โลกเปลี่ยน ไทยต้องปรับ ทางเลือกใหม่ของการเมืองไทย ก้าวข้ามความขัดแย้ง สานพลังประชาราษฎร์ ร่วมสร้างชาติให้ยั่งยืน

หมวดหมู่: กิจกรรม ส.ส.​ปกรณ์ จีนาคำ

“สส.ปกรณ์”ขอบคุณ “รมว.ธรรมนัส-หน่วยงานของจังหวัดแม่ฮ่องสอน”ให้ความช่วยเหลือ ปชช.เดือดร้อนจากน้ำท่วมทันท่วงที ขอ เร่งซ่อมแซม“สะพานบ้านห้วยผา”อย่ารอให้เกิดความเสียหายมากกว่านี้

,

“สส.ปกรณ์”ขอบคุณ “รมว.ธรรมนัส-หน่วยงานของจังหวัดแม่ฮ่องสอน”ให้ความช่วยเหลือ ปชช.เดือดร้อนจากน้ำท่วมทันท่วงที ขอ เร่งซ่อมแซม“สะพานบ้านห้วยผา”อย่ารอให้เกิดความเสียหายมากกว่านี้

นายปกรณ์ จีนาคำ สส.แม่ฮ่องสอน เขต 1 พรรคพลังประชารัฐ(พปชร.)กล่าวหารือในที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรว่า เมื่อวันที่ 12 ส.ค.ที่ผ่านมา จังหวัดแม่ฮ่องสอนได้เกิดอุทกภัยที่รุนแรง หลาย ๆ พื้นที่ถูกน้ำป่าไหลหลากทับท่วมและดินสไลด์ ทำให้บ้านเรือนและพื้นที่การเกษตร สะพานและถนนต่างๆในจังหวัดแม่ฮ่องสอน ได้รับความเสียหายเป็นอย่างมาก เบื้องต้นตนต้องขอขอบคุณทางหน่วยงานของจังหวัด โดยการนำของ
ผู้ว่าราชการจังหวัด นายอำเภอ อบต. กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ที่ได้เร่งเข้าไปในพื้นที่ได้อย่างรวดเร็ว

“ผมต้องขอขอบคุณ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ที่ได้แจ้งผมโดยตรงให้ช่วยจัดหาสิ่งจำเป็นเพื่อช่วยเหลือพี่น้องประชาชน ในพื้นที่ที่รับความเสียหายเป็นอย่างมากนั้น เช่น อำเภอขุนยวม อำเภอปางมะผ้า อำเภอเมือง และอำเภแม่ลาน้อย บ้านเรือนส่วนใหญ่ที่เสียหายนั้นกว่า 400 หลังคาเรือน มีผู้เสียชีวิต 1 คน และมีพื้นที่การเกษตรเสียหายกว่า 2,000 ไร่ รวมถึงเครื่องมือเครื่องใช้ในการประกอบอาชีพอีกจำนวนมาก ณ วันนี้ ยังไม่สามารถที่จะประเมินความเสียหายได้ทั้งหมด

ส่วนในเรื่องของสะพานถนน ที่อำเภอขุนยวม ตำบลแม่ยวมน้อย บ้านแม่โกปี่ และ บ้านแม่ละก๊ะใต้ สะพานถนนถูกตัดขาด ยังไม่สามารถที่จะเข้าถึงได้ ต้องใช้วิธีการเดินเท้า ใช้เวลาประมาณ 2-3 ชั่วโมงที่จะเข้าถึงหมู่บ้านต่างๆ ในส่วนของสะพานที่สำคัญอีกเส้นหนึ่ง ก็คือ สะพานบ้านห้วยผา ตำบลห้วยผา อำเภอเมือง จังหวัดแม่ฮองสอน บนถนนเลขที่ 1095 สะพานแห่งนี้เคยถูกอุทกภัยมาครั้งหนึ่ง เมื่อเดือน ก.ย.66 และตั้งแต่นั้นมาก็เป็นสะพานชั่วคราวมาโดยตลอด วันนี้ก็เจออุทกภัยอีกรอบหนึ่ง

