โลกเปลี่ยน ไทยต้องปรับ ทางเลือกใหม่ของการเมืองไทย ก้าวข้ามความขัดแย้ง สานพลังประชาราษฎร์ ร่วมสร้างชาติให้ยั่งยืน

หมวดหมู่: สื่อออนไลน์

“ชัยมงคล”ลั่น พปชร.พร้อมทำหน้าที่ฝ่ายค้านให้สมบูรณ์แบบ เชื่อ ปชช.จะเห็นถึงความล้มเหลวในการบริหารประเทศของ รบ.

,

“ชัยมงคล”ลั่น พปชร.พร้อมทำหน้าที่ฝ่ายค้านให้สมบูรณ์แบบ เชื่อ ปชช.จะเห็นถึงความล้มเหลวในการบริหารประเทศของ รบ.

เมื่อวันที่ 4 มี.ค.เวลา 14.10 น.นายชัยมงคล ไชยรบ สส.สกลนคร เขต 5 และรองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ(พปชร.)แถลงข่าวถึงการเตรียมความพร้อมในอภิปรายไม่ไว้วางใจ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีว่า พรรคพลังประชารัฐให้ความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง เพราะเป็นการทำหน้าที่ฝ่ายค้านในการตรวจสอบรัฐบาล เราจะทำหน้าที่ให้สมบูรณ์แบบ เพื่อที่จะชี้แจงให้ประชาชนได้รับทราบถึงข้อบกพร่องในการบริหารราชการแผ่นดินของรัฐบาลชุดนี้

“รัฐบาลที่นำโดย น.ส.แพทองธาร แสดงให้เห็นความล้มเหลว และการบริหารประเทศที่เกิดความเสียหายอย่างมาก รวมไปถึงการขาดภาวะผู้นำ และอีกหลายปัญหาของนายกรัฐมนตรีคนนี้ การอภิปรายไม่ไว้วางใจ เราจะยึดตามระเบียบข้อบังคับของการประชุมสภาฯ และเรามั่นใจในการตรวจสอบรัฐบาลอย่างตรงไปตรงมา เพื่อนำข้อเท็จจริงสู่พี่น้องประชาชน ซึ่งเชื่อว่าจะเกิดประโยชน์กับประชาชนอย่างมาก”นายชัยมงคล กล่าว

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 4 มีนาคม 2568

พปชร.เปิดตัวทัพใหญ่ ว่าที่ผู้สมัครภาคอีสาน ลั่น พร้อม สู้ศึกเลือกตั้งทุกเวลา เผย เลือดไหลเข้าพรรคพร้อมรับใช้ ปชช.อีกมาก

,

พปชร.เปิดตัวทัพใหญ่ ว่าที่ผู้สมัครภาคอีสาน ลั่น พร้อม สู้ศึกเลือกตั้งทุกเวลา เผย เลือดไหลเข้าพรรคพร้อมรับใช้ ปชช.อีกมาก

เมื่อวันที่ 4 มี.ค.เวลา 14.20 น. นายชัยมงคล ไชยรบ  สส.สกลนคร เขต 5 และรองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ(พปชร.)นำแถลงข่าวเปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร สส.ภาคอีสาน จำนวน 14 คน โดยระบุว่า พปชร.กำลังอยู่ในระยะผลัดใบ ซึ่งบุคคลที่ยืนอยู่ข้างหลังตรงนี้เป็นว่าที่ผู้สมัครของพรรคในภาคอีสาน ที่ผ่านการรับรองจากหัวหน้าพรรคและคณะกรรมการบริหารพรรค โดยบุคคลเหล่านี้จะเป็นคนที่จะลงพื้นที่ เพื่อนำแนวทางและนโยบายต่างๆ ของพรรคพลังประชารัฐไปสู่ประชาชน

“การเลือกตั้งครั้งหน้าไม่ว่าจะเกิดขึ้นในระยะเวลาใด จะครบวาระ 4 ปี หรือไม่ พรรคพลังประชารัฐพร้อมเสมอสำหรับการเลือกตั้ง เพราะเรามีการเตรียมการและเตรียมตัว โดยในการเลือกตั้งปี 70 เราจะขับเคลื่อนพรรคในฐานะที่เป็นพรรคอนุรักษ์นิยมทันสมัย และยึดมั่นในสถาบันพระมหากษัตริย์”

นายชัยมงคล เปิดเผยด้วยว่า ในขณะนี้มีผู้สมัครที่แสดงความต้องการจะเข้ามาร่วมงานกับพรรคพลังประชารัฐอีกจำนวนมาก ซึ่งคาดว่าจะมีการทยอยเปิดตัวอย่างต่อเนื่อง เช่น สัปดาห์หน้าจะเป็นผู้สมัครของภาคใต้ รวมถึงมีอีกหลายพื้นที่ที่อยู่ระหว่างการพิจารณาของคณะกรรมการบริหารพรรค เราต้องการคนดี คนที่ยินดีจะรับใช้ประชาชน ยืนอยู่เคียงข้างประชาชนเพื่อมาเป็นตัวแทนของพรรค

