โลกเปลี่ยน ไทยต้องปรับ ทางเลือกใหม่ของการเมืองไทย ก้าวข้ามความขัดแย้ง สานพลังประชาราษฎร์ ร่วมสร้างชาติให้ยั่งยืน

หมวดหมู่: กิจกรรม ส.ส. และสมาชิก

“สส.บุญชัย” ร่วมงานโครงการคลินิกเกษตรเคลื่อนที่ในพระราชานุเคราะห์ จ.เพชรบูรณ์ ชี้ เป็นกิจกรรมที่ให้ โอกาสเกษตรกรเข้าถึงการบริการทางการเกษตรอย่างครบวงจร

,

“สส.บุญชัย” ร่วมงานโครงการคลินิกเกษตรเคลื่อนที่ในพระราชานุเคราะห์ จ.เพชรบูรณ์ ชี้ เป็นกิจกรรมที่ให้ โอกาสเกษตรกรเข้าถึงการบริการทางการเกษตรอย่างครบวงจร

นายบุญชัย กิตติธาราทรัพย์ สส.เพชรบูรณ์ เขต 3 พรรคพลังประชารัฐ(พปชร.)เปิดเผยว่า ตนได้เข้าร่วมโครงการคลินิกเกษตรเคลื่อนที่ในพระราชานุเคราะห์ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช ฯ สยามมกุฎราชกุมาร เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคล เฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ ณ องค์การบริหารส่วนตำบลทุ่งสมอ อำเภอเขาค้อ จังหวัดเพชรบูรณ์ ซึ่งโครงการคลินิกเกษตรเคลื่อนที่ในพระราชานุเคราะห์ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร เป็นการแก้ไขปัญหาให้กับพี่น้องเกษตรกรในพื้นที่ ถือเป็นโครงการที่มีความสำคัญ ในการให้บริการและแก้ไขปัญหาทางการเกษตร

นายบุญชัย กล่าวต่อว่า ต้องขอบคุณกระทรวงเกษตรฯที่ให้ความสำคัญกับเกษตรกรและประชาชนในพื้นที่ห่างไกล โดยเป็นการขยายโอกาสให้เกษตรกรสามารถเข้าถึงการบริการทางการเกษตรอย่างครบวงจร โดยเป็นการบูรณาการความร่วมมือระหว่างหน่วยงานวิชาการ หน่วยงานส่งเสริม และ ศูนย์เรียนรู้การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตสินค้าเกษตร (ศพก.) ในการให้บริการและแก้ไขปัญหาทางการเกษตร ประกอบด้วย กิจกรรมคลินิกดิน , คลินิกพืช , คลินิกปศุสัตว์ , คลินิกประมง , คลินิกชลประทาน , คลินิกสหกรณ์ , คลินิกตรวจบัญชี , คลินิกกฎหมาย , คลินิกข้าว , คลินิกหม่อนไหม , คลินิกยางพารา และ คลินิกส่งเสริมการเกษตร

ทั้งนี้ ยังมีกิจกรรมของชมรมอโวคาโดเขาค้อ มีการสาธิต การเปลี่ยนยอดพันธุ์ดี จำหน่ายต้นพันธุ์ โรงเรียนสะเดาะพงษ์มิตรภาพ ที่ 229 สวนอโวคาโดไอริณเขาค้อ และ กลุ่มโรงเรียนสร้างสุขผู้สูงอายุทุ่งสมอ จำหน่ายผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรอีกด้วย

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 14 มิถุนายน 2567

“สส.ชนนพัฒฐ์” จับมือแม็คโคร-โลตัส เปิดช่องทางจัดจำหน่ายเมลอนสีทอง ช่วยเกษตรกรสร้างรายได้เพิ่ม พร้อมสร้างชื่อเสียงตีตราสินค้าเกษตรประจำถิ่น

,

“สส.ชนนพัฒฐ์” จับมือแม็คโคร-โลตัส เปิดช่องทางจัดจำหน่ายเมลอนสีทอง ช่วยเกษตรกรสร้างรายได้เพิ่ม พร้อมสร้างชื่อเสียงตีตราสินค้าเกษตรประจำถิ่น

นายชนนพัฒฐ์ นาคสั้ว สส.สงขลา เขต 4 พรรคพลังประชารัฐ(พปชร.) เปิดเผยว่า ตนได้ร่วมหารือกับ เกษตรกรผู้ปลูกเมล่อนสีทองในพื้นที่ตำบลพังยาง พร้อมด้วยเกษตรจังหวัดสงขลา เกษตรอำเภอ
ศูนย์ค้าส่งแม็คโคร และห้างสรรพสินค้าโลตัส ในการนำผลผลิตทางการเกษตรในฤดูกาลเก็บเกี่ยวหน้า เข้าไปจัดจำหน่ายในศูนย์การค้าทั้งสองแห่ง ถือเป็นการเพิ่มช่องทางการจัดจำหน่าย และกระจายผลผลิตทางการเกษตร สร้างรายได้ให้เกษตรกรใน อ.ระโนด พร้อมทั้งเป็นการประชาสัมพันธ์สินค้าทางการเกษตรที่มีชื่อเสียงของอำเภออีกทางหนึ่งด้วย

“เมลอนสีทอง ของชาวสวน อ.ระโนด มีคุณภาพสูง เนื้อกรอบ หวานฉ่ำ เป็นที่ต้องการของตลาด ไม่แพ้แหล่งเพาะปลูกในพื้นที่อื่น จัดได้ว่าอร่อยที่สุดในประเทศ ผมเห็นว่า การดึงห้างสรรพสินค้าชั้นนำทั้ง 2 แห่งมาเป็นช่องทางการจัดจำหน่ายให้เกษตรกรแล้ว ยังจะเพิ่มช่องทางเข้าถึงเพื่อสร้างชื่อเสียงให้กับเมลอนสีสอง ของอำเภอระโนด เป็นการยกระดับให้เป็นที่รู้จักมากขึ้นได้อย่างรวดเร็ว“ นายชนนพัฒฐ์ กล่าว