“ผมได้หารือเรื่องสะพานแห่งนี้มา 2 ครั้ง แต่ ณ.วันนี้ ก็ยังไม่มีการปรับปรุงหรือแก้ไขให้เป็นสะพานที่เป็นมาตรฐานและถาวร มีความปลอดภัยแต่อย่างไร และเท่าที่ทราบก็ไม่เห็นในงบประมาณปี 2567 และ ปี2568 ที่กำลังจะเกิดขึ้น ผมก็ไม่เข้าใจว่า เกิดอะไรขึ้น หรือว่าจะต้องรอให้เกิดความเสียหายมากกว่านี้ ถึงจะดำเนินการแก้ไขได้ ผมขอฝากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องช่วยเร่งดำเนินการแก้ไขปัญหาต่างๆเหล่านี้ด้วย”

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 13 สิงหาคม 2567

“สส.ปกรณ์”จี้ มหาดไทย แจงให้ชัด ปม เมืองล่าเสี้ยวอาจอพยพคนเข้าแม่ฮ่องสอน ชี้ สร้างความสับสนให้ชาวบ้าน แนะ รีบเคลียร์ก่อนกระทบ ศก.-การท่องเที่ยว

,

“สส.ปกรณ์”จี้ มหาดไทย แจงให้ชัด ปม เมืองล่าเสี้ยวอาจอพยพคนเข้าแม่ฮ่องสอน ชี้ สร้างความสับสนให้ชาวบ้าน แนะ รีบเคลียร์ก่อนกระทบ ศก.-การท่องเที่ยว

นายปกรณ์ จีนาคำ สส.แม่ฮ่องสอน เขต 1 พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.)กล่าวหารือในที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรว่า ตนในฐานะตัวแทนของชาวจังหวัดแม่ฮ่องสอน ต้องขอขอบคุณทางกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยการนำของ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ที่ได้นำโครงการดีๆ อย่าง โครงการคลินิกเกษตรและโครงการแม่ฮ่องสอนโมเดล เพื่อเข้าไปแก้ปัญหาความยากจนและเป็นการพัฒนาอาชีพแบบยั่งยืนให้กับคนเมืองแม่ฮ่องสอน ซึ่งจะนำไปสู่การยกระดับคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นอย่างแน่นอน

นายปกรณ์ กล่าวต่อว่า วานนี้(30 ก.ค.)ได้มีสถานีโทรทัศน์แห่งหนึ่งนำเสนอข่าวเกี่ยวกับเรื่องเมืองล่าเสี้ยว รัฐฉาน ประเทศเมียนมาร์ที่มีการสู้รบกันอย่างหนักที่ทำให้ประชาชนในเมืองล่าเสี้ยวนั้น มีแนวทางว่าจะอพยพออกจากเมืองล่าเสี้ยว ซึ่งพี่น้องประชาชนชาวเมืองราชส่วนใหญ่ก็เป็นชาวไทยใหญ่ที่จะอพยพออกมาจากเมืองล่าเสี้ยว โดยหมุดหมายที่สำคัญที่หนึ่งที่จะอพยพมานั้น คือ อำเภอเมือง จังหวัดแม่ฮ่องสอน ตามข่าว ทำให้พี่น้องประชาชนในพื้นที่จังหวัดแม่ฮ่องสอนและพื้นที่ใกล้เคียงนั้นมีความกังวลในเรื่องนี้ เพราะข่าวนั้นแพร่ไปทั่วในโลกโซเชียล

“เพื่อให้ความมั่นใจและความสบายใจของพี่น้องประชาชน ผมอยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ให้ข้อมูลข้อเท็จจริงเพิ่มเติม รวมถึงเรื่องแผนการรองรับต่างๆเพื่อให้พี่น้องประชาชนได้มีความมั่นใจมากยิ่งขึ้น ไม่เช่นนั้น ประชาชนจะเกิดความสับสน และจะส่งผลกระทบต่อในเรื่องของเศรษฐกิจ การท่องเที่ยว และการค้าต่างๆ ในพื้นที่จังหวัดแม่ฮ่องสอน”นายปกรณ์ กล่าว

นายปกรณ์ กล่าวต่อว่า ในอดีตเคยมีการสร้างข่าวเท็จ ขยายข่าวเกินความเป็นจริง ทำให้จังหวัดแม่ฮ่องสอนนั้นเสียโอกาส และเสียชื่อเสียงมาแล้ว จึงไม่อยากให้เหตุการณ์แบบในอดีตเกิดขึ้นอีกจึงขอฝากให้กระทรวงมหาดไทยและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งสื่อสารข้อมูลที่ชัดเจนให้กับพี่น้องประชาชนด้วย

