โลกเปลี่ยน ไทยต้องปรับ ทางเลือกใหม่ของการเมืองไทย ก้าวข้ามความขัดแย้ง สานพลังประชาราษฎร์ ร่วมสร้างชาติให้ยั่งยืน

หมวดหมู่: ข่าวประชาสัมพันธ์

“สุธรรม สส.นครฯ”ฝาก รบ.เร่งดำเนินการให้ ปชช.มีสิทธิ์ในที่ดิน เปลี่ยน ส.ป.ก. 4-01ให้เป็นโฉนดเพื่อเกษตรกรนำไปต่อยอด เข้าถึงแหล่งทุนได้ง่ายขึ้น

,

“สุธรรม สส.นครฯ”ฝาก รบ.เร่งดำเนินการให้ ปชช.มีสิทธิ์ในที่ดิน เปลี่ยน ส.ป.ก. 4-01ให้เป็นโฉนดเพื่อเกษตรกรนำไปต่อยอด เข้าถึงแหล่งทุนได้ง่ายขึ้น

นายสุธรรม จริตงาม สส.นครศรีธรรมราช เขต 6 พรรคพลังประชารัฐ(พปชร.)กล่าวอภิปรายในการประชุมร่วมกันของรัฐสภา ครั้งที่ 5 (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่1) เป็นพิเศษ เพื่อพิจารณาเรื่องด่วน คณะรัฐมนตรี(ครม.)แถลงนโยบายต่อรัฐสภาตามรัฐธรรมนูญมาตรา 121 ว่า จากการที่ตนได้ศึกษานโยบายของรัฐบาลเป็นที่ยินดีอย่างยิ่งว่า รัฐบาลชุดนี้ได้เร่งดำเนินการให้ประชาชนมีสิทธิ์ในที่ดิน ที่พิจารณาเอกสารสิทธิ์ให้ใช้ประโยชน์ที่ดินเป็นโฉนด เพื่อนำไปต่อยอดและเข้าถึงแหล่งทุนได้ง่ายขึ้น

“ผมต้องขอบคุณรัฐบาลที่ได้ให้ความสำคัญในสิทธิทำกินของพี่น้องประชาชน ถึงแม้ตัวนโยบายของรัฐบาล จะไม่ได้ระบุรายละเอียดว่า จะพิจารณาเอกสารสิทธิ์ให้ใช้ ประโยชน์ในที่ดินประเภทใด ให้เป็นโฉนด ก่อน-หลัง หรืออย่างไร แต่ความต้องการของพี่น้องประชาชนคือ ต้องการให้เปลี่ยน สปก.ให้เป็นโฉนดโดยเร่งด่วน ผมขออภิปรายเพื่อให้เห็นถึงเหตุผลและความจำเป็น ตามที่พรรคพลังประชารัฐ นำโดย พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรค ได้ใช้เป็นนโยบายหาเสียงในช่วงเลือกตั้งที่ผ่านมา”นายสุธรรม กล่าว

นายสุธรรม กล่าวต่อว่า ตามกฎหมายแล้วการเข้าทำประโยชน์ในเขตที่ดิน หรือ ส.ป.ก. 4-01 ให้เข้าทำประโยชน์ในที่ดินเท่านั้น ไม่สามารถซื้อขายหรือโอนสิทธิ์ได้ เว้นแต่ตกทอดมรดก หรือโอนสิทธิ์ให้กับทายาทชอบด้วยกฎหมายเท่านั้น ผู้ถือครอง ส.ป.ก. 4-01 จึงมีข้อจำกัดในการเข้าถึงแหล่งทุนเป็นอย่างมาก เพราะว่ามีเพียงธนาคารเดียวที่ให้สินเชื่อแก่ ส.ป.ก. 4-01 คือธนาคาร ธกส. ส่วนธนาคารอื่นๆไม่สามารถใช้ส.ป.ก.4-01 ค้ำประกันได้เลย และ ธกส. จะให้สินเชื่อเพียง 50% ของราคาประเมินเท่านั้น ทำให้พี่น้องเกษตรกร ผู้ยากไร้ที่ครอบครองที่ดิน ส.ป.ก. 4-01 เข้าถึงแหล่งทุนยาก ขาดเงินหมุนเวียน เมื่อต้องการนำเงินทุนไปปรับปรุงพื้นที่ในการทำการเกษตร ก็ต้องไปกู้ยืมเงินนอกระบบมาหมุนเวียน ต้องจ่ายดอกเบี้ยในอัตราที่สูง บางครั้งโดนเจ้าหนี้บีบมากๆ ก็ต้องขายที่ดิน ส.ป.ก. 4-01 ให้นายทุนในราคาที่ถูก

นายสุธรรม กล่าวต่อด้วยว่า เมื่อปีพ.ศ. 2541 ตนได้มีโอกาสรับราชการที่ส.ป.ก.จังหวัดกระบี่ ในตำแหน่งนิติกร ในช่วงนั้นที่ตนได้เห็นปัญหาเกี่ยวกับที่ดินส.ป.ก. 4-01 จำนวนมาก แต่ทุกวันนี้ด้วยสภาพสังคมที่เปลี่ยนไป ตนกลับพบว่าปัญหาของที่ดิน ส.ป.ก. 4-01 ไม่ได้ลดหย่อนลง แต่กลับเพิ่มขึ้นอย่างทวีคูณ เนื่องจากว่าสภาพสังคมในหลาย ๆ ด้านได้เปลี่ยนไป บางพื้นที่ที่ดินได้มีความเจริญรุ่งเรือง ไม่เหมาะที่จะทำการเกษตร เหมาะสมที่จะเป็นแหล่งประกอบธุรกิจเชิงพาณิชย์มากกว่าดังนั้น ตนคิดว่า ส.ป.ก. 4-01 ควรที่จะได้รับการเปลี่ยนสิทธิ์ให้เป็นโฉนดที่ดิน

