส.วรโชติ”จี้ ถามรัฐบาลถึงมาตรการแก้ปัญหาข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ เผย เกษตรกรเพชรบูรณ์ จ่อบุกศาลากลางฯเรียกร้องให้รัฐแก้ปัญหาด่วน

,

“สส.วรโชติ”จี้ ถามรัฐบาลถึงมาตรการแก้ปัญหาข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ เผย เกษตรกรเพชรบูรณ์ จ่อบุกศาลากลางฯเรียกร้องให้รัฐแก้ปัญหาด่วน

นายวรโชติ สุคนธ์ขจร สส.เพชรบูรณ์ เขต 4 พรรคพลังประชารัฐ(พปชร.)กล่าวหารือในที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรถึงปัญหาข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ที่จังหวัดเพชรบูรณ์ พ่อค้าหยุดรับซื้อข้าวโพด เกษตรกรจะทำอย่างไร เพราะวันนี้ถึงฤดูเก็บเกี่ยวมาถึงแล้ว แต่พ่อค้าไม่รับซื้อ เพราะโรงงานอาหารสัตว์แต่ละแห่งจำกัดการซื้อ และก็ปรับลดราคาลงเรื่อย ๆ ตนไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น และทางรัฐบาลมีมาตรการอย่างไรเกี่ยวกับปัญหาที่เกิดขึ้น

นายวรโชติ กล่าวต่อว่า วันนี้ราคาข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ลดลงอย่างต่อเนื่อง และรุนแรง ไม่รู้ว่าเกิดจากกลไกการตลาด หรือ เป็นกลไกของพ่อค้า รวมทัังมีการจำกัดการรับซื้อของกลุ่มผู้ประกอบการข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ และผู้ประกอบการ SME ที่เป็นผู้รับซื้อจากเกษตรกรโดยตรงก็ไม่สามารถรับซื้อได้เนื่องจากโรงงานอาหารสัตว์ไม่รับซื้อ ความลำบากไปตกที่พี่น้องเกษตรกร โดยในวันพรุ่งนี้(12 ก.ย.)พี่น้องเกษตรกรจังหวัดเพชรบูรณ์ก็จะไปหน้าศาลากลางจังหวัด เพื่อไปเรียกร้องเรื่องดังกล่าวด้วย

“ผมอยากฝากเรื่องนี้ไปยังกรมการค้าภายใน กระทรวงกระทรวงพาณิชย์ และกระทรวงการคลัง ให้ช่วยดูแลแก้ไขปัญหาข้าวโพดเลี้ยงสัตว์เลี้ยงสัตว์ด้วย ซึ่งเมื่อสักครู่ผมต้องขอบคุณนายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง และผมได้สอบถามว่า เรื่องข้าวโพดเลี้ยงสัตว์รัฐบาลมีนโยบายอย่างไรบ้าง ซึ่ง
ท่านแจ้งว่า มีการหารือกันวานนี้และจะรีบดำเนินการ“นายวรโชติ กล่าว

นายวรโชติ กล่าวต่อว่า สถานการณ์น้ำท่วมเกือบทั่วประเทศในตอนนี้ แต่ราคาข้าวกลับลดลง ซึ่งจริง ๆ แล้วข้าวต้องราคาแพงขึ้น แล้วทำไมลดลงทุกวัน ตนอยากทราบว่า วันนี้กระทรวงพาณิชย์ได้มีการจัดการดูแลเรื่องนี้หรือไม่ โดยการนำเข้าต่างๆ ตนขอฝากนายกรัฐมนตรีคนใหม่ และคณะรัฐมนตรีทุกท่าน ให้ใส่ใจพี่แม่พี่น้องประชาชนเรื่องนี้อย่างจริงจัง

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 13 กันยายน 2567

 “สส.ชัยมงคล”เปรียบ ครม. เหมือน ”เหล้าเก่าในขวดใหม่ “เขียนฉลากเพิ่มเติม ซัดภาพจำรัฐบาลตระบัดสัตย์ เปรย ไม่อยากเห็นภาพ รบ.ชนชั้นสูง“

,

“สส.ชัยมงคล”เปรียบ ครม. เหมือน ”เหล้าเก่าในขวดใหม่ “เขียนฉลากเพิ่มเติม ซัดภาพจำรัฐบาลตระบัดสัตย์ เปรย ไม่อยากเห็นภาพ รบ.ชนชั้นสูง“

