โลกเปลี่ยน ไทยต้องปรับ ทางเลือกใหม่ของการเมืองไทย ก้าวข้ามความขัดแย้ง สานพลังประชาราษฎร์ ร่วมสร้างชาติให้ยั่งยืน

“รมว.ชัยวุฒิ” เปิดตัวการใช้งาน Health Link รูปแบบใหม่ ตั้งเป้านำร่องกับโรงพยาบาลในสังกัด กทม. เดือนพฤษภาคมนี้

“รมว.ชัยวุฒิ” เปิดตัวการใช้งาน Health Link รูปแบบใหม่ ตั้งเป้านำร่องกับโรงพยาบาลในสังกัด กทม. เดือนพฤษภาคมนี้

26 เมษายน 2566, กรุงเทพมหานคร – รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลฯ พร้อมด้วยผู้บริหาร GBDi สังกัดดีป้า สำนักการแพทย์ กรุงเทพมหานคร และคณะผู้บริหารโรงพยาบาลเจริญกรุงประชารักษ์ ร่วมเปิดตัวการ ใช้งาน Health Link รูปแบบใหม่ เพื่อเป็นช่องทางการลงทะเบียนและให้ความยินยอมในการส่งต่อข้อมูลสุขภาพ เข้าสู่ระบบแก่ประชาชนโดยสะดวกด้วยบัตรประชาชนเพียงใบเดียวในการลงทะเบียน ณ จุดบริการที่แผนกต่าง ๆ และแผนกเวชระเบียนของโรงพยาบาล เล็งนำร่องกับโรงพยาบาลในสังกัดกรุงเทพมหานครเป็นกลุ่มแรกพฤษภาคมนี้

นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส)
พร้อมด้วย รศ.ดร.ธีรณี อจลากุล ผู้อำนวยการสถาบันส่งเสริมการวิเคราะห์และบริหารข้อมูลขนาดใหญ่ภาครัฐ (GBDi) หน่วยงานผู้พัฒนา Health Link ระบบเชื่อมโยงข้อมูลประวัติการรักษาผู้ป่วยระหว่างโรงพยาบาลทั่วประเทศ สังกัด สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล หรือ ดีป้า เปิดตัวการใช้งาน Health Link รูปแบบใหม่

โดยเพิ่มช่องทางการลงทะเบียนและให้ความยินยอมในการส่งต่อข้อมูลสุขภาพเข้าสู่ระบบแก่ประชาชน พร้อมรับชมกิจกรรมสาธิตการใช้งาน ณ โรงพยาบาลเจริญกรุงประชารักษ์ โดยมี ดร.นพ.สุขสันต์ กิตติศุภกร รองปลัดกรุงเทพมหานคร นพ.เพชรพงษ์ กำจรกิจการ รองผู้อำนวยการสำนักการแพทย์ นพ.พรเทพ แซ่เฮ้ง ผู้อำนวยการโรงพยาบาลเจริญกรุงประชารักษ์ ดร.ศุภกร สิทธิไชย ผู้ช่วยผู้อำนวยการใหญ่อาวุโสดีป้า และ นพ.ธนกฤต จินตวร รองผู้อำนวยการ GBDi ร่วมงานโดยพร้อมเพรียง

นายชัยวุฒิ เปิดเผยว่า กระทรวงดิจิทัลฯ โดย GBDi มุ่งมั่นมอบความสะดวกให้กับประชาชนในการลงทะเบียนและให้ความยินยอมในการส่งต่อข้อมูลสุขภาพของตนเองเข้าสู่ระบบ Health Link ได้ทุกที่ทุกเวลา โดยเฉพาะประชาชนบางกลุ่มที่ไม่มีสมาร์ทโฟน หรือใช้งานแอปพลิเคชันไม่คล่อง ทำให้ไม่สามารถลงทะเบียนเข้าสู่ระบบได้ ดังนั้นทีมงาน Health Link จึงพัฒนาบริการรูปแบบใหม่ที่ทำให้การลงทะเบียนและให้ความยินยอมในการส่งต่อข้อมูลสุขภาพของตนเองเข้าสู่ระบบเป็นไปอย่างสะดวกและรวดเร็วด้วยการใช้บัตรประชาชนเพียงใบเดียว ณ จุดบริการที่แผนกต่าง ๆ รวมถึงแผนกเวชระเบียนของโรงพยาบาลนั้น ๆ โดยจะนำร่องปฏิบัติการร่วมกับโรงพยาบาลในสังกัดสำนักการแพทย์ กรุงเทพมหานคร ทั้ง 11 แห่งเป็นกลุ่มแรกในเดือนพฤษภาคมนี้