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 31 กรกฎาคม 2567

“สส.ปกรณ์”ขอบคุณ“รมว.ธรรมนัส-พล.ต.อ.พัชรวาท”ช่วยผลักดันหลายโครงการที่เป็นประโยชน์ให้ ปชช.พร้อมวอน สนช.คืนพื้นที่ทับซ้อนให้ชาวบ้านปางหมู

,

“สส.ปกรณ์”ขอบคุณ“รมว.ธรรมนัส-พล.ต.อ.พัชรวาท”ช่วยผลักดันหลายโครงการที่เป็นประโยชน์ให้ ปชช.พร้อมวอน สนช.คืนพื้นที่ทับซ้อนให้ชาวบ้านปางหมู

นายปกรณ์ จีนาคำ สส.แม่ฮ่องสอน เขต 1 พรรคพลังประชารัฐ(พปชร.)กล่าวหารือในที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรว่า ก่อนอื่นต้องขอขอบคุณทางรัฐบาล โดยร้อยเอกธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นายอรรถกร ศิริลัทธยากร รัฐมนตรีช่วยว่าการเกษตรและสหกรณ์ ที่ได้ผลักดันโครงการปุ๋ยคนละครึ่งให้กับพี่น้องชาวนาในประเทศไทยของเรา ซึ่งตนเชื่อว่า โครงการนี้จะสามารถลดต้นทุนการผลิต และจะทำให้พี่น้องประชาชนชาวนาได้รับประโยชน์เป็นอย่างมาก

นายปกรณ์ กล่าวต่อว่า ตนขอขอบคุณพลตำรวจเอกพัชรวาท วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ที่ท่านได้ผลักดัน เรื่องการกระจายอำนาจในการขออนุญาตใช้พื้นที่ป่า โดยท่านได้กระจายอำนาจให้ผู้อำนวยการสำนักงานจัดการทรัพยากรป่าไม้ ผู้อำนวยการสำนักงานบริหารอุทยานในระดับจังหวัด สามารถอนุญาตใช้พื้นที่ป่าได้ในระดับหนึ่ง ซึ่งจะทำให้การพัฒนาในพื้นที่นั้นมีความสะดวกรวดเร็ว ยิ่งขึ้นและพี่น้องประชาชน ก็จะได้รับประโยชน์มากขึ้น

นายปกรณ์ ยังกล่าวต่อว่า ตนขอติดตามเรื่องที่ดินที่ซับซ้อนของตำรวจชายแดนที่ 336 จังหวัดแม่ฮ่องสอน ที่ทับซ้อนกับพี่น้องประชาชน บ้านปางหมู หมู่ที่ 1 ตำบลปางหมู อำเภอเมือง จังหวัดแม่ฮ่องสอน ที่ทางตำรวจชายแดนนั้นต้องคืนพื้นที่บางส่วนให้กับพี่น้องประชาชน บ้านปางหมู เรื่องนี้ยืดเยื้อมานานกว่า 3 ปีแล้ว แต่ยังไม่มีความคืบหน้าแต่อย่างใด ตนจึงขอให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่กำกับดูแลตำรวจตระเวรชายแดนเร่งดำเนินการคืนพื้นที่ดังกล่าวให้กับพี่น้องประชาชน

นอกจากนี้ เรื่องการซ่อมสร้างสะพานบนถนนหมายเลข 1095 พื้นที่บ้านห้วยผา หมู่ที่1 ตำบลห้วยผา อำเภอเมือง จังหวัดแม่ฮ่องสอน ที่ถูกอุทกภัย ตั้งแต่เดือน กันยายน 2566 โดยสะพานเส้นนี้อยู่บนถนนสายหลักที่จะมุ่งเข้าสู่จังหวัดแม่ฮ่องสอน ปัจจุบันยังเป็นสะพานชั่วคราวอยู่ ยังไม่มีการดำเนินการอย่างไร และยังไม่มีวี่แววว่า จะมีการสร้างสะพานใหม่ รวมถึงยังไม่มีการจัดสรรงบประมาณ จึงขอให้กระทรวงคมนาคมและกรมทางหลวง ช่วยเร่งดำเนินการด้วย

