โลกเปลี่ยน ไทยต้องปรับ ทางเลือกใหม่ของการเมืองไทย ก้าวข้ามความขัดแย้ง สานพลังประชาราษฎร์ ร่วมสร้างชาติให้ยั่งยืน

“รมว.ธรรมนัส-รมช.อรรถกร“ ชัยลงพื้นที่จ.ชัยภูมิ พบเกษตรกรและปชช.มุ่ง แก้ไขปัญหาน้ำอย่างยั่งยืน พร้อมมอบโฉนดเพื่อการเกษตร สร้างอาชีพมั่นคง

“รมว.ธรรมนัส-รมช.อรรถกร“ ชัยลงพื้นที่จ.ชัยภูมิ พบเกษตรกรและปชช.มุ่ง แก้ไขปัญหาน้ำอย่างยั่งยืน พร้อมมอบโฉนดเพื่อการเกษตร สร้างอาชีพมั่นคง

ร้อยเอก ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พร้อมด้วย นายอรรถกร ศิริลัทธยากร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และผู้บริหารกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ลงพื้นที่พบปะเกษตรกรและประชาชนผู้ได้รับผลกระทบจากการก่อสร้างโครงการอ่างเก็บน้ำลำน้ำชี อันเนื่องมาจากพระราชดำริ ต.โคกสะอาด อ.หนองบัวระเหวจ.ชัยภูมิ ซึ่งการก่อสร้างโครงการดังกล่าว มีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาแหล่งน้ำต้นทุนสำหรับการเกษตร การอุปโภค-บริโภค และบรรเทาปัญหาอุทกภัยในพื้นที่ท้ายน้ำ มีระยะเวลาดำเนินการก่อสร้าง9 ปี (พ.ศ. 2562 – 2570) หากดำเนินการแล้วเสร็จ จะเป็นแหล่งน้ำต้นทุนสนับสนุนสถานีสูบน้ำด้วยไฟฟ้าตามลำน้ำชี ตั้งแต่บริเวณท้ายอ่างเก็บน้ำในพื้นที่จังหวัดชัยภูมิ จนถึงจุดบรรจบลำน้ำพองในพื้นที่จังหวัดขอนแก่น มีพื้นที่รับประโยชน์ ช่วงฤดูฝน 75,000 ไร่ และฤดูแล้ง 30,000 ไร่ อีกทั้งยังเป็นแหล่งน้ำสำหรับทำการประมงและเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ และสามารถช่วยบรรเทาอุทกภัยบริเวณพื้นที่ท้ายอ่างเก็บน้ำได้อีกด้วย อย่างไรก็ตาม ในส่วนของการเวรคืน ได้มอบหมายกรมชลประทานให้ตรวจสอบรายชื่อและดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในปีงบประมาณ 2569 นอกจากนี้ ภายในงานยังมีการปล่อยพันธุ์สัตว์น้ำ พร้อมมอบโฉนดเพื่อการเกษตร กรรมสิทธิ์สัตว์โครงการธนาคารโค-กระบือเพื่อเกษตรกรตามพระราชดำริ และเวชภัณฑ์สำหรับสัตว์ เมล็ดพันธุ์พืชผักและสารชีวภัณฑ์ พันธุ์หม่อนใบรับรอง GAP และโครงการแหล่งน้ำในไร่นานอกเขตชลประทานให้กับเกษตรกรในพื้นที่ด้วย
จากนั้นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์และคณะ ได้รับฟังแนวทางพัฒนาบึงละหานทั้งระบบ ณบึงละหาน (บ้านมะเกลือ) ต.บ้านกอก เนื่องจากบึงละหานเป็นแหล่งน้ำตามธรรมชาติ ไม่มีระบบกักเก็บน้ำไว้ใช้ในฤดูแล้ง น้ำในบึงจึงลดลงมากจนมีสภาพตื้นเขินปกคลุมไปด้วยวัชพืช ทำให้ไม่สามารถเก็บกักน้ำได้เต็มความจุ และในฤดูน้ำหลาก น้ำในแม่น้ำเอ่อล้น ทำให้น้ำล้นตลิ่งเข้าท่วมพื้นที่เกษตรบริเวณรอบบึงละหาน ซึ่งกรมชลประทานได้มีโครงการพัฒนาเพิ่มประสิทธิภาพแหล่งน้ำบึงละหาน โดยมีแผนดำเนินการพัฒนาในระยะเร่งด่วน ได้แก่ 1) โครงการแก้มลิงบึงละหาน (ระยะที่ 1) พร้อมอาคารประกอบ พื้นที่ประมาณ 870 ไร่ 2) โครงการเพิ่มระดับเก็บกักสูงขึ้นประมาณ 50 เซนติเมตรและ 3) โครงการปรับปรุงทำนบดินรอบบึงละหานพร้อมอาคารประกอบ หากดำเนินการแล้วเสร็จจะสามารถเพิ่มความจุเก็บกัก ประมาณ 12 ล้าน ลบ.ม. และมีพื้นที่รับประโยชน์เพิ่ม ประมาณ 12,000 ไร่

