พปชร. เดินสายปราศรัยทั่วเมืองสองแคว “สันติ”นำทัพขอเสียง ผู้สมัคร2 เขต ส่ง “ลุงป้อม” ทำภารกิจนายกฯให้ประเทศ
พร้อมทำสงครามกับความยากจนดันเป็นวาระแห่งชาติ ปชช. รอฟังข่าวดีทุกนโยบายทำทันที
8 พฤษภาคม 2566 พรรคพลังประชารัฐ เดินสายปราศรัยใหญ่ ที่จังหวัดพิษณุโลก นำโดย นายสันติ พร้อมพัฒน์ เลขาธิการพรรค นายวราเทพ รัตนากร คณะกรรมการยุทธศาสตร์พรรค นายชาญกฤช เดชวิทักษ์ โฆษกคณะกรรมการยุทธศาสตร์พรรค โดยเริ่มจากเวทีแรก ที่ ลานพระบรมรูปพ่อขุนศรีอินทราทิตย์ อำเภอนครไทย และจุดที่สอง ที่ ลานวัดสุพรรณพนมทอง อำเภอวังทอง ช่วยนายเอกพงษ์ กุญเจริญ ผู้สมัคร ส.ส.พิษณุโลก เบอร์ 1 เขต 5 และ นายหัสนัยน์ สอนสิทธิ์ ผู้สมัคร ส.ส.พิษณุโลก เบอร์ 7 เขต 3
นายสันติ กล่าวปราศรัยทั้ง 2 เวทีว่า รู้สึกดีใจที่พี่น้องชาวจังหวัดพิษณุโลกให้การต้อนรับอย่างอบอุ่น และขอฝากผู้สมัครทั้ง 2 คนที่มีคุณภาพของ พปชร. ไว้เป็นตัวแทนพี่น้องที่พร้อมดูแลและพัฒนาจังหวัดพิษณุโลก เรามีความตั้งใจให้พี่น้องกินดีอยู่ดี นโยบายที่สำคัญที่สุด ของพรรคพลังประชารัฐที่จะส่งถึงพี่น้องประชาชน คือนโยบายก้าวข้ามความขัดแย้ง หากชุมชนมีความสามัคคี เป็นหนึ่งเดียวกัน การคิดไม่เหมือนกัน เป็นเรื่องปกติ แต่ขออย่าขัดแย้งกัน เพราะความขัดแย้งจะทำให้การพัฒนาของบ้านเราไม่เจริญ และเมื่อก้าวข้ามความขัดแย้งไปได้แล้ว ก็จะนำไปสู่การก้าวข้ามความยากจน
วันนี้เรามุ่งมั่นที่จะเลือกผู้แทนของเรา มาเป็นตัวแทน นำเสนอปัญหาของพี่น้องประชาชนเสนอต่อรัฐบาล เพื่อแก้ไขปัญหาความยากจนให้กับชาวพิษณุโลก เพราะ พื้นที่จังหวัดพิษณุโลก เป็นเมืองเกษตร ทั้งข้าว ข้าวโพด และผลไม้ชนิดต่างๆ ถ้าพัฒนาขึ้นมาเป็นกลุ่มภาคการเกษตร ที่มีตัวแทนจำหน่าย วางแผนในการเพาะปลูก ก็จะทำให้ได้ราคามากยิ่งขึ้น และมีประสิทธิภาพ และเรื่องน้ำที่พี่น้องประชาชน มีความต้องการ ซึ่งพลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรค ได้ทำพื้นที่กักเก็บน้ำในแม่น้ำ เพื่อให้หน้าแล้ง สามารถกักเก็บน้ำได้ไว้ใช้ทำการเกษตร ในช่วงน้ำหลาก และสำรวจพื้นที่ที่เป็นแอ่งน้ำสำรองขุดลอกคูคลอง เพื่อให้สามารถกักเก็บน้ำได้มาใช้ในการเกษตรฤดูแล้ง
นายสันติ กล่าวย้ำถึงบัตรประชารัฐของพี่น้อง ที่พรรคพลังประชารัฐ จะผลักดันให้เกิดขึ้นเพื่อให้ทุกท่านนำเงินไปใช้ดำรงชีวิต ซึ่งหากพลเอกประวิตร ได้เป็นรัฐบาล จะเพิ่มบัตรประชารัฐ 300 เป็น 700 บาทในทันที นอกจากนี้ เราจะเติมทุนตั้งต้นเพื่อประกอบอาชีพคนละ 30,000 บาท โดยผ่านการฝึกกอบรมและเพิ่มทักษะการประกอบอาชีพเมื่อผ่านแล้วจะได้ทุนตั้งต้นทันทีในการประกอบอาชีพค้าขาย เพื่อสร้างรายได้ ให้กับ ครอบครัว โดยไม่ต้องไปกู้ยืม นอกจากนี้ยังห่วงผู้สูงอายุซึ่งผู้ถือบัตรประชารัฐ ยังมีประนโยบายประกันชีวิตอีก 200,000 บาท
วันนี้ตนมารับรองว่าทุกนโยบายที่พรรคพลังประชารัฐ นำเสนอ สามารถทำได้จริง และจะทำทันทีเมื่อเป็นรัฐบาล ตนขอฝากเลือกเบอร์ 37 เลือกพรรคพลังประชารัฐ เลือกพลเอกประวิตร เข้าไปทำทันที สำหรับนโยบายเหล่านี้ ที่กล่าวมาทั้งหมด
