โลกเปลี่ยน ไทยต้องปรับ ทางเลือกใหม่ของการเมืองไทย ก้าวข้ามความขัดแย้ง สานพลังประชาราษฎร์ ร่วมสร้างชาติให้ยั่งยืน

วัน: 1 ตุลาคม 2024

แถลงข่าวพรรคพลังประชารัฐ ทีม ศก. พรรคพลังประชารัฐ ‘’มล.กรกสิวัฒน์-ธีระชัย“ วิพากษ์ผลงานของรัฐบาล กระทุ้งให้เงินบาทแข็งลดราคานํ้ามัน และระวังการเขมือบบริหารกองทุนวายุภักษ์

,

แถลงข่าวพรรคพลังประชารัฐ
ทีม ศก. พรรคพลังประชารัฐ ‘’มล.กรกสิวัฒน์-ธีระชัย“ วิพากษ์ผลงานของรัฐบาล กระทุ้งให้เงินบาทแข็งลดราคานํ้ามัน และระวังการเขมือบบริหารกองทุนวายุภักษ์

วันที่ 1 ตุลาคม 2567 ทีมเศรษฐกิจพรรคพลังประชารัฐ ประกอบด้วย มล.กรกสิวัฒน์ เกษมศรี กรรมการบริหารพรรคฯ นาย ธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และ พล.ต.ท.ปิยะ ต๊ะวิชัย โฆษกพรรคพลังประชารัฐ ร่วมกันแถลงข่าวตรวจสอบการทำงานของรัฐบาลนายกฯ แพทองธาร โดยมุ่งตรงไปยัง เรื่องเงินบาทกระทบราคานํ้ามัน และกองทุนวายุภักษ์

ดร.ม.ล.กรกสิวัฒน์ เกษมศรี กรรมการบริหารพรรค กล่าวว่า เรื่องเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นอย่างรวดเร็วในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมาเป็นสิ่งที่น่าเห็นใจต่อผู้ส่งออก เพราะแม้ว่าขายสินค้าเป็นเงินดอลล่าร์เท่าเดิมก็จริง แต่เมื่อแปลงเป็นบาทก็จะได้จำนวนน้อยลงกว่าเดิมถึง 10%

แต่เงินบาทอยู่ในตลาดเสรี การจะกำหนดให้ค่าเงินบาทแข็งหรืออ่อนคงที่ เป็นสิ่งที่ทำได้ยาก เนื่องจากเงินบาทก็มันเหมือนสินค้าทั่วไปเมื่อมีคนต้องการมาก ราคาก็แพง หรือ เรียกว่า “บาทแข็ง” ตอนนี้ใช้เงินเพียง 33 บาท แลกเงินดอลล่าร์ได้ 1 เหรียญ ขณะที่ 3 เดือนก่อนต้องใช้เงินถึง 36 บาท จึงแลกเงินดอลล่าร์ได้ 1 เหรียญ

เงินบาทแข็งมีข้อเสีย ที่รู้กันดี คือ ส่งออกแล้วได้เงินบาทน้อยลง แต่การนำเข้าก็จ่ายเงินบาทน้อยลงเช่นกัน ข้อดีของบาทแข็ง คือ การนำเข้าสินค้าจำเป็นทั้ง นํ้ามันดิบ เพื่อกลั่นเป็นนํ้ามันเบนซินและดีเซล การนำเข้าก๊าซแอลเอ็นจี เพื่อผลิตไฟฟ้าก็ต้องถูกลง ดังนั้น เมื่อบาทแข็งค่าครองชีพควรถูกลง เพราะต้นทุนการผลิตสินค้าและการขนส่งถูกลง

แต่ภายใต้การบริหารงานของนายกรัฐมนตรีแพทองธาร ชินวัตร ราคานํ้ามันกลับมีราคาแพงขึ้นอย่างมีนัยยะสำคัญ ซึ่งจะส่งผลให้ต้นทุนการผลิตและการขนส่งยังคงสูง เงินเฟ้อจึงปรับตัวลงได้ยาก

