โลกเปลี่ยน ไทยต้องปรับ ทางเลือกใหม่ของการเมืองไทย ก้าวข้ามความขัดแย้ง สานพลังประชาราษฎร์ ร่วมสร้างชาติให้ยั่งยืน

หมวดหมู่: ข่าวประชาสัมพันธ์

“ปิยะ” หนุนรัฐบาลปรับนายร้อย 53 เป็น “พ.ต.ต. 53”

, ,

“ปิยะ” หนุนรัฐบาลปรับนายร้อย 53 เป็น “พ.ต.ต. 53”

พล.ต.ท.ปิยะ ต๊ะวิชัย โฆษกพรรคพลังประชารัฐ กล่าวว่า “ ในวันตำรวจ อยากขอของขวัญจากนายอนุทิน ชาญวีรกุล นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยในฐานะประธานคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) ให้ช่วยผลักดันกรณีปรับนายร้อย 53 จากยศสูงสุด “ร.ต.อ. ” เป็น “พ.ต.ต.”

สืบเนื่องจากมติ ค.ร.ม. เมื่อวันที่ 6 มีนาคม 2555 เห็นชอบในหลักการให้ข้าราชการตำรวจ ชั้นประทวนยศ นายดาบตำรวจ อายุตั้งแต่ 53 ปีขึ้นไป เพื่อให้มีโอกาสได้รับการเลื่อนตำแหน่งและเลื่อนยศเป็นนายตำรวจชั้นสัญญาบัตรยศ ร้อยตำรวจเอก ก่อนเกษียณอายุราชการ เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจแก่ตำรวจชั้นประทวนที่ทำงานมานาน ให้มีโอกาสก้าวหน้าในสายงานและได้รับยศที่สูงขึ้น โดยให้อยู่ในตำแหน่ง สายงาน และสถานีตำรวจเดิมที่ดำรงตำแหน่งอยู่ในขณะนั้น
โดยให้ผ่านการฝึกอบรมเพื่อเลื่อนตำแหน่งและเลื่อนยศแบบเลื่อนไหล เป็นนายตำรวจชั้นสัญญาบัตร“

“โครงการปรับเลื่อนยศ “นายร้อย53” จาก นายดาบตำรวจ (ด.ต.) เป็น ร้อยตำรวจตรี และรับราชการอีก 7 ปี ติดยศ ร้อยตำรวจเอก (ร.ต.อ.)ก่อนเกษียณอายุราชการ เพื่อสร้างขวัญกำลังใจให้ตำรวจชั้นประทวน ที่ทุ่มเททำงานมาจนวัยใกล้เกษียณนั้น เริ่มต้นจากช่วงปลายปี 2554 สมัยที่ตนดำรงตำแหน่ง เลขานุการ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้มีแนวความคิดและมีการศึกษาเรื่องดังกล่าว และ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกฯรัฐมนตรี(ในสมัยนั้น) ได้ผลักดันเรื่องดังกล่าวจนผ่านการประชุม ค.ร.ม. เมื่อวันที่ 6 มี.ค. 2555 จากปี พ.ศ.2555 จนปัจจุบันนี้ มีการอบรมและประดับยศ ร.ต.ต. ไปแล้วรวม 14 รุ่น”

พล.ต.ท.ปิยะฯ กล่าว “การปรับโครงการดังกล่าวเพื่อให้ ข้าราชการชั้นประทวนยศ ดต. ได้ติดยศ ร.ต.ต. และเลื่อนไหล ไปจนถึง พ.ต.ต. (ระดับสารวัตร ) จากเดิมแค่ ร.ต.อ. (ระดับรองสารวัตร) ทำได้ไม่ยาก และอยู่ในอำนาจของคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) โดยดำเนินการการปรับระดับตำแหน่งควบ ผบ.หมู่-รอง สว. จากเดิม เป็น ผบ.หมู่-สว.