สำหรับโครงการบรรเทาอุทกภัยเมืองชัยภูมิจังหวัดชัยภูมิ ระยะที่ 1 กรมชลประทานได้มีการศึกษาความเหมาะสมในการพัฒนาแหล่งน้ำและบริหารจัดการน้ำลำปะทาวและห้วยยางบ่า เพื่อใช้เป็นแนวทางในการป้องกันแก้ไขปัญหาอุทกภัยและภัยแล้งอย่างยั่งยืน โดยมีระยะเวลาดำเนินโครงการ 8 ปี (พ.ศ. 2562 – 2569) มีการก่อสร้างคลองผันน้ำลำปะทาว-สระเทวดาความยาว 8.45 กม. ประตูระบายน้ำปากคลองลำปะทาว-สระเทวดา ประตูระบายน้ำหนองใหญ่ (ประตูระบายน้ำกลางคลอง) และประตูระบายน้ำราชพฤกษ์(ประตูระบายน้ำกลางคลอง) ดำเนินการแล้วเสร็จกว่า54% หากดำเนินการแล้วเสร็จจะสามารถผันน้ำหลากส่วนเกินไม่ให้ท่วมเมืองชัยภูมิ ผันน้ำจากลำปะทาวผ่านคลองผันน้ำ ส่งช่วยเหลือพื้นที่เพาะปลูกบริเวณโครงการ ทำให้มีพื้นที่รับประโยชน์ 5,700 ไร่
นอกจากนี้ กรมชลประทานยังมีการเตรียมความพร้อมโครงการบรรเทาอุทกภัยเมืองชัยภูมิ จังหวัดชัยภูมิ ระยะที่ 1 เพิ่มเติม โดยมีแผนก่อสร้างสะพานรถยนต์ทางหลวงหมายเลข 202 ปรับปรุงประสิทธิภาพการระบายน้ำห้วยดินแดงและอาคารประกอบ ประตูระบายน้ำลำชีลอง-ห้วยกอก โครงการปรับปรุงคันดินสระเทวดาพร้อมอาคารประกอบ และเพิ่มประสิทธิภาพการเก็บกักและการส่งน้ำ พนังกั้นน้ำกุดสวง-ห้วยเสียวหากสามารถดำเนินการแล้วเสร็จ จะช่วยบรรเทาปัญหาอุทกภัยในพื้นที่เขตเทศบาลเมืองชัยภูมิอย่างยั่งยืนโดยรวมผลประโยชน์ด้านบรรเทาอุทกภัยประเมินผลประโยชน์จากการลดความเสียหายด้านการเกษตรเนื่องจากน้ำท่วมพื้นที่เพาะปลูก การลดค่าใช้จ่ายในการป้องกันน้ำท่วม การลดความเสียหายของอาคารบ้านเรือนและทรัพย์สิน อีกทั้งจะมีพื้นที่รับประโยชน์18,610 ไร่ ช่วยลดความเสียหายจากน้ำท่วมนาข้าวบริเวณด้านทิศใต้ของเมืองชัยภูมิ เฉลี่ยปีละประมาณ20,000 ไร่ และคันคลองสามารถใช้เป็นทางสัญจรและลำเลียงผลผลิตทางการเกษตรของประชาชนในพื้นที่โครงการและพื้นที่ใกล้เคียงได้

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 12 มิถุนายน 2567