โลกเปลี่ยน ไทยต้องปรับ ทางเลือกใหม่ของการเมืองไทย ก้าวข้ามความขัดแย้ง สานพลังประชาราษฎร์ ร่วมสร้างชาติให้ยั่งยืน

เดือน: ตุลาคม 2024

“พล.อ.ประวิตร”แสดงความเสียใจต่อครอบครัวผู้สูญเสียในเหตุไฟไหม้รถบัสของครู นักเรียน จ.อุทัย ชี้ เยาวชนถือเป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาชาติ ต้องดูแลคุณภาพชีวิตให้ดี

,

“พล.อ.ประวิตร”แสดงความเสียใจต่อครอบครัวผู้สูญเสียในเหตุไฟไหม้รถบัสของครู นักเรียน จ.อุทัย ชี้ เยาวชนถือเป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาชาติ ต้องดูแลคุณภาพชีวิตให้ดี

เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2567 เวลา 16.00  น.พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวว่า ในนามของพรรคพลังประชารัฐ ตนและสมาชิกพรรคทุกคน ขอแสดงความเสียใจกับครอบครัวของผู้ที่ได้รับบาดเจ็บและผู้เสียชีวิตในเหตุการณ์ไฟไหม้รถบัสทัศนศึกษาของนักเรียนโรงเรียนวัดเขาพระยาสังฆาราม อ.ลานสัก จ.อุทัยธานี บริเวณถนนวิภาวดีรังสิต หน้าอนุสรณ์สถาน จ.ปทุมธานี

“เหตุการณ์ดังกล่าวไม่ควรที่จะเกิดขึ้น เพราะทำให้เยาวชนและบุคลากรครูสูญเสียจำนวนมาก และยังมีผู้ที่ได้รับบาดเจ็บในโรงพยาบาลอีกส่วนหนึ่งด้วย โดยพรรคพลังประชารัฐขอเป็นกำลังใจกับผู้ประสบเหตุทุกคน และเราจะผลักดันให้เกิดมาตรการการป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์ร้ายแรงเช่นนี้อีก เพราะเยาวชนถือเป็นหัวใจสำคัญและเป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาชาติ จึงต้องดูแลเรื่องคุณภาพชีวิตของพวกเขาด้วย”

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 1 ตุลาคม 2567

‘เลขาฯไพบูลย์’ เผย ’พล.อ.ประวิตร‘ ทำหนังสือขอคืนเงินเดือน สส.ตั้งแต่รับตำแหน่งถึง 30 ก.ย.67 หวังเป็นตัวอย่างให้ สส.ติดภารกิจจำเป็นต้องลา ปฎิบัติตาม ยืนยัน ไม่กลัวการตรวจสอบ เตือนผู้ร้องใช้ความระมัดระวังด้วย

,

‘เลขาฯไพบูลย์’ เผย ’พล.อ.ประวิตร‘ ทำหนังสือขอคืนเงินเดือน สส.ตั้งแต่รับตำแหน่งถึง 30 ก.ย.67 หวังเป็นตัวอย่างให้ สส.ติดภารกิจจำเป็นต้องลา ปฎิบัติตาม ยืนยัน ไม่กลัวการตรวจสอบ เตือนผู้ร้องใช้ความระมัดระวังด้วย

วันนี้ (1 ต.ค. 67) นายไพบูลย์ นิติตะวัน เลขาธิการพรรค พร้อมด้วยนายภัครธรณ์ เทียนไชย และนางสาวกาญจนา จังหวะ รองเลขาธิการพรรค แถลงข่าวถึงกรณี พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ สส.บัญชีรายชื่อ  มีความประสงค์  ขอไม่รับเงินประจำตำแหน่งและเงินเพิ่มของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรให้มีผลตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.67 ไปจนถึงวันสิ้นสุดการดำรงตำแหน่งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.)

นอกจากนี้ยังส่งได้ส่งหนังสือแจ้งความประสงค์ ขอคืนเงินประจำตำแหน่งและเงินเพิ่มของ สส.ทั้งหมดที่ได้รับ ตั้งแต่เป็นสมาชิกภาพจนถึงวันที่ 30 ก.ย.67 โดยให้สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร แจ้งจำนวนเงินทั้งหมดให้ทราบโดยเร็วเพื่อนำส่งคืนให้ครบถ้วน