นายชนนพัฒฐ์ กล่าวต่อว่า ตนในฐานะ สส.ในพื้นที่ พร้อมเดินหน้าแก้ไขปัญหาให้กับประชาชน เพื่อทุกคนจะได้มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ทั้งในด้านการประกอบอาชีพให้สามารถสร้างรายได้ที่มั่นคง ซึ่งในการดึงห้างยักษ์เข้ามาช่วยเหลือพี่น้องเกษตรกร ให้มีช่องการตลาดมากขึ้น เป็นผลมาจากความร่วมมือจากทุกฝ่าย และตนต้องขอขอบคุณเกษตรจังหวัดสงขลาและเกษตรอำเภอ ที่เข้าช่วยประสานงานและสนับสนุนจนประสบความสำเร็จ

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 12 มิถุนายน 2567

“สันติ” รมช.สธ.เปิดศูนย์เวลเนส รพ.ห้วยเกิ้ง หนุนแพทย์แผนไทยผสมผสานฟื้นฟูสุขภาพ ปชช.

,

“สันติ” รมช.สธ.เปิดศูนย์เวลเนส รพ.ห้วยเกิ้ง หนุนแพทย์แผนไทยผสมผสานฟื้นฟูสุขภาพ ปชช.

เมื่อวันที่ 11 มิถุนายน 2567 นายสันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธานเปิดงานมหกรรมสุขภาพ การแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือกและเปิดอาคาร Wellness Center โรงพยาบาลห้วยเกิ้ง จ.อุดรธานี เพื่อบูรณาการงานรักษาแบบบูรณาการด้วยทีมสหวิชาชีพในการฟื้นฟูและปรับสมดุลในร่างกายด้วยศาสตร์การแพทย์แผนไทย การแพทย์ผสมผสานแลบองค์รวม พร้อมเยี่ยมชมบูธนิทรรศการ และให้กำลังใจเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลห้วยเกิ้งตามจุดต่างๆ อาทิ บูธนิทรรศการการแพทย์แผนไทย , บูธนิทรรศการการให้ความรู้ด้านยาเสพติดให้ , บูธนิทรรศการผลิตภัณฑ์ด้านสมุนไพร , บูธนิทรรศการวิสาหกิจชุมชน , บูธนิทรรศการการแพทย์พื้นบ้านภูมิปัญญาไทย และเยี่ยมชมโรงผลิตยาสมุนไพรที่ได้มาตรฐานของโรงพยาบาล

นายสันติ กล่าวว่า กระทรวงสาธารณสุขขับเคลื่อนนโยบาย 5 + 5 เพื่อเร่งรัดพัฒนาสานต่อ โดยการยกกระดับมาตรฐานการแพทย์แผนไทยและผลิตภัณฑ์สมุนไพร ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของนโยบายเศรษฐกิจสุขภาพ ซึ่งเป็น 1 ใน 5 นโยบายที่จะเร่งพัฒนาให้เห็นผลเป็นรูปธรรม โดยเฉพาะเรื่องสุขภาพอนามัยที่ครอบคลุมงานด้านการส่งเสริมสุขภาพ การป้องกันโรค การรักษาโรค และการฟื้นฟูสมรรถภาพ โดยนำเวชศาสตร์วิถีชีวิตแบบบูรณาการ สู่การดูแลสุขภาพประชาชนในทุกพื้นที่ และช่วยเหลือสนับสนุนการบริหารงานของโรงพยาบาล ตลอดจนพัฒนาบุคลากรให้มีความรู้ ความสามารถเพื่อให้ประชาชนได้รับการบริการที่มีคุณภาพได้มาตรฐาน

“ปัจจุบันความต้องการใช้บริการด้านการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือกมีจำนวนมาก และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น จึงจำเป็นต้องมีการขยายบริการให้ครอบคลุมทุกมิติ โดยโรงพยาบาลห้วยเกิ้ง ซึ่งเป็นโรงพยาบาลนำร่องด้านการแพทย์แผนไทย และการแพทย์ผสมผสาน เพื่อส่งเสริมให้ประชาชนมีสุขภาพดีจนเป็นที่ยอมรับ ให้บริการตรวจสุขภาพโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ มีทีมสหวิชาชีพคอยดูแล ให้คำแนะนำแก่ผู้ใช้บริการในทุกขั้นตอน โดยการบูรณาการทางการแพทย์ให้บริการทางทันตกรรมด้วยเครื่องมือที่ทันสมัย มีการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพด้วยเวชศาสตร์วิถีชีวิต และยังเป็นศูนย์ประสานงานเวชศาสต์ครอบครัวออกเยี่ยมบ้านด้วยทีมวิชาชีพ” นายสันติ กล่าว

นอกจากนี้ยังมีโรงผลิตยาสมุนไพรที่ผ่านการตรวจประเมินมาตรฐานการผลิตยาสมุนไพร WHO GMP มีการควบคุมคุณภาพเพื่อให้ได้ยาสมุไพรที่ได้มาตรฐานเพื่อใช้ในโรงพบาบาลและกระจายออกไปสู่ทุกโรงพยาบาลใน จ.อุดรธานี โดยผลิตภัณฑ์ที่ออกจำหน่ายได้แก่ น้ำมันนวด ยาดมสมุนไพร ลูกประคบสมุนไพร และสมุนไพรชนิดแคปซูน 5 ตำหรับ ได้แก่ ฟ้าทะลายโจร ขมิ้นชัน มะขามแขก เพชรสังฆาต และเถาวัลย์เปรียง นอกจากนี้ยังมีน้ำมันกัญชาขมิ้นทองสูตรเฉพาะของโรงพยาบาลอีกด้วย

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 12 มิถุนายน 2567

“สส.อัคร”จับมือ อบจ.เพชรบูรณ์ ลงพื้นที่แก้ปัญหาถนน ต.บึงกระจับ ชำรุด สร้างปัญหาในการขนถ่ายสินค้าเกษตร เผย ต้องเร่งทำก่อนถึงหน้าฝน

“สส.อัคร”จับมือ อบจ.เพชรบูรณ์ ลงพื้นที่แก้ปัญหาถนน ต.บึงกระจับ ชำรุด สร้างปัญหาในการขนถ่ายสินค้าเกษตร เผย ต้องเร่งทำก่อนถึงหน้าฝน