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 11 กรกฎาคม 2567

“ส.ส.ปกรณ์” เผย กรมป่าไม้ออกคำสั่งมอบอำนาจให้ ผอ.สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ทั้ง 16 แห่ง ถือเป็นการกระจายอำนาจให้ท้องถิ่นแก้ไขปัญหาโครงสร้างสาธารณูปโภคให้ ปชช.ได้รวดเร็ว

“ส.ส.ปกรณ์” เผย กรมป่าไม้ออกคำสั่งมอบอำนาจให้ ผอ.สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ทั้ง 16 แห่ง ถือเป็นการกระจายอำนาจให้ท้องถิ่นแก้ไขปัญหาโครงสร้างสาธารณูปโภคให้ ปชช.ได้รวดเร็ว

นายปกรณ์ จีนาคำ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) แม่ฮ่องสอน เขต 1 พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวว่า เมื่อวันที่ 25 เม.ย.ที่ กรมป่าไม้ได้มีคำสั่งที่ 1283/2567 มอบอำนาจให้ผู้อำนวยการสำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ปฏิบัติราชการแทนอธิบดีกรมป่าไม้

โดยก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 23 เม.ย.ที่ผ่านมาตนได้โพสต์ขอบคุณ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.)ที่ผลักดันจนกรมอุทยานฯ ได้มอบอำนาจให้ ผอ.สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ทั้ง 16 แห่ง มีอำนาจปฏิบัติราชการแทนอธิบดีฯ เป็นผลทางปฎิบัติ ในการพิจารณาอนุญาตในการเข้าทำประโยชน์ในเขตป่า หรือโครงการเพื่อพัฒนาสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานในเขตป่าสงวนแห่งชาติ นับเป็นประโยชน์ต่อพี่น้องประชาชน เพื่อพัฒนาความเจริญในท้องถิ่นให้สอดรับความของม้องถิ่นควบคู่กับการอนุรักษ์ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ นับเป็นการกระจายอำนาจลดปัญหาความล่าช้าในการพัฒนาความเจริญ

“คำสั่งของกรมป่าไม้ ส่งผลในทางปฎิบัติการกระจายอำนาจ และทำได้จริง ในการขออนุญาติ ที่สามารถทำได้รวดเร็วขึ้น และอยู่ในระดับจังหวัดมากขึ้น ซึ่งแน่นอนว่าพวกเราชาวแม่ฮ่องสอนจะได้มีโอกาสที่ดีขึ้นจริงๆ นะครับในการแก้ไขปัญหาที่เกี่ยวกับโครงสร้างสาธารณูปโภคพื้นฐานในป่าทุกป่า ชี้ให้เห็นว่าความสำเร็จที่เกิดขึ้นเป็นผลจากการทำงานอย่างหนักร่วมกันจากทุกฝ่ายจนสามารถผลักดันเรื่องนี้ออกมาได้อย่างเป็นรูปธรรมในวันนี้เป็นการกระจายอำอาจอย่างเป็นรูปธรรมจริงๆ ”

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 29 เมษายน 2567

“สส.ปกรณ์” ยินดีชาวแม่ฮ่องสอน ได้รับการแปลง สปก.เป็นโฉนดรุ่นแรก 150 แปลง พร้อมเดินหน้าทำความเข้าใจ ปชช.เพื่อรักษาสิทธิ สร้างความมั่นคงในชีวิต

,

“สส.ปกรณ์” ยินดีชาวแม่ฮ่องสอน ได้รับการแปลง สปก.เป็นโฉนดรุ่นแรก 150 แปลง พร้อมเดินหน้าทำความเข้าใจ ปชช.เพื่อรักษาสิทธิ สร้างความมั่นคงในชีวิต

นายปกรณ์ จีนาคำ สส.เขต1 แม่ฮ่องสอน พรรคพลังประชารัฐ(พปชร.) เปิดเผยถึงความคืบหน้าแปลงสปก. 4-01 เป็นโฉนดเพื่อเกษตกร ของ จ.แม่ฮ่องสอนว่า จะมีพี่น้องประชาชนได้รับโฉนดในรอบแรกในวันที่ 15 ธันวาคม 2566 ประมาณ 150 แปลง หรือ ประมาณ 150 ครอบครัว ที่ถือครองที่ดินเพื่อทำการเกษตรอยู่หลายร้อยไร่ ซึ่งจะทำให้เกษตรกรมีอาชีพที่มั่นคง สามารถนำที่ดินไปต่อยอดในการประกอบอาชีพได้อย่างคล่องตัวมากขึ้น