ทั้งนี้ ว่าที่ผู้สมัครทั้ง 14 คน ได้แก่ 1.นายสุชาติ ศรีสังข์
มหาสารคาม 2.นายโกศล คาดพันโน มหาสารคาม  เขต 5 3.ดร.อรทัย พลวิเศษ นครราชสีมา เขต 6 4.นส.กัญจน์พร วงศ์เวไนย ร้อยเอ็ด เขต4 5.นายชานุวัฒน์ วรามิตร
กาฬสินธุ์  เขต 5 6.นส.ปภาสิริ ศรีตะบุตร หนองคาย  เขต 2 7.นายประพันธ์ คนหาญ มุกดาหาร เขต 2 8.ดร. วารุณี งอยผาลา สกลนคร  เขต 2 9.ดร. สมชอบ นิติพจน์
นครพนม  เขต 4 10.นายวุฒิพงษ์ ศิริสถิตย์ หนองบัวลำภู
11.นายธีระยุทธ รัศมี สกลนคร 12.นางรุ้งลาวัลย์ คำมุงคุณ อุดรธานี 13.นายโกเมนทร์ ทีฆธนานนท์ อุดรธานี
14.นายพินิตเมธ ทีฆธนานนท์ สกลนคร

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 4 มีนาคม 2568

“เลขาฯ ไพบูลย์”เผย “พล.อ.ประวิตร”เตรียมอภิปรายไม่ไว้วางใจด้วยตัวเอง มั่นใจ ข้อมูลสามารถสั่นคลอนรัฐบาล กระทบความมั่นคง นายกฯแน่นอน

,

“เลขาฯ ไพบูลย์”เผย “พล.อ.ประวิตร”เตรียมอภิปรายไม่ไว้วางใจด้วยตัวเอง มั่นใจ ข้อมูลสามารถสั่นคลอนรัฐบาล กระทบความมั่นคง นายกฯแน่นอน

วันที่ 4 มี.ค. เวลา 13.00 น.ที่พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.)นายไพบูลย์ นิติตะวัน เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ เปิดเผยถึงกรณีการเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจที่จะเกิดขึ้นในเร็วๆนี้  ว่า  พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ สส.บัญชีรายชื่อ ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ จะร่วมในการอภิปรายไม่ไว้วางใจในครั้งนี้ด้วย  โดยจะเป็นผู้อภิปรายต่อจากผู้นำฝ่ายค้าน ซึ่งจะเป็นการพูดในภาพรวม ส่วนจะหยิบยกประเด็นใดขึ้นมานั้น ขอให้รอฟังในวันที่ 24 มีนาคมนี้

ส่วนประเด็นที่พรรคพลังประชารัฐจะนำไปอภิปรายนั้น อาทิ คดีสนามกอล์ฟอัลไพน์ กาสิโน Mou 2544 และเรื่องชั้น 14 ของโรงพยาบาลตำรวจ ส่วนบุคคลที่จะร่วมอภิปรายนั้นจะแจ้งให้ทราบต่อไป โดยเบื้องต้นพรรคได้รับการจัดสรรเวลา 2 ชั่วโมงในการอภิปราย เรามั่นใจว่าข้อมูลจะสามารถสั่นคลอนรัฐบาลได้ และเชื่อว่านายกรัฐมนตรีหวั่นไหวแน่นอน ขอให้รอดูการอภิปรายนั้นจะมีผลต่อความมั่นคงของตัวนายกรัฐมนตรีแน่นอน

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 4 มีนาคม 2568

“รองโฆษก พปชร.”เผย พร้อมลุยศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจ ขอประชาชนรอฟังข้อมูล เชื่อเป็นประโยชน์ต่อประเทศแน่นอน

,

“รองโฆษก พปชร.”เผย พร้อมลุยศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจ ขอประชาชนรอฟังข้อมูล เชื่อเป็นประโยชน์ต่อประเทศแน่นอน

เมื่อวันที่ 4 มี.ค.เวลา 14.20 น.นายอัคร ทองใจสด สส.เพชรบูรณ์ เขต 6 ในฐานะรองโฆษกพรรคพลังประชารัฐ(พปชร.) แถลงผลการประชุมคณะกรรมการบริหารพรรค และคณะทำงานนโยบายและยุทธศาสตร์พรรค ที่มี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ สส.บัญชีรายชื่อ ในฐานะหัวหน้าพรรค เป็นประธานว่า ที่ประชุมได้มีการหารือเพื่อเตรียมความพร้อมที่จะร่วมการอภิปรายไม่ไว้วางใจเพื่อตรวจสอบการบริหารราชการของนายกรัฐมนตรี ในวันที่ 24 มีนาคม โดยพรรคได้เตรียมรายชื่อบุคคลพร้อมทั้งประเด็นสาระสำคัญในการขึ้นอภิปราย ตามที่นายไพบูลย์ นิติตะวัน เลขาพรรคพลังประชารัฐ ได้ชี้แจงต่อสื่อมวลชนไปแล้ว