ถ้าอยากให้ 3 เดือน หรือ 6 เดือนก่อนเกษียณ ให้แก้ กฎ ก.ตร. ที่ว่าด้วย การแต่งตั้งและระยะเวลาตำแหน่ง แต่ถ้าอยากให้ ดำรงตำแหน่ง 1 ปีก่อนเกษียณ ก็ ให้ปรับโครงการจากนายดาบตำรวจอายุ 53 ปี เป็นอายุ 52 ปี เพื่อที่จะมีเวลาหนึ่งปี เลื่อนชั้นตำแหน่งเป็นสารวัตรก่อนเกษียณ 1 ปี โดยอาศัยแนวทางและหลักการเดิม คือ จะต้องดำรงตำแหน่งควบ ในสายงานเดิม และสถานีตำรวจเดิม/หรือสถานที่ทำงานเดิม จะ ทำให้ไม่มีปัญหาด้านงบประมาณและการขาดแคลนกำลังพล ซึ่ง กรณีดังกล่าว สามารถทำได้เลยโดยโครงการนี้ไม่ต้องเสียงบประมาณอะไรเพิ่มเติม และสามารถทำได้ใน 4 เดือนนี้ เพียงแต่แก้ไข กฎ ก.ตร. ว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการแต่งตั้งยศ พ.ศ. 2554 แก้ไขเพิ่มเติม ในข้อ 8 และ ข้อ 13 และ กฎ ก.ตร. ว่าด้วยการแต่งตั้งข้าราชการตำรวจ พ.ศ. 2567 ในข้อ 17 วรรค 2 เท่านั้น“

“การดำเนินการดังกล่าวเป็นการให้เกียรติ และเพิ่มขวัญกำลังใจ ข้าราชการตำรวจผู้ปฏิบัติงานในพื้นที่ และกรณีดังกล่าว นอกจากจะเป็นขวัญและกำลังใจให้แก่ข้าราชการตำรวจแล้ว ยังได้มาตรการควบคุมความประพฤติให้อยู่ในกรอบระเบียบ วินัย ที่ได้ผล เพราะ หากข้าราชการดังกล่าวถูกลงโทษทางวินัย: อาจส่งผลกระทบต่อการพิจารณาการเลื่อนยศได้ การคำนวณจำนวนปีที่รับราชการ: บางกรณีอาจมีการงดนับจำนวนปีที่รับราชการ ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ทางวินัย ซึ่งจะทำให้ข้าราชการดังกล่าว ไม่ทำผิดวินัย และอยู่ในระเบียบวินัยมากขึ้น”

“นอกจากนี้ ได้เตรียมหารือกับสมาชิกวุฒิสภา ที่เป็นอดีตนายตำรวจ และทางสำนักงาน ก.ตร. และ สกพ. เพื่อหาแนวทางช่วยเหลือ นายตำรวจ รุ่น 7000-1,7000-2 และ 7000-3 ว่า สามารถใช้แนวทางหรือโครงการเช่นเดียวกันนี้ได้หรือไม่ หรือมีแนวทางหรือโครงการที่เหมาะสมอย่างไร”

พปชร. เดินหน้าปกป้องสิทธิประชาชน ย้ำ “กองทุนอากาศสะอาด” คือหัวใจของกฎหมาย

, ,

พปชร. เดินหน้าปกป้องสิทธิประชาชน ย้ำ “กองทุนอากาศสะอาด” คือหัวใจของกฎหมาย

ร.ต.อ.วัฒนรักษ์ อำนรรฆสรเดช รองประธานคณะกรรมาธิการอากาศสะอาด พรรคพลังประชารัฐ ยืนยันว่าร่าง พ.ร.บ.บริหารจัดการเพื่ออากาศสะอาด ที่จะเข้าสู่การพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎร วาระ 2 ในวันที่ 24 กันยายน 2568 มีโอกาสสูงที่จะผ่าน และหากไม่ติดขัด กฎหมายฉบับนี้สามารถประกาศใช้ได้ก่อนสิ้นปี 2568 ถือเป็นจุดเริ่มต้นสำคัญในการแก้ปัญหาฝุ่น PM 2.5 และยกระดับการจัดการมลพิษให้ประเทศไทยและเพื่อนบ้านอย่างยั่งยืน

“แม้กฎหมายจะบังคับใช้เฉพาะในไทย แต่ก็ช่วยสร้างกรอบเจรจากับประเทศเพื่อนบ้านได้ เพราะกว่า 23.7% ของฝุ่นในไทยมาจากต่างประเทศ และฝุ่นจากไทยก็ส่งผลกระทบข้ามพรมแดน กฎหมายนี้กำหนดบทลงโทษทั้งปรับและจำคุก เหมือนกรณีสิงคโปร์ที่ใช้กับอินโดนีเซียเรื่องการเผาพื้นที่เกษตร”