นายปกรณ์ กล่าวต่อว่า นโยบายดังกล่าวจะทำให้ประชาชนกินดีอยู่ยิ่งขึ้น ภายใต้การขับเคลื่อนตามนโยบายของรัฐบาลที่ให้ไว้ และยังเป็นการสานต่อนโยบายของพรรคพลังประชารัฐ ที่มี ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ที่มุ่งยกระดับคุณภาพชีวิตให้เกษตรกรไทยทั่วประเทศ
ทั้งนี้พื้นที่ สปก.4-01 ที่จะได้การแปลงเป็นโฉนดนั้น เป็นพื้นที่ ๆ เกษตรกรได้รับหนังสือเอกสารสิทธิ และประกอบอาชีพอยู่แล้ว ซึ่ง สปก.จังหวัดได้ทำการพิสูจน์สิทธิเสร็จสิ้นในกลุ่มแรก และอยู่ระหว่างพิสูจน์สิทธิในกลุ่มทั้งหมด 3,966 ราย ที่ถือครองที่ดินถึง 4,885 แปลง คิดเป็น 15,349 ไร่ ซึ่งจะทยอยเปลี่ยนแปลงเป็นโฉนดต่อไป

“ที่ผ่านมา ผมได้ประสานงานกับสปก.จังหวัดอย่างใกล้ชิด และได้ทำความเข้าใจกับพี่น้องเกษตรกรในการดำเนินการตามขั้นตอนของระเบียบปฎิบัติที่กำหนดไว้ เพื่อให้สามารถรักษาสิทธิ และนำไปสู่กระบวนการพิจารณาได้อย่างรวดเร็ว ตามแนวทางที่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐได้มีข้อสั่งการให้ สส.ลงพื้นที่ช่วยเหลือประชาชน” นายปกรณ์ กล่าว

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 16 ธันวาคม 2566

“สส.ปกรณ์ สส.พปชร.” รุดเข้าพื้นที่อุทกภัยอำเภอเมืองดูแลประชาชน เก็บข้อมูลประสานหน่วยงานแก้ไขปัญหา ป้องภัยธรรมชาติ

,

“สส.ปกรณ์ สส.พปชร.” รุดเข้าพื้นที่อุทกภัยอำเภอเมืองดูแลประชาชน เก็บข้อมูลประสานหน่วยงานแก้ไขปัญหา ป้องภัยธรรมชาติ

นายปกรณ์ จีนาคำ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) เขต 1 จ.แม่ฮ่องสอน เปิดเผยว่า ได้ลงพื้นที่ อ.เมือง จ.แม่ฮ่องสอน เพื่อให้กำลังและเยี่ยมพี่น้องประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัย พร้อมทั้งได้มอบ นำสิ่งของบรรเทาทุกข์ ยังได้สอบถามปัญหาเก็บข้อมูลสภาพพื้นที่เพิ่มเติมเพื่อนำไปประสานกับหน่วยงาน หาแนวทาฃช่วยเหลือและแก้ปัญหาระยะยาวให้กับพี่น้องประชาชน ต่อไป

ทั้งนี้ ในพื้นที่จ.แม่ฮ่องสอน ได้รับผลกระทบจากอิทธิพลจากลมมรสุม มีฝนตกอย่างต่อเนื่อง ที่พัดผ่านเข้ามาในพื้นที่ภาคเหนือตอนบน ในช่วงวันที่ 5,8และ14 กันยายนที่ผ่านมา ส่งผลให้มีปริมาณสะสมในพื้นที่สูง เกิดน้ำไหลหลากเข้าท่วมบ้านเรือน และทำให้เกิดความเสียหายในวงกว้าง

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 16 กันยายน 2566

“ปกรณ์”ขอเป็นตัวแทนชาวแม่ฮ่องสอน เรียกร้องเพิ่มบุคลากรทางการแพทย์พบขาดแคลนอย่างหนัก วอน กระทรวงสาธารณสุขเร่งหามาตรการแก้ปัญหาด่วน

,

“ปกรณ์”ขอเป็นตัวแทนชาวแม่ฮ่องสอน เรียกร้องเพิ่มบุคลากรทางการแพทย์พบขาดแคลนอย่างหนัก วอน กระทรวงสาธารณสุขเร่งหามาตรการแก้ปัญหาด่วน