นายอัคร ทองใจสด สส.เพชรบูรณ์ เขต 6 พรรคพลังประชารัฐ(พปชร.)เปิดเผยว่า ตนได้ประสานงานร่วมกับองค์การบริหารส่วนจังหวัดเพชรบูรณ์ เพื่อลงพื้นที่สำรวจถนนที่ชำรุดเส้นกลางทุ่ง-ห้วยไผ่ เขตพื้นที่หมู่ 4 ต.ท่าโรง-ต.บึงกระจับ อ.วิเชียรบุรี ที่มีปัญหาในการขนถ่ายสินค้าในการเกษตร ซึ่งทางชาวบ้านได้ร้องเรียนความเดือดร้อนถนนเส้นการเกษตร ที่ ชาว ต.ท่าโรง และ ต.บึงกระจับ ที่ใช้ร่วมกัน เพื่อขนถ่ายสินค้าการเกษตรและเข้าสู่พื้นที่ทำการเกษตร

นายอัคร กล่าวต่อว่า การแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นองค์การบริหารส่วนจังหวัดเพชรบูรณ์ ได้ให้การสนับสนุนเครื่องจักรกล พร้อมเจ้าหน้าที่ให้กับ อบต.บึงกระจับ เพื่อดำเนินการซ่อมแซมถนนที่ชำรุดเส้นกลางทุ่ง-ห้วยไผ่ เขตพื้นที่หมู่ 9 บ้านโคกสามัคคี ตำบลบึงกระจับ อำเภอวิเชียรบุรี จังหวัดเพชรบูรณ์ ถือเป็นการร่วมบูรณาการแก้ไขปัญหาอย่างเร่งด่วน ก่อนจะถึงช่วงหน้าฝนที่สภาพจะแย่ไปมากกว่านี้ และตนจะได้เข้าไปติดตามปัญหาเพื่อวางแผนแก้ไขในระยะยาว

นอกจากนี้ ตนยังได้เข้าตรวจความคืบหน้าการดำเนินการขุดเจาะบ่อบาดาล ณ วัดกุ้งกั้งวราราม หมู่ 10 บ้านกุ้งกั้ง ตำบลโคกสะอาด อำเถอศรีเทพ จังหวัดเพชรบูรณ์ ที่องค์การบริหารส่วนจังหวัดเพชรบูรณ์ ได้สนับสนุนเครื่องจักรกลให้กับเทศบาลตำบลโคกสะอาดในการแก้ไขปัญหาให้กับประชาชนในพื้นที่

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 12 มิถุนายน 2567

“สส.อัครแสนคีรี” ร่วมกิจกรรมแนะแนวเยาวชน เร่งปรับตัวก้าวทันต่อโลกยุค AI ชี้ การบริหารเวลาที่ดีคือรากฐานของความสำเร็จ

“สส.อัครแสนคีรี” ร่วมกิจกรรมแนะแนวเยาวชน เร่งปรับตัวก้าวทันต่อโลกยุค AI ชี้ การบริหารเวลาที่ดีคือรากฐานของความสำเร็จ

นายอัครแสนคีรี โล่ห์วีระ สส.ชัยภูมิ เขต 7 พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เปิดเผยว่า ตนได้จัดกิจกรรมแนะแนวเทคนิคการดำเนินชีวิตให้กับนักเรียนโรงเรียนคอนสวรรค์ อ.คอนสวรรค์ จ.ชัยภูมิ ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เพื่อใช้เป็นแนวทางในการดำเนินชีวิต พร้อมทั้งสร้างองค์ความรู้ และภูมิคุ้มกันให้กับเยาวชนให้ก้าวทันต่อสถานการณ์ของโลกที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว

นายอัครแสนคีรี กล่าวต่อว่า การแนะแนวถือว่ามีบทบาทที่สำคัญเป็นอย่างมาก เพราะทำให้เยาวชนได้รับรู้ เข้าใจ และปรับตัวเองให้เข้ากับสังคมและยุคสมัยที่มีการเปลี่ยนแปลง โดยเฉพาะในเรื่องของเทคโนโลยีต่างๆ โดยได้แนะนำสิ่งที่เป็นประโยชน์และสามารถนำมาใช้เป็นเข็มทิศในการดำเนินชีวิตให้กับน้องๆ นักเรียน เช่น การใช้สื่อโซเชียลให้เกิดประโยชน์และเกิดรายได้ เช่น การไลฟ์สดขายสินค้า ซึ่งมีบุคคลที่ประสบความสำเร็จ อาทิ บังฮาซัน ผู้จำหน่ายสินค้าและอาหารทะเลตากแห้ง และพิมรี่พาย ผู้ขายสินค้าเบ็ดเตล็ด จนมีแบรนด์สินค้าเป็นของตัวเอง

นอกจากนี้ การเข้ามาของเอไอ AI ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในระบบการทำงาน เช่น ระบบข้าราชการ ระบบการศึกษา การหาคำตอบ โดยใช้โปรแกรม Generative AI เช่น Chat GpT จะง่ายกว่า Google ดังนั้น นักเรียนและคุณครู ควรต้องเริ่มศึกษา เพื่อให้นักเรียนก้าวทันต่อเทคโนโลยี และทำอย่างไรให้ได้ประโยชน์จาก AI

“กิจกรรมดังกล่าวต้องการให้เยาวชน ได้ปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว รวมถึงการใช้ชีวิต และการสร้างรายได้จากอาชีพเสริมให้กับตนเอง เพื่อเป็นการแบ่งเบาภาระให้กับครอบครัว เพราะทุกคนมีเวลา 24 ชั่วโมงเท่ากัน คนที่จัดสรรและบริหารเวลาได้ดี จะเป็นบุคคลที่ประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน และมีรายได้เข้ามาหลายทาง“

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 12 มิถุนายน 2567

“รมว.ธรรมนัส-รมช.อรรถกร“ ชัยลงพื้นที่จ.ชัยภูมิ พบเกษตรกรและปชช.มุ่ง แก้ไขปัญหาน้ำอย่างยั่งยืน พร้อมมอบโฉนดเพื่อการเกษตร สร้างอาชีพมั่นคง