นายชัยมงคล ไชยรบ สส.สกลนคร เขต 5 พรรคพลังประชารัฐ(พปชร.)กล่าวอภิปรายนโยบายของคณะรัฐมนตรี ว่า ประโยคที่น.ส. แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และประโยคที่บอกว่า“คนไทยมีกินมีใช้ มีเกียรติมีศักดิ์ศรี ความหวังของคนไทยเริ่มเรืองรอง” แต่เมื่อเห็นรายชื่อคณะรัฐมนตรีทำให้ความหวังเหล่านั้นเริ่มลางเลือน เพราะประกอบไปด้วยคนเก่า 70-80% เพิ่มเติมคนใหม่มาบ้าง เปรียบเสมือนเหล้าเก่าในขวดใหม่ เขียนฉลากเพิ่มเติม มีทั้งพ่อแทนลูก หรือลูกแทนพ่อ น้องแทนพี่ ซึ่งคนที่เข้ามาแทนกันไม่ใช่ว่าไม่ใช่คนดี เขาอาจเป็นคนดี แต่จะสามารถบริหารราชการแผ่นดิน ที่มีเดิมพันด้วยประชาชนคนไทย 70 กว่าล้านคนได้หรือไม่

องค์ประกอบคณะรัฐมนตรีชุดนี้มาจากหลายสัดส่วน ไม่ว่าจะเป็นสิ่งชำรุดทางประวัติศาสตร์ที่มาจากผลพวงพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย ที่มีจุดยืนว่าอำนาจรัฐต้องมาจากปลายกระบอกปืนกระบอกปืน มาจากรัฐมนตรีอาชีพ ที่เลือกจะเป็นรัฐมนตรีมา 17-18 สมัย ส่วนคนใหม่นั้นก็สืบทอดโดยสายเลือด  สื่อมวลชนจึงขนานนามคณะรัฐมนตรีชุดนี้ว่า ญาติกาบ้าง ผู้สืบสันดานบ้าง ทำให้เห็นทางของนโยบายรัฐบาลชุดนี้ ซึ่งไม่ได้เห็นว่าจะสามารถหวังผลประการใด และหากได้ทำตามที่อ่านคำการแถลงนโยบายในรัฐสภาแห่งนี้ ประเทศชาติจะเจริญรุ่งเรืองในวันพรุ่งนี้เลยแต่ตนไม่แปลกใจเพราะนโยบายของรัฐบาลชุดนี้ไม่ต่างจากชุดที่แล้ว และมีต้นทางมาจากพรรคเพื่อไทยเหมือนกัน เช่นเรื่องยาเสพติดก็เขียนเหมือนกันว่าจะต้องจัดการรวมถึงพูดคุยกับประเทศเพื่อนบ้าน มีการยึดทรัพย์บำบัดผู้เสพ ซึ่งผลดำเนินการของรัฐบาลชุดที่แล้ว ไตรมาสที่สอง มีคดีเกี่ยวกับยาเสพติดเพิ่มขึ้น 29.9% ซึ่งหมายความว่าเป็นการบริหารงานรัฐที่ล้มเหลวในการปราบปรามยาเสพติด

นอกจากนี้นโยบายเรือธงและเอ็นเตอร์เทนเม้นท์คอมเพล็กซ์ ที่บอกจะสร้างเศรษฐกิจให้ดีขึ้น คนไทยจะมีรายได้เพิ่มสามารถเก็บภาษีเพิ่มขึ้น ซึ่งตนเชื่อว่าจะมีการจ้างงานซึ่งคนไทยจะไปเป็นคนแจกไพ่ เป็นแรงงาน เป็นคนต้อนรับ แต่คนรวยมีไม่เกิน 10 ตระกูล แต่คนจนจะมีนับ 10 ล้านคน ซึ่งนโยบายเช่นนี้เปรียบเสมือนทำให้เห็นว่าเป็นนโยบายจากกลุ่มชนชั้นนำ เพื่อชนชั้นนำและเพื่อทุนขนาดใหญ่ ดังนั้นจึงไร้ความหวังจากพฤติกรรมที่ทำ แต่หากอ่านตามนโยบายที่เขียนไว้ตนขอชื่นชม