“ผมเข้าใจดีในเจตนารมย์ของพระราชบัญญัติการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม พ.ศ. 2518 แต่เมื่อเวลาเปลี่ยน ความจำเป็นก็เปลี่ยน กฎหมายบางอย่างก็ต้องปรับเปลี่ยนไปตามสภาพแวดล้อม และความจำเป็นของสังคม ทั้งนี้เพื่อความกินดีอยู่ดีของพี่น้องประชาชนให้ทั่วถึง ผมคิดว่า ถึงเวลาแล้วที่รัฐบาลจะต้องหันมาดูแลและใส่ใจพี่น้องประชาชนที่ทำมาหากินในเขต ส.ป.ก. 4-01 โดยการเร่งดำเนินการเปลี่ยนสิทธิ์ ส.ป.ก. 4-01 ให้เป็นโฉนดที่ดินโดยเร็ววัน ให้มีศักดิ์และสิทธิ์เทียบเท่ากับโฉนดที่ดินทั่วไป ตามกฎหมายที่ดิน”

อย่างไรก็ตาม ในเบื้องต้นรัฐบาลอาจจะกำจัดสิทธิ์บางอย่างเช่น ห้ามโอนภายใน 10 ปี หรือให้สิทธิ์บุคคลที่ปฏิบัติตามกฎหมาย ส.ป.ก. อย่างเคร่งครัด เพื่อเป็นการตอบแทนพวกเขาที่ไม่ได้โอนสิทธิ์ให้นายทุน ในปัจจุบันนี้มีพี่น้องประชาชนผู้ได้รับสิทธิ์ ส.ป.ก. ทั่วประเทศ ประมาณ 2,300,000 กว่าราย หากเป็นไปได้ถ้าเรานำร่องไปก่อนเฉพาะพื้นที่ ที่ไม่มีปัญหา , เฉพาะพื้นที่ที่มีความพร้อม เนื่องจาก ส.ป.ก. 4-01 ได้มีการตรวจสอบสิทธิ์กันมาแล้ว ถ้าดำเนินการประมาณ 500,000 รายหรือ 1,000,000 ราย ได้ก็จะเป็นของขวัญชิ้นงามให้กับพี่น้องเกษตรกร ผู้ถือครอง ส.ป.ก. 4-01 ทั้งนี้ ตนขอให้รัฐบาลบริหารประเทศด้วยความสำเร็จรุ่งเรือง เพื่อความกินดีอยู่ดีของพี่น้องประชาชนทั่วประเทศ

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 12 กันยายน 2566

ก้าวข้ามความขัดแย้ง เปิดรับข้อมูลทุกฝ่าย ! “รมว.ธรรมนัส”ขอบคุณข้อมูลปัญหาของเกษตรกรจากสมาชิกรัฐสภา โดยเฉพาะ สส.พรรคก้าวไกล เชื่อ เป็นประโยชน์ต่อ ก.เกษตรฯและพี่น้องทั่วประเทศ

,

ก้าวข้ามความขัดแย้ง เปิดรับข้อมูลทุกฝ่าย ! “รมว.ธรรมนัส”ขอบคุณข้อมูลปัญหาของเกษตรกรจากสมาชิกรัฐสภา โดยเฉพาะ สส.พรรคก้าวไกล เชื่อ เป็นประโยชน์ต่อ ก.เกษตรฯและพี่น้องทั่วประเทศ

ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า สส.พะเยา พรรคพลังประชารัฐ(พปชร.)ในฐานะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวในการประชุมร่วมกันของรัฐสภา ครั้งที่ 5 (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่1) เป็นพิเศษ เพื่อพิจารณาเรื่องด่วน คณะรัฐมนตรี(ครม.)แถลงนโยบายต่อรัฐสภาตามรัฐธรรมนูญมาตรา 121 ว่า ตนต้องขอขอบคุณเพื่อสมาชิกรัฐสภาที่ให้ความสนใจพี่น้องเกษตรกร ตนได้รับฟังการอภิปรายของเพื่อนสมาชิกมาตั้งแต่ช่วงเช้าจนค่ำ ซึ่งหลาย ๆ พรรคการเมืองได้ให้ความสนใจกับปัญหาของพี่น้องเกษตรกร ถามว่าข้อมูลที่ท่านสงสัย นโยบายที่ท่านนายกรัฐมนตรีได้แถลงต่อสภาในวันนี้ ว่าเป็นข้อมูลที่ถูกต้องหรือไม่ ตนในฐานะที่อยู่กระทรวงนี้มาตั้งแต่ปี 62 ในตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ซึ่งถือว่านานพอสมควร ปัญหาภาคการเกษตรถือว่าเป็นเรื่องใหญ่ เพราะเป็นปัญหาของพี่น้องคนไทยส่วนใหญ่