เปรียบเทียบราคานํ้ามันในวันที่ 17 ธ.ค. 2564 ในช่วงที่เงินบาทและราคานํ้ามันดิบอยู่ในระดับเดียวกันกับปัจจุบัน (24 ก.ย. 2567) พบว่า ภายใต้การจัดการของนายกรัฐมนตรีแพทองธาร ในฐานะประธานคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช) ราคานํ้ามันกลับแพงขึ้น 4.5-5.5 บาท (ดูตารางแนบ) ทั้งนํ้ามันเบนซิน แก๊ซโซฮอลและนํ้ามันดีเซล เพราะมีการเรียกเก็บเงินกองทุนสูงขึ้น เก็บค่าการตลาดสูงขึ้น เก็บภาษีมูลค่าเพิ่มสูงขึ้น

ดังนั้น ท่านนายกฯ ต้องตระหนักว่า ท่านต้องปฏิบัติหน้าที่ในฐานะประธานคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช) ซึ่งมีอำนาจในการกำหนดนโยบายยิ่งกว่ารัฐมนตรีพลังงาน จึงต้องจัดการปัญหาราคาพลังงานอย่างจริงจังและเร่งด่วน ก่อนที่ประชาชนจะตำหนิท่านว่า บริหารประเทศแบบ ปากว่าตาขยิบ

เพราะท่านเคยหาเสียงไว้ว่า ถ้าท่านเป็นรัฐบาลจะลดราคาพลังงานทันที แต่วันนี้ท่านเป็นนายกฯ แล้วกลับปล่อยปละละเลยให้ราคานํ้ามันสูงไม่สะท้อนค่าเงินบาทแข็ง ส่วนค่าไฟฟ้าก็ไม่มีแนวโน้มว่าจะลดลง ทั้งที่การนำเข้าก๊าซแอลเอ็นจีมีราคาตํ่าลง และข่าวร้ายก็คือ ค่าไฟฟ้าอาจจะปรับขึ้นในอนาคตอันใกล้นี้อีกด้วย

ดังนั้น หากท่านแพทองธารเป็นนายกฯ ที่ดี ต้องไม่นิ่งเฉย เพราะการไม่แก้ไขปัญหาจะเหมือนการทำร้ายประเทศชาติ ประชาชน และผู้ประกอบการ

**********

นายธีระชัยเปิดเผย มีข่าวว่าอาจมี “กลุ่มทุนยักษ์ไทยดูไบ” สนใจเรื่องคาสิโน และเรื่องกองทุนวายุภักษ์

กรณีคาสิโน:- นายธีระชัยนำข่าวจากสื่อมวลชนมาถ่ายทอด เกี่ยวกับบริษัท VGI ซึ่งราคาหุ้นพุ่งขึ้นหวือหวา โดยนสพ.’ข่าวหุ้น’ ระบุสาเหตุเนื่องจาก มีข่าวว่าเป็นรายหนึ่งที่จะยื่นขอใบอนุญาตคาสิโน

สื่อรายงานว่า บริษัท VGI เดิมมีนายคีรี กาญจนพาสน์ถือหุ้นอยู่ 60% บัดนี้ยอมลดลงเหลือ 30% เพราะขายหุ้น 45% ให้แก่นักลงทุนใหม่ 4 ราย รายหนึ่งชื่อกองทุน Opus Chartered Issuance ซึ่งนสพ.’ข่าวหุ้น’ เรียกเป็น “กลุ่มทุนยักษ์ไทยดูไบ”

ทั้งนี้ ข้อมูลจากกูเกิ้ลพบว่า Opus Chartered Issuance เป็นบริษัทโบรกเกอร์จดทะเบียนจัดตั้งในประเทศลักเซมเบิร์กในยุโรป ให้บริการเป็นหน้าฉากเพื่อปิดบังชื่อของผู้ถือหุ้นแท้จริง มีที่อยู่ติดต่อได้ในเมือง Umm Al Quwain ซึ่งอยู่ในสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ใกล้กับดูไบ ประชาชนจึงควรติดตามว่า โครงสร้างการถือหุ้นแบบนี้ ตั้งสมญานามเป็นไอ้โม่งดูไบ ได้หรือไม่? และเข้ามาลงทุนเพื่อวัตถุประสงค์ใด?