ขณะที่เรื่องของพลังงานที่ต้องการให้ลดราคาทั้งค่าไฟค่าน้ำ ฝากถึงนายกรัฐมนตรี ว่ากรุณาดูเอ็มโอยู ปี 44 ซึ่งบอกว่าเป็นพื้นที่ทับซ้อนกับประเทศเพื่อนบ้าน และข้อเท็จจริงทางประวัติศาสตร์และหลักฐานต่างๆได้บ่งชี้ว่าไม่ใช่พื้นที่ทับซ้อนแต่เป็นแผ่นดินไทย ซึ่งเราไปทำเอ็มโอยูและสุ่มเสี่ยงต่อการเสียดินแดน และดินแดนที่จะเสียเต็มไปด้วยทรัพยากรทางธรรมชาติ มีปิโตรเลียม ก๊าซธรรมชาติ ซึ่งใครไปเซ็นกับใครไว้ตามไปแก้ไขไปยกเลิกด้วย ทั้งนี้ขอให้จำคำพูดของตนไว้ให้ดีในแผ่นดินรัชกาลนี้ คนไทยจะไม่ยอมเสียดินแดนไม่ว่าจะทางพื้นดินทางพื้นน้ำแม้แต่ตารางนิ้วเดียว หากทำให้เสียดินแดนเขาจะตราหน้าว่าเป็นคนขายชาติคนทรยศต่อแผ่นดิน

“นโยบายเรือธงที่พูดกันมาตั้งแต่รัฐบาลที่แล้วการแจกเงิน 10,000 บาท จะเป็นเงินสดหรือไม่แต่มีการวางแผนไว้ดีอย่างไร เพื่อที่จะไม่ไปส่งเสริมสินค้าจากต่างชาติที่มีราคาถูกที่หลั่งไหลเข้ามาในประเทศไทย จนกระทั่งทำลาย sme ซึ่งทำให้ผู้ประกอบการในประเทศไทยเจ๊งระเนระนาด เรื่องเหล่านี้ไม่ได้ทำโดยการอ่านตามตัวอักษร แต่อยากเห็นการกระทำที่เป็นจริง เมื่อมองที่ของรัฐบาลวันนี้ภาพที่ประชาชนรับรู้คือ “การตระบัดสัตย์” มีที่ไหนพรรคที่ยกมือให้ 39 เสียง ให้ไปเป็นฝ่ายค้านเปรียบเสมือนไปหุงข้าวด้วยกันแต่เมื่อเวลาข้าวสุกข้าพเจ้าขอกินคนเดียว แต่พรรคที่งดออกเสียงเชิญมาเป็นรัฐบาล

นายชัยมงคล ได้กล่าวอภิปรายเพิ่มเติมว่า ตนทำหน้าที่ฝ่ายค้านในการตรวจสอบรัฐบาลนักการเมืองไม่สนใจว่าเป็นฝ่ายค้านหรือฝ่ายรัฐบาล ขอแต่ทำประโยชน์ให้กับประชาชนได้อย่างน้อยข้อเสนอแนะแนวทางที่ตนพูดไปเป็นประโยชน์เพื่อประชาชนไม่ใช่เป็นประโยชน์ส่วนตัว

”ผมไม่อยากเห็นรัฐบาลชุดนี้เป็นรัฐบาลที่มาจากชนชั้นสูงเพื่อคนชั้นสูงและอาศัยมือของประชาชนในคาบประชาธิปไตย  แล้วอ้างประชาชนมากอบโกยผลประโยชน์อย่างตะกละตะกราม และมุมมาม “

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 13 กันยายน 2567

“สส.วรโชติ”ติง นโยบายเกษตรของรัฐบาลยังไม่โดนใจเกษตรกร ชี้ ปัญหาราคาข้าวโพดเลี้ยงสัตว์-ข้าว ยังตกต่ำกระทบผู้ปลูก ฝาก“นายกฯเร่งแก้ปัญหาให้ครอบคลุมทุกมิติ

,

“สส.วรโชติ”ติง นโยบายเกษตรของรัฐบาลยังไม่โดนใจเกษตรกร ชี้ ปัญหาราคาข้าวโพดเลี้ยงสัตว์-ข้าว ยังตกต่ำกระทบผู้ปลูก ฝาก“นายกฯเร่งแก้ปัญหาให้ครอบคลุมทุกมิติ

