“อุตตม” ชูนโยบาย พปชร.เพิ่มประกันชีวิตบัตรประชารัฐ วงเงิน 200,000 บาทต่อราย เดินหน้าตั้งกองทุนประชารัฐ ปลดภาระ สร้างรายได้ แก้หนี้ ให้ทุกคน
เมื่อเวลา 17.30 น.นายอุตตม สาวนายน ประธานจัดทำนโยบาย กล่าวว่า วันนี้มาเปิดเวที”พลังใหม่ พลังกรุงเทพ พลังประชารัฐ”ใหญ่นำโดยหัวหน้าพรรค พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ผู้ และ ว่าที่ผู้สมัครของพรรคมากันครบทุกเขต เพื่อแสดงเจตจำนงว่าจะมาทำงานด้วยความมุ่งมั่นเพื่อพี่น้องชาวกทม.และประเทศไทย โดยแสดงเจตจำนงว่า เราจะทำงานอย่างมุ่งมั่น เพื่อพี่น้องประชาชนชาวกรุงเทพและทุกจังหวัดของประเทศไทย กทม.ต้องเป็นหัวขบวน เพื่อเป็นศุนย์กลางของเกือบทุกกิจกรรม ถ้าให้นำไปเทียบกับนานาประเทศแล้ว ต้องบอกว่ากรุงเทพของเราไม่น้อยหน้าประเทศไหน
“ผมขอพูดถึงนโยบายเพื่อชาว กทม.อย่าง กรุงเทพ +5 คือพื้นที่ กทม.บวกกับ นครปฐม นนทบุรี ปทุมธานีสมุทรปราการ และฉะเชิงเทรา และ กรุงเทพฯต้องเป็นศูนย์กลางพัฒนา 360 องศา รวมถึงการกระจายความแออัดจาก กทม.ไปยังจังหวัดปริมณฑลที่มีของดีไม่ว่าจะเป็นสถานที่ท่องเที่ยว สถานที่ศักดิ์สิทธิ์ รวมถึงแหล่งอาหารขนาดใหญ่ ที่เตรียมรอให้เราไปพัฒนา ทั้งนี้ เราจะสร้างเศรษฐกิจย่าน กทม.10 ย่านนำร่องไม่ว่าจะเป็นเขตลาดพร้าว เขตประเวศ เพื่อยกระดับและพัฒนาศักยภาพของพื้นที่ โดยการดึงจุดเด่นของแต่ละพื้นที่ออกมา โดยมีการเชื่อมโยงการคมมนาคมที่สะดวกและรวดเร็ว เพื่อเป้าหมายในการเติมเต็มความสุขให้กับคนเมืองให้ได้”
นายอุตตม กล่าวต่อว่า พรรคพลังประชารัฐจะตั้งกองทุนประชารัฐ เพื่อปลดภาระ เพิ่มรายได้ และสร้างโอกาส แก้หนีัให้เบ็ดเสร็จ เติมทุนใหม่ แล้วเสริมทักษะ ในกรอบวงเงิน 300,000 ล้านบาท เพื่อนำมาแก้หนี้ให้เบ็ดเสร็จ โดยกองทุนจะมีการให้กู้ยืมเพื่อประกอบอาชีพยกตัวอย่างเช่น การกู้เงินจำนวน 50,000 บาท จะใช้เวลาผ่อน 7 ปี ซึ่งจะตกวันละ 24 บาท โดยดอกเบี้ยไม่เกินร้อยละ 5
นอกจากนี้ เราจะลงทุนพัฒนาในย่านเศรษฐกิจ และมีการจัดทุนตั้งต้นให้กับธุรกิจสตาร์ทอัพ รวมไปถึงการพัฒนาการค้าขายในรูปแบบแฟรนไชส์ พรรคพลังประชารัฐ ยังมีนโยบายดูแลค่าใช้จ่าย เช่นจะช่วยค่าใช้จ่ายตั้งแต่ตั้งครรภ์ถึงหกขวบ โดยกลุ่มคนนี้จะมีประมาณ 266,000 คน และยกเว้นภาษีบุคคลธรรมดาผู้มีรายได้ไม่เกิน 500,000 บาทต่อปีทุกอาชีพ รวมถึฝบ้านหลังแรกสามารถนำค่าผ่อนบ้านมาลดภาษีได้ 200,000 บาท ทั้งนี้ ในส่วนของบัตรประชารัฐ 700 บาทต่อเดือนที่ประชาชนคงจะทราบกันไปแล้ว แต่เราจะมีการเพิ่มการใช้บัตรให้ครอบคลุม เช่น ค่าน้ำ ค่าไฟฟ้า ค่าเดินทางสาธารณะ วินมอเตอร์ไซค์ แท็กซี่ และอื่นๆ เพื่อให้ความสะดวกสบายกับประชาชนมากขึ้น และเราจะมีการประกันชีวิตในวงเงิน 200,000 บาทต่อราย ฟรี
