โลกเปลี่ยน ไทยต้องปรับ ทางเลือกใหม่ของการเมืองไทย ก้าวข้ามความขัดแย้ง สานพลังประชาราษฎร์ ร่วมสร้างชาติให้ยั่งยืน

“พล.ต.ท.ปิยะ” เผยมติ พปชร.ร่าง พรบ.ศูนย์กลางการประกอบธุรกิจทางการเงิน ทุกวิถีทาง ฉะ โครงการแจกเงิน 10,000 สุดล้มเหลว หวังแค่ได้คะแนนเสียง

“พล.ต.ท.ปิยะ” เผยมติ พปชร.ร่าง พรบ.ศูนย์กลางการประกอบธุรกิจทางการเงิน ทุกวิถีทาง ฉะ โครงการแจกเงิน 10,000 สุดล้มเหลว หวังแค่ได้คะแนนเสียง

เมื่อวันที่ 25 ก.พ.เวลา 14.20 น.ที่พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) พล.ต.ท.ปิยะ ต๊ะวิชัย โฆษกพรรคพลังประชารัฐ แถลงภายหลังการประชุมคณะกรรมการบริหารพรรค และคณะทำงานนโยบายและยุทธศาสตร์พรรคที่มีพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรค เป็นประธานในที่ประชุมว่า ที่ประชุมได้พิจารณาถึงร่าง พ.ร.บ. ศูนย์กลางการประกอบธุรกิจทางการเงิน พ.ศ.ที่รัฐบาลจะเสนอให้สภาผู้แทนราษฎรพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง เนื่องจากการประชุมเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว พล.อ.ประวิตร ติดภารกิจต่างประเทศ จึงไม่ได้เข้าร่วมประชุม

วันนี้พล.อ.ประวิตรและกรรมการบริหารพรรคพลังประชารัฐ มีมติชัดเจนว่า เราจะคัดค้านร่างกฎหมายดังกล่าวทุกวิถีทาง เพราะในอนาคตจะกระทบต่อการบริหารจัดการด้านการเงินเป็นอย่างมาก เพราะจะไปจำกัดอำนาจตามมาตรา 26 ของธนาคารแห่งประเทศไทยของผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทยและเป็นการให้อำนาจคนกลาง ซึ่งจะถูกแต่งตั้งโดยนายกรัฐมนตรี ตลอดจนเสถียรภาพทางการเมืองก็จะถูกบั่นทอนโดยคณะกรรมการศูนย์กลางการประกอบธุรกิจทางการเงินที่จะนำเสนอนี้ “พล.ต.ท.ปิยะ กล่าว

พล.ต.ท.ปิยะ กล่าวต่อว่า ในที่ประชุมได้มีการรายงานผลการวิเคราะห์นโยบายแจกเงินสด 10,000 บาทของรัฐบาล น.ส.แพทองธาร ชินวัตร วงเงิน 1.88 ล้านบาท ในโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยมีการคาดหวังว่าจะทำให้จีดีพีของประเทศขึ้นไม่ต่ำกว่า 0.35% แต่การแจกเงินดังกล่าวไม่เป็นผลสำเร็จ จีดีพีสูงขึ้นเพียง 0.1% เท่านั้น จึงถือว่าโครงการนี้ประสบความล้มเหลว

“รัฐบาลไปกู้เงินมา เพื่อนำมาแจกประชาชน หวังที่จะสร้างคะแนนเสียง ซึ่งไม่มีรัฐบาลไหนที่ทำเช่นนี้ เพราะสถานการณ์การเงินของประเทศ ณ ปัจจุบันไม่สามารถเก็บรายได้ให้เพียงพอต่อรายจ่าย แต่รัฐบาลยังไม่ใส่ใจ ตัดสินใจกู้เงินมาทำโครงการประชานิยมเช่นนี้อีก  ทำให้ประชาชนกว่า 60 ล้านคนต้องแบกภาระหนี้สิ้นที่รัฐบาล ก่อขึ้นโดยไม่เกิดประโยชน์ในภาพรวมของประเทศแต่อย่างใด” พล.ต.ท.ปิยะ กล่าว

ที่มา ทีมประชาสัมพันธ์
วันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2568

" ,