สื่อรายงานอีกว่า ส่วนนักลงทุนใหม่ในบริษัท VGI อีก 2 รายคือ CAI Optimum Fund VCC และ ASEAN Bounty นั้น นสพ. ‘ข่าวหุ้น’ พบว่ามีความเชื่อมโยงไปที่ บล.ฟินันซ่า ซึ่งเป็นที่ปรึกษาให้แก่กองทุนวายุภักษ์ด้วย
กรณีกองทุนวายุภักษ์:- นายธีระชัยนำข่าวจากสื่อมวลชนมาถ่ายทอด เหตุการณ์เมื่อวันที่ 24 ก.ย. 2567 กองทุน Opus เข้ามาซื้อหุ้นใน บลจ. MFC 24.96% ซึ่งทำให้เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่สุด (ธนาคารออมสิน 24.94% และกระทรวงการคลัง 15.92%) ทั้งนี้ เนื่องจาก บลจ. MFC เป็นหนึ่งในสองผู้บริหารกองทุนวายุภักษ์ ประชาชนจึงควรติดตามว่า อาจมีไอ้โม่งเบื้องหลัง ที่ต้องการควบคุมการบริหารกองทุน ใช่หรือไม่?

นายธีระชัยอธิบายว่ากองทุนวายุภักษ์เป็นเป้าหมายที่ล่อใจ เพราะเงินที่เพิ่งระดมจากเอกชน 1.5 แสนล้านบาทนั้น กระทรวงการคลังได้ขยายขอบเขตให้ลงทุนได้แบบซูเปอร์เสี่ยง ได้ทั้งในและนอกประเทศไทย ทั้งหุ้นและตราสารหนี้ ทั้งในและนอกตลาดหลักทรัพย์

“ผมตั้งคำถาม ทำไมรัฐมนตรีคลังอนุมัติให้เสนอขายกองทุนวายุภักษ์อย่างไม่โปร่งใส ผิดวิสัยกองทุนขายประชาชนทั่วไป เพราะไม่ระบุเป้าหมายประเภทธุรกิจที่จะลงทุน แบบนี้ผู้จองซื้อจะไม่สามารถวิเคราะห์อนาคตได้เลย เพียงแค่จูงใจด้วยการประกันผลตอบแทนขั้นตํ่า และคุ้มครองเงินต้น ..

ผมจึงขอเตือนรัฐมนตรีคลัง ท่านมีหน้าที่ต้องป้องกันมิให้โครงการซึ่งเป็นของรัฐบาลไทย ตกไปเป็นเครื่องมือในการสมคบกันหาประโยชน์ส่วนตนให้แก่กลุ่มพรรคพวก” นายธีระชัยยํ้า

พร้อมทั้งเปิดเผยด้วยว่า ตนเองได้ร้องเรียนขอให้ ป.ป.ช. ตรวจสอบว่า อาจมีการปฏิบัติไม่สอดคล้องกฎหมายอาญา มาตรา 147, มาตรา 152, มาตรา 157 และมาตรา 358 หรือไม่ เพราะการเอาเงินแผ่นดิน 3.5 แสนล้านบาทไปประกันผลตอบแทนและคุ้มครองเงินต้นให้แก่ผู้ลงทุนเอกชนนั้น อาจเป็นการมิชอบ

นายธีระชัยเชิญชวน ผู้ใดที่สนใจจะปกป้องผลประโยชน์ของชาติ และต้องการเจาะลึกในประเด็นเทคนิค ก็ติดต่อมาขอคำอธิบายได้

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 1 ตุลาคม 2567

“พล.ต.ท.ปิยะ “เผย ที่ประชุม พปชร.เห็นควรต้องยกเลิก MOU 2544 ไทย-กัมพูชา เพื่อป้องอธิปไตยทางทะเล เกาะกูด พร้อมเปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร สส.ภาคอีสานเสริมทัพอีก 7 คน

,

“พล.ต.ท.ปิยะ “เผย ที่ประชุม พปชร.เห็นควรต้องยกเลิก MOU 2544 ไทย-กัมพูชา เพื่อป้องอธิปไตยทางทะเล เกาะกูด พร้อมเปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร สส.ภาคอีสานเสริมทัพอีก 7 คน

พล.ต.ท.ปิยะ ต๊ะวิชัย โฆษกพรรคพลังประชารัฐ และ น.ส.กาญจนา จังหวะ รองเลขาธิการพรรค ร่วมแถลงข่าวภายหลังการประชุม คณะกรรมการบริหารพรรค และสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร(สส.) พปชร. ที่มี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เป็นประธานเปิดเผยว่า ก่อนอื่นในนามของพรรคพลังประชารัฐ ขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งกับครอบครัวของผู้สูญเสียในเหตุการณ์ไฟไหม้รถบัสทัศนศึกษาของนักเรียนโรงเรียนวัดเขาพระยาสังฆาราม อ.ลานสัก จ.อุทัยธานี บริเวณถนนวิภาวดีรังสิต หน้าอนุสรณ์สถาน จ.ปทุมธานี จนเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บ