นายวรโชติ สุคนธ์ขจร สส.เพชรบูรณ์ เขต 4 พรรคพลังประชารัฐ(พปชร.)กล่าวอภิปรายนโยบายรัฐบาลในที่ประชุมรัฐสภาตามมาตรา 162 ว่า นโยบายข้อที่ 6 ที่เกี่ยวข้องกับพี่น้องเกษตรกร แต่ยังไม่ครอบคลุมพี่น้องเกษตรกร และยังไม่โดนใจพี่น้องเกษตรกร วันนี้ท่านจะเห็นจากหน้าข่าวต่างๆ ว่า พี่น้องเกษตรกรโดยเฉพาะผู้ปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ โดนพ่อค้าหยุดรับซื้อข้าวโพดในฤดูกาลเก็บเกี่ยว มันเกิดอะไรขึ้น ทำให้พี่น้องเกษตรกรเดือดร้อนหนัก ไม่รู้จะนำข้าวโพดไปขายที่ไหน ปัญหาเกิดจากโรงงานอาหารสัตว์ที่หยุดรับซื้อและลดราคาก็ลงทุกวัน

นายวรโชติ กล่าวต่อว่า ตนไม่ทราบว่า การกำหนดราคาในบ้านนี้เมืองนี้ มันเกิดจากพ่อค้าหรือว่ากระทรวงพาณิชย์ หรือว่ารัฐบาลเป็นผู้กำหนด ราคาถึงลดลงทุกวัน ทำให้ผู้ประกอบการไม่สามารถซื้อข้าวโพดจากพี่น้องเกษตรกรได้ ต้องหยุดรับซื้อ ทั้งที่เป็นฤดูเก็บเกี่ยว
อย่างเรื่องการนำเข้าข้าวโพดเลี้ยงสัตว์และอาหารสัตว์ก็เหมือนกัน จริงๆ แล้วบ้านเราผลิตได้ประมาณ 5 ล้านตันต่อปี การนำเข้าข้าวโพดเลี้ยงสัตว์จากต่างประเทศ หรือประเทศเพื่อนบ้าน ต้องไม่เกินประมาณ 1.5 ล้านตันต่อปี
แต่วันนี้มันทะลุไป 2 ล้าน ความต้องการใช้ข้าวโพดภายในประเทศ 8 ล้านตัน ผลิตได้ 5 ล้านตัน ราคาต้องดี แต่ในขณะนี้ราคากลับลดลงทุกวัน

“ผมได้รับข่าวจากพี่น้องเกษตรกรชาวเพชรบูรณ์ว่า วันนี้ได้เปิดรับซื้อข้าวโพดเลี้ยงสัตว์แล้ว โดยราคาต่างๆ เป็นไปตามที่เกษตรกรออกมาเรียกร้องให้รัฐบาลช่วยประกันหลักการในความชื้น 30% ซึ่งเกษตรกรขอราคามา 7.50 สตางค์ ไม่ต่ำกว่านี้แล้ว และที่ความชื้น 14.5% ขอเป็น 11 บาท ซึ่งวันนี้มีการเปิดรับซื้อความชื้นที่ 14.5% จะอยู่ที่โดยเฉลี่ย 9. 90 สตางค์ และความชื้น 30% ก็จะอยู่ที่ประมาณ 6.80 สตางค์ ผมขอบพระคุณจริงๆที่ท่านแก้ปัญหาให้พี่น้องเกษตรกรด้วยความฉับไว”นายวรโชติ กล่าว

นายวรโชติ กล่าวต่อว่า ตนมีข้อสงสัยว่า ราคาข้าวโพดบ้านเรา พอถึงฤดูเก็บเกี่ยว ราคาจะลดลงทุกปี ซึ่งจริงๆ แล้วปีนี้มีปัญหาอุทกภัยหลายพื้นที่ เหตุใดราคาถึงลดลง เพราะในความจริงแล้ว ราคาจะต้องปรับขึ้น ในส่วนของโควต้าในการนำเข้าข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ที่กำหนดไว้ว่า ภายในประเทศ 3 ส่วน นำเข้า 1 ส่วน เกษตรกรจึงเป็นห่วงว่าโควต้าแบบนี้จะลดลงหรือไม่ ปัญหาต่างๆ เหล่านี้ ตนอยากฝากรัฐบาลชุดใหม่แก้ปัญหาให้พี่น้องประชาชนเกษตรกรผูัข้าวโพด ที่เป็นความหวังของพี่น้อง เป็นรายได้หลัก เป็นกระดูกสันหลังของชาติ