“ข้อมูลจากเพื่อนสมาชิกที่เสนอมา ผมถือว่าเป็นประโยชน์กับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยเฉพาะข้อมูลจากเพื่อนสมาชิกท่านณรงค์เดช อุฬารกุล สส.บัญชีรายชื่อ จากพรรคก้าวไกล ผมขอขอบคุณข้อมูลทุก ๆ อย่างที่ท่านนำเสนอในวันนี้ ในฐานะที่ผมกำกับดูแลกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พร้อมกับรัฐมนตรีช่วยทั้ง 2 ท่าน ได้ฟังการนำเสนอข้อมูลจากพวกท่าน เราจะนำข้อมูลเหล่านี้ มาเป็นแนวทางในการบริหารและกำหนดนโยบาย ซึ่งเราจะนำนโยบายของรัฐบาลไปมอบให้กับข้าราชการทุกกรมในกระทรวงเกษตรฯ หลังจากที่ได้แถลงนโยบายต่อรัฐสภาแล้ว”ร.อ.ธรรมนัส กล่าว

ร.อ.ธรรมนัส กล่าวทิ้งท้ายถึงสมาชิกรัฐสภาว่า สิ่งที่ท่านนำเสนอในวันนี้ ถือว่าเป็นประโยชน์ต่อพี่น้องเกษตรกรไทย และเชื่อว่าข้อมูลใหม่ๆ ในเรื่องนวัตกรรมใหม่ที่นำเสนอ จะเป็นประโยชน์กับพี่น้องเกษตรกรต่อไป ตนในนามของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ขอขอบคุณสมาชิกทุกท่านจากใจจริง

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 12 กันยายน 2566

“รมว.ธรรมนัส” รับ 9 ข้อเสนอกลุ่มพีมูฟวันแถลงนโนบายรัฐบาล พร้อมลุยสางปัญหาด้านเกษตรทันที ดันเข้ารัฐบาลช่วยเหลือปชช.

,

“รมว.ธรรมนัส” รับ 9 ข้อเสนอกลุ่มพีมูฟวันแถลงนโนบายรัฐบาล
พร้อมลุยสางปัญหาด้านเกษตรทันที ดันเข้ารัฐบาลช่วยเหลือปชช.

ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ(พปชร.) กล่าวว่า วันนี้( 11. ก.ย. 2566 ) ได้รับหนังสือของ กลุ่มขบวนการประชาชนเพื่อสังคมเพื่อเป็นธรรม หรือ กลุ่มพีมูฟ ได้เสนอข้อเรียกร้อง 9 นโยบายของขบวนการประชาชน เพื่อสังคมที่เป็นธรรม เพื่อเป็นข้อมูลประกอบ การแถลงนโยบายของคณะรัฐมนตรี โดย นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของ ปัญหาด้านสิทธิเสรีและประชาธิปไตย ด้านการกระจายอำนาจ กระบวนการยุติธรรม นโยบายที่ดินและคุ้มครองพื้นที่เกษตรกรรม นโยบายจัดการทรัพากรธรรมชาติ นโยบายด้านการป้องกันภัยพิบัติ คุ้มครองชาติพันธุ์และสิทธิความเป็นมนุษย์ รวมถึงนโยบายสิทธิคนไร้สถานะและนโยบายรัฐสวัสดิการ และขอให้มีการนิรโทษกรรมคดีที่ประชาชนถูกกระทำจากรัฐ เช่น คดีบางกลอย โดยขอให้มีการตั้งคณะกรรมขึ้นมาภายใน 15 วัน เพื่อแก้ไขปัญหา

ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า วันนี้เป็นวันดีที่นายกฯแถลงนโยบาย และกลุ่มพีมูฟมายื่นหนังสือที่รัฐสภา ตนในฐานะฝ่ายนิติบัญญัตติที่เป็นส่วนหนึ่งของงาน และผู้บริหารกระทรวงเกษตร และสหกรณ์ กลุ่มพีมูฟ คงจะเห็นการทำงานปี2562-64 คงไม่ต้องอธิบาย เพราะที่ผ่าน ตนไม่ได้ทำตัวเป็นฝ่ายรัฐบาล แต่กลุ่มพีมูฟ เดือดร้อนที่ไหน ก็จะไปแก้ปัญหา ไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่ดินทำกิน เรื่องภาครัฐ เอาเปรียบพี่น้องประชาชน เรื่องความเหลื่อมล้ำทางสังคม อยากจะฝากเรียนพี่น้องว่า อะไรก็ตามที่เกี่ยวข้องกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ผมจะทำให้ดีที่สุด จะไม่ทำให้พวกท่านผิดหวัง

“วันนี้ท่านยื่นหนังสือถึงท่านนายกรัฐมนตรี หลายฉบับ ผมก็จะมอบให้กับเลขารัฐมนตรี เพื่อคัดกรองแต่ละเรื่อง เรื่องไหนที่เกี่ยวกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จะรีบดำเนินการภายใต้กฎหมาย เพื่อบรรเทาทุกข์ให้แก่พวกท่าน สำหรับพี่น้องชาติพันธุ์ หลายครั้งที่ผมลงพื้นที่ของพวกท่าน ท่านคงจะเห็นว่า ผมรักพี่น้องชาติพันธุ์ ช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ผมก็ใช้เวลาอยู่กับพี่น้องชาติพันธุ์ จากจังหวัดเชียงใหม่ จังหวัดพะเยา และจังหวัดเชียงราย ดังนั้นผมเข้าใจบริบทปัญหา ที่พวกเราถูกเอารัดเอาเปรียบ และไม่ได้รับความใส่ใจจากภาครัฐ ที่มันสะสมมานาน สิ่งเหล่านี้ ข้อใดที่ผมสามารถทำให้พวกท่านได้ ผมจะทำทันที ข้อใดที่ผิดกฎหมาย เราก็จะไปหาช่องทาง ให้พวกเราได้รับในสิ่งที่พวกเราต้องการ ขอให้ทุกคนสบายใจได้”ร.อ.ธรรมนัส กล่าว