พล.ต.ท.ปิยะ กล่าวต่อว่า ในวันนี้ที่ประชุมพรรคพลังประชารัฐได้มีการหารือถึงสถานการณ์อุทกภัยในหลายจังหวัดของประเทศไทย โดย พล.อ.ประวิตร เป็นห่วงสถานการณ์ความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนอย่างมาก จึงกำชับให้ สส.ของพรรค โดยเฉพาะในพื้นที่ภาคเหนือและภาคอีสาน ลงพื้นที่ดูแลประชาชนในเขตอุทกภัย โดยพื้นที่ใดที่ความช่วยเหลือจากภาครัฐยังเข้าไปไม่ถึง พรรคพลังประชารัฐจะลงไปให้การช่วยเหลือในทุกพื้นที่

นอกจากนี้ ที่ประชุมได้พิจารณาเห็นชอบการดำเนินจัดทำข้อมูลจังหวัดในเขตเลือกตั้ง และมอบหมายให้รองหัวหน้าพรรคแต่ละคนลงพื้นที่ไปติดตามเพื่อเข้าถึงปัญหาต่าง ๆ ของชาวบ้าน และนำมาแก้ปัญหาต่อไป

พล.ต.ท.ปิยะ ยังเปิดเผยด้วยว่า พรรคพปชร.มีการหารือถึงประเด็นบันทึกความเข้าใจระหว่างรัฐบาลไทยกับรัฐบาลกัมพูชา ว่าด้วยพื้นที่ที่ไทยและกัมพูชาอ้างสิทธิในไหล่ทวีปทับซ้อนกัน หรือ “MOU 2544” ที่ทำขึ้น ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ และนำมาใช้เป็นเครื่องมือมาดำเนินการแบ่งเขตอธิปไตยของไทยทางทะเลอ่าวไทย และแบ่งผลประโยชน์ทรัพยากรพลังงานธรรมชาติในทะเลของไทยให้แก่กัมพูชา ทั้งนี้ พปชร.ต้องการปกป้องเขตอธิปไตยทางทะเลบริเวณเกาะกูดอ่าวไทยเนื้อที่ 26,000 ตารางกิโลเมตร และผลประโยชน์ทรัพยากรพลังงานธรรมชาติ มูลค่า 20 ล้านล้านบาทของไทยในทะเลอ่าวไทย โดยจะมีการยื่นกระทู้หรือเสนอเป็นญัตติในที่ประชุมสภาฯเพื่อสอบถามรัฐบาลถึงแนวทางของเรื่องนี้ต่อไป

ด้าน น.ส.กาญจนา กล่าวว่า วันนี้พรรคพลังประชารัฐ มีบุคคลที่เข้ามาร่วมงานกับพรรคด้วยอุดมการณ์ทางการเมืองที่ตรงกัน โดยจะมาเป็นว่าที่ผู้สมัครในจังหวัดภาคอีสาน 7 คน ได้แก่ นางสาวปภาสิริ ศรีตะบุตร จังหวัดหนองคาย,นายสุชาติ ศรีสังข์ จังหวัดมหาสารคาม,นายโกศล คาดพันโน จังหวัดมหาสารคาม,นางสาววารุณี งอยผาลา จังหวัดสกลนคร,นายประพันธ์ คนหาญ จังหวัดมุกดาหาร,ดร.สมชอบ นิติพจน์ จังหวัดนครพนม และนางสาวจารุวรรณ จังหวะ จังหวัดชัยภูมิ

“ทุกท่านล้วนเป็นผู้มีความสามารถ และมีประสบการณ์ในพื้นที่มายาวนาน โดยเราจะทำหน้าที่ฝ่ายค้านอย่างเต็มรูปแบบ ควบคู่ไปกับการดูแลทุกข์สุขของพี่น้องประชาชน พวกเราทุกคนที่ยืนอยู่ตรงนี้มีอุดมการณ์ตรงกัน พร้อมที่จะทำเพื่อชาติ และยึดมั่นในสถาบันพระมหากษัตริย์“น.ส.กาญจนา กล่าว

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 1 ตุลาคม 2567

“พล.อ.ประวิตร”แสดงความเสียใจต่อครอบครัวผู้สูญเสียในเหตุไฟไหม้รถบัสของครู นักเรียน จ.อุทัย ชี้ เยาวชนถือเป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาชาติ ต้องดูแลคุณภาพชีวิตให้ดี