นายวรโชติ ยังกล่าวต่อถึง ปัญหาราคาข้าวที่วันนี้น้ำท่วมทั่วประเทศ แต่ข้าวราคาถูกลงทุกวัน ราคาเกิดจากพ่อค้าคนกลางกำหนดเองหรืออย่างไร รัฐบาลมีส่วนเข้าไปกำหนดให้ได้หรือไม่ ให้ราคาเป็นธรรมกับพี่น้องเกษตรกร เหมือนกับคำที่ท่านนายกรัฐมนตรีบอกว่าต่อไปพี่น้องประชาชนคนไทยจะมีกิน มีใช้ มีเกียรติ มีศักดิ์ศรี มีโอกาส เท่าเทียม เท่ากัน ทุกคน

สุดท้าย พรรคพลังประชารัฐ นำโดยพลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ ขอแสดงความห่วงใยและเสียใจต่อพี่น้องที่ประสบอุทกภัยทางภาคเหนือของประเทศ  ขอให้ทุกท่านปลอดภัยโดยเร็ว และตนในนาม สส.เพชรบูรณ์ทั้ง 6 คน ขอฝากให้นายกฯและคณะรัฐมนตรีดูแลประชาชนด้วย

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 13 กันยายน 2567

“พล.อ.ประวิตร” ถือฤกษ์มงคล นำทีม พปชร. ทำบุญเสริมสิริมงคล รับคณะกรรมการบริหารชุดใหม่ ลุยงานผลักดันนโยบายเพื่อปชช.

,

“พล.อ.ประวิตร” ถือฤกษ์มงคล นำทีม พปชร. ทำบุญเสริมสิริมงคลรับคณะกรรมการบริหารชุดใหม่ ลุยงานผลักดันนโยบายเพื่อปชช.

เวลา 07.30 น. (10 กันยายน 2567 )ที่พรรคพลังประชารัฐ พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เป็นประธานในพิธีสักการะ ศาลพระพรหม ซึ่งประดิษฐานอยู่บริเวณด้านหน้า ตึกอาคารที่ทำการพรรค พปชร. เพื่อเสริมสิริมงคลและความเจริญรุ่งเรืองในวาระที่พรรคได้มีคณะกรรมการบริหารชุดใหม่ นำโดยพลเอก ประวิตร ในฐานะหัวหน้าพรรค พร้อมด้วยสมาชิกพรรค บุคลากร พนักงาน เพื่อประกาศเดินหน้าขับเคลื่อนพรรคสู่การเป็นสถาบันการเมืองที่มั่นคง พร้อมดูแลพี่น้องประชาชน ภายใต้อุดมการณ์ “ปกป้องสถาบัน  ทันสมัยเศรษฐกิจ มีชีวิตที่สดใส”

จากนั้นในช่วงเช้าได้จัดพิธีสงฆ์ ซึ่งคณะสงฆ์ได้เมตตาสวดบทพระปริตร เจริญพระพุทธมนต์ เพื่อเป็นสิริมงคลในการทำงานของทุกคนให้ราบรื่น และประสบผลสำเร็จในการดำเนินนโยบายของพรรค เพื่อดูแลพี่น้องประชาชน โดยมี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรค เป็นประธาน พร้อมด้วยคณะกรรมการบริหาร ประกอบด้วย พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรค, นายสันติ พร้อมพัฒน์ รองหัวหน้าพรรค  นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รองหัวหน้าพรรค นางสาวตรีนุช เทียนทอง รองหัวหน้าพรรค  นายอภิชัย เตชะอุบล   รองหัวหน้าพรรค นายไพบูลย์ นิติตะวัน เลขาธิการพรรค พล.อ.กฤษณ์โยธิน ศศิพัฒนวงษ์ เหรัญญิกพรรค   พลตำรวจโท ปิยะ ต๊ะวิชัย โฆษกพรรค พร้อมด้วยกรรมการบริหารพรรค สมาชิกพรรคเข้าร่วมพิธี อย่างพร้อมเพรียง

สำหรับบรรยากาศในงานเต็มไปด้วยความอบอุ่น และมีความเป็นสิริมงคล โดยพล.อ.ประวิตร ได้กล่าวทักทาย และขอบคุณสมาชิกพรรคและผู้ร่วมงานทุกคนที่ได้ร่วมพิธีสวดมนต์และทำบุญในครั้งนี้



































ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 10 กันยายน 2567

“พล.อ.ประวิตร” มอบหมาย 2 สส. เพชรบูรณ์ พปชร.นำความห่วงใย พร้อมส่งมอบถุงยังชีพให้ ปชช.เตรียมรับมือ หากเกิดเหตุอุทกภัยฉับพลัน

,

“พล.อ.ประวิตร” มอบหมาย 2 สส. เพชรบูรณ์ พปชร.นำความห่วงใย พร้อมส่งมอบถุงยังชีพให้ ปชช.เตรียมรับมือ หากเกิดเหตุอุทกภัยฉับพลัน

นางวันเพ็ญ พร้อมพัฒน์ สส.เพชรบูรณ์ เขต 5 พรรคพลังประชารัฐ(พปชร.)กล่าวว่า ตนและนายวรโชติ สุคนธ์ขจร สส.เพชรบูรณ์ เขต 4 ได้รับมอบหมายจาก พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ให้ลงพื้นที่ หมู่ 1  หมู่ 2 หมู่ 3 หมู่ 6 ตำบลกองทูล หมู่ 1 หมู่ 4 ตำบลวังโบสถ์  และหมู่ 4 หมู่ 13 บ้านคลองกระโบน ตำบลบ้านโภชน์ อำเภอหนองไผ่  จังหวัดเพชรบูรณ์ เพื่อมอบถุงยังชีพให้กับประชาชน บรรเทาผลกระทบจากน้ำป่าไหลหลากเข้าท่วมบ้านเรือนประชาชน

นางวันเพ็ญ กล่าวต่อว่า ในขณะนี้ต้องเตรียมความพร้อม เพื่อรับมือเหตุอุทกภัยเนื่องจากฝนยังตกอย่างต่อเนื่องในพื้นที่ตอนบนของจังหวัดเพชรบูรณ์ ส่งผลให้ปริมาณน้ำในลำคลองและแม่น้ำเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว และอาจจะเข้าสู่ภาวะวิกฤติฉุกเฉินน้ำท่วมฉับพลันเข้าท่วมบ้านเรือน ดังนั้น สส.ในพื้นที่จึงได้มอบถุงยังชีพ เพื่อเตรียมความพร้อมเพื่อให้เป็นเสบียงสำรองกับประชาชน หากเผชิญเหตุการณ์และบรรเทาความเดือดร้อน ก่อนที่จะได้รับความช่วยเหลือจากทางราชการ

“วันนี้เราได้พบปะและเป็นกำลังใจให้พี่น้องประชาชนที่อาจจะต้องประสบอุทกภัย โดย พล.อ.ประวิตร ได้ส่งความห่วงใย และฝากส่งกำลังใจมาให้ผู้ประสบเหตุ ซึ่งท่านมีความกังวลว่า หากเกิดน้ำท่วมฉับพลันจะทำให้เกิดอุปสรรคในการเข้าช่วยเหลือประชาชน จึงดำริให้ สส.ทุกคนช่วยประชาชนในพื้นที่เตรียมรับมือกับสถานการณ์น้ำท่วมที่อาจะเกิดขึ้นได้ในเร็ววันนี้“นางวันเพ็ญ กล่าว

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 9 กันยายน 2567

พปชร.ลงมติเลือก “พล.อ.ประวิตร” นั่งหัวหน้าพรรคนำทัพต่อ ปรับแผนใหม่ มอบรองหัวหน้ายึดโยงพื้นที่ เลขาฯคนใหม่หนุนการทำงาน มั่นใจ พรรคจะไม่แตกแยกอีก ยึดมั่นในสถาบันพระมหากษัตริย์ ชูทันสมัยเศรษฐกิจ เพื่อปชช.มีชีวิตทีดีขึ้น

,

พปชร.ลงมติเลือก “พล.อ.ประวิตร” นั่งหัวหน้าพรรคนำทัพต่อ ปรับแผนใหม่ มอบรองหัวหน้ายึดโยงพื้นที่ เลขาฯคนใหม่หนุนการทำงาน มั่นใจ พรรคจะไม่แตกแยกอีก ยึดมั่นในสถาบันพระมหากษัตริย์ ชูทันสมัยเศรษฐกิจ เพื่อปชช.มีชีวิตทีดีขึ้น