นายปกรณ์ จีนาคำ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส) จังหวัดแม่ฮ่องสอน เขต1 พรรคพลังประชารัฐ(พปชร) กล่าวหารือความเดือดร้อนของประชาชนในที่ประชุมสภาฯถึงปัญหาการขาดแคลนบุคลากรทางการแพทย์ในจังหวัด แม่ฮ่องสอน อย่างรุนแรง เนื่องจากในพื้นที่จังหวัดแม่ฮ่องสอนมี 7 อำเภอ และมี7 โรงพยาบาลของรัฐ และไม่มีโรงพยาบาลของเอกชนเลย ซึ่งมีประชากร 280,000 กว่าคนเศษ แต่มีแพทย์ปฏิบัติการเพียงแค่ 74 คนเท่านั้น ถ้าดูอัตราเฉลี่ยแล้วแพทย์หนึ่งคน ต้องดูแลพี่น้องประชากรกว่า 3000 คน ซึ่งไม่สอดคล้องกับมาตรฐานของระบบสาธารณสุขของไทย ที่จะต้องมีแพทย์ 1 คน เพื่อดูแลประชากรอยู่ที่1600 คนเศษเท่านั้น

นายปกรณ์ กล่าวต่อว่า บางโรงพยาบาลในจังหวัดแม่ฮ่องสอน มีแพทย์เพียงสองคนเท่านั้น ปัญหาที่เกิดขึ้นกระทบกับการดูแลรักษาพี่น้องประชาชน ที่อาจจะ ไม่ครอบคลุมและไม่ทั่วถึง ที่สำคัญคือ ความเหนื่อยล้าของบุคลากรทางการแพทย์ ซึ่งมีอัตราที่ลาออกและโยกย้ายออกจากจังหวัดแม่ฮ่องสอน ค่อนข้างมาก สาเหตุมีหลายประการ แต่สิ่งที่สำคัญที่สุด ในเรื่องของงบประมาณ และสวัสดิการที่ไม่เพียงพอ ตนขอฝากให้ผู้บริหารกระทรวงสาธารณสุขเข้ามากำกับดูแล และแก้ปัญหาเรื่องนี้โดยด่วนด้วย

นายปกรณ์ ยังกล่าวถึง ปัญหาเรื่องหนังสือรับรองสิทธิการใช้ประโยชน์ที่ดินทำกิน ตามโครงการจัดที่ดินทำกินให้ชุมชน โดยจังหวัดแม่ฮ่องสอน เป็นพื้นที่อันดับ 8 ของ ประเทศไทย กว่า 95% เป็นพื้นที่ป่า ซึ่งในปี 2558 รัฐบาลมีโครงการแก้ปัญหาที่ดินคือ โครงการ ครช. จังหวัดแม่ฮ่องสอน คือจังหวัดหนึ่งที่เป็นจังหวัดเป้าหมาย มีเป้าหมาย 70,000 กว่าไร่ ที่จะแก้ปัญหาให้กับพี่น้องประชาชน ในจังหวัดแม่ฮ่องสอน โดยในปี 2560 สามารถตรวจสอบและอนุมัติพื้นที่ได้ 36,000 กว่าไร่ มีผู้ยื่นขอรับสิทธิ์ 12,000 กว่าคน แต่ปัจจุบันนี้ออกเอกสารได้เพียง 6800 กว่าไร่ และผู้ได้รับสิทธิ์เพียง 3900 กว่าราย เท่านั้นยังตกหล่นอีก 28,000 กว่าไร่ ยังมีผู้ไม่ได้รับสิทธิ์อีก 8000 กว่าราย ตนขอฝากไปยังกระทรวงมหาดไทย กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม ช่วยกำกับ ดูแล และเร่งรัดในการออกเอกสารสิทธิ์ด้วย

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 4 สิงหาคม 2566

“ปกรณ์ จีนาคำ” เดินสายขอบคุณ ปชช. พร้อมทำงานพัฒนา จ.แม่ฮ่องสอน เล็งผลักดันเสนอยกจังหวัดแม่ฮ่องสอนให้เป็น “จังหวัดพิเศษ” เพื่อลดปัญหารายได้ต่อหัวต่ำ และแรงงานฝีมือ รวมถึงข้าราชการขาดแคลน