ร.ต.อ.วัฒนรักษ์ ยังแสดงความกังวลต่อข้อเสนอให้ ตัดหมวด 6 “กองทุนอากาศสะอาด” ออกจากกฎหมาย เพราะกองทุนนี้เป็นกลไกสำคัญที่จะทำให้สิทธิในการหายใจอากาศสะอาดเกิดขึ้นจริง หากตัดออกไป กฎหมายจะเหลือเพียงชื่อ แต่ไร้เขี้ยวและฟัน ประชาชนยังต้องเผชิญฝุ่นพิษโดยไม่มีทางเลือก

“ประชาชนไทยต้องเผชิญวิกฤตฝุ่น PM2.5 ต่อเนื่อง ทั้งในกรุงเทพฯ ปริมณฑล และภาคเหนือ ส่งผลกระทบต่อสุขภาพหลายล้านคน ร่างกฎหมายฉบับนี้จึงเสนอสิทธิของประชาชนในการหายใจอากาศสะอาด การเข้าถึงข้อมูล และการมีส่วนร่วมออกแบบมาตรการจัดการมลพิษ”

พปชร ยืนยันเดินหน้าผลักดันกฎหมายฉบับนี้เต็มที่ เพื่อปกป้องสุขภาพประชาชนและคืนอากาศบริสุทธิ์ให้คนไทยทุกคน

ผู้บริสุทธิ์ไม่ต้องตกใจ ปัญหาบัญชีม้า รัฐ–ธนาคารเดินหน้าเชิงรุก ปกป้องประชาชนทุกคน

, ,

ผู้บริสุทธิ์ไม่ต้องตกใจ ปัญหาบัญชีม้า รัฐ–ธนาคารเดินหน้าเชิงรุก ปกป้องประชาชนทุกคน

นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รองหัวหน้าพรรค พลังประชารัฐ และอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม แสดงความห่วงใยต่อประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากปัญหาบัญชีม้า พร้อมย้ำว่า ผู้ที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับเครือข่ายอาชญากรรมออนไลน์ไม่จำเป็นต้องรีบถอนเงินหรือปิดบัญชี เพราะมีมาตรการช่วยเหลือที่ดำเนินการได้ทันที ทั้งการนำบัตรประชาชนไปยืนยันตัวตนที่ธนาคารเจ้าของบัญชี หรือโทรสายด่วน 1441 เพื่อปลดอายัดและกลับมาใช้งานบัญชีได้ตามปกติ

พร้อมอธิบายว่า ปัญหา บัญชีม้า มีความซับซ้อน เงินที่ถูกหลอกลวงมักถูกโอนต่อหลายทอด หากปล่อยให้หลุดรอดไปแล้วจะติดตามได้ยาก ดังนั้นทางที่ดีที่สุดคือการแก้เชิงรุก ด้วยการอายัดและปิดทุกบัญชีที่เกี่ยวข้อง เพื่อหยุดเส้นทางการเงินและเร่งนำเงินคืนให้ผู้เสียหายโดยเร็ว พร้อมย้ำว่ามีประชาชนจำนวนหนึ่งที่ถูกโยงเข้ากับบัญชีม้าโดยไม่รู้ตัว เช่น ถูกใช้ชื่อไปเปิดบัญชี หรือรับโอนเงินโดยไม่ทราบต้นทาง ซึ่งถือเป็นผู้บริสุทธิ์

ขอย้ำว่า “ประชาชนไม่ควรตกใจหรือแห่ถอนเงิน เพราะหากไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำผิด สามารถแก้ไขได้ทันทีด้วยการยืนยันตัวตนกับธนาคาร ทั้งนี้ พรรคพลังประชารัฐยืนยันเดินหน้าเสนอแนวทางที่เข้มข้นและต่อเนื่อง เพื่อคุ้มครองพี่น้องประชาชน สร้างความเชื่อมั่นในระบบการเงิน และไม่ปล่อยให้ผู้บริสุทธิ์ต้องได้รับผลกระทบจากความผิดที่ไม่ได้ก่อ”

การเสนอชื่อบุคคลที่เห็นสมควรได้รับการพิจารณาแต่งตั้งเป็นผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง

, ,

ประกาศพรรคพลังประชารัฐ

เรื่อง การเสนอชื่อบุคคลที่เห็นสมควรได้รับการพิจารณาแต่งตั้งเป็นผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง

 