“รมว.ธรรมนัส-รมช.อรรถกร“ ชัยลงพื้นที่จ.ชัยภูมิ พบเกษตรกรและปชช.มุ่ง แก้ไขปัญหาน้ำอย่างยั่งยืน พร้อมมอบโฉนดเพื่อการเกษตร สร้างอาชีพมั่นคง

ร้อยเอก ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พร้อมด้วย นายอรรถกร ศิริลัทธยากร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และผู้บริหารกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ลงพื้นที่พบปะเกษตรกรและประชาชนผู้ได้รับผลกระทบจากการก่อสร้างโครงการอ่างเก็บน้ำลำน้ำชี อันเนื่องมาจากพระราชดำริ ต.โคกสะอาด อ.หนองบัวระเหวจ.ชัยภูมิ ซึ่งการก่อสร้างโครงการดังกล่าว มีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาแหล่งน้ำต้นทุนสำหรับการเกษตร การอุปโภค-บริโภค และบรรเทาปัญหาอุทกภัยในพื้นที่ท้ายน้ำ มีระยะเวลาดำเนินการก่อสร้าง9 ปี (พ.ศ. 2562 – 2570) หากดำเนินการแล้วเสร็จ จะเป็นแหล่งน้ำต้นทุนสนับสนุนสถานีสูบน้ำด้วยไฟฟ้าตามลำน้ำชี ตั้งแต่บริเวณท้ายอ่างเก็บน้ำในพื้นที่จังหวัดชัยภูมิ จนถึงจุดบรรจบลำน้ำพองในพื้นที่จังหวัดขอนแก่น มีพื้นที่รับประโยชน์ ช่วงฤดูฝน 75,000 ไร่ และฤดูแล้ง 30,000 ไร่ อีกทั้งยังเป็นแหล่งน้ำสำหรับทำการประมงและเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ และสามารถช่วยบรรเทาอุทกภัยบริเวณพื้นที่ท้ายอ่างเก็บน้ำได้อีกด้วย อย่างไรก็ตาม ในส่วนของการเวรคืน ได้มอบหมายกรมชลประทานให้ตรวจสอบรายชื่อและดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในปีงบประมาณ 2569 นอกจากนี้ ภายในงานยังมีการปล่อยพันธุ์สัตว์น้ำ พร้อมมอบโฉนดเพื่อการเกษตร กรรมสิทธิ์สัตว์โครงการธนาคารโค-กระบือเพื่อเกษตรกรตามพระราชดำริ และเวชภัณฑ์สำหรับสัตว์ เมล็ดพันธุ์พืชผักและสารชีวภัณฑ์ พันธุ์หม่อนใบรับรอง GAP และโครงการแหล่งน้ำในไร่นานอกเขตชลประทานให้กับเกษตรกรในพื้นที่ด้วย
จากนั้นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์และคณะ ได้รับฟังแนวทางพัฒนาบึงละหานทั้งระบบ ณบึงละหาน (บ้านมะเกลือ) ต.บ้านกอก เนื่องจากบึงละหานเป็นแหล่งน้ำตามธรรมชาติ ไม่มีระบบกักเก็บน้ำไว้ใช้ในฤดูแล้ง น้ำในบึงจึงลดลงมากจนมีสภาพตื้นเขินปกคลุมไปด้วยวัชพืช ทำให้ไม่สามารถเก็บกักน้ำได้เต็มความจุ และในฤดูน้ำหลาก น้ำในแม่น้ำเอ่อล้น ทำให้น้ำล้นตลิ่งเข้าท่วมพื้นที่เกษตรบริเวณรอบบึงละหาน ซึ่งกรมชลประทานได้มีโครงการพัฒนาเพิ่มประสิทธิภาพแหล่งน้ำบึงละหาน โดยมีแผนดำเนินการพัฒนาในระยะเร่งด่วน ได้แก่ 1) โครงการแก้มลิงบึงละหาน (ระยะที่ 1) พร้อมอาคารประกอบ พื้นที่ประมาณ 870 ไร่ 2) โครงการเพิ่มระดับเก็บกักสูงขึ้นประมาณ 50 เซนติเมตรและ 3) โครงการปรับปรุงทำนบดินรอบบึงละหานพร้อมอาคารประกอบ หากดำเนินการแล้วเสร็จจะสามารถเพิ่มความจุเก็บกัก ประมาณ 12 ล้าน ลบ.ม. และมีพื้นที่รับประโยชน์เพิ่ม ประมาณ 12,000 ไร่

