โลกเปลี่ยน ไทยต้องปรับ ทางเลือกใหม่ของการเมืองไทย ก้าวข้ามความขัดแย้ง สานพลังประชาราษฎร์ ร่วมสร้างชาติให้ยั่งยืน

“พปชร.” เตือนรัฐบาล กฎหมายศูนย์กลางการเงินจะทำลายความน่าเชื่อถือ ธปท.และระบบการเงินของประเทศ คาด เอื้อภาคการเมืองเพิ่มปริมาณเงินตามที่ต้องการ

“พปชร.” เตือนรัฐบาล กฎหมายศูนย์กลางการเงินจะทำลายความน่าเชื่อถือ ธปท.และระบบการเงินของประเทศ คาด เอื้อภาคการเมืองเพิ่มปริมาณเงินตามที่ต้องการ

เมื่อวันที่ 18 มี.ค.เวลา 14.25 น.นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ในฐานะประธานร่วมศูนย์นโยบายและวิชาการ แถลงข่าวเตือนรัฐบาลว่า ร่างพระราชบัญญัติศูนย์กลาง การประกอบธุรกิจทางการเงิน พ.ศ. … จะทำลายระบบการเงินของประเทศ ตามที่เมื่อวันที่ 14 มี.ค. นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้กล่าวบนเวทีงาน “MFC’s 50th Anniversary -The World’s Next Opportunities and Beyond เปิดโอกาสลงทุนแห่งอนาคต”ว่าพรรคเพื่อไทยอยากให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางของบล็อคเชนและคริปโตเคอเรนซี่ จึงจะดำเนินการ 3 เรื่อง คือ (ก) ออกเงินดิจิทัลในโครงการดิจิทัลวอลเล็ต (ข) จัดทำแซนบ็อกซ์ที่ภูเก็ตเพื่อใช้คริปโตเคอเรนซี่เป็นสกุลเงินในการแลกเปลี่ยน (ค) ออกเงินดิจิทัลแบบสเตเบิ้ลคอยน์ stable coin โดยเตรียมแผนไว้ให้ดำเนินการได้ภายใน
3 เดือน นั้น

นายธีระชัย เปิดเผยว่า แผนดำเนินการสามเรื่องดังกล่าวภายใต้กรอบกฎหมายปัจจุบันจะต้องผ่านการพิจารณาของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ในเรื่องกฎหมายเงินตราและในเรื่องกฎหมายระบบการชำระเงิน แต่กลับไม่แถลงว่ารัฐบาลที่นำโดยพรรคเพื่อไทยได้มีการปรึกษาหารือกับ ธปท. แต่อย่างใด
จึงบ่งชี้ว่ารัฐบาลจะไม่ดำเนินการภายในกรอบกฎหมายปัจจุบัน

“การที่ท่านอดีตนายกทักษิณออกมากล่าวเช่นนี้ บ่งชี้ว่ารัฐบาลมุ่งจะผ่านร่างพระราชบัญญัติศูนย์กลาง การประกอบธุรกิจทางการเงิน พ.ศ.เพื่อออกใบอนุญาตบริษัทการเงินรายใหม่ให้สามารถทำธุรกิจเข้ามาในตลาดภายในประเทศ แต่จะมีการตัดอำนาจของ ธปท.กลต.คปภ. ออกไป โดยจะจัดตั้งเป็นสำนักงานขึ้นมาใหม่ที่รวบอำนาจการพิจารณาออกใบอนุญาต และการออกกติกากำกับธุรกิจแทนองค์กรเหล่านี้”นายธีระชัยกล่าว

นายธีระชัย กล่าวเตือนให้รัฐมนตรีจากพรรคร่วมตระหนักว่า การตัดอำนาจขององค์กรอิสระออกไปเช่นนี้จะทำลายระบบการเงิน เพราะจะเปิดให้ภาคการเมืองสามารถเพิ่มปริมาณเงินได้เองตามที่ต้องการในรูปแบบเงินดิจิทัลที่ไม่ต้องมีทองคำหนุนหลัง ซึ่งจะกระทบต่อความเชื่อมั่นทั้งในนโยบายการเงินและในค่าเงินบาทอย่างหนัก

สำหรับความมุ่งมั่นให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางของบล็อคเชนและคริปโตเคอเรนซี่นั้น รัฐบาลจะต้องทำเฉพาะในหมู่บุคคลผูัมีถิ่นที่อยู่นอกประเทศ (non- residents) โดยจะต้องไม่ปล่อยให้ลามเข้ามาตลาดในประเทศ ทั้งที่ไม่ได้รับฉันทานุมัติจาก ธปท. เสียก่อน เพราะจะทำให้ ธปท.คุมปริมาณเงินไม่ได้ และจะก่อความเสี่ยงต่อระบบการชำระเงินอันเป็นกระดูกสันหลังของระบบการเงินที่รองรับทั้งการซื้อขายแลกเปลี่ยนเงินตรา เงินทุนที่ไหลเข้าออกตลาดเงินตลาดทุน และการนำเข้าและส่งออกทั้งสินค้าและบริการ

นายธีระชัย กล่าวเพิ่มเติมว่า คณะกรรมการบริหาร พปชร. ได้รับทราบปัญหาความเสี่ยงที่จะเกิดต่อระบบการเงิน และจะทำให้โลกขาดความเชื่อถือในนโยบายการเงินของไทย จึงมีมติให้คัดค้านร่างกฎหมายฉบับนี้ให้ถึงทึ่สุด เว้นแต่จะมีการแก้ไขปรับปรุงให้เหมาะสม ทั้งนี้ รัฐบาลสามารถนำเอาเทคโนโลยีบล็อกเชนและเศรษฐกิจดิจิทัลในการบริหารประเทศได้อยู่แล้ว โดยต้องไม่ไปทำลายความน่าเชื่อถือของ ธปท. และระบบการเงินของประเทศ”

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 18 มีนาคม 2568

" ,