“สกลธี-สนธิรัตน์” นำทีมผู้สมัคร กทม.โซนเหนือ พบ ปชช.ประกาศพร้อมพัฒนา กทม.ด้วยกองทุนพัฒนาประเทศ 3 แสนล้านบาท ขอแค่ให้โอกาส พปชร.
พรรคพลังประชารัฐ จัดเวทีปราศรัยย่อยโซนกรุงเทพฯ เหนือ”พลังใหม่ พลังกรุงเทพ พลังประชารัฐ”ที่ศูนย์เยาวชนหลักสี่ การเคหะท่าทราย โดยมีแกนนำพรรคพลังประชารัฐ นายสกลธี ภัททิยกุล หัวหน้าทีมว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.กทม. พรรคพลังประชารัฐ และนายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ ประธานยุทธศาสตร์การเมือง พร้อมด้วยว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.กทม.ทั้ง 6 เขต ประกอบด้วย ภญ.สุชาดา เบล เวสารัชตระกูล เขตดอนเมือง,น.อ. บัญชาพล อรัณยะนาค เขตสายไหม (ยกเว้นแขวงออเงิน),นายอนันตชาติ บัวสุวรรณ์ เขตบางเขน (ยกเว้นแขวงท่าแร้ง) เขตจตุจักร (เฉพาะแขวงจันทรเกษมและแขวงเสนานิคม) เขตหลักสี่ (เฉพาะแขวงตลาดบางเขน),ภญ.นพวรรณ หัวใจมั่น เขตสายไหม (เฉพาะแขวงออเงิน) เขตบางเขน (เฉพาะแขวงท่าแร้ง) เขตลาดพร้าว (เฉพาะแขวงจรเข้บัว),นายรังสรรค์ กียปัจจ์ เขตหลักสี่ (ยกเว้นแขวงตลาดบางเขน) เขตจตุจักร(ยกเว้นแขวงจันทรเกษมและแขวงเสนานิคม),ร.ต.อ.วัฒนรักษ์ อำนรรฆสรเดช เขตบางซื่อ เขตดุสิต (เฉพาะแขวงถนนนครไชยศรี)
ด้านนายสนธิรัตน์ กล่าวว่า พรรคพลังประชารัฐเป็นมิตรกับทุกฝั่ง ไม่ใช่เลือกฝั่งนี้ ทำให้อีกฝั่งชนะ เพราะไม่ว่าใครชนะ แต่ประเทศไทย แพ้เสมอ ดังนั้น พรรคพลังประชารัฐขอแสดงจุดยืนว่า ไม่ว่าพรรคใดจะชนะ เราพร้อมร่วมสร้างสมานฉันท์ เพราะเราคือคนไทย เราต้องไม่มาต่อสู้กัน ให้เกิดความขัดแย้งเหมือนในอดีต
“พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคเคยบอกกับผมว่า อยากเห็นคนไทยรักกันไม่อยากให้มีความขัดแย้ง การเลือกตั้งครั้งนี้สำคัญมาก เพราะต้องเลือกพรรคที่สามารถนำพาประเทศรอดได้ ตนเป็นตัวแทนเศรษฐกิจ ท่านจะต้องเลือกคนและทีมที่สามารถมาแก้ปัญหาปากท้องให้ท่านได้”
ด้านนายสกลธี กล่าวปราศรัยช่วงหนึ่งว่า ขอขอบคุณชาวกรุงเทพโซนเหนือทุกคนที่มาร่วมให้กำลังใจวันนี้ รวมถึงชาวหลักสี่ที่เคยให้โอกาสตนได้มาเป็น ส.ส.สมัยแรกในวัย 29 ปี และตอนที่ตนเป็นรองผู้ว่าฯ ก็ได้ดูแลพื้นที่นี้เป็นหลัก จึงมีความผูกพันในการทำงานกับพี่น้องโซนกรุงเทพเหนือ วันนี้จึงเหมือนได้กลับมาที่บ้านอีกครั้ง
“สกลธีคนเดิมขออาสาพาพลังใหม่ พลังกรุงเทพฯ ของพลังประชารัฐ ที่จะเข้ามาพัฒนากรุงเทพฯของเรา เพราะเรารู้ปัญหาของชาว กทม.เป็นอย่างดี และพรรคพลังประชารัฐ มี กองทุนประชารัฐพัฒนาประเทศ 3 แสนล้านบาท ที่จะพัฒนากรุงเทพฯ ขอเพียงแค่ประชาชนให้โอกาสผู้สมัครของพรรคเราได้เข้าไปลงมือทำ โดยเรามั่นใจว่าจะทำกรุงเทพฯให้ดีกว่านี้ได้แน่นอน”
ทั้งนี้ ว่าที่ผู้สมัคร กทม.ของ พรรคพลังประชารัฐ ได้สลับกันขึ้นเวทีปราศรัย อาทิ ร.ต.อ.วัฒนรักษ์
กล่าวบนเวทีปราศรัยว่า เราต้องการมอบอากาศสะอาด น้ำบริสุทธิ์ เศรษฐกิจดี ต้องควบคู่กับสุขภาพที่ดีให้กับชาว กทม.โดย สิ่งที่เราต้องการแก้ไขคือ ปัญหาฝุ่น PM2.5 และปัญหาโลกร้อน เพื่อลดปัญหาสุขภาพคนในปัจจุบันและอนาคตถ้าประเทศไทยของเราทำการเปลี่ยนเมืองให้เป็นป่า นำสายไฟฟ้าลงดิน,ต้นไม้ฟรี 69 ล้านต้น,รถ EV ลดภาษีทำแล้ว เพิ่มจุดชาร์ต โดยภาครัฐเป็นผู้สนับสนุน รวมถึงการเปลี่ยนรถเมล์เป็น EV ทั้งหมดภายใน 5 ปี เพื่อให้ชาว กทม.มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น
ด้าน ภ.ญ.นพวรรณ หัวใจมั่น กล่าวปราศรัยว่าประเทศไทยของเราได้เข้าสู่สังคมผู้สูงวัยอย่างเต็มรูปแบบแล้ว พรรคพลังประชารัฐจึงทำนโยบายเพิ่มเบี้ยผู้สูงวัย ไม่เพียงแค่นั้นเรายังทำให้กับคนทุกวัย ทุกบ้าน เพราะทุกบ้านมีผู้สูงวัย ผู้สูงวัยต้องไม่ใช่ภาระ แต่คือคนที่เราต้องดูแล
“จากสถานการณ์โควิดที่ผ่านมาเราได้บทเรียนหลายอย่าง โดยเฉพาะเรื่องการรักษาที่ล่าช้า จนมีผู้เสียชีวิตจำนวนมาก อ้อแอ้จึงขอผลักดันเรื่องการรักษาพยาบาลที่จำเป็นจริงๆ ให้ประชาชนได้เข้าถึงง่าย สะดวก ไม่ต้องรอคิวตั้งแต่เช้าได้ตรวจเที่ยง ตรวจบ่ายหรือบางคนต้องมาวันอื่น โรงพยาบาลดี คลินิกดี และทันสมัยต้องมีทุกเขตในพื้นที่ กทม.” ภญ.นพวรรณ กล่าว
ทั้งนี้ บรรยากาศเวทีปราศรัยมีประชาชนมาร่วมรับฟังกว่า 2000 คน ท่ามกลางบรรยากาศคึกคัก
ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 24 มีนาคม 2566