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 11 กันยายน 2566

‘รมว.ธรรมนัส’ ประกาศทำสงครามกับสินค้าเกษตรเถื่อน พร้อมมอบนโยบายหน่วยงานกระทรวงฯทำแผนเชิงรุกแก้ทุกข์ที่คั่งค้างให้พี่น้องปชช.และเกษตรกร

,

‘รมว.ธรรมนัส’ ประกาศทำสงครามกับสินค้าเกษตรเถื่อน พร้อมมอบนโยบายหน่วยงานกระทรวงฯทำแผนเชิงรุกแก้ทุกข์ที่คั่งค้างให้พี่น้องปชช.และเกษตรกร

วันที่ 11 ก.ย. 2566 ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวถึงการแถลงนโยบายรัฐบาลต่อรัฐสภาว่า ในการทำงานของรัฐบาลได้มีการวางนโยบายเป็นกรอบไว้แต่ละกระทรวง ไปดำเนินการจัดทำรายละเอียด ดังนั้นในส่วนของกระทรวงเกษตรฯ หลังจากที่มีการแถลงนโยบายแล้ว จะมีการประชุมผู้บริหารกระทรวง เพื่อวางแผนการทำงานในระยะ 4 ปี ในการดูแลและแก้ไขปัญหาที่คั่งค้างให้กับพี่น้องประชาชน

“ขณะนี้ในส่วนของกระทรวงเกษตรฯ ยืนยันว่า มีแผนทุกกรมอยู่แล้ว และหลังจากที่แถลงนโยบายต่อรัฐสภาเสร็จ จะมีการมอบนโยบายให้แก่ทุกหน่วยงานที่อยู่ในสังกัด ซึ่งจะมีสาระรายละเอียด และเนื้อแท้ของงาน โดยมีเป้าหมายที่ชัดเจนว่างบประมาณในการแก้ไขปัญหานั้นมาจากไหน การร่วมงานกันของภาครัฐและเอกชนในการแก้ไขปัญหาจะเป็นอย่างไร” รมว.ธรรมนัสกล่าว

อย่างไรก็ตาม จะเห็นว่าปัญหาทางการเกษตรนั้นมีการสะสมมาอย่างยาวนาน ไม่ใช่เฉพาะราคาพืชผลทางการเกษตร แต่ยังรวมไปถึงการแปรปรวนของสภาพอากาศ เช่น วิกฤตเอลนีโญ ที่ส่งผลกระทบต่อภาคเกษตรกร โดยทางกระทรวงเกษตรฯ จะต้องมีการประสานในทุกๆ หน่วยงานว่าจะแก้ไขปัญหาอย่างไร

นอกจากนี้ในเรื่องของปัญหาปศุสัตว์ เช่น การลักลอบขนส่ง หรือนำเข้าเนื้อหมู เนื้อสัตว์ประเภทอื่นๆ อย่างผิดกฎหมายก็ได้เลือกอธิบดีแต่ละกรมมาอยู่แล้ว หลังจากวันพรุ่งนี้จะตั้งคณะทำงาน อย่างเอาจริงเอาจัง เพื่อให้เกิดประโยชน์กับพี่น้องประชาชนอย่างทั่วถึง

“ในส่วนของกระทรวงเกษตรฯ ผมขอประกาศทำสงครามกับสินค้าเถื่อนที่เข้ามาภายในประเทศ ส่วนการทำรายละเอียดต่างๆ ของกระทรวงอื่นๆ ก็คงทำเหมือนกัน” ร.อ.ธรรมนัส กล่าว

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 11 กันยายน 2566

3 รัฐมนตรีพรรคพลังประชารัฐ เข้าเฝ้าถวายสัตย์ พร้อมร่วมถ่ายรูปหมู่คณะรัฐมนตรีชุดใหม่

,

3 รัฐมนตรีพรรคพลังประชารัฐ เข้าเฝ้าถวายสัตย์ พร้อมร่วมถ่ายรูปหมู่คณะรัฐมนตรีชุดใหม่

5 กันยายน 2566 พรรคพลังประชารัฐ นำโดย “พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ”ประธานที่ปรึกษาพรรค ในฐานะรองนายกฯ และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวง ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม “ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า”สส.พะเยา และเลขาธิการพรรค ในฐานะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ “สันติ พร้อมพัฒน์”รองหัวหน้าพรรค รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข เดินทางมารวมตัวกันที่ทำเนียบรัฐบาล โดยคณะรัฐมนตรี (ครม.) ชุดใหม่ ก่อนจะขึ้นรถเดินทางไปพร้อมกัน เพื่อเข้าเฝ้าถวายสัตย์ปฏิญาณตน จากนั้นได้เดินทางกลับมาที่ทำเนียบรัฐบาลเพื่อถ่ายรูปรวมคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ทั้งนี้ จะมีการเริ่มประชุมครั้งแรกในวันที่ 6 ก.ย.นี้

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 5 กันยายน 2566

“พล.อ.ประวิตร”ลงนามคำสั่งแต่งตั้ง ประธานกรรมการ 8 ด้าน ขับเคลื่อนนโยบายการทำงานพรรคตามยุทธศาสตร์ให้สัมฤทธิ์ผล