ทั้งนี้ พรรคพลังประชารัฐได้กรอบระยะเวลาในการอภิปรายจำนวน  2 ชั่วโมง ยืนยันว่า เรามีข้อมูลที่เป็นความจริง และเป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติและพี่น้องประชาชนในการตรวจสอบการทำงานของนายกรัฐมนตรี ซึ่งก็ขอให้ประชาชนรอติดตามฟังการอภิปรายของพรรคพลังประชารัฐในครั้งนี้ด้วย

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 4 มีนาคม 2568

“พล.อ.ประวิตร”อวยพรพี่น้องมุสลิม เนื่องในโอกาสเดือนรอมฎอน ปีฮิจเราะห์ศักราช 1446 ขอส่งความปรารถนาดี ให้ประสบผลสำเร็จ

,

“พล.อ.ประวิตร”อวยพรพี่น้องมุสลิม เนื่องในโอกาสเดือนรอมฎอน ปีฮิจเราะห์ศักราช 1446 ขอส่งความปรารถนาดี ให้ประสบผลสำเร็จ

วันนี้ (1 มี.ค.) พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ขออวยพรถึงพี่น้องชาวไทยมุสลิมในประเทศไทย และทั่วโลก เนื่องในโอกาสเข้าสู่เดือนรอมฎอนอันประเสริฐ ปีฮิจเราะห์ศักราช 1446 ว่า พรรคพลังประชารัฐ ขอส่งความปรารถนาดีแด่พี่น้องชาวไทยมุสลิมทุกท่าน ขอให้ท่านและครอบครัวประสบแต่ความสุข มีสุขภาพแข็งแรงทั้งกายใจ และมีความสำเร็จในการปฏิบัติภารกิจถือศีลอดในเดือนรอมฎอนอันเป็นเดือนประเสริฐที่สุดของปี 

“ผมและสมาชิกพรรค พปชร.ขออวยพรให้พี่น้องมุสลิมทุกท่านประกอบศาสนกิจ ถือศีลอดในเดือนรอมฎอนนี้ได้บรรลุผลสำเร็จอย่างครบถ้วนสมบูรณ์ ประสบแต่ความสุข ความเจริญรุ่งเรือง มีสุขภาพร่างกายแข็งแรง และสมความปรารถนาในสิ่งที่มุ่งหวังไว้ทุกประการ“พล.อ.ประวิตร  กล่าว

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 1 มีนาคม 2568

“สส.สุธรรม”จี้ ขยายผลจับกุมเครือข่ายค้ายาใน จ. นครศรีธรรมราช วอนเลิกยกย่องพวกค้า แล้วหันมาดูแลลูกหลานให้ปลอดภัย

,

“สส.สุธรรม”จี้ ขยายผลจับกุมเครือข่ายค้ายาใน จ. นครศรีธรรมราช วอนเลิกยกย่องพวกค้า แล้วหันมาดูแลลูกหลานให้ปลอดภัย

เมื่อวันที่ 28 ก.พ.นายสุธรรม จริตงามสส.นครศรีธรรมราช พรรคพลังประชารัฐ(พปชร.) กล่าวหารือในที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรถึงปัญหาการระบาดของยาเสพติดในพื้นที่ อำเภอทุ่งสง จังหวัดนครศรีธรรมราช ซึ่งมีอัตราการระบาด และ เป็นอันตรายต่อสังคมและความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชนมากขึ้นทุกวัน โดยเมื่อวันที่ 30 ส.ค.67 ได้มีการจับกุมผู้ค้ายาบ้าในพื้นที่ตำบลกะปาง อำเภอทุ่งสงได้ของกลางเป็นยาบ้ากว่า 1.9 ล้านเม็ด

นายสุธรรม กล่าวต่อว่า ในขณะนี้ได้มีข่าวการจับกุมอย่างต่อเนื่อง เช่น เมื่อวันที่ 6 ก.พ.ที่ผ่านมา ได้มีการจับกุมยาบ้าในพื้นที่ตำบลหนองหงส์ อำเภอทุ่งสง ได้ของกลางเป็นยาบ้าจำนวน 600,000 เม็ด และ วันที่ 19 ก.พ.ได้มีชายคลั่งยาบ้าอาละวาด โดยนายปิยะ แก้วคุ้มภัย ผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 9 ตำบลหนองหงส์ ได้พยายามระงับเหตุ แต่กลับถูกชายคนดังกล่าว ฟันแขนเกือบขาด และชายคนดังกล่าว ก็ได้โดนตำรวจวิสามัญจนเสียชีวิตคาที่เกิดเหตุ