,

“ปกรณ์ จีนาคำ” เดินสายขอบคุณ ปชช. พร้อมทำงานพัฒนา จ.แม่ฮ่องสอน เล็งผลักดันเสนอยกจังหวัดแม่ฮ่องสอนให้เป็น “จังหวัดพิเศษ” เพื่อลดปัญหารายได้ต่อหัวต่ำ และแรงงานฝีมือ รวมถึงข้าราชการขาดแคลน

นายปกรณ์ จีนาคำ ว่าที่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จ.แม่ฮ่องสอน เขต 1 เปิดเผยว่า ตนได้ลงพื้นที่ขอบคุณประชาชนในทุกอำเภอที่ให้ความไว้วางใจตนเอง ซึ่งขณะนี้กำลังรอการรับรองผลอย่างเป็นทางการจากคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต. ) เมื่อรับรองแล้ว ตนจะเดินหน้าแก้ไขปัญหาต่างๆ โดยเฉพาะการขาดแคลนบุคลากรของหน่วยราชการ ซึ่งเป็นปัญหาหลักของการขับเคลื่อนจังหวัด ด้วยข้อจำกัดของภูมิศาสตร์ที่จังหวัดแม่ฮ่องสอน เป็นพื้นที่ห่างไกล ทำให้บุคลากรที่จะมาบรรจุทำงานในพื้นที่มีไม่มาก และไม่เพียงพอต่อการบริหารงานด้านต่างๆให้มีประสิทธิภาพ ตนจึงตั้งใจว่า ทันทีที่เปิดสภาฯ จะเร่งเสนอให้มีการยกฐานะของจังหวัด เป็นเมืองพิเศษ เช่นเดียวกับ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ และให้มีการกระจายอำนาจไปยังท้องถิ่นมากขึ้น

“จังหวัดแม่ฮ่องสอน ประสบปัญหาขาดแคลนบุคลากร ของหน่วยราชการ ที่จะเข้ามาให้บริการประชาชน ผมต้องการให้จังหวัดแม่ฮ่องสอนมีข้าราชการเพียงพอต่อการพัฒนาพื้นที่ ทั้งด้าน เศรษฐกิจ สังคม และสุขอนามัย เพื่อให้ทัดเทียมกับพื้นที่อื่นๆ ผมเห็นว่า ควรมีการผ่อนผันข้อบังคับระบบราชการ โดยการสร้างแรงจูงใจ การปฎิบัติหน้าที่ของบุคลากร ที่จะเข้ามาบรรจุในพื้นที่ และควรมีระยะเวลาทำงานในพื้นที่ได้นานขึ้น การพิจารณาความเหมาะสม ของค่าตอบแทน ค่าเดินทาง พร้อมทั้งเพิ่มอำนาจการอนุมัติให้กับผู้ว่าราชการจังหวัด การใช้พื้นที่ป่า เพื่อการพัฒนาระบบสาธารณูปโภค ทั้งไฟฟ้า ถนน เป็นไปอย่างรวดเร็วมากขึ้น”นายปกรณ์ กล่าว

นายปกรณ์ กล่าวต่อว่า ส่วนปัญหาในเรื่องของที่ทำกิน จะต้องเร่งผลักดันให้มีการออกใบอนุญาตโดยเร็ว เพื่อแก้ปัญหาดังกล่าว เพราะปัจจุบันมีประชาชน กว่า 2 หมื่นครัวเรือนที่ยังไม่ได้รับใบอนุญาตในการเข้าทำกินในพื้นที่ป่าเสื่อมโทรม ตามนโยบายคณะอนุกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ (คทช.) เพื่อเป็นการลดปัญหาการบุกรุกป่า เพราะพื้นที่แม่ฮ่องสอนมีประชาชนที่เป็นกลุ่มชาติพันธ์หลากหลาย เน้นทำการเพาะปลูกอยู่ในพื้นที่สูงซึ่งส่วนใหญ่เป็นพื้นที่ป่า ดังนั้นควรส่งเสริมให้เกิดอาชีพที่มั่นคง และลดกระทำผิดทางกฎหมาย พร้อมให้เป็นแนวร่วมในการดูแลฟื้นฟูป่าให้อุดมสมบูรณ์มากขึ้นไปพร้อมกัน

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 2 มิถุนายน 2566