,

“พล.อ.ประวิตร”ลงนามคำสั่งแต่งตั้ง ประธานกรรมการ 8 ด้าน
ขับเคลื่อนนโยบายการทำงานพรรคตามยุทธศาสตร์ให้สัมฤทธิ์ผล

เมื่อวันที่ 16 ส.ค.พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ได้ลงนามในคำสั่งพรรคพลังประชารัฐ ที่ 116/2566 แต่งตั้งประธานกรรมการด้านต่างๆ ภายใต้คณะกรรมการยุทธศาสตร์พรรคพลังประชารัฐ เพื่อขับเคลื่อนการดำเนินงานตามยุทธศาสตร์ของพรรค รวมถึงนโยบายและแนวทางที่พรรคกำหนด ให้สัมฤทธิ์ผลและสอดประสานไปในทิศทางเดียวกัน

โดยอาศัยอำนาจตามข้อบังคับพรรคพลังประชารัฐ พ.ศ.2561 และฉบับแก้ไขเพิ่มเติมครั้งที่ 5 พ.ศ.2566 ข้อ 17(1) (จ) (ช) โดยคณะกรรมการยุทธศาสตร์พรรคพลังประชารัฐ ประกอบด้วย

1.นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เป็นประธานกรรมการด้านการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์
2.นายอุตตม สาวนายน เป็นประธานกรรมการด้านนโยบายและการปฏิรูปเพื่อการพัฒนาประเทศอย่างยั่งยืน
3.นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล เป็นประธานกรรมการด้านวิชาการ
4.นายไพบูลย์ นิติตะวัน เป็นประธานกรรมการด้านกฎหมาย
5.นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ เป็นประธานกรรมการด้านความสัมพันธ์องค์กรและการต่างประเทศ
6.นางสาวตรีนุช เทียนทอง เป็นประธานกรรมการด้านกิจกรรมสัมพันธ์
7.พลเอกณัฐ อินทรเจริญ เป็นประธานกรรมการด้านสื่อสารและประชาสัมพันธ์
8.พลตำรวจเอกธรรมศักดิ์ วิชชารยะ เป็นประธานกรรมการด้านประสานงานและอำนวยการ

สำหรับองค์ประกอบ หน้าที่และอำนาจของคณะกรรมการแต่ละคณะ ให้ประธานกรรมการฯพิจารณาจัดทำร่างบัญชีรายชื่อจาก สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของพรรค สมาชิกพรรคและผู้ทรงคุณวุฒิที่เหมาะสม พร้อมทั้งพิจารณากำหนดหน้าที่และอำนาจ ที่สมควรได้รับมอบหมาย ให้รับผิดชอบดำเนินการที่เกี่ยวข้องกับภารกิจ เพื่อเสนอต่อหัวหน้าพรรคพิจารณาออกคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการด้านต่างๆ ต่อไป

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 17 สิงหาคม 2566

คำสั่งที่ 116/2566 ลงวันที่ 16 ส.ค. 66 เรื่อง แต่งตั้งประธานกรรมการด้านต่างๆ ภายใต้คณะกรรมการยุทธศาสตร์พรรคพลังประชารัฐ

,

คำสั่งที่ 116/2566 ลงวันที่ 16 ส.ค. 66
เรื่อง แต่งตั้งประธานกรรมการด้านต่างๆ ภายใต้คณะกรรมการยุทธศาสตร์พรรคพลังประชารัฐ

ดาวน์โหลด

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 16 สิงหาคม 2566

คำสั่งที่ 115/2566 ลงวันที่ 16 ส.ค. 66 เรื่อง แต่งตั้งคณะกรรมการยุทธศาสตร์พรรคพลังประชารัฐ

,

คำสั่งที่ 115/2566 ลงวันที่ 16 ส.ค. 66
เรื่อง แต่งตั้งคณะกรรมการยุทธศาสตร์พรรคพลังประชารัฐ

ดาวน์โหลด

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 16 สิงหาคม 2566

“พล.อ.ประวิตร” ลงนามคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการยุทธศาสตร์พรรค พปชร.ชุดใหม่ สอดคล้องการเปลี่ยนแปลงกับสถานการณ์ทางเศรษฐกิจ สังคมและการเมือง

,

“พล.อ.ประวิตร” ลงนามคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการยุทธศาสตร์พรรค พปชร.ชุดใหม่
สอดคล้องการเปลี่ยนแปลงกับสถานการณ์ทางเศรษฐกิจ สังคมและการเมือง

เมื่อวันที่ 16 ส.ค.พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ได้ลงนามในคำสั่งพรรคพลังประชารัฐ ที่ 115/2566 แต่งตั้งคณะกรรมการยุทธศาสตร์ พรรคพลังประชารัฐ โดยเห็นสมควรให้มีการปรับปรุงยุทธศาสตร์ นโยบายและแนวทางการดำเนินงานของพรรคให้สอดคล้องกับสถานการณ์ทางเศรษฐกิจ สังคมและการเมือง โดยเฉพาะสภาวะการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน อันเนื่องมาจากวิกฤตทางด้านต่างๆ และนวัตกรรมทางเทคโนโลยี สารสนเทศที่ส่งผลกระทบต่อประชาคมโลก และนำมาซึ่งความเปลี่ยนแปลงในการเรียนรู้ ผ่านช่องทาง สื่อสารออนไลน์ การครอบงำทางความคิด การสร้างทัศนคติ และการบิดเบือนข้อมูลข่าวสาร ที่เป็นปัจจัยสำคัญทางการเมือง