ตามที่มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งให้นายอนุทิน ชาญวีรกุล ดำรง

ตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่๗ กันยายน พ.ศ.๒๕๖๘ และเพื่อให้การดำเนินการพิจารณาแต่งตั้งเป็นผู้ดำรง
ตำแหน่งทางการเมืองเป็นไปตามข้อบังคับพรรคพลังประชารัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ ข้อ ๙๒ นั้น

พรรคพลังประชารัฐจึงขอเชิญชวนให้สมาชิกพรรคเสนอชื่อบุคคลซึ่งมีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะ
ต้องห้ามที่กฎหมายกำหนด และเป็นบุคคลที่มีความรู้ ความสามารถ ซื่อสัตย์สุจริต มีคุณธรรมและจริยธรรมที่เห็นสมควรได้รับการพิจารณาแต่งตั้งเป็นผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองต่อคณะกรรมการบริหารพรรคพลังประชารัฐ ตั้งแต่บัดนี้จนถึงวันที่ 10 กันยายน พ.ศ.2568

จึงประกาศมาให้ทราบโดยทั่วกัน
ประกาศ ณ วันที่ 8 กันยายน พ.ศ.2568

พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ
หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ

พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ ประกาศไม่รับตำแหน่งใดๆในรัฐบาลและพร้อมที่จะสนับสนุนนายกรัฐมนตรีให้ทำงานเพื่อบ้านเมือง

,

พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ ประกาศไม่รับตำแหน่งใดๆในรัฐบาลและพร้อมที่จะสนับสนุนนายกรัฐมนตรีให้ทำงานเพื่อบ้านเมือง

ตามที่มีกระแสข่าวถึงการต่อรองและแย่งชิงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม โดยมีผมเป็นหนึ่งในรายชื่อที่ทำให้สับสนวุ่นวายนั้น

ผมใคร่ขอยืนยันต่อสาธารณชนว่า ผมมีความตั้งใจที่จะสนับสนุนให้รัฐบาลและท่านนายกรัฐมนตรีได้ทำงานเพื่อแก้ปัญหาบ้านเมืองได้อย่างเต็มที่ภายในระยะเวลา 4 เดือนก่อนยุบสภาโดยไม่ต้องกังวลต่อการต่อรองหรือเรียกร้องใดๆ

ผมจึงใคร่ขอประกาศเจตนารมณ์ของตัวเองที่จะไม่ขอรับตำแหน่งใดๆในรัฐบาล รวมถึงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมตามที่เป็นข่าว

เพื่อเปิดทางให้ท่านนายกรัฐมนตรีได้เร่งสรรหาบุคคลที่เหมาะสมที่จะแก้ปัญหาชายแดนไทย กัมพูชา และทะนุบำรุงไว้ซึ่งชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ ที่สามารถทำงานได้จริงโดยไม่ต้องกังวลเรื่องการต่อรองใดๆ โดยเอาประเทศชาติและประชาชนเป็นที่ตั้ง

ผมยินดีที่จะสนับสนุนอยู่เบื้องหลังและพร้อมใช้ความรู้ ประสบการณ์และเครือข่ายระหว่างประเทศด้านความมั่นคงของผมที่มี ถ้าสามารถจะเป็นประโยชน์ได้ไม่ว่าในด้านใดก็ตาม และต้องการที่จะเห็นประเทศชาติของเราเดินหน้าสู่การแก้ไขปัญหาอย่างจริงจังโดยเร็ว

“ลุงป้อม” ยืนยันทำงานทุกตำแหน่งเพื่อชาติและประชาชน

,

“ลุงป้อม” ยืนยันทำงานทุกตำแหน่งเพื่อชาติและประชาชน

มุ่งสร้างความมั่นคงชายแดน ดูแลความปลอดภัย และผลักดันกองทัพให้เป็นที่พึ่งของประชาชน

พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรค พลังประชารัฐ ย้ำว่า “หัวใจนี้เพื่อชาติและประชาชน” พร้อมเดินหน้าสร้างความมั่นคงให้ชายแดนไทย ป้องกันอาชญากรรมข้ามชาติ เพิ่มจุดตรวจและกำลังลาดตระเวน เพื่อให้ประชาชนทุกครอบครัวมีความปลอดภัยและบ้านเมืองสงบมั่นคงอย่างยั่งยืน

