โลกเปลี่ยน ไทยต้องปรับ ทางเลือกใหม่ของการเมืองไทย ก้าวข้ามความขัดแย้ง สานพลังประชาราษฎร์ ร่วมสร้างชาติให้ยั่งยืน

“พล.ต.ท.ปิยะ” เผยรองฯสันติ มอบศูนย์นโยบายฯ พปชร.ศึกษา ร่าง พรบ.ศูนย์กลางการประกอบธุรกิจทางการเงิน ก่อนกำหนดท่าที ห่วง กระทบเสถียรภาพการเงินประเทศ

“พล.ต.ท.ปิยะ” เผยรองฯสันติ มอบศูนย์นโยบายฯ พปชร.ศึกษา ร่าง พรบ.ศูนย์กลางการประกอบธุรกิจทางการเงิน ก่อนกำหนดท่าที ห่วง กระทบเสถียรภาพการเงินประเทศ

เมื่อวันที่ 18 ก.พ.เวลา 14.00 น.ที่พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) พล.ต.ท.ปิยะ ต๊ะวิชัย โฆษกพรรคพลังประชารัฐ แถลงภายหลังการประชุมคณะกรรมการบริหารพรรค และคณะทำงานนโยบายและยุทธศาสตร์พรรคที่มีนายสันติ พร้อมพัฒน์ รองหัวหน้าพรรค ทำหน้าที่เป็นประธานในการประชุม แทน พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคว่าที่ประชุมได้พิจารณาถึงปัญหาปากท้องของพี่น้องประชาชนที่ได้รับผลกระทบ ไม่สามารถประกอบอาชีพ และสร้างรายได้ที่มั่นคง จึงเป็นข้อห่วงใยที่ประชุมมอบหมายให้ศูนย์วิชาการ ฯ หาแนวทางร่วมกันในการแก้ปัญหาเรื่องดังกล่าว เพราะเห็นว่าวันนี้รัฐบาลไม่มีนโยบายที่จะแก้ปัญหาปากท้องให้กับประชาชนได้อย่างแท้จริง

“รัฐบาลทำได้เพียงใช้วิธีการบริหารจัดการนำงบประมาณมาแจกจ่ายให้กับประชาชน เพื่อหวังกระตุ้นเศรษฐกิจให้มีการขยายตัวเพิ่มขึ้นเท่านั้น แต่ก็พบว่า  ตัวเลขเศรษฐกิจที่จะขยายตัวเพิ่มขึ้นนั้นไม่เป็นไปตามเป้าหมาย ชี้ให้เห็นว่า นโยบายของรัฐบาลยังขาดในเรื่องการยกระดับคุณภาพของแรงงาน ไม่มีการส่งเสริม สนับสนุนการพัฒนาศักยภาพการพัฒนาฝีมือแรงงาน การพัฒนาบุคลากรในทุกมิติ และนโยบายการเพิ่มความสามารถการแข่งขันของประเทศ” พล.ต.ท.ปิยะ

พล.ต.ท.ปิยะ กล่าวต่อว่า คณะตัวแทนพรรคพลังประชารัฐ ได้รายงานมติของที่ประชุมพรรคร่วมฝ่ายค้านให้กรรมการบริหารพรรคทราบว่า ฝ่ายค้านมีมติยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลในวันที่ 27 ก.พ.นี้ นอกจากนี้ ที่ประชุมยังได้พิจารณาถึงร่างพระราชบัญญัติศูนย์กลางการประกอบธุรกิจทางการเงิน พ.ศ. ที่รัฐบาลจะเสนอให้สภาผู้แทนราษฎรพิจารณา ซึ่งพรรคพลังประชารัฐเห็นว่า ในอนาคตจะกระทบต่อการบริหารจัดการด้านการเงินของประเทศเป็นอย่างมาก เพราะจะไปจำกัดอำนาจตามมาตรา 26 ของธนาคารแห่งประเทศไทยของผู้ว่าธนาคารแห่งประเทศไทยและเป็นการให้อำนาจคนกลางซึ่งจะถูกแต่งตั้งโดยนายกรัฐมนตรี ตลอดจนเสถียรภาพทางการเมืองก็จะถูกบั่นทอนโดยคณะกรรมการศูนย์กลางการประกอบธุรกิจทางการเงินที่จะนำเสนอนี้ ท่านสันติจึงมอบให้ศูนย์นโยบายและวิชาการฯศึกษา ร่าง พรบ.ฉบับนี้ให้มีมติและดำเนินการต่อไป

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์
วันที่: 18 กุมภาพันธ์ 2568

" ,