สำหรับโครงการบรรเทาอุทกภัยเมืองชัยภูมิจังหวัดชัยภูมิ ระยะที่ 1 กรมชลประทานได้มีการศึกษาความเหมาะสมในการพัฒนาแหล่งน้ำและบริหารจัดการน้ำลำปะทาวและห้วยยางบ่า เพื่อใช้เป็นแนวทางในการป้องกันแก้ไขปัญหาอุทกภัยและภัยแล้งอย่างยั่งยืน โดยมีระยะเวลาดำเนินโครงการ 8 ปี (พ.ศ. 2562 – 2569) มีการก่อสร้างคลองผันน้ำลำปะทาว-สระเทวดาความยาว 8.45 กม. ประตูระบายน้ำปากคลองลำปะทาว-สระเทวดา ประตูระบายน้ำหนองใหญ่ (ประตูระบายน้ำกลางคลอง) และประตูระบายน้ำราชพฤกษ์(ประตูระบายน้ำกลางคลอง) ดำเนินการแล้วเสร็จกว่า54% หากดำเนินการแล้วเสร็จจะสามารถผันน้ำหลากส่วนเกินไม่ให้ท่วมเมืองชัยภูมิ ผันน้ำจากลำปะทาวผ่านคลองผันน้ำ ส่งช่วยเหลือพื้นที่เพาะปลูกบริเวณโครงการ ทำให้มีพื้นที่รับประโยชน์ 5,700 ไร่
นอกจากนี้ กรมชลประทานยังมีการเตรียมความพร้อมโครงการบรรเทาอุทกภัยเมืองชัยภูมิ จังหวัดชัยภูมิ ระยะที่ 1 เพิ่มเติม โดยมีแผนก่อสร้างสะพานรถยนต์ทางหลวงหมายเลข 202 ปรับปรุงประสิทธิภาพการระบายน้ำห้วยดินแดงและอาคารประกอบ ประตูระบายน้ำลำชีลอง-ห้วยกอก โครงการปรับปรุงคันดินสระเทวดาพร้อมอาคารประกอบ และเพิ่มประสิทธิภาพการเก็บกักและการส่งน้ำ พนังกั้นน้ำกุดสวง-ห้วยเสียวหากสามารถดำเนินการแล้วเสร็จ จะช่วยบรรเทาปัญหาอุทกภัยในพื้นที่เขตเทศบาลเมืองชัยภูมิอย่างยั่งยืนโดยรวมผลประโยชน์ด้านบรรเทาอุทกภัยประเมินผลประโยชน์จากการลดความเสียหายด้านการเกษตรเนื่องจากน้ำท่วมพื้นที่เพาะปลูก การลดค่าใช้จ่ายในการป้องกันน้ำท่วม การลดความเสียหายของอาคารบ้านเรือนและทรัพย์สิน อีกทั้งจะมีพื้นที่รับประโยชน์18,610 ไร่ ช่วยลดความเสียหายจากน้ำท่วมนาข้าวบริเวณด้านทิศใต้ของเมืองชัยภูมิ เฉลี่ยปีละประมาณ20,000 ไร่ และคันคลองสามารถใช้เป็นทางสัญจรและลำเลียงผลผลิตทางการเกษตรของประชาชนในพื้นที่โครงการและพื้นที่ใกล้เคียงได้

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 12 มิถุนายน 2567

“สส.ฉกาจ” ร่วมประชุมฯ เพื่อพิจารณาร่าง พ.ร.บ.

“สส.ฉกาจ” ร่วมประชุมฯ เพื่อพิจารณาร่าง พ.ร.บ.

นายฉกาจ พัฒนกิจวิบูลย์ สส.พังงา เขต 2 พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 6 มิ.ย. ที่ผ่านมา ได้เข้าร่วมประชุมกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร (วิปรัฐบาล) ครั้งที่ 19/2567 โดยมี นายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ ประธานกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร (วิปรัฐบาล) เป็นประธานการประชุมฯ ในครั้งนี้ พร้อมด้วย สส.จากพรรคพลังประชารัฐ ได้แก่ นายอัคร ทองใจสด สส.เพชรบุรณ์ เขต 6 และ นายชัยมงคล ไชยรบ สส.สกลนคร เขต 5 เพื่อพิจารณาเรื่องต่างๆ ดังนี้

ร่าง พ.ร.บ.ว่าด้วยการออกเสียงประชามติ (ฉบับที่ ..)พ.ศ. …. (คณะรัฐมนตรี เป็นผู้เสนอ), ร่างกรอบความตกลงว่าด้วยความเป็นหุ้นส่วนและความร่วมมือรอบด้านระหว่างสหภาพยุโรปและรัฐสมาชิกฝ่ายหนึ่งกับราชอาณาจักรไทยอีกฝ่ายหนึ่ง (คณะรัฐมนตรี เป็นผู้เสนอ), ร่าง พ.ร.บ.การอุดมศึกษา (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ….(คณะรัฐมนตรี เป็นผู้เสนอ), ร่าง พ.ร.บ.การส่งเสริมวิทยาศาสตร์ การวิจัยและนวัตกรรม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ….(คณะรัฐมนตรี เป็นผู้เสนอ), ร่าง พ.ร.บ.ระเบียบบริหารราชการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. (คณะรัฐมนตรี เป็นผู้เสนอ) และร่าง พ.ร.บ.สภานโยบายการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมแห่งชาติ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. …. (คณะรัฐมนตรี เป็นผู้เสนอ)

ทั้งนี้ การพิจารณา ร่าง พ.ร.บ. ฉบับต่างๆ ในครั้งนี้ เพื่อกำหนดข้อกฎหมายและบทบัญญัติ ให้มีความทันสมัยและทันต่อเหตุการณ์ ซึ่งจะนำเสนอต่อที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร เพื่อพิจารณาร่างเป็นกฎหมายต่อไป

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 12 มิถุนายน 2567

“สส.กาญจนา”ยกสำนักงาน ส.ป.ก.มาให้เกษตรกรถึงที่ ช่วยลดภาระลดค่าใช้จ่าย ในการเดินทาง หวัง จะไม่มีใครตกหล่น

“สส.กาญจนา”ยกสำนักงาน ส.ป.ก.มาให้เกษตรกรถึงที่ ช่วยลดภาระลดค่าใช้จ่าย ในการเดินทาง หวัง จะไม่มีใครตกหล่น

น.ส.กาญจนา จังหวะ สส.ชัยภูมิ เขต 4 พรรคพลังประชารัฐ เปิดเผยถึงความคืบหน้าการลงทะเบียน ส.ป.ก.เป็นโฉนดเพื่อเกษตรกรรม ของกระทรวงเกษตรกและสหกรณ์ นโยบายเพื่อเกษตรกรของ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ว่า ในพื้นที่ของตน มีประชาชนสนใจนโยบายนี้เป็นจำนวนมาก แต่เนื่องจากการเดินทางไปประสานยังสำนักงานการปฏิรูปที่ดิน จังหวัดชัยภูมิ ต้องมีค่าใช้จ่ายทำให้เกษตรกรบางคนไม่สะดวกในจุดนี้ และตนก็กังวลว่า ปัญหาดังกล่าวจะทำให้การลงทะเบียนของเกษตรกรบางรายตกหล่นไปได้

“เราไม่ยอมให้ใครตกหล่น และทุกคนต้องได้รับเพื่อเป็นลดภาระลดค่าใช้จ่าย ในการเดินทาง เราได้ประสานไปยังสำนักงานการปฏิรูปที่ดิน จังหวัดชัยภูมิ เพื่อให้จัดเจ้าหน้าที่หน่วยเคลื่อนที่ ออกรอบพิเศษทุกตำบล ทุกพื้นที่ ซึ่งตามความตั้งใจจะทำเพื่อประชาชนเขต 4 ทุกคนได้เอกสารสิทธิ์ที่สำคัญต่อการพัฒนา และทำให้เกษตรกรสามารถเข้าถึงแหล่งทุนในระบบได้”น.ส.กาญจนา กล่าว