ขณะที่นายชาญกฤช ปราศรัยว่า พลเอกประวิตร ได้ประกาศสงครามกับความยากจน เงินในกระเป๋าจะต้องมีมากขึ้น สิ่งที่เราจะทำทันที คือประกาศลดราคาเบนซินทันที และราคาน้ำมันดีเซล ถ้าลุงป้อม ได้ขึ้นมาเป็นนายกฯ จะประกาศลง 6 บาทต่อลิตรทันที ก๊าซหุงต้ม จะลดลงเหลือ 250 บาทต่อถัง และจะลดค่าไฟหน่วยละ 4.70 บาท นี่คือ สิ่งที่เราจะทำสงครามกับความยากจน ให้เห็นเป็นรูปธรรม ปรับลดพลังงานทั้งระบบ มาฟังข่าวดีได้เลยเมื่อพลเอกประวิตรได้เป็นนายกฯ และการปรับโครงสร้างหนี้ทันทีใน 100 วันเมื่อเป็นรัฐบาล ทั้งในและนอกระบบโดยการผลักดันให้เป็น วาระแห่งชาติ รัฐบาลจะเข้ามาเจรจากับเจ้าหนี้ ทั้งในระบบและนอกระบบ โดยทำทันที เช่นพักเงินต้น ลดดอกเบี้ย และย้ายจากธนาคารเก่า ไปสู่ธนาคารใหม่
พี่น้องที่ปลูกพืชทางการเกษตร ต้องใช้ปุ๋ยในการดูแลพืชผล พรรคพลังประชารัฐ จะมาช่วยพี่น้องคนละครึ่ง ในการชำระค่าปุ๋ย พร้อมจัดตั้งกองทุนปุ๋ยประชารัฐ เมื่อลุงป้อมเป็นนายกฯ
นายชาญกฤช ย้ำว่า ลุงป้อมมีลักษณะเด่น คือ เดินช้า คิดเร็ว และตัวเบา คือที่เดินช้า เพราะมีปัญหาเรื่องเส้นประสาท แต่เป็นคนที่คิดเร็ว แก้ปัญหาให้พี่น้องประชาชนอย่างรวดเร็ว แม้อาจจะเดินช้า แต่สมองแก้ปัญหาเร็ว และลุงป้อมหูไม่เบา มีการไตร่ตรองอย่างรอบคอบ และสิ่งสุดท้ายลุงป้อม ตัวเบา ไม่มีครอบครัวไม่มีภรรยาและลูก บั้นปลายของชีวิตของลุงป้อมตั้งใจ ที่จะทำให้กับพี่น้องประชาชน สามารถก้าวข้ามความขัดแย้ง และก้าวข้ามความยากจน และทำภารกิจให้กับประเทศชาติ ซึ่งลุงป้อมแม้ขาไม่ดี แต่เดินทางไปทั่วประเทศทั้ง 77 จังหวัด เพื่อแก้ปัญหากับพี่น้องประชาชนไม่ว่าจะเป็นเรื่องหนี้นอกระบบ ที่ทำกิน แหล่งน้ำ นี่คือว่าที่นายกฯ ที่พี่น้องสบายใจได้ ว่าพร้อมและไม่มีห้วงเวลาไหน ไม่คิดถึงพี่น้องประชาชน อยากฝากพี่น้องประชาชนเป็นกระบอกเสียงให้พรรคพลังประชารัฐ ไปฝากญาติพี่น้อง ในวันที่ 14 พฤษภาคม ขอให้ไตร่ตรองให้ดี ลุงป้อมได้ประกาศสงครามกับความยากจน และก้าวข้ามความขัดแย้ง
ด้านนายวราเทพ วราเทพ กล่าวย้ำถึงนโยบาย มีเราไม่มีแล้ง มีน้ำไม่มีจน มีที่ทำกินไม่มีจน ซึ่งหากพี่น้องมีปัญหาเรื่องที่ดิน และเรื่องน้ำ ต้องเลือกพรรคพลังประชารัฐ ทุกพรรคการเมืองหาเสียง อยากจะแก้ไขปัญหาเรื่องเอกสารสิทธิ์ที่ดิน เรื่องสปก. พร้อมยืนยันว่า คนที่ทำได้แน่นอน คือพลเอกประวิตร เพราะมีประสบการณ์ ดังนั้น พิษณุโลก 5 เขต เราขอยกทีม ประกอบด้วยผู้สมัคร ทั้ง 5 เขตของจังหวัดพิษณุโลกนาย อดุลวิทย์ วิวัฒน์ธนาฒย์ หมายเลข 11 เขต 1 นาย ศิริชิน หาญพิทักษ์พงศ์ หมายเลข 4 เขต 2 นาย หัสนัยน์ สอนสิทธิ์ หมายเลข 7 เขต 3 นาย อัศวิน นิลเต่า หมายเลข 7 เขต 4 นาย เอกพงษ์ กุลเจริญ หมายเลข 1 เขต 5
อย่างไรก็ตามช่วงเย็นวันนี้พรรคพลังประชารัฐ จะปราศรัยใหญ่ ที่อำเภอพรหมพิราม เป็นเวทีที่ 3 โดยมีพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรค นำการปราศรัย ซึ่งถือเป็นโค้งสุดท้ายของเวทีการหาเสียงที่มีความเข้มข้น และคึกคัก
ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 8 พฤษภาคม 2566