วันนี้ไทยอยู่ในจุดพลิกผัน เราต้องช่วยปรับเปลี่ยนประเทศ เพื่อเร่งแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าให้พี่น้อง และเร่งวางรากฐานการพัฒนาสู่อนาคตที่ยั่งยืนให้ลูกหลาน แต่จะทำเช่นนี้พปชร. เชื่อว่ากทม.ต้องเป็นหัวขบวนนำการเปลี่ยนแปลง พลิกฟื้นประเทศไทย และ โฉมประเทศไทย โดยให้กรุงเทพเป็นหัวขบวน ทำไมต้องกรุงเทพฯ เพราะเราเป็นจุดศูนย์กลางของกิจกรรมทั้งหลาย โดยเฉพาะในเชิงเศรษฐกิจ วัฒนธรรมและอื่นๆ มีการคมนาคมที่หลากหลาย เราเป็นเมืองที่เรียกว่ามหานคร มีประชากรรวมๆ 10 กว่าล้านคน เทียบกับทั่วโลกขนาดเราไม่น้อยหน้า แต่เรายังไม่ได้ใช้ของที่เรามีเต็มศักยภาพ
วันนี้ไทยอยู่ในจุดพลิกผัน เราต้องช่วยปรับเปลี่ยนประเทศ เพื่อเร่งแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าให้พี่น้อง และเร่งวางรากฐานการพัฒนาสู่อนาคตที่ยั่งยืนให้ลูกหลาน แต่จะทำเช่นนี้พปชร. เชื่อว่ากทม.ต้องเป็นหัวขบวนนำการเปลี่ยนแปลง พลิกฟื้นประเทศไทย และ โฉมประเทศไทย โดยให้กรุงเทพเป็นหัวขบวน ทำไมต้องกรุงเทพฯ เพราะเราเป็นจุดศูนย์กลางของกิจกรรมทั้งหลาย โดยเฉพาะในเชิงเศรษฐกิจ วัฒนธรรมและอื่นๆ มีการคมนาคมที่หลากหลาย เราเป็นเมืองที่เรียกว่ามหานคร มีประชากรรวมๆ 10 กว่าล้านคน เทียบกับทั่วโลกขนาดเราไม่น้อยหน้า แต่เรายังไม่ได้ใช้ของที่เรามีเต็มศักยภาพ
วันนี้พรรคขอนำเสนอ เรื่องแรก คือ กรุงเทพ+5 (นครปฐม นนทบุรี ปทุมธานี สมุทรปราการ และ ฉะเชิงเทรา) สู่มหานครแห่งเอเชีย นั่นคือการพัฒนาอย่างยึดโยง มีศูนย์กลางที่กรุงเทพ แล้วบวกกับปริมณฑล นำศักยภาพแต่ละแห่งมาเสริมกันให้เต็ม เริ่มจากรุงเทพที่มีของดีล้นเหลือ เราจะพัฒนาพื้นที่แต่ละย่าน โดยยึดถืออัตลักษณ์ของแต่ละย่าน ส่งเสริมให้เกิดการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของไทย และ ระดับเอเชีย เป็นมหานครที่คนต่างประเทศอยากเข้ามาค้าขายลงทุน
จากนั้นเรายึดโยงกับปริมณฑลรอบๆ เช่น นครปฐม มีจุดเด่นที่มหิดล ศาลายา ที่มีความก้าวหน้าระดับโลก เราทำให้พื้นที่ย่านนั้นให้เป็นเมืองแห่งนวัตกรรมด้านของเทคโนโลยีอาหาร ชีวภาพ แม้โรบอติก ที่มหิดลถนัด ขณะที่สมุทรปราการ ฉะเชิงเทรา เป็นพื้นที่ค้าขาย ลงทุน เราก็ต่อยอดอุตสาหกรรมใหม่ รถไฟฟ้า อีคอมเมิร์สเกิดได้เลย ส่วน ปทุมธานี นนทบุรี อากาศดี ทำเป็นเมืองที่อยู่อาศัยชั้นนำ นี่เป็นเพียงตัวอย่าง เราสามารถคิดพัฒนาเชื่อมโยง กระจายความแออัดจากรกรุงเทพออกไป สุดท้ายเติมความสุขให้คนเมือง ทำแล้วต้องมีความสุข เราจะทำยังไง พูดแล้วเหมือนฝัน ยืนยันว่าพปชร.ทำได้จริง
ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 18 มีนาคม 2566