“ผมอยากฝากไปยังสำนักงานตำรวจแห่งชาติ, ปปส.และกรมการปกครองว่า หลังจากการจับกุม 2 ครั้ง ดังกล่าว ได้มีการขยายผลไปถึงตัวการใหญ่ ที่อยู่เบื้องหลัง ขบวนการค้ายาบ้าในพื้นที่ อำเภอทุ่งสง และ อำเภอ
ใกล้เคียงในจังหวัดนครศรีธรรมราช มากแค่ไหน เพราะปัญหาเหล่านี้เป็นปัญหาคุกคาม และ ปัญหาใหญ่หลวง ต่ออนาคตของประเทศชาติ ซึ่งมีเยาวชนในพื้นที่ติดยาเสพติดเป็นจำนวนมาก”

นายสุธรรม กล่าวทิ้งท้าย ตนขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการแก้ไขและขอให้เลิกยกย่องให้เกียรติพวกค้ายาเสพติด พวกที่ร่ำรวย โดยไม่มีที่มาที่ไป แล้วหันมาดูแลลูกหลานของท่านให้ปลอดภัยจากยาเสพติด

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 28 กุมภาพันธ์ 2568

“สส.วรโชติ”ขอสำนักวิจัยต่าง ๆ เร่งพันธุ์อะไรของมันสำปะหลัง อ้อย ข้าวโพด ที่สามารถลดต้นทุน ได้ผลผลิตรวดเร็ว เพื่อแก้ไขปัญหาให้เกษตรกร

,

“สส.วรโชติ”ขอสำนักวิจัยต่าง ๆ เร่งพันธุ์อะไรของมันสำปะหลัง อ้อย ข้าวโพด ที่สามารถลดต้นทุน ได้ผลผลิตรวดเร็ว เพื่อแก้ไขปัญหาให้เกษตรกร

เมื่อวันที่ 27 ก.พ.นายวรโชติ สุคนธ์ขจร สส.เพชรบูรณ์ เขต 4 พรรคพลังประชารัฐ(พปชร.) กล่าวหารือในที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรถึงเรื่องพันธุ์พืชผลเกษตรต่างๆ ว่า ตนอยากให้สำนักวิจัยต่างๆ ที่ได้รับงบประมาณไปทุกๆปี พิจารณาว่า มีพันธุ์มันสำปะหลัง อ้อย ข้าวโพด ที่สามารถลดต้นทุน แล้วมีผลผลิตได้ระยะเวลารวดเร็ว เพื่อแก้ไขปัญหาพี่น้องประชาชน ต้องฝากเรื่องนี้ไปยังหน่วยงาน
ที่เกี่ยวข้องด้วย

นายวรโชติ กล่าวต่อว่า ตนได้หารือในที่ประชุมสภาแห่งนี้ เมื่อปี พ.ศ 2566 เกี่ยวกับถนนเส้น 1205 อำเภอชนแดน ถึงอำเภอวังโป่ง บัดนี้ได้รับการแก้ไขแล้ว ต้องขอขอบพระคุณกระทรวงคมนาคม โดยเฉพาะแขวงบึงสัมพันธ์ ที่ได้จัดสรรงบประมาณ และเข้าไปดูแลพี่น้องประชาชนอำเภอวังโป่งเป็นอย่างดี แต่เมื่อวันนี้ได้รับการแก้ไขขยายสะพานแล้ว ก็ขอให้ทำเกาะกลาง ที่มีอุบัติเหตุบ่อย พร้อมทั้งติดตั้งไฟส่องสว่างรายทางให้กับพี่น้องประชาชน ของถนนเส้น 1301

นอกจากนี้ยังมีปัญหาเรื่องไฟฟ้าในจังหวัดเพชรบูรณ์ วันนี้ต้องยอมรับว่า ทำงานได้รวดเร็ว ในการดำเนินการแก้ไขปัญหาต่างๆ ให้พี่น้องประชาชน ได้มีการเข้าไปประชาสัมพันธ์ให้พี่น้องได้รับทราบว่า จะมีการเริ่มดำเนินการเมื่อไหร่ จะทำตอนไหน ช่วงไหน ซึ่งเป็นเรื่องที่ดี จึงต้องชม เพราะผู้นำจะได้เป็นประสานกับประชาชนว่า จะต้องตัดไฟเมื่อไหร่ จะต้องดับไฟเมื่อไหร่ จะทำอะไรบ้างวันนี้อำเภอวังโป่ง ก็ได้รับอานิสงส์ที่จะขยายเฟสไฟใหม่ เพื่อป้องกันปัญหาไฟตก ที่ตนเคยหารือในสภาแห่งนี้ไว้ต้องกราบขอบพระคุณท่านประธานสภาผ่านไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 27 กุมภาพันธ์ 2568