ทั้งนี้ได้อาศัยอำนาจตามข้อบังคับพรรคพลังประชารัฐ พ.ศ. 2561 และฉบับแก้ไขเพิ่มเติมครั้งที่ 5 พ.ศ.2566 ข้อ 17(1) (จ) (ช) จึงให้ยกเลิกคำสั่งพรรคพลังประชารัฐ ตามบัญชีแนบท้าย และให้แต่งตั้งคณะกรรมการยุทธศาสตร์พรรคพลังประชารัฐ ดังนี้
1.พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ ประธานกรรมการ
2.ร้อยเอกธรรมนัส พรหมเผ่า
3.นายสันติ พร้อมพัฒน์ ฃฃ
4.นายวิรัช รัตนเศรษฐ
5.นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์
6.นายไพบูลย์ นิติตะวัน
7.นางสาวตรีนุช เทียนทอง
8.ศาสตราจารย์นฤมล ภิญโญสินวัฒน์
9.พลเอกกฤษณ์โยธิน ศศิพัฒนวงษ์
10.นายอภิชัย เตชะอุบล
11.นายสกลธี ภัททิยกุล
12.พลเอกณัฐ อินทรเจริญ
13.นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์
14.นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล
15.นายอุตตม สาวนายน
16.นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์
17.พลตำรวจเอกธรรมศักดิ์ วิชชารยะ
18.นายนพดล พลเสน
19.นายคณิศ แสงสุพรรณ
20.หม่อมหลวงกรกสิวัฒน์ เกษมศรี
21.นายชาญกฤช เดชวิทักษ์
22.นายวราเทพ รัตนากร
23.นายบุรินทร์ สุขพิศาล

โดยมีหน้าที่และอำนาจดังนี้
1. กำหนดยุทธศาสตร์ นโยบายและแนวทางการดำเนินงานของพรรคพลังประชา รัฐให้สอดคล้องกับสถานการณ์การเปลี่ยนแปลงในปัจจุบัน และแนวโน้มในอนาคตเพื่อตอบสนองต่อ การพัฒนาประเทศ

2.กำหนดบทบาท ท่าทีและจุดยืนทางการเมืองของพรรค ทิศทางและแนวทางในการพัฒนาพรรค บุคคลากรของพรรค สมาชิกพรรค และการบริหารจัดการภายในพรรค เพื่อก้าวไปสู่ความเป็นสถาบันทางการเมืองที่เข้มแข็ง มีเสถียรภาพและเป็นที่ยอมรับเชื่อมั่นศรัทธาของประชาชน โดยให้สมาชิกพรรคและประชาชนทุกภาคส่วนเข้ามามีส่วนร่วมในการดำเนินกิจกรรมทางการเมืองของพรรคอย่างเข้มแข็งและเป็นไปตามวิถีประชาธิปไตยแบบมีส่วนร่วมโดยตรง

3.ให้ความเห็นชอบ สั่งการ และติดตามประเมินผล กิจกรรมและแผนงานโครงการที่มอบหมายให้คณะกรรมการด้านต่างๆไปดำเนินการ รวมทั้งกิจกรรมของพรรคที่ดำเนินการร่วมกับองค์กรภาครัฐและภาคเอกชน ในการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนในพื้นที่ การพัฒนาเศรษฐกิจฐานราก การเสริมสร้างความข้มแข็งทางเศรษฐกิจภาพรวม การดูแลความเป็นอยู่และสวัสดิการของประชาชน การเสริมสร้างการมีส่วนร่วมของสมาชิกพรรคและประชาชน และการสร้างความนิยมทางการเมือง รวมทั้งการเสริมสร้างภาพลักษณ์ด้วยการสื่อสารและประชาสัมพันธ์สมัยใหม่

4.แต่งตั้งคณะกรรมการ คณะอนุกรรมการ คณะทำงาน ที่ปรึกษา หรือผู้ทรงคุณวุฒิ เพื่อช่วยเหลือในการปฏิบัติงานของคณะกรรมการ

5.รายงานผลการดำเนินงานของคณะกรรมการต่อหัวหน้าพรรคและคณะกรรมการบริหารพรรค

และ 6.ดำเนินการอื่นใดที่เกี่ยวข้องกับหน้าที่และอำนาจของคณะกรรมการและปฏิบัติงานอื่นตามที่หัวหน้าพรรคมอบหมาย

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 17 สิงหาคม 2566

“พล.อ.ประวิตร”เผย ตัวเลขหนี้นอกระบบลดลงต่อเนื่อง หลังเดินหน้าปราบเชิงรุก เชื่อ แก้ปัญหาได้ยั่งยืน พร้อมจัดหาแหล่งทุน ยกระดับพัฒนาทักษะ สร้างอาชีพมั่นคงให้ ปชช.ที่มีรายได้น้อย

,

“พล.อ.ประวิตร”เผย ตัวเลขหนี้นอกระบบลดลงต่อเนื่อง หลังเดินหน้าปราบเชิงรุก เชื่อ แก้ปัญหาได้ยั่งยืน
พร้อมจัดหาแหล่งทุน ยกระดับพัฒนาทักษะ สร้างอาชีพมั่นคงให้ ปชช.ที่มีรายได้น้อย