นายไพบูลย์ กล่าวว่า พลเอกประวิตรให้เหตุผลว่า การทำเช่นนี้เพื่อเป็นตัวอย่างให้ สส.ที่มีภารกิจมาก และอาจต้องลากิจกับสภาฯ บ่อย จึงอาจใช้วิธีเช่นเดียวกันนี้เพื่อประหยัดงบประมาณแผ่นดินก็จะเป็นการดี นอกจากนี้พลเอกประวิตร ยังระบุว่าภูมิใจมากในฐานะที่ได้ดำรงตำแหน่ง สส.และได้รับการเลือกตั้งจากประชาชนโดยตรง จำนวน 537,625 เสียง และยืนยันว่าจะเดินทางไปสภาฯ ให้มากขึ้น และขอแจ้งให้ทราบว่าในวันที่ 3 ต.ค.นี้ พลเอกประวิตรได้ยื่นหนังสือลาล่วงหน้าไว้แล้ว เนื่องจากติดภารกิจสำคัญมาก

ส่วนกรณีที่ นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ อดีต สส.เพื่อไทย ยื่นร้องจริยธรรมนั้น นายไพบูลย์ กล่าวว่า ส่วนตัวตนสงสัยว่า นายพร้อมพงศ์ จบการศึกษาจากไหน มีความรู้เรื่องกฎหมายอ่อนมาก นายพร้อมพงศ์ ควรจะตระหนักว่าไม่รู้กฎหมาย อย่าไปชวนคนอื่นทำผิดกฎหมายด้วย ตนให้ทนายไปแจ้งความและได้ดำเนินคดีแล้วว่าอาจจะกระทำฝ่าฝืนกฎหมาย นี่คือกรรมที่หนึ่ง และยังเหลืออีกสองกรรม “นายพร้อมพงศ์ ถูกตัดสิทธิ์ทางการเมืองถึงปี 69 ระวังดีๆ ด้วยความเป็นห่วงทางกฎหมายอาจจะถูกตัดสิทธิ์ต่อก็ได้”

“กระบวนการตรวจสอบ พล.อ.ประวิตร ท่านไม่มีปัญหาอะไร สบายใจอยู่แล้ว ฝ่ายตรวจสอบก็ตรวจสอบไป พรรคได้ตรวจสอบแล้วว่าไม่มีการฝ่าฝืนกฎหมาย ข้อบังคับ หรือจริยธรรม เราไม่กลัวการตรวจสอบ แต่ถ้าเป็นเพียงแค่ผู้ร้องให้ตรวจสอบก็ขอให้ใช้ความระมัดระวัง”นายไพบูลย์ กล่าว

นายไพบูลย์ ยังเปิดเผยถึงการดำเนินคดี นายดนัย เอกมหาสวัสดิ์ รักษาการผู้อำนวยการบริษัท อสมท. จำกัด (มหาชน) ในคดีหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา โดยเมื่อวานนี้ (30 ก.ย.) ทนายความได้ส่งคำฟ้องที่ศาลอาญาแล้ว  เป็นคดีดำอ.2871/2567  และศาลนัดไต่สวนมูลฟ้องวันจันทร์ที่ 25 พฤศจิกายน เวลา 9.00 น. ทั้งนี้ ผู้ที่ถูกฟ้องคดีทั้งสามคน ตนได้ดำเนินการฟ้องที่ศาลแพ่ง ข้อหาความผิดละเมิดให้เสียหายต่อชื่อเสียงจำนวน 50 ล้านบาท ยื่นฟ้องไปที่ศาลแพ่ง ย้ำ ตนเป็นคนที่พูดอะไรต้องทำตามนั้น ทุกๆคำพูดของตน

นายไพบูลย์ ยังกล่าวถึงปัญหาที่จะเกิดขึ้นกับพรรคการเมืองที่นายพร้อมพงศ์เป็นสมาชิกอยู่ ว่า ไม่รู้ได้รับคำสั่งจากแกนนำพรรค  ให้มาร้องเรียนหรือไม่  

“อย่าหยุด ทำอะไรก็ทำ เพราะแหล่งข่าวบอกว่าให้จับตาดูวันที่ 10 ตุลาคม จะเกิดจุดเริ่มต้นของปัญหาใหญ่ พรรคที่นายพร้อมพงศ์ สังกัดอยู่ อาจจะต้องกระทบรุนแรง แหล่งข่าวที่บอกมาน่าเชื่อถือ น่าจะเกิดขึ้นจริงได้ อยากให้แกนนำพรรค เตรียมรับแรงกระแทก รับมือไม่ดีอาจถึงขั้นล่มสลาย ส่วนปัญหารุนแรงคือไร ตนไม่ทราบ เขาบอกเพียงเท่านั้น ยืนยัน ไม่ใช่คำร้องเดิมๆ  ขอให้ติดตามว่าจะเกิดอะไรขึ้น“

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 1 ตุลาคม 2567