น.ส.กาญจนา กล่าวต่อว่า ตนต้องขอขอบคุณผู้อำนวยการสำนักงานการปฏิรูปที่ดิน จังหวัดชัยภูมิ และเจ้าหน้าที่หน่วยเคลื่อนที่ทุกท่าน รวมถีงท่านนายก อบจ.กำนันทุกตำบล และผู้ใหญ่บ้านทุกหมู่บ้าน ที่ร่วมมือกันช่วยเหลือพี่น้องประชาชนของเราเป็นอย่าง ทั้งนี้ หากยังมีเกษตรกรที่ตกหล่นไป สามารถยื่นเอกสารที่สำนักงานฯ

“การมอบของขวัญให้เกษตรกรในครั้งนี้นอกจากต้องขอบคุณรัฐบาลและ ร.อ.ธรรมนัสแล้ว ยังต้องขอบคุณพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ที่ท่านอยากให้ประชาชนทุกคนมีที่ดินทำมาหากิน เพื่อจะได้มีที่อยู่กินเลี้ยงตัวเอง ทำให้ชีวิตความเป็นอยู่ดีขึ้น และเรื่อง ส.ป.ก.เป็นโฉนดก็เป็นเรื่องที่ท่านขับเคลื่อนมาอย่างต่อเนื่องในสมัยที่เป็นรองนายกรัฐมนตรี รวมถึงยังเป็นนโยบายของพรรคพลังประชารัฐ ที่ได้ดำเนินการมาหลายปีแล้วด้วย“น.ส.กาญจนา กล่าว

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 12 มิถุนายน 2567

“สส.ภาคภูมิ” ผู้แทนจ.ตากขอบคุณ พล.อ.ประวิตร – พล.ต.อ พัชรวาท – รมว.ธรรมนัส ร่วมดัน การกระจายอำนาจสู่ท้องถิ่น ลดขั้นตอนขออนุญาตใช้พื้นที่ป่าเพื่อการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน แก้ปัญหาให้ ปชช.

“สส.ภาคภูมิ” ผู้แทนจ.ตากขอบคุณ พล.อ.ประวิตร – พล.ต.อ พัชรวาท – รมว.ธรรมนัส ร่วมดัน การกระจายอำนาจสู่ท้องถิ่น ลดขั้นตอนขออนุญาตใช้พื้นที่ป่าเพื่อการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน แก้ปัญหาให้ ปชช.

นายภาคภูมิ บูลย์ประมุข สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) เขต 3 จ. ตาก พรรคพลังประชารัฐ(พปชร.) กล่าวว่า เป็นที่น่ายินดีของ พี่น้องชาวจังหวัดตาก ภายหลังจากที่กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช และกรมป่าไม้ ได้มีคำสั่งมอบอำนาจให้ ผอ.สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ และผอ.สำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ ในพื้นที่ ปฏิบัติราชการแทนอธิบดีกรมฯ ในขั้นตอนการอนุญาตเพื่อดำเนินการพัฒนา และบำรุงรักษาโครงสร้างสาธารณูปโภคพื้นฐานในด้านต่างๆ ว่าด้วยการอนุญาตให้กระทำการภายในเขตพื้นที่รับผิดชอบนั้นๆ ซึ่งจะสามารถยกระดับการพัฒนา โครงสร้างพื้นฐานในพื้นที่จังหวัดได้อย่างรวดเร็ว ยิ่งขึ้น นับเป็นข่าวดี ในกระบวนการทำงานที่จะทำให้เกิดความคล่องตัว เพื่อเร่งแก้ไขปัญหาให้กับประชาชนได้อย่างเห็นผล

ทึ่ผ่านมา ตนในฐานะผู้แทนราษฎรได้ร่วมกับ ผู้นำท้องถิ่นในการผลักดันให้เร่งแก้ปัญหาการกระจายอำนาจ มาตลอดระยะเวลา 5 ปี ทั้งในระบบรัฐสภาและนอกสภา ด้วยการระดมความคิดเห็นผ่านการหารือ อภิปราย ลงพื้นที่ ติดตามความคืบหน้ากับผู้บริหารในกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม มาอย่างต่อเนื่อง นับเป็นความสำเร็จไปอีกขั้นหนึ่ง ที่สามารถลดขั้นตอนในการอนุญาตให้รวดเร็วขึ้น ซึ่งจะทำให้การพัฒนาพื้นที่ ไม่ว่าจะเป็น ถนน ไฟฟ้า สิ่งสาธารณูปโภคต่างๆของ หน่วยงานต่างๆ โดยเฉพาะองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจะทำได้รวดเร็ว ซึ่งจะเป็นประโยชน์กับประชาชน และองค์กรต่างๆในจังหวัด โดยตรง

“ทั้งนี้ ขอขอบพระคุณ ในการผลักดันและสนับสนุนการแก้ปัญหาขั้นตอนของระบบราชการให้เกิดขึ้นได้จริง เป็นหนึ่งในนโยบายของ พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ และเป็นวาระสำคัญที่ พลตำรวจเอก พัชรวาท วงษ์สุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม รองนายกรัฐมนตรี ประธานยุทธศาสตร์พรรรค ได้ นำไปขับเคลื่อนเป็นนโยบายของกระทรวงฯ

ในขณะที่ร้อยเอกธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรสหกรณ์ เลขาธิการพรรค คอยแนะนำให้คำปรึกษา ในแนวทางการแก้ไขปัญหา ที่สำคัญ ทีมงานผู้นำท้องถิ่นทุกท่าน ที่ร่วมกันติดตามเรื่องดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง”