15 สิงหาคม 2566 พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ เปิดเผยถึงปัญหาหนี้นอกระบบ ที่เป็นเหมือนทุกข์กองโตของประชาชน ทำให้หลายครอบครัวต้องใช้ชีวิตทนทุกข์ จมกับกองหนี้มานาน สุดท้ายไม่เหลือแม้แต่บ้านเรือน ทรัพย์สิน และที่ดินทำกิน การแก้ปัญหาหนี้นอกระบบจึงเป็นหนึ่งในนโยบายสำคัญสำหรับการบริหารประเทศของรัฐบาล ที่ต้องการลดปัญหาความเหลื่อมล้ำทางสังคม โดยเฉพาะกลุ่มผู้มีรายได้น้อย และขาดโอกาสที่ถูกเอารัดเอาเปรียบจากกลุ่มอิทธิพลมานาน โดยเฉพาะเจ้าหนี้นอกระบบ

พล.อ.ประวิตร กล่าวต่อว่า ตนได้ประสานงานกับฝ่ายความมั่นคง ฝ่ายปกครอง และตำรวจ ลงไปช่วยดูแลแก้ปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนจากหนี้นอกระบบที่มีมากขึ้น จากกลุ่มนายทุนฉวยโอกาสปล่อยกู้เก็บดอกโหด และส่งแก๊งค์ทวงหนี้เหิมเกริม ข่มขู่และใช้ความรุนแรงกับลูกหนี้หาเช้ากินค่ำ เพื่อไม่ให้ซ้ำเติมบั่นทอนชีวิตครอบครัวผู้มีรายได้น้อย รวมถึงทุกภาคส่วนราชการที่พยายามขับเคลื่อนแก้ปัญหาทั้งการเจรจาไกล่เกลี่ย และการบังคับใช้กฎหมาย โดยเฉพาะศูนย์ปฏิบัติการป้องกันและปราบปรามการฉ้อโกงทรัพย์สินของประชาชนของตำรวจซึ่งบังคับใช้กฎหมายสามารถไกล่เกลี่ย และส่งคืนทรัพย์สินให้กับประชาชนได้จำนวนมาก

“เราต้องเข้าใจว่า ปัญหาหนี้นอกระบบฝั่งรากลึกในสังคมไทยมาอย่างยาวนาน ทำให้ยังมีประชาชนอีกจำนวนมากที่รอการช่วยเหลือ ทุกส่วนราชการที่เกี่ยวข้องในทุกพื้นที่ยังคงต้องเร่งทำงาน เพื่อเดินหน้าเข้าไปปลดล็อกปัญหาหนี้นอกระบบ ซึ่งเป็นหนึ่งในปัจจัยกับดักความยากจนของสังคมที่สำคัญที่จำเป็นต้องติดตาม รวมทั้งประสานการให้โอกาสและการช่วยเหลือลูกหนี้ต่อเนื่องกันไปให้สามารถกลับมายืนเข้มแข็งไปด้วยกัน”พล.อ.ประวิตร กล่าว

นอกจากนี้ พล.อ.ประวิตร มองว่า การดำเนินการเพื่อปราบปรามเจ้าหนี้นอกระบบเพียงอย่างเดียวคงไม่ใช่แนวทางแก้ไขปัญหาอย่างยั่งยืน ตนจึงได้ประสานไปยัง กระทรวงการคลัง และกระทรวงแรงงาน เพื่อเข้าไปร่วมเสริมการจัดหาแหล่งทุน และพัฒนาทักษะอาชีพให้กับประชาชนที่มีรายได้น้อย ให้สามารถเข้าถึงโอกาสได้เป็นการช่วยสร้างความเข้มแข็งของผู้มีรายได้น้อยและลดปัญหาความเหลื่อมล้ำทางสังคมด้วย

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 15 สิงหาคม 2566

“อัครแสนคีรี” วอนหน่วยงานที่ เร่งแก้ปัญหาทางหลวงชำรุด-ออกโฉนดที่ดินทำกิน บรรเทาความเดือดร้อนให้พี่น้องชาวชัยภูมิ

,

“อัครแสนคีรี” วอนหน่วยงานที่ เร่งแก้ปัญหาทางหลวงชำรุด-ออกโฉนดที่ดินทำกิน บรรเทาความเดือดร้อนให้พี่น้องชาวชัยภูมิ

นายอัครแสนคีรี โล่ห์วีระ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดชัยภูมิ เขต 7 พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวหารือถึงเรื่องทางหลวงแผ่นดิน โดยได้รับการร้องเรียนจากประชาชนในพื้นที่จังหวัดชัยภูมิ ว่า ได้รับความเดือดร้อนในการใช้ถนนทางหลวงแผ่นดินในเขตพื้นที่จังหวัดชัยภูมิ หมายเลข 2054 จาก แยกลาดใหญ่ไปยังแยก ช่องสามหมอ และ ทางหลวงหมายเลข 2389 จากเขต เทศบาลแก้งคร้อไปยังบ้านสัมภาษณ์ อำเภอบ้านแท่น จังหวัดชัยภูมิ เนื่องจากปัจจุบันมีปริมาณการใช้ถนนมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งรถบรรทุกขนาดใหญ่ซึ่ง บรรทุกพืชผลทางการเกษตร ส่วนมากทำให้ถนนทางหลวงสองเส้นนี้ ซึ่งมีอายุการใช้งานมานาน เกิดความชำรุดทรุดโทรม และที่สำคัญไม่มีไหล่ทาง ซึ่งก่อให้เกิดอุบัติเหตุทางถนนบ่อยครั้ง สร้างความเดือดร้อนแก่พี่น้องประชาชนเป็นอย่างมาก ในระยะเวลาหลาย 10 ปีที่ผ่านมา

