“ธีระชัย” ซัด นโยบายเรือธงแจกเงิน 10,000 ล้มเหลวกระตุ้นไม่ถึงเป้า GDP แทบไม่ขยับ ชี้ ประชาชนเอาไปโปะหนี้ เก็บออม แทนการจับจ่าย เสียโอกาสใช้งบเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน
เมื่อวันที่ 25 ก.พ.เวลา 14.10 น.ที่พรรคพลังประชารัฐ นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ในฐานะประธานร่วมศูนย์นโยบายและวิชาการ พรรคพลังประชารัฐ แถลงข่าวถึงนโยบายแจกเงินสด 10,000 บาทของรัฐบาลแพรทองธาร ว่าเป็น “โครงการไม่ตอบโจทย์กระตุ้นเศรษฐกิจ” ใช้งบประมาณมหาศาล 1.85 แสนล้านบาท แต่เศรษฐกิจกลับ “ไม่ขยับ” พลาดเป้าหมาย หวั่นภาครัฐทุ่มงบไปเปล่าประโยชน์ ขณะที่ ประชาชนยังเผชิญปัญหาค่าครองชีพสูง-รายได้ต่ำ
นายธีระชัย ระบุว่า รัฐบาลหวังให้โครงการนี้กระตุ้น GDP โตเพิ่มขึ้น 0.35% แต่ผลที่เกิดขึ้นกลับ “น่าผิดหวัง” เศรษฐกิจไทยในไตรมาส 4/2567 โตเพียง 3.2% โตไม่ต่างจากไตรมาสก่อนหน้า (3.0%) เช่นเดียวกับการบริโภคเอกชนและการลงทุนรวมเกือบจะไม่โตเพิ่ม “แจกหนัก แต่ผลตอบแทนต่ำ ตัวคูณทางเศรษฐกิจต่ำเพียง 0.1-0.3 เท่า หมายความว่า รัฐบาลแจกเงินทั้ง สองเฟสรวม 185,552 ล้านบาท กลับสร้างการหมุนเวียนทางเศรษฐกิจไม่ถึง 60,000 ล้านบาท” นายธีระชัย กล่าวเพิ่มเติม
“ผลสำรวจจากสำนักสถิติแห่งชาติชี้ว่า ประชาชนกว่า 12.8% นำเงินที่ได้ไปใช้หนี้ และอีก 11.4% เก็บออม ขณะที่เงินที่เหลือถูกใช้จ่ายเพียงแค่ของจำเป็นในชีวิตประจำวัน เช่น อาหาร ค่าน้ำและค่าไฟฟ้า ซึ่งเป็นรายจ่ายที่ประชาชนต้องจ่ายอยู่แล้ว ทำให้ไม่เกิด “การบริโภคใหม่” ที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างแท้จริง นี่คือข้อผิดพลาดสำคัญ รัฐบาลหวังให้เงินไหลเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจ แต่ประชาชนนำไปโปะหนี้ เพราะรากเหง้าของปัญหาเศรษฐกิจที่แท้จริงคือค่าครองชีพสูง-รายได้ไม่พอใช้-หนี้ครัวเรือนพุ่ง รัฐบาลมองข้ามจุดนี้ ทำให้เงินที่แจกไป ‘หายวับ’ ไม่ช่วยสร้างความแข็งแกร่งให้เศรษฐกิจ” นายธีระชัย กล่าว
นายธีระชัย ตั้งคำถามว่า ทำไมไม่ใช้งบมหาศาลนี้ไปกับโครงการที่ยกระดับศักยภาพประเทศ เช่น โครงการพัฒนาทักษะแรงงาน (Upskill/Reskill) หรือโครงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานที่จะสร้างงานและรายได้ระยะยาว มากกว่าการแจกเงินแล้วจบไป? หรือแม้กระทั่งใช้งบประมาณเพื่อแก้ไขปัญหาราคาข้าวเปลือกที่ตกต่ำในขณะนี้
นายธีระชัย ยังกล่าวถึงกรณีที่ 2 รัฐมนตรีช่วยกระทรวงการคลัง ที่ออกมาแถลงข่าวยืนยันจะแจกเฟสสาม แต่จะแจกเป็นเงินดิจิทัล น่าสงสัยว่าเป็นแผนการเพื่อปลอบใจคนที่รอ 16 ล้านคนหรือเปล่า เพราะไม่แจ้งให้ประชาชนทราบว่ากระทรวงคลังได้หารือกับ ธปท. เพื่อแก้ปัญหาตามกฎหมายว่าด้วยเงินตราและกฎหมายว่าด้วยระบบ การชำระเงินเรียบร้อยแล้วหรือยัง ถ้าไม่ยอมหารือ ก็อาจจะเป็นเพียงสร้างความหวังแก่คน 16 ล้านคนให้รอไปก่อน
ที่มา ทีมประชาสัมพันธ์
วันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2568