,

“พล.อ.ประวิตร”แสดงความเสียใจต่อครอบครัวผู้สูญเสียในเหตุไฟไหม้รถบัสของครู นักเรียน จ.อุทัย ชี้ เยาวชนถือเป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาชาติ ต้องดูแลคุณภาพชีวิตให้ดี

เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2567 เวลา 16.00  น.พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวว่า ในนามของพรรคพลังประชารัฐ ตนและสมาชิกพรรคทุกคน ขอแสดงความเสียใจกับครอบครัวของผู้ที่ได้รับบาดเจ็บและผู้เสียชีวิตในเหตุการณ์ไฟไหม้รถบัสทัศนศึกษาของนักเรียนโรงเรียนวัดเขาพระยาสังฆาราม อ.ลานสัก จ.อุทัยธานี บริเวณถนนวิภาวดีรังสิต หน้าอนุสรณ์สถาน จ.ปทุมธานี

“เหตุการณ์ดังกล่าวไม่ควรที่จะเกิดขึ้น เพราะทำให้เยาวชนและบุคลากรครูสูญเสียจำนวนมาก และยังมีผู้ที่ได้รับบาดเจ็บในโรงพยาบาลอีกส่วนหนึ่งด้วย โดยพรรคพลังประชารัฐขอเป็นกำลังใจกับผู้ประสบเหตุทุกคน และเราจะผลักดันให้เกิดมาตรการการป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์ร้ายแรงเช่นนี้อีก เพราะเยาวชนถือเป็นหัวใจสำคัญและเป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาชาติ จึงต้องดูแลเรื่องคุณภาพชีวิตของพวกเขาด้วย”

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 1 ตุลาคม 2567

‘เลขาฯไพบูลย์’ เผย ’พล.อ.ประวิตร‘ ทำหนังสือขอคืนเงินเดือน สส.ตั้งแต่รับตำแหน่งถึง 30 ก.ย.67 หวังเป็นตัวอย่างให้ สส.ติดภารกิจจำเป็นต้องลา ปฎิบัติตาม ยืนยัน ไม่กลัวการตรวจสอบ เตือนผู้ร้องใช้ความระมัดระวังด้วย

,

‘เลขาฯไพบูลย์’ เผย ’พล.อ.ประวิตร‘ ทำหนังสือขอคืนเงินเดือน สส.ตั้งแต่รับตำแหน่งถึง 30 ก.ย.67 หวังเป็นตัวอย่างให้ สส.ติดภารกิจจำเป็นต้องลา ปฎิบัติตาม ยืนยัน ไม่กลัวการตรวจสอบ เตือนผู้ร้องใช้ความระมัดระวังด้วย

วันนี้ (1 ต.ค. 67) นายไพบูลย์ นิติตะวัน เลขาธิการพรรค พร้อมด้วยนายภัครธรณ์ เทียนไชย และนางสาวกาญจนา จังหวะ รองเลขาธิการพรรค แถลงข่าวถึงกรณี พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ สส.บัญชีรายชื่อ  มีความประสงค์  ขอไม่รับเงินประจำตำแหน่งและเงินเพิ่มของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรให้มีผลตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.67 ไปจนถึงวันสิ้นสุดการดำรงตำแหน่งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.)

นอกจากนี้ยังส่งได้ส่งหนังสือแจ้งความประสงค์ ขอคืนเงินประจำตำแหน่งและเงินเพิ่มของ สส.ทั้งหมดที่ได้รับ ตั้งแต่เป็นสมาชิกภาพจนถึงวันที่ 30 ก.ย.67 โดยให้สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร แจ้งจำนวนเงินทั้งหมดให้ทราบโดยเร็วเพื่อนำส่งคืนให้ครบถ้วน

นายไพบูลย์ กล่าวว่า พลเอกประวิตรให้เหตุผลว่า การทำเช่นนี้เพื่อเป็นตัวอย่างให้ สส.ที่มีภารกิจมาก และอาจต้องลากิจกับสภาฯ บ่อย จึงอาจใช้วิธีเช่นเดียวกันนี้เพื่อประหยัดงบประมาณแผ่นดินก็จะเป็นการดี นอกจากนี้พลเอกประวิตร ยังระบุว่าภูมิใจมากในฐานะที่ได้ดำรงตำแหน่ง สส.และได้รับการเลือกตั้งจากประชาชนโดยตรง จำนวน 537,625 เสียง และยืนยันว่าจะเดินทางไปสภาฯ ให้มากขึ้น และขอแจ้งให้ทราบว่าในวันที่ 3 ต.ค.นี้ พลเอกประวิตรได้ยื่นหนังสือลาล่วงหน้าไว้แล้ว เนื่องจากติดภารกิจสำคัญมาก