พล.อ.ประวิตร หนุนสร้าง “กำแพงถาวร” ชายแดน พร้อมผลักดัน 4 แนวทางเร่งด่วน สร้างความมั่นคงถาวรให้ประชาชน

,

พล.อ.ประวิตร หนุนสร้าง “กำแพงถาวร” ชายแดน พร้อมผลักดัน 4 แนวทางเร่งด่วน สร้างความมั่นคงถาวรให้ประชาชน

วันนี้ 28 ส.ค.68 พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงเหตุระเบิดซ้ำซ้อนในจังหวัดสุรินทร์ ซึ่งส่งผลให้พลทหารอดิศร ป้อมกลาง ได้รับบาดเจ็บสาหัส ถือเป็นทหารไทยรายที่ 6 จากเหตุลักษณะเดียวกัน สร้างความสะเทือนใจแก่ครอบครัวและประชาชนชายแดน พรรคพลังประชารัฐสนับสนุนการสร้าง “กำแพงคอนกรีตถาวร” ตามแนวชายแดนเพื่อปกป้องประชาชน แนวคิดนี้เริ่มตั้งแต่สมัยดำรงตำแหน่งแม่ทัพภาคที่ 1 และยังยึดมั่นจนถึงปัจจุบัน

ด้าน พล.อ.ทรงวิทย์ หนุนภักดี ผบ.ทสส. ยืนยันสนับสนุนทุกมาตรการของกองทัพ เตรียมให้กองทัพภาคที่ 1 และ 2 เริ่มสร้างกำแพงที่บ้านหนองจาน จังหวัดสระแก้ว และพรรคได้เสนอ 4 แนวทางเร่งด่วนคือ
1.ยืนยันอธิปไตยไทยทุกตารางนิ้ว
2.แถลงต่อสภาและประชาชนอย่างโปร่งใส
3.ตั้งคณะกรรมการวิสามัญติดตามสถานการณ์
4.เร่งสร้างกำแพงถาวร พร้อมเรียกร้องให้เยียวยาทหารผู้บาดเจ็บอย่างครบถ้วน

พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า “ทุกตารางนิ้วของผืนแผ่นดินไทย ต้องได้รับการปกป้อง ประชาชนชายแดนต้องปลอดภัย ไม่ถูกรุกรานซ้ำแล้วซ้ำเล่า” พร้อมยืนยันว่าพรรคจะผลักดันมาตรการป้องกันอย่างจริงจัง

เปิดใจตอบคำถามสังคม “ที่พูดไม่ใช่เพิ่งนึกได้ แต่เพื่อชาติจึงต้องพูด”

, ,

เปิดใจตอบคำถามสังคม “ที่พูดไม่ใช่เพิ่งนึกได้ แต่เพื่อชาติจึงต้องพูด”

พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ขอชี้แจงประเด็น MOU 43–44 เพื่อตอบคำถามในสังคมที่ถามว่าทำไมเพิ่งพูด ขอย้ำว่า ตลอดเวลาที่อยู่ในตำแหน่ง ตนสามารถควบคุม รักษาผลประโยชน์ และอธิปไตยของชาติได้เต็มที่ ด้วยประสบการณ์ด้านความมั่นคงที่ทำให้ประเทศเพื่อนบ้านไม่กล้ารุกราน

แต่วันนี้ที่ออกมาแสดงจุดยืนอย่างชัดเจน ไม่ใช่เพราะเพิ่งนึกขึ้นมา แต่เพราะเห็นว่า หากปล่อยให้ผู้นำที่ไม่มีความเข้าใจลึกซึ้งด้านความมั่นคงบริหารประเทศภายใต้ข้อตกลงนี้ ประเทศอาจเพลี่ยงพล้ำและเสียเปรียบได้ จึงถึงเวลาที่ต้องทบทวนอย่างจริงจัง

พล.อ.ประวิตร ยืนยันว่าไม่หวั่นไหวต่อคำถากถางหรือเสียงวิจารณ์ เพราะสิ่งที่ยึดมั่นมาตลอดคือผลประโยชน์สูงสุดของชาติ พร้อมย้ำว่าตลอดชีวิตได้อุทิศตัวเพื่อชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ และแม้ไม่ได้อยู่ในตำแหน่งแล้ว ก็ยังยืนหยัดสู้เพื่อประเทศชาติอย่างไม่ถอย

“สุรเดช” ยัน พลังประชารัฐยืนหยัดเคียงข้างประชาชน มุ่งพาประเทศสู่ความมั่นคงและอนาคตที่ยั่งยืน