เมื่อวันที่ 6 กันยายน 2567 พรรคพลังประชารัฐ ได้จัดประชุมใหญ่สามัญประจำปี ครั้งที่ 2/2567 โดยมี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ เป็นประธานการประชุม พร้อมด้วย คณะกรรมการบริหารพรรค สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) ตัวแทนภาค และตัวแทนสาขา และสมาชิกพรรค เข้าร่วมกันอย่างพร้อมเพรียง กว่า 800 คน เพื่อร่วมกันเดินหน้าขับเคลื่อนพรรคพลังประชารัฐมุ่งสู่การเป็นสถาบันการเมือง ด้วยอุดมการณ์ “ปกป้องสถาบัน ทันสมัยเศรษฐกิจ มีชีวิตที่สดใส ของคนไทยทั้งประเทศ”

จากนั้น เมื่อองค์ประชุมครบจำนวนตามข้อบังคับ พล.อ.ประวิตร ได้ทำหนังสือ ลาออกจากตำแหน่งหัวหน้า เพื่อให้เป็นไปตามกฎหมายและข้อบังคับของพรรค เป็นผลให้คณะกรรมการบริหารทั้งชุดปัจจุบัน หมดวาระลงทันที จากนั้น จึงเข้าสู่กระบวนการเสนอชื่อ และ เลือกกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ ผลการลงคะแนนในที่ประชุม มีมติดังนี้

  • พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ดำรงตำแหน่งหัวหน้าพรรค
  • นายไพบูลย์ นิติตะวัน เลขาธิการพรรค
  • นายสันติ พร้อมพัฒน์ รองหัวหน้าพรรคคนที่ 1
  • นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รองหัวหน้าพรรคคนที่ 2
  • นางสาวตรีนุช เทียนทอง รองหัวหน้าพรรคคนที่ 3
  • นายอุตตม สาวนายน รองหัวหน้าพรรคคนที่ 4
  • นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์  รองหัวหน้าพรรคคนที่ 5
  • นายฉกาจ พัฒนกิจวิบูลย์ รองหัวหน้าพรรคคนที่ 6
  • นายชัยมงคล ไชยรบ รองหัวหน้าพรรคคนที่ 7
  • นายอภิชัย เตชะอุบล รองหัวหน้าพรรคคนที่ 8
  • พล.อ.กฤษณ์โยธิน ศศิพัฒนวงษ์ เหรัญญิกพรรค
  • นายสมโภชน์ แพงแก้ว นายทะเบียนพรรค

ส่วนกรรมการจำนวน 12 คน ประกอบด้วย

  • นายอนันต์ ผลอำนวย  
  • นายทวี สุระบาล
  • นายสุธรรม จริตงาม
  • นายกระแสร์ ตระกูลพรพงศ์
  • นางสาวกาญจนา จังหวะ
  • นายคอซีย์ มามุ
  • นายอัครวัฒน์ อัศวเหม
  • นายยงยุทธ สุวรรณบุตร
  • พลตำรวจโทปิยะ ต๊ะวิชัย
  • นายชาญกฤช เดชวิทักษ์
  • หม่อมหลวง กรกสิวัฒน์ เกษมศรี และ
  • นายวัน อยู่บำรุง

คณะกรรมการสรรหาผู้สมัครรับเลือกตั้ง  จำนวน 5 คน ประกอบด้วย

  • นายสันติ พร้อมพัฒน์
  • นายไพบูลย์ นิติตะวัน  
  • นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์
  • นางสาวตรีนุช เทียนทอง  
  • พลเอกกฤษณ์โยธิน ศศิพัฒนวงษ์

พล.อ.ประวิตร กล่าวในที่ประชุมว่า “ขอบคุณที่ทุกท่านที่มาร่วมประชุมในวันนี้ และเลือกหัวหน้าพรรคคนใหม่  จากวันนี้ไป พรรคพลังประชารัฐจะไม่มีวันแตกแยกอีกแล้ว พรรคจะดำเนินการในแนวทางใหม่โดยมอบหมายให้รองหัวหน้าพรรค ควบคุมพื้นที่ และดูแลสส. และมอบหมายให้เลขาธิการพรรคเป็นฝ่ายสนับสนุน พรรค จะยึดมั่นในสถาบัน และปกป้องไว้ซึ่งสถาบันพระมหากษัตริย์ เราจะทำเศรษฐกิจที่ทันสมัย ให้ประชาชนมีชีวิตที่ดี และความเป็นอยู่ที่สดใส เราจะร่วมกันทำให้พรรคเข้มแข็ง เพื่อให้ประเทศไทยอยู่ดีมีสุข”

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 6 กันยายน 2567