#ภูมิใจที่ได้ทำ #ร่วมก้าวไปด้วยกัน

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 2 มิถุนายน 2567

“สส.คอซีย์” ร่วมคณะ กมธ.สันติภาพใต้ ลงพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนใต้ หวัง การส่งเสริมวัฒนธรรมให้เกิดความภาคภูมิใจในอัตลักษณ์ จะทำให้เกิดสันติภาพอย่างยั่งยืน

,

“สส.คอซีย์” ร่วมคณะ กมธ.สันติภาพใต้ ลงพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนใต้ หวัง การส่งเสริมวัฒนธรรมให้เกิดความภาคภูมิใจในอัตลักษณ์ จะทำให้เกิดสันติภาพอย่างยั่งยืน

นายคอซีย์ มามุ สส. ปัตตานี เขต 2 พรรคพลังประชารัฐ(พปชร.)เปิดเผยว่า ตนในฐานะคณะกรรมาธิการวิสามัญ เพื่อพิจารณาศึกษาและเสนอแนวทางการส่งเสริมกระบวนการสร้างสันติภาพ เพื่อแก้ไขปัญหาความขัดแย้งในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ สภาผู้แทนราษฎร พร้อมด้วย นายอามินทร์ มะยูโซ๊ะ สส.นราธิวาส เขต 2 พรรคพลังประชารัฐ ในฐานะ สส.ในพื้นที่ ได้เข้าร่วมประชุมคณะกรรมาธิการ โดยมีนายจาตุรนต์ ฉายแสง ประธานกรรมาธิการ ร่วมประชุมและมีการเชิญคณะและพบปะกลุ่มต่าง อาทิ คณะตัวแทนนักศึกษามหาวิทยาลัยนราธิวาสราชนครินทร์ ,กลุ่มสมัชชาประชาสังคมเพื่อสันติภาพ ,พบปะผู้ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ตากใบ และพบปะประชาชนบ้านเจะเห

นายคอซีย์ กล่าวต่อว่า การประชุมและพบปะในครั้งนี้ เพื่อศึกษาปัญหาอุปสรรคในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่เป็นประเด็นสำคัญทั้งด้านความมั่นคง ด้านเศรษฐกิจ ด้านการศึกษา นำเสนอต่อรัฐบาล เพื่อนำไปแก้ไขปัญหาความขัดแย้งในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ให้เกิดสันติภาพและสันติสุขต่อไป

“ตลอดการทำงานของคณะกรรมาธิการที่ผ่านมา เราพบว่าการจะทำให้เกิดสันติภาพอย่างยั่งยืนได้นั้นควรส่งเสริมวัฒนธรรม ให้เกิดความภาคภูมิใจในอัตลักษณ์ของตนอย่างเปิดเผย และอยู่ร่วมกันได้กับคนส่วนใหญ่ในประเทศ และรู้สึกเป็นเจ้าของประเทศร่วมกัน ซึ่งประธาน กมธ. ต้องการทำข้อเสนอที่ให้ความสำคัญกับการส่งเสริมอัตลักษณ์ ศิลปวัฒนธรรม ศาสนา รวมถึงภาษา”นายคอซีย์ กล่าว

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 2 มิถุนายน 2567

“พล.ต.อ.พัชรวาท” ปลื้มค่าฝุ่น PM 2.5 ทั่วประเทศลดลงเทียบ ปี 66 เร่งแผนแก้มลพิษฉบับ 2 ชงนายก-ครม.พิจารณา

,

“พล.ต.อ.พัชรวาท” ปลื้มค่าฝุ่น PM 2.5 ทั่วประเทศลดลงเทียบ ปี 66 เร่งแผนแก้มลพิษฉบับ 2 ชงนายก-ครม.พิจารณา

พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการจัดการมลพิษทางอากาศเพื่อความยั่งยืน โดยมี นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง ประธานที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี ในฐานะรองประธานคนที่ 1นายบุญจง วงศ์ไตรรัตน์ กรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรี ตัวแทนรองประธานคนที่ 2นายจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม นายชัยวัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะกรรมการ พร้อมด้วยหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมประชุมอย่างพร้อมเพรียง

โดย พล.ต.อ.พัชรวาท กล่าวว่า ที่ประชุมได้รับทราบผลการดำเนินงาน ภายใต้มาตรการแก้ไขปัญหาฝุ่นพิษ PM 2.5 ปี 2567 ว่า สถานการณ์โดยรวมดีขึ้นตามเป้าหมาย จากการทำงานหนัก ทั้งค่าเฉลี่ยฝุ่น PM 2.5 ที่ลดลง จำนวนวันฝุ่นเกินค่ามาตรฐานลดลง และจำนวนจุดความร้อนลดลง เมื่อเทียบกับปี 2566 ทั้งนี้หลังจากกรมอุตุนิยมวิทยา ประกาศเข้าฤดูฝน ตั้งแต่วันที่ 20 พ.ค. ที่ผ่านมาสถานการณ์ฝุ่น PM 2.5 และจุดความร้อนคลี่คลาย PM 2.5 ทั่วประเทศอยู่ในเกณฑ์มาตรฐานทุกภาค แต่หมอกควันภาคใต้จะเข้าสู่ช่วงเฝ้าระวังตั้งแต่ ก.ค.-ก.ย.สาเหตุจากป้าพรุ และหมอกควันข้ามแดน พบจำนวนจุดความร้อนเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะในพื้นที่เกษตร ดังนั้น ขอให้กรมอุทยานแห่งชาติฯ กรมป่าไม้ เฝ้าระวังการเกิดไฟในป่าพรุ และให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงมหาดไทย ตรวจสอบจุดความร้อนที่สูงขึ้นในพื้นที่เกษตร และกำชับหน่วยงานในสังกัดและผู้ว่าฯ ควบคุมอย่างเข้มงวด

พล.ต.อ.พัซรวาท กล่าวว่า นอกจากนี้ ที่ประชุมยังได้เห็นชอบแนวทางการจัดทำแผนขับเคลื่อนวาระแห่งชาติ “การแก้ไขปัญหามลพิษด้านฝุ่นละออง” ฉบับที่ 2และแผนเฉพาะกิจประจำปี 2568 โดยได้มอบหมายให้ศูนย์ปฏิบัติการระดับจังหวัดฯ ถอดบทเรียนการแก้ไขปัญหา และส่งรายงานผลส่งให้กรมควบคุมมลพิษ ในเดือน มิ.ย.และให้กรมควบคุมมลพิษ เร่งจัดทำและนำแผนทั้ง 2 ฉบับไปรับฟังความคิดเห็น และนำกลับมาเสนอต่อคณะกรรมการพิจารณาภายในเดือนสิงหาคม เพื่อเสนอนายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรีพิจารณาต่อไป