, ,

“สุรเดช” ยัน พลังประชารัฐยืนหยัดเคียงข้างประชาชน มุ่งพาประเทศสู่ความมั่นคงและอนาคตที่ยั่งยืน

วันที่ 22 ส.ค.68 นายสุรเดช ยะสวัสดิ์ รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ แสดงจุดยืนต่อสถานการณ์การเมืองที่กำลังสร้างความกังวลในสังคม โดยระบุว่า สิ่งสำคัญที่สุดในเวลานี้คือการรักษาความเชื่อมั่นของประชาชน และการหาทางออกที่ยั่งยืนให้ประเทศ

นายสุรเดชกล่าวว่า ความขัดแย้งและความไม่ไว้วางใจที่เกิดขึ้น ไม่ควรถูกปล่อยให้บานปลายจนกระทบต่ออนาคตของชาติ ผู้นำรัฐบาลจำเป็นต้องแสดงความรับผิดชอบ และเปิดทางให้สภาผู้แทนราษฎรมีบทบาทในการเลือกผู้นำที่สามารถสร้างความศรัทธาให้กับประชาชนและสังคมได้อย่างแท้จริง

“สิ่งที่พรรคพลังประชารัฐยึดมั่นมาโดยตลอด คือการไม่ยืนรอคอยโอกาส แต่พร้อมลงมือทำงาน เพื่อหาทางออกให้ประเทศ ดังนั้นทุกการตัดสินใจของเรา ไม่ได้ตั้งอยู่บนเงื่อนไขทางการเมือง แต่ตั้งอยู่บนประโยชน์ของประชาชนและความมั่นคงของชาติเป็นหลัก” นายสุรเดชกล่าว

พปชร.เพชรบูรณ์ ผลักดันข้อเรียกร้องชาวไร่ข้าวโพดถึงรัฐบาล พร้อมเสนอ “Corn Realtime” เพื่อสร้างราคาที่เป็นธรรมและยุติการกดราคา

, ,

พปชร.เพชรบูรณ์ ผลักดันข้อเรียกร้องชาวไร่ข้าวโพดถึงรัฐบาล พร้อมเสนอ “Corn Realtime” เพื่อสร้างราคาที่เป็นธรรมและยุติการกดราคา

ตามที่ นางวันเพ็ญ พร้อมพัฒน์ นายบุญชัย กิตติธาราทรัพย์ น.ส.พิมพ์พร พรพฤฒิพันธุ์ และนายวรโชติ สุคนธ์ขจร สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดเพชรบูรณ์ พรรคพลังประชารัฐ รุดลงพื้นที่เพื่อรับฟังปัญหาของเกษตรกรผู้ปลูกข้าวโพดที่รวมตัวชุมนุมมาตั้งแต่วันที่ 18 สิงหาคม หลังราคาผลผลิตตกต่ำเหลือเพียง 3–5 บาทต่อกิโลกรัม ขณะที่ต้นทุนยังเพิ่มสูงขึ้น ทำให้ชาวไร่จำนวนมากได้รับความเดือดร้อน สส.เพชรบูรณ์ พปชร. จึงพาตัวแทนเกษตรกรเข้ายื่นหนังสือถึงนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เพื่อเร่งให้รัฐบาลหามาตรการช่วยเหลืออย่างจริงจัง

พปชร.มีข้อเสนอ “Corn Realtime” โดยการใช้เทคโนโลยีดังกล่าวตรวจสอบสต๊อกข้าวโพดแบบรายวัน โปร่งใส สามารถเปิดเผยข้อมูลต่อสาธารณะ กำหนดโครงสร้างราคาที่เป็นธรรม และบังคับให้โรงงานรับซื้อโดยไม่จำกัดคิว

พปชร.พร้อมเป็นที่พึ่งของเกษตรกร ไม่เพียงแค่การแก้ปัญหาเฉพาะหน้า แต่ยังมีแนวทางปฏิรูปตลาดทางการเกษตร ป้องกันการถูกกดราคาสินค้า เพื่อสร้างอนาคตที่มั่นคงและเศรษฐกิจฐานรากไทย

พปชร.หนุนยกเลิก MOU 2543–2544

, ,

พปชร.หนุนยกเลิก MOU 2543–2544

พร้อมขอบคุณทุกฝ่ายที่ร่วมผลักดัน ย้ำผลประโยชน์ของชาติและประชาชนต้องมาก่อนผลประโยชน์ส่วนตน