“ผมขอฝากไปยังกรมทางหลวง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อสอบถามถึงแผนพัฒนา ทางหลวงแผ่นดินเส้นทางดังกล่าว ในระยะสั้น และระยะยาว เป็นอย่างไรบ้าง เพื่อจะได้นำข้อมูลไปประชาสัมพันธ์กับพี่น้องประชาชน และประสานงานการปฏิบัติ เพื่อแก้ปัญหาไขความเดือนร้อนของพี่น้องประชาชนให้เกิดผลสัมฤทธิ์อย่างมีประสิทธิภาพต่อไป”นายอัครแสนคีรี กล่าว

นายอัครแสนคีรี กล่าวต่อว่า ตนได้รับการร้องเรียนจากพี่น้องพื้นที่จังหวัดชัยภูมิ และอีกหลายจังหวัดทั่วประเทศเรื่องที่ดินทำกิน เนื่องได้ที่ดินทำกิน และที่อยู่อาศัยอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติ และเขตป่าสงวน เขตป่าไม้ รวมถึงพื้นที่ในความรับผิดชอบของสำนักงานการปฏิรูปที่ดินหรือ สปก.มาเป็นเวลานาน แต่ประชาชนที่ทำกินและอาศัยอยู่บนที่ดินไม่มีเอกสารสิทธิ์ หรือหนังสือรับรองการครอบครองที่ดิน ทำให้ประชาชนเสียโอกาสในการพัฒนาพื้นที่ทำกิน และไม่สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุน หรือสร้างรายได้ในพื้นที่ดังกล่าวได้ ตนจึงอยากวอนให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาเร่งรัดในการออกเอกสารสิทธิ์ที่ดินทำกิน รวมถึงการเปลี่ยน สปก.เป็นโฉนด เร่งรัดรังวัดที่ดินต่างๆ ที่มีปัญหาด้านโฉนดตกหล่น เพื่อสร้างความมั่นคงในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน ซึ่งจะสามารถสร้างรากฐานทางเศรษฐกิจ ครอบครัวชุมชน และประเทศชาติโดยรวมอย่างยั่งยืน

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 3 สิงหาคม 2566

“สส.สัมพันธ” “สส.อามินทร์” นำคณะ“มท.1” และ “รมว.ศึกษาฯ” ลงพื้นที่ ต.มูโนะ ให้กำลังใจผู้ประสบเหตุระเบิด “โกดังเก็บพลุดอกไม้ไฟ”

,

“สส.สัมพันธ” “สส.อามินทร์” นำคณะ“มท.1” และ “รมว.ศึกษาฯ” ลงพื้นที่ ต.มูโนะ ให้กำลังใจผู้ประสบเหตุระเบิด “โกดังเก็บพลุดอกไม้ไฟ”

วานนี้ 1 สิงหาคม 2566 นายสัมพันธ์ มะยูโซ๊ะ (บีลา) กรรมการบริหารพรรคพลังประชารัฐและสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดนราธิวาส เขต 3 และ นายอามินทร์ มะยูโซ๊ะ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดนราธิวาส เขต 2 ร่วมต้อนรับ พลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมต.ว่าการกระทรวงมหาดไทย และ น.ส.ตรีนุช เทียนทอง รมต.ว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ในโอกาสลงพื้นที่เยี่ยมให้กำลังใจพี่น้องชาวมูโนะที่ประสบเหตุระเบิด “โกดังเก็บพลุดอกไม้ไฟ” ณ ตลาดมูโนะ ต.มูโนะ อ.สุไหงโกลก จ.นราธิวาส

พร้อมกันนี้ได้ร่วมประชุมหารือรับมอบนโยบายและข้อราชการต่างๆ และติดตามสถานการณ์โกดังเก็บดอกไม้ไฟระเบิด โดยมีนายนริศ ขำนุรักษ์ รมต.ช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย, นายสนั่น พงษ์อักษร ผวจ.นราธิวาส, รอง ผวจ.นราธิวาส, หัวหน้าส่วนราชการ และผู้ที่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้เพื่อขับเคลื่อนพัฒนาและช่วยเหลือพี่น้องที่ประสบเหตุให้ได้รับการเยียวยาให้เร็วที่สุด

ทั้งนี้ทางด้านกลุ่มเพื่อน “สส.บีลา-สส.อามินทร์” ได้รับการสนับสนุนจากผู้หลักผู้ใหญ่ร่วมกันสนับสนุนงบประมาณจัดซื้อวัสดุ”กระเบื้องหลังคา” เพื่อแจกจ่ายมอบใ้หกับพี่น้องที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ดังกล่าวซึ่งส่งผลให้อาคารบ้านเรือนและหลังคาได้รับความเสียหาย โดยมีพี่น้องมาลงทะเบียนกว่า 500 ราย เพื่อมาขอรับการช่วยเหลือในเบื้องต้น โดยทีมงานกลุ่มเพื่อน “สส.บีลา-สส.อามินทร์” ได้บริการจัดส่งถึงบ้านเรือนของพี่น้องยังความประทับใจและขอบคุณพร้อมให้กำลังใจซึ่งกันและกันดั่งคำว่า “คนไทยที่ไหนเดือดร้อน..คนไทยย่อมไม่ทิ้งกัน” ทางทีมงานกลุ่มเพื่อน “สส.บีลา-สส.อามินทร์” ซาบซึ้งในน้ำใจจากพี่น้องทั่วสารทิศ ทั่วไทย จึงขอขอบคุณทุกน้ำใจทุกท่าน มา ในโอกาสนี้

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 2 สิงหาคม 2566