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 1 มิถุนายน 2567

“รมว.ธรรมนัส” ลงสุราษฎร์ ลุยแก้ราคาปาล์ม สั่งตั้งกก.รักษาเสถียรภาพราคา เล็งขึ้นทะเบียนลานเท ยกสร้างมาตรฐานโรงสกัดทุกแห่ง ให้มีมาตรฐานเดียวกัน มุ่งแก้ปัญหายั่งยืน

,

“รมว.ธรรมนัส” ลงสุราษฎร์ ลุยแก้ราคาปาล์ม สั่งตั้งกก.รักษาเสถียรภาพราคา เล็งขึ้นทะเบียนลานเท ยกสร้างมาตรฐานโรงสกัดทุกแห่ง ให้มีมาตรฐานเดียวกัน มุ่งแก้ปัญหายั่งยืน

ร้อยเอก ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวภายหลังลงพื้นที่เพื่อรับฟังปัญหาและหาแนวทางแก้ไขราคาปาล์มน้ำมันตกต่ำ ณ ศูนย์เรียนรู้การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตสินค้าเกษตร (ศพก.) อำเภอเมืองสุราษฎร์ธานี จังหวัดสุราษฎร์ธานี โดยมี ผู้บริหารกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ผู้แทนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง นายกสมาคมชาวสวนปาล์มน้ำมัน จ.สุราษฎร์ธานี ผู้แทนเกษตรกรชาวสวนปาล์ม 14 จังหวัดภาคใต้ เข้าร่วมว่า ขณะนี้ เกษตรกรชาวสวนปาล์ม ประสบปัญหาความเดือดร้อนราคาปาล์มตกต่ำ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี จึงมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งกระทรวงเกษตรและสหกรณ กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงอุตสาหกรรม และกระทรวงพลังงาน ทำงานร่วมกันในการเร่งหามาตรการแก้ไข ซึ่งจากการประชุมคณะรัฐมนตรีเศรษฐกิจ เมื่อวันที่ 27 พ.ค.67 ที่มีนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ที่ประชุมได้กำหนด 6 แนวทางการแก้ไขปัญหาราคาปาล์มน้ำมันตกต่ำเพื่อช่วยเหลือชาวสวนปาล์มน้ำมันแล้ว

ร้อยเอก ธรรมนัส กล่าวอีกว่า การลงพื้นที่ในครั้งนี้เพื่อต้องการรับฟังปัญหาและรับข้อเสนอแนะแนวทางแก้ไขจากชาวสวนปาล์มอย่างแท้จริง ซึ่งตนได้สั่งการให้ตั้งคณะกรรมการรักษาเสถียรภาพราคาปาล์มน้ำมัน ประกอบด้วย ตัวแทนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งภาครัฐ กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงพลังงาน ภาคเอกชน ภาคประชาชน ผู้แทนเกษตรกร ผู้ประกอบการ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ฝ่ายความมั่นคง เข้ามาร่วมด้วย และจะหารือนายกรัฐมนตรี ทำหนังสือถึงผู้ว่าราชการจังหวัด แต่งตั้งคณะกรรมการระดับจังหวัด ให้มีการขึ้นทะเบียนลานเท โรงสกัดน้ำมันไบโอดีเซล โรงสกัดน้ำมันปาล์มดิบ ตลอดจนให้มีหน่วยงานตรวจวัดคุณภาพปาล์ม เปอร์เซ็นการสกัด (OER : Oil Extraction Rate) เพื่อให้ความเป็นธรรมกับทั้งเกษตรกร และผู้ประกอบการ ต้องมีความชัดเจน น่าเชื่อถือ เป็นมาตรฐานเดียวกัน โดยจะต้องแก้ปัญหาโครงการสร้างราคาปาล์มน้ำมันนี้ให้เกิดเป็นรูปธรรมทั้งระบบ เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาซ้ำทุกปี นอกจากนี้ จะใช้กลไกของสหกรณ์เข้ามาช่วยเหลือ เช่น ชะลอการขายปาล์มน้ำมันโดยเก็บสต็อก หรือใช้โรงสกัดของสหกรณ์ เข้ามาช่วยเป็นต้น

สำหรับกรณีที่มีการลักลอบนำเข้าปาล์มจากประเทศเพื่อนบ้านนั้น กระทรวงเกษตรฯ ได้มีชุดปฏิบัติการพิเศษพญานาคราช ร่วมกับหน่วยงานเกี่ยวข้อง ดำเนินการปราบปรามอย่างจริงจัง

“จากการรับฟังปัญหาและข้อเสนอแนะของพี่น้องผมจะสรุปข้อมูลทั้งหมดรายงานให้นายกรัฐมนตรีรับทราบ และฝากถึงพี่น้องชาวสวนปาล์ม ขอให้มั่นใจในแนวทางทั้ง 6 ข้อที่รัฐบาลได้ออกมาซึ่งต้องดำเนินควบคู่กันไป เพื่อรักษาเสถียรภาพของราคาให้กลับเข้าสู่สถานการณ์ปกติ มั่นใจว่าราคาปาล์มต้องดีขึ้น ซึ่งวันนี้ราคาปาล์มขยับขึ้นจากเดิม 3.50 บาท เป็น 4.50 ตามที่กรมการค้าภายใน ได้ออกหนังสือเมื่อวันที่ 28 พ.ค.67 โดยขอให้ผู้ประกอบการโรงงานสกัดน้ำมันปาล์ม ปรับราคารับซื้อผลปาล์มน้ำมัน โดยรับซื้อในราคาไม่ต่ำกว่ากิโลกรัมละ 4.50 บาท“ ร้อยเอก ธรรมนัส กล่าว

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 1 มิถุนายน 2567