“สส.กระแสร์” ขอไฟสัญญาณจราจรให้ชาวหนองคาย ชี้จะขยายถนนเป็น 8 เลนก็ได้ แต่ขอให้มีแสงสว่างให้ประชาชนใช้ระหว่างสัญจร

,

“สส.กระแสร์” ขอไฟสัญญาณจราจรให้ชาวหนองคาย ชี้จะขยายถนนเป็น 8 เลนก็ได้ แต่ขอให้มีแสงสว่างให้ประชาชนใช้ระหว่างสัญจร

เมื่อวันที่ 26 ก.พ.นายกระแสร์ ตระกูลพรพงศ์ สส.หนองคาย เขต 1 พรรคพลังประชารัฐ(พปชร.) กล่าวหารือในที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรว่า ตนได้รับการร้องเรียนจากพี่น้อง ชาวหนองคาย โดยเฉพาะที่อำเภอซับไทย บ้านน้ำสวย ว่า ถนนมิตรภาพหนองคาย ระหว่างจังหวัดอุดรธานี – จังหวัดหนองคาย มีการก่อสร้างสะพานเชื่อมระหว่าง อำเภอสระใคร บริเวณบ้านน้ำสวย และ บ้านถิ่น ของอำเภอเพ็ญ จังหวัดอุดรธานี ซึ่งก่อนจะเข้าสู่จังหวัดหนองคาย ที่สะพานลำน้ำสวย จะมีรูปพญานาค ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของพี่น้องชาวจังหวัดหนองคาย แต่ถ้ามีสะพานข้ามระหว่างบ้านถิ่นไปหาบ้านน้ำสวย จะบดบัง ทัศนียภาพ ความสวยสดงดงาม จึงขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาในเรื่องนี้ด้วย

“ความต้องการของพี่น้องประชาชนชาวจังหวัดหนองคาย ขอให้มีไฟสัญญาณจราจร ระหว่างทางสัญจรไปมาทาง เพราะเดี๋ยวนี้ถนนเป็น 6 เลน จะขยายเป็น 8 เลนก็ได้ และอีกอย่าง รถไฟความเร็วสูง เฟสที่ 2 ระยะที่ 2 จากโคราชมาสู่ขอนแก่น และมาสู่จังหวัดหนองคายนั้นก็จะทำการก่อสร้างในเร็วๆนี้ เพื่อเป็นทางเลือกอีกทางหนึ่งให้ประชาชนที่จะเดินทางไปเข้าสู่ตัวจังหวัดหนองคาย“นายกระแสร์ กล่าว

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 26 กุมภาพันธ์ 2568

“พล.ต.ท.ปิยะ” เผยมติ พปชร.ร่าง พรบ.ศูนย์กลางการประกอบธุรกิจทางการเงิน ทุกวิถีทาง ฉะ โครงการแจกเงิน 10,000 สุดล้มเหลว หวังแค่ได้คะแนนเสียง

,

“พล.ต.ท.ปิยะ” เผยมติ พปชร.ร่าง พรบ.ศูนย์กลางการประกอบธุรกิจทางการเงิน ทุกวิถีทาง ฉะ โครงการแจกเงิน 10,000 สุดล้มเหลว หวังแค่ได้คะแนนเสียง

เมื่อวันที่ 25 ก.พ.เวลา 14.20 น.ที่พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) พล.ต.ท.ปิยะ ต๊ะวิชัย โฆษกพรรคพลังประชารัฐ แถลงภายหลังการประชุมคณะกรรมการบริหารพรรค และคณะทำงานนโยบายและยุทธศาสตร์พรรคที่มีพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรค เป็นประธานในที่ประชุมว่า ที่ประชุมได้พิจารณาถึงร่าง พ.ร.บ. ศูนย์กลางการประกอบธุรกิจทางการเงิน พ.ศ.ที่รัฐบาลจะเสนอให้สภาผู้แทนราษฎรพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง เนื่องจากการประชุมเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว พล.อ.ประวิตร ติดภารกิจต่างประเทศ จึงไม่ได้เข้าร่วมประชุม

วันนี้พล.อ.ประวิตรและกรรมการบริหารพรรคพลังประชารัฐ มีมติชัดเจนว่า เราจะคัดค้านร่างกฎหมายดังกล่าวทุกวิถีทาง เพราะในอนาคตจะกระทบต่อการบริหารจัดการด้านการเงินเป็นอย่างมาก เพราะจะไปจำกัดอำนาจตามมาตรา 26 ของธนาคารแห่งประเทศไทยของผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทยและเป็นการให้อำนาจคนกลาง ซึ่งจะถูกแต่งตั้งโดยนายกรัฐมนตรี ตลอดจนเสถียรภาพทางการเมืองก็จะถูกบั่นทอนโดยคณะกรรมการศูนย์กลางการประกอบธุรกิจทางการเงินที่จะนำเสนอนี้ “พล.ต.ท.ปิยะ กล่าว