เมื่อวันที่ 21 ส.ค.68 พล.ต.ท.ปิยะ ต๊ะวิชัย โฆษกพรรคพลังประชารัฐ เปิดเผยพรรคสนับสนุนการยกเลิก MOU 2543 และ MOU 2544 อย่างชัดเจน พร้อมขอบคุณนายไชยชนก ชิดชอบ เลขาธิการพรรคภูมิใจไทย นายนิพนธ์ บุญญามณี และทุกฝ่ายที่ยืนหยัดเพื่อประเทศ

ขอชี้ว่า MOU ทั้งสองฉบับมีข้อบกพร่องร้ายแรง ทั้งการใช้แผนที่มาตราส่วน 1:200,000 ที่ทำให้ไทยเสียเปรียบทางการเจรจา รวมถึงการเปิดช่องให้ไทยต้องแบ่งผลประโยชน์ใต้เกาะกูดให้แก่กัมพูชา ทั้งที่พื้นที่ดังกล่าวเป็นของไทยโดยชอบธรรม

พรรคขอย้ำว่าประเทศไทยสามารถประกาศยกเลิก MOU ได้ทันทีโดยไม่ต้องรอความเห็นชอบจากกัมพูชา พร้อมเรียกร้องให้รัฐบาลหยุดอ้างข้อจำกัดที่ไม่มีอยู่จริง ที่สำคัญที่สุดคือการบริหารบ้านเมืองต้องตั้งอยู่บนรากฐานของ “ชาติและประชาชน” ไม่ใช่ผลประโยชน์ส่วนตนหรือครอบครัว เพราะหากประเทศชาติสูญเสีย ประชาชนก็จะเป็นผู้ที่ได้รับความเดือดร้อนโดยตรง

พปชร. จี้ทวงคืนหนองจาน–สกัดกัมพูชารุกล้ำชายแดน พบหลักฐานกัมพูชาวางทุ่นระเบิด PMN-2 สนับสนุนรั้วลวดหนามและฟ้องศาลโลก

, , ,

พปชร. จี้ทวงคืนหนองจาน–สกัดกัมพูชารุกล้ำชายแดน พบหลักฐานกัมพูชาวางทุ่นระเบิด PMN-2 สนับสนุนรั้วลวดหนามและฟ้องศาลโลก

เมื่อวันที่ 20 ส.ค. นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ แถลงว่า ชุดเก็บกู้ทุ่นระเบิดกองทัพเรือพบคลิปหลักฐานทหารกัมพูชาวางทุ่นระเบิด PMN-2 แม้สำนักข่าวของกัมพูชาจะโต้ว่าเป็นการจัดฉาก แต่ความจริงยังคงเป็นความจริง และเชื่อว่าหลักฐานนี้จะชี้ให้โลกเห็นถึงความไม่จริงใจของกัมพูชา ซึ่งเป็นการฉวยโอกาสจากความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมที่ไทยเคยมอบให้ พร้อมย้ำคำถามจาก พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐว่า รัฐบาลจะมีมาตรการใดในการทวงคืนผืนแผ่นดินและคืนความเป็นธรรมให้ประชาชนไทยที่ทนทุกข์มานานกว่า 40 ปี

พรรคพลังประชารัฐสนับสนุนการติดตั้งรั้วลวดหนามในเขตชายแดน ซึ่งไม่ขัดต่อข้อตกลงคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (GBC) เมื่อวันที่ 7 สิงหาคม 2568 เพราะเป็นมาตรการป้องกันการบุกรุกและการวางทุ่นระเบิด ที่อาจละเมิดอธิปไตยและคุกคามชีวิตประชาชนไทย

นอกจากนี้ พรรคยังผลักดันให้รัฐบาลฟ้องสมเด็จฮุน เซน และนายฮุน มาเนต ต่อศาลไทยและศาลอาญาระหว่างประเทศ (ICC) เพื่อเอาผิดการโจมตีพลเรือน การวางทุ่นระเบิด และอาชญากรรมข้ามชาติ โดยย้ำว่าการปกป้องทุกตารางนิ้วของผืนแผ่นดินไทยคือหน้าที่สำคัญ และพร้อมเดินหน้าทุกมาตรการเพื่อคืนความเป็นธรรมให้ประชาชน