ขณะที่ รศ.ดร.ธีรณี กล่าวต่อว่า รูปแบบการให้บริการของ Health Link ที่เปิดตัวในวันนี้ถือเป็นการเปิดโอกาสให้ประชาชนทุกกลุ่มสามารถเข้าถึงระบบเชื่อมโยงและแลกเปลี่ยนข้อมูลประวัติสุขภาพและการรักษาระหว่างโรงพยาบาลได้ง่ายขึ้น และยังช่วยเพิ่มความรวดเร็วในการเชื่อมต่อข้อมูลประวัติการรักษาโดยแพทย์สามารถเรียกดูข้อมูลต่าง ๆ ได้ทันทีที่ผู้ป่วยลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ จากเดิมที่ต้องลงทะเบียนล่วงหน้า 1 วัน

“ปัจจุบันมีโรงพยาบาลทั่วประเทศเข้าร่วมโครงการ Health Link แล้วกว่า 300 แห่ง โดยในปี 2566 ตั้งเป้าหมายเพิ่มการเชื่อมต่อข้อมูลผู้ป่วยระหว่างโรงพยาบาลให้ครอบคลุมมากกว่า 200 แห่ง เพื่อเพิ่มความสะดวกในการเข้ารับบริการ โดยปีที่ผ่านมา GBDi ได้ส่งเสริมให้ประชาชนลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการ Health Link เพื่อยินยอมให้โรงพยาบาลส่งต่อข้อมูลผู้ป่วยไว้ในระบบผ่านแอปพลิเคชัน ‘เป๋าตัง’ ในหมวดสิทธิที่น่าสนใจฟีเจอร์กระเป๋าสุขภาพ และตอนนี้สามารถมาลงทะเบียนที่โรงพยาบาลได้” ผู้อำนวยการ GBDi กล่าว

สำหรับประชาชนสามารถศึกษารายละเอียดต่าง ๆ และติดตามข้อมูลข่าวสารความคืบหน้าการพัฒนาระบบ Health Link ได้ที่เพจเฟซบุ๊ก HealthLink.go.th และเว็บไซต์ www.healthlink.go.th

ปัจจุบัน GBDi อยู่ระหว่างจัดตั้งเป็น สถาบันข้อมูลขนาดใหญ่ (Big Data Institute) ในการเป็นหน่วยงานหลักในการกำหนดนโยบาย พร้อมยกระดับทักษะบุคลากรทั้งภาครัฐและภาคเอกชนประยุกต์ใช้ข้อมูลขนาดใหญ่อย่างเป็นประโยชน์สูงสุดในการพัฒนาประเทศในอนาคต

———————————————————————

ข้อมูลเพิ่มเติม :
Health Link เป็นระบบแลกเปลี่ยนข้อมูลสุขภาพผ่านระบบออนไลน์ (Health Information Exchange) ที่มีประสิทธิภาพด้วยระบบป้องกันภัยทางไซเบอร์ตามมาตรฐานสากล มีเป้าหมายในการนำเทคโนโลยีสารสนเทศมาช่วยยกระดับบริการด้านสุขภาพแก่ประชาชน ไม่ว่าจะเจ็บป่วยหรือเกิดเหตุฉุกเฉินที่ใดก็สามารถเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุดได้ทันที โดยแพทย์สามารถสืบค้นข้อมูลผู้ป่วย Health Link ทำให้ไม่ต้องเสียเวลารอการส่งข้อมูลจากโรงพยาบาลเดิมของผู้ป่วย ซึ่งจะช่วยให้การวินิจฉัย และการวางแผนรักษารวดเร็วและมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ส่วนกรณีที่ต้องการย้ายโรงพยาบาลจะดำเนินการได้อย่างรวดเร็ว เพราะข้อมูลประวัติการรักษาจะตามตัวผู้ป่วยไปในทุกที่

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 26 เมษายน 2566

" , ,