พล.ต.ท.ปิยะ กล่าวต่อว่า ในที่ประชุมได้มีการรายงานผลการวิเคราะห์นโยบายแจกเงินสด 10,000 บาทของรัฐบาล น.ส.แพทองธาร ชินวัตร วงเงิน 1.88 ล้านบาท ในโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยมีการคาดหวังว่าจะทำให้จีดีพีของประเทศขึ้นไม่ต่ำกว่า 0.35% แต่การแจกเงินดังกล่าวไม่เป็นผลสำเร็จ จีดีพีสูงขึ้นเพียง 0.1% เท่านั้น จึงถือว่าโครงการนี้ประสบความล้มเหลว

“รัฐบาลไปกู้เงินมา เพื่อนำมาแจกประชาชน หวังที่จะสร้างคะแนนเสียง ซึ่งไม่มีรัฐบาลไหนที่ทำเช่นนี้ เพราะสถานการณ์การเงินของประเทศ ณ ปัจจุบันไม่สามารถเก็บรายได้ให้เพียงพอต่อรายจ่าย แต่รัฐบาลยังไม่ใส่ใจ ตัดสินใจกู้เงินมาทำโครงการประชานิยมเช่นนี้อีก  ทำให้ประชาชนกว่า 60 ล้านคนต้องแบกภาระหนี้สิ้นที่รัฐบาล ก่อขึ้นโดยไม่เกิดประโยชน์ในภาพรวมของประเทศแต่อย่างใด” พล.ต.ท.ปิยะ กล่าว

ที่มา ทีมประชาสัมพันธ์
วันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2568

“ธีระชัย” ซัด นโยบายเรือธงแจกเงิน 10,000 ล้มเหลวกระตุ้นไม่ถึงเป้า GDP แทบไม่ขยับ ชี้ ประชาชนเอาไปโปะหนี้ เก็บออม แทนการจับจ่าย เสียโอกาสใช้งบเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน

,

“ธีระชัย” ซัด นโยบายเรือธงแจกเงิน 10,000 ล้มเหลวกระตุ้นไม่ถึงเป้า GDP แทบไม่ขยับ ชี้ ประชาชนเอาไปโปะหนี้ เก็บออม แทนการจับจ่าย เสียโอกาสใช้งบเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน

เมื่อวันที่ 25 ก.พ.เวลา 14.10 น.ที่พรรคพลังประชารัฐ นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ในฐานะประธานร่วมศูนย์นโยบายและวิชาการ พรรคพลังประชารัฐ แถลงข่าวถึงนโยบายแจกเงินสด 10,000 บาทของรัฐบาลแพรทองธาร ว่าเป็น “โครงการไม่ตอบโจทย์กระตุ้นเศรษฐกิจ” ใช้งบประมาณมหาศาล 1.85 แสนล้านบาท แต่เศรษฐกิจกลับ “ไม่ขยับ” พลาดเป้าหมาย หวั่นภาครัฐทุ่มงบไปเปล่าประโยชน์ ขณะที่ ประชาชนยังเผชิญปัญหาค่าครองชีพสูง-รายได้ต่ำ

นายธีระชัย ระบุว่า รัฐบาลหวังให้โครงการนี้กระตุ้น GDP โตเพิ่มขึ้น 0.35% แต่ผลที่เกิดขึ้นกลับ “น่าผิดหวัง” เศรษฐกิจไทยในไตรมาส 4/2567 โตเพียง 3.2% โตไม่ต่างจากไตรมาสก่อนหน้า (3.0%) เช่นเดียวกับการบริโภคเอกชนและการลงทุนรวมเกือบจะไม่โตเพิ่ม “แจกหนัก แต่ผลตอบแทนต่ำ ตัวคูณทางเศรษฐกิจต่ำเพียง 0.1-0.3 เท่า หมายความว่า รัฐบาลแจกเงินทั้ง สองเฟสรวม 185,552 ล้านบาท กลับสร้างการหมุนเวียนทางเศรษฐกิจไม่ถึง 60,000 ล้านบาท” นายธีระชัย กล่าวเพิ่มเติม