ส่วนกรณีที่ นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ อดีต สส.เพื่อไทย ยื่นร้องจริยธรรมนั้น นายไพบูลย์ กล่าวว่า ส่วนตัวตนสงสัยว่า นายพร้อมพงศ์ จบการศึกษาจากไหน มีความรู้เรื่องกฎหมายอ่อนมาก นายพร้อมพงศ์ ควรจะตระหนักว่าไม่รู้กฎหมาย อย่าไปชวนคนอื่นทำผิดกฎหมายด้วย ตนให้ทนายไปแจ้งความและได้ดำเนินคดีแล้วว่าอาจจะกระทำฝ่าฝืนกฎหมาย นี่คือกรรมที่หนึ่ง และยังเหลืออีกสองกรรม “นายพร้อมพงศ์ ถูกตัดสิทธิ์ทางการเมืองถึงปี 69 ระวังดีๆ ด้วยความเป็นห่วงทางกฎหมายอาจจะถูกตัดสิทธิ์ต่อก็ได้”

“กระบวนการตรวจสอบ พล.อ.ประวิตร ท่านไม่มีปัญหาอะไร สบายใจอยู่แล้ว ฝ่ายตรวจสอบก็ตรวจสอบไป พรรคได้ตรวจสอบแล้วว่าไม่มีการฝ่าฝืนกฎหมาย ข้อบังคับ หรือจริยธรรม เราไม่กลัวการตรวจสอบ แต่ถ้าเป็นเพียงแค่ผู้ร้องให้ตรวจสอบก็ขอให้ใช้ความระมัดระวัง”นายไพบูลย์ กล่าว

นายไพบูลย์ ยังเปิดเผยถึงการดำเนินคดี นายดนัย เอกมหาสวัสดิ์ รักษาการผู้อำนวยการบริษัท อสมท. จำกัด (มหาชน) ในคดีหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา โดยเมื่อวานนี้ (30 ก.ย.) ทนายความได้ส่งคำฟ้องที่ศาลอาญาแล้ว  เป็นคดีดำอ.2871/2567  และศาลนัดไต่สวนมูลฟ้องวันจันทร์ที่ 25 พฤศจิกายน เวลา 9.00 น. ทั้งนี้ ผู้ที่ถูกฟ้องคดีทั้งสามคน ตนได้ดำเนินการฟ้องที่ศาลแพ่ง ข้อหาความผิดละเมิดให้เสียหายต่อชื่อเสียงจำนวน 50 ล้านบาท ยื่นฟ้องไปที่ศาลแพ่ง ย้ำ ตนเป็นคนที่พูดอะไรต้องทำตามนั้น ทุกๆคำพูดของตน

นายไพบูลย์ ยังกล่าวถึงปัญหาที่จะเกิดขึ้นกับพรรคการเมืองที่นายพร้อมพงศ์เป็นสมาชิกอยู่ ว่า ไม่รู้ได้รับคำสั่งจากแกนนำพรรค  ให้มาร้องเรียนหรือไม่  

“อย่าหยุด ทำอะไรก็ทำ เพราะแหล่งข่าวบอกว่าให้จับตาดูวันที่ 10 ตุลาคม จะเกิดจุดเริ่มต้นของปัญหาใหญ่ พรรคที่นายพร้อมพงศ์ สังกัดอยู่ อาจจะต้องกระทบรุนแรง แหล่งข่าวที่บอกมาน่าเชื่อถือ น่าจะเกิดขึ้นจริงได้ อยากให้แกนนำพรรค เตรียมรับแรงกระแทก รับมือไม่ดีอาจถึงขั้นล่มสลาย ส่วนปัญหารุนแรงคือไร ตนไม่ทราบ เขาบอกเพียงเท่านั้น ยืนยัน ไม่ใช่คำร้องเดิมๆ  ขอให้ติดตามว่าจะเกิดอะไรขึ้น“

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 1 ตุลาคม 2567