“ผลสำรวจจากสำนักสถิติแห่งชาติชี้ว่า ประชาชนกว่า 12.8% นำเงินที่ได้ไปใช้หนี้ และอีก 11.4% เก็บออม ขณะที่เงินที่เหลือถูกใช้จ่ายเพียงแค่ของจำเป็นในชีวิตประจำวัน เช่น อาหาร ค่าน้ำและค่าไฟฟ้า ซึ่งเป็นรายจ่ายที่ประชาชนต้องจ่ายอยู่แล้ว ทำให้ไม่เกิด “การบริโภคใหม่” ที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างแท้จริง นี่คือข้อผิดพลาดสำคัญ รัฐบาลหวังให้เงินไหลเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจ แต่ประชาชนนำไปโปะหนี้ เพราะรากเหง้าของปัญหาเศรษฐกิจที่แท้จริงคือค่าครองชีพสูง-รายได้ไม่พอใช้-หนี้ครัวเรือนพุ่ง รัฐบาลมองข้ามจุดนี้ ทำให้เงินที่แจกไป ‘หายวับ’ ไม่ช่วยสร้างความแข็งแกร่งให้เศรษฐกิจ” นายธีระชัย กล่าว

นายธีระชัย ตั้งคำถามว่า ทำไมไม่ใช้งบมหาศาลนี้ไปกับโครงการที่ยกระดับศักยภาพประเทศ เช่น โครงการพัฒนาทักษะแรงงาน (Upskill/Reskill) หรือโครงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานที่จะสร้างงานและรายได้ระยะยาว มากกว่าการแจกเงินแล้วจบไป? หรือแม้กระทั่งใช้งบประมาณเพื่อแก้ไขปัญหาราคาข้าวเปลือกที่ตกต่ำในขณะนี้

นายธีระชัย ยังกล่าวถึงกรณีที่ 2 รัฐมนตรีช่วยกระทรวงการคลัง ที่ออกมาแถลงข่าวยืนยันจะแจกเฟสสาม แต่จะแจกเป็นเงินดิจิทัล น่าสงสัยว่าเป็นแผนการเพื่อปลอบใจคนที่รอ 16 ล้านคนหรือเปล่า เพราะไม่แจ้งให้ประชาชนทราบว่ากระทรวงคลังได้หารือกับ ธปท. เพื่อแก้ปัญหาตามกฎหมายว่าด้วยเงินตราและกฎหมายว่าด้วยระบบ การชำระเงินเรียบร้อยแล้วหรือยัง ถ้าไม่ยอมหารือ ก็อาจจะเป็นเพียงสร้างความหวังแก่คน 16 ล้านคนให้รอไปก่อน

ที่มา ทีมประชาสัมพันธ์
วันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2568

“พล.อ.ประวิตร” สวมเสื้อให้รองหัวหน้าพรรคคนล่าสุด “สุรเดช ยะสวัสดิ์” เผย พร้อมรับผิดชอบภาคเหนือตอนบน และช่วยงานพรรคอย่างเต็มที่

,

“พล.อ.ประวิตร”  สวมเสื้อให้รองหัวหน้าพรรคคนล่าสุด “สุรเดช ยะสวัสดิ์” เผย พร้อมรับผิดชอบภาคเหนือตอนบน และช่วยงานพรรคอย่างเต็มที่

เมื่อวันที่ 25 ก.พ.2568 เวลา 14.00 น.พรรคพลังประชารัฐ นำโดย พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรค พร้อมด้วย นายสันติ พร้อมพัฒน์ รองหัวหน้าพรรค และนายไพบูลย์ นิติตะวัน เลขาธิการพรรค ร่วมแถลงข่าวเปิดตัว นายสุรเดช ยะสวัสดิ์ อดีตประธานคณะกรรมาธิการการท่องเที่ยวและกีฬา วุฒิสภา อดีตสมาชิกวุฒิสภาจังหวัดพะเยา อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ได้เข้าร่วมงานกับพรรคพลังประชารัฐในฐานะ รองหัวหน้าพรรค ที่จะมารับผิดชอบพื้นที่ภาคเหนือตอนบน

โดยนายสุรเดช กล่าวว่าตนมีความเคารพนับถือ ท่านพล.อ.ประวิตรมานานแล้ว แต่ยังไม่มีโอกาสเข้ามาร่วมงานกับท่าน ครั้งนี้ก็ถือว่าได้รับโอกาสให้มาร่วมงานกับพรรคพลังประชารัฐ โดยตนจะมาช่วยดูแลหาผู้สมัครรับเลือกตั้งในพื้นที่ภาคเหนือตอนบน เนื่องจากตนเคยเป็น สวในจังหวัดพะเยาอยู่เขตภาคเหนือตอนบน และในส่วนภาคอื่น ๆ หากพล.อ.ประวิตร คิดว่า ตนพอเป็นประโยชน์ต่อพรรคพลังประชารัฐ ตนก็ยินดีที่จะช่วยงานของพรรคอย่างเต็มที่

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์
วันที่: 25 กุมภาพันธ์ 2568

“ชัยมงคล”ซัด รัฐบาลสิ้นคิด ! เปิดบ่อนพนันมอมเมา ปชช.ไร้หนทางหาเงินเข้าประเทศ ท้า“เพื่อไทย”หาเสียงปี 70 ชู นโยบาย”เลือกเรา ได้บ่อน“จะได้รู้ ปชช.คิดยังไง

,

“ชัยมงคล”ซัด รัฐบาลสิ้นคิด ! เปิดบ่อนพนันมอมเมา ปชช.ไร้หนทางหาเงินเข้าประเทศ ท้า“เพื่อไทย”หาเสียงปี 70 ชู นโยบาย”เลือกเรา ได้บ่อน“จะได้รู้ ปชช.คิดยังไง

นายชัยมงคล ไชยรบ สส.สกลนคร เขต 5 และรองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ(พปชร.)กล่าวถึงร่างพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร พ.ศ. …ว่า เรื่องการเปิดบ่อนกาสิโนในประเทศไทยเป็นเรื่องใหญ่และมีผลกระทบกับสังคมเป็นวงกว้าง ดังนั้น พรรคพลังประชารัฐจึงต้องนำข้อเสียหากมีบ่อนกาสิโดนเกิดขึ้นในประเทศไทยมาเปิดเผยและสร้างความเข้าใจให้กับประชาชน เพราะรัฐบาลไม่เคยพูดถึง มีแต่โฆษณาหลอกลวงว่า ประเทศจะดีแบบนั้นแบบนี้ ทั้งที่ความจริงแล้วประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ก็ได้เตือน น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีไทยแล้วว่า เอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ อาจจะนำไปสู่ปัญหาต่างๆ แต่รัฐบาลไทยก็ไม่เคยสนใจคำแนะนำเหล่านั้น

นายชัยมงคล กล่าวต่อว่า เอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ แบ่งเป็น 2 ส่วน คือส่วนบนดินกับใต้ดิน ตนไม่ขัดข้องกับโครงการเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ที่จะเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวที่ครบวงจร มีโรงแรม ร้านอาหาร สถานบันเทิง แต่มันมีบ่อนกาสิโนรวมอยู่ด้วย ถึงรัฐบาลจะพยายามบอกว่ากาสิโนจะมีพื้นที่เพียง 10% แต่ต้องยอมรับว่า มันคือหัวใจที่เป็นหลักของโครงการนี้ ที่จะนำมาซึ่งปัญหายาเสพติด อาชญากรรมในสังคม ปัญหาเศรษฐกิจ ครอบครัว อีกมาก ท้ายที่สุด กาสิโนก็คือแหล่งที่นายทุนจะมาทำธุรกิจเพื่อดูดเฃินไปจากคนจน ทำให้คนไทยติดการพนันมากขึ้นไปอีก ไม่แตกต่างจากกอง
สลากกินแบ่งรัฐบาล ที่เริ่มต้นก็บอกว่าจะเอาเงินที่ได้ไปพัฒนาประเทศตรงนั้น ตรงนี้ แต่ทุกวันนี้รูปธรรมที่ได้คืออะไร

“วันนี้ผมมองว่า รัฐบาลสิ้นคิดที่จะหาเงินจากการพนันแล้วนำมาพัฒนาประเทศ แทนที่จะไปคิดนโบายอื่นที่มั่นคงและยั่งยืน สร้างให้ประชาชนมีรายได้มากขึ้น เพื่อแก้ปัญหาเศรษฐกิจจึงหาทางออกด้วยการเปิดบ่อนพนัน มอมเมาประชาชน สร้างปัญหาให้สังคม ถ้าคิดจะทำจริง ๆ ให้ไปเปิดที่ จ.หนองบัวลำภู ที่ไม่ใช่จังหวัดท่องเที่ยว ประชาชนไม่มีรายได้ ไม่ใช่มาเปิดที่เชียงใหม่ ภูเก็ต พื้นที่ ๆ มีนักท่องเที่ยวจำนวนมากอยู่แล้ว นี่ไม่ใช่วิธีแก้ปัญหาของคนที่จะมาบริหารประเทศ“นายชัยมงคล กล่าว

นายชัยมงคล กล่าวต่อว่า ตนขอเรียกร้องให้พรรคร่วมรัฐบาลทุกพรรคคำถึงกับอนาคตของลูกหลานและประเทศไทย ช่วยกันหยุดยั้งร่าง พรบ.ฉบับนี้ และถ้าหากพรรคเพื่อไทยอยากเปิดบ่อนการพนันเสรีในประเทศไทยมากนัก ก็ขอให้อดใจรอการหาเสียงปี 2570 ขอให้ท่านชูเรื่องบ่อนเป็นนโยบายเรือธงไปเลยว่า ถ้าใครเลือกพรรคไทยเป็นรัฐบาล ประเทศไทยจะมีบ่อนทันที ! ตนก็อยากทราบเหมือนกันว่า จะมีประชาชนสักกี่คนที่เขาจะเลือกท่าน

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์
วันที่: 24 กุมภาพันธ์ 2568